คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ► Chapter 9 (100%)
Chapter 9
เช้าวันจันทร์ที่แสนน่าเบื่อ... ร่างเล็กของจินฮวานพยายามอยู่นานกว่าจะดึงตัวเองออกจากเตียงได้ เมื่อคืนนี้กว่าจะข่มตาหลับลงก็กินเวลาไปเสียนาน แถมตื่นขึ้นมายังต้องเผชิญกับสภาพใบหน้าโทรมๆของตัวเองในกระจกอีก ดวงตาที่บวมปูดเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักดูยังไงก็คงปกปิดไม่มิด
ปกติจินฮวานไม่ชอบทาแป้งเยอะ แต่วันนี้เขาคงต้องใช้มันสำหรับการกลบเกลื่อนร่องรอยบนใบหน้ามากทีเดียว ทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่นึกถึงไม่ร้องไห้ไม่ฟูมฟายอีกแต่... สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้
“แน่ใจนะว่าจะไม่ให้พี่ไปส่ง เดี๋ยวซึงยุนก็มาถึงแล้ว..” เมื่อลงมาถึงชั้นล่างพี่จินอูก็รีบตรงมาหาเขาทันที
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองได้” ในขณะที่ตอบก็พยายามยิ้มเหมือนอย่างปกติ
โชคดีที่เมื่อวานนี้พี่จินอูไม่ได้ติดใจสงสัยเรื่องที่เขาออกไปข้างนอก แต่ก็ยังเรียกไปคุยเรื่องจุนฮเวอยู่ดี... สุดท้ายพวกเขาสองคนพี่น้องก็โผเข้ากอดกันทั้งน้ำตา แม้ไม่ต้องมีคำพูดมากมายอะไรแต่พวกเขาต่างก็สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี คำขอโทษมากมายที่ออกมาจากปากของผู้เป็นพี่ชายทำให้จินฮวานรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย เขาไม่เคยคิดจะโทษพี่ชายเลย เพราะถ้าหากจะหาคนผิด ก็คงเป็นเขาเองนั่นแหละ... ที่ปล่อยให้ตัวเองหลงอยู่กับคำหลอกลวงซึ่งไม่มีวันเป็นจริง
หลอกตัวเองมานาน... ตอนนี้เขาควรอยู่กับความเป็นจริงได้แล้ว...
เดินออกมาจากบ้านก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อพบกับร่างสูงในชุดนักเรียนสวมทับด้วยเสื้อโค้ชตัวหนากำลังยืนพิงกำแพงอยู่ที่หน้าบ้าน คงเป็นเพราะอากาศหนาวฮันบินจึงเอามือซุกไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาคมคู่นั้นหันมาสบตากับจินฮวานนิ่งๆก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก
“ไปโรงเรียนกันเถอะครับ”
“ท..ทำบ้าอะไรของนาย หนาวขนาดนี้ทำไมไม่เข้ามาในบ้าน อยากแข็งตายนักรึไง!” เมื่อไม่รู้จะพูดอะไร จินฮวานจึงได้แต่ส่งคำต่อว่าที่แฝงด้วยความเป็นห่วงออกไป
“ก็ไม่หนาวขนาดนั้นซักหน่อย ปีนี้หิมะยังไม่ตกเลยนะครับ” ว่าพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “รอพี่แค่นี้ผมไม่เป็นไรหรอก”
พอจบประโยคสุดท้ายก็หันกลับมามองร่างเล็กตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่น้อยคนนักจะเคยได้เห็นมัน
“ค..คราวหน้าถ้าจะออกมารอก็โทรบอกด้วยแล้วกัน” พูดจบก็ออกตัวเดินนำลิ่วๆไปตามทางโดยไม่สนใจว่าคนข้างหลังจะตามมาหรือไม่
แต่ฮันบินไม่ปล่อยให้ร่างเล็กเดินไปเพียงลำพังแน่ เขารีบก้าวขายาวจนไปอยู่ในตำแหน่งข้างๆกัน
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ไปโรงเรียนพร้อมกันอย่างนี้ ถ้าไม่นับครั้งล่าสุดที่แม่จินฮวานขับรถไปส่ง... ก็เป็นเวลานานมากทีเดียว
จินฮวานต้องาการเวลา ...ฮันบินรู้ แต่ช่วงเวลาระหว่างนี้เขาก็จะไม่ยอมปล่อยมันไปเช่นกัน เขายอมสละเวลาว่างที่เหลือให้ทั้งหมดให้กับพี่ชายคนนี้ ถ้าต้องการให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาไปเรื่อยๆ ฮันบินก็ต้องทำให้จินฮวานเปิดใจยอมรับเขาให้ได้ เพราะต่อให้จินฮวานรักเขามากเกินกว่าคำว่าน้องชายแต่กลับปิดกั้นเขาอย่างที่เป็นอยู่ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?
