คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Chapter 29 :: His Vacation (100%)
Chapter 29
His Vacation
เปิดเทอมมาแล้วหนึ่งเดือน จนถึงตอนนี้คนรอบข้างก็ยังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแบคฮยอน ตอนแรกก็หวั่นใจอยู่ว่าไอ้พี่หานมันจะเอาไปเล่าให้ไอ้เทาฟังไหม บทสรุปคือไม่ หวงจื่อเทายังคงบ้า ๆ บอ ๆ อ่านฟิควาย การ์ตูนวายไปวัน ๆ เหมือนอย่างเคย นับว่าเป็นเรื่องดีกับการซื้อใจเพื่อนในครั้งนี้ ลู่หานเป็นคนดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ช่วงเข้ามาแรก ๆ กลุ่มของเขาเป็นที่น่าสนใจทั้งเรื่องหน้าตาและส่วนสูง อันนี้ยกเว้นไอ้ลู่หานไว้คนนึงแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าหาอยู่ดี ที่ฮ๊อตสุดคงจะเป็นไอ้เทาเพราะมีดีกรีเป็นถึงอดีตเดือนวิศวะและเดือนมหาลัย
“เสาร์นี้ก็วันเกิดมึงแล้วดิ”
“เออ” ชานยอลขานตอบในลำคอแล้วดื่มน้ำหลังจากกินข้าวเสร็จเป็นคนแรก ลู่หานเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังคุยกัน อันที่จริงเขาก็เพิ่งรู้ว่าไอ้เด็กเสาไฟฟ้านี่มีวันเกิดกับเขาด้วย นึกว่าเกิดแล้วโตเลย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะดีดดิ้นแล้วถามมันว่า ‘เฮ้ย วันเกิดมึงจริงเหรอวะ ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ย อยากได้อะไรเป็นพิเศษเปล่าเดี๋ยวกูซื้อให้’ No ครับ No
“เวลาผ่านไปเร็วจังเนอะ ปีที่แล้วมึงยังงี่เง่าหนีออกจากบ้านอยู่เลย”
“หื้ม? ไอ้ชานยอลน่ะนะหนีออกจากบ้าน?”
“ช่าย โคตรกะโปก” ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนจะแท๊กมือ ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเพราะเถียงไม่ออก เออยอมรับก็ได้ว่าตอนนั้นกะโปกจริงที่หนีออกมาตกระกำลำบากแบบนั้น แต่ถ้ารู้เหตุผลว่าเป็นเพราะอะไรมันจะไม่พูดแบบนี้ “ปีนี้ฉลองไหนวะ”
“ที่ไหนก็ได้ยกเว้นผับ”
“แหม่ กลัวน้าแบคตามไปวีนอีกอ่ะดิ” จื่อเทากะแซะไหล่คนข้าง ๆ แต่ชานยอลก็ไม่ตอบ อาจจะถูกอย่างที่มันพูดส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่อยากให้น้าชายไม่พอใจ ตอนนี้ปาร์คชานยอลรู้แล้วว่าอะไรที่จะทำให้แบคฮยอนรู้สึกดีและอะไรที่จะทำให้รู้สึกแย่ เพราะงั้นเขาจะไม่ทำ
“จะไปซื้อน้ำเหรอ เอาโค้กให้เฮียกระป๋องนึงดิ”
“โค้กนะ?” เด็กเขียวถามย้ำแล้วลู่หานก็พยักหน้าเป็นคำตอบ ตอนนี้เหลือเพียงแค่สองหนุ่มผู้กุมความลับ และจากสีหน้าลู่หานเหมือนว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจไอ้เทาจนไม่ยอมเล่าให้ฟังหรอกนะ แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม จะมีก็แค่ไอ้ลู่หานนี่แหละที่คอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องแบคฮยอนให้ทุกวัน เห็นอย่างนี้ไอ้เตี้ยขาสั้นก็ช่วยเขาได้เยอะอยู่ ไม่กี่วันก่อนคุยกับมันว่าจะทำยังไงดีอยากหาเรื่องไปนอนห้องน้าชายแต่ใช้มุกเล่าเรื่องผีไปแล้ว และก็ได้คำด่าว่าควายมาเป็นรางวัลสมน้ำหน้าคุณ ว่ามีแค่เด็กอนุบาลเท่านั้นแหละที่จะโกหกด้วยเรื่องนี้
จะให้ทำไงได้วะ พอรู้จักไอ้พี่หานแล้วความโชกโชนของปาร์คชานยอลก็ดูเป็นเด็กง่อยไปโดยปริยาย ที่คิดมาตลอดว่าตัวเองช่ำชอง เทพเรื่องการเข้าหาคนอื่นก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น ยิ่งรู้จักมันมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กที่อยู่ในกะลาเท่านั้น
“เอาไงดีวะพี่หาน วันเกิดกูปีที่แล้วเละไม่เป็นท่าปีนี้เลยอยากได้อะไรที่มันพิเศษ ๆ หน่อย”
“ยังไงล่ะ” ลู่หานถามอย่างไม่ยี่หระ ชายหนุ่มยังคงกินข้าวต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ “มึงอยากให้เริ่มต้นแบบไหน แล้วก็จบแบบไหน”
“เยด...กำหนดได้ด้วยเหรอวะว่าจะให้มันเป็นยังไง?”
“เออดิ ความรักก็เหมือนเกมเว้ย เราเป็นผู้เล่น ควบคุมได้ว่าจะให้มันออกมาในรูปแบบไหน”
“แต่น้ากูไม่ได้คุมง่ายน่ะสิ”
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้?” ลู่หานยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อให้ได้ยินกันสองคน “อะไรที่ได้มายาก ๆ นี่แหละน่าตื่นเต้นมึงไม่รู้เหรอ”
“เหมือนกับผัวชาวบ้านที่มึงเคยได้ใช่ไหม” พูดจบก็กลั้นขำจนไหล่สั่น
“ส้นตีนเถอะ” รุ่นพี่ชาวจีนถอนหายใจแล้วถอยกลับไปนั่งท่าเดิม “ไหน ๆ ก็เป็นช่วงหยุดสุดสัปดาห์ ก็ชวนไปเที่ยวซะสิ”
“ที่ไหนล่ะ หอนัมซานเหรอ? กูว่าธรรมดาไป”
“เห่ยว่ะ หอนำซานเอาไว้ให้วัยรุ่นใส ๆ ไปกัน แต่ถ้าถามกู...” ลู่หานเท้าแขนลงกับโต๊ะพร้อมกับเอาช้อนชี้หน้ารุ่นน้อง “ต้องเผด็จศึกบนเตียงคิงไซส์ในโรงแรม”
“...”
“กล้าหรือเปล่า...”
“...”
“คิดดูนะว่าถ้าไม่รวบหัวรวบหางสักทีสิ่งที่มึงทำได้ก็คือการนั่งวางแผนว่าวันนี้จะทำยังไงถึงจะได้เข้าไปนอนกอดพี่แบคฮยอน” ลู่หานหัวเราะ “แต่ถ้าเผด็จศึกได้เมื่อไหร่หลังจากนั้นมึงจะเข้าจะออกห้องพี่เขาตอนไหนก็ได้ จะตีลังกาผาดโผน ห้อยหัวจากโคมไฟผนังก็ย่อมได้”
“กูก็เคยคิดเหมือนกัน แต่พอจะทำก็ไม่กล้า” ชานยอลทำหน้าจริงจัง “กูกลัวแบคฮยอนเจ็บว่ะ”
“เอ้า! เอากันมันก็ต้องเจ็บอยู่แล้วป่ะวะ งั้นมึงก็เป็นฝ่ายโดนเสียบซะสิ ขอเจ็บเอง” เป็นพี่แบงค์วงแคลชเลยครับทีนี้ หล่อMAX
“ไอ้เชี่ยพี่หาน...ใช้คำให้มันอ้อมค้อมกว่านี้ก็ได้ไหมสัด...” เด็กหนุ่มกลอกตาไปทางด้านข้างราวกับกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้า
“คุยอะไรกันอยู่ว้า” ชานยอลนั่งยืดหลังตรงทันทีที่เพื่อนตัวเขียวเดินกลับมา เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมองรุ่นพี่ที่นั่งยิ้มขำอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็อยากจะถีบให้เตี้ยลงกว่าเดิม ก็ดูมันพูดดิครับ เหมือนว่าการบวชนาผืนน้อยแบคฮยอนมันเป็นเรื่องง่ายยังไงอย่างนั้นแหละ
“อ้าว ไหนล่ะโค้กเฮีย?”
“หมด” จื่อเทาทำหน้านิ่งแล้วยื่นกล่องนมให้อีกฝ่าย “มีแต่นมสดกินแทนได้ป่ะ”
“กินข้าวแล้วกินนมตามเนี่ยนะ” ถึงจะบ่นแต่ลู่หานก็เพียงแค่ส่ายหน้าหน่าย ๆ แล้วฉีกฝากล่องนมยกกระดกก่อนจะใช้หลังมือเช็ดนมที่ไหลออกมาเลอะคางออกลวก ๆ จื่อเทาลอบยิ้มกับภาพตรงหน้าแล้วกินข้าวต่อ
เรื่องที่ลู่หานพูดกรอกหูเมื่อตอนกลางวันยังคงแล่นอยู่ในหัว ตอนนี้ปาร์คชานยอลรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กจังไรที่เอาแต่คิดเรื่องฮื้อฮืออยู่ตลอดเวลา หนำซ้ำยังมาเป็นภาพอีกต่างหาก มันไม่เข้าท่าเลยสักนิดที่ภาพแบคฮยอนนอนแก้ผ้าอยู่บนเตียงโดยที่มีผ้าห่มสีขาวปิดถึงแค่ช่วงสะโพกอยู่ในหัว
พอเรียนเสร็จเลยไลน์ไปหาแต่แบคฮยอนก็ไม่ตอบเลยคิดว่าบางทีอาจจะสอนอยู่ ด้วยความคิดถึงแล้วก็อยากจะล้างภาพหื่น ๆ ออกจากหัวเลยบึ่งดูคาติไปหาถึงโรงเรียน ทันทีที่จอดรถก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าน้าชายของเขากำลังเดินลงมาจากตึกพร้อมกับ...
ไอ้ครูขี้เก๊ก...
ทั้งสองคนขึ้นไปบนรถของแบคฮยอนโดยไอ้ครูนั่นเป็นคนขับ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่แค่เห็นหน้าอู๋อี้ฟานอารมณ์โทสะก็ปะทุขึ้นได้ง่าย ๆ ปาร์คชานยอลคาบเบาะมอเตอร์ไซค์แล้วใส่หมวกกันน็อค บิดคันเร่งพร้อมกับเพ่งมองไปยังรถคันนั้นแล้วขับตามไป
ขับปาดซ้ายปาดขวาเพื่อไม่ให้ทิ้งระยะห่างจากรถยนต์ของน้าชาย ความหนาวเย็นของอากาศไม่ได้เป็นอุปสรรคในตอนนี้เลยสักนิด ปาร์คชานยอลกัดฟันกรอดแล้วพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น ๆ แต่ก็ไม่ได้ผล
รถจอดลงเมื่อเห็นสัญญาณไฟแดง เด็กตัวสูงขับไปเทียบรถน้าชายพร้อมกับถอดหมวกกันน็อคเต็มใบออกแต่คนที่ควรจะหันมาเห็นเขากลับเป็นอู๋อี้ฟานแทนที่จะเป็นแบคฮยอน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วเพ่งมองเข้าไปในรถเพื่อหาคนที่ควรจะนั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับแต่ก็ไม่เห็น
อู๋อี้ฟานเลื่อนกระจกลงขณะมองมายังเขา ทั้งสองคนสบตากันอยู่อย่างนั้นก่อนที่ชานยอลจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าแบคฮยอนกำลังอยู่ในท่าแปลก ๆ
“...”
