คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 05 :: Teach me how to ride.
? cactus
Chapter 05
Teach me how to ride
เด็กสาวออกมาจากห้องน้ำพร้อมตรงไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อทาครีมบำรุงผิวหลังจากจัดการกลิ่นหมูย่างออกไป เธอมองกระจกขณะเช็ดผม ก่อนสายตาจะพลันไปเห็นนาฬิกายางของเล่นที่ถูกถอดวางข้าง ๆ หวี
แบคฮีหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ ๆ พร้อมนึกถึงคนให้ที่นั่งแท็กซี่มาส่งเธอถึงหน้าบ้าน ถ้าโอเซฮุนรู้คงน้อยใจที่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้มาส่งแบบนี้ แต่สำหรับคนอย่างบยอนแบคฮีอะไรจะเกิดขึ้นก็ย่อมได้ เธอไม่เคยให้ความสำคัญกับสิ่งไหนเท่ากัน นั่นคือเรื่องจริง
กับเซฮุนอยู่ด้วยแล้วสนุก แบคฮีชอบผู้ชายคนนั้นแต่ก็ไม่อยากพัฒนาถึงขั้นเรียกว่าแฟนเพราะยังมีอะไรหลายอย่างที่รู้สึกว่างเปล่าเวลาอยู่ด้วยกัน เซฮุนเอาใจเก่งแต่ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้แบคฮีรู้สึกอบอุ่นใจ และมันคงเป็นเหตุผลที่เธอมักจะเปรียบเทียบการกระทำของเซฮุนกับอาจารย์อยู่เสมอ
เพราะเด็กวัยรุ่นกับผู้ใหญ่นั้นต่างกัน ทั้งคำพูดและการกระทำ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากสร้างความดีให้อาจารย์มากไปกว่านี้ มันคงดีถ้าหากบยอนแบคฮีไม่รู้สึกผูกพันกับใคร เพราะความรักจะทำให้เธอเป็นคนโง่ เด็กสาวไม่อยากรู้สึกอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสักวันหนึ่งจะกลายเป็นคนที่ต้องเจ็บ
เปิดลิ้นชักสีขาวพร้อมทิ้งนาฬิกายางลงไปและดันกลับในทันที ดวงตาคู่สวยมองตนเองในกระจกเพื่อบอกให้ตนเองมีสติให้มากกว่านี้ ผู้ชายที่เดี๋ยวแกล้งเดี๋ยวจริงจังคนนั้นน่ะ ก็แค่มองเห็นเธอเป็นเด็กนักเรียนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
บยอนแบคฮีไม่ได้พิเศษไปกว่าใครหรอก เลิกคิดเรื่องนี้เสียที
*
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยเมฆสีเทาที่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อน เปรียบเสมือนความรู้สึกของเธอในตอนนี้ที่หม่นหมองจนไม่รู้ว่าในชีวิตนี้ท้องฟ้าในใจของเธอจะสดใสได้หรือไม่ หยาดฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้ใครหลายคนเร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไปในโรงเรียน ขณะที่คิมมินซอกยืนกางร่มอยู่บนฟุตปาธพร้อมมองไปยังสถานศึกษาซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่านรกบนดิน
ดวงตาเรียวเฉี่ยวเหม่อมองอย่างคนสิ้นหวัง เป็นอีกวันที่เด็กสาวเจ้าเนื้อต้องฝืนตื่นจากที่นอนเพื่อลุกไปอาบน้ำแต่งตัวมาที่นี่ เพื่อเจอความโหดร้ายแบบไม่ซ้ำกันอย่างเช่นสามอาทิตย์ที่ผ่านไป
ฉันอยากตาย...
