ทำความรู้จักคณะถาปัด

เนื้อเรื่อง

สถาปัตยกรรมศาสตร์
Faculty of Architecture

คณะที่....
จบมาทำอะไรก็ได้
ที่ไม่ใช่เป็น 'tect....

(..ล้อเล่นหนะ เป็นคำที่มักจะมีคนพูดบ่อยๆ
จริงๆแล้วคนเป็น 'tect ก็เยอะน่อ)

คณะนี้หนะ เรียน "5 ปี" จบ โคตรถึก

(จบมาปีนึงแล้ว)

ไปอ่านบล็อคน้องปลารี่และน้องตองมา
อ่านแล้วรู้สึกอยากเขียนถึงคณะบ้าง กร๊ากๆ

FACT ของคนเรียนถาปัด

ก่อนเอนท์
1.เรียนสายวิทย์-คณิต
2.ชอบวาดรูป
3.บางคนพ่อแม่หรือคนในครอบครัวเป็นสถาปนิก
เป็นวิศวกรโยธาฯ,ที่บ้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง
ที่บ้านทำรับเหมาก่อสร้าง
(อาจจะไม่ทุกคน)
ถ้าเข้าข่ายนี้ละก็จะเหลือไม่กี่ตัวเลือก
ไม่งั้นก็ต้องไปสอบของสายศิลป์
สำหรับเราแล้วตอนเอนท์เราไม่คิดจะเลือกอย่างอื่นเลย
ตัดสินใจตั้งแต่ตอนเรียน ม.4แล้ว
ว่ายังไงก็จะเข้าคณะถาปัดให้ได้
ตอนม.ปลาย ก็เลือกเรียนสายวิทย์
(ตอนเข้าหนะมุ่งมั่นเข้า แต่ตอนนี้มุ่งมั่นไม่เป็น 'tect)
เพราะตอนนี้มีอย่างอื่นที่อยากเป็นมากกว่า
อนาคตข้างหน้าเราก็มองไม่เห็น
ขอทำวันนี้ให้ดีแล้วกัน

หลังเอนท์
จะพบว่า...
ความเป็นจริงแล้ว....มีแอบคิดนิดๆ เป็นช่วงๆ
gu คิดผิดหรือเปล่าวะ = [ ] =???~!!!!!
(แอบคิดเป็นพักๆตอนต้องอดนอนทำงาน
พอเหนื่อยมันก็มีบ้างๆ มันทรมานนะ
การอดนอนเนี่ย....แต่ตอนนั้นก็ไม่ท้อแหละ สู้)

เปลืองแรงเงินและแรงกายมาก
ใครหวังว่าเข้ามาแล้วจะได้วาดรูป
ไม่ใช่เลยน่อ---ไม่ค่อยได้วาดหรอก
(ยกเว้นวิชา present บางตัว)
หลักๆเลยจะดราฟมากกว่า

ถ้าอยากจะเข้าหละก็
ควรศึกษามาก่อนดีๆ
เพราะมัน..
งานหนัก เหนื่อย
อาจจะทนไม่ไหว+ท้อง่าย
ใช้เวลาเรียนมาก (5 ปี)
ต้องอดทนต่อแรงกดดัน

สาวๆที่รักสวยรักงาม
เรียนคณะนี้จะลำบากหน่อย
เพราะจะต้อง "โทรมเป็นผีตายซาก" บ่อยๆ
เรียนแล้วจะอึดดุจคูโบต้า!!!!!!!

เป็นคณะที่เรียนแล้วเปลืองเงิน
เนื่องจาก โปรเจคต้องหมดไปกับการทำโมเดล
หมดไปกับการซื้ออุปกรณ์ทำงาน
ค่ากระดาษ กระดาษร่าง
เฉพาะค่า xerox โปรเจคนึงอาจเป็นพัน
แล้วก็ค่าอุปกรณ์สี สีน้ำ,Marker
ทำโปรเจคทีหมดค่ามาร์คเกอร์บา---น
เฉพาะค่ามาร์คเกอร์เราว่าเราเสียไปหลายพัน = =;

