ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 แจ็คสันที่เซ็กซี่และแข็งแกร่ง (โดย แจ็คสัน) รีไรท์

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 61


    ตอนที่ 3

    แจ็คสันที่เซ็กซี่และแข็งแกร่ง โดย แจ็คสัน


    “โย่ว โย่ว โอ เย้ It’s me, Jackson โย่ว”

    “โว้ยนายจะแรปแทรกขึ้นมาทำไมนักหนาวะแจ็คสัน ฉันให้นายมาช่วยอัดคลิปฉันเต้นคัฟเวอร์เพลงนะ” อ๊คแทคยอน เจ้าของหอพักเมี้ยวๆ ผู้ซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีมอซอกับกางเกงสีเขียวสว่างหันมาโวยวายใส่

    ผมลดกล้องในมือลง เดินไปนั่งโซฟาในห้องสำนักงานแล้วเงยหน้าขึ้นถาม “ฮยอง ถามจริงฮยองไม่อายบ้างเหรอวะ”

    “ก่อนนายจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนดีไหมวะว่าสะกดคำว่าอายเป็นไหม” แทคยอนฮยองแยกเขี้ยวใส่

    “ผมมีเรื่องอะไรต้องอาย” ถามกลับพร้อมทำปากบู้ แล้วโยกหัวไปมาตามจังหวะเพลงเกิร์ลกรุปที่กำลังเล่นอยู่

    “เอากระจกปาหัวแม่งดีไหมวะ อยากให้ส่องดูตอนนี้เลย” ท่านเจ้าของหอว่า

    “ก็ดีกว่าฮยองแล้วกัน พนันกับตุ๊กตาแมวเขียวที่ฮยองพยายามยัดเยียดให้พวกผมเอาไปตกแต่งห้องเลยว่า ถ้าฮยองเอาไอ้ซีดีเต้นนี่ให้คุณฮยองเป็นของขวัญต้อนรับการกลับมา คุณฮยองคงกระโดดถีบฮยองทันทีที่ได้เห็นอะ” ผมพูดจริงจัง ในฐานะที่รู้จักฮยองสองคนมานาน ไม่อยากเห็นฮยองวิ่งแหกปากรอบหอทันทีที่คุณฮยองกลับมาถึงหรอกนะ

    “ปากเสียจริงไอ้นี่ เอามานี่เลย ไม่ต้องถ่ายละ ไปไหนก็ไปไป๊” แทคยอนฮยองคว้ากล้องไปแล้วโบกมือไล่

    “อยากอยู่ตายล่ะ” ผมลุกขึ้นเอามือล้วงกระเป๋า แหงนหน้ากลับหลังแลบลิ้นใส่คนอายุมากกว่า กระโดดหลบลูกถีบทีหนึ่งก่อนจะเดินออกมา “อ่า น่าเบื่อชะมัด”

    ความจริงแล้วผมเพิ่งถูกสาวที่กำลังคุยๆ กันอยู่ตัดความสัมพันธ์ เธอให้เหตุผลว่าเพราะผมเอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ แล้วสนุกไปวันๆ มันไม่ดีตรงไหน ชีวิตออกจะแฮปปี้ไม่ใช่หรือไง สายตาเหลือบไปเห็นโรงรถที่ตอนนี้เหลือรถแทคยอนฮยองจอดอยู่คันเดียว ผมเบนสายตากลับมาที่ทางเดินแล้วไม่ได้สนใจอีก

    แกร๊ก เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างเซ็งๆ ไอ้คู่น้องเล็กสองคนนั่งเล่นโทรศัพท์มุ้งมิ้งกันอยู่ตรงพื้นหน้าทีวี เป็นธรรมดาของพวกมัน ไม่สิ เป็นธรรมดาของยูคยอม ถ้าไอ้เด็กนั่นล่ามโซ่แบมแบมไว้กับตัวได้ มันคงล่ามไปแล้ว

    “ยองแจ” ผมเปิดประตูห้องนอนรูมเมทที่อยู่ด้วยกันมาได้หนึ่งอาทิตย์ “หายไปไหนกันหมดวะวันนี้”

    ยองแจโผล่หน้าออกมาจากหนังสือการ์ตูนที่กำลังนอนอ่านอยู่ “ฮยองหมายถึงใครล่ะที่หาย” ถามกลับ

    “เจบี จูเนียร์ แล้วก็มาร์คฮยอง”

    “เจบีฮยองกับจูเนียร์ฮยองไปทำงานพิเศษ ส่วนมาร์คฮยองเห็นขับรถออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ถึงว่าในโรงรถเหลือแค่รถแทคยอนฮยอง