ทั้งสองคนต่างเดินขึ้นรถประจำทางทันทีที่มันจอดลงตรงหน้า ร่างเล็กเลือกที่นั่งติดกับหน้าต่างและฮันบินก็เดินตามมานั่งงลงข้างๆ พอนึกๆดูแล้วที่ตรงนี้ก็เป็นที่ประจำที่พวกเขาชอบนั่งทุกครั้งเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วงมัธยมต้นแรกๆก็ยังคงเป็นอย่างนั้น จนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...
เมื่อไหร่ที่ทั้งสองเลิกไปโรงเรียนพร้อมกัน...
“ฮันบิน...” เสียงเรียกจากจินฮวานทำให้ร่างสูงหันไปมองอย่างรวดเร็ว “ขอโทษนะ...”
“ครับ?”
“ที่ผ่านมา...” พูดได้เท่านั้นก็ก้มหน้าลงไปมองมือของตัวเองที่วางอยู่บนตัก “พี่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของนายเลย...”
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ” มือหนายื่นเข้าไปจับมือเล็กเอาไว้ ทุกครั้งที่ทำแบบนี้ก็เพื่อต้องการให้จินฮวานรู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ “แค่ผมรู้ว่าพี่เองก็คิดเหมือนกันกับผม เท่านั้น... ผมก็ดีใจแล้ว”
“...”
“ต่อไปนี้ผมจะรุกหนักแล้วนะ ทำใจไว้ให้ดีหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“พ..พูดบ้าอะไรเนี่ย!” ใบหน้าหวานหันมามองร่างสูงตาขวางทันที
“ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ พี่ยังไม่ชินอีกหรอ? ผมจะต้อนพี่ให้จนมุมเลย จนกว่าพี่จะยอมพูดว่าพี่ก็รักผมเหมือนกัน” ว่าพลางยักคิ้วใส่แบบกวนๆ
“ก็เรื่องของนาย!”
“อ้าว งั้นแสดงว่าพี่ยอมให้ผมทำอะไรก็ได้แล้วอะดิ ฮ่าๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของเขาดังจนคนที่นั่งอยู่ข้างหลังต้องมองด้วยสายตาแปลกๆ
“หุบปากได้แล้วน่า!”
ฮันบินนั่งเงียบตามสั่งแล้วดึงมือของตัวเองกลับมาก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆหูของจินฮวาน
“ผมรักพี่นะครับ...”
เมื่อลงมาจากรถประจำทางฮันบินก็ขอตัวไปทำธุระที่ห้องสภานักเรียน ดังนั้นจินฮวานจึงต้องเดินขึ้นตีกเรียนไปเพียงคนเดียว ดีแล้วล่ะ... จินฮวานคิดอย่างนั้น เพราะหลังจากได้ยินคำกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู เขาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปหัวใจของเขาอาจจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่ฮันบินอย่างแน่นอน...
“อรุณสวัสดิ์ครับ~” พอเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆจะถึงทางเลี้ยวก็ถูกขวางทางด้วยแก๊งเด็กปีสองแก๊งเดิม
เจ้าเด็กพวกนี้... วันๆไม่ทำอะไรกันเลยสินะ
“หลีกไป” พยายามกลั้นอารมณ์เอาไว้จนถึงที่สุดแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน
“โอ๊ะๆ วันนี้จะมีอัศวินมาช่วยอีกรึเปล่าก็ไม่รู้” เด็กผมทองตัวสูงเริ่มล้อเลียนจินฮวานพลางทำหน้าทะเล้นใส่เขา “ท่านประธานของเราคงจะงานยุ่งจริงๆ”
“จะหลบไปได้รึยัง?”
