คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 07 :: Teach me how to feed a cat. (100%)
? cactus
Chapter 07
Teach me how to feed a cat
CUT
)
5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
50%
สอบกลางภาคผ่านพ้นไป เด็กมอปลายปีสามแทบสำลักข้อเขียนหลากหลายวิชาที่มาให้สอบในวันเดียวกันในระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ สร้างความปวดหัวจนมาถึงวิชาพละซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงโจทย์ร้อยข้อ เพราะล็อกเกอร์ของบยอนแบคฮีถูกงัดอีกครั้ง และคราวนี้ไอพอดทัชของเธอหายไป แต่กลับไม่มีเสียงโวยวายของผู้เสียหายอย่างเช่นครั้งก่อน ทุกอย่างราบเรียบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าคิมยูจินไม่พูดถึง ก็ไม่มีใครรู้ว่ามีการขโมยของเกิดขึ้นอีกครั้ง
มีกระแสหลายด้าน บางคนบอกว่าแบคฮีสร้างประเด็นให้ตัวเองเพราะอยากเป็นจุดสนใจ บางคนคิดว่าดาซมและเพื่อน ๆ แกล้งเธอเพราะเรื่องโอเซฮุน พอได้ยินอย่างนั้นกลุ่มเด็กสาวที่เคยยิ้มอย่างสะใจจึงเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที
เซฮุนเริ่มเคลื่อนไหว ในเช้าวันถัดมาเขาลุกขึ้นยืนพร้อมกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า ‘ถ้ากูรู้ว่าใครงัดล็อกเกอร์ของแบคฮี ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง กูไม่เอามันไว้แน่’
เพื่อนในกลุ่มทั้งสามคนพยายามปลอบใจ พร้อมบอกว่าอาทิตย์หน้าจะช่วยเธอจับกลุ่มคิมดาซมให้ได้คาหนังคาเขา แบคฮียังคงนิ่ง ไม่แสดงท่าทีร้อนใจอย่างเช่นครั้งแรกที่นาฬิกาข้อมือถูกขโมย
เด็กสาวแอบมานั่งในท่อคอนกรีตเสริมเหล็กในช่วงพักกลางวัน เธอกินขนมปังพร้อมเปิดกล้องคุยกับจงแดไปด้วย มีเสียงแซวแทรกเข้ามาไม่ได้ขาด เพื่อนที่นิวซีแลนด์ล้วนคิดว่าเราทั้งคู่เป็นแฟนกัน ซึ่งมันก็ตลกดีที่จงแดไม่เคยปฏิเสธ อีกทั้งยังบอกรักเป็นภาษาอังกฤษและส่งจูบใส่กล้องต่อหน้าเพื่อน ๆ อีกด้วย
( อ่า... แล้วอาจารย์ชานยอลไม่ทำอะไรเลยเหรอ ของหายในคาบของเขาสองครั้งแล้วนะ )
“ก็ใช่น่ะสิ เป็นอาจารย์ประสาอะไร”
( ไม่มีเบาะแสคนร้ายเลยเหรอ อย่างครั้งแรกที่ถูกขโมยตอนทุกคนอยู่ในสระก็พอเข้าใจ แต่ครั้งที่สองล็อกเกอร์โดนงัดตอนสอบบนอัฒจันทร์ งั้นก็แสดงว่าต้องเป็นคนที่สอบเสร็จก่อนแบคฮี ถูกไหม? )
“เราไม่ได้จำว่าใครสอบเสร็จก่อน เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์บ้า ๆ แบบนั้นอีก” เด็กสาวถอนหายใจ
( เพื่อนคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจเลยสินะ )
“แหงล่ะ ถ้ามีคนเดือดร้อนแทนสิแปลก”
( โมโหใช่ไหม ขอโทษนะที่เมื่อวานเราไม่ได้อยู่ด้วย )
“ขอโทษแล้วหายเหรอ บินกลับเกาหลีเดี๋ยวนี้เลย”
( ได้ งั้นขอเราไปจองตั๋วแป๊บนึง )
ทั้งคู่จ้องตากันผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นรอยยิ้มบนใบหน้าจงแดค่อย ๆ จางหายไปและแทนที่ด้วยแววตาจริงจังซึ่งน้อยครั้งที่เธอจะมีโอกาสได้เห็น
( เราอยากลูบหัวแบคฮี ปลอบด้วยยิ้มโง่ ๆ แล้วบอกว่า ‘ไม่เป็นไรนะ แบคฮียังมีเราเสมอ’ เหมือนที่เราสองคนเคยมีกัน )
“ทำเป็นซึ้งเหรอ เราไม่ร้องไห้หรอกนะ” เด็กสาวยิ้มขำ เธอกำลังรู้สึกดีสุด ๆ กับความอ่อนโยนที่เพื่อนวัยเด็กกำลังถ่ายทอดออกมาให้รับรู้ผ่านทางคำพูดและแววตา
( เหนื่อยใช่ไหมที่ต้องเข้มแข็งในสังคมแบบนั้น )
“อือ มันแย่ แต่ก็พอมองเห็นข้อดีอยู่บ้าง อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเข้มแข็ง”
( จนเข้าใจผิดว่าถ้าจะเข้มแข็งได้ก็ต้องกลายเป็นคนหยาบกระด้าง )
“...”