คน ๆ หนึ่งจะแบกรับความทรมานจากความสนุกของคนกลุ่มหนึ่งได้สักเท่าไหร่กัน หลายครั้งที่มินซอกเดินไปหยุดยืนขอบดาดฟ้าและมองลงไปข้างล่าง จินตนาการว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าหากเธอตกลงไปคอหักตาย
ยัยพวกเปรตนั่นจะสำนึกบ้างไหม... จะรู้สึกผิดบาปในใจที่ทำลายชีวิตคน ๆ หนึ่งหรือเปล่า แต่พอคิดว่าการเอาชีวิตไปแลกกับความรู้สึกแบบนั้นก็กำหมัดแน่นแล้ว เธอจะไม่ยอมตายเด็ดขาด คิมมินซอกจะอยู่เพื่อรอดูความฉิบหายของคนกลุ่มนั้นและหัวเราะออกมาดัง ๆ
*
สนามบาสเปียกไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องจึงไม่มีคนคอยดึงความสนใจของบยอนแบคฮีออกจากหน้ากระดานดำ เด็กสาวเท้าคางมองสมุดที่ถูกขีดเขียนด้วยดินสอ เธอมักจะออกแบบเสื้อผ้าเพื่อกลบความคิดในหัว พอเรียกสติได้ก็เงยหน้าขึ้นมองกระดาน ทำสลับกันอยู่อย่างนั้นจนถึงเวลาพัก
วันนี้แบคฮีปลีกตัวออกไปคนเดียวไม่ได้ เพราะที่ตรงนั้นคงเปียกฝนและชื้นแฉะจนไม่น่าอยู่ จึงต้องนั่งกินข้าวพร้อมเพื่อนในกลุ่มและตบหัวโอเซฮุนไปหนึ่งครั้งที่เข้ามาวุ่นวาย
พอถึงคาบบ่ายก็กลับไปบนห้อง ระหว่างทางเธอเห็นว่าขี้ข้าในกลุ่มคิมดาซมกำลังทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ จึงชะลอฝีเท้าและปล่อยให้เพื่อนอีกสามคนเดินนำไปก่อน คนตัวเล็กหยุดยืนหลบอยู่ตรงมุมทางเดิน ชะโงกหน้ามองเล็กน้อยก่อนจะพบว่ากระเป๋าเก่า ๆ ของคิมมินซอกถูกเอาไปซ่อนไว้ในห้องแลป
แบคฮีเข้าไปหลบในห้องเอเมื่อคนในกลุ่มดาซมเดินกลับมาทางนี้ พอเห็นว่าไปแล้วจึงออกไป เด็กสาวมองสองคนนั้นที่หัวเราะคิกคักชอบใจจนหายลับเข้าไปในห้องเรียน มินซอกยังคงถูกแกล้งอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ๆ ที่พยายามอยู่ห่างอาจารย์จนแทบไม่ได้คุยกันเลยสักคำเดียว แบคฮีคิดว่าตอนนี้มันคงไม่เกี่ยวกับเรื่องอาจารย์แล้ว แต่น่าจะแกล้งเอาสะใจมากกว่า
“...”
คนตัวเล็กชะงักเมื่อหันหลังไปจนเกือบชนกับคนในความคิด ทั้งคู่เบิกตากว้างและถอยออกจากกันเพื่อสร้างระยะห่าง ไม่มีใครพูดอะไร แบคฮีจึงพยักหน้าเพื่อบอกให้อีกฝ่ายไปก่อน มินซอกจึงก้มหน้าเดินจากไป
เด็กสาวยืนอยู่กับที่และทบทวนตัวเองว่าควรทำอะไรในเวลาแบบนี้ดี ระหว่างเพิกเฉยทำเป็นไม่สนใจเหมือนทุกครั้งหรือตะโกนไล่หลังให้คิมมินซอกรู้ว่ากระเป๋าถูกเอาไปซ่อน
เสียงหัวเราะของกลุ่มผู้หญิงแว่วเข้ามาในหู ตามด้วยภาพเด็กผู้หญิงร่างท้วมวิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายก่อนจะเลี้ยวไปจนสุดทางเดินของฝั่งนั้น แบคฮีมองภาพตรงหน้ากับความกดดันที่เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ เด็กสาวไม่รู้ว่าอะไรคือความถูกต้องในเมื่อคนเรามองเห็นมันไม่เหมือนกัน
แต่ในเมื่อลังเลที่จะทำสองข้อนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ ดังนั้นแบคฮีจึงตัดสินใจเลือกทางของตัวเอง
ตรงเข้าไปในห้องแลปพร้อมกวาดสายตาไปโดยรอบ หันซ้ายขวามองหาเพียงครู่เดียวก็พบกระเป๋าเป้ของมินซอกที่วางอยู่บนพื้น เด็กสาวคว้าขึ้นมาอย่างไม่ลังเลก่อนจะเดินออกไปและวางมันลงข้างกระถางต้นไม้ที่ตั้งไว้ประดับทางเดิน เพราะการถือเข้าไปให้ถึงห้องคงเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเกินไป
มินซอกวิ่งกระหืดกระหอบมาจากฝั่งนั้น แบคฮีมองความร้อนใจของเด็กสาวผู้โชคร้ายกระทั่งสวนทางกันบนทางเดินยาวที่โรยไปด้วยความอึดอัด เธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในใจของเราที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่ต่างกัน แต่แบคฮีก็เลือกเดินเข้าไปในห้องและปล่อยให้มินซอกวิ่งไปหากระเป๋าในจุดที่เธอวางไว้
เด็กสาวเจ้าเนื้อถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมทรุดตัวนั่งลงตรงหน้ากระเป๋าเป้เก่า ๆ ที่วิ่งหารอบทั้งสายชั้นเพราะถูกแกล้ง น้ำตาที่ไหลออกมานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งโกรธ เกลียด โล่งใจ มินซอกกอดกระเป๋าไว้แนบอกพร้อมนึกถึงใบหน้าสวยของใครอีกคนที่วันนี้เดินสวนกันถึงสองรอบ
หรือว่าคนที่ทำแบบนี้กับเธอคือ...
*
“หายไปไหนมา?” ยูจินมองคนตัวเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง
“ห้องน้ำ”
“ไม่เห็นชวนเลย ฉันก็ปวดเหมือนกันอะ” แชรอนหันกลับมาหาเพื่อนสาวสองคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง ก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อเห็นว่าสายตาของแบคฮีในตอนนี้กำลังสบตากับดาซม
ทั้งคู่เชือดเฉือนกันด้วยสงครามประสาท และในเมื่อหัวหน้ากลุ่มเริ่ม พวกขี้ข้าก็ต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ แบคฮีมองความน่าสมเพชของกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ดีแต่ข่มคนอื่นเอาสะใจ กระทั่งคิมมินซอกเดินกลับมาในห้องพร้อมกระเป๋าเป้นั่นแหละ รอยยิ้มที่เคยเย้ยหยันก็จางหาย
สีหน้าคนเหล่านั้นเจื่อนไปเมื่อเห็นว่าเป้าหมายหาของเจอแล้ว กลุ่มเด็กสาวเจ้าปัญหาหันไปปรึกษากันอยู่ครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะหันมามองแบคฮีราวกับว่าอยากจะขยี้ให้ตาย
“อะไรอะ อีอ้วนหากระเป๋าเจอไวมาก”
“แปลกเกิน มีใครเจอแล้วเอามาคืนนางหรือเปล่า”
“ไม่น่านะ เพราะเมื่อกี้ได้ยินว่าเอาไปซ่อนไว้ในห้องแลปที่ไม่มีคนใช้ ถ้าจะเจอก็คงคาบหน้าเลย”
“แบคฮี”
“...” คนถูกเรียกหันไปตามเสียง เพื่อพบสายตาหวาดระแวงของเพื่อนทั้งสามคน
“เธอเป็นคนช่วยนางหรือเปล่า?” ยูจินถามทั้งที่มีคำตอบในใจอยู่แล้ว แบคฮีปล่อยให้เพื่อนทั้งสามคนตกอยู่ในความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะแสร้งทำเป็นชี้หน้าตัวเอง
“ฉันเนี่ยนะ?”
“ก็เธอเดินเข้ามาก่อนอีอ้วนแค่แป๊บเดียว ก็ต้องน่าสงสัยเป็นธรรมดา” พาดามองอย่างคาดคั้น เพราะเธอสามคนต่างรู้ว่าแบคฮีไม่เคยอินเวลานินทาคิมมินซอก บวกกับนิสัยขวางโลกที่ไม่เคยคล้อยตามคนอื่น จึงทำให้กลายเป็นคนน่าสงสัยมากที่สุด
“ฉันว่ากลุ่มดาซมก็คงสงสัยเธอเหมือนกัน”
“บ้าแล้ว” แบคฮีหัวเราะ “หลักฐานก็ไม่มีสักหน่อย จะโทษฉันเพราะการสันนิษฐานก็จะยังไง ๆ อยู่นะ...” เธอจงใจพูดให้เพื่อนทั้งห้องได้ยินก่อนจะหันไปยิ้มให้กับกลุ่มดาซม
ท่ามกลางความสนใจของเพื่อนร่วมห้องซึ่งแบ่งเด็กผู้ชายเป็นสองประเภท กลุ่มแรกคือคนที่เข้าใจถึงสงครามประสาทของเด็กผู้หญิงได้ดี แต่ก็มีบางคนที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เซฮุนมองเด็กสาวที่เขาชอบสลับกับเด็กสาวที่ชอบเขา เซฮุนรู้เรื่องนาฬิกาของแบคฮีหายตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ซึ่งเขาเดือดร้อนใจและเลือกที่จะเข้าข้างเธอ
“จริงไหมดาซม?”
