ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] BE YOUR ANGEL [ChanBaek]

    ลำดับตอนที่ #3 : || Be Your Angel || CHAPTER 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 41
      0
      20 ก.ย. 56

    || CHAPTER 2 ||


                     ทริปทัศนศึกษาหรือจริงๆก็คือการเที่ยวต่างจังหวัด เริ่มต้นด้วยการเรียกรวมนักศึกษาตั้งแต่เช้าเพื่อเช็คชื่อและออกเดินทาง มีนักเรียนบางส่วนเอารถส่วนตัวขับตามไป ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มผมกับชานยอลก็ทำแบบนั้น แต่พวกผมก็ไม่ได้เอารถมากันทุกคนหรอกครับ มีแค่ผม คยองซูที่เอารถมา เพราะไม่รู้ว่าจะขับไปทำไมคนละคัน ดูเหมือนว่ากลุ่มชานยอลเองก็ทำแบบเดียวกัน

                     วันนี้ทริปเริ่มต้นด้วยการไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ นักศึกษาแบบออกเป็นกลุ่มตามความสมัครใจเพื่อหาข้อมูลรายงานตามที่อาจารย์สั่ง และแน่นอนว่ากลุ่มผมและชานยอลก็ทำด้วยกันแน่ๆ กลุ่มชานยอลรับหน้าที่เป็นตากล้องและตัดต่อวิดีโอที่ต้องทำส่งอาจารย์ เซฮุนกับเทาช่วยกันถ่ายวิดีโอ จงอินรับหน้าที่ถ่ายภาพนิ่งต่างๆ ส่วนชานยอลก็มีกล้อง DSLR อีกตัวที่หมอนั่นบอกว่าเอามาถ่ายภาพเก็บตก เผื่อเวลาจงอินง่วงจนลืมถ่าย

    “นี่นายต้องถ่ายอันนี้ด้วยสิ จะได้งานมั้ยเนี่ย”

    “ก็ถ่ายอยู่นี่ไง อย่าโวยวายได้มั้ยคยองซู”

    “เห็นนายมัวแต่เดินง่วงๆ ใครจะไปรู้ว่าถ่ายรูปครบรึเปล่า”

    “คยองซูครับ เวลาทำงาน อย่ากวนประสาทนะครับ”

    ผมว่าดีนะที่ชานยอลเอากล้องมาอีกตัว จงอินกับคยองซูเถียงกันแบบนี้ผมจะมีงานส่งอาจารย์ไหม

    “นี่ลูกหมา”

    “ห๊ะ...” ผมหันตามเสียงเรียกของชานยอล

    แชะๆๆๆๆ แสงแฟลชสว่างวาบพร้อมทำให้ผมต้องหลับตาปี๋ แล้วก็เริ่มโวยวายบ้าง

    “เล่นอะไรเนี่ย!

    “เฮ้ย น่ารักดีแฮะ” ชานยอลก้มมองรูปในกล้องตัวใหญ่นั่น

    “มาดูนี่ดิลูกหมา” พร้อมกวักมือเรียผมไป

    “หน้านายตอนเหวอนี่น่ารักดีนะ”

    “ย่าห์ ลบไปเลยนะ!” ผมเอื้อมมือจะไปกดลบรูปน่าอายของตัวเองในกล้อง

    แต่เป็นชานยอลที่ไวกว่า ชูกล้องขึ้นเหนือหัว แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ... วันนี้อยากสูงจริงๆ ทำไมเกิดมาตัวเท่านี้นะ

    “ขอร้องก่อนสิ เดี๋ยวลบให้” ชานยอลยื่นขอเสนอน่าขนลุกนั้นให้ผม

    เอาวะ ขอร้องมันหน่อยละกันนะ แลกกับลบรูปเหวอๆของตัวเอง เอานะแบคฮยอน

    “ชานยอล ขอร้องนะ ลบรูปเถอะ นะนะน้า~

    แชะๆๆๆๆๆ เสียงชัตเตอร์รัวๆของโหมดจับภาพต่อเนื่อง ทำเอาความดันของผมจะขึ้นเพราะความกวนประสาทของหมอนี่