“หอมแก้มผมทีนึงดิเดี๋ยวหลบเลย” นักเรียนชายเจ้าของทรงผมชี้ไปชี้มาที่ทำระเบิดหูนั่นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆจินฮวาน
“ไม่มีวัน” มือเล็กถูกยกขึ้นมาดันใบหน้านั้นออกไปพลางขยับตัวออกห่าง
“พี่มือนุ่มจังเลยแฮะ คึคึ” เด็กหนุ่มหันไปหัวเราะกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน
เด็กพวกนี้ชอบทำให้เขาอารมณ์เสียจริงๆ ให้ตายเถอะ หรือว่าเขาควรเดินกลับลงไปแล้วหนีไปขึ้นอีกทางดี ถ้าลงไปตอนนี้ก็ยังทัน... คิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว ทว่า... ขาเล็กๆของเขากลับก้าวต่อไปไม่ได้เมื่อต้องเผชิญกับร่างสูงตรงหน้า
จุนฮเว...
ราวกับร่างกายถูกแช่แข็งและหยุดหายใจไปชั่วขณะ เพียงไม่กี่วินาทีที่สบตากันก็ทำเอาหัวใจของจินฮวานเต้นไม่เป็นจังหวะ ในตอนนี้... เขาควรทำเช่นไร? เขาสามารถทักทายตามปกติได้หรือเปล่า? ไม่สิ... ตอนนี้พวกเขาต่างก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่ไม่เคย... รู้จักกัน
ยิ่งย่างก้าวของจุนฮเวใกล้เข้ามาเรื่อยๆจินฮวานก็ยิ่งวิตก แต่ดูท่าทางจุนฮเวจะไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขาเลย เพราะร่างสูงนั้นทำเหมือนมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ ทั้งยังเดินผ่านเขาไปราวกับเขาเป็นเพียงธาตุอากาศ... ขาเล็กเริ่มก้าวเดินบ้าง... พยายามตั้งสติและเดินลงบันไดไปโดยไม่หันกลับไปมอง
“ขอทางด้วยครับ” มีเพียงเสียงจากประโยคสั้นๆเท่านั้นที่เขาสามารถได้ยิน... จินฮวานไม่รู้ว่าแก๊งเด็กปีสองเหล่านั้นหลบทางให้กับจุนฮเวหรือไม่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่แล้ว... ไม่ใช่อีกต่อไป...
ร่างเล็กมาถึงที่ห้องเรียนด้วยเส้นทางที่อ้อมนิดหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่ามัวไปเถียงกับเด็กพวกนั้น
ขณะกำลังจะเลี้ยวเข้าไปในห้องก็มีเรื่องให้เขาตกใจอีกครั้งเมื่ออยู่ๆที่นั่งข้างๆเขาไม่ได้ว่างอีกต่อไป จินฮวานมองเพื่อนสนิทด้วยความงุนงง ปกติเห็นแทฮยอนมาเรียนได้นี่ก็ยากมากแล้ว มาคราวนี้ถึงกับนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ด้วย!! จินฮวานขยี้ตาตัวเองทีนึงเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป
“ไง” เดินไปยังที่นั่งประจำของตนเองก่อนจะส่งเสียงทักทายเพื่อน
“อ้าวมาแล้วหรอ” มือเรียววางหนังสือลงพร้อมกับหันหน้าไปมองจินฮวาน ใบหน้าหวานภายใต้กรอบแว่นนั้นดูจริงจังเกินกว่าที่จินฮวานคาดเอาไว้
“เป็นไรมากป่ะเนี่ย”
“ป่าวนี่”
“นึกไงนั่งอ่านหนังสือเรียนวะ” ว่าพลางส่งสายตาพยักเพยิดไปทางกองหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เอ๊า ก็คนมันหยุดเรียนไปตั้งนาน ขืนไม่อ่านก็ตามไม่ทันดิ”
“...” จินฮวานแทบจะอ้าปากค้าง ไม่คิดเลยว่าคนอย่างนัมแทฮยอนจะมีความคิดอย่างนี้ด้วย