( มันไม่ใช่อย่างนั้นนะแบคฮี อย่าเข้าใจความหมายของมันผิดไป คนเรามีวิธีปกป้องตัวเองหลายรูปแบบ แต่การเย็นชา หยาบกระด้าง มันไม่ใช่ทางที่ดีหรอก )
“เพราะมันทำให้เราไม่น่ารักใช่ไหม?”
( ถูกต้อง )
“จงแดไม่ชอบคนไม่น่ารัก แต่เราดันเป็นคนสวย งั้นถือว่าหยวน ๆ แล้วกัน” ไม่ได้ชอบยอตัวเอง แต่ถ้ามันทำให้เพื่อนวัยเด็กทำหน้าเหยเกได้ก็น่าพูดออกมาบ่อย ๆ เหมือนกัน
( ยอมเค้าเลยคนนี้ )
“มีอะไรจะเล่าให้ฟังก่อนวางสายล่ะ”
จงแดก็มีเพื่อนที่รออยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เขาก็เลือกนั่งฟังเธอเพ้อเจ้อทุกวัน โดยไม่แสดงท่าทีเบื่อหน่ายหรือรำคาญเลยสักนิด ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีความเกรงใจเกิดขึ้นลึก ๆ ระหว่างความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่
“ตอนเป็นเด็กเราเคยคิดอยากโตไว ๆ เพราะจะได้ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องขอพ่อแม่ แต่พอจงแดย้ายไปเรียนนิวซีแลนด์ เราถึงรู้ว่าความเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ใกล้จะมาถึงมันเกินกว่าที่คิดอยู่มาก มันอดสงสัยไม่ได้ว่าพอเรียนจบมหาลัยเราสองคนจะห่างเหินกันมากกว่านี้อีกไหม เพราะตอนนั้นเราก็คงมีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบที่แตกต่างกัน ทั้งงานการที่ต้องทำ มีแฟน มีสังคมใหม่ ๆ หรืออาจจะวางแผนแต่งงาน เผลอ ๆ อาจจะกำลังมีลูกคนที่สองก็ได้”
จงแดยิ้มบาง ๆ เขามองใบหน้าหวานซึ่งหงอยไปเพียงเพราะนึกถึงอนาคตที่เราต่างก็รู้ดีว่ามันจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนตอนเป็นเด็กได้
( อย่าเอาอนาคตมาบั่นทอนความรู้สึกตัวเองเลยนะ ให้เชื่ออย่างเดียวว่าปัจจุบันมันชัดเจนที่สุด ถ้าจะเสียใจก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว อย่าทุกข์ล่วงหน้าให้กับสิ่งที่เรียกว่าอนาคตเลย เดี๋ยวปิดเทอมใหญ่เราก็กลับไปหาแบคฮีแล้วเราจะสนุกกันจนชีวิตวัยเด็กเทียบไม่ติดเลย ว่าไงล่ะ พอถึงตอนนั้นเราจะไม่ยอมให้ออกไปเที่ยวเล่นกับใครแล้วนะ )
“จองตัวล่วงหน้าเหรอ คิวยาวหน่อยนะ” คนตัวเล็กเลิกคิ้วมองเพื่อนสนิทที่ทำตาปริบ ๆ พร้อมพยักหน้า แค่คิดว่าอีกไม่กี่เดือนจะได้เจอกัน เด็กผู้หญิงนิสัยไม่ดีในสายตาคนอื่น ๆ อย่างบยอนแบคฮีก็รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กธรรมดาทั่วไปอีกครั้ง
*
แม้จะวางสายไปได้สักพักแล้ว แต่เด็กสาวก็ยังจมอยู่กับเรื่องในอนาคต แบคฮีเอาคางเกยเข่า นึกถึงเพื่อนอย่างจงแดที่เป็นคนจิตใจดี คนมากมายจึงรายล้อมอยู่รอบตัวเต็มไปหมด พอเข้ามหาลัยเดี๋ยวก็คงมีแฟนแน่ ๆ พอถึงตอนนั้นความสำคัญของเธอก็คงลดน้อยลง แค่คิดก็น้อยใจเงียบ ๆ ล่วงหน้าแล้ว ให้ตาย ไม่อยากงี่เง่าเลย บยอนแบคฮีไม่ชอบความรู้สึกเวลาหวงเพื่อน
โทรเข้า...
‘1234’
ดวงตาคู่สวยหรี่ลงขณะมองเบอร์ซึ่งโชว์อยู่บนหน้าจอ สมาร์ทโฟนยังคงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องขณะเด็กสาวชะโงกหน้ามองออกไปรอบ ๆ ตัวเพื่อดูว่าคนโทรเข้าอยู่ละแวกนี้หรือไม่ เวลาผ่านไปเกินครึ่งนาที บยอนแบคฮีก็ยังคงชั่งใจการกดรับสายจากบุคคลต้องห้าม แต่สุดท้ายนิ้วมือมันก็ขัดคำสั่ง กดสไลด์หน้าจอยอมรับในที่สุด
( นึกว่าจะกดสายทิ้งเสียอีกครับ )
“ทำไมหนูต้องทำอย่างนั้นล่ะ อาจารย์อุตส่าห์โทรมาทั้งที”
( นั่นสิ ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะเมินผม )
“ทนคิดถึงหนูไม่ไหวแล้วสินะ”
เด็กสาวยิ้มอย่างผู้ชนะ ใจหนึ่งก็รู้สึกดีที่อาจารย์เป็นฝ่ายติดต่อมาเอง แต่อีกใจก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกอะไรสำหรับผู้ชายแบบนั้น
( ถ้าตอบว่าไม่ก็คงโกหก ใช่ครับ ผมคิดถึงคุณ )
“...”