*
ผ่านไปประมาณสิบนาทีเห็นจะได้ แบคฮีขมวดคิ้วหรี่ตาเมื่อพบว่าผู้คนที่อยู่ในผับต่างแตกตื่นอย่างน่าประหลาด บางคนวิ่ง บางคนยืนอยู่เฉย ๆ จนกังวลว่าที่นี่อาจจะเกิดเหตุร้ายขึ้น แบคฮีจึงประคองร่างตนเองลุกขึ้นยืนพร้อมกวาดสายตามองหาเพื่อน ๆ แต่ก็ไม่พบสามคนนั้น ไฟไหม้งั้นเหรอ? เด็กสาวคิดในใจ แต่ก็ได้คำตอบว่าไม่ใช่
เมื่อคนที่ตรงมาทางนี้คือตำรวจที่เข้ามาจับเด็กอายุไม่ถึง
*
“บยอนแบคฮี”
“ไม่มาค่า”
“ลาป่วยเหรอ?” อาจารย์สอนภาษาอังกฤษถามพร้อมมองไปยังที่นั่งว่าง ซึ่งเซฮุนก็เช่นกัน เด็กหนุ่มหยุดสายตาอยู่ตรงนั้นก่อนจะก้มหน้ากดโทรหาแบคฮีเป็นครั้งที่ยี่สิบสี่
ต่อให้โดนด่าที่โทรหาไม่หยุดก็ยอมแล้ว แบบนี้เขาจะเรียนอย่างสบายใจได้อย่างไร ถึงแบคฮีจะชอบแกล้งเมินไม่สนใจโอเซฮุนมากขนาดไหน แต่อย่างน้อยยัยนั่นก็ยังตอบข้อความกลับมาด่าและบอกให้รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ทุกครั้ง
แต่วันนี้มันแปลกเกินไป
“นางโดนตำรวจจับเมื่อคืนข้อหาเข้าผับทั้งที่ยังอายุไม่ถึงค่ะอาจารย์” คำตอบของคิมจูอึนทำให้เขาชะงักมือ เซฮุนเงยหน้ามองไปยังกลุ่มเด็กสาวที่กำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดีขณะที่เขาร้อนใจจนแทบบ้า
ว่าทำไมถึงเพิ่งรู้ตอนนี้ทั้ง ๆ ที่คนอื่นรู้กันหมดแล้ว
เซฮุนหันไปทางกลุ่มผู้หญิงสามคนที่นั่งติดหน้าต่าง ยูจินกับพาดากำลังส่ายหน้าปฏิเสธสายตาเพื่อนร่วมห้องที่ต่างพากันพร้อมใจมองราวกับจะถามว่าพวกเธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ส่วนแชรอนก้มหน้านิ่ง มองจากมุมนี้มันชัดมากว่าเธอดูแปลก ๆ ไป
“ให้ตาย อาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเธอรู้แล้วหรือยังน่ะ?”
