ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 บุคคลอันตรายของจินยอง โดย จูเนียร์ รีไรท์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.13K
      96
      10 พ.ค. 61

    ตอนที่ 4

    บุคคลอันตรายของจินยอง โดย จูเนียร์

      

    “แจบอม ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทิ้งถุงเท้าเรี่ยราด”

    “อ่า รู้แล้วๆ” เสียงตอบแบบไม่ใส่ใจนักดังกลับมา

    “ย่าห์!” ผมเดินถือถุงเท้าไปโยนใส่คนกำลังนอนกดมือถือเล่นอยู่บนเตียง “อีกหน่อยเปิดหม้อหุงข้าวมาคงเจอถุงเท้านายเป็นอย่างแรก”

    “จินยองอ่า อย่าบ่นนักเลย เดี๋ยวตีนกาขึ้นนะ” แจบอมหรือเจบีฮยองของน้องๆ เอียงหน้ามาทำเป็นชี้นิ้วที่หางตายิ้มให้

    ผมถอนหายใจ ก็ไม่ได้อยากบ่นหรอก แต่ช่วยเป็นระเบียบให้มากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง มองคนที่แทคยอนฮยองให้ความไว้เนื้อเชื่อใจมากจนหลายๆ ครั้งฝากให้ดูแลหอ ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งหัวเราะกับอะไรบางอย่างในมือถือก็แทบจะปลง

    ผมกับแจบอมรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เราอยู่บ้านใกล้กัน อยู่โรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่จำความได้ ขนาดเข้ามหาวิทยาลัยยังเข้าที่เดียวกันคณะเดียวกัน เรียกได้ว่าตัวติดกันมาตลอดจนนึกไม่ออกว่ามีตอนไหนบ้างที่ไม่มีกันแล้วกัน อ่า จะว่าไปก็พอนึกออกบ้างแล้ว แต่ข้ามไปก่อนแล้วกัน

    แจบอมเป็นคนจิตใจดี มีความเป็นผู้นำ มักได้รับความไว้วางใจจากผู้หลักผู้ใหญ่อยู่เสมอ หมอนั่นแม้หลายๆ ครั้งจะดูไม่สนใจ แต่ก็ใส่ใจและคอยดูแลคนอื่นอยู่ตลอด มองไปแล้วก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ เป็นจุดศูนย์กลางเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้กับคนรอบตัว

    ตอนเข้ามหาวิทยาลัยจำได้ว่ามีเพื่อนในคณะที่ค่อนข้างสนิทกันชื่อซ้ำกับผม เราชื่อพัคจินยองเหมือนกันเด๊ะๆ ด้วยเพราะจะได้ไม่สับสนประกอบกับพัคจินยองอีกคนอายุมากกว่าผม เราเลยตกลงเรียกผมว่าจูเนียร์แทน มาจากพัคจินยองจูเนียร์ ผมอยากเคยชินกับชื่อจูเนียร์ให้ไวที่สุดเลยบอกให้ทุกคนที่รู้จักเรียกตัวเองว่าจูเนียร์แทนชื่อเดิม จะมีก็แต่แจบอมที่ยังชอบเรียกชื่อจินยองอยู่



    เดินออกมาหยิบสายยางรดน้ำต้นไม้รอบหอพักอย่างที่เคยทำตามปกติ นึกถึงตอนที่เพื่อนๆ หันมาเรียกผมว่าจูเนียร์ ผ่านไปสองวันจู่ๆ แจบอมก็ประกาศขึ้นมาว่าจากนี้ให้ทุกคนเรียกตัวเองว่าเจบีแทนแจบอม แน่นอนว่าทุกคนรวมทั้งผมงุนงงไปตามๆ กัน พอถามหมอนั่นก็พูดยิ้มๆ ว่าเพราะผมที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อจูเนียร์น่ะฟังดูเท่จะตาย เลยอยากมาใช้ชื่อตัวย่อบ้าง ตบท้ายด้วยคำพูดที่ว่า 