คำตอบที่เกินความคาดหมายทำเด็กสาวชะงัก คำพูดที่เตรียมโต้ตอบละลายหายไปกลางอากาศเพียงเพราะน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมปะปนไปด้วยเสียงหัวเราะเลยสักนิด แบคฮีนั่งนิ่งในท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก อาจารย์ควรตอบว่า ‘ผมแค่โทรมาเฉย ๆ ครับ’ ไม่ใช่หรือไง?
เด็กสาวกลอกตาอยู่ในทีระหว่างพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนจะเชิดหน้านั่งยืดหลังตรงแม้อีกฝ่ายจะมองไม่เห็นว่าตอนนี้เธอกำลังทำหน้าแบบไหน
( ยังอยู่หรือเปล่าครับ? )
“อ้อ เมื่อกี้เพื่อนเรียกน่ะเลยไม่ทันฟังว่าอาจารย์พูดอะไร”
( น่าเสียดายจังครับ ผมเพิ่งสารภาพรักไปหยก ๆ เลยนะ )
“อย่ามาตลก หนูคงเชื่อคนอย่างอาจารย์หรอก” เบื่อความทีเล่นทีจริง คงพูดแบบนี้กับเด็กผู้หญิงทุกคนเลยสินะ
( ยุ่งอยู่เหรอครับ อย่าเพิ่งสนใจเพื่อนสิ คุยกับผมให้หายคิดถึงก่อน )
“ทำไมหนูต้องเลือกอาจารย์คะ? อย่าสำคัญตัวเอง” เด็กสาวเบ้ปาก นึกสีหน้าอีกฝ่ายออกได้ง่าย ๆ เลยว่าตอนนี้กำลังเป็นอย่างไร
( ได้ยินเสียงอะไรไหมครับ? )
“อะไร?”
( ไม่ได้ยินเหรอ? )
“หนูถึงได้ถามไงว่าเสียงอะไร?”
( เสียงหัวใจผมไงครับ ที่ไม่ได้ยินคงเป็นเพราะมันหยุดเต้นเพราะความใจร้ายของคุณแน่ ๆ )
“แล้วตายไหมคะ? ถ้าตายจะได้ใส่กางเกงในสีดำไว้ทุกข์”
( จะลงทุนกลับบ้านไปเปลี่ยนให้เหรอครับ ใจดีกว่าหนูแบคฮีคงไม่มีอีกแล้ว )
“ทำไมหนูต้องทำแบบนั้น?”
( ก็วันนี้คุณใส่สีขาว )
“...”
คำต่อล้อต่อเถียงถูกกลืนลงคอไปหมด บยอนแบคฮีเบิกตาโพลงกับความหยั่งรู้ที่ต้องเปิดกระโปรงตัวเองดูอีกครั้งเพื่อเพิ่มความมั่นใจและก็พบว่าอีกฝ่ายพูดถูก มีอยู่สองทางในความเป็นไปได้ หนึ่งคือเดาเล่น ๆ กับสอง... ผู้ชายคนนั้นน่าจะอยู่แถว ๆ นี้
“ตอนนี้อาจารย์อยู่ไหน?”
( ถ้าบอกแล้วจะมาหาเหรอครับ? )
“ตอบให้ตรงคำถาม”
( เสียงแข็งเชียว ยังโกรธผมเรื่องล็อกเกอร์อยู่สินะครับ )
“หนูไม่ได้โกรธ แต่ผิดหวังที่อาจารย์จัดการอะไรไม่ได้ต่างหาก เซฮุนยังได้เรื่องกว่า”
( ใจคอจะเอาเซฮุนมาเปรียบเทียบกับผมตลอดเลยสินะครับ แค่ถุงยางก็คนละเบอร์แล้ว )
“แล้วไง เรื่องแบบนั้นมันวัดกันที่ลีลาไม่ใช่ไซส์หรือเปล่าคะอาจารย์?”
( ไม่รู้สิครับ เพราะคนที่รู้คำตอบดีที่สุดไม่ใช่ผม )
“อะไร?”