    มาร์คฮยองเป็นคนเดียวที่จอดรถไว้ที่หอนี้ ฐานะทางบ้านดีแบบสุดๆ จนไม่รู้ว่าจะมาอยู่หอเพื่ออะไร ตอนผมย้ายมาใหม่ๆ ตอนแรกก็กะจะไปแชร์อยู่กับมาร์คฮยองนั่นแหละ แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธแล้วบอกว่าไม่สะดวก ผมเลยต้องมาอยู่ห้องคู่ด้านล่างคนเดียว ดีที่แทคยอนฮยองใจดีให้ผมไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเต็มๆ ตอนนั้นผมเคืองไอ้ผมแดงขี้งกนั่นไปสามวันเลย

    พูดถึงคนผมแดงแล้วนึกได้ เพราะผมเข้ามาอยู่นี่เป็นคนที่ 6 ตอนมาแรกๆ เลยพยายามตีสนิทกับทุกคนเข้าไว้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกคนเล่นกับผมหมด ยกเว้นก็แต่มาร์คฮยองที่ทำตัวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่เหลือเกินทั้งๆ ที่อายุก็ห่างจากผมแค่ปีเดียว มาร์คฮยองจะคงคอนเซ็ปอบอุ่นพึ่งพาได้ พร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนหน้าเสมออย่างกับเครื่องหมายการค้า แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนไม่ได้สนิทกับมาร์คฮยองเท่ากับคนอื่นๆ เหมือนกับพอพยายามพุ่งเข้าหาหัวก็ชนกำแพง ไปไม่เคยถึงตัวตนจริงๆ เลย

    “อ๊า” ผมขยี้หัวตัวเอง ยุ่งยากวุ่นวาย ขี้เกียจจะสนใจละ “ยองแจ”

    คนถูกเรียกโผล่หน้ามาจากหนังสือการ์ตูนอีกรอบ

    “แล้วมาร์คฮยองไปไหนอะ” ผมถาม

    “ไม่รู้หรอก ผมไม่ใช่แม่มาร์คฮยองสักหน่อย” ยองแจตอบเสียงเรียบ หนึ่งอาทิตย์มานี้ทำให้ผมรู้ว่าชเวยองแจเป็นคนปากร้ายเหลือเชื่อ

    “นายไม่ได้ถามหรือไง”

    “หา ผมจะถามไปทำไมล่ะ” พูดแล้วก็กลับไปอยู่หลังการ์ตูนต่อ “อะไรอีกล่ะ” ยองแจลดหนังสือการ์ตูนในมือลงก่อนจะถาม เมื่อเห็นผมยังยืนเกาะประตูจ้องอยู่

    “นายมันทำตัวน่าเบื่อเกินไปละยองแจ”

    “ผมมีความสุขดีกับชีวิตน่าเบื่อ ให้ตายเหอะฮยอง ผมเป็นคนธรรมดานะ ปล่อยให้ผมใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปเถอะ” ว่าแล้วมันก็พลิกตัวหนีหันไปนอนตะแคงอ่าน

    คนธรรมดาเหรอ ผมมองรอบๆ ห้องนอนของไอ้คนที่บอกว่าตัวเองธรรมดา ภายในห้องเต็มไปด้วยของรูปทรงแปลกๆ อย่างไอ้แจกันทรงเรียวยาว ชั้นหนังสือแบบเกลียวๆ โคมไฟทรงเรียวๆ ขนาดโปสเตอร์เกิร์ลกรุปที่มันแปะบนกำแพงยังสูงเพรียวขาเรียวยาวกันทุกคน ไอ้คนที่คลั่งอะไรแบบนี้นี่นะธรรมดา สาบานให้ฟ้าผ่าหัวมาร์คฮยองเลยว่าใครก็ตามที่เปิดประตูห้องยองแจเข้ามาเป็นครั้งแรกก็ต้องชะงัก

    “ยองแจ จริงๆ แล้วนายโรคจิตนิดๆ หรือเปล่าวะ” ผมถาม สายตายังมองชั้นหนังสือทรงประหลาดอยู่

    “ถ้าผมโรคจิต พวกฮยองคงไปนั่งกินใบไม้อยู่โรงบาลบ้าแล้วล่ะ” ยองแจตอบกลับเรียบๆ

    “ไอ้เด็กเวรนี่ จะเอาใช่ไหม”

    ยองแจไม่ตอบ มันพลิกกลับมายกหนังสือการ์ตูนบังหน้าเป็นการตัดบทสนทนา กวนตีนไหมล่ะ


    ผมผละจากห้องสารพัดเรียวของยองแจ ไอ้น้องเล็กของหอสองคนมันก็ยังคงนั่งเล่นเกมโทรศัพท์มุ้งมิ้งๆ กันอยู่จนน่าหมั่นไส้ ยูคยอมเอ๊ย แกถือดียังไงมาครอบครองไอ้ตัวเปี๊ยกไว้คนเดียวฟะ ของอย่างนี้มันต้องแบ่งกันเล่นเด่ะ

