ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 ยุ่งเหยิงดีชะมัด (โดย เจบี) รีไรท์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.96K
      73
      10 พ.ค. 61

     

    ตอนที่ 6

    ยุ่งเหยิงดีชะมัด โดย เจบี  


    “สรุปว่าซองนี้ส่งให้มิสเตอร์บัตเลอร์ ส่วนซองนี้มิสเตอร์คาวาซากิ ใช่ไหมฮยอง” ผมซูซองจดหมายสีน้ำตาลสองซองในมือ ตอนนี้กำลังคุยกับแทคยอนฮยองอยู่ในห้องสำนักงาน

    “ใช่ๆ นายไปส่งให้ฉันตอนนี้เลยได้ไหม ฉันต้องรีบไปบริษัทก่อนตาแก่นั่นจะมาแพ่นกบาลถึงนี่” แทคยอนฮยองตอบ มือกวาดกองเอกสารบนโต๊ะอย่างรีบร้อน

    “ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมไปส่งให้เลย เออ แล้วเสาร์หน้าฮยองจะให้ผมไปรับคุณฮยองให้ด้วยหรือเปล่า”

    “เดี๋ยวฉันไปรับหมอนั่นเอง ว่าแต่นายอยากไปด้วยปะล่ะ”

    “อืม” ผมนิ่งคิด “เดี๋ยวไปถามแจ็คสันมันก่อนว่าอยากไปด้วยไหม”

    “เหอะ ไปถามไอ้บ้านั่น ร้อยทั้งร้อยมันก็ต้องอยากไปอยู่ละ เออๆ ไว้ค่อยคุยกัน ฉันไปก่อน” แทคยอนฮยองยกมือลาแล้วพรวดพราดออกไป

    ผมก้มลงเก็บกระดาษบนพื้นขึ้นมาวางเรียงบนโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาบ้าง ก็เพราะติสท์แตกปลีกวิเวกมาอยู่บ้านเก่าของยายคนเดียวแบบนี้แหละ เวลาที่บ้านเรียกให้เข้าบริษัททีถึงได้ต้องวิ่งล่กๆ หัวหกก้นขวิดทุกที

    “เจบีฮยอง เจอพอดีเลย” เจ้าตัวเล็กประจำหอวิ่งมาหาทันทีที่เห็นผม

    “ว่าไงแบมแบม”

    “ไปดูไฟให้หน่อยดิ มันไม่ติด ผมซื้อหลอดมาเปลี่ยนแล้วมันก็ยังเปิดไม่ติดอะ” แบมแบมพูดหน้ามุ่ย

    “นายเปลี่ยนไม่ถูกวิธีหรือเปล่า”

    “ถูกสิ แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงไม่ติด”

    “เดี๋ยวฉันต้องรีบไปส่งเอกสารให้แทคยอนฮยอง คนอื่นไม่อยู่เหรอ ยูคยอมกับมาร์คฮยองล่ะ”

    “ยูคยอมกลับบ้าน ส่วนมาร์คฮยองอยู่ในห้องมั้ง ผมไม่รู้” เจ้าตัวพูดหน้าเจื่อนๆ เป็นที่รู้กันว่ามาร์คฮยองไม่ค่อยชอบให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับห้องตัวเอง

    “ไปหาแจ็คสันมันแล้วกัน ถ้าไม่ได้ไงเดี๋ยวฉันกลับมาดูให้ ต้องรีบไปส่งพวกนี้ก่อน”

    “ก็ได้”

    “เค งั้นไปก่อนละ” ยกมือขยี้หัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าตัวพยักหน้าตอบตกลงก็เดินไปเข็นจักรยานของตัวเองออกมา

    “เจบีฮยองจะไปไหนอะ” หันไปตามเสียงเรียกอีกรอบ วันนี้ป๊อบจริงวุ้ย ไม่ได้ไปสักที

    “ไปไปรษณีย์ มีไรยองแจ” หันไปถามไอ้ตี๋น้อยที่วิ่งสะพายกระเป๋าผ้ามาหา

    “ไปด้วยดิ” เจ้าตัวพูด โดยไม่รอคำตอบ ขาก็ก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเรียบร้อย

    “หะ”

