คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : Chapter 28 :: His New Friend (100%)
Chapter 28
His New Friend
เสียเวลากับการนั่งจมปุกอยู่ในหอประชุมอยู่หลายชั่วโมงกว่าการปฐมนิเทศจะจบ เด็กหนุ่มทั้งสองคนแอบเป็นห่วงไอ้หัวทองขาสั้นคนนั้นจริง ๆ เพราะมันถูกรุ่นพี่ลากไปสั่งสอนเรื่องการแต่งตัวผิดระเบียบตั้งแต่ตีนขวายังไม่ทันก้าวเข้าหอประชุม
ไอ้เขาก็คาดไว้ตั้งแต่เห็นแว้บแรกแล้วล่ะว่ามันคงไม่น่ารอดตั้งแต่เห็นกางเกงสีซีดขาด ๆ แล้ว นี่ยังไม่รวมรองเท้าผ้าใบราคาเหยียบแสนนั่นอีก ถึงตัวปาร์คชานยอลจะเคยเป็นเด็กเกเรมาก่อนแต่เขาก็พอจะรู้ว่าที่ไหนควรซ่าและที่ไหนควรทำตามชาวบ้านเขา ซึ่งไอ้ลู่หานก็ล่อตีนตั้งแต่วันแรก
นักศึกษาหลายร้อยทยอยออกมาจากหอประชุม บางคนเลือกที่จะเดินออกไปหน้ามหาลัยเพื่อนั่งรถเมล์กลับบ้าน แต่บางคนก็เลือกอยู่คุยกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำความรู้จักกันตอนนั่งปฐมนิเทศ
ชานยอลกับจื่อเทากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาไอ้ตี๋หัวทอง ไม่รู้ป่านนี้มันไปมุดหัวอยู่ไหน บางทีมันอาจจะดราม่าจนบึ่งสี่สูบกลับบ้านแล้วโผล่หน้ามาอีกทีตอนเปิดเทอม แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดเมื่อหันไปเห็นคนในความคิดกำลังนั่งคาบบุหรี่เซลฟี่รูปตัวเองอยู่ข้าง ๆ ถังขยะเปียก
มึงไม่มีมุมที่ดีกว่านั้นแล้วเหรอกูอยากรู้
“ไงมึง”
“ออกมาช้าจังวะ” ลู่หานเงยหน้าพร้อมกับกดเปลี่ยนเป็นกล้องหลังแล้วถ่ายรูปเพื่อนทั้งสองหน้าตาเฉย
“เฮ้ย...จะถ่ายรูปทำไมไม่บอกกันก่อนอ่ะ...” จื่อเทาถามเสียงแผ่ว
“กูว่ารูปทีเผลอดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ดูไหม?” ลู่หานเลิกคิ้วมองอีกคนพร้อมกับหันจอมือถือให้ จื่อเทาอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งลงบนฟุตปาธกับคนตัวเตี้ยกว่า
“แล้วพวกปีสองว่าไงบ้างเรื่องมึงแต่งตัวผิดระเบียบ” ที่หยาบคายเป็นกันเองแบบนี้ก็เพราะไอ้ลู่หานเป็นคนบอกเอง เหตุผลเพราะจะได้ไม่เกร็งไม่เครียด สนิทกันง่ายขึ้นอีกด้วย ตอนแรกก็ไม่อยากจะอะไรขนาดนั้นหรอกนะแต่พอมันเล่าว่าชีวิตนี้มีเพื่อนอยู่ไม่กี่คนเลยรู้สึกสปาร์ค ที่ไหนได้ก็เป็นพวกเดียวกัน
“ก็ไม่ว่าไง พอดีรุ่นพี่พวกนั้นเคยเป็นรุ่นน้องกูที่โรงเรียนก็เลยหยวน ๆ ได้” ชายหนุ่มเลื่อนจอมือถือพลางพูดด้วยท่าทีไม่ยี่หระต่างจากอีกสองคนที่กำลังขมวดคิ้วแล้วมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
“ยังไงวะ ที่บอกว่ารุ่นพี่ที่นี่เป็นรุ่นน้องมึง?”
“ก็ไม่ไง กูซิ่ว”
“จริงป่ะ? งี้มึงก็อายุมากกว่ากูสองคนดิ?” จื่อเทาถามแล้วลู่หานก็พยักหน้ารับ
“นี่มึงซิ่วมากี่รอบแล้ว จากสภาพกูว่าไม่น่าจะรอบแรก” เสียงของชานยอลเหมือนคำถามหยุดโลก หนุ่มชาวจีนรุ่นพี่มากประสบการณ์ละสายตาจากสมาร์ทโฟนก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่ง
“นับแป้บ”
“เหยด ถึงกับต้องนับนิ้วกันเลยทีเดียว ยืมขาหลังไอ้ชานยอลไปนับด้วยดิ” เด็กเขียวมองคนข้าง ๆ อย่างหวาด ๆ ก่อนจะผินหน้าไปทางเพื่อนตัวสูงกว่า
“รอบแรกกูเรียนการบินเหตุผลเพราะอยากแดกแอร์ แต่พอเรียนไปเรียนมาแล้วเพื่อนกูเป็นเกย์หมดไอ้ชิบหาย ไหนจะผู้หญิงรุ่นกูไม่มีใครสวยอีก แถมรุ่นพี่ก็มีแต่พวกสวยแต่โง่กูเลยซิ่วแม่ง”
“เหตุผลมึงนี่...”
“เออ นั่นแหละ” ลู่หานเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่งเพื่อดูท่าทีเพื่อนใหม่ทั้งสองคน “รอบสองกูเลยมีความคิดอยากเป็นบุรุษพยาบาล”
“นี่ก็จะแดกพยาบาลอีกไหม”
“ตอนแรกกูไม่ได้คิดงั้น แต่หลังจากซิ่วการบินกูก็ไปแดกเหล้ากับเพื่อน ขากลับดริฟท์โค้งใส่เฝือกอยู่เป็นเดือนแล้วเพื่อนที่มีอยู่น้อยนิดก็มาเยี่ยม มันถามว่ากูจะเอายังไงต่อกับชีวิตมหาลัย จังหวะนั้นแหละคุณหมอคนสวยก็มา...” ตาของลู่หานตอนนี้กำลังเคลิ้มไปอย่างไร้จุดหมายขณะเล่าถึงอดีตของตัวเอง ชานยอลเบ้ปากแล้วนั่งลงข้าง ๆ เพื่อนใหม่ทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกห่าง
“ประเด็นหลักคือหมอสินะ” เด็กตัวสูงถามและก็ได้คำตอบเป็นรอยยิ้มชั่ว ๆ ของมัน
“ชอบหมอแล้วทำไมไม่เรียนหมอ” คำถามของจื่อเทานั้นลู่หานเตรียมคำตอบไว้แล้ว ชายหนุ่มเอนตัวไปข้างหลังแล้วใช้สองมือยันพื้นเอาไว้
“เรียนหมอมันยากไป ทำไมกูต้องเอาสมองอันเลอค่าของกูไปปวดหัวกับเซลล์สมอง กล้ามเนื้อ เส้นเลือดนู่นนี่นั่นด้วยวะ วันนึงของกูมีอะไรให้ทำมากกว่านั้นเช่นการแคสเกม”
“แล้ว?”