ร่างเล็กก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ช่วงหน้าขาไอ้ครูขี้เก๊กที่ขับรถอยู่ ซึ่งท่าทางแบบนั้นมันล่อแหลมมากจนยากที่จะคิดไปในแง่ดีได้ อู๋อี้ฟานมองหน้าเด็กตัวสูงที่ดูเหมือนคนสติหลุดไปแล้วก่อนจะยิ้มมุมปาก มือแกร่งกดเลื่อนกระจกขึ้นแล้วปิดเปลือกตาลงก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาวางลงบนหัวแบคฮยอน
ชานยอลอ้าปากค้างแล้วรีบลงมาจากมอเตอร์ไซค์พร้อมกับตะโกนเรียกน้าชายสุดเสียงในขณะที่อู๋อี้ฟานกำลังยิ้มพอใจทำหน้าเสียวซ่านเยาะเย้ยเขาอยู่ แต่ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างไอ้ครูหอกนั่นเพราะจู่ ๆ สัญญาณก็เปลี่ยนเป็นไฟเขียว
“แบคฮยอน!!!!!”
เด็กหนุ่มตะโกนสุดเสียงไล่หลังรถยนต์ที่เพิ่งขับออกไปก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเพราะได้ยินเสียงบีบแตรจากรถที่อยู่ข้างหลัง ชานยอลรีบขึ้นไปนั่งมอเตอร์ไซค์แล้วขับตามไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว
ภายในห้องนั่งเล่นมีเพียงแค่โคมไฟที่ตั้งอยู่ข้างต้นไม้ในกระถางเท่านั้นที่ให้แสงสว่างจุดนั้น ชายหนุ่มหมุนสมาร์ทโฟนสีดำในมือพลางเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย คำพูดของแบคฮยอนเมื่อตอนกลางวันทำให้เขารู้สึกแย่อีกแล้ว แต่นั่นจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเขาเองที่อยากรู้อยากเห็นว่าคนตัวเล็กกับหลานชายพัฒนาไปถึงขั้นไหน
เห็นว่าปาร์คชานยอลขับรถตามมาตั้งแต่ในโรงเรียน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความต้องการของเด็กคนนั้นคืออะไร ถ้าจะบอกว่าหึงเลยขับตามมันก็จะเกินไปหรือเปล่า แต่พอมาคิดอีกทีว่าสำหรับปาร์คชานยอลนั้นไม่มีคำว่า ‘เกินไป’ เขาก็เลยเลือกที่จะแสดงออกไปแบบนั้น
ซึ่งมันได้ผล...เด็กคนนั้นเดือดเป็นฟืนเป็นไฟกับเรื่องเข้าใจผิดที่เขาเป็นคนราดน้ำมันเอง แต่ถึงอย่างนั้นตำแหน่งไอ้ขี้แพ้ก็ยังเป็นของอู๋อี้ฟานไม่ใช่ใครอื่น เขารู้สึกหงุดหงิดตัวเองอยู่ไม่น้อยที่มีความคิดอยากเอาชนะเด็กทั้งที่อายุมากกว่าอีกฝ่ายเป็นสิบปี ซึ่งเหตุผลมันก็งี่เง่าเกินกว่าจะนึกถึง
ชายหนุ่มถอนหายใจพลางกุมขมับ เขารู้สึกเสียความเป็นตัวเองอย่างหนักหลังจากเด็กคนนั้นย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังเดียวกับแบคฮยอน ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าความพยายามของเขามันสูญเปล่า และมันคงเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย
อี้ฟานหลุบตาลงมองข้อความของใครคนหนึ่งที่ส่งมาให้เมื่อนานมาแล้ว แน่นอนว่าคนนั้นคือคนที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของเขามาก่อนแบคฮยอนซึ่งก็คือแฟนเก่า ชายหนุ่มเปิดมันค้างไว้อยู่อย่างนั้นโดยไม่เปลี่ยนจอไปหน้าอื่น
‘เลิกหลอกตัวเองสักทีเถอะอี้ฟาน’
ข้อความสั้น ๆ ที่สามารถดึงความคิดของร่างสูงไปได้ถึงสองทาง แน่นอนว่าคนที่ไม่มีความทุกข์ในใจคงสามารถพูดประโยคนี้กับคนอื่นได้ง่าย ๆ ถ้าทุกอย่างมันทำได้เหมือนอย่างที่บอกก็คงดี อู๋อี้ฟานก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ทั้งที่ใจไม่ต้องการ
เสียงออดหน้าบ้านเรียกสติร่างสูงกลับมา ชายหนุ่มลุกขึ้นไปเปิดประตูแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นปาร์คชานยอลยืนอยู่หน้าประตูแทนที่จะเป็นรั้วข้างนอก
“มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าก่อนเข้าบ้านคนอื่นต้องรอให้เจ้าบ้านอนุญาตก่อน”
“คนมันขายาวอ่ะโทษที ก้าวขานิดหน่อยก็ข้ามรั้วมาได้ละ” เด็กหนุ่มกวนประสาทด้วยคำพูดและสีหน้า อี้ฟานยังคงยืนนิ่ง เขาละมือออกจากลูกบิดแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงนอนขายาวพลางมองไปยังเด็กตัวสูงที่ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน “ไม่อยากให้ปีนก็สร้างรั้วสูง ๆ นะพี่นะ”
“ต้องการอะไร?”
รอยยิ้มบนใบหน้าเด็กหนุ่มค่อย ๆ จางลงกับคำถามของอีกฝ่ายซึ่งมาพร้อมกับสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก ชานยอลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วมองศัตรูหัวใจที่เขาอุตส่าห์บากหน้ามาถึงที่นี่เพราะทนไม่ไหวกับการที่อู๋อี้ฟานไม่ยอมเลิกยุ่งกับน้าชายของเขา
“ผมขอให้พี่เลิกยุ่งกับแบคฮยอน”
ตรงไปตรงมาไม่ต้องอ้อมค้อม คนฟังทิ้งจังหวะไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ราวกับว่าเรื่องที่ได้ยินมันไร้สาระเสียเต็มประดา มันเป็นเรื่องน่าตลกอยู่ไม่น้อยที่ปาร์คชานยอลมาถึงบ้านเขาทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยหนีเตลิดกลับไปเมื่อคราวนั้นเพราะเหตุผลอะไรเด็กคนนี้ก็น่าจะรู้ดี ชานยอลขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกครั้ง
“กลับบ้านไปดื่มนมเถอะ”
ปึง!!
เสียงประตูปิดลงทันทีที่ไอ้ครูขี้เก๊กพูดจบ เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงลมที่ตีเข้าหน้าอย่างแรงพร้อมกับเสียง กากากา... ที่ลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วง้างมือขึ้นทำท่าจะชกพร้อมกับสบถด่าลับหลังคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของประตู
“ต่อให้ไม่ดื่มนมผมก็จะสูงกว่าพี่อยู่แล้วเว้ย คอยดูได้เลย ปีหน้าจะสูงเท่าเหยาหมิงให้ดู!” เด็กหนุ่มถอยหลังออกมาพร้อมกับตะโกน และเขามั่นใจไอ้ครูขี้เก๊กต้องได้ยินแน่ “โด่...โตกว่าแล้วไงวะ ระวังจะตายก่อนนะครับพี่ ผมเป็นห่วง!” ด่าเสร็จก็ยกตีนถีบอากาศไปทีนึงเพราะคันตีน
อี้ฟานแค่นหัวเราะกับความเด็กของคนที่ยังคงยืนอยู่ข้างนอก ได้แต่ภาวนาว่าเพื่อนบ้านของเขาจะโทรแจ้งตำรวจมาจับเด็กนี่ไปอบรมสักชั่วโมงนึงแล้วค่อยให้แบคฮยอนไปรับ
เสียงมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาในบ้านทำให้แบคฮยอนต้องหันไปมองนาฬิกาแขวนผนังที่อยู่ในห้องครัว ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้วแต่ชานยอลเพิ่งกลับมาทั้งที่ปกติไม่เห็นจะเกินทุ่มนึง ร่างเล็กเช็ดเครื่องเป่าฟองนมหลังจากทำกาแฟร้อนเสร็จแล้วถือแก้วออกมาข้างนอกพร้อมกับจิบเครื่องดื่มในมือไปด้วย
เห็นหลานชายตัวโตเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเนือย ๆ แล้วก็สงสัย แบคฮยอนมองท่าทีอีกฝ่ายพลางเดินไปนั่งบนโซฟาโดยที่ไม่ออกปากถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งเด็กตัวสูงหยุดยืนอยู่กับที่แล้วหันมาทางเขา
“วันนี้ไปไหนมา”
“เอ้า...นั่นไม่ใช่คำถามที่ฉันต้องถามแกเหรอ ก็ต้องไปโรงเรียนน่ะสิ” แบคฮยอนเลิกคิ้วมองเด็กตัวสูงอย่างไม่เข้าใจ ชานยอลขมวดคิ้วแล้วเขวี้ยงกระเป๋าเป้ลงพื้นอย่างแรงแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดมานั่งข้าง ๆ เขา
“ขอบอกก่อนเลยนะว่าตอนนี้ผมกำลังโมโหสุด ๆ แต่ผมจะไม่แสดงออกจนกว่าจะได้ยินคำตอบจากปากน้า”
“เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ” ร่างเล็กมองอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ ไม่วายมันคนหาเรื่องให้เขาอีกแน่
“มาเกี่ยวก้อยกันก่อนว่าน้าต้องพูดความจริง” ชานยอลชูนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาแล้วให้น้าชายของเขาเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวเหมือนกับที่ชอบทำเมื่อตอนเป็นเด็ก ซึ่งแบคฮยอนก็มองปลายนิ้วอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วยอมเกี่ยวด้วยดี ๆ
“ว่ามา”
“กับไอ้ครูนั่นน่ะ...”
“ไม่ว่าแกจะเห็นหรือได้ยินอะไรมา แต่วันนี้ฉันพาพี่อี้ฟานไปเอารถที่อู่”
“...”
“แค่พาไป”
“...”
