{SF} At Gwanghwamun KyuMin - {SF} At Gwanghwamun KyuMin นิยาย {SF} At Gwanghwamun KyuMin : Dek-D.com - Writer

    {SF} At Gwanghwamun KyuMin

    ผู้เข้าชมรวม

    389

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    389

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 พ.ย. 57 / 23:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีค่ะ
    ไม่ได้เข้ามาซะนานเลย  ฟิคนี้แต่งด้วยอารมณ์ไรท์เตอร์ล้วนๆ รบกวนคอมเม้นต์ด้วยนะคะ ฟังเพลงใหม่ของคยูฮยอนไปด้วยจะได้อารมณ์มากขึ้นนะคะ ถ้าเม้นต์เยอะ จะมาต่อภาคสองให้ค่ะ
    ขอบคุณค่ะ 
    ช่องทางการติดต่อนะคะ
    Twitter:Shinzkwanye 
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      At Gwanghwamun

      ซองมิน ฉันมีอะไรจะให้นายร่างสูงบอกยิ้มๆ พลางซ่อนของในมือไว้ให้มิดที่สุด เพื่อรอให้อีกฝ่ายถามก่อนว่าเขาจะให้อะไร วันนี้เป็นวันพิเศษของเขาทั้งสองคน มันเป็นวันครบรอบแปดปีที่เขาและคนรัก แม้วันเวลาจะผ่านล่วงเลยไปอีกสักกี่ปี เขาก็มั่นใจว่าเขาไม่มีวันที่จะทิ้งอีซองมินเด็ดขาดเพราะเขารักคนตรงหน้ายิ่งกว่าอะไรเสียอีก และจากวันนี้จนถึงตลอดไป เขาก็จะดูแลซองมินไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดลมหายใจ

      อะไรเหรอคยูฮยอนร่างบางถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตาก็ไม่แม้แต่ที่จะมองคนรักของตัวเองสักนิด แต่ร่างสูงก็ไม่ท้อ ค่อยๆบรรจงนำกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาก่อนจะเปิดมัน ข้างในเป็นแหวนเงินเงาเอี่ยม เป็นแหวนที่ร่างบางอยากได้มานาน แม้ว่ามันจะมีราคาแพงมาก แต่คยูฮยอนก็หามาให้เขาจนได้

      สุขสันต์ครบรอบแปดปีนะซองมิน อยู่กับฉันไปนานๆนะร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นก่อนจะค่อยๆหยิบมันออกมาอย่างบรรจง เพื่อที่จะสวมใส่ให้กับร่างบาง แต่ทันที่ที่มือแกร่งจับมือของฝ่ายตรงข้าม เขาก็ถูกสะบัดมือออกอย่างแรง คยูฮยอนรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ร่างบางทำ แต่เขาก็ยังคงเก็บความรู้สึกนั้นไว้ภายใต้หน้าที่ยังคงยิ้มอยู่

      ถ้านายยังไม่พร้อมที่จะใส่มันตอนนี้ ก็ไม่เป็นไรนะซองมิน ฉันจะเก็บเอาไว้ให้นายจนกว่านายจะพร้อมก็แล้วกันนะเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนตามเคย แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ซองมินกลับยิ่งฉุนเฉียวกว่าเดิม มือบางผลักอกแกร่งของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจนล้มไม่เป็นท่า ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที โดยทิ้งให้ร่างสูงนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด  ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นมาก่อนจะเดินไปนั่งตรงโซฟาสีขาวที่อยู่ติดกับหน้าต่างในห้องนั่งเล่น เขานั่งลงพลางเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้เป็นเวลาค่ำคืนที่หิมะเริ่มโปรยปราย เพราะเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว   บรรยากาศผสมกับความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกเหงาขึ้นมาทันที

