คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 09 :: Teach me to learn how to love. (100%)
? cactus
Chapter 9
Teach me to learn how to love
‘ถ้าความรู้สึกของเราคือเกม ตอนนี้คงมีคนแพ้แล้วครับ’
‘และคน ๆ นั้นคือผมเอง’
“หนูไม่เคยคิดว่าอาจารย์จะรู้สึกอย่างนั้น”
แบคฮียังคงอึ้ง แม้ลึก ๆ จะรู้สึกดีแต่เธอก็หวาดกลัวกับความจริง อาจารย์อายุมากกว่าเธอกี่ปี ผู้ชายคนนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าและคงรู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะจัดการกับเด็กอย่างบยอนแบคฮีได้ และเขาก็ทำสำเร็จเสียด้วย อาจารย์จะจริงจังกับผู้หญิงนิสัยไม่ดีได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้หรอก
“เพราะผมไม่เคยพูดมันอย่างจริงจังเหรอครับ?”
“ก็อาจารย์ทีเล่นทีจริงตลอด หนูไม่คิดเข้าข้างตัวเองหรอก”
“ถ้าจริงจังตั้งแต่แรก คุณจะกล้าเป็นตัวของตัวเองมาจนถึงวันนี้หรือเปล่าครับ?”
“...”
“ผมเพิ่งรู้ตัวว่าชอบคุณได้ไม่นาน และผมก็ไม่อยากยัดเยียดความจริงจังให้คนที่กลัวความรักอย่างคุณ ผมอยากให้คุณรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่กับผม ได้เป็นตัวเอง ทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณสบายใจได้มากกว่าการแบกรับคำว่าชอบของผม”
“แล้วตอนนี้หนูดูเหมือนคนสบายใจไหม?”
“อืม... ผมคิดว่ามันคงมากกว่าก่อนหน้านี้นะ” ชานยอลอมยิ้มขณะสบตากับเด็กสาวที่เผยความรู้สึกออกมาทางสีหน้าอย่างเก็บไม่มิด
“อะไรที่ทำให้มั่นใจขนาดนั้นนะ...” เสียงของแบคฮีแผ่วลงตามระยะใบหน้าของอีกคนที่ขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยีตาลงเพราะถูกบีบจมูกเบา ๆ
“เพราะตอนนี้หนูชอบพี่แล้วไงคะเด็กน้อย”
“ฮะ?”
ชานยอลยิ้มขำกับสีหน้าช็อกโลกหลังจากถูกเขาจี้ใจเข้าให้ เด็กผู้หญิงที่ไม่เคยแสดงท่าทีอ่อนข้อให้ใครกำลังเขินจนหน้าแดงจัด กลอกตาลอกแล่กอยู่ในทีก่อนจะทุบอกเขาอย่างแรง
“โอ๊ย...”
“หลงตัวเองเกินไปแล้ว หนูเนี่ยนะชอบอาจารย์”
“จะปฏิเสธเหรอครับ หืม?” ชายหนุ่มโน้มลงไปจุ๊บเด็กปากแข็ง จนถึงตอนนี้แบคฮีก็ยังทำตัวไม่ถูก จึงเอาแต่ทุบเขาไม่หยุดจนต้องคว้าข้อมือเอาไว้
“ก็แค่ชอบ ยังไม่ได้รักสักหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รีบ”
รู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจของตัวเองที่มันเต้นแรงจนดังกึกก้องอยู่ในหู ความอบอุ่นใจแบบนี้คืออะไร บยอนแบคฮีไม่เคยได้ยินการสารภาพรักที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้มากขนาดนี้ ทั้งสายตา น้ำเสียง ถ้าอาจารย์กำลังโกหก... มันก็คงแนบเนียนมากเลยทีเดียว
“ไม่รังเกียจหนูหรือไง หนูกับเซฮุนน่ะ --” คนตัวเล็กเลียริมฝีปาก เธอเบือนสายตาหลบไปอีกทางเพราะไม่กล้าพูดต่อ ทั้ง ๆ ที่เคยทำมันได้ง่าย ๆ เพื่อให้คนทั้งโลกคิดว่าบยอนแบคฮีเป็นคนนิสัยไม่ดี แต่ตอนนี้เธอกลับหวาดกลัว
เพราะเธอแคร์ความรู้สึกอาจารย์มากเกินไปแล้ว
“ถ้าคุณยังอยากอยู่กับเขา ผมจะพยายามเข้าใจ แต่ถ้ารู้สึกว่ายังไงผมก็ไม่ใช่ พอถึงตอนนั้นก็อย่าลังเลที่จะบอกผมนะครับ”
“นี่ไม่ใช่อาจารย์เลย กำลังแกล้งหนูอยู่ใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ หนูไม่ตลกด้วย” แบคฮีกำเสื้อแจ็คเก็ตอีกคน สายตาของเด็กสาวกำลังเว้าวอนขอให้อีกฝ่ายพูดออกมาเสียตั้งแต่ตอนนี้ถ้าหากว่ามันเป็นเพียงการล้อเล่น “ถ้าเกิดวันหนึ่งหนูถลำลึกจนกลับตัวไม่ได้ หนูจะจัดการกับตัวเองยังไง?”
“แล้วถ้าเกิดคนที่ถลำลึกเป็นผมล่ะครับ?”
“...”
“ไม่ต้องจินตนาการถึงวันนั้นก็ได้ เพราะตอนนี้ผมก็ต้องข่มความรู้สึกเรื่องเซฮุนเหมือนกัน”
“อาจารย์ไม่ชอบ”
“ครับ ผมไม่ชอบเลย”
“แต่อาจารย์บอกว่าจะพยายามทำความเข้าใจให้ได้ อะไรที่ทำให้ยอมหนูถึงขนาดนี้ล่ะ?” เด็กสาวถามอย่างใคร่รู้ ชานยอลจึงทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ เธอแล้วหันไปสบตากัน
“ก็ผมชอบคุณไปแล้วนี่ครับ”
“อาจารย์โตแล้ว คงแยกได้ใช่ไหมว่าชอบเพราะเซ็กส์กับชอบเพราะตรงนี้มันต่างกัน” ถึงจะคุยอยู่ในหัวข้อจริงจัง แต่การที่แบคฮีเอามือตีหน้าอกข้างซ้ายของเขาเบา ๆ มันก็เป็นท่าทางที่น่ารักดี
“เซ็กส์น่ะมีกับใครก็ได้มั้งครับ”
“เหอะ”
“ไม่พูดดีกว่าครับ เดี๋ยวมีคนหึง”
“รู้ตัวก็ดี วันนี้เรายังเป็นแฟนกันอยู่ เพราะงั้นห้ามพูดอะไรที่จะทำให้หนูอารมณ์ไม่ดี” คนตัวเล็กแยกเขี้ยว หันไปทุบแขนคนตัวโตที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “หยุดยิ้มได้แล้ว”
“อะไรกันครับเด็กคนนี้ ใจคอจะรุนแรงตลอดเลยใช่ไหม เดี๋ยวทุบ เดี๋ยวข่วนจนหลังเป็นรอย พี่ชานยอลเจ็บนะครับ” อาจารย์จับข้อมือเธอไว้ ยื้อดึงกันอยู่อย่างนั้นก่อนจะออกแรงกระตุกจนเธอขึ้นไปนอนทับบนตัวอาจารย์
“แน่ใจนะว่าเจ็บ?”