“ไปได้ยินอะไรมาอีกล่ะ”
พอได้ฟังคำตอบจากปากคนตัวเล็กทั้งที่ยังไม่ได้ออกปากถามเด็กตัวสูงก็พูดไม่ออก ชานยอลงอหน้าเบ้ปากแล้วขยับเข้าไปซบไหล่น้าชายพร้อมกับกอดแขนแน่น แบคฮยอนชูแก้วเซรามิกส์สีดำขึ้นสูงแล้วหลุบตาลงมองกลุ่มผมสีเข้มแล้วก็ปล่อยให้หลานชายตัวแสบออดอ้อนอยู่อย่างนั้น
“นี่”
“เมื่อกลางวันผมขับรถตามน้าไป แล้วเห็นน้าก้มทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้”
“ก้มเหรอ...อ๋อ เก็บมือถือไง”
“หา?” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “แล้วทำไมไอ้ครูนั่นมันทำหน้าเสียวล่ะ โอ้ย!!” ชานยอลกุมหัวตัวเองเพราะถูกโบกหัวอย่างแรง เด็กตัวสูงเบ้หน้ามองน้าชายที่หันไปจิบกาแฟร้อนต่ออย่างงอน ๆ
“อย่าเที่ยวใส่ร้ายคนอื่นซี้ซั้วได้ไหม แกนี่ยังไงนะ”
“ก็มันทำหน้าฟินใส่ตอนผมมองเข้าไปอ่ะ”
“แค่น้าก้มลงเก็บมือถือพี่อี้ฟานจะฟินทำไม ประสาท” นั่น กูโดนด่าอีก ลองมาทำท่านั้นกับเขาดูอีกทีไหมแล้วจะรู้ว่ามันชวนคิดมากแค่ไหน -_-
“ก็แล้วไป”
“ฉันล่ะเชื่อจริง ๆ เลย” แบคฮยอนมองคาดโทษหลานชายที่ยังคงปั้นหน้างอนอยู่อย่างนั้น “เคยเชื่อใจกันบ้างไหมขอถาม”
“เชื่อแบคฮยอน แต่ไม่เชื่อมัน...โอ้ย!!!” ชานยอลลูบหัวตัวเองแล้วหายใจเข้าลึก ๆ นี่ก็ตบเอาตบเอา!!!
“บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกเขาดี ๆ”
“เออ!! ครูพี่อี้ฟานของน้าน่ะ!!”
“เฮ้อ ไปนอนดีกว่า” คุยกับเด็กงี่เง่าแล้วเพลียใจเหลือเกิน แต่ลุกยังไม่ทันพ้นโซฟาก็ต้องกลับไปนั่งลงเหมือนเดิมเพราะถูกหลานชายคว้าแขนเอาไว้ ชานยอลส่ายหน้าพรืดแล้วขยับเข้ามากอดเอวเขา
“ห้ามงอนคืนดิ”
“ใครงอน นี่เรียกรำคาญ”
“รำคาญก็ไม่ได้ ที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะอยากให้ง้อนะ”
“ไร้สาระ”
“คนรักกันก็แบบนี้แหละ มองข้ามเรื่องนั้นไปแล้วก็ง้อผมซะ”
“ไปนอนเหอะ”
“ชวนผมเหรอ”
“ไล่โว้ย!” แบคฮยอนมองค้อนไอ้เด็กเวรที่ยังเสือกปั้นหน้ามึนใส่เขาอีก นี่กูด่ามึงอยู่นะ
“จะปล่อยให้ผมไปนอนทั้งที่ยังรู้สึกแบบนี้ได้ไง ใจร้ายเกินไปแล้วนะแบคฮยอน” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว คนเป็นน้าเห็นอย่างนั้นก็หันหน้าเข้าหาทีวีแล้วแค่นยิ้มก่อนจะจิบกาแฟ “หนาวอ่ะ”
“ก็ไปอาบน้ำนอน”
“กินไรอยู่อ่ะ กินด้วยดิ”
“เป็นเด็กเป็นเล็กไปดื่มโกโก้ไป นี่กาแฟ” จนถึงตอนนี้น้าชายก็ยังทำเหมือนไม่สนใจเขา ชานยอลหรี่ตามองคนตรงหน้าแล้วก็งิดขึ้นมาหน่อย ๆ เดี๋ยวรู้เลยแบคฮยอน เมินกันนักใช่ไหม
“แบคฮยอน”
“อะไร” ร่างเล็กหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายแล้วก็เห็นว่าไอ้เด็กตัวแสบกำลังเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ๆ จนเขาต้องถดตัวออก
“ฟองนมเลอะขอบปากน่ะ...” ไวเท่าความคิด แบคฮยอนก็ยังคงเป็นแบคฮยอนอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นคนตัวเล็กก็รีบเลียปากตัวเองทั้งที่ยังมองเด็กหนุ่มไม่ละสายตาแถมยังปิดท้ายด้วยการเอาหลังมือเช็ดอีกด้วย
จากแววตาของชานยอลแล้ว ไม่ต้องเดาเลยว่าไอ้เด็กนี่ต้องเข้ามาจูบเขาเลียนแบบซีรี่ส์หลังข่าวแน่ ไอ้ฉากฟองนม วิปครีมเลอะขอบปากนั่นน่ะเขาเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว เพราะงั้นต้องรีบดักไว้ก่อน
ชานยอลยิ้มกริ่มทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากอีกฝ่าย ตอนนี้แบคฮยอนถอยหลังจนชิดกับขอบโซฟาจนเขาต้องรั้งเอวเอาไว้ถ้าไม่อยากให้คนตัวเล็กตกลงไป คนเป็นน้าถือแก้วกาแฟที่ลดไปเพียงครึ่งไว้ระดับอกก่อนจะเบิกตาอย่างตกใจเมื่อเด็กตัวสูงโน้มหน้าเข้ามาจูบเขาจนได้
“...”
ชานยอลผละริมฝีปากออกเพียงเล็กน้อยก่อนจะกดจูบย้ำลงมาอีกครั้งราวกับว่ายังมีฟองนมเหลืออยู่ เด็กหนุ่มยิ้มแล้วเลื่อนไปจูบมุมปากคนตัวเล็กและปิดท้ายด้วยการหอมแก้มฟอดใหญ่
แบคฮยอนหน้าขึ้นสีจัด วันนี้เขาได้รู้แล้วว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่สามารถขัดขวางได้ถ้าเกิดว่าปาร์คชานยอลนึกอยากจะจูบ เด็กหนุ่มยิ้มพอใจแล้วเอนตัวลงนอนบนตักคนตัวเล็กพร้อมกับกุมมือเอาไว้
“เสาร์นี้วันเกิดผม”
“รู้แล้ว”
“ไปเที่ยวกันนะ”
“เที่ยว? ที่ไหน?” คนเป็นน้าก้มหน้าลงถามเด็กหนุ่มที่กำลังจูบมือเขาซ้ำ ๆ ก่อนจะเอาไปทาบกับแก้มตัวเอง
“ไปทะเลกัน”
“ทะเลหน้าหนาวเนี่ยนะ?”
“ใช่ เราไม่ได้ไปเล่นน้ำกันสักหน่อย ไปตอนเช้าค้างที่นั่นคืนนึงแล้วก็กลับ” ชานยอลมองอีกฝ่ายพร้อมกับส่งสายตาขอความเห็นใจไปให้ ซึ่งมันได้ผล แบคฮยอนกำลังใช้ความคิดว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี “น้าไม่อยากไปเหรอ?”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย นึกไงถึงอยากไปที่นั่น?”
“ก็...” ชานยอลดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองยิ้ม ๆ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน เพียงแค่ครู่เดียวเด็กตัวสูงก็กลับมาพร้อมกับบางอย่างในมือ เสียงกุกกักที่ดังทุกจังหวะการวิ่งทำให้สงสัยจริง ๆ ว่าหลานชายถืออะไรมาด้วย
“...”
แบคฮยอนมองหลานชายที่วางกระปุกออมสินลายหมูสีชมพูลงบนมือเขา มันหนักมากจนไม่สามารถคำนวณได้เลยว่าข้างในนั้นมีเงินอยู่สักเท่าไหร่ เด็กหนุ่มยิ้มกว้างแล้วเอาคางเกยกับหน้าขาคนตัวเล็กก่อนที่เสียงของเด็กชายปาร์คชานยอลเมื่อสิบปีที่แล้วจะลอยเข้ามาในหู...
‘แบคฮยอน ๆ ผมมีเงินเก็บในสมุดบัญชีตั้งแสนวอนแล้วนะ’
‘ผมจะพาแบคฮยอนไปเที่ยวทะเลสวย ๆ ’
คนเป็นน้าหลุบตาลงมองเด็กตัวสูงที่ซบแก้มลงกับหน้าขาของเขาก่อนจะมองมือแกร่งที่กำลังกุมมือเขาไว้ แบคฮยอนวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนลงไปนั่งบนพื้นข้าง ๆ หลานชายก่อนจะยิ้มออกมา
“ใครบอกว่าไม่อยากไป”
“...”
“เรานั่งรถไฟไปดีไหม?” เด็กหนุ่มทำตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้ารัว ๆ แบคฮยอนทาบมืออุ่น ๆ ที่เพิ่งจับแก้วกาแฟลงบนแก้มหลานชายก่อนจะเลื่อนไปวางบนซอกคอเพื่อไล่ความเย็นเพราะขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน “งั้นตอนเช้าน้าจะลุกขึ้นมาทำไข่ต้ม”
“เยี่ยมเลย!”
“อยากได้อะไรเป็นพิเศษอีกหรือเปล่า อย่างเช่นบานอฟฟี่...?” ประโยคหลังแผ่วลง นึกย้อนไปถึงปีที่แล้วก็รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยที่เขาต้องนั่งเฝ้าบานอฟฟี่ก้อนนั้นจนถึงเช้าแต่ชานยอลก็ไม่กลับมา
“ไม่เอาแล้ว” เด็กตัวสูงสายหน้าแล้วจับมืออุ่น ๆ ของแบคฮยอนเอาไว้ “ผมแค่อยากไปทะเลกับน้า จะให้กินไข่ต้มทั้งวันหรือรามยอนสำเร็จรูปก็ได้ทั้งนั้น”
“แน่ใจนะว่าไม่อยากได้อะไรอีก? บานอฟฟี่ปอนด์นึงเลยนะ?” แบคฮยอนเลิกคิ้วมองท่าทีอีกฝ่ายแต่ชานยอลก็ส่ายหน้ายิ้ม ๆ
“ไม่เอาเค้ก แต่เอาอย่างอื่น”
“อะไรล่ะ” ทั้งคู่สบตากันระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังใช้ความคิด จนถึงตอนนี้แบคฮยอนก็ยังไม่ชินกับการที่ต้องมองหน้าหลานชายในระยะใกล้ ๆ เขาอาจจะคิดไปเองก็ได้ว่าชานยอลดูดีขึ้นทุกวัน
“จูบผม”
“...”
“...”
ทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนพื้นปล่อยให้เสียงทีวีทำลายความเงียบที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน แบคฮยอนไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากประโยคนั้น ไม่แม้แต่จะด่าหลานชายตัวแสบว่า ‘ประสาท’ ที่กล้าพูดแบบนั้นออกมา และชานยอลก็เช่นกัน เด็กหนุ่มได้เพียงแค่ปิดเปลือกตาลงแม้จะไม่มั่นใจว่าน้าชายของเขาจะทำตามที่ขอหรือเปล่า
แบคฮยอนใช้เวลาทำใจอยู่เกือบครึ่งนาทีก่อนจะหลุบสายตาลงแล้วค่อย ๆ เลื่อนมือไปวางบนแขนแกร่งที่วางอยู่หน้าขา ร่างเล็กหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นจูบปลายคางเด็กตัวสูงเบา ๆ ชานยอลกำมือแน่น เขาไม่เคยรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน อัตราการเต้นของหัวใจเขามันเร็วยิ่งขึ้นเพราะสัมผัสจากริมฝีปากของน้าชาย ซึ่งอาจเป็นเพราะเขากำลังหลับตาอยู่ใช่ไหม ความรู้สึกแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นได้
แบคฮยอนลุกขึ้นคุกเข่าเพื่อให้ความสูงอยู่ระดับเดียวกันก่อนจะโอบใบหน้าชานยอลให้เงยขึ้นเล็กน้อย ร่างเล็กกำลังหน้าขึ้นสีจัด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะทำอะไรแบบนี้หลังจากที่ชานยอลเป็นคนเริ่มมาตลอด เด็กหนุ่มปรือตามองอีกคนเพียงเล็กน้อย พอเห็นว่าใบหน้าของน้าชายห่างอยู่เพียงแค่ช่วงหายใจเลยวางมือทั้งสองข้างลงบนเอวคนตัวเล็ก
“หลับตาสิ...”
ชานยอลเปลือกตาปิดลงอย่างว่าง่ายแล้วปล่อยให้น้าชายปัดไรผมออกจากใบหน้าเขาอย่างเบามือ เด็กหนุ่มกำลังค่อย ๆ ซึมซับกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ ซึ่งแน่นอนว่ามันต่างกันแค่ความรู้สึกถ้าให้เทียบกับสิ่งที่แบคฮยอนทำเพื่อเขามาตลอด
หัวใจของทั้งคู่เต้นแรงขึ้นเมื่อริมฝีปากอิ่มกดจูบลงมา ชานยอลเอียงหน้าปรับองศาเพียงเล็กน้อยพร้อมกับเปิดริมฝีปากรับลิ้นอุ่น ๆ ของร่างเล็ก แขนแกร่งตวัดกอดเอวน้าชายเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อยเพื่อลดระยะห่าง กลิ่นกาแฟในโพรงปากมันทั้งขมและหวานแต่เขากลับรู้สึกชอบมันขึ้นมาเสียอย่างนั้น แบคฮยอนกำลังทำให้เขาหลงใหลไปกับรสกาแฟจนไม่อยากผละริมฝีปากออกมา
เด็กตัวสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อน้าชายตัวเล็กผละตัวออกเพียงเล็กน้อย เขารู้สึกหวงแม้กระทั่งตัวเองที่ได้เห็นแบคฮยอนตอนกำลังหน้าแดงแบบนี้ เด็กหนุ่มยิ้มพร้อมกับกอดเอวอีกฝ่ายไว้แน่นในขณะที่แบคฮยอนกำลังมองไปทางอื่นพร้อมกับจับริมฝีปากตัวเอง
“น่ารัก”
“หุบปากน่า...”
“แบคฮยอนของผมน่ารักจังเลย <3” ชานยอลซุกหน้าลงกับอกคนตัวเล็กแล้วถู ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว คนเป็นน้าก้มลงมองไอ้เด็กตัวแสบแล้วก็แอบตบหัวเบา ๆ ไปทีนึง
“ปาร์คชานยอล!”
“ทำไงดีแบคฮยอน...ผมว่าผมมีอารมณ์แล้วล่ะ”
“พูดบ้าอะไรของแก ถอยออกไปเลยนะ”
“ช่วยด้วย มันแข็งไปหมดแล้ว” เด็กหนุ่มพูดเสียงอู้อี้ ส่วนแบคฮยอนกำลังพยายามแกะมือปลาหมึกออกจากเอวตัวเองหลังจากได้ยินประโยคลามกจากปากหลานชาย
“ไอ้เด็กทะลึ่ง บอกให้ปล่อยไง!”
“ไหน ๆ ก็จูบกันขนาดนี้แล้ว เรามาทำเรื่องหวาดเสียวกันเถอะนะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นพร้อมกับทำตาปริบ ๆ ก่อนจะเทกระจาดลงไปนอนกับพื้นเพราะถูกตบหัวอย่างแรง
“เป็นไงล่ะ เสียวพอไหม!”
60%
สองมือจัดแจงอาหารกล่องสำหรับมื้อเช้าที่เอาไว้กินบนรถไฟพร้อมกับหันไปมองเด็กตัวสูงที่กำลังอ้าปากหาวหวอด ๆ อยู่ข้างเขา คนตัวเล็กส่ายหน้าแล้วสะกิดแขนหลานชายก่อนจะยื่นซูชิให้กิน จากที่ง่วง ๆ นี่ถึงกับตาสว่าง ชานยอลอมยิ้มแล้วก้มลงงับซูชิจากมือน้าชายแล้วยืนบิดไปมาจนน่าหมั่นไส้
“เมื่อคืนนอนกี่โมง”
“เอาความจริงหรือโกหก” แบคฮยอนเงยหน้ามองหลานชายตัวโตที่กำลังอมยิ้มเคี้ยวซูชิ พอเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะเหวี่ยงชานยอลเลยย่นจมูกแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะไม้ “ก็ผมตื่นเต้นอ่ะ”
“ฉันไม่คิดว่าหน้าอย่างแกจะยังหลงเหลือความรู้สึกแบบนั้นอยู่”
“นี่พูดจริงนะ ผมนอนพลิกซ้ายพลิกขวาแต่ก็หลับไม่ลง รู้ตัวอีกทีก็ตีสามแล้ว” เด็กหนุ่มพูดตามความจริง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตื่นเต้นกับการไปเที่ยวทะเล ทั้งที่ตอนม.ต้นเขาได้แต่ทำหน้าเซ็งสุด ๆ ที่ต้องใช้เวลาวันหยุดไปกับครอบครัว แต่คราวนี้มันต่างกันเพราะนี่มันคือการเดท!
“เอาเถอะ ไปหลับบนรถไฟก็ได้” แบคฮยอนเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องครัว เด็กหนุ่มตามออกมาแล้วก็เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะออกไปข้างนอกโดยที่ไม่รอเขาแถมยังมีการหันมายิ้มกวนอีก “เฝ้าบ้านไปนะ”
“เฮ้ย ไม่เอางี้ดิ” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นแล้วรีบวิ่งตามออกไปแต่น้าชายก็ทำท่าจะปิดประตูใส่เขา “แบคฮยอนอย่าแกล้ง รอผมด้วย!”
“เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน มีปีนี้ปีแรกที่ไม่ได้ฉลองกับมัน”
จื่อเทาบ่นแล้วดูดชาเขียวปั่นจนลดฮวบ ๆ หลังจากแวะซื้อที่สตาร์บั้คกับลู่หานก่อนมาหาจียอนที่บ้าน หญิงสาวทำตาปริบ ๆ มองเพื่อนตัวเขียวที่เอาแต่บ่นกะปอดกะแปดตั้งแต่มาถึงในขณะที่ลู่หานนอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟา
“มันแปลกเกินไปอ่ะ เอาจริง ๆ ก็แปลกตั้งแต่มันเริ่มกลับตัวเป็นคนดีแล้ว” เด็กหนุ่มยังคงพูดต่อไป พอรุ่นพี่ชาวจีนได้ยินเลยถามขึ้นมาเพื่อที่จะหาเรื่องคุยกับเด็กทั้งสองคนแทนที่จะอมขี้ฟันอยู่เฉย ๆ
“ทำไมวะ เมื่อก่อนมันแย่มากเลยเหรอ” จื่อเทาละปากออกจากหลอดแล้วรีบกลืนชาเขียวลงคอก่อนจะหันไปตอบ
“ก็มากพอที่จะทนอยู่กับน้าแบคได้ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงอ่ะ”
“ชานยอลเคยหนีออกมาอยู่หอเพราะทะเลาะกับน้าอ่ะเฮีย” จียอนเสริม ลู่หานแกล้งพยักหน้าช้า ๆ เหมือนคนเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรก ชายหนุ่มละสายตาจากมือถือแล้ววางมันลงบนโต๊ะแก้วหน้าโซฟาก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าแก้วอเมริกาโน่เย็นมาดื่ม
“แล้วไงต่อ”
“ก็ไม่ไง เฮียไม่คิดว่ามันแปลกเหรอที่ไอ้ชานยอลไปทะเลกับน้าแบคในวันเกิดของตัวเอง นี่ไม่อยากจะพูดเลยนะว่าทุกปีมันทำอะไรกับพวกเพื่อนในวงดนตรีมั่ง ไม่เคยจะมีเรื่องดี ๆ อ่ะ”
“เพื่อนในวงดนตรีไม่ดีว่างั้น?”
“ไม่ใช่ไม่ดี แต่พวกมันชอบพาไอ้ชานยอลไปเถลไถล ไปกินเหล้า เที่ยวกลางคืนไรงี้”
“ปากก็ปากมัน กินไปก็ลงท้องมัน ถ้าไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อนก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรวะ อีกอย่างนะ การสูบเหล้ากินบุหรี่”
“กินเหล้า สูบบุหรี่” จื่อเทากับจียอนพูดประสานเสียงกันกับมุกกะโหลกที่ลู่หานยิงออกมาอย่างหน้าตาเฉย
“เออนั่นแหละ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นจะแย่ป่ะวะ”
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยอ่ะ” จื่อพูดเสียงแผ่ว แล้วก้มหน้าดูดชาเขียวต่อ พอเห็นรุ่นน้องดูหงอยไปคนเป็นพี่เลยเอื้อมมือไปยีหัวเบา ๆ
“เอาน่า ไม่ดีเหรอที่มันคิดกลับตัวเป็นคนดีอ่ะ”
“ก็ดีไง แต่แค่แปลกใจว่าทำไมมันถึงยอมน้าแบคทุกอย่างเลยอ่ะ เออ ถึงมันจะเป็นแบบนี้มาสักพักนึงแล้วก็เถอะ แต่กูก็ไม่อยากเชื่อ”
“จื่อคิดมาก” จียอนลูบหลังเพื่อนตัวสูงแล้วดันแก้วชาเขียวเข้าไปใกล้ ๆ “เป็นแบบนี้รู้ป่ะว่าทำให้เรานึกถึงอะไร”
“ไรอ่ะ”
“พล๊อตฟิคแอบรักเพื่อน”
พรวดดดดดดดดดดดดด
จื่อเทาถึงกับสำลักชาเขียวปั่นจนหญิงสาวดึงทิชชู่ออกมาช่วยซับปากให้แทบไม่ทัน ลู่หานมองภาพตรงหน้าแล้วก็เอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับกุมท้องขำ นี่ต้องบรรยายไหมว่ามันเหมือนหนังเรื่องดิเอ็กโซซิสต์ตอนอ้วกพุ่งออกมามากแค่ไหน
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะจี้ ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย” เด็กหนุ่มมองคาดโทษเพื่อนของเขาก่อนจะทิ้งทิชชู่ลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย
“จื่อปวดขี้เหรอ”
“...”