      เขาหยิบสมาร์ทโฟนคู่ในออกมานั่งเช็คดูข่าวในเฟสบุ๊ก และได้พบว่าคนรักของเขาเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ รูปโปรไฟล์นั้นเป็นภาพเซลฟี่ โดยมีคนรักของเขาอยู่ด้านซ้ายและมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่ด้านขวา ผู้หญิงคนนั้นมีรูปหน้าที่เรียวแหลมเหมือนมะม่วง ดวงตากลมโต แต่ก็ดูน่ารักพอสมควร ทั้งสองคนดูมีความสุข เขาไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าคงเป็นเพื่อนกัน ที่ผ่านมา รูปโปรไฟล์ของซองมินจะเป็นรูปเซลฟี่คู่กับเขาเสมอ เขานั่งดูโปรไฟล์ของคนรักไปเรื่อย จนเวลาล่วงเลยผ่านไปได้สักพัก เขามองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ตอนนี้เริ่มดึกแล้ว แต่คนรักของเขายังไม่กลับมาเลย เขารู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก เพราะตอนนี้หิมะเริ่มตกหนักแล้ว แต่ก็ไม่มีแววที่ซองมินจะกลับมาเลย เขากดโทรศัพท์โทรหาซองมิน แต่ก็สายกลับไม่ว่าง เขานั่งรออยู่ที่โซฟา คยูฮยอนยังไม่อยากนอน เขาอยากนอนพร้อมกับซองมินมากกว่า ยิ่งอากาศแบบนี้ ถ้าเขาเผลอหลับก่อน แล้วซองมินกลับมา เขาอาจจะไม่ได้กอดร่างบาง และมันอาจจะทำให้คนรักของเขารู้สึกหนาวและอาจจะไม่สบายก็ได้ เขาเปิดข่าวในสมาร์ทโฟน นั่งอ่านไปเรื่อยๆ เพื่อฆ่าเวลารอ เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งตีสอง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่คนรักของเขาจะกลับเลย เขากดโทรศัพท์โทรหาซองมินอีกครั้ง เขานั่งรอสายอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งในที่สุดซองมินก็รับสาย

      [ว่าไง]

      นายอยู่ไหนเขาถามด้วยความเป็นห่วง ปลายสายนั้นมีเสียงดนตรีดังมาก ราวกับอยู่ในผับ

      [ฉันอยู่ผับ อยู่กับเพื่อน อาจจะกลับเช้าเลย นายเข้านอนก่อนก็ได้นะ]ปลายสายก็เสียงดูเหมือนจะเมามาก ทันทีที่ได้ยินเสียงแบบนี้ เขารีบถามต่อทันที

      นายอยู่ผับไหน ฉันจะไปรับกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ

      [ไม่ต้องมาหรอก ฉันกลับเองได้ นายนอนเถอะ]ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงออกรำคาญ ก่อนจะตัดสายไปทันที

      ซองมิน!! โถ่เว้ยเขาสบถออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขาไม่เข้าใจทำไมซองมินถึงกลายเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เข้าผับเลย เหล้าก็ไม่กิน มันเกิดอะไรขึ้นกับซองมินกันแน่

      คยูฮยอนพยายามโทรหาซองมินหลายรอบ แต่ก็ไม่มีวี่แววที่ร่างบางจะรับสายเลย คยูฮยอนพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ความหมายอยู่ดี ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่เขาพยามโทรหาอีซองมิน ด้วยความอ่อนล้าจากการทำงานมาทั้งวัน ทำให้เขาค่อยๆหมดแรงและหลับไปบนโซฟาสีขาวตัวเดิม วันนี้เป็นวันที่เขาหมดทั้งแรงกายและแรงใจ ทุกๆเรื่องกำลังรุมเร้าโจวคยูฮยอน การนอนหลับอาจจะเป็นทางเดียวที่เขาจะหนีเรื่องแย่ๆแบบนี้พ้น

      ..................

      แสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนสีเขียวอ่อน และมันได้สาดลงไปยังใบหน้าหวานที่กำลังหลับอย่างมีความสุข แสงแดดนั้นทำให้คนขี้เซาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวมึนๆ เพราะเมื่อฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ดื่มเข้าไปอย่างหนักเมื่อวาน มือบางขยี้ตาหวานเบาๆเพื่อให้หายง่วง ก่อนจะหันไปมองผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ เขาบรรจงลูบไปตามไรผมของผู้หญิงคนนั้นอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา แม้จะเหนื่อยจากการทำกิจกรรมเมื่อคืน แต่แค่ได้เห็นหน้าคนที่เขารัก มันก็ดีขึ้นมามาก แต่ซองมินนั้นไม่อาจรู้เลย ว่าเขากำลังหลงผิด ยังมีใครอีกคนที่ยังรอคอยเขาอยู่ที่บ้าน เขาคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้สีอ่อนขึ้นมาดู