    พอยูคยอมลุกขึ้นเดินไปหาของกินในครัว ผมเลยเดินไปข้างหลังแบมแบมทิ้งตัวลงบนพื้นแล้วสไลด์ตัวพุ่งเข้าไปกอดเอวท่าเดียวกับซูเปอร์แมนกำลังจะบิน

    “ชาร์ต!” ตะโกนเข้าชาร์ตจนร่างเล็กหัวเกือบทิ่มไปข้างหน้า

    “โอ๊ย ฮยอง อะไรเนี่ยผมเล่นเกมอยู่นะ เดี๋ยวตาย!” แบมแบมโวยวาย

    “แบมแบมอ่า ฮยองเบื่อจุงเบย” ผมลากเสียงพูดแอ๊บแบ๊ว เอาหัวถูหลังแบมแบมไปมา

    “ย่าห์แจ็คสันฮยอง!” ยูคยอมแหกปากวิ่งจากครัวมาด้วยความไวเหนือแสง เรดาร์จับสิ่งผิดปกติรอบตัวแบมฮยองของมันดีจนน่าได้มาตรฐานไอเอสโอ “แจ็คสันฮยอง ปล่อยนะ ปล่อยแบมฮยอง!” น้องเล็กร่างยักษ์พยายามแกะมือผมที่ยังคงกอดเอวแบมแบมไว้อย่างเหนียวแน่น ชาติที่แล้วผมเกิดเป็นปลิงหรือเปล่าวะ ฮ่าๆๆ

    “อยู่นิ่งๆ กันก่อนได้ไหม จะผ่านแล้ว!” แบมแบมที่ตายังคงจ้องหน้าจอ มือเอียงโทรศัพท์ประคับประคองเกมแหวใส่

    “ฮยอง ผมบอกให้ปล่อยไง” ไอ้ยูคยอมยังพยายามแกะมือผม พอเห็นว่าแกะไม่ออกมันก็หันมาปีนขึ้นนั่งบนหลังผม ก้มตัวกอดแบมแบมพร้อมกับแกะมือผมไปด้วย “ปล่อยเซ่!

    “ยูคยอม แบมแบมบอกให้อยู่นิ่งๆ นายไม่ได้ยินหรือไง”  ผมที่โดนไอ้เด็กยักษ์นั่งทับยังคงกอดแบมแบมชิลๆ

    “แจ็คสันฮยอง ปล่อย ไม่ปล่อยใช่ไหม ไม่ปล่อย งั่ม”

    “อ๊าก!!! ยูคยอม ไอ้บ้าเอ๊ย นายกัดหัวฉัน โอ๊ยๆ แบมแบม โอ๊ย” ผมดิ้นกระแด่วๆ จับแบมแบมเขย่าเมื่อจู่ๆ ก็ถูกไอ้คนนั่งทับงับหัวอย่างกับชาติที่แล้วเป็นหมา

    “อ๋มออกใอ้อ่อยไอ(ผมบอกให้ปล่อยไง)” ไอ้หมาบ้าพูดทั้งๆ ที่ปากยังงับหัวผมอยู่

    “โอ๊ยๆ หัวฉัน แบมแบม โอ๊ย แก ไอ้ยูคยอม อ๊าก!!!” ผมแหกปาก ยกขาขึ้นถีบมันกลับหลัง

    “แง่ง งั่มๆ อ่อยแอมออง งั่ม”

    “แบมแบมโอ๊ย ช่วยด้วยๆ โอ๊ย ไอ้ยูคยอม แบมแบม!

    “ตายเลย!” แบมแบมร้อง หน้าหวานหันมามองพวกผมถมึงทึง ก่อนจะผลักออกอย่างแรง “ตายเลยเห็นไหม!” ตะโกนใส่แล้วย้ายที่ไปนั่งกดต่อบนโซฟาด้วยความหงุดหงิด

    “เพราะฮยองคนเดียว” ไอ้ยูคยอมว่า

    “เพราะนายนั่นแหละโว้ย ไอ้หมายักษ์!” ผมจับมันเหวี่ยงแล้วพลิกกลับมานั่งคร่อม กลายเป็นการต่อสู้ย่อมๆ ของผมกับยูคยอม “ย้ากกก แอ่ก” ตอนเด็กๆ แม่นายให้กินอะไรวะถึงโตมาแรงควายขนาดนี้

    “ฮยองสู้ผมไม่ได้หรอก”

    “จะเอาเหรอๆ โอ๊ยๆ”

    “ฮ่าๆๆ”

    แกร๊ก

    “อ๊ะ มาร์คฮยอง มาแล้วเหรอ” เสียงแบมแบมหันไปเรียกคนมาใหม่หยุดความเคลื่อนไหวของพวกผมทั้งสองคน