“เหย...ก็ดูดิ แค่ชานยอลไปเที่ยวกับน้าเอง คนที่จะน้อยใจมันคือเราต่างหากที่ไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดด้วยอ่ะ” จียอนย่นจมูกแล้วกระแซะแขนอีกคน “ใช่ป่ะเฮีย”
“เฮียว่าตัดใจเถอะ ไอ้ชานยอลมันเป็นอีแอบหนูไม่รู้เหรอ” พูดจบก็กลั้นหัวเราะแทบตายกับสีหน้าช๊อกโลกของปาร์คจียอนในตอนนี้ ยิ่งตอนจื่อเทาหันมาทำหน้าเดียวกันอีกก็ยิ่งตลกเข้าไปใหญ่
“เฮียพูดไรอ่ะ!”
“ไอ้ชานยอลมันบอกเฮียเองว่าคบผู้หญิงบังหน้า” ลู่หานทำหน้าจริงจัง ตอนนี้จียอนทำตาเหลือกขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนตัวเขียวที่กำลังหรี่ตาลง
“ทำไมเรื่องมันคุ้น ๆ วะพี่หาน...”
“อย่าคุ้นดิวะ” ชายหนุ่มหัวเราะพลางทำมือปัด ๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาต่อก่อนจะมองเด็กทั้งสองคน “เลิกคิดมากเรื่องมันได้แล้ว”
“ไม่ให้คิดได้ไงอ่ะ วันเกิดมันทั้งทีก็อยากให้มันมีความสุข นี่ยังไม่ได้ให้ของขวัญเลยนะ พอโทรไปตอนเที่ยงคืนก็เสือกปิดมือถือ ไลน์ก็ไม่เปิดอ่าน โคตรชั่ว” นึกไปถึงเพื่อนรักก็น้อยใจอีกแล้ว อยากจะจุดเทียนพรรษาเผาขนหน้าแข้งแม่มจริง ๆ ซั้ซ
“มึงรู้ได้ไงว่ามันไม่มีความสุข บางทีตอนนี้มันอาจจะกำลังยิ้มจนปากแทบฉีกอยู่ก็ได้”
พูดจบก็ยกกล้องสมาร์ทโฟนขึ้นกลางอากาศก่อนจะเชิดหน้าเล็กน้อยหามุมเก่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกดถ่ายรูปก่อนจะหันไปยักคิ้วให้เด็กอีกสองคนที่กำลังมองเขาอยู่
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเสียงรถไฟกับวิวทิวทัศน์รอบข้างจะทำให้เขารู้สึกดีมากขนาดนี้ ปาร์คชานยอลรู้สึกเมื่อยหน้าจริง ๆ ที่เอาแต่ยิ้มอยู่ได้เพียงแค่หันไปเห็นแบคฮยอนกำลังแกะกล่องอาหารเช้าอยู่ข้าง ๆ
เด็กหนุ่มหลับตาทันทีที่คนตัวเล็กตอกไข่ขนาดเหมาะมือลงบนหน้าผากเขาเบา ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองรอยยิ้มของน้าชายที่กำลังยิ้มขำกับท่าทางของเขาในตอนนี้ ชานยอลลูบหน้าผากป้อย ๆ พลางหลุบตาลงมองสองมือนั้นที่กำลังปอกเปลือกไข่ และที่ทำให้หัวใจพองโตยิ่งกว่าเดิมก็คือการที่แบคฮยอนเลือกที่จะป้อนให้เขากินก่อน เด็กหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะอ้าปากกัดคำนึงทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากดวงหน้าขาว
“คำเดียวเลย เอาให้หมด” คนเป็นหลานเบ้หน้าเพราะถูกน้าชายแกล้งด้วยการยัดไข่ต้มทั้งใบใส่ปาก แบคฮยอนยิ้มขำก่อนจะหมุนเปิดฝาขวดโค้กแล้วยื่นให้อีกคนดื่ม
“ผมปอกให้บ้าง” ชานยอลหยิบไข่มาฟองนึง ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างเคอะเขินกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันควรจะเป็นเรื่องปกติ แบคฮยอนหลุบสายตาลงก่อนจะเสยผมหน้าม้าขึ้น แน่นอนว่าสิ่งที่คนตัวเล็กทำมันเรียกรอยยิ้มจากเด็กตัวสูงได้เป็นอย่างดี
ชานยอลตอกไข่ต้มลงบนหน้าผากอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปเป่าให้ราวกับกลัวว่าแบคฮยอนจะเจ็บ คนเป็นน้ากำลังทำตัวไม่ถูกเพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่เลยหันกลับไปนั่งยืดตัวหลังตรงดี ๆ แถมเอากระเป๋าคั่นกลางไว้อีกด้วย แต่ไม่ว่าวินาทีนี้คนตัวเล็กจะทำอะไรก็ทำให้ปาร์คชานยอลหุบยิ้มลงไม่ได้หรอก
“อ่ะ” เด็กหนุ่มยื่นไข่ต้มที่เพิ่งปอกเสร็จให้ พอแบคฮยอนทำท่าจะหยิบเขาก็ยื้อมือกลับพร้อมกับส่ายหน้า “อ้าปากดิ”
“เห็นฉันเป็นเด็กหรือไง”
“ไม่ตอบหรอก เดี๋ยวน้าจะตีผม” ปาร์คชานยอลน่าหงุดหงิดตรงนี้ นับวันไอ้เด็กแสบยิ่งจะรู้ทันเขาไปซะทุกเรื่อง สุดท้ายบยอนแบคฮยอนก็ยอมกินไข่ต้มจากมือหลานชายแต่โดยดี “ถ้าบอกว่าไข่ที่น้าต้มอร่อยที่สุดในโลก จะหาว่าผมเว่อไหม”
“เว่อ”
“โอเค” จะหวานใส่ไม่ได้เลย เอะอะก็เบรกท่าเดียว
แรงสั่นของสมาร์ทโฟนดึงเด็กหนุ่มออกมาจากโลกของน้าชาย เห็นป๊อปอัพไลน์อันล่าสุดของลู่หานเด้งขึ้นมาแล้วก็แอบชำเลืองมองคนข้าง ๆ ว่ากำลังมองอยู่หรือเปล่า แล้วก็พบว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังง่วนอยู่กับการตอกไข่ต้มอีกใบ
ไอ้ห่าพี่หาน
ได้เรื่องยังวะ ตอนนี้จื่อกับจียอนว้าวุ่นมากกูจะทำเยี่ยงไรดี? 10:02
ไอ้ห่าพี่หาน
เป็นไงมั่ง กูลุ้นจนเยี่ยวเป็นเลือดแล้วนะ 10:07
ไอ้ห่าพี่หาน
ตอบกูด้วยครับ มากกว่าความเป็นห่วงคืออยากเสือก 10:11
ไอ้ห่าพี่หาน
10:11
ไอ้ห่าพี่หาน
ต้องเอาให้ได้นะเว้ย ถ้ามึงพลาดกูจะมอบสิบล้อบรรจุหญ้าแห้งให้มึงสักสามคัน 10:12
ไอ้ห่าพี่หาน
กูจะร้องเพลงให้มึงฟังสักเพลงละกันนะ เห็นว่าน้องจะออกรอบพี่ก็อยากให้กำลังใจ 10:12
ไอ้ห่าพี่หาน
(ส่งคลิปเสียง) 10:16
เห็นที่มันส่งมาแล้วก็แอบหวั่นใจอยู่พอสมควร ไม่วายไอ้พี่หานคงส่งต่อความจังไรมายังเขาแน่ไม่ต้องสืบ คนอย่างมันหยุดคิดเรื่องลามกได้ก็แค่ตอนนอนเท่านั้นแหละ นัยน์ตาหลุบมองจอสมาร์ทโฟนอยู่อย่างนั้นพลางเหลือบมองน้าชายอีกครั้งแล้วกดคลิปเสียงก่อนจะเอาหูแนบ
‘เพลงนี้เป็นเพลงไทยแต่กูจะมาแปลงท่อนฮุคเป็นเกาหลีให้มึงฟังนะ ชื่อเพลงใจนักเลง...อะแฮ่ม...ให้เธอได้กับเขาแล้วเรานั่งดู วู้ฮู้...อย่างไรให้เพื่อนฟิน...’
“...”
ละมือถือออกมาดูแล้วก็พบว่าคลิปจบไปแล้ว ขอถามว่าสาระเกือบสิบวินาทีเมื่อกี้อยู่ตรงไหน ห่านี่ส่งคลิปมาเพื่อกวนส้นตีนจริง ๆ ด้วย นึกด่ามันไปในใจก็เท่านั้นเลยส่งโอโล่กลับไปให้หนึ่งดอกก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า
“อีกนานกว่าจะถึง จะนอนไหม?” แบคฮยอนจับข้อมือเด็กตัวสูงขึ้นมาดูนาฬิกา กว่าจะถึงโรงแรมก็อีกสองชั่วโมงเลย
“ให้นอนยังไงอ่ะ พิงกระจกก็เจ็บหัว” เด็กหนุ่มหันมาปั้นหน้าปั้นตาออดอ้อนซึ่งคนเป็นน้าก็คงจะรู้ทันเลยยัดไข่ใส่ปากเขาอีกใบ
“กินไข่กับซุปสาหร่ายเสร็จแล้วก็นอน” แบคฮยอนหมุนฝาขวดเก็บความร้อน “ตักฉัน” ไม่ปล่อยโอกาสให้เด็กเอาแต่ใจได้ง้องแง้งเลย ชานยอลยิ้มพอใจแล้วเอนหัวซบลงกับไหล่เล็กแล้วเอื้อมไปหยิบไข่อีกใบมาตอกกับหน้าผากตัวเองแล้วแกะให้แบคฮยอนกินบ้าง
พอมาถึงโรงแรม เก็บของเสร็จเรียบร้อยหลานชายตัวดีก็ถูลู่ถูกังเขาไปเดินเล่นข้างนอก ทั้งสองคนแวะซื้อของกินข้างทาง มีบ้างที่หยิบให้อีกคนกินหรือจะเรียกว่าป้อนนั่นแหละจนลืมว่าคนที่กำลังยิ้มและหัวเราะข้าง ๆ คือผู้ชายด้วยกัน
ชานยอลกำลังมีความสุขนั่นคือสิ่งที่แบคฮยอนรู้ คนตัวเล็กได้แต่บอกกับตัวเองในใจว่าขอแค่วันนี้วันเดียวที่เขาจะทำตามใจตัวเองโดยที่ไม่ขัดใจหลานชายไปเสียทุกเรื่องเหมือนอย่างที่เคย แต่พูดก็พูดเถอะ...พักหลังเขาก็ยอมเด็กนั่นไปเยอะแล้วเหมือนกันนะ
ทั้งที่มาทะเลแต่ตอนนี้เท้าของเขายังไม่ได้แตะพื้นทรายเลยสักนิด ทั้งคู่เลือกที่จะเข้าไปในเมืองแล้วเดินเล่นด้วยกัน กินของอร่อยที่ไม่เคยกินมาก่อนและชานยอลก็เป็นคนจ่ายเองทั้งหมด โดยเจ้าตัวอ้างว่าสิ่งที่แบคฮยอนจะได้จ่ายมีแค่อย่างเดียวคือค่าห้องเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นเขาขอออกเอง
ซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ได้ขัดใจ บางทีหลานชายของเขาอาจจะกำลังพยายามแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวโตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะดูแลเขาได้แล้วนะ ถึงสิ่งที่ทำอยู่มันยังคงดูเหมือนเด็กพยายามอยากโตก็เถอะ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกดีเหมือนกัน
แบคฮยอนไม่ได้ก้มลงมองมือตัวเองในตอนนี้ เขารู้สึกได้ว่ามันอุ่นจนเปลี่ยนเป็นร้อนและมีเหงื่อซึมอยู่ตามฝ่ามือหลังจากถูกหลานชายตัวโตกุมมันเอาไว้ตลอดทาง บางครั้งชานยอลก็เหมือนเด็กไม่รู้จักโตแต่บางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่จนน่าตกใจ และที่ทำให้บยอนแบคฮยอนรู้สึกแบบนั้นก็คือตอนที่เด็กตัวสูงจูงมือเขาข้ามถนน
มันอดนึกไปถึงตอนถูกพี่อี้ฟานจูงมือไม่ได้ ตอนนั้นเขาอายและกลัวว่าคนอื่นจะมองอีกฝ่ายไม่ดี ลำพังตัวเขาน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้ว เหมือนกับตอนนี้ที่เขากลัวว่าคนอื่นจะมองชานยอลเป็นเกย์นั่นแหละ
แบคฮยอนค่อย ๆ แกะมือออก มันคงดีกว่าหากว่าเขาสองคนเดินเฉย ๆ โดยที่ไม่แตะต้องตัวกันจนกลายเป็นจุดเด่น เพราะแค่ส่วนสูงและหน้าตาของชานยอลก็เรียกความสนใจจากสาว ๆ ละแวกนี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไงรู้ไหม?