สมัยเราเรียน(พูดเหมือนผ่านมานาน55)
ตอนปี 1 ทุกภาคจะเรียนวิชาพื้นฐานด้วยกัน
เพราะว่าเรียนสายวิทย์มา
วิชาในปีแรกๆเลยเน้นปูพื้นฐานทางดีไซน์เบื้องต้นก่อน
[design fundamental]
จะมีเรียนทฏษฎีและปฎิบัติควบคู่กัน
โดยใช้ห้องสตูดิโอในคณะ
[studio design]
จะมีโจทย์มาให้ทำในชั้น ภายในเวลาที่กำหนด
ซึ่งวิชานี้มีหน่วยกิตเยอะที่สุด
ถ้าหากได้เกรดเหียกก็จะพาซวย
ฉุดเกรดวิบัติวินาดสันตะโร = [ ] ='
เรียนถาปัดถ้าอยากได้เกรดดีควรจะตั้งใจทำงาน
@_@;;;;เพราะเป็นคณะที่เน้นปฎิบัติ

นอกจากวิชาปูพื้นฐาน
ก็มีวิชาเขียนแบบ [architectural drawing]
ก็ดราฟแมร่งอย่างเดียวเลย = [ ] =
จำได้เลยปีเราเจอดราฟ Dome นรกแตรก
(ที่ดราฟโคตรจะยาก......)

ถัดจากเขียนแบบก็ Building material& construction
วิชานี้มันคือวิชาท่อง
แล้วก็จะมีวิชาปฏิบัติคู่กันอีกตัว
คือ วิชา "ดราฟ Con" อันนี้เขียนแบบเหมือนกัน
แต่เป็น"เขียนแบบเชิงเทคนิค/รายละเอียดการก่อสร้าง"
อ.จะแจกโปรแกรมมา ช่วงแรกๆจะให้ลอกตามแบบ
ปีต่อๆมาจะเริ่มยากนรกขึ้นๆ
เพราะวิชานี้จะไปจับคู่กับวิชา studio ....
(หรือโปรเจคนั่นแหละ...)
คือจะให้เอาโปรเจคมาเขียนแบบก่อสร้างนั่นเอง
(คราวนี้แหละถ้าเน่าตัวใดตัวหนึ่งจะเริ่ม"หายนะ")

สำหรับ studio และ construction
ถือเป็นวิชาพื้นฐานของการเรียนถาปัด
studio จะเน้นการออกแบบ ทำโปรเจค
ควบคู่ไปกับการปูพื้นฐานด้านโครงสร้าง
นอกจากความสวยงามและการใช้สอยแล้ว
ถ้าสร้างจริงไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์

ดังนั้นเมื่อแยกภาควิชา ....
โดยส่วนใหญ่ก็จะยังมี....
E สองตัวนี่คอยหลอกหลอน
(จนกว่าจะจบ....)

ปีต่อมาก็จะคล้ายๆเดิมแต่เจาะลึกมากขึ้นๆ

"sketch design" วิชานี้จะเป็นวิชาที่หน่วยกิตน้อย
แต่ว่ามีต่อเนื่องไปจนเกือบเทอมสุดท้าย
จะเป็นวิชาที่ให้ออกแบบภายในเวลาที่กำหนด
ส่งงานเป็นแผ่นๆ

ของ LA[LANDSCAPE]
ถ้าใครเข้าใจว่าออกแบบสวน ก็เข้าใจใหม่เน้อ:)
ภาควิชานี้จะทำงานได้กว้าง
หลักๆแล้วจะเกี่ยวกับการออกแบบวางผัง
ผังบริเวณของสถานที่ต่างๆ
(รีสอร์ท/สวนสัตว์/สวนสาธารณะฯลฯ)

ถ้าให้เราอธิบายง่ายๆ
ก็คือบริเวณที่เป็น "ภายนอกอาคาร" นั่นเอง
การวางกลุ่มอาคาร วางระบบสัญจรอย่างไร
ให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ได้ดี+สัมพันธ์กับพฤติกรรมของคน
รวมไปถึงการจัดสภาพแวดล้อมภายในโครงการ
การวางต้นไม้,site furniture ฯลฯ
จบแล้วอาจจะได้ไปทำงานต่างประเทศ
เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่งจะทำเงินดีพอควร @_@
ซึ่งเป็นภาควิชาที่จบแล้วมีโอกาสได้ทำงาน
หรือได้ไปฝึกงานต่างประเทศสูงพอควร
ส่วนงานด้านนี้ในไทยเริ่มๆขยายตัว