“กูเลยลดระดับความยากลงมานิดนึงคือการลงเรียนบุรุษพยาบาล แต่นั่นมันคือจุดเปลี่ยนของชีวิตกู” ลู่หานนิ่งไปหลังจากพูดประโยคนี้จบก่อนจะกลอกตามองเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งขนาบข้าง มันสองคนพร้อมใจกันอ้าปากทำหน้างงอย่างไม่ได้นัดหมายซึ่งที่เป็นอยู่มันทำให้เขารู้ตัวว่าควรพูดอะไรเพิ่มเติมไปอีก “พวกมึงแน่ใจนะว่าฟังได้?”
“เออเล่ามาเหอะ กูพร้อมเสือกมากนาทีนี้” ชานยอลพูดแล้วจื่อเทาก็พยักหน้ารัว ๆ
“หลังจากฟังจบแล้วพวกมึงสองคนอาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนกูอีกก็ได้ มันเสี่ยงนะ”
“ตอนนี้กูก็ไม่อยาก เพราะงั้นมึงเล่าเถอะ” ชาวจีนสตั้นไปหลายวิกับประโยคที่พูดเหมือนว่าเรื่องนี้มันโคตรจะธรรมด๊าธรรมดาของชานยอล
“เรื่องมันเกิดขึ้นในคืนหลังสอบไฟนอลเสร็จ คือกูเล็งเมียชาวบ้านไว้นานแล้วแต่หาจังหวะแดกไม่ได้เพราะผัวมันหน้าโหดมาก สายตามันเหมือนมีเซ้นส์ว่ากูคิดไม่ซื่อกับเมียมัน แต่ก็นั่นแหละ พอเหล้าเข้าปากก็หาจังหวะตีเนียนได้เลยนัดเมียชาวบ้านไปเจอกันในห้องน้ำ”
“กรณีนี้สมควรโดนตีนนะ” ชานยอลมองหน้าอีกคน
“กูกระดกเบียร์บิวท์ตัวเองแล้วดับไฟรอชนิดว่าถ้าเข้ามาปุ้บต้องใส่กันอย่างดุเดือดอ่ะ”
“ต่อเลย ๆ” <- จื่อเทา
“นั่นแหละ คนมันเมาอ่ะนะ พอประตูเปิดออกกูก็ไม่สนหรอกว่ามีหูมีหางตรงไหนมั่ง เลยไม่ทันดูว่าคนที่เข้ามานัวกับกูคือใคร”
“อ้าว? มึงพูดเหมือนว่าไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น?”
“เออดิ”
“ไอ้ชิบหาย...”
ทั้งสองคนอุทานออกมาพร้อมกัน ไม่อยากจินตนาการต่อเลยจริง ๆ ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เตี้ยขี้หม้อคนนี้ ในหัวของชานยอลเต็มไปด้วยภาพสารพัดตีนที่กระหน่ำแจกอย่างไม่หยุดยั้ง
“แล้วมึงได้กันไหม?”
“จะเหลือหรือ”
“...”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นวะ” จื่อเทาถามแล้วลู่หานก็ถอนหายใจ จากสีหน้าแล้วหนุ่มชาวจีนขาสั้นคงเครียดกับเรื่องนี้ไม่น้อยพี่แกถึงกับต้องล้วงเอาซองบุหรี่ออกมาจุดสูบย้อมใจ
“ที่เข้ามาน่ะ...ผู้ชาย”
“...”
“...”
“ผัวผู้หญิงคนนั้นแหละ อืม” ลู่หานอัดบุหรี่เข้าปอดหนัก ๆ แล้วปล่อยควันออกมาพร้อมกับถอนหายใจ สองหนุ่มทำตาเหลือกแล้วหันไปมองกันอย่างไม่ได้นัดหมายก่อนที่ชานยอลจะขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ แล้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างจริงจัง
“มึงพูดจริงพูดเล่น?”
“หน้ากูเหมือนคนเอาเรื่องประตูหลังมาโพนทะนาตัวเองมากไหมล่ะครับห่า? จังหวะนั้นตื่นมาแล้วเจอผู้ชายนอนอยู่ข้าง ๆ กูนี่แทบหาทางกลับบ้านไม่ถูก คำถามแรกคือพวกกูนัวกันไปจนถึงห้องนอนเพื่อนได้ยังไง”
“ใครเมะใครเคะวะ...” จื่อเทากระซิบถามราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน ซึ่งคำถามนี้ชานยอลก็นึกรำคาญอยู่เล็ก ๆ เพราะไม่วายไอ้ห่าเทาคงโยงเข้าเรื่องฟิคกับการ์ตูนอีก แต่เอาเถอะ ตอนนี้เขาก็อยากรู้เหมือนกัน
“อะไรคือเมะเคะ?” ลู่หานขมวดคิ้วสงสัยกับคำพูดของหวงจื่อเทา
“มันถามว่ามึงเป็นรุกหรือเป็นรับ” จากประสบการณ์ที่นั่งฟังไอ้ห่าเทาเล่าเรื่องฟิควายมานานเป็นปีปาร์คชานยอลเลยต้องเป็นคนอธิบายเรื่องนี้ให้ลู่หานฟัง “แต่กูว่ารับ”
“ถึงโครโมโซมกูจะไปทางนั้นแต่เชื่อเถอะว่าอีตุ๊ดนั่นบอกเลิกเมียมาหากูแล้วบอกว่า ‘เป็นแฟนกันไหมเตง คืนนั้นนายเก่งมากเลย อันที่จริงเราแอบชอบนายมานานแล้ว ที่คบชะนีก็เพื่อบังหน้า’ แถมยังกัดปากใส่กูอีก จะกระทืบตรงนั้นก็กลัวเพื่อนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเลยซิ่วอีกรอบย้อมใจซะเลย สัดเอ้ย”
“มึงเมาขนาดนั้นเลยเหรอวะเฮีย” เด็กเขียวมองอย่างระอาขณะที่คนถูกถามได้แต่อัดควันเข้าปอดจนบุหรี่หมดมวนแรก
“เออดิ คือตอนนั้นกูก็รู้สึกแหละว่ามันแปลก ๆ เหมือนไม่ใช่ผู้หญิง แต่เหล้ามันเข้าปากก็ไม่ได้แยกแยะหรอกมึง คือรู้ว่าทำอะไรแต่มันหยุดไม่ได้” ลู่หานพยายามอธิบาย วัดใจกันไปเลยว่าไอ้รุ่นน้องสองคนนี้จะอยู่หรือจะไป นี่เสี่ยงนะเนี่ย มันจะเอาเรื่องกูไปขายป่ะวะ
“จะบอกว่าขอแค่มีรูพี่ก็เสียบได้หมด” <- ชานยอล
“อ่ะมึงพูดถูก...ถุ้ย!” <- ลู่หาน
“ทุกคน!!!” ทั้งสามหนุ่มหันไปตามเสียงแล้วก็เห็นโฉมหน้าสาวสวยที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังโบกมือให้ ชานยอลพยักหน้ารับก่อนที่จียอนจะวิ่งข้ามถนนมา “เป็นไงมั่ง? โทษทีเรามัวแต่คุยกับน้องปีหนึ่งอยู่เลยมาช้า จะไปกินอะไรกันดีอ่ะเราหิวแล้ว”
“อยากกินอะไรล่ะ” ชานยอลถอดเสื้อตัวนอกคลุมหน้าขาให้หญิงสาวที่เพิ่งนั่งลงข้าง ๆ เขา จียอนขมวดคิ้วทำหน้าคิดแล้วหันไปขอความเห็นเพื่อนอีกสองคน
“เราคิดไม่ออกอ่ะจื่อว่าไง?”