ชานยอลหันมายิ้มให้กับเขา...แล้วประสานมือแน่นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก...
หลานชายอยากกินเค้ก แบคฮยอนก็ยอมไปด้วย แต่น่าแปลกที่เด็กคนนั้นถามเขาก่อนว่าอยากกินไหม ถ้าไม่อยากจะไปทำอย่างอื่นก็ได้นะ และมันทำให้เขารู้สึกดีอีกแล้วที่ชานยอลแสดงออกว่าต้องการความสมัครใจจากเขาในการทำอะไรสักอย่าง
นับไม่ได้เลยกับรูปที่เขากับชานยอลถ่ายด้วยกัน ไอ้เด็กนี่บ้ากล้องจริง ๆ ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะไปที่ไหนมือใหญ่ ๆ นั่นก็โอบไหล่เขาเข้าไปชิดพร้อมกับเอนหัวลงมาชนกันแล้วถ่ายรูป นับครั้งไม่ถ้วนที่แบคฮยอนเห็นสีหน้าตื่น ๆ ของเด็กตัวสูงที่หันมาบอกว่า ‘แบคฮยอน ๆ ถ่ายรูปกันเถอะ’
แล้วมันตลกตรงไหนรู้ไหม? มันตลกตรงที่เขาบอกชานยอลส่งรูปทั้งหมดให้ด้วยเนี่ยสิ...
พอมาถึงริมหาดคนเป็นหลานก็ถอดรองเท้าแล้ววิ่งเข้าหาทะเล แต่พอเท้าจะโดนน้ำเด็กตัวสูงก็ถอยออกมาพร้อมกับส่งเสียงตลก แบคฮยอนก้มลงเก็บรองเท้าคู่ใหญ่ขึ้นมาถือไว้ให้พร้อมกับมองไปยังหลานชายที่กำลังวิ่งหนีน้ำเหมือนกับเด็ก ๆ
ก็เจ้านั่นยังเป็นเด็กอยู่จริง ๆ นี่นะ...
“หนาวอ่ะ”
“แล้วใครใช้ให้แกลงไปเล่นน้ำล่ะ ซื่อบื้อ” แบคฮยอนส่ายหน้าหน่าย ๆ ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังเดินเล่นตามริมหาดท่ามกลางลมหนาวที่พัดมาจนเด็กหนุ่มต้องยกแขนขึ้นกอดตัวเอง
“ไม่เคยทำอะไรที่มันสุดเหวี่ยงบ้างหรือไงแบคฮยอน”
“แค่อยู่กับแกชีวิตฉันก็ 4D จนไม่อยากหาอะไรสุดเหวี่ยงทำแล้ว”
“ฟังแล้วเขินจัง” ชานยอลอมยิ้มพร้อมกับกระแซะแขนคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ แบคฮยอนเบี่ยงตัวหลบแล้วผลักเด็กตัวโตออกไปห่าง ๆ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้น
“กลับห้องได้แล้วมั้ง ขืนอยู่นาน ๆ เดี๋ยวเป็นหวัด”แบคฮยอนหันไปมองโดยรอบ ตอนนี้อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อย ๆ ตามดวงอาทิตย์ที่กำลังจมหายไปกับขอบฟ้า เด็กหนุ่มพยักหน้ารับแล้วกอดคอน้าชายตัวเล็กจากข้างหลัง “อะไร”
“ขี่หลังหน่อย”
“ขี่หลัง?!” แบคฮยอนเอี้ยวหน้าหันไปมองไอ้เด็กโข่งที่กำลังทำตาปริบ ๆ เห็นงี้แล้วขอขำทีเถอะ เขาหูฝาดไปใช่ไหม “ตัวใหญ่อย่างกับควาย แกไม่กลัวน้าจะหลังหักบ้างหรือไง?”
“ไม่ได้เหรอ” นั่น ยังมีการมาทำหน้ากวนส้นตีนอีก ที่พูดไปทั้งหมดนี่ได้มั้ง -_-
“งั้นเปลี่ยนกันก็ได้ ผมแบกแบคฮยอนขึ้นหลังไหว”
“ห้ะ? เดี๋ยวสิ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น” แบคฮยอนเบิกตากว้างเมื่อชานยอลมายืนอยู่ข้างหน้าพร้อมกับย่อตัวลงคว้าขาทั้งสองข้างของเขาเอาไว้จนต้องรีบจับไหล่กว้างนั้นเป็นหลัก “นี่ ชานยอล!”
“รองเท้าจะจูบหน้าผมอยู่แล้ว ถือดี ๆ ได้ไหม” เด็กหนุ่มเอี้ยวหน้ามาบ่นก่อนจะปิดท้ายด้วยยิ้มเจ้าเล่ห์ คนตัวเล็กหงุดหงิดที่พูดอะไรไม่ออกเลยใช้มือข้างที่ว่างอยู่ตบหัวหลานชายไปทีนึงเพราะหมั่นไส้ “อ้วนขึ้นป่ะเนี่ย ทำไมหนักจัง”
“หนักก็ปล่อย”
“ล้อเล่นน่า...ต่อให้น้าหนักกว่านี้อีกร้อยกิโลผมก็แบกไหวอยู่ดีนั่นแหละ”
พอกลับมาถึงห้องชานยอลก็เข้าไปอาบน้ำก่อน ทั้งสองคนดูอิดโรยไปกับการเดินทางด้วยรถไฟอีกทั้งยังไปทัวร์กินนั่นกินนี่ในตัวเมืองอีก คนตัวเล็กเปิดผ้าม่านออกแล้วยืนมองวิวทิวทัศน์อยู่ครู่หนึ่ง นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้มีวันหยุดแบบนี้ เท่าที่จำได้ก็ช่วงปีสามตอนมากับไอ้คู่รักหยินหยาง จังหวะนั้นเหงาได้อีกเพราะมันค้างห้องเดียวกัน ถึงเพื่อนรักทั้งสองจะใจดีบอกว่านอนห้องเดียวกันก็ได้นะ แต่ใครจะไปตอบตกลงครับ ไม่วายได้แผ่นดินไหวกันทั้งคืน
ร่างเล็กเอาของในกระเป๋ามาจัดเรียงไว้บนโต๊ะก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่ไอโฟนของหลานชายที่อยู่ไม่ห่างจากมือของเขามากนัก ถึงจะบอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจเลยว่าข้างในนั้นจะมีอะไร แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็อยากจับไอโฟนเครื่องนั้นมาสไลด์ดูว่าในโทรศัพท์ของหลานชายตัวแสบมีอะไรบ้าง โอเค เขาหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าอยากรู้ไปทำไม
กลับไปจัดของต่อได้แค่ครู่เดียวก็หันไปหยุดอยู่ข้างสมาร์ทโฟนเครื่องเดิม ร่างเล็กถอนหายใจอย่างหัวเสียกับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง แล้วสุดท้ายเขาก็หยิบมันขึ้นมาก่อนจะหันไปทางประตูห้องน้ำเพื่อดูว่าชานยอลอาบน้ำเสร็จหรือยัง
ถ้าเป็นเมื่อก่อนแบคฮยอนจะทำอะไรกับมือถือเครื่องนี้ก็ได้เพียงแค่อ้างว่าเป็นน้า และเขามีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องส่วนตัวของหลาน ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังเผด็จการแบบนั้นได้แต่...
ปลายนิ้วกดสไลด์หน้าจอแล้วก็เจอกับปัญหาคือรหัสผ่านสี่หลักซึ่งคนตัวเล็กก็ใช้เวลาเดาแค่แป้บเดียวเท่านั้น เพราะเขาเองก็ใช้วันเกิดตัวเองเป็นรหัสผ่านมือถือเช่นกัน แต่พอเข้าไปในหน้าหลักเท่านั้นสายตาก็ต้องหยุดอยู่กับวอลเปเปอร์พื้นหลังจอ มันเป็นรูปคน ๆ หนึ่งกำลังจูงมือคนถ่ายเดินไปด้วยกัน
“ดูอะไรอยู่เหรอ” เสียงกระซิบข้างหูทำให้ร่างเล็กแทบปล่อยมือถือตกพื้นแต่ดีว่าคนที่อยู่ข้างหลังคว้ามือเขาไว้ได้ทัน คนเป็นน้าเอี้ยวตัวหันไปแล้วก็เห็นใบหน้าคมของเด็กตัวสูงที่ยืนชิดแผ่นหลังของเขาอยู่
บยอนแบคฮยอนอยากจะกัดลิ้นตายจริง ๆ ที่ใจเต้นแรงเพราะเห็นหยดน้ำไหลลงจากปรอยผมเปียกลู่เข้ากับโครงหน้านั้น ชานยอลไม่ได้ยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ได้ทำหน้ากวนประสาท ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ ไอ้เด็กนี่แค่ยืนอยู่เฉย ๆ แล้วมองด้วยความสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรกับโทรศัพท์เครื่องนี้
“เอ่อ...”
“จะเช็คความประพฤติผมหรือไง”
“เปล่า” แบคฮยอนไม่รู้ตัวว่ามือปลาหมึกอีกข้างหนึ่งของหลานตัวแสบกำลังวางอยู่บนเอวเขา ชานยอลยิ้มน้อย ๆ แล้วดึงไอโฟนออกจากมือเขาก่อนจะหลุบตามองมัน “ฉันแค่หยิบมันขึ้นมาดูว่าแบตเหลือกี่เปอร์เซ็นต์จะได้ชาร์จให้” แถมันหน้าด้าน ๆ เลยเนี่ยแหละ ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นแล้วรั้งเอวคนที่กำลังจะผละตัวออกไปให้เข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะละสายตาจากสมาร์ทโฟน
“บอกมาน่า...”