    “ชานยอล เล่นบ้าอะไร!!!W

    “ขอบคุณที่ให้ถ่ายรูปนะ ลูกหมา”

    “ไอ้ชานยอลลลลลลล!!!W

    ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากตะโกนไล่หลังหมอนั่น หวังว่ารูปมันจะออกมาดูดีบ้างนะ


    ตอนนี้กลุ่มของเราทำงานในส่วนของวันนี้เสร็จเรียบร้อย ทำให้มีเวลาเหลือออกมาเดินรอบหมู่บ้านเก่าแห่งนี้ ผมชอบบรรยากาศแบบนี้มากเลยนะ หมู่บ้านอนุรักษ์ที่ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประเพณี ผมเดินชมรอบหมู่บ้านไปเรื่อย ถ่ายรูปด้วยกล้องคอมแพ็คของตัวเอง  ผมแอบเหล่มองชานยอลที่กำลังตั้งใจถ่ายรูป ผมเลยกดชัตเตอร์มุมนี้ไว้หน่อยแล้วกัน เห็นชานยอลในมุมนี้ก็ดูเท่ไปอีกแบบนะ ผมยิ้มนิดๆให้กับรูปในกล้องของตัวเอง..

    “โอ้ย..”  ทำเอาผมต้องรีบถลาเข้าไปหาเจ้าของเสียง

    “เป็นอะไรไป” ลู่หานถามพลางนั่งลงไปดูอาการซูโฮ

    “สะดุดหินน่ะ ซุ่มซ่ามเองแหละ” ซูโฮตอบเบาๆด้วยเสียงรู้สึกผิด

    “เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ผมรีบถามออกไป

    “เจ็บข้อเท้าน่ะ” ซูโฮตอบพร้อมยิ้มแหยๆให้ผม

    “ขอดูหน่อยนะ” เทาไม่รอฟังคำอนุญาต นั่งลงก่อนจะจับข้อเท้าซูโฮไปดูอย่างเบามือ

    “โอ๊ย..”

    “ขอโทษนะ..แต่น่าจะข้อเท้าพลิกนิดหน่อยน่ะ ถ้านวดแล้วน่าจะดีขึ้นนะ” เทาพูดขึ้นหลังจากช่วยดูอาการซูโฮ

    “ขอบคุณนะเทา” ซูโฮยิ่มขอบคุณซูโฮ

    “อื้ม ไม่เป็นไร” เทายิ้มตอบก่อนรีบหลบสายตาซูโฮ

    “งั้นเดี๋ยวเราอุ้มไปก่อนละกัน” จู่ชานยอลก็ฝ่าวงมาอุ้มซูโฮไปที่ที่พัก แล้วทุกคนก็รีบเดินตามไป

    จงอินกับเซฮุนไปขอยานวดจากอาจารย์มาให้เทานวดให้ ก่อนกลุ่มขานยอลและผมจะแยกย้านกันพักผ่อนเพราะยังมีเวลาเหลือก่อนจะถึงช่วงเย็น

    ส่วนช่วงเย็น อาจารย์ปล่อยให้แยกย้ายอิสระ คยองซู ซูโฮ ลู่หาน และผมตัดสินใจไปห้างใกล้ๆแถวนี้เพื่อหาร้านอาหารสำหรับมื้อค่ำ แทนที่จะเดินชมเมืองและต่อไปห้างที่ใหญ่กว่าแต่ก็อยู่ไกลออกไปอีกหน่อยเหมือนกลุ่มอื่น เพราะถึงแม้เทาจะช่วยนวดให้จนหายเกือบปกติ แต่พวกเราลงความเห็นว่าไม่อยากให้เดินเยอะอยู่ดี แต่ก็บังเอิญมาเจอจงอิน เซฮุน เทา ชานยอลที่มาห้างนี้พอดี

    “คิดแล้วว่าต้องอยู่กันที่นี่” จงอินทักขึ้น

    “ทำไม ห้างเป็นของนายคนเดียวเหรอไง” คยองซูตอบกลับไป สองคนนี้เถียงกันทุกทีที่เจอกันเลยสินะ

    “ขาเป็นยังไงบ้างซูโฮ?” เป็นเทาที่ถามคำถามนี้ออกมา นึกว่าจะเป็นชานยอลจะถามซะอีก

    “ดีจนเกือบปกติแล้วล่ะ แล้วนี่กินอะไรรึยัง ไปกินด้วยกันมั้ย?