    “พวกนายก็เรียกๆ ไปเถอะน่า เดี๋ยวก็ชิน”

    ทุกคนส่ายหน้า หัวเราะกับความติสท์ของแจบอม แต่ก็เพราะเป็นแจบอมมันเลยกลายเป็นเรื่องสนุกสนานไปที่จะเรียกหมอนั่นว่าเจบี

    “ขยันอีกแล้วนะนาย” เสียงทุ้มคุ้นหูพร้อมกับวงแขนที่โอบรอบคอดึงไปชิดทำให้ผมหันไปยิ้มให้

    “ถ้าผมไม่ทำก็ไม่เห็นมีใครทำนี่” ตอบแล้วมองการแต่งตัวที่ออกจะเรียบร้อยกว่าปกติของคนพูดก่อนถาม “จะไปไหนเหรอฮยอง”

    “ว่าจะกลับบ้านน่ะ อีกสักพัก” พี่ชายผมแดงตอบน้ำเสียงเบื่อหน่าย

    “อ่า อวยพรให้โชคดี” ผมพูดยิ้มๆ รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ค่อยอยากกลับไปที่นั่นนัก

    มาร์คฮยองทำหน้าเซ็ง หันมองซ้ายขวา “เจบีล่ะ”

    “นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ห้อง ฮยองมีไรหรือเปล่า”

    “เปล่า เห็นปกติพวกนายอยู่ด้วยกันตลอด”

    “ย่าห์ พวกผมไม่เหมือนเจ้าคู่หูเสาไฟฟ้ากับหลักกิโลนั่นหรอกนะ” ผมพูดพลางหัวเราะเมื่อนึกถึงยูคยอมกับแบมแบม

    มาร์คฮยองขำพรืด “ไม่มีใครเหมือนเจ้าสองคนนั้นหรอก อะไร” หันมาถามเมื่อเห็นผมเหล่ หน้าพวกเราใกล้กันมาก และรอยยิ้มนิดๆ นั่นทำให้ผมรู้ว่ามาร์คฮยองรู้ว่าผมเหล่มองทำไม

    “ก็ดีนะ ถ้าฮยองโอเคกับพวกนั้น” ผมหันไปรดน้ำต่อ

    “แล้วทำไมฉันต้องไม่โอเค เฮ้ๆ พัคจินยอง” มาร์คฮยองปล่อยมือแล้วผลักผมจนเซ “คิดจะขุดเรื่องเก่ามาแกล้งฉันหรือไง”

    “เปล๊า!” ปฏิเสธเสียงสูง ทำทีเป็นเดินรดน้ำให้ต้นไม้ต้นอื่น

    “ฉันเจ็บปวดนะ เจ้าคนใจร้ายนี่” คนผมแดงยังคงพูดยิ้มๆ แต่ผมรู้ว่าเขาหมายความตามที่พูดจริงๆ แม้จะยิ้มอยู่

    “แจ็คสัน หมอนั่นหายงอนฮยองแล้วเหรอ” ผมเดินไปปิดน้ำแล้วเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่น เรื่องเก่านั่นน่ะ ไม่สนุกที่จะขุดขึ้นมาพูดเท่าไรนักหรอก

    “หมอนั่นงอนฉันได้ไม่นานหรอกน่า ซื้อของโปรดมาฝากก็หายแล้ว” มาร์คฮยองเดินไปนั่งที่โต๊ะไม้ตัวยาว หยิบใบไม้มาพลิกเล่น “จะมีเรื่องไหนในหอรอดพ้นสายตานายบ้างไหม หืม”

    ผมยิ้ม “ไม่งั้นผมจะกล้าสถาปนาตัวเองเป็นออมม่า1ของหอเหรอ” พูดพลางเดินไปนั่งลงข้างๆ