“กินไรก็กินเหอะชั่วโมงนี้ พี่อิ่มทองแล้ว” ลู่หานว่าแล้วอัดบุหรี่ตัวใหม่ย้อมใจอีกตัว ห่าเอ้ย นึกถึงเรื่องนั้นแล้วก็ขนลุกชูชัน นี่ไม่ได้โศกเพราะมันเป็นผู้ชายด้วยกันนะ แต่มันเป็นเรื่องเศร้าตรงที่กูก็เตี้ยแค่นี้แต่เสือกฟันอีแอบหุ่นเท่าเกย์ในฟิตเนสเนี่ยแหละ ฟั้ค ๆ ๆ
“คนนั้นเลิกสูบบุหรี่ทีได้ป่ะ หัวเราจะเหม็น” จียอนแอบค้อนเพื่อนใหม่ที่เอาแต่สูบบุหรี่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกัน
“พี่ขอโทษค่ะนางงาม” ว่าแล้วก็ทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้รองเท้าขยี้จนดับ ทั้งสี่คนนั่งเงียบไปพักนึงให้ความว่างเปล่าครอบงำเพราะคิดไม่ออกว่าบ่ายนี้จะกินอะไรกันดีจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือชานยอลดังขึ้น
ทั้งสามคนหันไปมองคนตัวสูงซึ่งกำลังยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหูจนอดไม่ได้ที่จะเสือกว่าใครโทรมา และคนที่ทำหน้างงและไม่เข้าใจโลกที่สุดในตอนนี้ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากหวงจื่อเทา มึงมีความสุขอะไรขนาดนั้นกะอีแค่น้าแบคโทรมา
“ฮัลโหลแบคฮยอน”
( ปฐมนิเทศเสร็จหรือยัง? )
“เรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนล่ะไม่มีสอนเหรอ” จนถึงตอนนี้สีหน้าของเด็กหนุ่มก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พูดก็พูดเถอะ ถึงจะคุยกันที่บ้านทุกวันแต่การที่น้าชายของเขาเป็นฝ่ายโทรหาก่อนมันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ เพราะงั้นกูขอฟินที
( มีสอนอีกคาบนึงก็เลยจะถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม น้าจะได้แวะซุปเปอร์ไปซื้อผักซื้อหมู )
“กินอะไรเหรอ...” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วทำหน้าคิด
“น้าแบค ๆ หวัดดี” จื่อเทาตะโกนข้ามหัวคนขาสั้นมาทักทายคนในปลายสาย จียอนได้ยินอย่างนั้นเลยเลิกคิ้วพร้อมกับขยับปากถามว่า ‘นั่นน้าหรอกเหรอ?’
( อยู่กับเทาใช่ไหม? ชวนมันมากินข้าวด้วยกันก็ได้นะ ไม่ได้เจอนานแล้ว )
“เอางั้นเหรอ?” เด็กหนุ่มหันไปทางขวา ซึ่งก่อนจะเห็นเบ้าหน้าเขียว ๆ ของไอ้เทาก็ต้องผ่านหน้าไอ้ลู่หานไปก่อน “ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อนอีกสามคนอ่ะ พาไปบ้านได้ไหม?”
( เอาสิ งั้นไว้เจอกันตอนเย็นนะ )
“ครับ” เด็กหนุ่มอมยิ้ม “ตั้งใจสอนเด็กนะคุณครู”
ทั้งสามคนได้แต่นั่งมองประโยคแปลก ๆ ที่หลุดออกมาจากปากเพื่อนตัวสูงทั้งที่คนในปลายสายนั้นก็ไม่ใช่ใครนอกจากญาติตัวเอง ลู่หานขมวดคิ้วแล้วหันไปถามคนข้าง ๆ ย้ำอีกครั้งแทนจียอนว่า ‘มันคุยกับน้าจริง ๆ น่ะเหรอ?’ แล้วจื่อเทาก็พยักหน้ารัว ๆ เพื่อยืนยันแทนเพื่อน
กว่าจะเย็นก็อีกหลายชั่วโมง ทั้งสี่คนเลยนั่งแท็กซี่ไปหาของหวานกินกันรองท้องที่ร้านลุงชิน ระหว่างนั้นก็นั่งคุยกันเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน และที่ได้รับความสนใจมากที่สุดก็คงไม่ใช่ใครนอกจากเพื่อนใหม่อย่างลู่หานที่เป็นรุ่นพี่พวกเขาถึงสามปี
เด็กหนุ่มพูดติดตลกว่า ‘ถ้ามึงคิดจะซิ่วอีกก็บอกล่วงหน้าสักสองเดือนนะกูจะได้ตีตัวออกห่าง ไม่อยากซึมซับความรู้สึกของจียอนที่ต้องเหงาเพราะเพื่อนซิ่วไปเรียนคณะอื่น’ ซึ่งก็ได้รับเสียงหัวเราะตอบกลับมา
ลู่หานให้เหตุผลที่อยากเรียนครูเพราะอยากเต๊าะเด็กมัธยม ความฝันสูงสุดของมันในตอนนี้คือการทำตัวหล่อ ๆ เป็นครูห้องพยาบาลแล้วคอยแจกยาแก้ปวดท้องเมนส์ให้เด็กผู้หญิงโรงเรียนสตรีล้วน นั่นแหละคือความสุขที่แท้จริง
เด็กตัวสูงหยิบมือถือขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วก็นึกได้รู้ว่าตอนนี้แบคฮยอนน่าจะกลับถึงบ้านแล้ว และมันคงจะดีถ้าเขากลับไปช่วยน้าชายทำอาหารแล้วปล่อยให้เพื่อนนั่งฝอยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นระหว่างรอ
ชานยอลและลู่หานกลับไปเอารถที่มหาลัย ส่วนจื่อเทานั่งแท็กซี่เป็นเพื่อนจียอน หญิงสาวบ่นอุบอิบว่าจะซื้อมอเตอร์ไซค์ทั้งทีทำไมต้องซื้อแบบเห็นแก่ตัว เบาะข้างหลังรถชานยอลนี่ก็นั่งได้ครึ่งตูด ส่วนสี่สูบลู่หานก็ไม่อยากซ้อน เสียงท่อมันดัง อายเขา
ขับรถโต้ลมหนาวตามกันมาจนถึงบ้านแล้วก็เห็นเพื่อนทั้งสองคนยืนรออยู่แล้ว ชานยอลเปิดประตูรั้วและเชิญเพื่อนทั้งสามคนเข้ามา เด็กหนุ่มยิ้มเพียงแค่พบว่ารถของน้าชายจอดอยู่ข้างใน พอเข้าไปก็พบว่ามีอาหารสองสามอย่างวางรออยู่แล้ว
“นั่งรอก่อนนะ” เด็กตัวสูงว่าแล้วเพื่อน ๆ ก็พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในครัว ชานยอลย่องเข้าไปข้างหลังคนที่ยืนอยู่หน้าซิงค์ก่อนจะสวมกอดเอวจากข้างหลังแล้วขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่
แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวพลางหันไปข้างหลังแล้วก็เห็นใบหน้าซน ๆ ของหลานชายที่วันนี้มันดูหล่อเป็นพิเศษหรืออาจเป็นเพราะว่าชานยอลอยู่ในชุดนักศึกษา น้าชายตัวเล็กมองออกไปข้างนอกแล้วหันมามองค้อนไอ้เด็กตัวแสบที่ยังคงไม่ปล่อยมือออกจากเอวเขาก่อนจะผลักหัวไปทีนึง
“ทำอะไรของแก”
“ก็คิดถึงอ่ะ ขออีกทีได้ไหม?”