    “ผมจะไปซื้อกับข้าวพอดี ไปด้วยนะ” ยองแจยิ้มกว้างให้ เห็นรอยยิ้มแป้นแล้นแบบนั้นก็ใจแข็งไหว สุดท้ายเลยปั่นปุเลงๆ ด้วยกันไปแบบนั้นเอง

     “ฮยองมีแฟนยังอะ”

    “หา!” คำถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผมตกใจจนเกือบเลี้ยวจักรยานชนรั้วบ้านคนอื่น

    “ผมถามว่าฮยองมีแฟนหรือยัง” คนเกือบจักรยานคว่ำไปด้วยกันถามย้ำ

    “เคยมี” ผมตอบสั้นๆ

    “งั้นแปลว่าตอนนี้ไม่มี”

    “ก็ทำนองนั้น ทำไม นายจะแนะนำใครให้ฉันหรือไง”

    “แล้วฮยองชอบคนแบบไหนล่ะ”

    “ไม่รู้สิ ไม่มีสเปคตายตัว”

    “มันก็ต้องมีบ้างล่ะน่า”

    “อืม คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมั้ง”

    “แค่นั้นเหรอ”

    “แค่นั้นก็พอแล้ว เอ้า ถึงไปรษณีย์แล้ว นายจะไปด้วยกันไหม” ผมจอดจักรยาน หันมาถาม

    “ไป แล้วเดี๋ยวฮยองไปซื้อกับข้าวกับผมนะ ตอบแทนที่ผมมาเป็นเพื่อนฮยอง”

    “เห้ย ฉันไม่ได้ขอให้นายมาเป็นเพื่อนสักหน่อย”

    “แต่ผมก็มาแล้วนี่ ใช่ไหมล่ะ” ว่าแล้วไอ้ตัวแสบก็ยิ้มตาหยีให้

    ผมได้แต่ส่ายหน้าหัวเราะ นายนี่มันจริงๆ เลย

     

    หลังจากกลับจากซูเปอร์มาร์เก็ต ผมเดินตามยองแจไปที่ห้องด้วย เพราะไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนอื่นๆ จะไปรวมกันอยู่ที่ไหน

    “เรื่องไฟเป็นไงแบมแบม” หิ้วของเข้าไปวางก็ถามคนมีปัญหาไปด้วย

    “แจ็คสันฮยองทำให้แล้วฮะ” เจ้าตัวเล็กที่กำลังนอนกินขนมอยู่บนโซฟาผงกหัวขึ้นมาตอบ

    “แล้วนี่มันไปไหน”

    “เห็นเดินเข้าห้องไปเมื่อกี๊ เห้ย มาร์คฮยอง นี่ของผม” แบมแบมลุกพรวด มือตามไปจะคว้าถุงขนมบนโต๊ะที่คนผมแดงหยิบไป

    “ไม่เห็นมีป้ายชื่อติดไว้” มาร์คฮยองตอบแล้วเปิดกินหน้าตาเฉย

    “จูเนียร์ฮยอง มาร์คฮยองเขา...” เด็กปอยชมพูหันมาฟ้องพี่ชายอีกคนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ชี้ไม้ชี้มือหาพี่ชายคนโตที่นั่งเคี้ยวไม่ทุกข์ไม่ร้อน แกล้งเด็กอีกแล้วพวกนี้

    “อย่างกไปหน่อยเลยน่า ในมือนั่นยังกินไม่หมดเลยไม่ใช่เหรอ” จินยองตอบ

    “เจบีฮยอง หั่นอันนี้ให้ผมหน่อยดิ” ผมละสายตาจากสามหน่อตรงห้องนั่งเล่นมาหายองแจที่ตอนนี้ใส่ผ้ากันเปื้อนเข้าครัวเรียบร้อย รู้หน้าที่จริงๆ

    เดินตามไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ช่วยหั่นผัก ระหว่างหั่นกลับรู้สึกเหมือนมีสายตาใครบางคนมองมาจากด้านหลัง แต่พอหันไปก็ไม่เห็นว่ามีใคร หรือห้องนี้มันจะมีพลังงานบางอย่างวะ