    “เฮ้อ ไม่อยากกลับบ้านเลย” พี่ชายคนโตของเหล่าผู้เช่าเอียงมาซบหัวลงบนไหล่

    “เอาน่า เดี๋ยวผมให้ยองแจทำอะไรอร่อยๆ รอปลอบใจ” ถึงหมอนั่นจะบ่นนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามตลอดนั่นแหละ

    “โอ๊ะ มาร์คฮยองก็อยู่เหรอ ก็ว่าทำไมหายไปนาน” แจบอมเดินลากรองเท้าแตะออกมา

    มาร์คฮยองยกมือขึ้นทักทาย ยังคงซบกับไหล่ผมอยู่

    “เป็นไรอะฮยอง หน้าเหี่ยวเชียว” คนมาใหม่เดินมายืนกอดอกตรงหน้า

    “ฉันแก่ขนาดหน้าเหี่ยวเลยเหรอ เหอะๆ”

    “บ้า ผมหมายถึงหน้าฮยองมันห่อเหี่ยวต่างหาก มุกปะเนี่ย ฮยองเล่นมุกทีไรผมไม่เคยรู้เลย” แจบอมหัวเราะ

    “มาร์คฮยองโดนที่บ้านเรียกตัวไป” เป็นผมที่ตอบแทน

    “อ้อ เอาน่าฮยอง” คนยืนอยู่เดินมาตบบ่า “กลับมาเดี๋ยวผมให้ยองแจมันทำอะไรอร่อยๆ ไว้ย้อมใจ” นั่น ยองแจมาได้ยินคงทำหน้าเหวี่ยงใส่แล้วบอกว่าผมไม่ใช่พ่อครัวประจำหอนะ แน่นอนว่าฉายานั่นแจ็คสันเป็นคนตั้ง

    แจบอมมองหน้าผมกับมาร์คฮยองสลับไปมา “อ่า พูดแล้วก็หิวขึ้นมาเลย งั้นฉันไปห้องเจ้าพวกนั้นก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วก็ไปเลย มาไวไปไวอย่างกับลมพัด

    ผมพยักหน้าให้ มองตามร่างสูงที่เดินตรงไปห้องยองแจ อย่างกับห้องเจ้าพวกนั้นเป็นตู้เย็นประจำหอ แต่จะว่ามากก็ไม่ได้ ใครใช้ยองแจทำกับข้าวอร่อยล่ะ

    “ยังชอบอยู่หรือไง” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาสะดุ้งเฮือก ใจแทบไหลลงไปอยู่ตาตุ่ม

    “บ้าพูดไรเนี่ยฮยอง!” ผมผลักคนที่กำลังพิงอยู่ออก พยายามไม่สนใจเสียงรัวเป็นกลองที่ดังกระหึ่มอยู่ในอก

    คนโดนผลักไม่พูดอะไร แค่ยิ้ม แต่แค่ยิ้มของมาร์คฮยองนี่มัน....

    “อ้า จริงๆเลย อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนี้ได้ไหมเนี่ย”

    “เขินหรือไงล่ะ” มาร์คฮยองพูดยิ้มๆ ในขณะที่ผมรีบปฏิเสธ

    “มั่วแล้วฮยอง” ให้ตาย ผมไม่น่าพลาดไปเมาหัวทิ่มกับมาร์คฮยองวันนั้นเลย ไหนใครบอกว่าเมาแล้วตื่นมาจะจำอะไรไม่ได้ นอกจากผมจะจำเรื่องที่มาร์คฮยองพูดทั้งหมดได้ มาร์คฮยองเองก็ดันจำเรื่องที่ผมพล่ามไปยาวยืดนั่นได้อีก “ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นอดีตไปแล้ว ผมไม่ได้คิดแบบนั้นกับหมอนั่นแล้ว”

    “อือฮึ” คนกุมความลับของผมพยักหน้า

    “เราเป็นเพื่อนกัน ให้ตายเหอะ ไหนว่าผมใจร้ายที่ขุดเรื่องเก่ามาพูดไง ผมชักเกลียดฮยองขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ”  ยกมือขึ้นผลักไหล่คนผมแดงอีกรอบ