“ก็บอกไปแล้วไง” ตอนนี้เขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่นะ มันคงจะดีมากถ้าชานยอลกำลังเห็นเขากำลังปั้นหน้านิ่งอยู่โดยที่ไม่ถูกจับได้ว่ากำลังโกหก
“จะเช็คดูรายชื่อเพื่อนในไลน์เหรอ” แบคฮยอนส่ายหน้าเป็นคำตอบ “อัลบั้มรูป?” แบคฮยอนก็ยังส่ายหน้าอีก “เบอร์โทร?”
“แค่ดูเฉย ๆ ว่าวอลเปเปอร์เป็นรูปมือใคร” ร่างเล็กถึงกับตาเหลือกเพราะหลุดพูดออกไปจนได้ ชานยอลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหลุดยิ้มออกมาแล้วหยิกแก้มน้าชายตัวเล็กของเขาอย่างหมั่นเขี้ยว
“นึกว่าอะไรซะอีก”
“อะไร” แบคฮยอนปั้นหน้านิ่ง เขารู้สึกขายหน้าจริง ๆ ที่พูดแบบนั้น อีกทั้งยังถูกไอ้เด็กนี่หัวเราะเยาะอีกด้วย “ไปอาบน้ำละ” ร่างเล็กเดินไปคว้าผ้าขนหนูที่พับไว้อยู่บนโต๊ะก่อนจะหยุดฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงใครอีกคน
“ผมคิดมาตลอดว่าน้าเป็นคนความจำดี แต่ไม่คิดว่าจะจำตัวเองไม่ได้”
“...”
“อาจเป็นเพราะเสื้อตัวนั้นน้าไม่ค่อยหยิบออกมาใส่ล่ะมั้ง”
ชานยอลพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะสวมเสื้อยืดเข้ารูปสีดำแล้วตามด้วยกางเกงนอนขายาว แบคฮยอนหันไปมองข้างหลังแล้วก็เห็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ห่างจากตรงนี้อยู่พอสมควร
“รูปนั้นถ่ายที่ฮงแด”
ภาพตอนที่เขาช่วยชานยอลล้างตาเพราะโดนน้ำซุป
ภาพตอนเดินฮงแดตอนกลางคืนด้วยกัน
กับภาพตอนที่เขายืนดูวงดนตรีตรงนั้น...
“บอกแล้วไง ว่าตอนนี้ผมมีแค่น้าคนเดียว”
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการอาบน้ำ อันที่จริงบยอนแบคฮยอนก็ไม่ได้เป็นคนรักสะอาดจนต้องขัดสีฉวีวรรณเหมือนกับผู้หญิง แต่เวลาเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์นั้นเสียไปกับการใช้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องหลานชาย
ร่างเล็กออกมาจากห้องน้ำในสภาพครบชุด ชนิดว่าปาร์คชานยอลจะไม่มีวันเห็นเขายืนหันหลังใส่เสื้อผ้าต่อหน้าแน่นอน พอมองไปที่เตียงก็เห็นเด็กตัวสูงนอนคว่ำหน้าอยู่เลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ที่นอนนุ่มยวบลงตามแรงกดทับ แบคฮยอนแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มและไม่ลืมที่จะดึงมันขึ้นมาคลุมถึงช่วงไหล่ให้กับหลานชาย วันนี้ชานยอลคงเหนื่อยมากถึงได้ผล็อยหลับไปตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม บางทีเขาอาจจะต้องตื่นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงเด็กคนนี้งอแงหิวข้าวก็ได้
ร่างเล็กพลิกตัวหันเข้าหาอีกคน นอนจ้องหน้าซน ๆ ของเด็กตัวแสบอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปเกลี่ยไรผมออกจากใบหน้าให้อย่างเบามือ พออยู่เฉย ๆ แบบก็น่าเอ็นดูอยู่หรอกถ้าไม่เอาแต่ทำตัวกวนประสาทไปเรื่อย เด็กหนุ่มปรือตาขึ้นมองคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มบาง ๆ พอเห็นชานยอลในตอนนี้แล้วแบคฮยอนก็ไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าแบบไหน
“อาบน้ำนานจัง”
“ไม่เคยอยู่ในห้องน้ำนาน ๆ เพราะมันสวยหรือไง”
“นึกว่าหลับ ผมกะจะเข้าไปตามแล้วเชียว” เด็กหนุ่มขยับตัวเข้าหาแล้วซุกหน้าลงกับอกคนตัวเล็กพร้อมกับรั้งเอวเข้ามาใกล้ “ห้ามไล่ ห้ามหนี ห้ามดิ้น” เล่นพูดดักแบบนี้แล้วเขาจะว่าอะไรได้อีก คนเป็นน้าหลุบตาลงมองหลานชายที่กำลังกอดเขาเหมือนกับเด็กห้าขวบติดแม่ยังไงอย่างนั้น “นี่แบคฮยอน”
“อือ”
“มาเล่นเกมพูดความจริงกันเถอะ” เด็กหนุ่มพูดก่อนจะกดจมูกลงบนเสื้อไหมพรมสีเทาของคนตัวเล็กแล้วกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้น
“มันเล่นยังไงล่ะ”
“ผลัดกันถามตอบ แต่ต้องสัญญาก่อนว่าจะพูดแต่ความจริง”
“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายไม่โกหก”
“ต่อให้น้าโกหกผมก็ไม่รู้หรอก เพราะผมไว้ใจไปแล้ว”
“...”
“งั้นผมเริ่มเลยนะ” แบคฮยอนขานตอบในลำคอก่อนที่ชานยอลจะนิ่งไปครู่หนึ่ง “ช่วงที่ผมไม่อยู่ด้วยคงสบายหูมากเลยใช่ไหม?”
“เปล่า”
“ตาน้าถามแล้ว” ชานยอลไม่ได้เซ้าซี้ว่าเพราะอะไรเขาถึงตอบแบบนั้น ไม่แม้แต่จะถามว่าทำไมถึงตอบสั้นจนดูเหมือนไม่เต็มใจจะเล่นด้วย เด็กตัวสูงยังคงซุกหน้าอยู่กับแผงอกของเขาเหมือนกับเด็ก ๆ อย่างในทีแรก
“ถ้าเกิดวันนึงแกรู้สึกว่าฉันไม่ใช่ พอถึงตอนนั้นเราจะยังมองหน้ากันได้อยู่ไหม?”
“ผมไม่รู้ แล้วแบคฮยอนล่ะ”
“ฉันไม่รู้”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทั้งคู่กลัวมาตลอดนั่นคือความสัมพันธ์ที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจในตัวอีกฝ่าย เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น
“ถ้าเป็นคนถูกทิ้งก็คงเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ถ้าเป็นฝ่ายทิ้งก็คงบอกอีกคนว่าเรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้นะ”
“แบบนั้นโคตรเห็นแก่ตัวเลย” ชานยอลพูดและเขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
“นั่นสิ คนถูกทิ้งจะทำอะไรได้นอกจากทำใจ”
“ผมไม่ได้คิดเลยว่าสักวันหนึ่งผมจะไม่รักน้า” เด็กหนุ่มเงียบไปชั่วอึดใจ “ผมคิดแค่ว่าวันนี้ผมรักแบคฮยอนได้มากแค่ไหนพรุ่งนี้ก็จะเท่าเดิม แต่มันไม่ง่ายอย่างที่พูดหรอก บางวันผมก็รู้สึกว่ารักมากขึ้นกว่าเมื่อวานอีกอย่างเช่นวันนี้”
“...”
“ความเพียงพออยู่ตรงไหนผมยังไม่รู้เลย นี่เป็นข้อเสียของการเป็นเด็กใช่ไหม”
“...”
“ผมรู้สึกรำคาญตัวเองที่เอาแต่คิดเรื่องของน้า” กลัวจัง กลัวว่าชานยอลจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่กำลังเต้นแรงเข้าไปทุกที ๆ แบคฮยอนเลียริมฝีปากแล้วกอดตอบพร้อมกับแนบแก้มลงกับศีรษะเด็กหนุ่ม “คงคิดว่าผมแค่เห่อใช่ไหมล่ะ”
“ถึงจะไม่อยากพูดแบบนั้นแต่ยอมรับว่าคิด”
“อืม คงห้ามไม่ให้คิดไม่ได้ แต่อย่ากลัวจนไม่อยากรักผมได้ไหม?”
“...”
“ผมอยากให้น้าเห็นผมเป็นผู้ชายคนนึง” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวเล็ก สายตาของชานยอลในตอนนี้ดูจริงจังเกินกว่าที่เขาจะพูดจาขวานผ่าซากกลับไปได้
“...”
แบคฮยอนปิดเปลือกตาลงหลังจากถูกจูบอย่างแผ่วเบาก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะเลื่อนไปตามแก้มและสันกราม ดูเหมือนว่าการพูดความในใจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญต่อไปอีก ร่างเล็กรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ผ่อนเข้าออกทุกจังหวะขณะคลอเคลียอยู่กับซอกคอของเขา
อีกแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนแบคฮยอนจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาพยายามที่จะตั้งหลักแต่ชานยอลนั้นไปไวกว่าที่คิดเมื่อตอนนี้มือใหญ่คู่นั้นกำลังสอดเข้ามาในเสื้อของเขาและตามด้วยริมฝีปากที่กดจูบลงไล่ตั้งแต่หน้าท้องขึ้นมาจนถึงยอดอก
แบคฮยอนนอนตัวเกร็ง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ปาร์คชานยอลขึ้นมาคร่อมตัวเขาพร้อมกับมอบสัมผัสวาบหวิวให้จนขนลุกไปทั้งตัว ร่างเล็กพยายามดันหัวเด็กหนุ่มออกพร้อมกับหลับตาแน่น มันแย่มาก ๆ ที่เขากำลังรู้สึกขัดแย้งกับตัวเองโดยการผลักไสชานยอลออกไปทั้งที่กำลังรู้สึกดีแบบนี้
“ด...เดี๋ยวนะ...”
ไม่...ไอ้เด็กตัวแสบไม่ยอมฟังเลยแถมยังดูดดึงยอดอกเขาจนเกิดเสียงน่าเกลียดอีก แบคฮยอนหน้าขึ้นสีจัด เขาเป็นเหมือนเด็กอนุบาลที่ไม่ประสีประสาและคิดว่ามนุษย์เรามีลูกได้เพราะจูบปากกัน
ร่างเล็กเบิกตาอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายละใบหน้าขึ้นมาสบตากันพร้อมกับลากลิ้นร้อนไปตามอกของเขา เท่านั้นยังไม่พอ ตอนนี้ปาร์คชานยอลนั้นแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขาพร้อมกับบีบคลึงส่วนอ่อนไหวของเขาเพื่อปลุกอารมณ์อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันได้ผล
มันจะเกินไปแล้วนะ เขาต้องหยุดก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปกว่านี้
“เดี๋ยว!”