    “พวกนายๆๆ มีไรจะให้ดูว่ะ ตอนฉันกำลังเก็บตู้เสื้อผ้าเจอของดีด้วยล่ะ” แจ็คสันเดินอาดๆ ออกมาจากห้องพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ในมือกำอะไรบางอย่างอยู่

    “ซากหนูตายเหรอ” ยองแจถามสวนไปทันที

    “ไม่ใช่โว้ย มานี่ๆ ทั้งยองแจทั้งเจบีเลย มีไรจะให้ดู” ไอ้ตัวเกรียนเดินไปยืนกลางห้องนั่งเล่น

    “ถ้ามันไม่น่าสนใจเท่าที่นายแอคติ้ง ฉันเตะนายแน่” ผมเดินไปกอดอกยืนรอ

    “หึ ฉันว่านายนั่นแหละที่ต้องตกใจกว่าเพื่อน” มันหันมาทำหน้าท้าทายใส่ ในขณะที่ผมหรี่ตามอง

    “นายเจอกางเกงในเจบีในตู้เสื้อผ้าหรือไง”

    “พรูด” จินยองที่เพิ่งยกน้ำดื่ม พ่นพรวดออกมาแทบจะทันทีที่มาร์คฮยองพูด

    “อื้อหือ ฮยอง เต็มหน้าผมเลย” แบมแบมที่บังเอิญโน้มตัวมาหยิบขนมพอดีกัดฟันพูด

    “โทษที แค่กๆ เอานี่กระดาษ เช็ดซะๆ แค่กๆ โอย”

    “ย่าห์ กางเกงในฉันทำนายตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอจินยอง” ผมก้มไปสะกิดไหล่คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำบนโต๊ะ แล้วก็ถูกสายตาดุๆ ตวัดมาใส่ หน้าแดงๆ นั่นฮาดีจริงๆ

    “ตกลงว่าฮยองเจอกางเกงในเจบีฮยองในตู้เหรอ” ยองแจกอดอกถามบ้าง สรุปเรียบร้อยแล้วสินะว่าเป็นกางเกงในผม

    “จะบ้าเรอะฉันเจอนี่ต่างหากโว้ย” ว่าแล้วแจ็คสันก็โชว์รูปถ่ายใบเล็กในมือให้ดู

    “ใครอะ” ทุกคนพากันยื่นหน้าไปดูใกล้ๆ

    “เห้ย!” แล้วก็เป็นผมที่ร้องตาโต จะคว้ารูปมาแต่ไอ้แจ็คสันตัวแสบยกหนี

    “ฮี่ๆๆ” เอ็งเป็นญาติกับม้าเหรอ

    “โฮ่ๆๆ” ผมเหล่มองแบมแบม เห็นหน้าใสๆ ใครว่ามันไม่กวนตีน

    “ฮื่อๆๆ” ไม่รู้จะทำเสียงอะไรก็อย่าทำขึ้นมามั่วๆ สิวะ มาร์คฮยอง

    “ฮึ่มๆๆ” แล้วนายรู้เรื่องกับเขาหรือไง ยองแจ!

    “เอามา” ผมแบมือ พูดเสียงเรียบ

    “อะไรๆ ยังอยากได้อยู่เหรอ แค่แฟนเก่าไม่ใช่เหรอ” แจ็คสันลอยหน้าลอยตา พาให้เท้ากระตุก

    “แล้วนายจะเก็บไว้ทำไมวะ” ผมถามกลับ ใช่ มันก็แค่รูปถ่ายของผมกับแฟนเก่า แถมยังผ่านมาสองปีกว่าแล้วด้วย

    “ฉันไม่ได้ตั้งใจเก็บ จำได้ไหมตอนที่ฉันไปเล่นห้องนายแล้วเจอนี่ในกล่องบนชั้นหนังสือนายอะ ฉันแกล้งขโมยมาแล้วดันลืมน่ะสิ” แจ็คสันอธิบาย รูปในมือโดนยองแจดึงไปดูเรียบร้อย

    “ฮยองชอบแบบนี้เหรอ” ไอ้ตี๋เกรียนพึมพำ

    “เอามา ยองแจ”

    “น่ารักดีนี่” มันเบ้ปากนิดๆ แล้วส่งให้แบมแบมที่อ้อมมาหา

    “ว่าแต่ทำไมฮยองถึงเลิกกันนะตอนนั้น ชื่ออะไรนะ ยองฮี เยฮุน ยุนเฮ” แบมแบมขมวดคิ้ว พยายามนึก