    “ฮ่าๆๆ นายเกลียดฉันไม่ลงหรอกน่า” มาร์คฮยองกระโดดลงจากโต๊ะ “ฉันกลับบ้านละ ไว้อีกสองสามวันจะกลับมา ฝากบอกพวกนั้นด้วย”

    ร่างสูงสมส่วนเดินล้วงกระเป๋าค่อยๆ ห่างออกไป

    “ถ้าฮยองคิดว่าผมยังชอบหมอนั่นอยู่ งั้นก็แสดงว่าความรู้สึกของฮยองที่มีให้แบมแบมก็ยังไม่เปลี่ยนไป” ผมพูด สายตาจ้องมองแผ่นหลังที่ชะงักหยุด

    มาร์คฮยองหันกลับมา รอยยิ้มปรากฏบนหน้าตาหล่อเหลา ยิ้มเครื่องหมายการค้าแบบที่แจ็คสันชอบพูดแล้วส่ายหัวทั้งที่ยิ้มอยู่ ก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินไปที่โรงรถ ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร ไม่ใช่หรือไม่ปฏิเสธ ผมถอนหายใจขำๆ พวกเรานี่ยังไงนะ ชอบเอาเรื่องเจ็บปวดมาล้อเลียนกันอยู่เรื่อย เป็นมาโซคิสกันหรือไง

    เมื่อก่อนนี้ผมเคยชอบอิมแจบอมจริง ไม่สิ ต้องบอกว่าแอบชอบ แอบชอบมาเป็นเวลานาน ผมไม่เคยบอก ไม่เคยคิดอยากสารภาพความรู้สึกเพราะรู้ว่ายังไงซะ หมอนั่นก็ไม่มีทางคิดกับผมมากไปกว่าเพื่อนสนิท และผมก็พอใจที่จะอยู่ในสถานะนั้น

    แต่ตอนเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ แจบอมมีแฟน เธอเป็นคนน่ารักสดใส ดูเหมาะสมกับหมอนั่นทุกอย่าง และในตอนนั้นผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด ผมไม่ได้พอใจกับสถานะเพื่อนสนิท ไม่อยากมองหมอนั่นไปกับเธอ ยิ้มให้เธอ ไม่อยากรับรู้ว่าหมอนั่นรักเธอ ผมตัดสินใจที่จะตัดใจ ตัดสินใจเลิกชอบแจบอม แน่ล่ะว่าผมควรจะทำมาตั้งนานแล้วแต่ก็คิดว่ายังไม่สาย ประจวบเหมาะกับแจบอมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟนพอดี ผมเลยจัดการเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่เคยแอบเก็บไว้ อะไรๆ ที่เป็นพิเศษก็ทิ้งมันให้หมด ทำลายมันให้หมด

    เป็นจังหวะเดียวกับที่หอเกิดเรื่องกับมาร์คฮยองพอดี เรียกได้ว่าเป็นวันมหาวิปโยคของหอพักเมี้ยวๆ แจบอมยังไม่กลับจากไปเที่ยว คุณฮยองกับแทคยอนฮยองตามแบมแบมไป ที่หอเหลือมาร์คฮยองที่นั่งซดเหล้าอยู่ตรงโต๊ะไม้ตัวยาวตัวนี้ มาร์คฮยองไม่กล้ากลับห้องตัวเอง ได้แต่นั่งกินเหล้าไม่พูดไม่จา ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะเข้าไปปลอบ ไปอยู่เป็นเพื่อน ไปๆ มาๆ ดันเมาเละเทะไปด้วยเฉย และวันนั้นก็เป็นวันที่มาร์คฮยองรู้ความลับของผม