    “ไปไหนมาอะ” ผมที่กำลังโดนยูคยอมล็อกคอเงยหน้าถามจากบนพื้น

    “ไป...” มาร์คฮยองหันมายิ้ม “เดตมา” ว่าแล้วก็เดินไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับแบมแบมในขณะที่พวกผมตาโต

    “เดตกับใครฮยอง ที่ไหน ยังไง!” แบมแบมเลิกสนใจเกม หันมาถาม

    องครักษ์พิทักษ์แบมแบมอย่างยูคยอมปล่อยตัวผม สไลด์ตัวไปกอดเอวแบมแบมทั้งๆ ที่นั่งอยู่ข้างล่างทันที ดูมัน เอาคางวางเกยบนขาแบมแบมอีก เห็นภาพโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ซ้อนทับมาเลย

    “บอกไปนายก็ไม่รู้จัก” มาร์คฮยองพูดยิ้มๆ

    เห็นรอยยิ้มเครื่องหมายการค้าแล้วหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ ทำไมฮยองต้องมาออกเดตวันที่ผมถูกทิ้งด้วยวะ โลกแม่งไม่ยุติธรรม

    “โหย ฮยองมีรูปป่าว” แบมแบมถามอย่างกระตือรือร้น ในขณะที่มาร์คฮยองยิ้มเอ็นดูก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา ผมที่นั่งอยู่บนพื้นเลยทำเนียนเดินกระดึ๊บๆ ไปนั่งโซฟาข้างๆ มาร์คฮยองด้วย “อยากรู้เหมือนกันเหรอนายน่ะ” คนผมแดงหันมาถามยิ้มๆ

    “จะสวยแค่ไหนเชียว” ถึงฮยองจะหล่อ แต่ความเซ็กซี่สู้ผมไม่ได้หรอก

    มาร์คฮยองกดโทรศัพท์ ส่วนพวกผมสามคนก็พากันชะเง้อ อยากเห็นหน้าสาวคนที่ว่าสุดๆ

    “อ่า” มือเรียวหยุด แล้วปากสีชมพูตามธรรมชาติที่ทำให้สาวๆ เก็บไปฝันมานักต่อนักก็ขยับพูดด้วยท่าทางชิลๆ “ฉันไม่มีรูปเธอนี่นา”

    “หา!” พวกผมสามหน่อที่รอเผือกอุทานพร้อมกัน เรียกได้ว่าเงิบแบบหมู่คณะกับความเกรียนของพี่ใหญ่ที่นานๆ จะมาที

    “คิกๆๆ” คนเกรียนหัวเราะชอบใจ

    “ผมไม่เชื่อหรอก มีรูปแหงๆ ไหนขอดูหน่อย” แบมแบมโน้มตัวมาพยายามแย่งโทรศัพท์ ส่วนมาร์คฮยองยกหนี หัวเราะกันเอิ๊กอ๊ากแลดูผมกับไอ้โกลเด้นข้างล่างเป็นส่วนเกินพิกล จังหวะที่มาร์คฮยองยกโทรศัพท์มาทางผม ผมเลยคว้ามันไว้แล้วลุกไปอีกทาง เปิดหารูปซะเลย

    หมับ ข้อมือถูกคว้าไว้  เงยขึ้นมองก็เห็นหน้าหวานของคนตัวสูงกว่านิ่งดุผิดปกติ มาร์คฮยองแบมือ เราจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งผมก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้ ไม่เห็นต้องทำหน้าดุขนาดนั้นเลย

    “ไม่มีหรอกน่า ไม่มีจริงๆ” หันไปพูดกับแบมแบมแล้วกลับมายิ้มเครื่องหมายการค้าให้ผม

    ผมกลอกตาไปทางอื่น เดินเลี่ยงออกมา ไม่ได้งอนนะ ไม่ได้รู้สึกแย่ ไม่ได้เซ็งจริงๆ ให้ดิ้นตายเถอะ!


    แกร๊ก

    “ยองแจ”

    “....”

    “ยองแจ”

    “ผมหลับแล้ว”

    “ถ้านายหลับแล้วใครมันตอบฉันวะ”

    “ผมละเมอ”

    “อยากโดนดีจริงๆ ใช่ไหม” ผมยกกำปั้นขึ้นขู่ ในขณะที่ยองแจโผล่หัวจากหนังสือการ์ตูนออกมา

    “ฮยองมีไรอ่า”

    “ไปซื้อขนมด้วยกันหน่อย”

    “คนอื่นอะ”

    “ย่าห์ฉันมานี่ก็เพราะอยากไปกับนายไม่ใช่หรือไง” ผมเริ่มหน้าบูด ไม่ได้งอนนะเฟ้ย ไม่ได้งอน!

    “ก็ได้” ยองแจถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นมา

    “ฮยองจะไปไหนกัน!” แบมแบมตะโกนถาม

    “ซื้อขนม” เป็นยองแจที่ตอบ ส่วนผมก้มหน้าก้มตาใส่รองเท้า ไม่ได้งอนเลยสักกะนิด!