( เซ็กส์ที่ทำให้รู้สึกดีกับเซ็กส์ที่น่าจดจำมันไม่เหมือนกันนะครับหนูแบคฮี )
“ค่ะ งั้นอาจารย์คงต้องจัดตัวเองเข้าไปอยู่ในประเภทแรก”
( แล้วประเภทที่สองล่ะครับ โอเซฮุนเหรอ? )
“พูดถึงเขาอยู่ได้ เป็นอะไรมากไหม หึงหนูหรือไง?” เด็กสาวเลิกคิ้วถามอย่างหยั่งเชิง ในเมื่อชอบไล่ต้อนเธอนัก ก็คงต้องเล่นกลับด้วยวิธีเดียวกัน
( อยากได้คำตอบแบบไหนครับ? )
“ก็แล้วแต่อาจารย์เถอะ” ลีลานัก พูดอ้อมโลกอยู่ได้ แฟนก็ไม่ใช่ทำเป็นพูดจาหวงก้าง ก็แค่นอนด้วยกันคืนเดียว “อย่างน้อยเซฮุนก็เดือดร้อน วิ่งเต้นให้หนูทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะตามหาคนร้ายยังไงแล้วกัน” แบคฮีไม่ได้พูดเกินไปกว่าความจริงเลย มันน่าหงุดหงิดชะมัดที่เธอคาดหวังว่าอาจารย์จะทำอะไรบ้าง
( แล้วเขาตามหาคนร้ายเจอหรือเปล่าครับ? )
“ยัง”
( อ่า... เห็นอวดความพยายามของคู่ขาตั้งนาน ผมก็นึกว่าจะได้เรื่องแล้วเสียอีก )
“...”
( จะงอนผมเพราะเซฮุนจับคนร้ายได้แล้วก็ว่าไปอย่าง ตอนนี้ยังไม่เห็นมีอะไรเป็นรูปเป็นร่าง ก็ข่มซะผมใจเสียเลย )
“หนูพูดถึงความพยายามของเขาที่มีมากกว่าอาจารย์ต่างหาก หนูโดนงัดล็อกเกอร์สองครั้งทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ล็อกเกอร์ตัวเดิม อาจารย์ก็น่าจะเก็บไปคิดดูสักนิดว่ามันต้องเป็นความจงใจของใครสักคน”
( ครับ )
น่าโมโหจริง ๆ นอกจากทำให้เธออารมณ์เสียแล้วอาจารย์คิดจะทำอย่างอื่นบ้างไหม หรือต้องหาหลักฐานบ้าบอนั่นให้ได้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าคิมดาซมจะทิ้งไว้หรือเปล่า “แค่นี้เหรอที่อยากพูด?”
อาจารย์เงียบไป แบคฮีหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะรู้สึกผิดกับเธอได้มากกว่าการซื้อนาฬิกายางซื่อบื้อมาทดแทน ถึงมันจะทำให้รู้สึกดีได้ในช่วงเวลานั้น แต่เชื่อเถอะว่ามันช่วยไม่ได้ตลอดไป กลุ่มคิมดาซมควรได้รับผลกับสิ่งที่ทำกับเธอ
( นั่งหุบขาหน่อยครับ มองจากดาดฟ้าตรงนี้เห็นกางเกงในสีขาวของคุณค่อนข้างชัดเลยทีเดียว )
“...” เด็กสาวนิ่งไป ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองดาดฟ้าและพบว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ตรงนั้นจริง แบคฮีสบตากับคนกวนประสาท รอยยิ้มของอาจารย์ที่อยู่บนตึกสี่ชั้นไม่ได้ทำให้เธอขำไปด้วยเลยสักนิด
( ผมมองคุณจากมุมนี้ทุก -- )
ยังพูดไม่ทันจบประโยคชานยอลก็ต้องค้างอยู่ท่านั้นเมื่ออยู่ ๆ เด็กตัวแสบก็แหกขาเป็นรูปตัวเอ็มประชดใส่หน้าเขาจนแทบพูดไม่ออก กางเกงในสีขาวเด่นชัดรับกับสีหน้าเอาเรื่องของเด็กผู้หญิงคนนั้น ให้ตายสิ... บยอนแบคฮีนี่เหลือเกินจริง ๆ ถ้ามีใครผ่านมาเห็นเข้าจะทำยังไง กระโปรงก็สั้น ท่าทางก็ล่อแหลม น่าจับมาตีก้นจริง ๆ
*
เวลาวนไปหนึ่งอาทิตย์จนถึงคาบว่ายน้ำอีกครั้ง คราวนี้แบคฮีไม่ได้ใส่ของสำคัญเอาไว้ เด็กสาวจับตามองกลุ่มของคิมดาซมไม่ให้คาดสายตา ซึ่งถ้ามีใครสักคนเดินออกไปนอกสระ เธอจะตามออกไปจับให้ได้คาหนังคาเขา
วันนี้อาจารย์ชานยอลเข้ามาสั่งให้นักเรียนวิ่งรอบสระก่อนเตรียมสอบเอาคะแนนเก็บเพื่อให้เด็ก ๆ อุ่นใจกับปลายภาค ปล่อยนักเรียนซ้อมกันให้เต็มที่และขอเวลาออกไปทำธุระข้างนอกเดี๋ยวจะกลับมาสอบให้
เวลาผ่านไปสิบนาที แก๊งดาซมนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือข้างขอบสระ ถ่ายเซลฟี่กันอย่างไม่สะทกสะท้านแววตาของเธอที่มองจากระยะไกล ไม่มีเสียงกระแนะกระแหนประชดประชันให้เพื่อนกลุ่มอื่นหันมาสนใจ แต่ทั้งสองฝ่ายต่างมองด้วยสายตาเอาเรื่อง ดาซมยิ้มเย้ยหยัน แสดงออกทางสีหน้าว่าสะใจนักหนากับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ
“เป็นไงบ้าง?”