    แจบอมกลับมาเจอสภาพผมกับมาร์คฮยองที่แทบไม่เป็นคน ได้แต่พาซากพวกผมไปโยนไว้ในห้องพวกเราแล้วก็คอยดูแลอยู่ตลอดโดยไม่ได้ถามอะไร

    ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีส้มยามเย็น แล้วจะมานั่งย้อนอดีตดราม่าทำไมเนี่ย สะบัดหัวแรงๆ ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปสิน่า เอาเป็นว่าสำหรับผมตอนนี้แจบอมคือเพื่อน แค่เพื่อนสนิทคนหนึ่ง
     

    -----------------------------------------------


    แกร๊ก

     “ฮยอง กินข้าวกัน” ยูคยอมกวักมือเรียก ยิ้มตาหยีให้ทันทีที่ผมเข้ามา ทุกคนมากองกันอยู่ที่ห้องแจ็คสันยองแจอย่างเคย

    “มีไรกินอะ” ผมเดินไปที่โต๊ะอาหาร แจบอม แจ็คสัน ยูคยอม แบมแบมนั่งประจำที่เรียบร้อย ส่วนยองแจยกจานมาตั้ง

    “เพียบ” แจ็คสันหันมาตอบ

    ผมนั่งลงข้างแจบอม หมอนั่นหันมายิ้มให้ตามปกติ

    “แบมฮยองเลิกดูรูปในไอจีสักแป๊บก่อนสิ กินข้าวก่อน” ยูคยอมเอียงไปบอกคนตัวเล็กที่นั่งขมวดคิ้วดูรูปในมือถือ

    “ยัยยูเซมีกล้าดียังไงมาเม้นว่านายน่ารักกว่าฉันใต้รูปฉัน หา ยูคยอม!” แบมแบมยื่นมือถือให้น้องเล็กตัวยักษ์ที่เลิกคิ้วงงๆ

    “ใครนะ” ยูคยอมรับไปดู ส่วนเจ้าของมือถือนั่งกอดอกหน้ามุ่ย

    “ย่าห์ นายคิดว่าทุกคนต้องเห็นนายน่ารักไปหมดเหรอ ไอ้ตัวเปี๊ยกนี่” แจบอมเอาตะเกียบชี้หน้าคนนั่งตรงข้าม

    “หรือฮยองคิดว่าผมไม่น่ารัก?” แบมแบมถามปากยื่น

    “นายน่ารักได้ คนอื่นก็น่ารักได้เหมือนกันแหละน่า”

    “งั้นในนี้ฮยองว่าใครน่ารักที่สุด”

    แจบอมทำท่าคิดสักพักแล้วชี้ตะเกียบมาทางผมที่อึ้งนิดๆ

    “หา” แบมแบมร้อง “ชิ ใช่ซี้”

    คนผมเทาแอบยักคิ้วให้ เท่านั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าตั้งใจจะแกล้งเจ้าตัวเปี๊ยกจอมหลงตัวเองเฉยๆ

    “ไม่เอาน่าแบมแบม สำหรับฉันนายน่ารักเป็นอันดับหกในหอเลยนะ” ผมแกล้งพูดยิ้มๆ

    “หา” แบมแบมหน้าเหวอ

    “โทษทีนะแบมแบม” แกล้งทำหน้าทำเสียงขอโทษขอโพยใส่ เพราะรู้ว่าจะทำให้เด็กบ้ายอเสียเซลฟ์แน่ๆ

    “แต่สำหรับผม ฮยองน่ารักเป็นอันดับหนึ่งเลยนะ หนึ่งในใจเลย” ยูคยอมเอามือหยิกแก้มกลมของเพื่อน รีบเข้ามาเป็นทัพสนับสนุน ไม่ยอมให้เพื่อนตัวเล็กถูกรังแกอย่างรวดเร็ว

    “มีเจ้าลูกหมายักษ์นี่ตาดีมองเห็นความน่ารักของผมคนเดียวสินะ” แบมแบมเชิดหน้าขึ้น แต่แล้วยองแจมันก็จัดการฝังกลบแทบมิด