      ‘KH:137 missed call’

      คยูฮยอน.. เขาเอ่ยชื่อเจ้าของสายที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตกใจ รีบวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วเข้าห้องน้ำไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวเตรียมกลับบ้านทันที หลังจากที่เขาทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาหยิบกระเป๋าสีชมพูอ่อนใบโปรดมาไว้แนบกาย ก่อนจะเปิดประตูและเตรียมจะออกจากที่พักชั่วคราว

      คุณซองมินคะทันใดนั้นก็มีเสียงของคนข้างหลังมารั้งเขาไว้

      ว่าไงแจริมเขาหันไปพูดกับหญิงสาวคนนั้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้ใช้น้ำเสียงแบบนี้กับใครนอกจากยูฮยอน

      จะไปแล้วหรอคะ แจริมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน  ก่อนจะสวมกอดร่างบางไว้แนบแน่น

      เดี๋ยวพี่มาใหม่นะ พรุ่งนี้ วันนี้พี่ขอไปทำธุระก่อนนะครับ เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ก่อนจะลูบหัวของหญิงสาวเบาๆ แล้วจุมพิตที่หน้าผาก

      โอเคเลยค่ะ แจริมจะรอพี่นะ หญิงสาวตอบกลับด้วยยิ้มหวาน ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้ซองมิน  ร่างบางค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดนั้นเบาๆก่อนจะบอกลาและออกจากที่พักไปทันที เขารู้สึกผิดไม่น้อยที่เมื่อคืนคยูฮยอนโทรมาและเขาไม่ได้รับสายเลย ป่านนี้คยูฮยอนจะเป็นยังไงบ้างนะ เขาคิดในใจ ก่อนจะรีบโบกรถที่กำลังวิ่งเข้ามา

      ...................

      หลังจากที่หลับไปนานหลายชั่วโมง คยูฮยอนค่อยๆตื่นขึ้นมา เขามองไปที่นาฬิกา ตอนนี้มันเป็นเวลาสิบโมงครึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่ซองมินจะกลับมา เขาเดินงัวเงียเข้าห้องน้ำ ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะเตรียมตัวไปทำงานในตอนบ่าย คยูฮยอนทำธุรกิจของครอบครัว หลังจากที่เรียนจบ พ่อของคยูฮยอนก็ยกบริษัทนำเข้าสินค้าในเครือซีกรุ๊ปให้เขาทันที แม้ว่าความจริงแล้วเขาสามารถจ้างคนมาจัดการบริหารได้ แต่เขาเลือกที่จะบริหารเองจะดีกว่า เขาอยากเป็นคนที่ทำให้บริษัทสมบูรณ์แบบที่สุด

      หลังจากที่ร่างสูงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาอยู่ในชุดทำงานแบบสบายๆ เสื้อเชิร์ตถกแขนสีชมพูอ่อนกางเกงขายาวสีดำ มันทำให้เขาดูดีไม่น้อยเลย ก่อนที่เขาจะออกจากบ้าน เขาก็นึกขึ้นได้ว่าต้องเตรียมอาหารไว้รอคนที่กลับมาที่บ้านด้วย เขาคว้าผ้ากันเปื้อนสีเขียวอ่อนมาสวมใส่ ก่อนจะจัดการทำอาหารเช้าแบบง่ายๆและนำไปวางไว้บนโต๊ะอย่างดี พร้อมกับทิ้งโน้ตสั้นๆไว้ด้วย แล้วจึงคว้ารองเท้าหนังสีน้ำตาลบนชั้นวางมาใส่ ก่อนจะรีบออกไปทำงานทันที

      ...........

      คยูฮยอนเขาเรียกชื่อคนที่อยู่ภายในบ้านหลายครั้ง พร้อมทั้งเคาะประตู แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะมาเปิด ดังนั้นเขาจึงนำกุญแจไขเข้าไปก่อนจะพบว่า ไม่มีใครอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเลย เขาเดินไปดูที่ห้องนอน ค่อยๆเปิดประตูสีขาว ก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปเล็กน้อย