    “ก็ดีนะ งั้นกินอะไรดี พิซซ่ามั้ย?” เซฮุนรีบเสนอความคิด

    “งั้นก็ได้ แต่ตอนนี้เพิ่งสี่โมงครึ่งเอง ซักหกโมงค่อยกินดีไหม” ลู่หานพูดขึ้น  และทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย

    “งั้นเอาแบบนี้นะ แยกย้ายเดินเล่นตามใจ แล้วเจอกันหน้าร้านพิซซ่าตอนหกโมงเย็น” เป็นคยองซูที่สรุปทุกอย่างให้เข้าใจ

    ผมกับลู่หานเดินดูของด้วยกัน เพราะค่อนข้างจะชอบอะไรคล้ายๆกัน ส่วนคยองซูลากซูโฮไปอีกทาง เห็นบอกว่าเจอกระเป๋าถูกใจ

    ลู่หานหยุดดูของเป็นระยะ ผมก็หยุดตามลู่หานบ้าง เดินเลยไปบ้าง...

    ภาพที่ชานยอลอุ้มซูโฮตอนนั้นยังติดตาผม อาการซูโฮที่เขินอายแบบนั้นมันใช่รึเปล่า ชานยอลที่ดูอารมณ์ดีแบบนั้นเพราะแอบชอบซูโฮรึเปล่า คิดแบบนั้นใจผมก็เจ็บแปลบแปลกๆ  ผมคงต้องยินดีกับเพื่อนมากกว่าไม่ใช่เหรอ เฮ้อ..แบคฮยอนควรจะฝังความรู้สึกบ้าๆแบบนี้ลงไปได้แล้วนะ ผมส่ายหัวเรียกสติตัวเองกลับมา มองซ้ายมองขวา ผมก็ไม่เจอลู่หานแล้ว ผมล้วงกระเป๋าจะเอาโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ลู่หาน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าผมกลัวทำของหาย เลยทั้งมือถือและกระเป๋าตังค์ไว้ที่ลู่หาน เฮ้อ โง่จริงๆเลยแบคฮยอน
    !

     

    ผมกำลังเดินหงอยๆกลับไปที่หน้าร้าน อีกตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเลานัด กระเป๋าตังค์มือถือก็ไม่มี แถมหลงมาคนเดียวแบบนี้ ซวยจริงๆเลย!!!


    “อ๊ะ..” ผมสะดุ้งจากสัมผัสที่ข้อมือ ...ชานยอล

    ชานยอลจับข้อมือของผมเอาไว้

    “นี่หลงมาเดินคนเดียวเหรอ”

    “คิดว่าไงล่ะ” ผมตอบก่อนแกะข้อมือตัวเองให้เป็นอิสระ

    “งั้นไปเดินเล่นด้วยกันเถอะ” ชานยอลจับข้อมือแของผมอีกครั้ง ผมพยายามสะบัดน้อยๆ แต่หมอนี่ก็ยังทำหน้าไม่รู้เรื่อง

    ชานยอลจูงข้อมือผมเดินมาเรื่อยๆแบบนั้น ก่อนจะเปลี่ยนมาจับมือผมและเดินข้างๆกันแทน

    ถ้าผมจะขอเวลารดน้ำให้หัวใจได้ชุ่มชื้นซักนิดคงไม่เป็นไรใช่ไหม แค่ไม่กี่นาทีที่ผมจะได้มีความสุขกับคนข้างๆผมแบบนี้ ภาพที่ผมเคยจินตนาการแต่ไม่กล้าฝันถึง ผมขอแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น หลังจากนี้ทุกอย่างจะเหมือนเดิม