    “นายมโนไปเองหรือเปล่า น่ารักอะไรนั่นน่ะ” เด็กนี่ปากจัดจริงแฮะ

    คราวนี้แบมแบมถึงกับอึ้ง ตากลมๆ มองเหวี่ยงไปรอบๆ ก่อนจะพยักหน้าพึมพำคนเดียวรัวๆ “ใช่สิ ใช่สิ ใช่สิ”

    ผมพยายามกลั้นขำ ถ้าจะแกล้งเจ้าตัวเปี๊ยกนี่ ยกเอาเรื่องนี้มาแกล้งนี่แหละสนุกสุด แจ็คสันพยายามเม้มปากตักกับข้าวใส่จาน รู้เลยว่าที่หมอนี่ไม่ร่วมวงแหย่ด้วยเพราะพยายามกลั้นหัวเราะอยู่

    “หยุดแกล้งแบมฮยองได้แล้วน่า พวกฮยองอ้ะ” องครักษ์พิทักษ์แบมแบมหันมาโวยใส่

    “เอาน่าแบมแบม นายอยู่ที่ 6 ก็จริง แต่ยูคยอมมันอยู่ที่ 7 เลยนะ ฉันให้หมอนี่หน้าตาดีเป็นอันดับ 7 แล้วกัน”  ผมแกล้งทำหน้าเห็นใจ แกล้งเจ้าของแล้ว จะละเว้นหมาตัวใหญ่ของเขาไปได้อย่างไร

    ยูคยอมอ้าปากค้าง “ฮะ ฮยองใจร้าย!” เจ้าลูกหมายักษ์ทำหน้าน้อยใจ “ทำแบบนี้กับผมได้ไง ผมน้อยใจแล้วนะ ผมงอนแล้วนะ”

    “โทษทีน้ายูคยอม”

    “อย่าให้ถึงทีผมบ้างนะ ผมแก้แค้นแน่”

    “ระวังมันกระโดดงับหัวเอานะ หยึย พูดแล้วเจ็บจี๊ดๆ ขึ้นมาเลย” แจ็คสันเอามือลูบหัวตัวเอง

    “ก็ตอนนั้นใครใช้ให้ฮยองแกล้งผมล่ะ” ยูคยอมแย้ง

    “ใครไปแกล้งนายวะ แถมยังมาค้อนขวับๆ ใส่ฉันอยู่ตั้งหลายวัน ฉันพูดด้วยก็ไม่พูดด้วย”

    “ก็แบมฮยองบอกรักฮยอง” เด็กยักษ์พึมพำ บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่คนเดียว คนอื่นๆ ก็ได้แต่ส่ายหัวขำๆ

    ในขณะที่ยูคยอมกำลังบ่นน้อยอกน้อยใจ แจ็คสันก็เอียงเอาไหล่ไปกระแทกแบมแบมที่นั่งเงียบอยู่เชิงปลอบ แต่เจ้าตัวดันคิดว่าแจ็คสันมันล้อเลียนเลยหยิบไก่ทอดยัดปากไอ้คนหวังดีมันซะเลย พอเห็นแจ็คสันโวยวายก็หัวเราะชอบอกชอบใจ ลืมเรื่องที่ถูกแกล้งเมื่อกี๊ไปเสียหมด เหลือแต่เจ้าตัวยักษ์ที่ยังบ่นอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว

    “อะๆ ฉันยกนี่ให้นายแล้วกัน” ผมตักเนื้อให้ยูคยอมซึ่งบ่นงึมงำๆ แต่ก็ตักเข้าปากอยู่ดี

    “มาร์คฮยองไปไหนอะ” แล้วแบมแบมก็ถามขึ้นมา

    “เห็นว่ากลับบ้าน” แจบอมตอบ ได้ยินแบบนั้นเจ้าตัวเล็กก็พยักหน้ารับรู้แล้วไม่ถามอะไรอีก