“ยังอยู่ครบ”
“สงสัยเห็นเธอจ้องอยู่เลยไม่มีใครกล้าลุกไปไหน” เซฮุนดึงหมวกว่ายน้ำออกพร้อมเสยผมที่เปียกโชกขึ้น เด็กหนุ่มไม่สนแล้วว่าดาซมจะหัวร้อนแค่ไหนถ้าเห็นว่าเขาอยู่กับแบคฮี ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเลือกที่จะทำร้ายคนที่โอเซฮุนชอบ เขาก็พร้อมเป็นคนใจร้ายกับคนทั้งโลกได้เหมือนกัน
*
สองเท้าเปล่าค่อย ๆ ย่องเข้ามาในห้องเปลี่ยนชุดที่เงียบเชียบไร้ผู้คน ในมือมีชะแลงเหล็กที่ขโมยมาจากภารโรงและถูกเอาไปโยนคืนไว้แถว ๆ ห้องเก็บอุปกรณ์ทุกครั้ง วันนี้มันก็ถูกเลือกมาเพื่อใช้กับล็อกเกอร์ของบยอนแบคฮีเช่นเคย
แกร่ก!
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลหันกลับไปตรงทางเข้าอยู่ตลอด ทันทีที่เสียงล็อกเกอร์เปิดออกสองมือจึงคว้ากระเป๋าเป้ออกมารูดซิปเพื่อค้นหาของที่อยากขโมยในวันนี้ แต่ความคิดทุกอย่างก็หยุดลงเมื่อล็อกเกอร์ถูกดันเข้าไปอย่างแรงจนเสียงกึกก้องทั่วห้องเปลี่ยนชุดนักเรียนหญิง
ร่างของเด็กสาวในชุดว่ายน้ำยืนนิ่ง สมองหยุดทำงานอย่างฉับพลันหลังจากรู้ตัวว่าถูกจับได้โดยเจ้าของมือใหญ่ที่ยังคงทาบมือไว้กับล็อกเกอร์ กระเป๋าเป้และชะแลงเหล็กตกลงไปบนพื้นจนเกิดเสียง ผ่านไปเกินครึ่งนาทีเด็กสาวจึงรวบรวมความกล้าหันไปสบตากับคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
“ผมมีตัวเลือกให้คุณสองทาง ระหว่างเอาของที่ขโมยไปทุกชิ้นมาคืนแบคฮี หรือจะให้ผมยื่นเรื่องนี้ถึงฝ่ายปกครอง คิมพาดา”
“...”
สองมือเย็นเฉียบทั้งที่ยังไม่ได้ลงสระน้ำ เด็กสาวที่ถูกจับได้คาหนังคาเขายืนตัวสั่นเพราะความหวาดกลัวซึ่งเข้ามาเล่นงานเธอจนได้ อาจารย์ออกไปทำธุระข้างนอกไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่เธอออกไปดูลาดเลาแล้ว
“ผมสงสัยมาตลอดว่าคนร้ายเป็นใคร และดาซมกับเพื่อนของเธอคือคนกลุ่มแรกที่ผมสงสัย ส่วนเพื่อนในกลุ่มของแบคฮียังไกลความเป็นไปได้ในความคิดผมอยู่มาก”
“...”
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความคิดของคุณ แต่การขโมยของคนอื่นมันคือการดูถูกตัวเอง” เสียงทุ้มต่ำยังคงกรีดแทงหัวใจเด็กสาวที่ถูกความรู้สึกผิดและความหวาดกลัวเล่นงาน “โดยเฉพาะคนที่เรียกว่าเพื่อน”
พาดาจินตนาการได้เป็นฉาก ๆ เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเพื่อนทั้งห้องรู้ว่าคนงัดล็อกเกอร์ของแบคฮีถึงสองครั้งคือเพื่อนในกลุ่มที่ตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง อีกทั้งยังใส่ไฟโยนความผิดให้กลุ่มของคิมดาซมรับไป เธอไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าจะถูกจับได้ ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายด้วยซ้ำ บยอนแบคฮีก็รวยไม่ใช่หรือไง ของที่ถูกขโมยไปก็แค่เศษเงิน ดูอย่างตอนไอพอดหายสิ ยัยนั่นไม่เห็นจะสะทกสะท้านเลยสักนิด
“หนู... หนูจะเอาของมาคืนแบคฮี แต่ขอร้องอาจารย์อย่าบอกเรื่องนี้กับใครได้ไหมคะ ทุกอย่างยังอยู่ครบในสภาพดี หนูไม่ได้เอาไปขาย หนูแค่ -- หนูสำนึกผิดแล้วค่ะ หนูขอโทษ” เด็กสาวลนลาน พูดทุกอย่างวกไปวนมาจนเรียบเรียงเป็นประโยคไม่ได้ “ถ้าหนูเอาไปคืนต่อหน้า แบคฮีต้องโกรธจนเลิกคบหนูเป็นเพื่อนแน่ แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็จะเกลียดหนู หนูไม่อยากโดนคว่ำบาตร อาจารย์รู้ใช่ไหมคะว่าความรู้สึกแบบนั้นมันเป็นยังไง อาจารย์คงเจอนักเรียนที่ถูกแกล้งมาเยอะแล้ว อาจารย์ต้องรู้ว่ามันแย่แค่ไหน นะคะ... เพราะฉะนั้นหนูจะเอามาคืนใส่กระเป๋าแบคฮีพรุ่งนี้ตอนพักเที่ยงนะคะ หนูขอร้อง”
เด็กสาวทรุดตัวลงไปคุกเข่า ก้มศีรษะแนบพื้นไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีใด ๆ เพราะถูกความหวาดกลัวครอบงำจนยอมทำได้ทุกอย่าง ชานยอลถอนหายใจกับความไร้ยางอายของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจกับสิ่งที่ทำลงไปถึงสามครั้ง เขาปล่อยให้อีกคนอ้อนวอนอย่างน่าสมเพช ก่อนจะนั่งลงยอง ๆ ตรงหน้าเธอ
“ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไป แต่ถ้าของ ๆ ใครถูกขโมยอีก คงรู้ใช่ไหมครับว่าคนแรกที่ผมจะสงสัยคือใคร?”