“ครับ เจ็บ”
“แล้วไอ้ที่ดันขาหนูอยู่นี่มาจากความเจ็บด้วยไหม?” ชานยอลนิ่งไป เขากลอกตาอยู่ในทีก่อนจะถูกคนตัวเล็กหยิกแก้ม “หื่น”
“ไม่ขอโทษนะครับ เพราะตอนมันรู้สึกดีตอนเสียดสีกับตัวหนู” ดู... พูดจาลามกแล้วยังมีหน้ามายักคิ้วข้างเดียวพร้อมกอดเอวเธอไว้ไม่ให้ลงไปอีก
“ทำให้ค้างซะเลยดีไหม คืนนี้หนูจะนอนหันหลังให้ ไม่ต้องสะกิดล่ะ” แบคฮีโอบแก้มคนอายุมากกว่า จับโคลงเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว
“เข้าข้างหลังก็ได้ครับ ไม่เห็นยากเลย”
“เอ๊ะ!”
“จ๋า?”
“อย่ามาจ๋ากับหนูนะ ห้าม” คนตัวเล็กเอามือปิดปากอีกฝ่าย แต่เธอก็ดูออกจากดวงตาคู่นั้นว่าอาจารย์กำลังยิ้มอยู่ คนบ้าอะไร ปากหวานอยู่ได้ น่าหงุดหงิดจริง
RRRrrrrr!!!
ทั้งคู่หันไปยังโทรศัพท์มือถือสีขาวซึ่งขึ้นหน้าจอว่า ‘โอเซฮุน’ โทรเข้ามา ซึ่งชานยอลคิดว่าเด็กคนนั้นมาผิดเวลาไปสักหน่อย ช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่ทั้งคู่ปล่อยให้เสียงริงโทนดัง ก่อนชายหนุ่มจะคว้ามือเล็กเอาไว้เมื่อเธอคิดจะหันไปคว้าโทรศัพท์
“ไม่ให้รับครับ”
“ฮะ?”
“ห้าม”
“เมื่อกี้ยังทำหล่ออยู่เลย ไหนบอกว่ารับเรื่องเซฮุนได้ไงคะ?” เด็กสาวกลั้นยิ้ม เลิกคิ้วมองคนตัวโตที่ขมวดแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าถ้าเธอกดรับสายเซฮุน ต้องมีคนควันออกหูแน่
“วันนี้หนูเป็นแฟนพี่ ห้ามคุยกับผู้ชายอื่นตอนอยู่กับแฟนสิครับ” ชายหนุ่มคว้ามือถือไว้พร้อมซ่อนไว้ใต้หมอนตัวเอง เด็กสาวจึงลุกขึ้นยืนเข่า มองคนที่นอนท้าทายให้เธอเข้าไปแย่ง ก่อนจะค้ำสองมือไว้ข้างเอวคนขี้หึง โน้มตัวลงไปอย่างช้า ๆ แล้วสอดมือเข้าใต้หมอน
“คืนมาค่ะ”
“อยากคุยกับเซฮุนขนาดนั้นเลยเหรอ พี่น้อยใจนะ”
“แป๊บเดียวเอง... นะคะ” แบคฮีไม่ได้อยากรับสายเซฮุน เธอก็แค่อยากปั่นหัวให้อาจารย์ฟอร์มหลุดจนเผยมุมแบบนี้ออกมาก็เท่านั้น
“ถ้ารับ พี่จะออกไปดื่มกับโค้ชแล้วปล่อยให้หนูนอนคนเดียวครับ”
“งั้นถ้าหนูเซ็กส์โฟนกับเขาก็ได้ใช่ไหมคะ?”
“...แบคฮีคะ” กลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟแล้ว... เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอาจารย์จะอ้อนเก่งขนาดนี้ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียง อ้อนเสียจนอยากยอมตามใจทุกอย่างเลย
“หึงหนูมากเลยเหรอ?” แบคฮีบีบจมูกคนตัวโตที่กระชับกอดเธอแน่นยิ่งขึ้น
“พี่ชานยอลของหนูงอแงแล้วนะครับ” ชายหนุ่มแตะนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากตัวเองสองที เป็นสัญญาณบอกว่าวิธีนี้จะได้ผลดีมากที่สุดถ้าหากว่าเธออยากง้อเขา
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
เมอรี่คีสตะม้าดล่วงหน้าคร๊
60%
ระหว่างทางกลับบ้านแบคฮีเอาแต่เงียบเพราะเธอรู้สึกโหวงอย่างประหลาดที่พรุ่งนี้จะไม่มีคำว่า ‘แฟน’ สำหรับเราอีกแล้ว และแม้ไม่ได้แสดงท่าทีออกไปแต่อาจารย์ก็คงรู้สึกได้เขาถึงกุมมือที่เต็มไปด้วยความกังวลของเธอมาตลอดทั้งทาง
ฝ่ามืออุ่น ๆ เสียงกระซิบที่อ่อนโยน และอ้อมกอดสุดท้ายของการเป็นแฟนกัน ทุกอย่างที่เป็นอาจารย์นั้นอบอุ่นเสียจนบยอนแบคฮีถามตัวเองว่าทำไมถึงไม่ตอบตกลงไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่มันเป็นความคิดแบบเด็ก ๆ เกินไป การคบกันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถ้าบยอนแบคฮีตัวคนเดียวมาตั้งแต่แรก ถ้าไม่มีโอเซฮุน ถ้าเราไม่ใช่ลูกศิษย์อาจารย์กันมันก็คงง่ายกว่านี้
เด็กสาวทิ้งตัวลงบนเตียง เงยหน้ามองเพดานแล้วปล่อยให้ตัวเองคิดถึงอาจารย์เสียให้พอ ทั้งที่เพิ่งจากกันได้ไม่ถึงสิบห้านาที แต่เด็กสาวรู้สึกเหมือนกลิ่นหอมของอีกคนยังคงอยู่ใต้จมูก เสียงทุ้มต่ำและรอยยิ้มขณะมองเธอ ทุกอย่างที่เป็นอาจารย์ทำให้บยอนแบคฮีกลายเป็นเด็กผู้หญิงเพ้อฝัน
เธอหมุนกล่องดนตรีแล้ววางไว้ใต้โคมไฟ ข้างนาฬิกายางเรือนนั้นที่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถซ่อนมันไว้ในลิ้นชักได้เมื่อเรื่องราวของอาจารย์ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดอยู่เสมอ
เธอรู้สึกดีที่อาจารย์บอกว่าจะรอและให้ความรู้สึกของเราค่อยเป็นค่อยไป แบคฮีเชื่อว่าอีกฝ่ายก็คงยังไม่ได้รู้สึกมากไปกว่าเธอนัก ดังนั้นมันคงดีถ้าหากเราค่อย ๆ เรียนรู้กันและกันไปเรื่อย ๆ เพราะความสัมพันธ์อย่างฉาบฉวยมักจะจบลงอย่างไม่เป็นท่าเสมอ
‘ถ้าเรารักใครสักคน เราจะเอาชนะความกลัวได้... คุณเชื่ออย่างนั้นหรือเปล่า?’