“มะเหงกสิ ถอยออกไปห่าง ๆ เลยฉันจะทำกับข้าวต่อ” แบคฮยอนง้างมือขึ้นอีกแต่หลานชายตัวดีกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ – ได้” แบคฮยอนขมวดคิ้วแล้วยื้อตัวออกแต่ก็เหมือนเดิม ชานยอลยังคงทำตาปริบ ๆ ขอความเห็นใจจากเขาอยู่อย่างนั้น
“งั้นแบคฮยอนหอมผมแทน”
“ตลกมากไหม เดี๋ยวเพื่อนแกเข้ามาเห็นจะทำไง?”
“บอกว่าน้าร้อนจนเกือบเป็นลมผมเลยต้องกอดไว้แบบนี้ไง...” เด็กหนุ่มกระซิบจนน้าชายตัวเล็กต้องหดคอลง แบคฮยอนดันแผงอกแกร่งออกแต่ชานยอลกลับกอดแน่นยิ่งขึ้น
“เอ่อ...โทษนะไม่ได้อยากเข้ามาขัดจังหวะแต่ว่าจียอนหิวน้ำน่ะ...” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้สองน้าหลานผละตัวออกจากกันเหมือนกับโมเสกแยกทะเลแดง
ชานยอลปั้นหน้านิ่งเกาท้ายทอยแก้โง่ก่อนจะหันกลับไปมองเพื่อนใหม่ที่โผล่แค่หน้าเข้ามาในห้องครัว ไม่อยากพูดถึงสีหน้าของมันที่กำลังมองเขาในตอนนี้เลยให้ตายเถอะ รอยยิ้มแบบนั้นเหมือนกำลังจะบอกว่า ‘กูเห็นมึงแล้ว’
“เดี๋ยวกูเอาออกไปให้”
“ไม่เป็นไร กูหยิบเองก็ได้เว้ยมึง ตู้เย็นตรงนั้นนะ?” หน้าของลู่หานตอนนี้ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มกวนส้นตีน ชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าตู้เย็นทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากเพื่อนก่อนจะกลอกตาไปทางคนตัวเล็กที่ตั้งหน้าตั้งตาหั่นแครอทจนผิดวิสัย
“กูหยิบแก้วให้”
“เหย...เดี๋ยวกูจัดการเอง...” ลู่หานยกมือห้ามเพื่อนตัวสูงที่กำลังทำหน้ามึนใส่เขาเพราะทำตัวไม่ถูก “ไปช่วยทำกับข้าวต่อเถอะ...ว่าแต่นั่นน่ะ...น้ามึงใช่ป่ะวะ?” คนถูกพาดพิงถึงกับหน้าสั่นไปแปดริกเตอร์
จากน้ำเสียงและการทิ้งจังหวะของประโยคเมื่อครู่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ มือข้างที่จับมีดถึงกับชะงัก ร่างเล็กได้แต่หวังว่าชานยอลจะแถเรื่องนี้ให้เนียน ๆ เหมือนกับที่เคยแถกับเขามาตลอดชีวิต
“สวัสดีครับ” มันก็ไม่แปลกหรอกที่เพื่อนหลานจะทักทายเขา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่บยอนแบคฮยอนอยากจะกลายเป็นวิญญาณแพะที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้นอกจากเจน ญาณดริฟท์หลังจากมีคนเห็นฉากเมื่อกี้นี้ “น้าแบคฮยอนใช่ไหม เมื่อกี้จื่อเทาเล่าให้ฟัง”
“มึงไปนั่งข้างนอกไป”
“ไรวะ ให้กูทักทายน้ามึงก่อนดิ” ลู่หานยักคิ้วกวนก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างซิงค์พร้อมกับมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายให้ชัด ๆ “ว้าว หน้ายังเด็กอยู่เลย น้าอายุเท่าไหร่แล้วครับเนี่ย?”
“แก่กว่ากูเจ็ดปี นับเอา” แบคฮยอนยังไม่ทันได้ตอบคำถามเสียงของหลานชายตัวโตก็โพล่งขึ้นมาก่อน ร่างเล็กยิ้มแหย ๆ ให้เด็กหนุ่มก่อนจะหันไปมองหลานชายที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“งี้ก็เป็นพี่แค่สี่ปีเองสิ งั้นผมเรียกว่าพี่แบคฮยอนได้ใช่ไหม?”
“ไอ้ห่าพี่หาน จียอนรอน้ำอยู่”
“พี่มีแฟนยังครับ?”
“เฮียไปเอาน้ำถึงประเทศไหนเนี่ย เรารอนานแล้วนะเว้ย” จียอนเดินมุ่ยหน้าเข้ามาในครัวแล้วก็เห็นภาพบรรยากาศกึ่ม ๆ ของสามหนุ่มที่มันน่าจะดูปกติแต่มันกลับให้ความรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก “อุ้ย! ขอโทษค่ะหนูไม่รู้ว่าคุณน้าอยู่ในนี้”
“นั่นไง มาแล้ว”
“โธ่ ยังคุยกับพี่แบคฮยอนไม่ถึงไหนเลย” ลู่หานยิ้มขณะมองหน้าเพื่อนตัวสูงก่อนจะตบบ่าเบา ๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ และประโยคนั้นมันทำให้ปาร์คชานยอลถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“กูรอคำอธิบายเรื่องนี้จากปากมึงอยู่นะเพื่อน...”
50%
พอลู่หานเดินออกมาจียอนก็ผินหน้าไปข้างหลังเป็นเชิงบอกว่าให้เอาน้ำไปไว้ในห้องนั่งเล่นเลยเดี๋ยวเธอจะอยู่ตรงนี้ก่อน หญิงสาวเม้มริมฝีปากแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เพื่อนตัวสูงก่อนจะสะกิดแขนเบา ๆ
“นั่นน้าแบคฮยอนใช่ไหม เรียกให้หน่อยดิเรายังไม่ได้หวัดดีเขาเลย...” จียอนกระซิบ พอได้ยินอย่างนั้นชานยอลเลยวางมือลงบนไหล่เล็กพลางบีบเบา ๆ แล้วน้าชายตัวเล็กก็หันมา “สวัสดีค่ะคุณน้า หนูชื่อปาร์คจียอนนะคะเป็นเพื่อนชานยอลตั้งแต่ตอนเรียนวิศวะ” หญิงสาวโค้งหัวอย่างมีมารยาทและแบคฮยอนก็โค้งตอบ
“...ตามสบายเลยนะ” ร่างเล็กยิ้มแล้วหันไปหั่นแครอทต่อ
ดูเหมือนจียอนจะคาดหวังไว้เยอะว่าจะได้พูดคุยกับอีกฝ่ายมากกว่านี้เธอเลยดูงง ๆ กับบรรยากาศมาคุหลังจากที่น้าชายเพื่อนตัดจบบทสนทนาโดยการหันไปทำกับข้าวต่อ
“ชานยอลเคยเล่าให้ฟังว่าคุณน้าทำกับข้าวทุกวันเลย ชอบทำอาหารเหรอคะ?” เห็นจียอนเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ น้าชายของเขาแล้วก็แทบจะกุมขมับ จะสร้างงานให้กูอีกคนไหมเนี่ย
“ไม่ได้ชอบหรอก แต่ว่าต้องทำถ้าไม่อยากออกไปเสียเงินข้างนอก แล้วที่บ้านหนูล่ะทำกินเองหรือเปล่า?” หญิงสาวยิ้มเมื่ออีกฝ่ายถามกลับมา เธอพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วหลุบสายตาลงมองผักที่ถูกแยกไว้
“ไว้สอนหนูบ้างได้ไหมคะ?”