*
“นางมาแล้วจ้ะ แหม ตาแดงเชียว ทะเลาะกับผัวอีกแล้วเหรอ?”
แบคฮีหันไปตามเสียงของยูจินที่กระแนะกระแหนพาดาหลังจากที่อาจารย์ชานยอลเรียกตัวให้นักเรียนทุกคนเข้าแถวข้างสระ เพื่อนในกลุ่มที่เพิ่งถูกนินทาว่าช่วงนี้ติดผู้ชายหนักจนไม่เป็นอันทำอะไรกำลังยืนก้มหน้านิ่งไม่สบตาใคร ผิดไปจากทุกครั้งที่พาดามักจะอวดให้ฟังว่าแฟนหนุ่มวัยมหาลัยเก่งเรื่องเซ็กส์และสปอยล์หนักแค่ไหน
เด็กสาวไม่ได้ถามไถ่เพราะไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงเป็นใย เธอยืนต่อแถวเงียบ ๆ ต่อไปก่อนอาจารย์จะเช็กชื่อและปล่อยกลับบ้านโดยไม่มีการสอบเก็บคะแนนอย่างที่บอกไว้ สร้างความประหลาดใจให้กับนักเรียนที่ได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ผู้สอน
พอกลับไปห้องเปลี่ยนชุดก็ต้องหัวเสียเพราะเห็นว่าล็อกเกอร์โดนงัดอีกแล้ว แต่คราวนี้มันไม่แย่เหมือนครั้งก่อนตรงที่เธอไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้ขโมย บยอนแบคฮียืนนิ่งเพื่อเรียบสงบสติอารมณ์ เธอไม่ได้ละสายตาออกจากกลุ่มคิมดาซมเลยตลอดเวลาที่ทุกคนอยู่ในสระ แล้วทำไมล็อกเกอร์ถึงได้ถูกงัดอีกล่ะ?
*
เด็กสาวนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานพร้อมโคมไฟตัวเล็กซึ่งไม่ช่วยให้ความสว่างในห้องแคบ ๆ และหัวใจของเธอนัก เสียงทีวีจากข้างนอกลอดเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ แต่มันไม่สามารถดึงความสนใจจากนาฬิกาข้อมือและไอพอดทัชที่วางอยู่ตรงหน้าได้
ดวงตาเรียวรีหันไปมองรอบตัว สิ่งแวดล้อมโดยรอบที่เธออยู่ในทุกวันนี้ไม่เคยสร้างความพอใจให้เลยสักนิดเดียว คราบสีน้ำตาลบนเพดานที่เกิดจากน้ำฝนซึม บ้านหลังเล็ก ๆ หลังนี้ที่ไม่กล้าชวนเพื่อนมาจนต้องไปบ้านเพื่อนสมัยมอต้นเพื่อขอถ่ายรูปบ้านไปอวดคนอื่นไม่ให้น้อยหน้าใคร
ห้องโง่ ๆ ที่ไม่สามารถเก็บเสียงได้ มันทำให้เธอได้ยินเสียงพ่อแม่คุยกันเรื่องความขัดสนทางการเงินที่จำเป็นต้องประหยัดให้มากกว่านี้ ซึ่งคิมพาดาไม่รู้ว่าต้องประหยัดไปถึงเมื่อไหร่ ห้องของเธอไม่มีแม้แต่ตู้เสื้อผ้า ทุกวันนี้ใช้เป็นราวแขวนธรรมดาที่หันไปมองทีไรเป็นต้องเบือนหน้าหลบ
โทรศัพท์มือถือแบรนด์หรูก็กดดันจนพ่อยอมแอบแม่ผ่อนให้ พาดารู้สึกผิดแต่พ่อก็ต้องเข้าใจว่าเด็กอย่างเธอจำเป็นต้องมีสังคม และไม่อยากอยู่ในระดับชั้นเดียวกับพวกเด็กเนิร์ดหรือคิมมินซอกที่ไม่มีใครคบ
เด็กสาวลุกขึ้นยืน เธอเปิดประตูห้องออกไปพร้อมมองพ่อที่นอนดูทีวีและสวมเพียงเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขายาวที่ใส่ไปทำงานบริษัท กับแม่ซึ่งนั่งปอกผักด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายชีวิตที่วนเวียนซ้ำซากอยู่ทุกวัน ตื่นมาทำกับข้าวแต่เช้า ทำความสะอาดบ้าน นอนกลางวัน และทำข้าวเย็นให้ครอบครัวกิน ไม่ได้มีงานทำเพื่อเพิ่มรายได้ให้คนในบ้าน
“พ่อ”
ผู้ให้กำเนิดหันไปมองลูกสาวที่หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน แววตาของเธอนั้นเย็นชาไร้แววความสดใสอย่างเช่นตอนวัยประถม ความห่างเหินที่เปรียบเสมือนเส้นสีแดงซึ่งขีดคั่นระหว่างเรา มันชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนการพูดคุยกลายเป็นความจำเป็นไปเสียแล้ว
“หนูอยากได้นาฬิกากับไอพอดทัช”
“...”