    “พอๆๆ จะชื่ออะไรก็ช่าง เอามานี่เลย” ผมคว้ารูปมาจากมือแบมแบมมาจนได้

    “หืม ทำไมต้องอยากได้คืนขนาดนั้น สำคัญเหรอ” มาร์คฮยองที่กลับไปนั่งที่แล้ว กอดอกพูดเสียงต่ำ ยิ้มล้อเลียน

    “ก็เพราะมันไม่ได้สำคัญอะไรน่ะสิ ถึงไม่อยากโดนล้อ” ผมเก็บรูปใส่กระเป๋ากางเกง “ไม่เห็นมีไรน่าสนใจ” หันไปพูดกับไอ้มันดู2ตัวดีซึ่งมันก็แค่ยักไหล่กวนๆ กลับมา

    “ยุนเฮ ใช่ไหมนะ หรืออะไรนะ มาร์คฮยองจำได้ไหม”

    “พอแล้วไอ้เปี๊ยกนี่!” ยกมือขึ้นผลักหัวคนตัวเล็กที่ยังคงพยายามนึกชื่อสาวในรูปไม่หยุด ตีหน้าดุใส่พวกนั้นแล้วเดินตามยองแจเข้าครัว ก่อนไปเหลือบมองจินยองแป๊บหนึ่ง หมอนั่นยังคงนั่งถูโต๊ะอยู่ประหนึ่งจะหาเลขเด็ดให้เจอ

     

     “จินยอง ห้องน้ำเสร็จแล้วนะ” ผมเดินเช็ดหัวออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ พอเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากเจ้าของชื่อก็เดินไปเปิดประตูห้องนอนดู “ห้องน้ำว่างแล้ว”

    พรึบ จินยองรีบปิดหนังสือวางบนโต๊ะ หันหน้าเหวอๆ มาหาผมที่เลิกคิ้วเชิงถาม

    “อ่า เสร็จแล้วเหรอ งั้นฉันไปอาบบ้างแล้วกัน” พูดตะกุกตะกักเล็กน้อยแล้วก็เดินเก้ๆ กังๆ ผ่านไป

    ผมขมวดคิ้วมองตามร่างเพรียวบาง นายผอมไปหรือเปล่าช่วงนี้ ไม่ใช่สิ หันกลับมาในห้องก่อนจะเดินมาที่โต๊ะซึ่งจินยองวางหนังสือทิ้งไว้ นี่มันเล่มที่ยืมผมมานี่ พอหยิบมาเปิดดูรูปใบหนึ่งก็ร่วงลงมา

    คนสองคนในรูปทำผมตกใจ รูปผมกับแฟนเก่าเหมือนที่แจ็คสันมันเอามาแกล้งวันนี้เลย ผมหยิบขึ้นมาดู ทำไมมาอยู่นี่  ไม่สิ ทำไมถึงมีอีกใบอยู่นี่ คิดแล้วก็ลุกขึ้นกลับห้องตัวเอง หยิบรูปอีกใบจากกระเป๋ากางเกงที่ใส่ตอนไปห้องแจ็คสันออกมาเทียบดู เหมือนเป๊ะ

    ทำไมจินยองถึงมีรูปนี้ด้วย ผมนิ่งคิด ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมหมอนั่นมีรูปผมกับแฟนเก่า ไปเอามาจากไหนในเมื่อผมไม่เคยให้ แล้วที่สำคัญทำไมถึงยังเก็บไว้จนถึงทุกวันนี้

    นึกย้อนกลับไปตอนที่ผมกับแฟนเก่าเลิกกัน ตอนนั้นหอพักเมี้ยวๆ เกิดเรื่อง บรรยากาศค่อนข้างอึดอัดและอึมครึม ผมเพิ่งกลับมาจากไปเที่ยวกับแฟน มาถึงก็เจอจินยองกับมาร์คฮยองเมาน็อคเป็นซากอยู่ตรงโต๊ะไม้ตัวยาว สองคนนั้นแฮงค์ไปสองวัน ได้แต่นอนอยู่ห้องผมไปไหนไม่รอด

    ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โทรหาแทคยอนฮยองก็บอกว่ามาร์คฮยองกับแบมแบมมีปัญหานิดหน่อย แทคยอนฮยองกับคุณฮยองอยู่ข้างนอกกับแบมแบม ยังไม่สะดวกจะคุยตอนนี้ ผมเลยไม่ได้ถามอะไรอีก ดูแลเจ้าสองซากไป แต่พอดีขึ้นมาร์คฮยองก็หนีกลับห้องไปโดยไม่ปริปากพูด แถมขังตัวเองอยู่แต่ในนั้นไม่ยอมออกมา จินยองเองก็ดูแปลกๆ เพราะนอกจากจะไม่เล่าอะไรแล้วยังเหมือนพยายามไม่มองหน้าผม

    แบมแบมกับพวกฮยองกลับมาหลังจากนั้นสองวัน แทคยอนฮยองต้องกลับบ้านเรื่องงาน แบมแบมไปอยู่กับคุณฮยอง มาร์คฮยองยังขังตัวเองอยู่ในห้อง ส่วนจินยองก็ไม่พูดอะไร มันอึดอัดจนในที่สุดผมทนไม่ไหว

    “ย่าห์พัคจินยอง!” ผมจับแขนรูมเมทกระชากดึงเข้าหาตัวในเย็นวันหนึ่ง “เมื่อไรนายจะเล่าให้ฉันฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น!

    “มันเจ็บนะ” จินยองหน้าเหยเก พยายามแกะมือผมที่บีบแขนแน่นออกแต่ไม่สำเร็จ

    “ฉันรอนายมานานเกินไปแล้ว มีอะไรที่บอกฉันไม่ได้หรือไง!” ผมถามเสียงดัง

    “เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น”

    “แล้วทำไมนายเอาแต่เงียบ เอาแต่หลบหน้าฉัน!

    “อย่าตะคอกได้ไหมเล่า!” จินยองตะโกนกลับ แต่ก็ยังไม่ยอมสบตา

    “จินยอง พัคจินยองมองหน้าฉัน!” ผมยังไม่ลดระดับเสียงลง ทั้งยังใช้มืออีกข้างจับคางอีกฝ่ายบังคับให้หันมาหาตัวเอง ผมไม่ชอบแบบนี้ จินยองที่เอาแต่หลบหน้าหลบตาทำผมหงุดหงิด

    คนถูกบังคับมองมาอย่างเสียไม่ได้ “นายมันใจร้าย แจบอม”

    “นายก็บอกมาสักทีสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

    “ก็ได้ๆ ฉันจะเล่าให้ฟัง ปล่อยฉันสักที มันเจ็บ”

    เพื่อนสนิทถอนหายใจตอนผมปล่อยมือแล้วเดินนำไปที่โซฟา ผมเดินตาม นึกเสียใจอยู่เหมือนกันตอนที่เห็นแขนขาวๆ เป็นรอยแดงจากแรงบีบของตัวเอง เรื่องราวของมาร์คฮยองกับแบมแบมตอนที่ผมไม่อยู่ถูกเล่ามาแบบคร่าวๆ เพราะจินยองเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากมายเท่าไร แต่นั่นก็เพียงพอให้ผมนั่งนิ่งอึ้งไปพักใหญ่เมื่อฟังจบ

    “มันไม่ใช่เรื่องน่าเอามาเล่าใช่ไหมล่ะ” รูมเมทพูดพลางถอนหายใจ มือยังคงลูบรอยแดงบนแขนตัวเอง

    “โทษที นายเจ็บมากไหม” ผมถาม ตามองรอยช้ำพวกนั้น

    “ทำอย่างกับจะฆ่าฉันให้ตาย”

    “ก็ฉันหงุดหงิดนี่ แล้วทำไมนายต้องไปเมาเละเทะกับมาร์คฮยองด้วย ไปเกี่ยวอะไรกับเขา” ผมถาม มาร์คฮยองเมาผมไม่แปลกใจ แบมแบมหนีออกจากหอไปผมไม่แปลกใจ แต่จินยองที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์นี้ไปเมาหัวทิ่มแบบนั้นผมไม่เข้าใจ

