มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขอยู่แล้ว แล้วทำไมฉันต้องมาเป็น Virtual Streamer ด้วยล่ะคะ! - นิยาย มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขอยู่แล้ว แล้วทำไมฉันต้องมาเป็น Virtual Streamer ด้วยล่ะคะ! : Dek-D.com - Writer
×

    มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขอยู่แล้ว แล้วทำไมฉันต้องมาเป็น Virtual Streamer ด้วยล่ะคะ!

    หญิงสาวที่ทุกคนคิดว่าเป็นเด็กสาวผู้มีสีขาวชอบหมกตัวอยู่ในห้อง ถูกจับพลัดจับพลูมาเป็น Virtual Idol ซะอย่างงั้น!?

    ผู้เข้าชมรวม

    2,365

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    2.36K

    ความคิดเห็น


    14

    คนติดตาม


    140
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  12 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  13 ก.ค. 63 / 11:45 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    แต็ก แต็ก แต็ก คลึก

    เสียงปุ่มกดของแป้นคีย์บอร์ดและเมาส์ดังต่อเนื่องในห้องแห่งหนึ่ง

    แสงของหน้าจอ คีย์บอร์ด และเมาส์ สอดส่องไปทั่วห้องทำให้ห้องไม่มืดจนเกินไป

    ไม่นับรวมกับหลอดไฟ LED ที่ติดตั้งบริเวณด้านหลังของโต๊ะอันเป็นที่วางของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งหลาย

    แสงบนหน้าจอที่ผ่านกระบวนการประมวลผลทางวิทยาศาสตร์แสดงผลออกมาเป็นภาพในพื้นที่ของกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า แสงได้แสดงภาพตัวต่อรูปทรงต่างๆ ร่วงลงมาจากข้างบน พร้อมกับตัวเลขด้านข้างที่เปลี่ยนไปมาไม่หยุด

    ตัวต่อต่างๆ อยู่ภายในกรอบสี่เหลี่ยมที่มีพื้นหลังสีดำ นอกจากนั้นแล้ว ด้านข้างของกรอบนั้น ก็ยังมีกรอบลักษณะเดียวกันทุกประการ เพียงแต่การเคลื่อนไหวภายในกรอบนั้นไม่เหมือนกับกรอบแรก

    นอกเหนือจากกรอบทั้งสอง ด้านบนมีตัวอักษรที่ไม่เหมือนกัน

    จอด้านซ้ายคือ “-”

    จอด้านขวาคือ “DoT”

    เลขจับเวลาที่มุมบนขวาบ่งบอกเวลาที่ผ่านไป


    แกร่ก แกร่ก แต๊ก แต๊ก แต๊ก

    นิ้วมืที่เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับภาพติดตา

    ....

    นันย์ตาสองสีจ้องมองภาพด้านหน้านิ่ง

    ....

    บรรยากาศที่เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศตัวเล็กหนึ่งตัวกลับหนาวเย็นและอึดอัด

    ภาพภายในจอแสดงให้เห็นถึงรูปร่างในเปลี่ยนไปของบล็อกที่หล่นลงมาด้วยความไวที่มองไม่ทัน

    ตริ๊ง ตริ๊ง

    ภาพในจอแสดงให้เห็นถึงแถวที่ถูกทำลายจากการต่อบล็อกจนครบทั้งแถวพร้อมเสียงแหลมที่ดังออกมาจากลำโพง

    ในตอนนี้แถวทั้งหมดหายไปแต่บล็อกที่หล่นลงมานั้นยังไม่หยุด และเมื่อเวลายิ่งผ่านไป บล็อกที่หล่นลงมาเองก็หายไปด้วย

    ที่เหลืออยู่นั้นมีเพียงกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ มุมขอบจอที่บ่งบอกถึงลักษณะที่บล็อกหล่นลงมา

    คะแนนที่นับอยู่ ณ ก่อนหน้านี้กลายเป็นเลขนิ่ง เป็นเลข 9 จำนวน 12 หลัก


    “อ้ะ”


    ตัวอักษรขึ้น Game Over ตรงกลางของกรอบฝั่งซ้าย


    “ฮ้า แข่งกับเจ้านี่เหนื่อยชะมัด”

    เสียงบ่นพึมพำใสๆ ดังก้องภายในห้อง สายตาเลื่อนมองไปมุมขอบบนของหน้าจอ

    “ผ่านไปนานขนาดนี้เชียว... ก็ว่าทำไมรู้สึกล้า.... ฮึบ”

    ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงพลันชูแขนขึ้นและบิดตัวอย่างเกียจคร้าน ตามร่างกายมีเหงื่อไหลสองหยด สามหยด

    “นอนดีกว่า”

    พูดพลางกดสวิตช์ที่เขียนว่า OFF บนกล่องสี่เหลี่ยมที่อยู่ด้านล่างของโต๊ะ

    จากนั้นค่อยๆ เคลื่อนกายลงมาจากเก้าอี้อย่างแผ่วเบาก่อนจะยืนขึ้นมาเต็มความสูงของตน

    ร่างที่มีส่วนสูงราวๆ 137 เซนติเมตร ค่อยๆ ก้าวเท้าเล็กๆ ไปยังกล่องสี่เหลี่ยมติดผนังด้านข้าง ก่อนที่กล่องนั้นจะค่อยๆ ขยับลงมากลายเป็นเตียงขนาดใหญ่


    ดึ๋ง ดึ๋ง

    เสียงกระทบของผ้านาโนเทคโนโลยีของมนุษย์ดังขึ้นสองสามครั้งก่อนเงียบหายไป

    .

    .