“อีกอย่าง... ช่วงนี้ใกล้สอบเอ็นทรานซ์แล้วนะ ต้องขยันเป็นธรรมดาแหละ”
“จริงด้วยสิ...” อีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะถึงเวลาสอบเข้ามหา’ลัยแล้ว ในขณะที่ตอนนี้เขาเริ่มอ่านหนังสือไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
เห็นทีว่าเขาคงจะต้องขยันแบบเพื่อนบ้างซะแล้ว ถ้ามัวแต่ไปคิดเรื่องอื่นก็อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องกันพอดี เพราะงั้นช่วงเวลาที่เหลือนี้เขาจึงตั้งใจไว้ว่าจะทุ่มเทให้กับการเรียน ไม่อย่างนั้น... ถ้าสอบไม่ติดมีหวังได้โดนคุณนายคิมหมายหัวแน่...
...พอหันไปอีกทีแทฮยอนกลับไปสนใจกองหนังสือเรียบร้อยแล้ว จินฮวานมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ... อะไรดลใจให้เพื่อนเขาเป็นได้ถึงขนาดนี้กัน...
ช่วงเวลาเย็นหลังเลิกเรียน ถ้าเป็นปกติแล้วจินฮวานมักจะตรงกลับบ้านทันทีถ้าไม่ได้มีธุระอะไรที่ไหน อย่างวันนี้ก็เช่นกัน ขณะที่เขากำลังเดินออกไปทางหน้าประตูโรงเรียนก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และหลังจากหยิบมันขึ้นมาดูก็พบกับเบอร์ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
ฮันบินโทรมาบอกเขาให้รอกลับพร้อมกัน ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงยืนรอร่างสูงอยู่ที่หน้าโรงเรียน เวลาผ่านไปประมาณห้านาทีจินฮวานก็มองเห็นร่างสูงของฮันบินนั้นวิ่งมาแต่ไกล
“โทษทีที่มาช้า พี่หนาวรึเปล่า?”
“ไม่หรอก กลับบ้านกันเถอะ”
“ครับ” ร่างสูงยิ้มให้จินฮวานอีกครั้งในรอบวัน “พี่จินฮวาน”
“ฮื้ม?” ร่างเล็กขานรับในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปเรื่อยๆ
สองข้างทางเต็มไปด้วยกองใบไม้สีส้มที่หล่นร่วงลงมาจากต้นไม้ยามเมื่อมันผลัดใบ สัญญาณที่บ่งบอกว่าฤดูใบไม้ร่วงกำลังจากไปและฤดูหนาวกำลังเข้ามาเยือน...
“ต่อไปนี้เรามาโรงเรียนแล้วก็กลับบ้านด้วยกันทุกวันได้มั้ย? ยังไงผมก็ไม่มีงานพิเศษที่ต้องทำอีกแล้ว”
“แล้ว...งานที่สภานักเรียนล่ะ”
“ผมจะรีบเคลียร์ให้เสร็จก่อนกลับบ้าน”
“อืม เอางั้นก็ได้” จินฮวานรู้ว่าต่อให้ปฏิเสธไปฮันบินก็คงไม่ยอมอยู่ดี
การจะตัดใจจากใครซักคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย และการเปิดใจรับใครซักคนก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน...
แต่ในกรณีของฮันบิน... จินฮวานคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นมากนัก... ในเมื่อส่วนหนึ่งของหัวใจ... ลึกๆแล้ว... เขายังความมีความรู้สึกดีๆต่อฮันบินอยู่ จริงๆจะให้จินฮวานยอมรับความรักจากฮันบินเลยก็ได้ เพียงแต่... เขารู้สึกว่าตนเองไม่ควรทำเช่นนั้น เขาเพิ่งตัดขาดจากจุนฮเวไป ถ้าเกิดอยู่ๆจะให้ไปเริ่มต้นใหม่กับอีกคน คนๆนั้นจะไม่ดูเหมือนเป็นตัวแทนเกินไปหรอ?