‘ด้วยอะไรคะ?’
‘ความเชื่อใจครับ’
‘...’
‘แลกกันนะครับ กลับไปถึงบ้านวันนี้ เรามีความเชื่อใจให้อีกฝ่ายแล้วคนละหนึ่ง’
‘ทำไมน้อยจัง อย่างน้อยก็น่าจะสักสามสิบสิ’
‘เริ่มจากหนึ่งดีกว่าครับ คุณจะได้รู้สึกดีทุกครั้งที่ความเชื่อใจมันเพิ่มมากขึ้น’
และคำพูดเหล่านั้นได้ทำให้บยอนแบคฮีเริ่มอยากใช้ชีวิตเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป เด็กผู้หญิงที่ไม่ต้องพยายามอยู่ตลอดเวลา และอ่อนแอบ้างเพื่อที่จะได้ฝึกเข้มแข็งอีกครั้ง
*
“ว่าไงนะ?”
“ฉันบอกว่าเราเลิกทำแบบนี้กันเถอะ”
ภายในห้องเก็บของที่เงียบสงัด เสียงของบยอนแบคฮีนั้นแผ่วเบาแต่ก็ชัดเจนมากพอที่จะทำให้โอเซฮุนตั้งคำถามว่า ‘เกิดอะไรขึ้น’ เด็กหนุ่มจ้องดวงหน้าหวานที่หลบสายตาเขา จ้องเพื่อหวังคำตอบที่น่าฟังกว่านี้
“ที่ไม่ยอมรับสายตั้งแต่วันเสาร์ ที่หลบหน้าฉันตั้งแต่เมื่อวานก็เพราะอยากเลิกงั้นเหรอ?”
“ใช่” มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องทำร้ายคน ๆ หนึ่งที่รู้สึกดีด้วย แต่เธอก็ตอบไปในทันทีอย่างไม่ลังเล บยอนแบคฮีไม่ใช่คนดี เธอเป็นเพียงผู้หญิงเห็นแก่ตัวที่เก็บโอเซฮุนไว้เพื่อคลายเหงา เธอชอบเขา แต่ความชอบที่หล่อเลี้ยงความรู้สึกมาตลอดมันไม่เคยพัฒนาเป็นความรักเลย
ไม่สักครั้งเดียว
“เธอมีคนอื่นหรือไง?”
“มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ ความจริงเราน่าจะเลิกทำแบบนี้ไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ ฉันกับนาย เราไม่ใช่แฟนกัน เพราะถ้ามันใช่ก็คงใช่ไปตั้งนานแล้ว”
“เวลาฉันถาม... เธอก็แค่ตอบ” เซฮุนเท้าสองมือลงกับผนัง กักกันตัวเธอไว้พร้อมโน้มหน้าลงมาเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ
“ใช่ คราวนี้หยุดได้แล้วหรือยัง?”
“มันเป็นใคร?”
“...”
“ฉันถามว่าไอ้เวรนั่นเป็นใคร แล้วเธอกับมันไปรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?” สำหรับคนขี้เล่น ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกที่โอเซฮุนดูจริงจังมากที่สุด สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยคำว่า ‘ทำไม’ ซึ่งเรื่องนี้คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากบยอนแบคฮีที่เลี้ยงความรู้สึกผู้ชายคนนี้มาตั้งนานแต่ไม่เคยชัดเจนเลยสักครั้ง
“นายกำลังบังคับฉันงั้นเหรอ?”
“ลองสักครั้งมันก็คงไม่เสียหลายมั้ง ฉันเองก็ยอมเธอมาตลอดแล้วนี่” เซฮุนแค่นหัวเราะ “เธอเห็นฉันเป็นไอ้โง่ที่จะทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้หรือไง?”
“พูดแล้วจะสบายใจสินะ เอาสิ พูดต่อไป”
“...”
“อยากตบหน้าฉันไหมล่ะ จะทำก็ได้นะ ตรงนี้ไม่มีใครเห็นหรอก” เด็กสาวมองคนตรงหน้าอย่างท้าทาย เธอรู้สึกได้ถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความตัดพ้อ โกรธ และเสียใจ
“ผู้ชายคนนั้นมันดีกว่าฉันตรงไหน?” เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายอย่างลำบาก เซฮุนนึกไม่ออกเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นไอ้หน้าไหนกล้ายุ่งกับแบคฮีสักคน “มันเคยเข้ามาปกป้องเธอหรือเปล่า มันเคยอยู่ในเวลาที่เธอไม่มีใครไหม?”
“...”
“ตอบสิ”
“พอสักทีเถอะเซฮุน นายเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะ” เด็กสาวดันแผงอกแกร่ง แต่ข้อมือของเธอก็ถูกคนตรงหน้าคว้าไว้ แบคฮีรู้สึกได้ถึงแรงบีบซึ่งไม่รู้ว่าเซฮุนจงใจหรือไม่
“เธออาจจะแค่เบื่อก็เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องเลิกกับฉันเลยนี่”
“นายเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม ชอบเป็นตัวเลือกของคนอื่นนักหรือไง?”
“ใครมันจะไปชอบวะ แต่ถ้าให้ฉันเลิกยุ่งกับเธอแม่งก็ทำไม่ได้!!!”
“ทำใจได้เหรอถ้าฉันนอนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่นาย เลิกงี่เง่าแล้วหันไปรักตัวเองสักที!!!”
“เธอแม่งก็พูดได้เพราะเธอเห็นฉันเป็นแค่ของเล่นไง!!!”
บ้าฉิบ... ทั้งที่ตะโกนใส่หน้าเธอแต่โอเซฮุนกลับเจ็บเสียเอง เด็กหนุ่มสบตากับคนที่เขาคงไม่มีวันรู้เลยว่ากำลังรู้สึกอย่างไร บยอนแบคฮีเคยเดาใจยากแค่ไหน วันนี้ให้คูณจากเดิมไปอีกล้านเท่า
“ฉันจะออกไปก่อน”
“...”