เรียนถาปัด น่ากลัวอย่างนึง
วิชามันเชื่อมต่อกันเหมือนห่วงโซ่ = [] =!!
สังเกตได้ว่าทุกวิชาจะสัมพันธ์กัน
และต่อเนื่องกันทุกปี
มาเป็นคู่ๆตลอด ทฎษฎี-คู่ปฎิบัติ
ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งเหียก
วิชาอื่นๆที่เกี่ยวข้องจะพลอยเน่าไปด้วย

รวมถึง..ถ้าไม่ตั้งใจ(โดยเฉพาะวิชาหลัก)ตั้งแต่ปี 1
หรือปีที่เริ่มแยกเข้าเรียนให้ภาควิชาที่เลือกตอนเอนท์
ผลกรรมจะตามกระทบไปจนถึงปี 5
เนื่องจากมันจะมีวิชาที่เป็นรหัสต่อกัน
ที่ต้องใช้พื้นฐานความรู้เดิม
น่ากลัวอย่างแรง

ข้อดีคือเป็นคณะที่สนุกสนาน เฮฮา หลุดๆ
และเอาเข้าจริงแล้วเก็บเกี่ยวอะไรได้เยอะ
มีประสบการณ์แปลกๆมากมาย

ที่คนจบคณะนี้ไป ทำงานได้หลายอย่าง
เป็นเพราะกระบวนการในการเรียนการสอน
มันกระตุ้นให้คิดหนะ

เป็นคณะที่เรียนเพื่อประกอบวิชาชีพ
วิชาชีพ=อาชีพที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางด้านนั้นๆ
ดังนั้นเมื่อเรียนจบแล้ว ออกไปทำงาน
จะต้องมีการสอบใบอนุญาติประกอบวิชาชีพ
เหมือนสาขาวิชาชีพอื่นๆ

ตอนเตรียมตัวสอบเอนท์
ก็ต้องเตรียมตัวด้านวิชา "ความถนัดทางสถาปัตย์"
ฝึกทำข้อสอบ วาด perspective เยอะๆ
ฝึกทำ sketch design
แล้วก็เตรียมตัวด้านวิชาการ
วิชาฟิสิกส์ อังกฤษ เลข สังคม/ไทย
(ไม่รู้ปัจจุบันเปลี่ยนไปยัง)

เห็นพูดงี้แต่เรา "โคตรดีใจ" เลย
ที่ได้เรียนจบจากคณะนี้
เพราะเราได้ "ความพยายาม+ความอดทนต่อแรงกดดัน"
มาจากคณะนี้ "เยอะมาก" @_@
เนื่องจากกระบวนการเรียนการสอนในคณะ

แค่ตอนแรกเรายังไม่ค้นพบตัวเองแบบเต็มที่
กว่าจะรู้ว่าตัวเองชอบทำอะไรก็เกือบจะจบแล้ว
(อยู่ประมาณ ปี 4 ขึ้น ปี 5)
ดังนั้นคนที่ค้นหาตัวเองได้เร็ว ก็ดีแล้วน่อ

=================================

-GUIDELINE-
=================================

=================================

• "architect" สำหรับ "สถาปัตย์" ก็มีหลายมหาลัยน่อ
  ใครอยากเข้า ที่แน่ๆเรียน "สายวิทย์" ชอบการออกแบบ
  มีความคิดสร้างสรรค์ มีหลายมหาลัยที่เปิดสอน
  จุฬา-ลาดกระบัง-ศิลปากร-เกษตรศาสตร์-ธรรมศาสตร์ อื่นๆ
  (สำหรับธรรมศาสตร์ รู้สึกจะเรียน 4 ปี
  ได้วิทยาศาสตร์บัณฑิต-มีโทอีก 2 ปี-ไม่แน่ใจ
  ใครเรียนก็บอกข้อมูลได้เน้อ)
  "คณะสถาปัตย์"แตกต่างกันที่ "ภาควิชา"
  ก็ลองศึกษา"ภาควิชา"ที่จะเข้าให้ดีเลย
  ว่าเข้าไปแล้วเรียนเกี่ยวกับอะไร
  ต้องทำอะไรบ้าง