“วันนี้อาจารย์ไม่ได้เข้าคาบโฮมรูมค่ะ แต่ไม่มีปัญหาหรอก เพราะพ่อของแบคฮีคงจัดการให้หมดแล้ว”
“รู้ดีจังเลยน้าจูอึน” แทมินยิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะหันไปแท็กมือกับเพื่อนนักฟุตบอลที่นั่งอยู่ข้างหลังเมื่อสีหน้าของเธอเจื่อนไป
“ก็ฉันอ่านข่าวในบอร์ดโรงเรียน ใคร ๆ ก็รู้จากตรงนี้ทั้งนั้นแหละ”
“แล้วใครมันเอามาลงบอร์ดวะ” แทยงถามพร้อมหันไปพยักหน้าอย่างรู้กันกับแทมิน
“ก็ -- ในเว็บข่าวทั่วไปไง ก็แหม ที่นั่นจับเด็กอายุไม่ถึงได้ตั้งหลายคน” จูอึนหัวเราะพลางกลอกตามองเพื่อนร่วมห้องที่มองราวกับว่าไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไหร่
“สรุปรู้จากบอร์ดโรงเรียนหรือเว็บข่าวอะ” ไอ้บ้าแทยงยังไม่หยุดไล่ต้อนให้จนมุม พอมันเห็นว่าเธอตอบไม่ได้จึงหันไปหัวเราะกับเพื่อนผู้ชาย
“รู้ลึกขนาดนั้นเลย นี่ ๆ เธอสามคนว่าไง ยูจิน พาดาก็ได้ แชรอนก้มหน้าทำไมอะ เป็นเหาเหรอ พูดอะไรบ้างสิ อย่าให้น้อยหน้ากลุ่มอื่นที่พูดถึงเพื่อนตัวเองอย่างรู้ลึกอย่างนี้”
“อีแทมิน!” จูอึนถลึงตามองขู่เด็กผู้ชายนิสัยกวนประสาทที่ปากร้ายอย่างกับผู้หญิง
“ฮ่า ๆ”
“เอาล่ะ พอได้แล้ว ยังไงก็ดูกรณีของแบคฮีไว้เป็นตัวอย่างแล้วกัน ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ระวังบ้าง อีกแค่เทอมเดียวก็จะเตรียมสอบเข้ามหาลัยกันแล้ว พอถึงตอนนั้นจะไปเที่ยวเล่นก็ยังไม่สาย”
“ค่า/ครับ”
“เดี๋ยว! เซฮุน! จะไปไหนน่ะ?!” เสียงของดาซมเรียกความสนใจทุกคนไปทางเด็กหนุ่มที่ลุกออกจากเก้าอี้วิ่งออกไปตัวเปล่าพร้อมโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว เด็กสาวไม่รอช้ารีบตามไปจนถึงบันได แต่ตะโกนเรียกเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุด “เซฮุน!”
ขายาวหยุดอยู่บนบันไดขั้นล่างสุดก่อนจะเงยหน้าหันไปสบตากับเด็กสาวที่มองมาอย่างน้อยใจ ดาซมกำมือแน่นท่ามกลางความเงียบและความเย็นชาของอีกฝ่าย ช่วยสนใจกันหน่อยไม่ได้หรือไง ความพยายามที่ทำไปเซฮุนไม่เคยสัมผัสได้เลยหรือ?
“กลับไปเถอะดาซม”
“ไม่ ฉันจะกลับไปพร้อมนาย”
“มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะมางอแงหรือเปล่า กลับไปได้แล้ว” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างอ่อนใจ แต่อีกฝ่ายก็ส่ายศีรษะพร้อมบีบน้ำตาให้เขารู้สึกผิด
“ต่อให้นายไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ยัยนั่นมีพ่อคอยจัดการให้อยู่แล้ว”
“ฉันไม่ได้ไปช่วยจากตำรวจ” เซฮุนสบตากับเธอแล้วปล่อยให้ความเงียบกลืนกินความรู้สึกของเราทั้งคู่ “แต่ฉันจะไปอยู่ข้าง ๆ แบคฮี”
“...”