“หายบ้าแล้วค่อยมาคุยกับฉันแล้วกัน”
แบคฮีทิ้งท้ายด้วยแววตาไร้เยื่อใย ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเก็บของพร้อมความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่เต็มอก คนตัวเล็กไม่อยากทำอย่างนั้นเลยสักนิด อันที่จริงโอเซฮุนเป็นคนดีเกินกว่าที่จะต้องมาเจอคนเห็นแก่ตัวอย่างเธอ แต่การพูดดี ๆ ผู้ชายคนนั้นก็คงไม่ฟัง ดังนั้นแบคฮีจึงเลือกวิธีแย่ ๆ เป็นทางออกให้กับเรา
ในห้องเรียนคึกครื้นไปด้วยเสียงพูดคุยของเด็กหนุ่มสาวที่แยกกันเป็นกลุ่ม แบคฮีคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก่อนจะพบว่ามันมีข้อความเข้าจากใครอีกคนที่ยังถูกเมมเบอร์เป็นตัวเลข 1234
‘ดูเหมือนว่ามินซอกมีเรื่องอยากคุยกับคุณนะครับ’
คนตัวเล็กขมวดคิ้วพร้อมหันไปทางเด็กสาวร่างท้วมที่รีบหลบสายตาทันทีหลังจากถูกจับได้ว่ากำลังแอบมองเธอ แบคฮีก้มอ่านข้อความอีกครั้งแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าเพราะอะไรทำไมอาจารย์ถึงส่งข้อความมาอย่างนั้น และเธอจะได้คำตอบถ้าหากไปถามคิมมินซอก
“มีอะไร?”
“อะ... เอ่อ”
“ฉันถามว่าเธอน่ะมีอะไรหรือเปล่า?”
เพื่อนร่วมห้องต่างหันไปซุบซิบกันอย่างสนุกปาก แม้แต่กลุ่มของดาซมก็ยังประหลาดใจที่อยู่ ๆ บยอนแบคฮีก็ตรงไปหาเรื่องคิมมินซอกด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ทั้งที่ตลอดเวลาก็ทำได้ดีแค่มองอยู่ห่าง ๆ โดยไม่เคยยื่นขาเข้ามายุ่งเกี่ยว
“ฉัน...” เธอเห็นว่าเด็กสาวร่างท้วมกำมือแน่นจนขึ้นข้อขาว อาจจะสักราว ๆ สิบวินาทีมินซอกจึงเอากล่องบางอย่างออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะ พร้อมยื่นให้เธอโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นสบตากัน “ให้...”
“...”
มือขาวซีนนั้นสั่นเทาไปด้วยความกลัว ทุกคนยังคงสงสัยว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นคืออะไร บางคนบอกว่าแบคฮีคงบังคับมินซอกทำข้าวกล่องให้เพราะตอนกลางวันเธอมักจะหายตัวไปในขณะที่ทุกคนนั่งจับกลุ่มกินข้าวด้วยกันในโรงอาหาร
“ให้ฉัน?”
“อือ บ้านฉันขายไก่ทอดราดซอส มันราคาไม่กี่วอนหรอก เธอช่วยรับไว้แทนการขอบคุณเรื่องวันนั้นได้ไหม...” เสียงของมินซอกเบาจนแทบไม่ได้ยิน เธอจึงค่อย ๆ ก้มลงไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพื่อฟังเสียงนั้น
ทั้งคู่ดูกระอักกระอ่วนกับสถานการณ์นี้จนไม่รู้ว่าจะแสดงออกกับอีกฝ่ายอย่างไร แบคฮีค่อย ๆ ยื่นมือไปรับกล่องนั้นมาถือไว้ เธอเห็นว่ามินซอกกังวลแต่ก็หน้าแดงเสียจนอดยิ้มไม่ได้
“ถ้าไม่อร่อยเธอเจอดีแน่”
“ลองกินสักคำก่อนนะ...”
“ขอบใจ” มินซอกจับศีรษะตนเองหลังจากถูกแบคฮียีผมเบา ๆ เธอหันไปมองเด็กสาวที่เดินกลับไปนั่งเก้าอี้ของตนเอง ก่อนจะหันกลับมาก้มหน้ามองมือตัวเองที่มันต้องใช้ความกล้ามากมายมหาศาลเหลือเกินกับการให้ของราคาถูกกับผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าคนอื่น
ทุกคนยังคงมองแบคฮีสลับกับมินซอกอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมสิ่งที่คิดไว้ถึงตรงกันข้ามกับความจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ บยอนแบคฮีถึงญาติดีกับคิมมินซอก...?
นั่นคือคำถามในใจของกลุ่มดาซมและกลุ่มของอันยูจิน
“เล่ามาให้หมดเลยนะ เธอไปญาติดีกับนางตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” แชรอนเป็นคนแรกที่รีบถามเมื่อคนตัวเล็กกลับมานั่งที่ แบคฮีมองเพื่อนทั้งสามคน ซึ่งมีเพียงพาดาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สนใจเรื่องนี้
“ของฟรีไง สงสัยอะไรเหรอ?”
“เธอไม่ใช่พวกดีใจกับของฟรี อย่ามาตีหน้าซื่อซะให้ยากเลย” ยูจินแค่นหัวเราะกับท่าทีสบาย ๆ ราวกับว่าการคุยกับคิมมินซอกเป็นเรื่องปกติ
“อยู่ ๆ นางก็เอาข้าวกล่องให้เธออย่างไร้เหตุผลแบบนี้เป็นใครก็ต้องสงสัยปะ ขนาดโดนกลุ่มคิมจูอึนแกล้งมาเป็นเดือน ๆ นางยังไม่เคยเอาของไปเซ่นเลย”
“ไก่ทอดราดซอสต่างหาก พูดแล้วหิวเลย แต่ฉันจะไม่แกะกล่องตอนนี้หรอก เดี๋ยวพวกหิวโซอย่างพวกเธอจะแย่งกินจนหมด” แบคฮียกมือขึ้นป้องปากกระซิบ เด็กสาวทั้งสองจึงเบ้ปาก
คนตัวเล็กเอากล่องไก่ทอดราดซอสแนบแก้มพร้อมเซลฟี่ส่งไปยังเบอร์ 1234 และข้อความว่า ‘แอบคุยกับมินซอกเหรอ?’ และเพียงครู่เดียวสมาร์ทโฟนก็สั่นพร้อมข้อความตอบกลับ เด็กสาวไม่สามารถกลั้นยิ้มได้กับรูปถ่ายไก่ทอดบนโต๊ะทำงานในห้องพักครู
‘ผมควรทำอะไรก่อนดี ระหว่างบอกว่าคุณน่ารัก หรือบอกว่าไก่ทอดราดซอสของมินซอกน่าเอาไว้กินแกล้มกับเบียร์ตอนดูบอลจริง ๆ’
เฉไฉตลอด... ถึงจะไม่ได้เป็นแฟนกันแต่แบคฮีคงทนไม่ได้ถ้าหากรู้ว่าอาจารย์แอบคุยกับผู้หญิงคนอื่น พอเริ่มชอบมากขึ้นก็งี่เง่าเลย แต่ใครจะห้ามความคิดได้ล่ะ เพราะถ้าอาจารย์มองก้นเธอตอนใส่ชุดว่ายน้ำได้ เขาก็คงมองคนอื่นด้วยเหมือนกัน
เริ่มงี่เง่าแล้ว ไม่ชอบแบบนี้
‘รูปไหนหนูก็น่ารักทั้งนั้น รู้ตัว’
ดู... พอคิดไปเองแล้วก็พาลใส่เฉย ถ้าอาจารย์รู้ว่าวันนี้ความเชื่อใจของบยอนแบคฮีติดลบคงบอกให้เธอถลกกระโปรงขึ้นตีก้นแน่ ๆ ไม่สิ... แบบนั้นเธอคิดว่าน่าจะรู้สึกดีมากกว่ารู้สึกผิด
‘ผมไม่ได้หมายถึงรูป แต่ผมหมายถึงเรื่องที่คุณช่วยหาของให้มินซอกครับ’
“...”