    “ซื้อมาฝากด้วย!

     

    ----------------------------------------------------------


    “ผมควรถามไหมว่าฮยองเป็นอะไร” ยองแจพูดขึ้นมาระหว่างทาง

    “เป็นคนที่เซ็กซี่และแข็งแกร่งที่สุดในหอ” ผมตอบ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง

    ยองแจเบ้ปาก

    “มีปัญหาอะไร”

    “โอเค ไวรัสแบมแบมลามมาติดฮยองแล้วสินะ”

    ได้ยินคำตอบแบบนั้นผมก็หันหน้าไปอีกทาง อมลมจนแก้มพอง ยกเท้าเตะก้อนหินเล่น ยองแจเองถึงแม้จะเหล่มองมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เราเลยเดินไปเงียบๆ ทั้งแบบนั้น

    ติ๊งต่อง

    “ยินดีต้อนรับครับ” เสียงประสานคุ้นๆ ดังมาทันทีที่เดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต

    “อ๊ะ พวกนายทำอยู่นี่เหรอ” ผมยกมือขึ้นชี้สองเจที่อยู่ในชุดฟอร์มพนักงาน

    “ก็ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่าทำแถวหอ” เจบีที่กำลังจัดของหันมาบอก “มาซื้อขนมเหรอ”

    “ครับ ผมนอนอ่านการ์ตูนอยู่ดีๆ ก็โดนคนแถวนี้ลากมา” ยองแจรีบฟ้อง

    เจบีหัวเราะ เห็นหน้าบูดหน้าเบี้ยวของไอ้เด็กปากเสียนี่แล้วมันเลยเข้ามากอดคอพาเดินไปด้านใน

    “เป็นไร” จูเนียร์ถาม

    “อะไร” ผมหันไปเลิกคิ้วใส่

    “โดนใครทำให้งอนมาอีกหรือไง” มันพูดยิ้มๆ

    “เปล่า!” ผมปฏิเสธ

    “อ้อ...งั้นเหรอ”

    “สีหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง วิญญาณคุณแม่ของหอสิงนายอีกแล้วใช่ไหมตอนนี้” ผมถามหน้ามุ่ย ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไง

    จูเนียร์ขำพรืด “ฉันก็แค่พูดไปตามที่เห็น”

    “มาดแมนแฮนซั่มอย่างฉันไม่มางอนนู่นนี่ง่ายๆ หรอก”

    โครม!

    “โว้วๆๆ” กระโดดเหย็ง มือกุมหัวใจเมื่อจู่ๆ ลังของสองสามอันที่เจบีวางซ้อนไว้ล้มโครมลงมาตรงหน้า

    “มาดแมนแฮนซั่ม” จูเนียร์ยิ้มล้อ

    “อะไร นายไม่ตกใจหรือไง ถ้าฉันยืนใกล้กว่านี้มันล้มใส่ฉันแล้วนะ!” ผมโวยวาย ชี้ไม้ชี้มือไปยังจุดเกิดเหตุ

    “โทษที ฉันคงวางไม่ดี” เจบีรีบวิ่งมา ผมเลยเดินไปช่วยเก็บ

    “ตกลงนายงอนใครมา” ไอ้เพื่อนตัวดียังไม่วายเดินตามมากอดอกถาม

    “ฉันไม่ได้งอน!” ผมปฏิเสธเสียงดัง  กางมือออกข้างลำตัวยืนยัน

    “ย่าห์ ไอ้ท่าทางโอเวอร์แอคติ้งของนายเนี่ยแหละ ทำให้ชาวบ้านเขารู้ว่านายกำลังลนน่ะ” เจบีบอก

    “ฉันโอเวอร์แอคติ้งตรงไหน พวกนายรุมนี่หว่า ยองแจ กลับ ฉันจะกลับแล้ว!

    “หา อะไรนะ เดี๋ยวสิ ต้องซื้อไปฝากเจ้าพวกนั้นด้วยนะ!” ยองแจตะโกนกลับมา

    “งั้นฉันไปยืนรอข้างนอก!

    “ฮยองเป็นคนบอกเองว่าอยากมาซื้อขนมนะ!

    “ฉันไม่อยากแล้ว!

    “ได้ไงเล่า!