ใจร้ายเกินไปแล้ว... โอเซฮุนยังมีหัวใจอยู่ไหมถึงได้พูดอย่างนั้นกับเธอ ดาซมกำมือแน่นพลางเม้มริมฝีปากขณะมองอีกคนที่ตรงไปข้างหน้าสามก้าวเพื่อเดินลงบันได เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับใบหน้าสวยที่กำลังร้องไห้ แต่วันนี้เขาไม่รู้สึกผิด
“หวังว่าเธอคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะ ดาซม”
*
“คุณผู้ชายใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ ดิฉันขอร้อง”
“มันอยู่บนห้องใช่ไหม?” บยอนยูฮันกัดฟันกรอด กำหมัดแน่นกดโทสะที่ปะทุตั้งแต่ในวินาทีแรกที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงของเลขาเพื่อรู้ว่าลูกสาวถูกตำรวจจับในผับ จนต้องเดือดร้อนถึงเส้นสายขอให้ช่วยจัดการ
“ยืนหายใจเข้าลึก ๆ สักนาทีก่อนเถอะค่ะ คุณหนูไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเพราะถูกกักตัวไว้จนเช้า เธอรู้สึกแย่มามากแล้ว อย่าให้เธอต้องเจ็บปวดอีกเลยนะคะ”
“เป็นเพราะฉันตามใจมันมากเกินไปไงถึงได้เสียคนอย่างนี้ นังลูกไม่รักดี ฉันส่งเสียให้มันไปเรียนแต่กลับไปแรดตอนกลางคืน”
ประตูสีขาวถูกเปิดเข้าไปอย่างแรงจนกระแทกกับผนัง เด็กสาวที่นั่งอยู่ปลายเตียงมองไปยังเจ้าของคำพูดร้ายกาจที่เธอได้ยินทุกประโยคตั้งแต่พ่อเข้ามาในบ้าน ทั้งคู่สบตากันในสถานการณ์ที่ยากจะกลั่นคำพูดออกมา คนเป็นพ่อจึงหัวเสียกว่าเดิมเมื่อไม่เห็นสีหน้าอย่างที่คาดหวังไว้ว่าลูกสาวจะรู้สึกผิด เพราะบยอนแบคฮีเพียงมองมาด้วยแววตาเรียบเฉย ต่อต้าน ท้าทายเขาราวกับว่าอยู่เหนือกว่าผู้เป็นพ่อ
“เป็นเด็กธรรมดาเหมือนคนทั่วไปมันยากมากหรือไง ถึงได้ออกไปทำตัวเสีย ๆ หาย ๆ ให้ฉันต้องปวดหัว?”
“หนูผิดที่ไปเที่ยวทั้งที่อายุไม่ถึง ขอโทษนะคะ” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่สีหน้าของเด็กสาวก็ไม่ได้แสดงออกให้เขาเชื่อเลยว่ากำลังรู้สึกผิด
“คิดว่าขอโทษแล้วทุกอย่างก็จบใช่ไหม รู้บ้างหรือเปล่าว่าไปสร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้?” ไม่มีแล้วพ่อที่คอยตามใจทุกอย่าง ตอนนี้เหลือเพียงผู้ชายหน้าตาดุดันที่พยายามยัดเยียดความผิดให้เธอ
“หนูรู้ค่ะ”
“แล้วตอนทำทำไมไม่คิด?!”
“แล้วตอนมีเมียน้อยพ่อได้คิดก่อนหรือเปล่าคะ?”
“...”
“หรือว่าคิดไว้แล้วถึงได้ปล่อยให้เป็นอย่างนี้?” กี่ครั้งแล้วที่บยอนยูฮันต้องจุกเพราะคำพูดของลูกสาวตนเอง เลือดในกายพุ่งพล่านเพราะคำต่อล้อต่อเถียงของเด็กเมื่อวานซืนที่ยังไม่รู้จักโลกดีพอ
“อย่าทำตัวเป็นเด็กก้าวร้าวกับฉันนะ”
“หนูผิดเหรอที่อยากรู้กับสิ่งที่คาใจมาตลอด” เด็กสาวในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ลุกขึ้นยืนแล้วตรงไปหยุดอยู่หน้าพ่อของเธอ “แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้แม่ก็มีความสุขกับผู้ชายคนนั้นไปแล้ว”
“...”
“และคงมีความสุขมากกว่าตอนอยู่กับพ่อเป็นไหน ๆ”
“หยุดพล่ามความโง่ของแม่แกสักทีเถอะ นังนั่นก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอก รู้ไว้ด้วยว่าแม่แกมันแอบเล่นชู้กับไอ้เศรษฐีเจ้าของโรงแรมตอนที่ฉันทำงานอยู่!”
“อา... พ่อแมนสุด ๆ ไปเลย” แบคฮีแค่นยิ้มพร้อมปรบมือ “ทุกคนในโลกผิดทั้งนั้น ยกเว้นพ่อของหนูคนเดียว”
“อย่าชักแม่น้ำทั้งโลกมาบิดเบียนความผิดตัวเอง บยอนแบคฮี แกเคยนึกถึงคนเป็นพ่ออย่างฉันบ้างไหม คนที่ให้แกเกิดมาหายใจบนโลกนี้ได้ เวลาคิดจะทำอะไรเคยนึกถึงบ้างสักวินาทีหรือเปล่า?”