    “น้องคะ สนใจเสื้อคู่มั้ย รุ่นนี้มาใหม่เลย เหมาะกับน้องสองคนมาก น้องน่ารักมากเลยนะคะ”
    พี่คนขายที่เรียก “เรา” หมายถึงผมกับชานยอล เข้าไปดูเสื้อในร้าน

    “น้องเป็นแฟนกันใช่มั้ย น่ารักมากเลยนะ จับมือกันตลอดเชียว” ชานยอลหันกลับไปยิ้มให้พี่เจาของร้านแทนคำตอบ

    ผมไม่เข้าใจ เพียงแต่เขาปล่อยมือ แล้วบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน มันก็จบแล้ว ทุกอย่างคงชัดเจนว่าผมควรตัดใจ แต่ที่เค้าทำอยู่มันคืออะไร หันไปยิ้มแบบนั้น ไม่มีอาการลำบากใจเลยซักนิด แล้วไหนมือที่ประสานอยู่กับมือผมไม่ห่างไปไหน จะทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองไปถึงเมื่อไหร่กัน รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ได้เหมาะสมกับเค้า ความหวังของผมก็ดูเหมือนจะเลือนรางใกล้มอด แต่การกระทำแบบนี้มันกลับพัดเอาไฟให้โหมขึ้นมา ไฟแห่งความหวังของผม หวังว่าจะเป็นคนนั้นสำหรับเขาบ้าง

     

    ผมเกลียดชานยอลที่เค้าไม่เคยปฏิเสธเวลาโดนล้อ หมอนี่เอาแต่ยิ้มรับกับทุกอย่าง ในขณะที่ตอนแรกก็เล่นรับมุขแบบขำๆแต่หลังเริ่มจะเล่นกันเยอะจนผมต้องปฏิเสธไป แต่ชานยอลไม่เคยทำอะไรเลยนอกจากยิ้มรับ เชื่อเถอะว่าแค่ชานยอลบอกให้หยุด ทุกคนก็ไม่กล้าพูดอะไร แล้วทำไมถึงไม่ทำแบบนี้นั้นล่ะ ปล่อยให้ผมมีความหวังลมๆแล้งๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้ว่าผมจะแอบดีใจที่เค้าไม่ได้รังเกียจที่โดนล้อกับผม แต่มันกลับทำร้ายหัวใจผมทางอ้อมด้วยเหมือนกัน

     

    “นี่ลูกหมา มาเล่นเกมส์กันมั้ย” ชานยอลก้มลงมากระซิบข้างหูผม

    “อะไรอีกอ่ะ” ผมถามออกไปทั้งๆใจที่สั่นแบบนั้น ไปชานยอลบ้าจะก้มมากระซิบทำไม แค่จับมือผมก็ไปไม่เป็นแล้ว

    “มาเล่น  we got married กันเถอะ”

    “ห๊ะ อะไรของนาย”

    “ก็เล่นเป็นคู่รักไง หรือว่าป๊อด” ชานยอลตอบพร้อมยักคิ้วท้าทายไหนจะกระตุกยิ้มดูถูกนั่นอีก

    “เออ เล่นก็เล่น กติกาล่ะ” ผมตอบตกลงออกไปทั้งทียังไม่ได้ฟังกติกาด้วยซ้ำ ตอนนี้ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ!!

    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ทำตัวเป็นคู่แต่งงานไง วันนี้มาลองเดทกัน ถ้าอดทนได้จนจบวันนี้ได้ ฉันยอมลบรูปในกล้องเลย แต่ถ้าทนไม่ได้ ก็เป็นทาสฉัน1วัน โอเคมั้ย”

    Call!” แค่ผมได้ยินว่าจะลบรูปที่ชานยอลถ่ายตอนผมเผลอ ผมก็ตอบตกลงไปแบบไม่ต้องคิดแล้วล่ะ จะอะไรมาก ก็แค่ทำตัวเป็นคู่รักกัน...