    ผมไม่สนใจคำพูดยองแจ เดินพรวดๆ ออกจากร้านมาท่ามกลางเสียงหัวเราะของไอ้สองเจ งอนบ้าบออะไร ผมไม่ใช่ผู้ชายง้องแง้งสักหน่อย เรื่องง้องแง้งมุ้งมิ้งมันทางของสองน้องเล็กนั่นต่างหาก

    “อะไรของฮยองเนี่ย เอ้า ช่วยถือเลย” ยองแจยื่นถุงขนมมาให้หลังจากเดินตามออกมาแล้ว

    “ก็ไอ้สองคนนั้นมันแกล้งฉัน” ผมพูดหน้างอ

    “จริงๆ เลย” รูมเมททำหน้ารำคาญ “ถ้าฮยองน้อยใจที่มาร์คฮยองทำหน้าดุใส่ก็บอกไปตรงๆ สิ”

    “หา ใครน้อยใจใคร แล้วนายนอนอยู่ในห้องไม่ใช่หรือไง!” ผมหันไปโวยใส่

    “ก็ผมกำลังจะไปหาน้ำกินพอดี เห็นแบบนั้นเลยกลับเข้าห้องคืน” ยองแจยักไหล่

    “นายมันไอ้ตัวแสบชัดๆ ชเวยองแจ” ยกมือขึ้นชี้หน้า แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร

    “ปกติมาร์คฮยองใจดีจะตาย”

    “นายไม่รู้อะไร มาร์คฮยองน่ะแปลก” ผมพูด ท้ายประโยคออกจะพึมพำซะมากกว่า

    “แปลกยังไง”

    “จริงอยู่ที่มาร์คฮยองใจดี ข้าวของเครื่องใช้ส่วนใหญ่ก็แบ่งให้คนอื่นๆ อยู่ตลอด ฉันยังเคยยืมเสื้อมาร์คฮยองมาใส่เลย”

    “มันใช่เรื่องน่าอวดไหมฮยอง” ยองแจทำหน้าเอือม ผมเลยตบไหล่มันไปแรงๆ สองที

    “เอาน่า ฉันบอกว่าถึงอย่างนั้นก็เถอะ บางอย่างมาร์คฮยองก็ลึกลับ นายรู้ไหมว่าไม่เคยมีใครได้เข้าห้องมาร์คฮยองเลย แบบไม่ได้รับอนุญาตน่ะ คนอื่นก็ดูไม่ขวนขวายอยากจะเข้า”

    “อย่าบอกนะว่าฮยองดันขวนขวายอยากเข้า”

    “แล้วนายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ ทำอย่างกับในนั้นมีอะไรที่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้งั้นแหละ” ผมแย้ง

    “เอาจริงๆ ไหมฮยอง ตั้งแต่ผมมาอยู่นี่ ผมก็เห็นทุกคนพากันมาแต่ห้องเรา ไม่เห็นเคยมีใครอยากย้ายไปสิงสถิตห้องอื่นเลย” ยองแจพูดเสียงหน่ายๆ

    “นายมันเพิ่งมาน่ะสิ ฉันน่ะเคยไปเล่นห้องทุกคนมาแล้วยกเว้นห้องมาร์คฮยอง พอลองถามเรื่องนี้กับยูคยอม หมอนั่นก็บอกว่าไม่รู้เพราะตอนมาอยู่ก็เห็นมาร์คฮยองเป็นแบบนี้แล้ว ฉันเลยไปถามแบมแบม นายรู้ไหมตอนที่ได้ยินคำถามแบมแบมชะงักไปนิดนึงแล้วตอบอ้อมๆ แอ้มๆ มาว่าไม่รู้เหมือนกัน” ผมกระโดดไปยืนหน้ายองแจ เล่าไปด้วยเดินถอยหลังไปด้วย

    “แล้วยังไง”

    “จะแล้วไงล่ะ แสดงว่าแบมแบมต้องรู้อะไรน่ะสิ ฉันไปถามไอ้สองเจมาด้วย ถึงพวกนั้นจะเก็บอาการเก่งแต่พอฉันถามปุ๊บ เจบีก็ถามสวนกลับมาเลยว่านายจะอยากรู้ไปทำไม พอฉันบอกว่าสงสัย จูเนียร์ก็พูดแค่ว่าเป็นนิสัยส่วนตัวของมาร์คฮยองเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอกแล้วตัดบทไปเลย”

    “งั้นก็คงเป็นแบบที่จูเนียร์ฮยองบอกละมั้ง” ยองแจสรุป

    “ไม่มีทาง” ผมโบกมือไปมา “พนันได้เลยว่าสามคนนี้ต้องรู้อะไรแน่ๆ”

    “แต่เหมือนพวกเขาเองก็ไม่สะดวกใจจะพูดไม่ใช่หรือไง เอาน่าฮยอง มาร์คฮยองอาจมีเหตุผลส่วนตัวอะไรก็ได้”

    คำตอบที่ทำให้ต้องถอนหายใจ หมอนี่ไม่มีความอยากรู้อยากเห็นบ้างเลยหรือไง ผมหันกลับมาเดินปกติ ไม่ได้พูดอะไรอีก
     

    ------------------------------------------------


    แกร๊ก

    “ฮยอง” ยูคยอมตรงดิ่งมาหา “ยองแจฮยอง หิวแล้ว ทำไรให้กินหน่อย”