      คยูฮยอนแต่ก็ไม่มีคนที่เขาเรียกชื่ออยู่ในห้องนอนด้วย ร่างบางเดินไปที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะพบอาหารเช้าที่ร่างสูงทำไว้ให้ ทั้งๆที่มี นมจืด1แก้ว น้ำเปล่า1แก้ว ไข่ดาวและใส้กรอกกับขนมปัง แต่มันก็ดูน่ากินไม่น้อยเพราะคยูฮยอนนั้นทำอาหารเก่ง เมื่อมองไปที่แก้วนมก็พบว่า มีกระดาษโน้ตเล็กๆ ถูกวางทับอยู่ด้วย ร่างบางหยิบมันขึ้นมาดู

      ฉันออกไปทำงานแล้วนะ อาหารบนโต๊ะทานให้หมดนะ เดี๋ยวไม่มีแรง

      เย็นนี้เจอกันที่ถนนควังฮวามุนนะ ฉันคิดถึงนายมากๆ นอนหลับพักผ่อนด้วยนะ

      เป็นห่วงที่สุด

                                                                    คยูฮยอน

      ทันทีที่อ่านข้อความในชอร์ตโน้ตนั้นจบ น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำไมนะ เขาทำเลวขนาดนี้ คยูฮยอนถึงยังทนได้ ทำไมคยูฮยอนไม่ไปจากเขาเสียที ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาหมดรักคยูฮยอนไปตั้งนานแล้ว ทำไม ในหัวของร่างบางมีแต่คำว่า ทำไม..

      ซองมินนั้นไม่เคยรู้ตัวเลย ว่าเขาหลงผิดไปมากมายไหน แต่แม้ว่าซองมินจะหลงผิดไป คยูฮยอนก็ไม่เคยคิดจะโกรธ แม้จะรู้อยู่แก่ใจ เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รักต่อไป มันยากเกินที่จะถอนตัวแล้วนั่นเอง

      หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ ร่างบางจัดการล้างจาน ปัดกวาดเช็ดถูบ้านจนสะอาดเรียบร้อย ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวอีกครั้ง เพื่อชำระไรฝุ่นตามร่างกายให้หมดไป และเตรียมตัวไปพบคยูฮยอนที่ถนนควังฮวามุนด้วย

      ถนนควังฮวามุนคือสถานที่ ที่เขาและคยูฮยอนมาเดตด้วยกันครั้งแรก  มันเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ ตอนนั้นคยูฮยอนและเขายังอยู่ม.ปลาย คยูฮยอนดูเนิร์ดมาก ชอบใส่แว่นกลมๆเหมือนตัวการ์ตูนชื่อดังในสมัยนั้นไม่มีผิด แต่ใครจะไปรู้ว่าเด็กเนิร์คนนั้นจะกลายมาเป็นคนที่หล่อที่สุดในบรรดารุ่นที่จบมา ครั้งแรกที่เดินด้วยกันนั้น คยูฮยอนเขินเขามาก แต่ก็ยังเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ มันมีความสุขมากเลยหละ หลังจากที่คบกันแล้ว เขาแบะร่างสูงก็มักจะไปเดินเล่นที่นั่นด้วยกันบ่อยๆ การที่เขาและร่างสูงคบกันมาได้ถึงแปดปีนั้นเหมือนกับความฝัน ที่อีกไม่นานก็ต้องตื่นแล้ว..

      เมื่อถึงเวลาที่ร่างบางคิดว่าร่างสูงน่าจะเลิกงานแล้ว เขาจึงเดินออกจากบ้านไปที่ถนนควังฮวามุนทันที ก่อนออกจากบ้านเขาก็ไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อกันหนาวขนเป็ดสีแดงเข้มมาใส่ด้วย เพราะตอนนี้เหิมะนั้นปรกคลุมไปทั่วเมืองแล้ว บ้านของเขาและคยูฮยอนนั้นอยู่ไกล้กับย่านนั้นมาก เพียงแค่ร้อยเมตรก็ถึงแล้ว

      เมื่อมาถึงจุดนัดพบที่เดิมที่ประจำ เขาก็พบว่าร่างสูงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ในมือของคยูฮยอนถือสมาร์ทโฟน สายตาของคยูฮยอนก็จับจ้องไปที่สมาร์ทโฟนนั้นด้วย เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าคยูฮยอนไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาวเลย

      คยูฮยอน  เขาเอ่ยเรียก ทันใดนั้นร่างสูงก็หันมายิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น คยูฮยอนมักจะยิ้มแบบนี้ให้เขาเสมอ แม้ว่าอากาศตอนนี้จะหนาว แต่รอยยิ้มนั้นก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจไม่น้อย