    เห้ย.. เดี๋ยวนะ คู่รักเหรอ?!!
    ผมกับชานยอล....
    ผมจะทำยังไงดีล่ะ มันไม่ดีต่อหัวใจผมเลยนะ แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะเก็บอาการยังไงแล้ว


    “งั้นมาเริ่มจากเสื้อคู่เลยแล้วกันนะ”


    “พี่ครับ เอาเสื้อคู่ลายนี้ครับ ไซส์คนนี้กับผมครับ” ชานยอลบอกกับพี่เจ้าของร้าน

    “โอเคจ้า จะเปลี่ยนเลยมั้ย เดี่ยวพี่รีดให้ก่อน”

    “เปลี่ยนเลยครับ ขอบคุณนะครับ”


    “ไปสิ ไปเปลี่ยนเสื้อกัน” ชานยอลรับเสื้อคู่ที่รีดแล้วพร้อมดันผมเข้าไปในห้องลอง

    “เปลี่ยนเสื้อสิ ไม่ต้องอายหรอก” ชานยอลเร่งให้ผมเปลี่ยนเสื้อ

    คือว่าตอนนี้เราอยู่ให้ห้องลองเสื้อที่ขนาดห้องไม่ใหญ่อะไรเลย หน้าผมจะซบกับแผ่นอกของชานยอลอยู่แล้ว ผมเอาแต่นิ่งเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี ใจผมจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!!


    “จะบ้าเหรอ จะให้เปลี่ยนพร้อมนายเนี่ยนะ” ผมพยายามจะโมโหกบลเกลื่อนออกไป

    “ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ รีบเปลี่ยนเหอะ หรือว่าอาย..

    ผมเงียบแทนคำตอบผมทั้งเขินทั้งอายเลยครับ

    “เฮ้ย อายจริงดิ ฮะๆ โอเคๆ งั้นออกไปรอข้างนอกก็ได้” ก่อนออกไปยังไม่วายเอามือมาหยิกแก้มล้อผมอีก

    ถ้าไม่ติดว่ากำลังอยู่ในเกมส์ ผมด่ายับแล้ว ทำไมต้องทำให้ผมใจเต้นแรงขนาดนี่เนี่ย


    ผมใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อคู่อยู่ไม่นาน ก็ออกมาจากห้องลอง มันแปลกๆนะที่เห็นชานยอลใส่เสื้อคู่กับผม บนเสื้อชานยอลเขียนว่า “ตัวใหญ่ของตัวเล็ก” ส่วนเสื้อของผมเขียนว่า “ตัวเล็กของตัวใหญ่” ถึงแม้ว่าจะดูปัญญาอ่อน แต่ไอชานยอลคนต้นคิดกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเกมส์นี้

    ให้ตายเถอะ คือไม่ใช่อะไรหรอก รอยยิ้มชานยอลที่ดูร่าเริง มีความสุขแบบนั้น ทำเอาหัวใจผมกระตุกเป็นรอบที่ร้อยของวันแล้วนะ

    “ไปเถอะ ไปเดทกันเนอะ” พูดอย่างเดียวไม่ว่า กลับแบมือมาขอมือผมไปจับอีกต่างหาก ผมยื่นมือออกไปจับมือใหญ่นั่นด้วยหัวใจที่พองโต


    ถ้าผมจะลืมไปว่าตอนนี้มันเป็นแค่เกมส์ได้มั้ย ถ้าผมจะคิดว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ข้างๆชานยอลได้จริงๆคงไม่เป็นอะไรใช่มั้ย...

    =============================================
    มาแบบงงๆ ว่างก่อนไฟนอล ที่จริงควรอ่านหนังสือไง TT
    ใครหลงมาอ่าน ก็ขอบคุณมากนะคะ ><
    เขียนมึนๆหน่อยไม่ว่ากันนะ ชอบเพ้อ แต่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เลยเขียนมาแบบงงๆ
    #ficBURA  
    @silence_ln


    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×