    “นายบอกจะกินขนมไม่ใช่หรือไง เอ้า กินนี่ไปก่อน เดี๋ยวฉันไปดูในครัวแป๊บ” บ่นโน่นบ่นนี่แต่ถึงอย่างนั้นยองแจก็เดินเข้าครัวไปพร้อมกับไอ้ลูกหมายักษ์ที่เกาะติดตามไปด้วย ลืมแบมฮยองเฉพาะตอนหิวหรือไงวะไอ้หมอนี่

    ที่ห้องรับแขก แบมแบมนั่งดูเกมโชว์อยู่กับมาร์คฮยอง

    “แจ็คสันฮยอง ยืนทะมึนอยู่แบบนั้นมันน่ากลัวนะฮะ” แบมแบมเงยหน้ามาพูด ผมเลยเดินถือถุงขนมไปยื่นให้ไอ้ตัวเล็กแล้วนั่งลงโซฟาเดี่ยวข้างๆ

    “โอ๊ะ ซื้ออันนี้มาด้วยเหรอ มาร์คฮยองเอาไหม”

    มาร์คฮยองรับขนมไปก่อนจะมองมาทางผม ผมเลยยักคิ้วกวนๆ ใส่ทีหนึ่ง ผมไม่ใช่พวกง้องแง้งแบบที่สองเจมันคิดสักหน่อย คนอายุมากกว่ายิ้มนิดๆ

    “พอๆ ยูคยอม นายไปรออยู่โน่นเลยไป ไม่ต้องช่วยแล้ว!” เสียงโวยวายของยองแจดังมาจากในครัว “มาร์คฮยองมาช่วยผมหน่อยได้ไหม นายออกไปเลยไอ้ลูกหมายักษ์ ไปรอกินไป๊”

    ยูคยอมเดินถือขนมออกมาหงอยๆ ปากเคี้ยวอะไรไม่รู้ตุ้ยๆ มาร์คฮยองเห็นแบบนั้นเลยลุกเดินไปในครัว ส่วนผมลุกไปนั่งข้างแบมแบมแทน

    “เอาไหมฮยอง” ไอ้ตัวเล็กส่งขนมให้ กะพริบตาปริบๆ เห็นแล้วมันเขี้ยวเลยจับมันล็อกคอแกล้งโยกไปมาซะเลย

    “แจ็คสันฮยอง!” เอาอีกละ ไอ้องครักษ์พิทักษ์แบมแบม

    “ย่าห์ แบมแบมไม่ใช่ของนายคนเดียวนะ” ผมหันไปผลักหัวยูคยอมที่ปรี่เข้ามาออก

    “ก็ไม่ใช่ของฮยองเหมือนกันนั่นแหละ” น้องเล็กร่างยักษ์บ่นอุบอิบ

    แบมแบมหัวเราะ ผมเลยดึงแก้มยุ้ยๆ นั่นไปทีหนึ่ง เห็นแล้วอยากกัดว่ะ จะเหมือนเยลลี่ไหมนะ

    “อย่านะฮยอง!” ยูคยอมรีบพุ่งเข้ามาคว้าตัวแบมแบมออก

    “อะไรวะ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมที่ยังล็อกคอแบมแบมถามงงๆ

    “ฮยองอ้าปาก ทำหน้าเหมือนจะกินแบมฮยองอยู่แล้ว!” อ้าวเรอะ “ปล่อยเลยๆ”

    เห็นท่าทางสุดหวงของยูคยอมแล้วหมั่นไส้ ผมเลยแกล้งจับแบมแบมพลิกมากดลงบนโซฟาแล้วคร่อมอยู่ด้านบนแทน

    “เหวอ” แบมแบมร้อง

    “ว้ากกก” ไอ้ยูคยอมร้อง

    “ฮ่าๆๆ” ส่วนผมหัวเราะสะใจ “กินตรงไหนก่อนดี แก้มก่อนดีไหม”

    “แจ็คสันฮยอง!” ยูคยอมพยายามเอาหัวมุดมาระหว่างผมกับแบมแบม “ย้ากกก ปล่อยนะๆ”

    “ออกไปเลยนายน่ะ อย่ามาขัดขวางมื้อเย็นฉัน!” ผมผลักหัวยูคยอมออกแต่มันไม่ยอม ฮ่าๆๆ เชื่อเลย

    “พอแล้วน่าพวกนาย” และก่อนที่จะเกิดมวยปล้ำระหว่างผมกับยูคยอม ซึ่งรอบนี้อาจมีแบมแบมเข้าร่วมด้วยแบบไม่ได้ตั้งใจ มาร์คฮยองก็จับคอเสื้อผมกับยูคยอมคนละข้างดึงออกมาพร้อมกัน

    “โอย นึกว่าจะตายซะแล้ว มันหนักไม่รู้หรือไง” แบมแบมพลิกตัวลงจากโซฟา ลุกขึ้นนั่งเป่าปาก