    หลังกินข้าวเสร็จแจบอมไปช่วยยองแจล้างจาน ผมกับพวกที่เหลือพากันอพยพย้ายมาอยู่หน้าทีวีแทน แจ็คสัน แบมแบม ยูคยอมนั่งล้อมวงเล่นเลโก้ที่ดูเหมือนเจ้าแจ็คสันจะไปเจอจากห้องยองแจ ส่วนผมนั่งโซฟากดรีโมทดูทีวีไปเรื่อยๆ โซฟาข้างตัวยวบลง เหล่มองก็เห็นรูมเมทพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทนั่งพิงพนักสบายๆ อยู่ข้างๆ ผมไม่ได้พูดอะไร เลื่อนสายตากลับมาดูเกมโชว์ต่อ

    สัมผัสเบาๆ จากคนข้างๆ ที่ค่อยๆ ใช้มือลูบหัวกึ่งสางผมทำให้ต้องหันไปมองอีกรอบ

    “ผมนายนุ่มดี” แจบอมพูดยิ้มๆ สีหน้าดูอ่อนโยน

    “ผมนายไม่นุ่มหรือไง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ในใจท่องย้ำๆ ว่าอิมแจบอมคือบุคคลอันตราย อิมแจบอมคือบุคคลอันตราย อิมแจบอมคือบุคคลอันตะ....

    แม้แต่เสียงท่องในใจของผมก็ยังต้องสะดุด เมื่อมือของบุคคลอันตรายจับมือผมไปวางบนหัวตัวเอง

    “นายคิดว่าไงล่ะ” ไอ้เจ้าบ้านี่!

    ผมชักมือกลับ “อย่างกับไม้กวาด” ตอบเสียงเรียบ

    “ไม่ใช่สักหน่อย!” แจบอมโวย

    “เรื่องของนาย”

    “ใจร้ายแฮะ” ใครกันแน่ที่ใจร้าย วันนี้ฉันเพิ่งย้อนอดีตดราม่ามาคนเดียวนะ ภูมิต้านทานต่ำ อย่าเพิ่งโจมตีกันสิ

    “ชอบล่ะสิ!

    “ไม่ได้ชอบ!” ผมโพล่งปฏิเสธออกไป

    แจ็คสันหันมามองหน้า “อะไรของนาย ฉันไม่ได้พูดกับนายสักหน่อย” คนเพี้ยนประจำหอทำหน้าเหลอหลา “ฉันพูดกับแบมแบมว่าชอบบ้านที่ฉันต่อใช่ไหมล่ะต่างหาก”

    “อ่า เอ่อ” ผมมองหน้าคนอื่นๆ ไปมา อ๊า จริงๆ เลย วันนี้หลอนบ้าอะไรเนี่ย เพราะมาร์คฮยองคนเดียวเลย

    “จูเนียร์ฮยองไปซะแล้ว” ยูคยอมทำหน้าสงสาร เฮ้ยๆ ฉันยังไม่ได้บ้านะ

    “ยองแจ นายทำอะไรให้หมอนี่กินแน่เนี่ย” แจบอมหันไปถามพ่อครัวประจำหอที่เพิ่งเดินออกมาจากครัว

    “ทำแบบเดียวกับที่ฮยองกินนั่นแหละ” ยองแจตอบเอือมๆ เดินไปนั่งลงโซฟาอีกตัว “แจ็คสันฮยองแอบถุยน้ำลายลงจานข้าวจูเนียร์ฮยองหรือเปล่า”

    “หาเกี่ยวไรกับฉันวะ” คนโดนกล่าวหาโวยวาย

    “จูเนียร์ฮยองเลยติดเชื้อบ้าไง” คนโดนโวยตอบหน้าตาย

    “ไอ้...ไอ้เด็กนี่!” แจ็คสันติดอ่าง หยิบหมอนเขวี้ยงใส่เด็กปากจัด

    “วันนี้ฉันเบลอๆ สงสัยเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย งั้นกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานด้วย” บอกลาพวกเด็กๆ แล้วผมก็รีบแผ่นแนบกลับห้องอย่างไวก่อนจะหลุดพิรุธอะไรไปมากกว่านี้