อะไรกัน... ตอนนี้ในหัวแบคฮีมีแต่เครื่องหมายเควสชั่นมาร์คเต็มไปหมดแล้ว อาจารย์รู้ได้อย่างไร มินซอกเล่าให้ฟังหรือไง
‘ตอนนี้คงขมวดคิ้วอยู่แน่ ๆ ไว้เจอกันแล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ’
รู้ทันตลอด... แต่ก็ดี แบคฮีก็ไม่ชอบรบเร้าคาดคั้นเอาคำตอบเหมือนกัน เด็กสาวกางสมุดออก เธอเอาดินสอขีดเป็นเส้นตรงสั้น ๆ สองเส้นก่อนจะถ่ายรูปมันและพิมพ์ข้อความโดยไม่สนใจว่าตอนนี้เพื่อนในกลุ่มจะนินทาใครอยู่
‘หนูให้ความเชื่อใจอาจารย์เพิ่มอีกหนึ่งคะแนน’
นอกจากจงแด... ก็เป็นอาจารย์อีกนั่นแหละที่แบคฮีรอการติดต่อกลับมา ประมาณสองนาทีเธอก็ได้รับข้อความจากเบอร์เดิมอีกครั้ง พร้อมรูปมือที่กำเข้าหากันและข้อความว่า
‘ผมเก็บใส่กระเป๋าแล้ว ห้ามมาทวงคืนเอาทีหลังนะครับ’
แบคฮีคว่ำมือถือลงบนโต๊ะ เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงเพราะไม่อยากยิ้มมากไปกว่านี้แล้ว ‘เธอเพิ่งทำร้ายโอเซฮุนมานะ หัดละอายใจบ้างสิ’ นั่นคือความคิดฝ่ายดีที่ตะโกนใส่หูบยอนแบคฮีอยู่ในตอนนี้ แต่ฝ่ายร้ายก็บอกว่า 'ก็อาจารย์พูดจาน่ารัก ไม่ให้ยิ้มวันนี้แล้วจะให้ยิ้มเมื่อไหร่?'
ทุกสายตามองไปยังร่างผอมสูงซึ่งกำลังเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ รอยยิ้มของแบคฮีจึงเลือนหายไปเมื่อได้สบตากับเด็กผู้ชายที่เธอเพิ่งขอหยุดความสัมพันธ์ไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“ไงครับ เมื่อคืนโดนไป 2-0 หอบเสื่อกลับบ้านแทบไม่ทัน -- เชี่ย!!” กลุ่มเด็กผู้ชายส่งเสียงแซวเรื่องผลบอลเมื่อคืนยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องสะดุ้งไปตาม ๆ กันทันทีที่เห็นเซฮุนเตะโต๊ะจนเบี้ยว อีกทั้งยังถีบเก้าอี้ซ้ำราวกับเก็บกดมาจากไหน
“เป็นห่าไรวะเซฮุน?”
“เสือก”
“อ้าว ไอ้ฉิบหาย”
“ไอ้ห่า อย่าเพิ่งไปกวนตีนมัน บอลแพ้ใคร ๆ ก็ช้ำ อย่าตอกย้ำให้เจ็บหัวใจ แซวมากเดี๋ยวเจอบอลแพ้คนไม่แพ้นะมึง”
เด็กผู้ชายยังคงถกเถียงกันเรื่องผลบอลเมื่อคืนอย่างออกรส โดยไม่มีใครสงสัยอีกแล้วว่าที่เซฮุนเป็นเพราะเรื่องผลบอลจริงหรือไม่ เด็กหนุ่มตัวผอมได้แต่นั่งเงียบ ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ไม่พูดคุยกับใครสักคนแม้แต่เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่รอบข้าง
*
เซฮุนเมินแบคฮีตลอดทั้งวัน ไม่แม้แต่จะมองหน้าหรือหันมาสบตาสักครั้งเดียว ซึ่งคนตัวเล็กรู้ว่านั่นไม่ใช่การพยายามตัดใจ แต่มันคือการประท้วงทางอ้อมเพื่อให้เธอรู้สึกผิดและเลิกล้มความคิดที่จะเลิกความสัมพันธ์แบบนี้
เซฮุนคงไม่ได้ต้องการคำขอโทษ แต่เขาต้องการคำว่า ‘เหมือนเดิม’
“ไก่นั่นน่ะทำเองหรือเปล่า?” มินซอกหันหลังไปตามเสียง ก่อนจะเห็นว่าแบคฮียืนอยู่บันไดขั้นบนสุดพร้อมกระเป๋าเป้ในช่วงเวลาที่คนอื่น ๆ ทยอยกันกลับบ้านไปแล้ว
“ยายทำน่ะ ฉันเป็นแค่ลูกมือคอยช่วยเฉย ๆ” แบคฮีกำลังเดินลงมาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นน่ะชอบทำหน้านิ่ง ซึ่งมันทำให้เธอไม่รู้ว่าภายใต้สีหน้าเรียบเฉยของแบคฮีกำลังคิดอะไรอยู่
“งั้นก็ฝากบอกคุณยายด้วย” คนตัวเล็กแสร้งมองไปทางอื่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาสบตากับผู้หญิงร่างท้วม “ว่าไก่อร่อยมาก”
“...”
มินซอกมองตามแผ่นหลังอีกคนที่กำลังเดินลงบันไดไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผู้หญิงคนนั้นแค่ปรายตามองเธอในช่วงวินาทีสั้น ๆ ตอนเลี้ยวโค้งลงไปชั้นล่าง แม้จะเป็นคำพูดแข็ง ๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันทำให้เธอรู้สึกดีจนกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ มินซอกจับราวบันไดไว้แล้วชะโงกหน้ามองลงไปข้างล่าง... เพราะมันคงดีถ้าหากว่าเราจะคุยกันอีกสักประโยค
“พรุ่งนี้เอาไก่อีกไหม?!”