    “แบมฮยอง เราไปในครัวกันดีกว่า แจ็คสันฮยองชอบแกล้ง” ยูคยอมค้อนขวับแล้วหิ้วปีกแบมแบมที่กำลังงงๆ ลากไปในครัวด้วยความหน้ามึนของมัน

    “ปล่อยคอเสื้อผมได้แล้วน่า” ผมหันไปบอกมาร์คฮยอง พออีกฝ่ายปล่อยมือก็ปัดๆ ไหล่ตัวเองแล้วกลับมานั่งโซฟาเหมือนเดิม

    “โทษที” มาร์คฮยองพูดพลางนั่งลงข้างๆ “ไม่ได้ตั้งใจจะดุนาย”

    ผมเหล่มอง

    “ตอนก่อนหน้านี้น่ะ”

    “ไม่ได้เป็นไรนี่” ผมยักไหล่

    “ฉันไม่ค่อยชอบให้คนมายุ่งกับของส่วนตัว”

    “อ่า งั้นผมคงต้องรีบเอาเสื้อมาคืนฮยองละ”

    “ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ก็แค่ของส่วนตัว...บางอย่าง”

    “ไม่รู้ด้วยสิว่าอย่างไหนบ้าง”

    “ไม่เอาน่าแจ็คสัน ฉันจะทำยังไงนายถึงหายโกรธฮึ” มาร์คฮยองหันมาถามด้วยรอยยิ้มเครื่องหมายการค้า

    “งั้น....ให้ผมไปเล่นห้องฮยองได้ไหมล่ะ”

    พี่ชายผมแดงชะงัก

    “ได้ปะล่ะ” ผมเอียงคอถาม คิดว่าน่าจะดูหาเรื่องมากกว่าน่ารัก

    “โทษทีนะ ฉันไม่ค่อยสะดวก” คำตอบตามคาดเลย

    สองตาหรี่ลง “ฮยองมีความลับอะไรซ่อนไว้”

    ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา

    “เราเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องกันไม่ใช่หรือไง”

    “...”

    “หรือผมมันเชื่อใจไม่ได้”

    “ไม่ใช่” มาร์คฮยองปฏิเสธ “ไม่ใช่นายแจ็คสัน ไม่ใช่นายที่เชื่อใจไม่ได้” วูบหนึ่งผมเห็นดวงตาสีน้ำตาลที่มักทอประกายอ่อนโยนเจ็บปวดขึ้นมา แต่ก็แค่แว้บเดียวแล้วหายไปตอนมาร์คฮยองกะพริบตา “ฉันนึกได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อนนะ” พูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

    “อ้าว มาร์คฮยองไปไหนอะ” แบมแบมที่เดินถือขนมกลับมาถาม

    “เห็นว่ามีธุระ” ผมตอบเนือยๆ

    “ฮยองคงไม่ได้ไปทำอะไรมาร์คฮยองใช่ไหม” ไอ้ตัวเล็กเดินมานั่งข้างๆ

    “สำหรับนายแล้ว ฉันเป็นใครแบมแบม” ผมถามขึ้น

    “ฮยองว่าไงนะ”

    “ฉันถามว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน นายเห็นฉันเป็นเหมือนคนในครอบครัวหรือเปล่า” หันไปมองหน้าหวานใสที่เหมือนเด็กอายุไม่เกินสิบห้า

    แบมแบมสบตาผม แววกังขาในดวงตากลมค่อยๆ คลายไป “ฮยองเป็นเหมือนครอบครัวผม ทุกคนในหอ พวกเราทุกคน” มือวางกดลงบนไหล่ “ผมรักฮยองนะ”

    ตุบ เสียงขนมหล่นลงบนพื้น น้องเล็กร่างยักษ์ยืนอ้าปาก มือค้างกลางอากาศ เวร...

    “มะ ไม่จริง” ยูคยอมพูดตะกุกตะกัก “พะ พวกฮยอง”

    “อะไร” แบมแบมหันไปถามงงๆ

    เท่านั้นแหละ ยูคยอมก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

    “ใจร้ายกันเกินไปแล้ว!” ตะโกนใส่พวกผมแล้วก็วิ่งหายออกไปอย่างรวดเร็ว

    “หา!” แบมแบมร้อง หันมองหน้าผมสลับกับทางประตูที่ยูคยอมเพิ่งวิ่งออกไป

    เอ่อ ขอตั้งชื่อช็อตเด็ดเมื่อกี้ว่า....หัวใจที่แตกสลายของคิมยูคยอม

    “เสร็จแล้ว มากินได้ อ้าว หายไปไหนกันหมดล่ะ” ยองแจที่เดินออกมาจากครัวทั้งผ้ากันเปื้อนมองซ้ายมองขวางงๆ



    --------------------------------------------------------------------------------TCB




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×