“ที่พ่อกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะเป็นห่วงหนูจริง ๆ หรืออายสังคมที่ลูกสาวทำให้ฉาวคะ?” แบคฮีสบตากับคนตรงหน้า “หนูนึกถึงพ่อตลอดค่ะ นึกถึงจนลืมไปแล้วว่าเคยมีพ่อเหมือนคนอื่นด้วย”
“...” บยอนยูฮันกำหมัดแน่น กับคำพูดเสียดแทงใจที่กลายเป็นว่ามันย้อนกลับมาเล่นงานเขาเสียเอง
“พ่ออยากได้อะไรจากหนูอีกไหมคะ น้ำตาเหรอ หรือว่าให้คุกเข่าสาบานว่าจะไม่ทำตัวเป็นเด็กใจแตกอีก หนูทำให้ได้นะถ้าพ่อจะสบายใจแล้วขับรถออกไปหาเมียน้อยเหมือนที่ทำมาตลอด เรื่องมันจะได้จบสักที”
“หุบปากของแกเดี๋ยวนี้นะบยอนแบคฮี...” ชายวัยห้าสิบกัดฟันพูด สบตากับเด็กสาวอย่างเอาจริง ตลอดเวลาที่อยู่กับลูกเขาแทบจะไม่เคยดุเธอเลย แต่พอเป็นแบบนี้ก็ต้องสั่งสอนให้รู้เสียบ้างว่าเป็นเด็กควรปฏิเสธกับผู้ใหญ่อย่างไร
“ข่าวหนูลงแค่ในเว็บหากินทั่วไป พ่อไม่ใช่นักการเมืองหรือดาราใหญ่ อีกไม่กี่วันคนก็ลืมแล้ว สบายใจเถอะค่ะ”
“แกพูดเหมือนมันเป็นเรื่องง่าย” บยอนยูฮันชี้หน้าลูกสาวอย่างเอาเรื่อง “ที่โกหกว่าไปค้างบ้านเพื่อนเพราะเหตุผลนี้ใช่ไหม ทำไมถึงชั่วได้แม่แบบนี้”
“โทษแม่อีกแล้วเหรอคะ หนูอยู่กับพ่อก็ต้องเหมือนพ่อสิ”
“...!!!”
แม่บ้านวัยห้าสิบเบิกตาโพลงพร้อมยกมือขึ้นป้องปากหลังจากเห็นคุณผู้ชายตบคุณหนูจนหน้าหัน เธอรีบเข้าไปประคองไหล่เด็กสาวไว้พร้อมส่ายหน้าขณะสบตากับเจ้านายเพื่อขอร้องให้หยุด บยอนยูฮันยืนนิ่งพร้อมมองฝ่ามือตนเอง เขากำลังช็อกกับสิ่งที่ไปเมื่อครู่ที่ทำลงไปเพราะความชั่ววูบ
“คุณหนูคะ” แม่บ้านหัวใจแทบสลายเพียงเพราะเห็นคนตัวเล็กน้ำตาไหลคลอ
เด็กผู้หญิงโง่ ๆ คนหนึ่งไม่เคยรู้เลยว่าโลกพังเป็นอย่างไร กระทั่งความเจ็บบนใบหน้าแล่นปราดไปถึงหัวใจจนเปลี่ยนเป็นความรู้สึกชาวาบเพราะสิ่งที่พ่อได้ลงมือทำกับเธอ
แบคฮีเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้ให้กำเนิด ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นที่เธอได้บอกความรู้สึกทั้งหมดผ่านทางสายตา ก่อนจะปัดมือป้าแม่บ้านแล้วรีบวิ่งออกไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก
“แบคฮี!!!”