แบคฮยอนรวบรวมแรงทั้งหมดผลักตัวเด็กหนุ่มออกแล้วลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงพร้อมกับดึงชายเสื้อลงจนปิดหัวกางเกง ชานยอลเลียริมฝีปากราวกับพยายามสงบสติอารมณ์หื่นกามหลังจากปลุกเร้าทั้งตัวเองและอีกฝ่ายก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็ก
“จะกลับมานอนดี ๆ หรือจะให้ผมตามไปจัดการถึงตรงนั้น”
“โห นี่แกกำลังขู่ฉันงั้นเหรอ?” แบคฮยอนเลิกคิ้วมอง ถึงก่อนหน้านี้จะเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้นอยู่บ้างก็เถอะ แต่เขาก็กลัวการที่จะมีเซ็กส์อยู่ดีนั่นแหละ
“ที่พูดหวาน ๆ ไปทั้งหมดนี่ไม่ได้ทำให้ใจอ่อนเลยใช่ไหม? กลับมานี่” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วพร้อมกระดิกนิ้วเรียกน้าชายอย่างไม่สบอารมณ์นัก แน่นอนว่าปาร์คชานยอลกำลังหงุดหงิดที่ถูกดับฝันกลางอากาศทั้งที่ทุกอย่างกำลังจะไปได้ด้วยดี
“อ๋อ ที่ชวนเล่นเกมพูดความจริงกับหยอดคำน้ำเน่าแบบนั้นก็เพราะการนี้สินะ ไอ้เด็กเวรเอ้ย อย่าหวังว่าชาตินี้จะได้เคลมฉันเลย” แบคฮยอนแค่นหัวเราะแล้วก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อหลานชายตัวโตทำท่าจะเข้าชาร์จใส่เขา “อย่าเข้ามานะเว้ย!”
“เลือกเอาว่าจะทำบนเตียงหรือจะยืน”
“ปาร์คชานยอล!” นอกจากคำพูดจะจังไรแล้วมันยังเอาเป้ากางเกงชี้หน้าเขาอีกด้วย โอย...บยอนแบคฮยอนอยากเอาหัวโขกเสาให้ความจำเสื่อมให้รู้แล้วรู้รอด ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นมินิมิสเตอร์ชาร์ลหรอกนะ จับก็จับมาแล้ว แต่มันต้องไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้สิ
หลานชายตัวแสบยิ้มมุมปากแล้วลงมาจากเตียง พอเห็นอย่างนั้นคนตัวเล็กเลยรีบวิ่งอ้อมไปฝั่งตรงข้าม ทั้งสองคนยึกยักดูท่าทีอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังสนุกกับเกมนี้ในขณะที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นด้วย
“ที่ชวนมาเที่ยวทะเลเพราะงี้ใช่ไหม?”
“เรายังเล่นความจริงกันอยู่เหรอ?” ชานยอลทำหน้าเหรอหราพร้อมกับคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนเตียง เขาพร้อมจะพุ่งเข้าไปรวบตัวแบคฮยอนแล้วจับมาฟัดแก้มให้หายหมั่นเขี้ยวได้ทุกเมื่อ แต่ตอนนี้ขอเล่นด้วยก่อนเถอะ
“ใช่ ตอบมา”
“ผมไม่ได้คิด”
“โกหก!”
“หว่าย โดนจับได้ซะแล้ว” ชานยอลยิ้มกวนก่อนจะหน้าหันไปอีกทางเพราะถูกเขวี้ยงหมอนอัดใส่หน้า
“แล้วก็พูดเรื่องเชื่อใจซะดิบดี ไอ้เด็กเลี้ยงแกะ”
“เดี๋ยวโตขึ้นก็เปลี่ยนไปเลี้ยงน้าแล้ว โอ้ะ! จะเขวี้ยงอะไรนักหนาเนี่ยแบคฮยอน สักทีดีไหมห้ะ!” ชานยอลเลิกคิ้วมองคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างหัวเสีย พอเล่นด้วยแล้วก็ชอบใช้กำลังใช่ไหม เดี๋ยวจะจัดให้หนัก ๆ เลยรอก่อน!
พรึ่บ!!
ไม่มีเสียงใครพูดอะไรอีกหลังจากไฟดับไป ตึกและเสาไฟฟ้าที่อยู่ภายนอกก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะประจวบเหมาะกับตอนนี้เสียเหลือเกิน แบคฮยอนยืนทำหน้าโง่อยู่ท่ามกลางความมืดแล้วพยายามปรับสายตาโดยไม่ขยับตัวไปไหน
“ชานยอล”
ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ถ้าจะบอกว่านี่เป็นแผนของหลานชายตัวแสบก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะไอ้เด็กนั่นคงไม่มีอิทธิพลมากพอที่จะสั่งให้ชาวบ้านชาวช่องดับไฟเพื่อที่จะจัดการเขาแน่
“ชานยอล?” ครั้งที่สองก็ยังเหมือนเดิม เด็กคนนั้นก็ยังไม่ยอมขานตอบทั้งที่เขาเรียกดังขึ้นแล้ว สองมือปะป่ายไปมั่วซั่วก่อนจะนิ่วหน้าเจ็บเพราะเดินชนขอบเตียง แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละไฟก็ติด
คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเพราะไม่เห็นใครอีกคนยืนอยู่ที่เดิม ร่างเล็กหันซ้ายขวาเพื่อมองหาหลานชายแต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวทันทีที่หันกลับหลังแล้วป๊ะหน้ากับชานยอลอย่างจัง
“แม่ร่วง!!!”
“จ๋า?”
“จ๋าบ้าไร ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้แกหัวแตกแน่” แบคฮยอนมองอีกคนหวาด ๆ พร้อมกับถอยหลังไปเรื่อย ๆ ไอ้เด็กเวรนี่ก็เอาแต่ยิ้มอยู่ได้ หนำซ้ำยังผิวปากเพลงมิซซิ่งยูของจีดีพร้อมกับเดินเข้าใส่เขาเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจคำสั่งอีกด้วย
“ไม่หงุดหงิดดิแบคฮยอน จะวันนี้หรือวันข้างหน้าก็เหมือนกันนั่นแหละ” นั่น มึงยังพูดได้หน้าตาเฉยอีกนะ “ผมสัญญาว่าจะทำเบา ๆ”
“มะเหงกสิ ถ้ามีอารมณ์ก็ไปเข้าห้องน้ำไป”
“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นทั้งที่น้ายืนล่อตาล่อใจอยู่ตรงนี้ล่ะ หืมแบคฮยอน หืม หืม หืม” มันยังกวนส้นตีนได้อีก นี่ไม่คิดจะสงสารหรือเห็นใจกันบ้างเลยใช่ไหมปาร์คชานยอล ปล่อยกูไปเถอะถือว่าน้าขอร้อง
ไวเท่าความคิด ร่างของเขาถูกเด็กหนุ่มรวบตัวเอาไว้ก่อนที่ทั้งคู่จะลงไปนอนบนเตียงด้วยกัน แบคฮยอนดิ้นยุ้กยิ้กในอ้อมกอดก่อนที่ข้อมือทั้งสองข้างจะถูกขึงไว้กับที่นอนโดยไอ้เด็กเวรที่ขึ้นมาคร่อมทับตัวเขาไว้แล้ว
“ไม่ได้เหรอ”
“แล้วทำไมจะต้องทำด้วย”
“โห ถามแบบนี้แล้วผมจะตอบยังไงล่ะ คนเขาก็มีอารมณ์กันทั้งโลกป่ะวะแบคฮยอน”
“มันไม่เกี่ยวกัน ฉันหมายถึงว่าทำไมแกถึงต้องอยากทำด้วย”
“ไม่รู้ แต่อยู่กับน้าแล้วมันก็ตื่นเอง ผมผิดเหรอ”
“ผิดดิ ผิดมากด้วย”
“โอเค งั้นเรามาเริ่มกันเถอะ” เด็กหนุ่มว่าแล้วโน้มหน้าลงไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงแหกปากร้องของแบคฮยอน
“อย่าาาาา!” เชื่อแล้วล่ะว่าน้าชายของเขากลัวการที่จะมีเซ็กส์จริง ๆ ร่างเล็กหลับตาแน่นแล้วเม้มปากก่อนจะค่อย ๆ หรี่ตามองอีกคนเพียงเล็กน้อย “ไอ้เซฮุนเคยเล่าให้ฟังว่าตอนได้กับไอ้จงอินครั้งแรกโคตรพ่อโคตรแม่เจ็บเลย”
“...”
“ขอเวลาทำใจหน่อยไม่ได้เหรอ ยิ่งแกทำแบบนี้ฉันยิ่งกลัวนะ” ชานยอลนิ่งไปก่อนจะหลุดขำออกมาเบา ๆ กับคำพูดน่ารักของน้าชายตัวเล็ก เด็กหนุ่มปล่อยข้อมือทั้งสองข้างออกแล้วยันมือลงกับผืนเตียงพลางจ้องหน้าอีกฝ่าย
“ผมมีเจล”
“อะไรคือมีเจล? นี่แกเตรียมมาพร้อมเลยเหรอไอ้เด็กชั่ว...” เสียงของแบคฮยอนแผ่วลง ทั้งโกรธ ทั้งกลัว ความรู้สึกมันปะปนกันไปหมด
แต่พูดก็พูดเถอะครับ จุดนี้ปาร์คชานยอลคงไม่หยุดแล้วจะหาว่าเหี้ยก็ได้แหละ เด็กหนุ่มปล่อยให้น้าชายเอามือปิดตาไปอย่างนั้นก่อนจะค่อย ๆ เลิกชายเสื้ออีกฝ่ายขึ้น เห็นหน้าท้องคนตัวเล็กกำลังหดเกร็งแล้วก็เห็นใจอยู่นิดนึง แต่จะทำยังไงได้ เขาอยากให้แบคฮยอนทำใจแล้วปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นน่ะนะ...
“ชานยอล...” เสียงของน้าชายไม่ได้ออดอ้อนหรือเซ็กซี่เลยสักนิดเดียว ชื่อของเขาที่ออกมาจากปากแบคฮยอนเหมือนวัวที่กำลังร้องขอชีวิตไม่มีผิด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้มือของเขาละออกจากผิวขาวนี้ได้เลย
ขอโทษนะแบคฮยอน ครั้งแรกก็อาจจะเจ็บหน่อยแต่ทำบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินเองแหละ...
CUT
(ห้ามสาปหนูเด็ดขาด) 55555555555555555555555555
TBC
ฉากพรีเมียมหาใน bio ทวิตเตอร์ @_malinworld ไม่ก็เสิร์ทกูเกิ้ลว่า malinworldfiction นะจ้ะ
เป็นตอนที่หนูเหนื่อยมากอ่ะออนนี่ แบบเขียนเอ็นซีไม่เก่งอ่ะเลยเอาดีด้านตลกไปเลย จะไม่มีการเขินอะไรทั้งนั้นอ่ะบายนะ หิวข้าว ไปกินส้มตำแล้ว โอนเงินค่าฟิคยังอ่ะ นี่ไม่ได้ทวงนะคือเตือนเฉย ๆ
ความคิดเห็น