“น้าไม่เก่งขนาดจะสอนให้ได้หรอกนะ ฝีมือก็งั้น ๆ เอง” คนตัวเล็กหัวเราะ ชานยอลยืนพิงกับโต๊ะในครัวแล้วก็ยิ้มกับสีหน้าท่าทางของแบคฮยอนที่กำลังพูดคุยกับจียอนซึ่งมันต่างจากตอนเขาพาจองซูจองมาที่บ้านเมื่อคราวนั้น
“ไม่จริงหรอก ดูจากอาหารบนโต๊ะข้างนอกแล้วหนูว่าฝีมือคุณน้าต้องอร่อยมากแน่ ๆ” จียอนยกนิ้วโป้ง
“ไว้ลองกินก่อน ถ้าถูกปากแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีไหม?”
“ดีค่ะ” เธอยิ้มกว้างแล้วหยิบแครอทที่ถูกหั่นเป็นลูกเต๋าขึ้นมาป้อนให้เด็กตัวสูงที่อยู่ข้างหลัง และเขาจะไม่มีวันรู้เลยถ้าไม่ได้ยินเสียงนี้ “อ้าม...”
“อะไรเนี่ย?”
“อ้าปากสิ เราอุตส่าห์ป้อนตัวเลยนะ”
ตัวงั้นเรอะ...
ชานยอลเอนตัวไปข้างหลังเพราะคนตรงหน้ายังคงพยายามยัดเยียดให้เขากินผักที่ไม่ชอบ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วจับข้อมือเล็กไว้ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่น้าชายตัวเล็ก ใช่...ตอนนี้แบคฮยอนกำลังมองเขาอยู่ด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์นักและแบคฮยอนก็คงไม่รู้ตัว
เด็กหนุ่มยิ้มในใจเมื่อคิดอะไรดี ๆ ออก ทั้งคู่สบตากันแค่ครู่เดียวเท่านั้นชานยอลก็ก้มลงไปกินแครอทจากมือเล็กและไม่ลืมที่จะสบตากับหญิงสาว จียอนหน้าขึ้นสีจัด เธอยืนแข็งทื่ออยู่ท่านั้นแล้วก็รู้สึกเหมือนโดนสาปเพราะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มที่เธอชอบมาเป็นปี
“เอ่อ...ตัว”
“หวาน” ได้ยินคำนี้ออกมาจากปากไอ้เด็กตัวสูงแล้วเส้นเลือดตรงขมับก็เต้นตุบ ๆ แบคฮยอนหันหน้าเข้าหาเขียงกับมีดแล้วหั่นผักอย่างรวดเร็วในขณะที่เด็กสองคนยังคงงุ้งงิ้งกันอยู่ข้างหลัง
“อย่าสิ น้าตัวอยู่ตรงนี้นะ...”
“ไม่เห็นต้องอายเลย น้าฉันไม่สนใจหรอก ดูสิ”
“คนบ้า ๆ”
“ฮะ ๆ”
แบคฮยอนแค่นยิ้ม เขาได้แต่บอกกับตัวเองว่าอย่าไปหลงกลปาร์คชานยอลเป็นอันขาด จากที่เห็นดูยังไงก็รู้ว่ามันจงใจปั่นให้หึง ซึ่งถ้าเขาแสดงออกไปก็ต้องเข้าแก๊บมันแน่ แต่ไอ้เสียงจู๋จี๋ข้างหลังนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ ให้ตายสิ...
ใช้เวลาทำกับข้าวไม่นานทุกคนก็นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะอาหาร แน่นอนว่าตอนนี้ปาร์คชานยอลนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมีปาร์คจียอนนั่งขนาบข้าง ทั้งสองคนผลัดกันคีบนู่นนี่นั่นให้กันกิน ระหว่างนั้นไอ้เด็กกะโปกก็หันมายิ้มใส่เขาเป็นระยะจนกระทั่งเสียงของลู่หานพูดขึ้นมาหลังจากเงียบมานาน
“จื่อแลกที่กันได้ป่ะวะ” เด็กเขียวเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับชี้หน้าตัวเองอย่างไม่เข้าใจแล้วลู่หานก็พยักหน้า “กูถนัดซ้ายแถมแขนสั้นด้วย นั่งตรงนี้แล้วกินลำบากอ่ะ แลกกันนะ”
เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพูดพร้อมกับทำท่าประกอบว่ายืดแขนไม่ถึงจนต้องลุกขึ้นยืน พอเห็นอย่างนั้นจื่อเทาก็นึกสมเพชปนเห็นใจเลยสลับที่ให้ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าลู่หานได้ย้ายมานั่งข้าง ๆ แบคฮยอนแล้ว
“อันนี้พี่คิดสูตรใหม่ป่ะ ผมว่ามันไม่เค็มเหมือนที่เคยกิน” เสียงของลู่หานที่กำลังพูดคุยกับน้าชายของเขานั้นไม่ได้ดูน่ารำคาญเท่ากับรอยยิ้มบนใบหน้ามัน ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มขณะมองทั้งสองคน แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นแล้วพยักหน้า
“อ่าใช่...รสชาติมันแย่เหรอ?”
“โธ่ แย่อะไรกันล่ะ อร่อยมากเลยต่างหาก” ลู่หานหัวเราะแล้วคีบหมูเข้าปากทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากดวงหน้าขาวของอีกฝ่าย
จียอนมองคนข้าง ๆ ที่เอาแต่ขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้าโดยที่มือข้างหนึ่งถือช้อนค้างเอาไว้ เธอยกมือขึ้นปาดไปมาตรงระดับสายตาเพื่อนตัวสูงแล้วก็มองหน้าอีกคนเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ แต่จื่อเทาก็เอาแต่กินอยู่นั่น
“ชานยอลมันชอบกินหวานน่ะ นี่ก็ลดลงมาเยอะแล้วนะ”
“ถึงว่าล่ะ หวานไปหมดเลย” ลู่หานกัดปลายช้อน
ปาร์คชานยอลต้องอธิบายสายตาของไอ้เพื่อนใหม่หัวทองขาสั้นชาวจีนคนนี้ไหมครับว่ามันกำลังมองแบคฮยอนด้วยสายตาแบบไหน? ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นระเบิดเวลา ไม่สิ...เหมือนกาน้ำที่กำลังเดือดสุด ๆ จนควันออกหูต่างหากถึงจะถูก
ปัง!!
ทุกคนสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ได้ยินเสียงทุบโต๊ะ ไม่ต้องพูดถึงหน้าจื่อเทาตอนนี้ จากแรงสั่นสะเทือนทำให้ข้าวที่อยู่ในช้อนกระเด็นโดนหน้าจนเกือบเข้าจมูกจนจียอนต้องรีบตะกุยดึงทิชชู่ออกมาให้ เด็กเขียวมองเพื่อนงง ๆ แล้วก็เห็นว่าชานยอลกำลังลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างถึงขีดสุด ซึ่งตอนม.ปลายเขาเห็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆ แต่นั่นก็นานมาแล้ว
“เห็นมึงบอกว่าอยากดูสเปคคอมพ์กู ไปตอนนี้เลยไหมพี่หาน?”