      มาแล้วหรอ  หิวไหม ไปหาอะไรกินมั้ย ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ก่อนที่มือแกร่งจะคว้ามือบางมากุมไว้แนบบกาย แต่ร่างบางก็แกะมือนั้นออก ซองมินไม่อยากให้เรื่องราวนี้มันยืดเยื้ออีกต่อไปแล้ว เขาอยากจบแล้ว แม้ว่ามันจะดูโง่มากก็ตาม

      ซองมิน...เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะจบเต็มทีแล้วก็ตาม

      พอแล้วหละคยูฮยอน.. นายน่ะ ไม่ต้องทำดีกับฉันอีกแล้วหละร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ก่อนจะหันหลังให้คนที่อยู่ตรงหน้า

      “….” ร่างสูงเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว เพราะเขารู้ดีว่าคนตรงหน้ายังพูดไม่จบ

      ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ ที่ผ่านมาฉันมีความสุขมาก ฉันไม่เคยเสียดายเวลาเลย..ร่างบางพูดก่อนที่จะหยุดไปสักพัก เขารู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อก ก่อนที่จะพยายามพูดต่อไป

      ฉันรู้ว่าฉันทำเลวใส่นายมาหลายเดือน แต่ขอโทษจริงๆ ฉันรักผู้หญิงคนนั้นมาก.. และจากวันนั้นมันก็ทำให้ฉันเริ่มหมดรักนายลงไปเรื่อยๆ....ยังไม่ทันที่ร่างบางจะพูดจบ คนข้างหลังก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

      นายไม่ต้องพูด.. ฉันก็รู้แล้วหละซองมิน..ร่างสูงพยายามปรับเสียงให้ราบเรียบที่สุดก่อนที่มือแกร่งจะค่อยๆสวมกอดคนข้างหน้าอย่างแนบแน่นที่สุด คยูฮยอนค่อยๆนำคางไปเกยไว้บนไหล่บาง ก่อนจะพูดต่อ

      แต่ที่ฉันยังไม่ไปจากนาย เพราะฉันรักนายมาก และอยากใช้เวลาอยู่กับนายให้นานที่สุด จนกว่านายจะพูดว่านายต้องการจะไป..เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะเก็บอาการไม่ไหวแล้วเช่นกัน ยิ่งคำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกของคยูฮยอนค่อยๆไหลออกมานั้น ยิ่งทำให้น้ำตาของร่างบางไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

      ฉันเข้าใจนะซองมิน ต่อจากนี้ดูแลตัวเองดีๆนะ ฉันรักนายมากที่สุดเลยนะ และฉันจะรักนายไปตลอดเลย ขอห้นายจำเอาไว้ให้ดี ไม่มีใครยังมีฉันเสมอนะหลังจากที่ร่างสูงพูดจบ เขากอดคนตรงหน้าไว้สักพัก ก่อนที่จะผละออกมาแล้วเดินหันหลังไปทันที ร่างบางยังยืนอยู่ที่เดิม โดยไม่ขยับไปไหนแม้แต่น้อย ส่วนตัวของเขาเอง ก็จุกจนพูดไม่ออก แต่น้ำตาใสๆก็ยังคงไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายเช่นกัน

      เขาเดินข้ามไปยังถนนอีกฝั่ง แต่ด้วยความไม่ระมัดระวัง เพราะมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับเรื่องของซองมิน         คยูฮยอนไม่อาจรู้เลยว่ามีรถกำลังวิ่งมาและมันไกล้เข้ามาทุกที..

      เอี๊ยดดดดดดดดด

      คยูฮยอน!!!” เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน คือเสียงของคนที่เขารักมากที่สุด ก่อนที่ร่างกายของเขาจะกระเด็นไปอีกทางและทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆดับมืดไปในที่สุด

      คยูฮยอนร่างบางวิ่งทั้งน้ำตาเข้ามาสวมกอดคนที่เพิ่งถูกรถชนไปเมื่อสักครู่ แม้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว

      ฮึก.. คยูฮยอน.. อย่าหายไปจากฉันแบบนี้สิไม่สามารถห้ามน้ำตาให้หยุดไหลได้ มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นกว่าเก่า ถ้าเขารั้งร่างสูงไว้ มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ทุกอย่างมันสายเกินไป เกินกว่าที่จะแก้ไขได้แล้ว