โพล่งความประหม่าออกไปแล้ว... และแบคฮีเงยหน้าขึ้นมาสบตากันจนได้ ผู้หญิงคนนั้นจะคิดว่าคิมมินซอกพยายามตีสนิทหรือเปล่านะ ขอร้องล่ะ อย่าคิดอย่างนั้นเลย เพราะความจริงเธอก็แค่รู้สึกดีก็เลยอยากขอบคุณแบคฮีก็เท่านั้น
คนตัวเล็กเงียบไปนานเหลือเกิน อันที่จริง... มันอาจจะแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่สำหรับคนรอที่กลัวคำตอบ... มันก็ช่างยาวนานเหลือเกิน
“ก็ได้ แต่คราวนี้ขอซื้อนะ”
“ไม่เป็น --”
“บ้านรวยนักหรือไงถึงได้เที่ยวเอาของไปแจกคนอื่น ยัยบ้านี่” แบคฮีถลึงตามองค้อนผู้หญิงร่างท้วมที่ทำหน้าตื่นอย่างคนซื่อบื้อและยังคงชะโงกหน้าลงมาจากราวจับบันได
“แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็เหมือนยัดเยียดให้เธอซื้อน่ะสิ ไม่เป็นไรนะ ฉันน่ะ --”
“หุบปากแล้วพรุ่งนี้เอามากล่องนึง”
“...”
“ถ้ามีน้ำใจก็แถมเพิ่มด้วย ฉันอยากเพิ่มน้ำหนัก” ตอนพูดประโยคนี้ แบคฮีแทบไม่หลงเหลือความเย็นชาอยู่เลย ราบกับว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเขินอย่างไรอย่างนั้น
“อื้อ งั้นฉันจะแถมให้เยอะ ๆ เลยนะ”
นานแค่ไหนแล้วที่คิมมินซอกไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจอย่างนี้ มันนานมากเสียจนเธอรู้สึกว่ามันมีค่า และอยากให้เกิดขึ้นอีกสักครั้งจริง ๆ
“อ้อ”
เด็กสาวร่างท้วมหลุดออกจากความคิดพร้อมกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อแบคฮีหยุดฝีเท้าทั้งที่เดินลงไปแค่สองก้าว เธอมองอย่างตั้งใจฟังเมื่อผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา ก่อนคำพูดของบยอนแบคฮีจะทำให้คิมมินซอกหน้ามืดคล้ายว่าจะเป็นลม
“ยืนอยู่ตรงนี้มองเห็นกางเกงในเธอด้วย”
ให้ตายสิ!!! น่าขายหน้าเป็นบ้า!!!
*
ท้องฟ้ายังคงมีแดดอ่อน ๆ แม้นักเรียนจะทยอยกลับบ้านไปแล้วแต่ก็ยังมีคนที่ยังอยู่ ไม่ว่าจะนั่งทำการบ้านบนม้านั่ง หรือเล่นกีฬาที่ชอบในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน แบคฮีเดินไปตามฟุตปาธอย่างไม่เร่งรีบ ก่อนสองขาจะหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อเห็นใครคนหนึ่งโดนกลุ่มเด็กผู้หญิงยืนล้อม
ผู้ชายคนนั้นที่สวมชุดวอร์มของมหาลัย และกำลังมองมาทางนี้พร้อมรอยยิ้ม
“อ้าวแบคฮี”
ชายหนุ่มผิวแทนโค้งศีรษะตามมารยาทเพื่อขอตัวเดินออกมาหาเธอ คนตัวเล็กยิ้มเจื่อนเมื่อแฟนเก่าหยุดยืนอยู่ตรงหน้า และช้อนตามองเพื่อขอคำตอบว่าทำไมคิมจงอินถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“บังเอิญจัง เห็นเด็ก ๆ ทยอยกันกลับบ้านไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเรา”
“บังเอิญเหรอคะ?”
“เพื่อนที่อยู่ทีมฟุตบอลด้วยกันมันเป็นศิษย์เก่าที่นี่ก็เลยชวนพี่มาเยี่ยมอาจารย์เป็นเพื่อนน่ะ เราคงไม่ได้เข้าใจพี่ผิดไปใช่ไหม?” สีหน้าของพี่จงอินดูกังวลและคงรู้แล้วว่าเธอคิดอะไร
“พี่ก็เลยยืนโดนผู้หญิงรุมจีบอยู่ตรงนี้เหรอ?”
จงอินยิ้มขำพลางเกาท้ายทอย “เดี๋ยวมันก็คงมาแล้วล่ะ เห็นว่าอาจารย์ใกล้จะคลอดลูกมันก็เลยขอให้พี่ไปซื้อของฝากให้เธอสักหน่อย ถ้าไม่มาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีเวลาเมื่อไหร่ ทีมเราต้องฟิตหนักแล้ว”
“ที่บอกว่าท้องคืออาจารย์จีฮโยเหรอ?”
“อ่าใช่ เรารู้จักใช่ไหม?”
“รู้สิ เธอสอนสังคมหนู”
“นั่นน่ะครูสุดที่รักของเพื่อนพี่เลยนะ ว่าแต่เธอดีกับเราหรือเปล่า?” จงอินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงวอร์ม อมยิ้มเล็ก ๆ ขณะมองดวงหน้าหวานที่พยักหน้าเป็นคำตอบ
“เรียกว่าแม่พระยังได้เลย”
“มิน่าล่ะ ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมเพื่อนพี่มันรักอาจารย์คนนี้นัก” จงอินขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะหันมาสบตากับแฟนเก่าที่วันนี้ก็ยังดูน่ารักไม่แพ้วันที่เจอกันในโรงแรมเลย
เด็กหญิงแบคฮีของเขาโตขึ้นมากจนแทบไม่หลงเหลือเค้าเด็กกะโปโลแล้ว
ทั้งคู่คุยกันเรื่องโรงเรียนอย่างออกรส จนแบคฮีแทบลืมไปแล้วว่าเธอเคยรู้สึกอึดอัดแค่ไหนเวลาคุยกับผู้ชายคนนี้ อาจเป็นเพราะพี่จงอินไม่พยายามวกเข้าเรื่องส่วนตัวเหมือนวันนั้น เด็กสาวจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย
แต่คุยกันยังไม่ถึงไหน ร่างของนักฟุตบอลทีมมหาลัยก็ล้มคว่ำลงไปกองกับพื้นทันทีที่ถูกบุคคลปริศนาชกหน้าโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้ตั้งตัว แบคฮีเบิกตากว้างอย่างตกใจ เธอมองผู้ชายตัวผอมสูงที่เข้าไปกระชากคอเสื้อพี่จงอินขึ้นมาก่อนจะซัดหมัดเข้าไปอีกครั้ง
“มึงเองสินะที่มายุ่งกับแบคฮี”
นักเรียนที่กระจายอยู่โดยรอบต่างมองมาทางนี้เป็นตาเดียวกัน บางคนยืนมองเฉย ๆ บางคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป แต่กลับไม่มีใครคิดเข้ามาแยกผู้ชายสองคนนี้ออกจากกัน
“หยุดนะเซฮุน!!!”