“ไม่เห็นเหรอว่าเพื่อนกินข้าวอยู่ ไว้กินเสร็จค่อยไปดูก็ได้นี่” แบคฮยอนมองคาดโทษหลานชายแล้วก็ได้คำตอบเป็นสายตาดุ ๆ กลับมา
“นั่งกินข้าวไปเลย วัยรุ่นขี้เกมเขาจะคุยกัน”
“อ้าว ไอ้เด็กนี่”
“ลุก” ชานยอลมองหน้าเพื่อนใหม่ที่ดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรนัก หนำซ้ำมันยังหันไปยิ้มใส่แบคฮยอนอีกดอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลุกขึ้นอีกต่างหาก
“โว้ว ห้องน่ารักนะเนี่ย” สิ้นเสียงประตูปิดลงลู่หานก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องก่อนจะเก็บลูกบาสขึ้นมาชู้ทแล้วก็เสือกแม่นอีกด้วยนะ สัดนี่ถ้าไม่เตี้ยคือมึงชนะกูทุกอย่าง “ไหนว่ามา”
สิ่งหนึ่งที่ชานยอลคิดว่าไอ้เชี่ยเพื่อนใหม่ดูน่ากลัวคือมันสามารถรู้ความคิดของเขาได้เพียงแค่มองหน้ากัน ลู่หานยังคงสนุกอยู่กับการชู้ทบาสลงแป้นก่อนจะหันมายิ้มให้กับเขา
“มึงจงใจกวนตีนกูใช่ไหม”
“นั่นไม่ได้เรียกกวนตีน เขาเรียกเช็คเพื่อให้แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินไปเก็บลูกบาสขึ้นมาอีกครั้งแล้วหมุนมันด้วยปลายนิ้วชี้ก่อนจะโยนใส่เพื่อนตัวสูงและอีกฝ่ายก็รับได้พอดี “ว่ามึงกับพี่คนนั้นน่ะ...แค่น้ากับหลานกันจริง ๆ น่ะเหรอ?”
“...”
“แนะนำให้ล็อกประตูก่อนเล่า” ลู่หานนั่งลงบนเก้าอี้ล้อหน้าโต๊ะคอมพ์พร้อมกับยกขาทั้งสองข้างขึ้นแล้วหมุนเล่นเหมือนกับเด็ก ๆ ตอนนี้ปาร์คชานยอลรู้สึกเหมือนกำลังถูกปั่นประสาทอย่างหนัก ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเขาไม่พูดอะไรสักอย่างไอ้ห่านี่ต้องทำให้เขาหงุดหงิดตายเพราะมันเข้าไปวุ่นวายกับแบคฮยอนแน่
เด็กหนุ่มล็อกประตูแล้วเดินไปนั่งบนเตียงก่อนจะเขวี้ยงลูกบาสใส่ซึ่งลู่หานก็รับได้ ถึงมันจะทุลักทุเลเพราะความแรงก็เถอะ ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วชานยอลก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ และลู่หานก็พอจะเดาออกว่าเรื่องนี้เพื่อนใหม่ของเขาคงลำบากใจที่จะเล่าอยู่พอสมควร
“เขาเป็นน้าส่วนกูเป็นหลาน แต่ก็อย่างที่มึงเห็นนั่นแหละ”
“อ่า...”
“เราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่พูดไปก็เท่านั้นเพราะสายตาคนในสังคมกูกับแบคฮยอนก็ไม่พ้นพวกรักร่วมเพศ”
“ว่าไป” ลู่หานโยนลูกบาสไปอีกครั้งและอีกฝ่ายก็โยนกลับมา พวกเขาทำอยู่อย่างนั้นระหว่างพูดคุยกันเพื่อทำลายความอึดอัดที่เด็กหนุ่มค่อย ๆ คลายออกมาทีละนิด
“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ มึงคือคนแรก”
“แม้แต่ไอ้จื่อ?”
“บางเรื่องเพื่อนสนิทก็เข้าใจยากที่สุดป่ะวะ กูไม่ได้อยากปิดบังแต่ถ้าอธิบายไปแล้วมันไม่เข้าใจกูก็ไม่อยากเล่า” ชานยอลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้ากูชอบผู้ชายด้วยกันมันก็คงเป็นเรื่องที่น่ารับได้ขึ้นมาหน่อย แต่นั่นเป็นน้า”
“ไม่แน่นะ บางทีจื่อมันอาจจะเข้าใจ”
“กูรู้จักมันมานาน กูรู้ว่ามันเข้าใจยากหรือไม่ก็เข้าใจไปอีกอย่าง”
“แล้วมึงจะปิดเป็นความลับไปถึงเมื่อไหร่ อย่าว่างั้นงี้เลยนะ แต่กูไม่คิดว่ามึงจะหยุดอยู่ที่พี่เขา” ลู่หานพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ พร้อมกับหมุนลูกบาสด้วยปลายนิ้ว ซึ่งชานยอลก็เข้าใจความหมายนี้
“มันคือสิ่งที่มึงคิด แต่ไม่ใช่สิ่งที่กูเป็น”
“ก็เลยจะเก็บเป็นความลับไปเรื่อย ๆ ว่างั้น”
“ยังไงก็ได้ขอแค่แบคฮยอนสบายใจ” ลูกบาสหยุดหมุนก่อนจะร่วงลงไปบนพื้นหลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ สีหน้าของชานยอลในตอนนี้ดูจริงจังมากเกินกว่าที่เขาจะพูดตรง ๆ จนหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายต่อไปได้อีก “กูเป็นอะไรก็ได้ยกเว้นการเป็น ‘คนอื่น’ กูขอแค่นั้น”
“...”
“กูก็ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับน้าตัวเอง คนที่กูบอกตัวเองมาตลอดว่าน่ารำคาญ คนที่กูไม่อยากอยู่ด้วย แต่ตอนนี้มันกลับกันหมดเลยว่ะ” ลู่หานไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่มองเพื่อนตัวสูงระบายความในใจออกมาเท่านั้น และจากที่เห็นมันก็บอกได้ดีว่าชานยอลอึดอัดกับความสัมพันธ์ลับ ๆ แบบนี้มากแค่ไหน
“กูเคยเชื่อว่าเกลียดอะไรแล้วจะได้อย่างนั้น แล้วมันก็จริง” หนุ่มชาวจีนพูดเสียงเรียบ “แต่ยิ่งกว่าได้ในสิ่งที่ไม่ชอบคือเราเสือกชอบแม่งขึ้นมาจริง ๆ นี่แหละ”
“...”
“ถึงกูจะไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกันแต่กูพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ น้ามึงไม่ได้น่ารักเหมือนเด็กผู้หญิง ไม่ได้มีอะไรพิเศษชนิดว่าถ้าเจอแว้บแรกแล้วต้องหลง แต่พอคุยแล้วกูถึงได้รู้” ลู่หานยิ้มก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อน “ว่าน้ามึงน่ารักเพราะเขาเป็นแบบนั้นโดยที่ไม่ต้องทำอะไร”
“ไปส่งที่รักกูให้ถึงบ้านนะมึง”
“เออ รู้แล้ว” จื่อเทาว่าแล้วโบกมือให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะโค้งหัวลาน้าชายของเพื่อน ส่วนลู่หานกำลังสตาร์ทสี่สูบเพราะจื่อเทากับจียอนจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง
“ขับดี ๆ ล่ะมึง” สิ้นเสียงของชานยอลลู่หานก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ชายหนุ่มยักคิ้วแล้วสวมหมวกกันน็อกเต็มใบก่อนจะขับออกไปก่อน
หลังจากที่เด็กทั้งสามคนกลับไปแล้วแบคฮยอนก็เดินเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำนั่นทำให้เด็กตัวสูงต้องรีบเดินตามเข้าไป สองขาหยุดยืนอยู่หน้าทางเข้าครัวเมื่อคนตัวเล็กกำลังสวมถุงมือยางเตรียมล้างจาน ชานยอลเดินไปซ้อนอยู่ข้างหลังพร้อมกับสวมกอดเอวน้าชายแล้วโยกตัวไปมาช้า ๆ
“งอนผมเหรอ”
“ฉันควรจะตอบยังไงแกถึงจะไม่ได้ใจกันล่ะ”
“หรือว่าหึง?” เด็กหนุ่มมองใบหูคนตัวเล็กก่อนจะจุ๊บเบา ๆ และมันได้ผล แบคฮยอนยอมหันมามองหน้าเขาแล้ว ถึงสีหน้าคนตัวเล็กจะเหวี่ยงอยู่นิด ๆ ก็เถอะ “บ่นสิ ผมอยากฟัง”
“ประสาทหรือไง อยู่ดี ๆ แล้วอยากโดนบ่น”
“นั่นสิ ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ” เด็กหนุ่มยิ้มขำแล้วกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้น “ผมช่วยไหม?”