      ขอทางให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะครับเจ้าหน้าที่เริ่มฝ่าฝูงชนเข้ามาก่อนที่จะนำร่างไร้ชีวิตของคยูฮยอนไปที่โรงพยาบาล

      ร่างบางเดินออกมาจากเหล่าคนที่มุงดูเหตุการณ์ ก่อนที่เขาจะเริ่มรู้สึกหมดแรง และล้มลงไปในที่สุด

       

      -7ปีผ่านไป-

      แสงแดดที่สดใส ส่งเข้ามาในห้องสีขาว สาดลงไปที่ใบหน้าหวาน เขาลุกขึ้นมาด้วยความขยันขันแข็ง ก่อนจะกุลีกุจอไปอาบน้ำ เพื่อที่จะไปสถานที่แห่งหนึ่ง วันนี้เป็นวันสำคัญ แต่ก็เป็นวันที่น่าเศร้าในคราวเดียวกัน หลังจากที่จัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เขาก็รีบมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งนั้น ในมือของเขามีช่อดอกไม้สีขาว ที่ไม่เคยลืมที่จะซื้อไปเสมอ สถานที่แห่งนั้นคือสุสานที่อยู่แถบชานเมืองนั่นเอง หลังจากที่มาถึง เขาเดินไปที่หลุมศพ ที่อยู่ใกล้ๆทางเข้า  เขานั่งลงบนพื้นหญ้าสีเขียว หน้าหลุมศพ

      โจวคยูฮยอน

      คยูฮยอน เจ็ดปีแล้วนะ ที่นายจากฉันไป..เขาเริ่มพูดคุยกับหลุมศพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ

      ฉันไม่น่าบอกเลิกนายเลย รู้ไหม ตอนนี้ฉันเลิกกับแจริมแล้วนะ ผู้หญิงคนนั้นหวังแต่จะเอาเงินของฉัน.. เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย แต่ก็มีลมพัดมาเป็นคราวๆ ตอนที่เขาพูดจบ ราวกับว่าคยูฮยอนรับฟังเขาอยู่

      ฉันคิดถึงนายมากเลยนะ ถ้าเรายังคบกัน นายยังอยู่กับฉัน ตอนนี้ก็คงเข้าปีที่สิบห้าแล้วสินะ..น้ำตาเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง..

      ฉันรู้ว่าตอนนี้นายไม่อยู่แล้ว.. ฉันทำอะไรไม่ได้แล้ว.. ฉันอยากไปเดินเล่นกับนายที่ถนนควังฮวามุนอีกจัง..ทันใดนั้น ก็มีลมจากไหนไม่รู้ พัดมาแรงมาก จนผมที่เซตไว้เป็นอย่างดียุ่งเหยิงไปหมด เพราะตอนนี้เริ่มเข้าฤดูหนาวอีกแล้ว

      วันนี้ฉันมาคุยกับนายได้แค่นี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาใหม่นะทันทีที่พูดจบ ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่จะเดินไปที่รถของตนเอง เพื่อขับไปที่ทำงานทันที

      …………………

       

      สวัสดีค่ะหัวหน้า วันนี้มีลูกน้องย้ายมาจากต่างจังหวัดด้วยนะคะ แล้วก็อันนี้เอกสาระสำคัญค่ะ รบกวนเซนต์ให้ด้วยนะคะพนักงานสาวพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีก่อนจะยื่นเอกสารให้คนเป็นหัวหน้าเซ็นต์ ร่างบางยิ้มบางๆ ก่อนจะนำเอกสารนั้นมาเซนต์

      นั่นไงคะ มาแล้วค่ะหัวหน้า ลูกน้องคนใหม่พนักงานสาวเรียกให้เขาดูคนที่เข้ามาทำงานใหม่ เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะตกตะลึงสุดขีด ทั้งรูปร่างหน้าตา เหมือนคยูฮยอนไม่มีผิด ลูกน้องคนใหม่เดินเข้ามาใกล้ๆ

      คยูฮยอน..เขาเผลออุทานออกมาเสียงดัง จนคนที่มาใหม่ ยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ

      คยูฮยอนคือใครหรอครับ ผมคือ โจวทงฮวาครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ หัวหน้า

      To be continue next part 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×