ผักที่อยู่ในมือถูกทิ้งลงถังทันทีที่ได้ยิน แววตาของผู้หญิงเบื่อหน่ายชีวิตคู่มองเธออย่างเอาเรื่องขณะที่พ่อคงไม่รู้ว่าจะรับมือกับความเอาแต่ใจของลูกสาวอย่างไร
“เจียมกะลาหัวบ้างไหมว่าทุกวันนี้บ้านเราแทบจะไม่มีเงินกินข้าวอยู่แล้ว”
“ไม่เอาน่าแม่ ลูกแค่ขอเอง”
“ก็เพราะมึงตามใจมันแบบนี้ไง มันถึงได้ทำตัวเหลวไหลแบบนี้ ทำตัวติดหรูไม่ดูฐานะตัวเอง พ่อมึงเป็นเศรษฐีเงินล้านงั้นเหรอ?”
“...”
“วัน ๆ ทำอะไรบ้าง ไปเรียนก็เหมือนไปเล่น เคยคิดเอาความรู้ยัดใส่สมองกลวง ๆ ของมึงบ้างไหม ดีแต่ออกไปแรดกับเพื่อน ใช้เงินเก่งทั้งที่ยังหาเองไม่ได้สักวอนเดียว มึงยังมีหน้ามาขอของสิ้นเปลืองอีกเหรอ?”
“ก็เพราะพ่อกับแม่นั่นแหละหนูถึงได้เป็นแบบนี้!!!”
“เพราะกูงั้นเหรอ? ห๊า! ถ้าจะผิดก็คงผิดที่ปล่อยให้เด็กอย่างมึงเกิดมามีชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าควรเติบโตเป็นคนดียังไง!!!”
“หนูก็แค่อยากมีเหมือนคนอื่น ทำไมพ่อกับแม่ถึงให้หนูไม่ได้”
เด็กสาวกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นปมตั้งแต่สมัยเด็กที่อยากได้อะไรก็ได้แค่มอง แต่ไม่เคยมีใครซื้อเซอร์ไพรส์ให้ในวันเกิด ความอิจฉาจึงก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนมีครบ อิจฉาเพื่อนที่มีพ่อแม่รวย มันเป็นความรู้สึกแย่ ๆ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเกิดขึ้นกับเธอ
คิมพาดาไม่อยากเป็นแบบนี้เลย
*
“อะไรนะ?”
“ขโมยเอาของมาคืนแบคฮีงั้นเหรอ?”
เซฮุนแทรกผู้คนที่ยืนล้อมโต๊ะคนตัวเล็ก ก่อนจะพบพบว่าของที่ถูกขโมยไปทั้งสองชิ้นมันอยู่ในกระเป๋าเป้พร้อมจดหมายขอโทษสั้น ๆ เด็กสาวไม่มีท่าทีดีใจ กลับกันแล้วสีหน้าของบยอนแบคฮีล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเพราะอะไรขโมยถึงคิดเอามาคืนพร้อมจดหมายโง่ ๆ ที่ให้ตายอย่างไรคิมดาซมก็คงไม่มีทางพูดมันออกมา
‘ขอโทษ’
มันย้อนแย้งเกินไปสำหรับเด็กสาวที่กำลังนั่งกรี๊ดเพลงของกลุ่มไอดอลหนุ่มที่เพิ่งปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ออกมา โดยไม่สนใจว่าเพื่อนร่วมห้องต่างตื่นตูมที่ขโมยคืนของให้แบคฮีแล้ว ข้อความที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีม่วงมีกลิตเตอร์ ลายมือกระหวัดเหมือนถูกเขียนด้วยข้างที่ไม่ถนัดยังคงสร้างความสงสัยให้กับเธอมาจนถึงตอนนี้
“แทมิน ช่วยเอาคะแนนกลางภาคไปแจกเพื่อนหน่อยครับ”
“อ้าว’จารย์!” ทุกสายตาหันไปทางเจ้าของชุดวอร์มสีดำซึ่งยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกระดาษคำตอบที่ถูกวางซ้อนกันจนเต็มมือ
“เมื่อวานผมลืมคืนให้พวกคุณ หวังว่าคะแนนจะเป็นที่พอใจนะ”
“อาจารย์ ๆ รู้ยังว่าแบคฮีได้ของคืนแล้วอะ”
“หืม?”