    “อ่า” คนถูกถามอึกอัก “ก็แบบตอนแรกฉันตั้งใจจะไปดูมาร์คฮยองเฉยๆ แล้วมันก็อีท่าไหนไม่รู้กินไปกินมาเลยเป็นแบบนั้น”

    เสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น ผมหยิบมาดูแล้วกดตัดสาย

    “ทำไมไม่รับล่ะ” จินยองถาม

    “ฉันไม่ว่างคุย” ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

    “นั่นแฟนนายไม่ใช่เหรอ”

    “อือ แต่ฉันคุยกับนายอยู่”

    “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเธอโกรธเอา ยังไงแฟนก็สำคัญนะ”

    “ตอนนี้นายสำคัญกว่า” ผมพูดจริงจัง

    จินยองชะงัก หลบตาสายตา

    “คงต้องใช้เวลา ตอนนี้มาร์คฮยองคงอยากอยู่คนเดียว แบมแบมเองก็มีคุณฮยองดูแลอยู่ อีกสักพักฉันค่อยไปคุยกับพวกนั้นแล้วกัน ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกัน” ผมพูด พยายามใช้ความคิดหาทางออกกับเรื่องนี้

    “กลัวว่ามาร์คฮยองจะย้ายออกน่ะสิ” จินยองว่า

    “ไม่หรอก ไว้นายกับฉันค่อยไปคุยกับมาร์คฮยองไง”

    แล้วอีกสองวันต่อมาผมก็ถูกแฟนบอกเลิก น่าแปลกที่ผมไม่ได้เสียใจอะไรมากนัก อาจเพราะมัวยุ่งกับเรื่องวุ่นวายในหอจนไม่มีเวลาให้มานั่งเศร้าเสียใจ แต่ก็นั่นแหละ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้คบใครจริงจังอีกเลย

    ผมยกรูปสองใบในมือที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกในปัจจุบันขึ้นดูก่อนจะทิ้งลงถังขยะทั้งคู่ มันไม่ได้สำคัญอะไรกับผม ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเก็บไว้ เช้าวันต่อมาจินยองไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับรูป ผมเองก็ไม่คิดจะพูดขึ้นมาเหมือนกัน

     

     “ไหงกลายเป็นไปหมดทุกคนงี้วะ” แทคยอนฮยองยืนเท้าเอวมองพวกผม 7 คนที่ยืนเรียงแถวกันเรียบร้อยหน้าหอ

    “คุณฮยองกลับมาทั้งคน ฮยองจะให้พวกผมอยู่รอนี่ได้ไงอะ!” แจ็คสันพูดเสียงดัง

    “ฉันไม่ได้ขอความเห็นจากไอ้แฟนบอยอย่างแกเฟ้ย”

    “ชิ แฟนบอยแล้วไง หรืออยากให้ผมเป็นมากกว่าแฟนบอย”

    “ไอ้เด็กเวรนี่!” แทคยอนฮยองกระโดดถีบแจ็คสัน แต่มันก็หลบทัน

    “เอารถมาร์คฮยองไปด้วยอีกคันก็พอดี” จินยองเสนอ “ผมไปกับมาร์คฮยองนะ”

    “ผมก็ไปกับมาร์คฮยอง” ผมรีบยกมือ

    “ผมด้วย” ยองแจทำท่าจะวิ่งมาทางฝั่งพวกผม

    “นายไปกับแทคยอนฮยองเลยยองแจ ส่วนแบมแบมมากับเรา” จินยองดึงแขนแบมแบมพร้อมๆ กับชี้ให้ยองแจไปอยู่อีกฝั่ง

    “ให้ผมไปกับแทคยอนฮยองกับแจ็คสันฮยองเนี่ยนะ ไม่สงสารผมเหรอ” ไอ้ตี๋เกรียนทำหน้าสิ้นหวัง

    “หมายความว่าไงวะ” แจ็คสันหันไปถามหน้าตาหาเรื่อง แค่นั้นยองแจก็ไหล่ตกถอนหายใจเซ็งๆ

    “งั้นผมไปรถมาร์คฮยองด้วย” น้องเล็กตัวยักษ์รีบวิ่งมาฝั่งผม กอดแบมแบมจากด้านหลังอย่างเคยชิน