    “อะ.. ลืมไป ต้องส่งข้อความก่อนนอนนี่นา” พึมพำเบาๆ ก่อนส่งเสียงอย่างเชื่องช้า “ไนท์ ช่วยส่งข้อความให้ที”

    “รับทราบค่ะมาสเตอร์”

    เสียงโมโนโทนที่พอจะแยกออกว่าเป็นเสียงเพศหญิงดังขึ้นขานรับคำสั่งด้วยเสียง

    ก่อนที่ไฟภายในห้องจะดับลง เสียงเพลงบรรเลงค่อยๆ ดังขึ้น และลมหายในสม่ำเสมอที่ดังภายในห้อง

    .

    .

    .

    ………..


    “เฮ้เพื่อน! มาดูนี่สิ” เสียงแหบของชายมีอายุดังขึ้นเรียกความสนใจของคนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ

    ภายในสี่เหลี่ยมมี โต๊ะจัดแยกกันเป็นส่วนๆ อย่างชัดเจนประมาณ 20 โต๊ะ บรรยากาศรอบๆ เงียบมีเพียงเสียงที่ดังไม่หยุดของแป้นคีย์บอร์ด

    เสียงชายคนนั้นเรียกความสนใจของเพื่อนที่นั่งข้างๆ เขาขึ้นมาจากจอมอนิเตอร์ของตน ที่มองเข้าไปเห็นแต่ไฟล์เอกสาร

    “อะไรวะ ผมงานยุ่งอยู่ เพิ่งจะโดนโยนงานมาให้เมื่อเช้า ขอสั้นๆ แบบไม่เสียเวลา”

    “เอ็งลองดูนี่ รับรองคุ้มกับการที่เอ็งยอมออกมาจากกองเอกสารแน่นอน”

    ผมมองเข้าไปในจอผมกับไฟล์ Record ของเกมที่ชื่อว่า Tetris เกมต่อบล็อกจากยุคเก่าที่ยังคงความนิยมในการใช้แข่งขัน

    “เรดโค๊ดไม่มี ไม่พบร่องรอยการใช้โปรแกรมช่วยเล่น แต่เวลาที่เล่น... อะไรวะเนี่ย”

    “ใช่ไหมล่ะ! ฮ่าฮ่า เฮ้! กริม เปิดเจ้า Record อันนี้ขึ้นจอใหญ่ซิ๊ ข้ารับผิดชอบเอง”

    ผมเลื่อนสายตาไปยังชายที่ชื่อกริม คนที่อายุน้อยที่สุดของบริษัท เขาขยับแว่นสายตาตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเปิดระบบนำ Record ฉายขึ้นจอใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าของทุกคนในห้องแห่งนี้

    .

    .

    เสียงปุ่มกดแป้นคีย์บอร์ดภายในห้องก่อนหน้านี้ที่ดังถี่ ค่อยๆ เบาลงตามเวลาที่ไหลผ่านไป

    ผมหันไปมองเพื่อนๆ ที่ทำงานก็พบว่าบางคนอ้าปากค้างไปแล้ว

    นั่นสิ เป็นใครเจอแบบนี้ไปก็คงแสดงอาการเดียวกันหมด แม้แต่ผมก็ปิดความตกตะลึงของตัวเองไม่มิด

    “บ้าชัดๆ”

    “ปีศาจ”

    “สาบานว่าไม่ใช้โปรแกรมช่วยเล่นนะ”

    “แม้แต่แข่งระดับประเทศยังไม่ขนาดนี้กันเลยนะเว้ย”

    “เอาจริงดิ ไอโหมดยากสุดที่ใส่ให้ AI เล่นมีคนเล่นได้ด้วยเหรอวะ”

    เสียงเพื่อนร่วมงานดังแทรกขึ้นมาเป็นระยะ พร้อมกับภาพการต่อสู้ที่ยกระดับความยากขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงระดับจุดสูงสุดของภายในตัวเกม

    แม้แต่หัวหน้าแผนกของผมที่เป็นคนเจอ Record ตาเหลือกโพลง ตัวแข็งค้างไปแล้ว

    “นะ...นี่มันบ้ามาก คุณคิดว่าถ้าเราเผยแพร่เจ้า Record อันนี้ออกไปมันจะเกิดอะไรขึ้น! ตำนาน! มันต้องเป็นตำนานอย่างแน่นอน!”

    ไม่มีข้อแก้ต่าง...

    เหงื่อผมไหลไม่หยุด ตัวโก่งลุ้นกับการแข่งที่มองไม่เห็นบนหน้าจอ

    ใครกันที่มีความสามารถในระดับนี้

    ใครกันที่มีความสามารถในการจดจำระดับเดียวกับเครื่องบันทึกภาพ

    ใครกันที่มีความเร็วในการสลับเปลี่ยนบล็อกเหล่านั้นแม่นยำราวกับปัญญาประดิษฐ์

    “Game Over” เสียงสังเคราะห์ดังขึ้นบ่งบอกถึงเกมที่จบลง

    บรรยากาศที่ร้อนระอุราวกับห้องนี้อยู่กลางสมรภูมิทั้งๆ ที่ห้องนี้ก็มีเครื่องปรับอากาศ อันตรธารหายไป

    แต่สิ่งเดียวที่ไม่หายคือความตกตะลึงของเหล่าบุคคลที่ได้เห็นการแข่งนั้น

    ใจสั่นระรัวไปด้วยความตื่นเต้น สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่สร้างเกมขึ้นมาครั้งแรกจนถึงบัดนี้

    แน่นอนภาพนี้ได้เผยแพร่ลงสู่สาธารณะ และได้กลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด

    แม้จะต้องใช้เวลา – สองชั่วโมงยี่สิบสองนาทียี่สิบสองวินาที – ในการดูก็ตาม

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น