“เห็นว่าโจรแม่งเอามาใส่ในกระเป๋าตอนพักเที่ยง โคตรยอมความกลับใจ 555” แทยงหันไปแท็กมือกับแทมิน
“อา จริงเหรอครับ ดีใจด้วยนะ”
แบคฮีสบตากับอาจารย์ท่ามกลางความวุ่นวายของเด็กนักเรียนที่เข้ามาแย่งกระดาษข้อสอบเพราะอยากรู้คะแนนวิชาพละที่ยอมปล่อยมาเป็นวิชาแรก ขณะวิชาอื่นยังคงไม่มีแววว่าจะเฉลยให้รู้
รอยยิ้มบนใบหน้าคมกับประโยคเมื่อครู่ เหมือนว่าการที่บยอนแบคฮีได้ของคืนเป็นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ปาร์คชานยอลแค่ไม่สนใจหรือว่ามีอะไรมากกว่านั้นกันแน่?
“โห’จารย์! ใจคอจะไม่คิดบวกให้หนูเลยเหรอคะ อีกแค่คะแนนเดียวเองเนี่ย”
“ไปลุ้นเอาปลายภาคแล้วกันนะครับ แม่เงือกน้อย” อาจารย์กำมือป้องปากขำ ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังเดินออกไป ท่ามกลางเสียงโอดครวญของเด็กสาวที่ได้คะแนนน้อยจนไม่กล้าเอาไปอวดคนอื่น
ไม่มีใครสนใจเรื่องขโมยเอาของมาคืนอีก เมื่อคะแนนกลางภาคคือความน่าตื่นเต้นในวินาทีนั้น แบคฮีเก็บของใส่กระเป๋าแล้วหันไปบอกเซฮุนว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เด็กสาวมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มหุ่นผอมสูงดูดี กระทั่งเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมแขนของเธอก็ถูกกระชากเข้าไปในห้องเก็บของ ห้องที่เธอและเซฮุนมักจะนัดเจอกันเป็นประจำ
“ชู่ว์...”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างหลังจากถูกจับปิดปากให้ยืนพิงกับผนัง แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นที่ชานยอลมีโอกาสได้เห็นอาการตื่นกลัว เมื่อคนตัวเล็กเปลี่ยนเป็นแววตาเย็นชากระทั่งเขาปล่อยมือออก
“ทำแบบนี้กับทุกคนที่เดินตามหรือไง?”
“เฉพาะคนที่ถูกใจครับ และวันนี้หวยดันออกที่คุณ” มือข้างหนึ่งค้ำกำแพงไว้แม้รู้ว่าคนตรงหน้าจะไม่หนีไปไหน เราทั้งคู่ต่างถนัดเรื่องยั่วโมโหกันและกัน กดดันให้อีกฝ่ายแสดงออกมาว่ารู้สึกอย่างไร
ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบในห้องเก็บของเก่า ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยเอกสารและโต๊ะเก้าอี้ไม่ใช้แล้ว ราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร หากแต่ไม่มีใครพูดมันออกมาเพื่อคลายความข้องใจใด ๆ ทั้งนั้น
“ถ้าขโมยเอาของมาคืนเอง แบบนี้ถือโอเซฮุนยังทำคะแนนไม่ได้นะครับ”
“อาจารย์รู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
“หืม?”
“ตอบมาคำเดียว”
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องการคำตอบจากผู้ชายคนนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีทางเป็นไปได้ อาจารย์จะมีส่วนรู้เรื่องขโมยเอาของมาคืนได้อย่างไร ทำไมถึงยังหวังอยู่ลึก ๆ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปล่อยให้เรื่องเลยผ่านไปอย่างที่ใจมันบังคับให้คิดอย่างนั้น
อาจารย์แค่ก็บังเอิญเอากระดาษคำตอบมาแจกถึงได้รับรู้เรื่องนี้ ซึ่งถ้าคนตรงหน้าปฏิเสธ บยอนแบคฮีขอสาบานเลยว่าจะไม่คาดหวังอะไรในตัวอาจารย์อีก แต่ถ้าหากใช่ล่ะ... เด็กผู้หญิงอย่างเธอจะจัดการกับความหวั่นไหวลึก ๆ ที่พร้อมจะปะทุออกมาทุกเมื่ออย่างไรดี?
“หนูจะไม่ถามว่าใครเป็นขโมย หนูแค่อยากรู้ว่าอาจารย์เป็นคนทำให้หนูได้มันคืนมาหรือเปล่า?”
ไม่มีแล้วแววตาทะเล้นของผู้ชายที่ลากเธอเข้ามาในห้องเก็บของ คนตัวสูงเพียงยิ้มบาง ๆ และเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงการตอบคำถามง่าย ๆ ซึ่งถ้าไม่ใส่ใจกันจริง ๆ ก็คงปฏิเสธได้ เราไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต้องรักษาความรู้สึกกันขนาดนั้น แบคฮีรู้ดีแก่ใจ
“ผมแค่อยากทำให้คุณคิดได้สักทีว่าไม่ควรเอาผมไปเปรียบเทียบกับโอเซฮุน”
เหตุผลบ้า ๆ ทำให้หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งภายในเสี้ยววิ แบคฮีโอบใบหน้าอาจารย์เอาไว้ก่อนจะเขย่งขาขึ้นจูบคนปากแข็งที่ไม่ยอมพูดตรง ๆ ซึ่งชานยอลก็จูบตอบพร้อมรวบสองมือของเด็กสาวขึ้นตรึงไว้กับผนังเหนือศีรษะ
CUT (2)
(WELCOME TO MALINWORLD)
รีบอ่านก่อนซิงเกิ้วเกทเว
ความคิดเห็น