    หลังจากแบ่งกันลงตัวพวกเราก็แยกย้าย รถพวกผม มาร์คฮยองขับ ผมนั่งหน้า ยูคยอม แบมแบม แล้วก็จินยองนั่งเบาะหลัง

    “คุณฮยองจะซื้อขนมที่ผมฝากไปมาไหมนะ” ยูคยอมพึมพำ

    “กลับบ้านไปไม่ได้กินมาจนเต็มคราบแล้วหรือไงนายน่ะ” แบมแบมเหน็บ

    “ขนมจากเมืองไทยอร่อยนี่ บางอย่างก็ไม่มีที่เกาหลี”

    “แน่ๆ ก็เบนโตะที่คุณฮยองต้องหิ้วมา” ผมพูดยิ้มๆ มีสองคนที่ชอบกิน

    “เผ็ดจะตาย แบมฮยองกับมาร์คฮยองพากันกินเข้าไปได้ไงไม่รู้” ยูคยอมพูด ทำท่าขยาด

    “อร่อยดี” มาร์คฮยองตอบสั้นๆ

    “งั้นสิ ไม่งั้นจะยังชอบมาถึงทุกวันนี้เหรอ” จินยองพูดต่อ

    ผมเห็นมาร์คฮยองทำตาดุใส่ผ่านกระจก แต่หมอนั่นก็แค่ยิ้มกลับ

    หันไปมองนอกหน้าต่าง จินยองกับมาร์คฮยองสนิทกันมาตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น ที่มาร์คฮยองไม่ย้ายออกก็เพราะจินยองเป็นคนไปคุยด้วย พอเห็นท่าทีเหมือนมีความลับกันของสองคนนี้ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ อาจเพราะจินยองเป็นเพื่อนสนิทของผมมานาน ผมเลยหวงความสนิท ความสนิทแบบที่...เป็นของผม

    “แบมฮยอง ตอนผมไม่อยู่คิดถึงผมไหม” เริ่มอีกแล้ว ไอ้ลูกหมายักษ์

    “นายถามฉันเป็นรอบที่ร้อยแล้วนะ” แบมแบมตอบพลางดันหน้ายูคยอมออก

    “ก็ฮยองไม่ตอบผมแบบจริงๆ จังๆ”

    “ก็นายแค่กลับบ้านไปตอนเสาร์อาทิตย์ มันก็ปกติไม่ใช่หรือไง”

    “ตั้งสองวัน ผมคิดถึงฮยองจะตาย ฮยองไม่คิดถึงผมบ้างเหรอ~

    ผมชำเลืองมองในกระจก ลูกอ้อนแบบนั้นอีกแล้วแบมแบมเอ๊ย นึกขำที่เห็นหน้าแบมแบมเหมือนเริ่มรับมือไม่ถูก

    “อ่า ก็รู้สึกเบาหลังดีมั้ง ไม่มีใครมาคอยเกาะ”

    “โหฮยอง พูดอย่างกับผมเป็นตัวไรไม่รู้อะ” ยูคยอมทำเสียงงอน

     แบมแบมชำเลืองมอง “ก็...เหงาๆ บางที เงียบๆ ไปอยู่เหมือนกัน” แล้วก็ตอบอ้อมแอ้มๆ มา

    นั่นไงเสร็จไอ้ลูกหมายักษ์ไปจนได้ ผมละสายตาจากภาพในกระจกที่ยูคยอมทำท่าเหมือนจะรวบตัวแบมแบมมาฟัด ถ้าไม่ติดว่าถูกจินยองจับแยกออก จังหวะกำลังจะมองไปทางอื่นบังเอิญสบตาเข้ากับมาร์คฮยองพอดี คนทำหน้าที่ขับรถหน้าเหวอไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองถนนต่อ

    “พวกเราฝากชีวิตไว้กับฮยองนะ” ผมพูดขำๆ “ถ้าฮยองไม่มองทางนี่แย่นะ”