    ------------------------------------------------------------------

    ทิ้งตัวนอนคว่ำลงบนเตียง เฮ้อ มาร์คฮยองตัวแสบ มาจุดประเด็นทิ้งไว้แล้วไปเฉยเลย ไว้กลับมาก่อนเถอะ ผมจะเอาคืนให้หนัก

    “เป็นไรหรือเปล่า” เสียงคุ้นหูดังมา

    พลิกตัวนอนหงาย ภาพที่เห็นคือผู้ชายผมเทาตัวสูงกำลังยืนมองมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง พอไม่ได้รับคำตอบก็นั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอามือมาจับหน้าผากผม อิมแจบอม นายอย่าเพิ่งจู่โจมกันตอนนี้ได้ไหม ฉันยิ่งไม่ค่อยปกติอยู่

    “นายหน้าแดงๆ เป็นไข้เหรอ ปวดหัวไหม หรือจะเป็นหวัด” ถ้าเกิดฉันเป็นหวัดขึ้นมาจริงๆ รู้ตัวไว้เลยว่านายนั่นแหละที่เป็นไวรัส

    “จำตอนเราย้ายมานี่ใหม่ๆ ได้หรือเปล่า” ผมพูดขึ้นมา

    “อือ ทำไมเหรอ”

    “จู่ๆ นายก็บอกให้ทุกคนเรียกนายว่าเจบี เหตุผลแค่เพราะมันดูเท่ดีแค่นั้นเหรอ” ผมถาม จริงๆแล้วผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไรกับเหตุผลแค่นั้น โดยเฉพาะกับผู้ชายที่ชื่ออิมแจบอม

    “อ่า เรื่องนั้นเองเหรอ” คนถูกถามละมือออกจากหน้าผากผมก่อนจะหันไปอีกทาง เอาสองมือเท้าเตียงไว้

    “นายทำไปทำไม”

    “ก็นายน่ะ จู่ๆ ต้องมาถูกเรียกว่าจูเนียร์ จริงๆ แล้วก็คงรู้สึกแปลกๆ อยู่ใช่ไหมล่ะ ฉันก็เลยคิดว่าถ้าฉันถูกเรียกว่าเจบีไปด้วยอีกคน มันจะได้ เอ่อ ยังไงล่ะ ก็แบบนายอาจจะไม่ต้องรู้สึกตัวคนเดียว ฉันกลัวนายเหงาน่ะ ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วก็หันมาขยี้ผมกันซะยุ่ง “นายไม่เข้าใจฉันหรอกใช่ไหมล่ะ แต่ว่าชื่อเจบีก็เท่จริงๆ นะ ฉันชอบ”

    ตึกตัก ตึกตัก

    “ย่าห์ จินยอง หลับหรือไง นิ่งเชียว”

    ตึกตัก ตึกตัก

    “พัคจินยอง ย่าห์!

    ตึกตัก ตึกตัก

    “หัวใจยังเต้นอยู่ไหมเนี่ย”

    “ว้ากกก” ผมผลักไอ้คนที่ทำท่าจะโน้มตัวลงมาฟังเสียงหัวใจออกอย่างแรง “นายมันเป็นไวรัสอิมแจบอม ออกจากห้องฉันไปเลย!” ว่าแล้วก็ดึงผ้าห่มคลุมโปง ก่อนจะพลิกตัวหนี

    อิมแจบอมเป็นบุคคลอันตราย อิมแจบอมเป็นบุคคลอันตราย อิมแจบอมเป็นบุคคลอันตราย  จำไว้พัคจินยอง!


    --------------------------------------------------------------------TBC

    1 ออมม่า ในภาษาเกาหลีแปลว่าคุณแม่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×