DEPARTMENT OF ARCHITECT

**Architect ภาค ส.ถ. เกี่ยวกับการออกแบบอาคาร
**Thai architect ภาค ส.ถ.ไทย
**Interior ภาคส.น. ออกแบบตกแต่งภายใน
**Landscape architect ภาค ภ.ส.
**Urban ภาคผังเมือง

หลักในการเรียนคณะนี้คือ "ตั้งใจทำงาน"
ทำโปรเจค ก็ตรวจแบบ-ส่งแบบร่าง-พัฒนาแบบทุกครั้ง
ทำงานส่งให้ครบและทันตามเวลาที่กำหนด
ตอนเรียนมหาลัยอาจารย์มักจะไม่ป้อนความรู้ให้
ต้องไปค้นคว้าข้อมูลเองด้วยส่วนหนึ่ง
"อย่าชิว"

=================================

ถ้าชอบวาดรูป+งานด้านกราฟฟิค ดีไซน์
"applied art" จะเน้นทางด้าน "ประยุกต์ศิลป์" เป็นหลัก
ลองดูคณะเหล่านี้เป็นทางเลือก
จบมาแล้วจะได้วุฒิ "ศิลปกรรมศาสตร์ บัณฑิต"
[B.F.A=Bachelor of fineart]
เรียน 4 ปี ใช้วิชาสายศิลป์สอบ
ควรเตรียมตัวเรียน Drawing และความถนัด
ถ้าจะเข้าศิลปากร-ฝึกลงสีโปสเตอร์
(มีสอบ) จบไปก็ทำงานได้หลายอย่าง
เนื้อหาที่เรียนก็ค่อนข้างหลากหลาย ประมาณๆ
corporate identity-ออกแบบกราฟฟิคสำหรับองค์กร
book/magazine design-ออกแบบเลย์เอาท์-สิ่งพิมพ์
environmental design-ออกแบบกราฟฟิคสำหรับสถานที่-ป้าย
illustration-วาดภาพประกอบ ฯลฯ

**คณะสถาปัตย์-นิเทศศิลป์ ลาดกระบัง
**ศิลปกรรมศาสตร์-ออกแบบนฤมิตศิลป์จุฬาฯ
**มัณฑณศิลป์-ศิลปากร

=================================

"pure art" หรือ คณะที่เรียนทางด้านศิลปอย่างจริงๆจังๆ
เข้าไป ไปเรียนเพนท์ๆๆๆๆ สีน้ำ สีน้ำมัน
ปั้นๆๆๆๆ drawingๆๆๆๆ
เรียน 4 ปี ใช้วิชาสายศิลป์สอบ
จบแล้วได้วุฒิศิลปกรรมศาสตร์บัณฑิตเช่นกัน

**จิตรกรรม ม.ศิลปากร
**จิตรกรรม ม.บูรพา
**วิจิตรศิลป์
**ศิลปกรรมศาสตร์-ทัศนศิลป์จุฬาฯ

=================================

"industrial" ชอบออกแบบ-เรียนสายวิทย์
แนะนำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
ภาควิชา ออกแบบอุตสาหกรรม
(industrial design)
เรียน 5 ปี ต้องเรียนสาขาวิชาต่อไปนี้
แล้วทำ thesis ในสาขาที่ตัวเองเลือก major
-Ceramic เป็นการออกแบบเครื่องปั้นดินเผา
-Textile ออกแบบลายผ้า ทอผ้า
-Graphic ออกแบบกราฟฟิค
-Interior ออกแบบภายใน
-Product ออกแบบผลิตภัณฑ์
ปี 1 เรียนร่วมกับถาปัดภาควิชาอื่นๆ
มีทำโปรเจคปีนึง จบแล้วได้วุฒิ อ.อ.บ
จบไปทำงานได้หลายอย่างเหมือนกัน

=================================

"com-art" ชอบวาดรูป-ชอบ cg-ชอบ Animation
ชอบ multimedia-ชอบทำ 3d model
จบมาได้วุฒิศิลปกรรมศาสตร์บัณฑิต

**computer art รังสิต(เตรียมตัวเรื่องค่าใช้จ่าย)
**มัณฑณศิลป์ สาขา Multimedia
(ไม่ค่อยมีข้อมูล ไปค้นดูเองน่อ)

=================================