“ไม่ต้อง”
“ทำไมล่ะ ช่วยกันล้างจะได้เสร็จเร็ว ๆ ไง”
“ทำเองได้”
“โอเค งั้นผมจะยืนเป็นกำลังใจให้แล้วกัน” ชานยอลยิ้มพอใจแล้วโน้มหน้าลงไปขโมยหอมแก้มทีนึง ถึงอีกฝ่ายจะเบี่ยงตัวหลบก็เถอะแต่มันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขานักหรอก “นี่แบคฮยอน น้องคุมะผมยังอยู่ไหม?”
“ในลิ้นชักข้างเตียง”
“ห้องน้าเหรอ? ผมเข้าไปเอานะ?”
“อือ”
ชานยอลคลายอ้อมกอดแล้วเดินเข้าไปในห้องน้าชายของเขาพร้อมกับตรงไปยังเป้าหมาย และสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกทันทีที่ดึงลิ้นชักออกก็คือตุ๊กตาสวมมือ แต่สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มชะงักก็คือกล่องของขวัญเล็ก ๆ ที่วางอยู่ข้างในสุด ถึงมันจะไม่เด่นแต่ก็สร้างความสงสัยให้เขาอยู่พอสมควร
กล่องของขวัญสีดำถูกผูกด้วยโบว์สีน้ำตาลอ่อนถูกหยิบขึ้นมาดูใกล้ ๆ แล้วก็พบการ์ดสีครีมเหน็บอยู่ใต้โบว์ เด็กหนุ่มหันกลับไปมองข้างหลังเป็นระยะ เขากำลังระลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของแบคฮยอนจนต้องแอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ
ชานยอลยืนชั่งใจอยู่หลายนาทีสุดท้ายแล้วความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะความถูกต้อง เด็กหนุ่มดึงการ์ดออกมาจ้องอยู่อย่างนั้น และคำว่า Happy Birthday ที่อยู่ข้างหน้าทำให้เขาหวั่นใจอยู่ไม่น้อย บางทีข้อความข้างในอาจจะเป็นลายมืออ่านง่าย ๆ และปิดท้ายด้วยคำว่า ‘อู๋อี้ฟาน’ เพราะช่วงที่ไปอยู่หอเขาก็ไม่รู้ว่าแบคฮยอนฉลองวันเกิดกับใคร
เปลือกตาปิดลงแล้วสูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ จะทำยังไงดีถ้าเกิดเห็นข้อความเลี่ยน ๆ ของไอ้ครูนั่นแล้วจบด้วยการสารภาพรัก ถ้าเป็นอย่างนั้นปาร์คชานยอลมั่นใจว่าวันนี้ทั้งวันคงไม่มีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าเขาอีกแน่ แต่พอเปิดออกเด็กหนุ่มก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าข้างในนั้นมันเป็นลายมือของแบคฮยอน
‘สุขสันต์วันเกิดปาร์คชานยอล
แกคงรู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรดี ๆ เป็น เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันถ้าไม่ทะเลาะก็คงนั่งกินข้าว แต่ช่วงหลัง ๆ แกรู้สึกเหมือนกันไหมว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้น เมื่อก่อนฉันคิดว่าเด็กเล่นดนตรีเป็นอะไรที่ไร้สาระ แต่พอไปดูแกแข่งแล้วถึงต้องคิดใหม่ มันเยี่ยมมากเลยนะสำหรับการแสดงวันนั้น น้ารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้สนับสนุนแกตั้งแต่แรก และถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็คงอยู่ด้วยกันอย่างสันติ(ใช่ไหม?) ไม่ใช่การแสดงออกว่าไม่ชอบขี้หน้ากันและกันอย่างที่เคยเป็น (ขำ)
แล้วก็เรื่องเกม หลังจากได้เล่นกับแกวันนั้นฉันก็รู้สึกว่ามันสนุกดีเหมือนกัน มันก็เป็นเรื่องปกตินั่นแหละที่เด็กผู้ชายจะเล่นเกม ก็มีแค่น้าที่นอกคอกออกมา ไอ้จงอินกับไอ้เซฮุนก็พูดอยู่บ่อย ๆ ว่าฉันทำตัวเหมือนคนแก่ แต่ฉันก็เถียงกลับไปนะว่ามันเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของคนเราต่างหาก (อ่านมาถึงตอนนี้แกคงแอบด่าว่าน้าแถอยู่แน่ ๆ ใช่ไหม หยุดเลยนะ)
เอาล่ะ ก็ไม่รู้จะเขียนอะไรแล้วเพราะงั้นขออวยพรเลยแล้วกัน ขอให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตแก ขอให้โตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ขอให้ประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่อง แต่คำอวยพรทั้งหมดจะสำฤทธิ์ผลได้มันก็อยู่ที่ความพยายามของแกด้วย ที่น้าบังคับด้วยวิธีผิด ๆ ก็เพราะอยากให้แกมีอนาคตที่ดี
เพราะทุกวันตอนเช้าที่ดวงอาทิตย์ขึ้นนั่นหมายความว่าแกโตขึ้นอีกหนึ่งวันแล้ว เพราะงั้นของขวัญชิ้นนี้น่าจะเหมาะที่สุด
น้าแบคฮยอน’
สายตาของเด็กหนุ่มยังคงจับจ้องอยู่กับการ์ดอวยพรสีครีม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันทำให้เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่อีกฝ่ายตั้งใจเลือกให้กับเขา จากวันที่ ๆ ระบุตรงมุมกระดาษทำให้รู้ว่าของขวัญในกล่องนี้ถูกห่อไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว...ซึ่งมันเป็นวันที่...
‘ผมอยากเกลียดน้าจริง ๆ แบคฮยอน...’
‘ผมไม่อยากเจอน้าอีกแล้ว’
ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาไม่หยุด ปาร์คชานยอลรู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาเพราะเรื่องราวในอดีตที่เขาเป็นคนสร้างแล้วก็พังมันเองกับมือ แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กที่อยู่ข้างนอกก็ยังเลือกที่จะยิ้มให้เขาแล้วก็บอกว่า ‘ไม่เป็นไร’
ริบบิ้นสีน้ำตาลถูกดึงออกอย่างง่ายดายและตามด้วยฝากล่องสีดำที่ค่อย ๆ บรรจงเปิด หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นเร็วแรงขึ้นเพราะอยากรู้ว่าของขวัญที่แบคฮยอนตั้งใจซื้อให้เขาคืออะไร มันอดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าถ้าตอนนั้นปาร์คชานยอลไม่ใจร้อนแล้วยอมกลับบ้านแต่โดยดี ของขวัญชิ้นนี้มันคงอยู่ในมือเขาตั้งนานแล้ว
“...”