ผู้ชายหุ่นนักกีฬาไม่ยอมให้เกิดหมัดที่สาม จึงยกแขนขึ้นบล็อกมือคนที่คร่อมตัวเขาไว้ได้ทันก่อนจะใช้โอกาสนั้นผลักร่างเด็กหนุ่มตัวผอมออกจนกลิ้งไปกับพื้น แบคฮีรีบเข้าไปดึงแขนเซฮุนไว้แต่เธอก็ถูกผลักออกจนล้ม
“มึงเป็นใคร?!”
ไอ้หมาบ้าคงเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ถึงได้โมโหจนไม่สนใจว่าใครจะเป็นจะตายอย่างไร เซฮุนหอบหายใจพลางพับแขนเสื้อเชิ้ตขาวอย่างเอาเรื่อง สบตากับผู้ชายผิวแทนที่ปากแตกเพราะฝีมือของเขา ซึ่งมันสมควรได้รับแล้วที่บังอาจมายุ่งกับผู้หญิงของโอเซฮุน
“นายควรแนะนำตัวก่อนหรือเปล่าว่าเป็นใครถึงได้เที่ยวต่อยหน้าคนอื่นซี้ซั้วเหมือนคนไม่มีสติอย่างนี้”
“กูจะต่อยหน้าทุกคนบนโลกที่เข้ามายุ่งกับผู้หญิงคนนี้ว่ะ ถ้าข้องใจก็เข้ามา” แบคฮีรีบเข้าไปกอดแขนเซฮุนไว้เมื่ออีกฝ่ายตั้งท่าว่าจะเข้าไปต่อยพี่จงอินอีกครั้ง และคราวนี้เด็กสาวจะไม่ปล่อยให้ไอ้หมาบ้าสะบัดเธอออกอีกแล้ว ในวินาทีนี้โอเซฮุนผิดเต็ม ๆ แต่เขาคงไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
นักเรียนในสนามบาสเลิกให้ความสนใจลูกสีส้มที่ต้องแย่งกันเพื่อทำแต้ม เพราะตอนนี้เวทีมวยขนาดย่อมเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า
“กูเห็นมันเดินออกมาจากตึกหนึ่งแล้ววิ่งสี่คูณร้อยไปต่อยปากรุ่นพี่มหาลัยคนนั้นแบบไม่หือไม่อือเลย ไอ้ฉิบหาย เซฮุนแม่งโคตรดุ”
“มันก็ชอบของมันไงมึง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ แตะได้แต่ต้องจูบตีนกูไรงี้”
“อาจารย์ไม่เข้าไปห้ามหน่อยเหรอ?” เด็กหนุ่มถามพลางหันไปทางอาจารย์สอนพละที่พับแขนเสื้อยืดสีขาวขึ้นจนเป็นแขนกุด เลี้ยงลูกบาสขณะสายตามองไปยังผู้ชายสองคนที่มีเรื่องกันพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเด็กหนุ่ม
“อ่า นั่นสินะ ผมควรไปห้ามพวกเขา” ชานยอลหันมายิ้มให้เด็กในสนามบาสแล้วชู้ตสามแต้มปิดท้ายก่อนจะผิวปากเมื่อมันดันลงห่วงได้อย่างพอดิบพอดี
คนตัวสูงคว้าเสื้อวอร์มสีดำขึ้นมาพันรอบเอว เดินตรงเข้าไปหาผู้ชายสองคนที่ดูเหมือนว่าจะไม่หยุดง่าย ๆ ซึ่งงานนี้คนรับบทหนักก็คงเป็นแม่เสือสาวสุดฮอต
“พูดเกินไปหรือเปล่า ให้เกียรติแบคฮีสักนิดบ้างไหม?”
“งั้นมึงกับกูมาตัดสินกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลยดีกว่า ใครยอมแพ้ก่อนเป็นหมา แล้วก็ห้ามโผล่หนังหน้ามายุ่งกับแบคฮีอีก”
“หยุดบ้าได้แล้วเซฮุน จะเกินไปแล้วนะ” แบคฮีคาดโทษผู้ชายที่ยังหัวร้อนจนไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้นแม้แต่เสียงของเธอ
“ฮะ...” จงอินแค่นหัวเราะพลางแตะนิ้วหัวแม่มือตรงมุมปาก พอเห็นว่ามีเลือดซิบติดนิ้วออกมาก็อยากเข้าไปกระชากคอไอ้เด็กนั่นแล้วรัวหมัดใส่ให้สำนึกจริง ๆ
“เอาล่ะ พอได้แล้ว”
เด็กสาวหันไปทางบุคคลมาใหม่ซึ่งหยุดยืนอยู่ตรงกลางเพื่อไม่ให้ใครคนหนึ่งได้มีโอกาสเปิดหมัดก่อนเป็นรอบที่สอง อาจารย์ไม่ได้ดูหัวเสียนักที่เห็นว่ามีการชกต่อยในโรงเรียนจนถูกถ่ายคลิปไว้
“พวกคุณก็ด้วยครับ ใครที่ถ่ายคลิปไว้ขอความกรุณาอย่าอัปโหลดลงโซเชียลเลยนะครับ เห็นแก่โรงเรียนของเรานะ”
“ไม่ได้ถ่ายค่า”
“ผมจำหน้าพวกคุณได้ทุกคน ตรงนั้นเรียนบาสกับผม ส่วนตรงนั้นเรียนว่ายน้ำ ถ้าคลิปนี้หลุดออกไปผมจะสงสัยพวกคุณเป็นคนแรก และมันทำให้ผมไม่อยากใจดีแจกคะแนนจิตพิสัยให้”
“โห่’จารย์ ไม่มันเลยอะ” เด็กที่ถูกจ้องเขม็งถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะเดินเข้าหาชายหนุ่มตัวสูงเมื่อถูกกระดิกนิ้วเรียก
“แต่ผมจะขอคลิปจากเครื่องคุณไว้ดำเนินเรื่อง” ชานยอลยิ้มพลางตบบ่าเด็กนักเรียนปุ ๆ ก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มตัวผอม “เซฮุน คุณรู้ใช่ไหมว่าทำอะไรลงไป?”