    “ฉันมองอยู่” เจ้าตัวตอบกลับมา มุมปากยิ้มนิดๆ

    ผมส่ายหน้า หันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ยุ่งเหยิงดีชะมัดสายสัมพันธ์ของคน ขณะกำลังคิดจู่ๆ ก็สังเกตเห็นเงาสะท้อนในกระจก เงาสะท้อนของคนที่นั่งหลังมาร์คฮยอง จินยองเพื่อนสนิทของผม หมอนั่นกำลังมองมา ผมจ้องเงาสะท้อนนั้นกลับ สักพักเจ้าของเงาก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนรู้ตัวว่าถูกเห็นแล้วเลยรีบสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

    พัคจินยอง นายนี่นะ

    ~ You are my playground playground playground ~

    หยิบมือถือขึ้นมากดรับ

    “ฮยองงง กว่าจะถึงสนามบิน ผมว่าผมต้องเป็นบ้าไปแน่ๆ!!!” เสียงโหยหวนดังลั่นจากปลายสาย มีเสียงโวยวาย ย่าห์ นายหมายความว่าไงวะแทรกมา

    “ยองแจอ่า อดทนหน่อยนะ” ผมตอบกลับขำๆ พอจะนึกภาพออกว่าในรถอีกคันเป็นยังไง

    “พวกฮยองหยุดเถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่องสักทีได้ไหมเนี่ยเจบีฮยอง หัวผมหมุนติ้วไปหมดแล้ว”

    “ฮ่าๆๆ พวกนั้นเถียงกันเรื่องอะไรล่ะ”

    “ก็เรื่องที่ว่าถ้าเกิดแมวทั้งโลกลายเป็นสีเขียวขึ้นมาจะทำยังไงน่ะสิ  อ๊ากกก แมวสีเขียวหลอนอยู่ในหัวผมไปหมดแล้วเนี่ย เถียงกันมาชาตินึงแล้ว แล้วจู่ๆ แจ็คสันฮยองก็โยงเอาเกี๊ยวมาเกี่ยวกับแมวเขียวได้ไงไม่รู้ โอ๊ย ผมต้องตายกลายเป็นซากเกี๊ยวสีเขียวก่อนถึงสนามบินแน่ๆ!

    “ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะก๊าก เด็กนี่มันฮาจริงๆ ผมว่าไม่มีใครรับมือแจ็คสันกับแทคยอนฮยองได้ดีเท่ายองแจอีกแล้ว

    “ฮยอง นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ!

    “ฮ่าๆๆ โทษทีๆ เอาไว้ถ้านายรอดชีวิตไปถึงสนามบินฉันจะเลี้ยงไอติมนายแล้วกัน ตกลงไหม”

    “สัญญาแล้วนะ”

    “สัญญาๆ”

    “โอเค ผมจะพยายามรักษาชีวิตไว้”

    “ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะปิดท้ายตอนยองแจกดวาง

    “มีไรเหรอฮยอง” แบมแบมยื่นหน้ามาถาม

    “ยองแจโทรมาโวยวายว่าเจออิทธิฤทธิ์แทคแจ็คน่ะสิ ฮ่าๆๆ”

    “อึ๋ย หลอนตายชักเลย” เจ้าเปี๊ยกทำหน้าสยอง

    “แต่หมอนั่นก็ท่าทางไหวอยู่นะ ฉันชอบหมอนั่นแฮะ ตลกดี” ผมพูดยิ้มๆ

    “ยองแจฮยองอะนะ”

    “อือ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ” ถึงจะปากจัด ชอบกัดคนโน้นคนนี้ ดูเกรียนๆ แต่ก็เป็นบุคลิกที่มีเสน่ห์ดี

    “ยองแจฮยองนิสัยดีนะ ทำกับข้าวอร่อย” แบมแบมพูดก่อนจะเอนตัวกลับไป

    “หือ อะไรฮยอง” ผมถาม เมื่อเห็นคนที่ทำหน้าที่ขับรถชำเลืองมอง

    “เปล่า” มาร์คฮยองปฏิเสธแล้วเบนสายตากลับไปมองทาง

        

    ------------------------------------------------------------------------------------TBC


    ยุ่งเหยิงดีชะมัด อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ของตัวเองก็ยุ่งเหยิงใช่ย่อยนาแจบอม

    ตอนหน้า....พี่มากจะมาเล่าแจ้งแถลงไข ผู้ชายอะไร หล่อแล้วยังปมเขื่องอีก ฮา

    2 มันดู แปลว่า เกี๊ยว


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×