นาฬิกาข้อมือ Casio สีดำเรือนสวยสำหรับผู้ชายตั้งอยู่ในฐานวางกำมะหยี่ ข้างในนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กอยู่อีกใบซึ่งเด็กหนุ่มค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าเขาต้องเป็นบ้ากับข้อความนั้นแน่...
‘โตไปพร้อม ๆ กับนาฬิกาเรือนนี้นะ A’
ชานยอลเก็บทุกอย่างใส่ในกล่องของขวัญยกเว้นนาฬิกาแล้วมองหน้าปัดที่เข็มสั้นและเข็มยาวยังคงเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เหมือนกับลมหายใจของเขาในตอนนี้ เด็กตัวสูงเลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วถอดนาฬิกาข้อมือเรือนเก่าออกและใส่เรือนใหม่เข้าไปแทน
เด็กหนุ่มวางกล่องของขวัญลงแล้วเดินออกมาอย่างไม่เร่งรีบ ตุ๊กตาริลัคคุมะสวมมือถูกวางไว้บนโต๊ะ เขาลืมแม้กระทั่งเป้าหมายที่เข้ามาในห้องนี้ แต่สิ่งไหนในโลกก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนตัวเล็กที่กำลังล้างจานอยู่
“จียอนน่ารักดีนะ” ขายาวหยุดยืนอยู่ข้างหลังอีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ดูเหมือนว่าแบคฮยอนจะรู้ว่าเขากลับมาแล้ว
“อืม น่ารัก” ชานยอลมองน้าชายของเขาจากข้างหลัง มีเพียงแค่เสียงน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกกับเสียงจานกระทบกันเท่านั้นที่เด็กหนุ่มได้ยิน
“แล้วแกรู้สึกยังไงกับเธอ” เสียงของแบคฮยอนแผ่วลงราวกับไม่แน่ใจว่าคำถามที่พูดออกมามันสมควรแล้วหรือยัง ชานยอลยิ้มบาง ๆ แล้วปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่ชั่วอึดใจ เขาไม่ได้เจตนาให้แบคฮยอนต้องรอคำตอบนี้
“ถ้าไม่มีน้า ผมก็อาจจะชอบเธอ”
“...”
ร่างเล็กยืนนิ่งเมื่อถูกกอดจากข้างหลังอีกครั้ง วงแขนแกร่งที่อยู่ใต้คางของเขานั้นไม่น่าตกใจเท่ากับนาฬิกาสีดำที่สวมอยู่กับข้อมือเด็กตัวสูง บยอนแบคฮยอนรู้สึกได้ถึงความอุ่นของแก้มอีกฝ่ายที่ทาบอยู่กับแก้มเขา อีกทั้งลมหายใจที่กำลังผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะนั่นอีก
“ขอบคุณนะแบคฮยอน”
“อ่ะ...อ้อ...” คนตัวเล็กยิ้มเจื่อนก่อนจะหันหน้าเข้าหาเด็กหนุ่มเล็กน้อย เขาเห็นว่าตอนนี้ชานยอลกำลังจ้องเขาอยู่ด้วยแววตาที่ไม่สามารถอ่านออกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และสุดท้ายแบคฮยอนก็แพ้สายตาของอีกฝ่ายจนต้องหันหน้าหนี “ใส่ได้พอดีใช่ไหม ต้องเจาะรูเพิ่มหรือเปล่า”
“ผมใส่ได้พอดี” เด็กหนุ่มกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้น ตอนนี้บยอนแบคฮยอนได้เพียงแต่ปล่อยให้กระแสน้ำไหลออกมาจากก๊อกโดยที่มือทั้งสองข้างแช่อยู่ในซิงค์ล้างจาน “ยังมีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกไหม?”
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะ” คนตัวเล็กถามเสียงแผ่ว อันที่จริงเรื่องของขวัญก็ตั้งใจว่าจะให้อีกทีตอนครบรอบวันเกิดอายุสิบเก้าซึ่งก็อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น แต่เขาจะไม่บอกว่าของขวัญชิ้นนี้ซื้อไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
“ถ้ามีก็รีบบอกมาเถอะ อย่าให้ผมบังเอิญรู้เองเลย”
เพราะมันให้ความรู้สึกต่างจากตอนที่รู้จากปากอีกฝ่ายมากกว่าเป็นไหน ๆ ซึ่งมันทำให้ปาร์คชานยอลรักน้าชายตัวเล็กมากขึ้นยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ และเขาไม่มั่นใจว่าความรักของเขามันจะสร้างผลเสียให้กับอีกฝ่ายหรือเปล่า
“ทำไมถึงทำเพื่อผมขนาดนี้แบคฮยอน...” เด็กหนุ่มกระซิบข้างหูแล้วปล่อยให้เสียงน้ำจากก๊อกทำลายความเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพลิกตัวน้าชายให้หันมามองหน้ากัน “ถ้าผมมากมายไปกว่านี้จะทำยังไง? ยิ่งมันมากขึ้นเท่าไหร่ความงี่เง่า ความหึงหวงมันก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมกลัวไปหมดแล้วว่าน้าจะอึดอัด”
“...” แบคฮยอนพูดไม่ออก เขาได้เพียงแค่มองเด็กตัวสูงที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น “ฉันจะรู้ไหม...ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะอยากทำ”
“...”
“แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรให้เลยไม่ใช่เหรอ” แบคฮยอนหลุบตาลงพร้อมกับถอดถุงมือยางออกเพราะทนสบตากับหลานชายต่อไปไม่ไหว มันคงจะดีกว่านี้ถ้าชานยอลพูดจากวนประสาทแล้วบอกกับเขาว่า ‘โหย ซื้อของขวัญให้ผมไว้เป็นปี ๆ แล้วไม่ยอมเอาให้งี้กะจะดองเค็มเป็นฟรอสซิลเลยไง?’
“น้าพูดถูก” เด็กหนุ่มเว้นจังหวะไว้ชั่วอึดใจก่อนจะเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง “งั้นต่อไปนี้ผมจะไม่สนแล้วนะว่าน้าจะอึดอัดกับสิ่งที่ผมทำมากแค่ไหน”
“...”
“มองตาผมแล้วก็ฟังที่ผมพูดให้ดีนะแบคฮยอน”
ตึกตึก...ตึกตึก...
“ตอนนี้ผมมองเห็นแค่น้าคนเดียว ต่อให้มีคนที่ดีกว่าน้ามันก็ไม่มีผลกับผมเลยสักนิด” ชานยอลมองคนตรงหน้าด้วยแววตาจริงจัง หัวใจของเขากำลังเต้นแรงเพราะไม่เคยพูดแบบนี้กับใครมาก่อนแม้ว่าจะเคยคบกับผู้หญิงมาแล้วนับไม่ถ้วน
“...”
“ถ้าย้อนเวลากลับไปตอนอายุเจ็ดขวบ...ผมก็รักน้าอยู่ดี”
TBC
ไหน ใครบอกว่าพี่หานหล่อกว่าพระเอกมาเคลียร์กับมิสเตอร์ชาร์ลพาร์ทสุดท้ายของตอนหน่อยดิ๊ออนนี่!
อันนี้สติ๊กเกอร์ของแถมฟิคค่ะ น่ารักไหม ใครจะสั่งซื้อฟิคกดเข้าไปดูในนี้ได้เลยนะคะ
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1042230&chapter=29
ความคิดเห็น