จินฮวานไม่อยากให้ฮันบินเป็นเหมือนตัวแทนของใคร...
เพราะสำหรับเขาแล้ว... ฮันบินมีค่ามากมายกว่านั้น...
หากว่าฮันบินยังไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน... จินฮวานเชื่อว่าสักวัน... เขาคงจะเลิกกลัวความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้อย่างแน่นอน...
…
…
…
“พี่มัวคิดอะไรอยู่ ไหนว่าจะอ่านหนังสือไง”
ภายในห้องนอนส่วนตัวของจินฮวาน... ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ร่างสูงของฮันบินปีนระเบียงเขามาโดยพลการ แถมยังมานั่งจ๋องอยู่กลางห้องพร้อมกับการบ้านที่หอบมาด้วย
“ก็...กำลังอ่านอยู่นี่ไง ตั้งใจทำการบ้านของนายไปเถอะ” ว่าแล้วก็หยิบปากกาเน้นข้อความขึ้นมาขีดๆเขียนๆลงไปที่หนังสือ บนหัวของเขาคือหน้าม้าที่ถูกรวบไปมัดเป็นทรงต้นมะพร้าวเพื่อไม่ให้มันขัดใจเวลาก้มหน้าอ่าน
ถ้าเป็นเมื่อตอนเด็กๆ จินฮวานกับฮันบินมักจะมานั่งทำการบ้านด้วยกันแบบนี้เป็นประจำ บางครั้งเขาก็ช่วยสอนฮันบินบ้าง ถึงจะไม่ได้มากมายอะไรแต่ในฐานะพี่ก็ทำหน้าที่ดูแลน้องได้เป็นอย่างดี คงจะเป็นตั้งแต่ตอนที่จินฮวานเริ่มทำตัวออกห่าง ฮันบินก็เลยไม่กล้าเข้ามาทำการบ้านในห้องเขานานแล้ว
พอได้กลับมาอยู่กับบรรยากาศแบบนี้ ภาพความทรงจำต่างๆก็ผุดเข้ามาในหัวเรื่อยๆ สรุปแล้วการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกอย่างนั้นก็มาจากความเห็นแก่ตัวของเขานั่นเองที่ไม่เคยนึกถึงจิตใจของฮันบินเลย แล้วถ้าหากว่า... ถ้าหากว่าสามารถย้อนเวลากลับไปได้... เขาจะยังคงทำให้ฮันบินเสียใจเหมือนเดิมหรือเปล่านะ...
จนกระทั่งนาฬิกาบนผนังบอกเวลาเกือบห้าทุ่ม ขณะที่จินฮวานอ่านหนังสือผ่านไปได้สองบทก็ได้ยินเสียงเก็บข้าวของดังมาจากด้านหลัง ฮันบินรวบสมุดและหนังสือของตนเองขึ้นมาถือไว้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาจินฮวานที่นั่งอยู่บนโต๊ะ
คนที่ตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย
“จะกลับแล้วหรอ”
“ครับ แล้วนี่พี่จะอ่านจนถึงเมื่อไหร่”
“ไม่รู้ดิ ง่วงเมื่อไหร่ก็คงเลิกอ่าน” ร่างเล็กยักไหล่ทั้งสองข้าง
“ถ้าพี่สอบเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันดีป่ะ?”
“หืม เที่ยวที่ไหน?”
“ความลับครับ” ฮันบินมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่แฝงเลศนัยน์พลางยกรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก
“ชิ...”
“ถ้างั้นก็...” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลงไปข้างหน้าแล้วจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเล็ก “สู้ๆนะครับ”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บีจินนนนนน *ชูป้ายไฟเชียร์* ในที่สุดก็ถึงคราวของน้องไบแล้ว
เน่น้อย... ไม่เป็นไรนะลูก ;w;
ความคิดเห็น