“รู้”
“หืม?” ชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อย มองกดดันเด็กหนุ่มที่เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์ที่เข้ามาขัดจังหวะตอนเขาจะซัดหน้าไอ้หอกนั่น
“รู้ครับ”
“ดี แล้วคุณล่ะแบคฮี เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“หนูไม่เป็นไร” เขามองเธอตั้งแต่ศีรษะไล่ลงมาถึงถุงน่องสีดำที่มีรอยฝุ่น ก่อนจะหันไปทางเซฮุน “แต่อาจารย์ช่วยทำให้เรื่องนี้มันง่ายขึ้นได้ไหม หนูไม่อยากให้มีปัญหา” เพราะถ้าเซฮุนโดนพักการเรียนตอนใกล้สอบปลายภาคคงไม่ดีแน่ “พี่จงอินแค่พาเพื่อนมาเยี่ยมอาจารย์จีฮโย เซฮุนเลยเข้าใจผิดนิดหน่อยค่ะ”
ชานยอลฟังคำขอจบก็หันไปสบตากับนักแสดงเจ้าบทบาทที่เล่นเป็นแฟนเก่าผู้แสนดีได้อย่างแนบเนียน ซึ่งสีหน้าพระเอกที่ก่อนหน้านี้เล่นบทผู้ถูกกระทำได้เปลี่ยนสีหน้าเป็นเซ็งโลกทันทีที่เห็นว่าเขาหันมาให้ความสนใจ
“คงต้องถามผู้ชายคนนี้แล้วล่ะครับ ถ้าเขาคิดจะเอาเรื่องผมก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเขาไม่ติดใจอะไร เซฮุนก็อาจจะรอดตัว”
“ผมไม่ได้ขอร้องมันเลยไหม?”
“เงียบทีเถอะ” คนตัวเล็กฟาดแขนไอ้บ้าดีเดือดที่ยังหัวร้อนไม่จบไม่สิ้น เซฮุนไม่รู้ว่าควรดีใจดีไหมที่แบคฮียืนอยู่ตรงนี้ข้าง ๆ เขาหลังจากที่เธอใจร้ายตัดความสัมพันธ์ของเราไป
“ว่าไงครับ?”
“พี่จงอินคะ...” เจ้าของชื่อมองดวงตาคู่สวยที่มองมาอย่างเว้าวอน ซึ่งเขาเข้าใจว่าแบคฮีคงไม่อยากให้มีปัญหาและมันคงไม่ยากนักถ้าหากว่าคิมจงอินจะได้คะแนนสงสารจากตรงนี้
“ผมไม่เอาเรื่องหรอกครับ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนี่นะ” แม้จะเจ็บปาก แต่ชายหนุ่มผิวแทนก็ยิ้มบาง ๆ เพื่อให้แบคฮีสบายใจขึ้นกับสถานการณ์นี้
“ถือว่ารอดตัวไปนะเซฮุน ผมหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก” ชานยอลสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลางเบือนหน้าหลบไปอมยิ้มกับละครที่คิมจงอินยังคงเล่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันทำให้แบคฮีรู้สึกดีขึ้นโดยเป็นการฆ่าเซฮุนไปในตัว
“ขอบคุณนะคะพี่จงอิน”
“ว่าแต่เราไม่ได้เจ็บตรงไหนแน่นะ?” เด็กสาวส่ายศีรษะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นดูอาการผู้ชายบ้าบอที่ไม่แม้แต่จะกล่าวขอโทษหรือขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามาช่วยเอาไว้
“หนูขอตัวก่อนนะ” แบคฮีลากเซฮุนออกจากตรงนั้นเพราะกลัวว่าจะไปต่อยหน้าพี่จงอินอีก หมอนี่อยู่ในสภาวะเอาแน่เอานอนทางอารมณ์ไม่ได้ มันคงดีกว่าถ้าหากว่าจะแยกทั้งคู่ออกจากกัน
“สรุปคือจบแฮปปี้ช้ะ?!” เด็กที่อยู่ละแวกนั้นมองอย่างผิดหวัง ก่อนจะโห่ออกมาหลังจากอาจารย์สอนพละทำมือปัด ๆ เป็นเชิงไล่ให้กลับบ้านกลับช่อง
ตอนนี้เหลือเพียงอาจารย์สอนพละกับนักฟุตบอลทีมมหาลัยที่ยืนอยู่ตรงนี้ จงอินไม่สบอารมณ์เหลือเกินที่เห็นรอยยิ้มของรุ่นพี่ซึ่งไม่ได้ส่งไปในทางที่ดีเลยสักนิด ตีบทแตกเล่นเป็นอาจารย์ผู้แสนดีเข้ามาช่วย แกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจจริง ๆ
“สะใจเหรอครับ?”
“เกินไปครับ ใช้คำว่าสนุกก็พอ”
คนผิวแทนแค่นหัวเราะ สบตากับรุ่นพี่ที่ไม่น่าเคารพอย่างหยั่งเชิงพลางเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม “สนุกให้ได้นาน ๆ แล้วกันครับ เพราะสักวันหนึ่งแบคฮีก็ต้องรู้ความจริงว่ารุ่นพี่เป็นคนยังไง”
“แน่นอนครับ เพราะตอนนี้เรากำลังเรียนรู้กันอยู่ แต่คุณนี่สิ...” ชานยอลขยับเข้าหาอีกฝ่ายหนึ่งก้าว ขมวดคิ้วเม้มริมฝีปากอย่างกวนประสาทก่อนจะตบบ่ากว้างเบา ๆ “ไม่รู้เลยว่าวันไหนความจะแตกเพราะเล่นละครตบตาไม่เนียน”
“...”
จงอินกัดฟันกรอด กำหมัดแน่นกับการถูกเย้ยหยัน เขาอยากบอกไอ้เด็กนั่นเหลือเกินว่ามันต่อยผิดคนแล้ว เพราะคนที่ควรเลือดกบปากลงไปนอนคลุกฝุ่นควรเป็นอาจารย์ไร้จรรยาบรรณอย่างปาร์คชานยอลต่างหาก
ชายหนุ่มตัวสูงโน้มหน้าลงไปกระซิบใกล้ ๆ เพื่อให้คนที่กำลังอัดอั้นตันใจกับการเล่นบทพระเอกได้ยินเพียงคนเดียว ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเป็นเชื้อเพลิงทำให้คิมจงอินหัวเสีย แต่ก็ดูว่าจะน้อยกว่าโอเซฮุนอยู่ดี
“คุณคิดว่าคำพูดหรือการใช้กำลังที่ทำให้คนเราเจ็บได้มากกว่ากันครับ จงอิน?”
TBC
เปงยังไงล่ะฮอตเกิว นาวเบบี้เบริ้นนนนนนนนนนนนนนนนนน
ปล. เรือครู เรือแฟนเก่า เรือคู่ขาอาจล้มดังครืน เพราะชั้นมั่นใจว่าคนแถวนี้ต้องแอบฟินทีมเบี้ยนแน่ ๆ #เขย่ามือตบในมือเป็นจังหวะเดียวกับอังกะลุง
ความคิดเห็น