*
“วันนี้ถือว่ารอดตัวไปนะ แต่อาทิตย์หน้าโดนทุกคนแน่ อย่ามาโอยครับ สอบว่ายน้ำง่ายกว่าท่องสูตรคูณอีก ส่วนใครที่ยังว่ายไม่ได้ก็ขอให้เพื่อนสอนนอกเวลานะครับ คนที่เป็นแล้วก็มีน้ำใจช่วยเพื่อนด้วยนะ”
“ผมว่าเรามานั่งคุยเรื่องตลกกันดีกว่า’จารย์” เด็กนักเรียนต่างชอบใจที่ไม่ได้ลงสระวันนี้เพราะฝนตกตลอดทั้งวัน
“ไม่ได้ครับ วันนี้ผมจะเช็กชื่อแล้วให้งานพวกคุณไปทำข้อสองข้อ”
“โหย อย่างเซ็งอะ”
“อย่าเสียงดังล่ะ ห้องข้าง ๆ เรียนอยู่ เข้าใจไหม?”
“ครับ/ค่า”
ตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาในห้องนี้ปาร์คชานยอลเอาแต่มองหาเด็กตัวแสบ แต่ผ่านไปสิบนาทีก็ไม่มีวี่แววว่าบยอนแบคฮีจะเดินเข้ามาในห้องเรียน ถ้าจะบอกว่าเด็กคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าต้องลงสระก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเพื่อนทั้งสามคนในกลุ่มเธอก็อยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นการไปเข้าห้องน้ำก็น่าจะเป็นไปได้มากกว่า
แต่จะไปคนเดียวหรือไปกับใครนี่สิ...
“โอเซฮุน” เขาจะได้คำตอบหลังจากเช็กชื่อนี้ซึ่งทั้งห้องก็เงียบไป บางคนหันซ้ายขวามองหา แต่ก็มีเด็กบางคนที่ไม่ได้สนใจการอยู่ของเพื่อนร่วมห้อง
“ออกไปตามหาแบคฮีตั้งแต่เช้าแล้วครับ’จารย์”
“หืม ทำไมครับ?”
“นางไปเที่ยวกลางคืนจนโดนตำรวจจับค่ะอาจารย์ สั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความ” หนึ่งในกลุ่มของดาซมอาสาตอบแทนเพื่อเอาหน้า
“ใช่ พอรู้ข่าวนะ เซฮุนมันก็รีบวิ่งออกไปอย่างกับพระเอกหนังเลย’จารย์ อย่างหล่ออะ”
“ตลอด กินซีนตลอด”
“ว่าได้เหรอ แฟนกันก็เงี้ย พวกโสดก็นั่งแห้งเหี่ยวไป”
“แฟนบ้าไร!” จูอึนแหวใส่กลุ่มเด็กผู้ชายที่พูดทิ่มแทงจิตใจดาซม เธอหันไปกุมมือเพื่อนสนิทซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทั้งวัน เพียงเพราะถูกโอเซฮุนทำร้ายจิตใจอีกครั้ง
“แต่ตอนเที่ยงฉันโทรคุยกับไอ้เซฮุน เห็นมันบอกว่าแบคฮีหนีออกจากบ้านนะ ตอนนี้กำลังตามหาอยู่”
“เหยด บวกกับพ่อเหรอ”
“ก็น่าอยู่ ลูกสาวไปแรดจนได้เรื่องอย่างนั้นเป็นกูไม่ได้ จับขึงกับหัวเตียงแม่ง”
“ละทำไงต่อ”
“ปล้ำ”
“อะแฮ่ม!” ชานยอลกระแอมไอปรามกลุ่มเด็กหนุ่มซึ่งเริ่มจะเล่นกันอย่างสนุกปากจนไม่เกรงใจเพื่อนที่พูดถึงที่เป็นผู้หญิง
ทุกคนต่างฮือฮาหลังจากรู้ว่าแบคฮีหนีออกจากบ้าน รวมถึงอาจารย์หนุ่มที่เก็บความสนใจไว้ใต้สีหน้าได้แต่ในหัวกำลังคาดเดาว่าตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน เป็นเพราะระหว่างเขาและเธอ ไม่เคยเกิดความกังวลขึ้นต่อกัน ชานยอลจึงไม่เคยรู้ว่าเขาสามารถร้อนใจเรื่องแบคฮีมากแค่ไหน ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นคำตอบที่ค่อนข้างชัดเจน
ชายหนุ่มถือแฟ้มรายชื่อค้างไว้พลางหลุบสายตาลง เขายังคงเช็กชื่อต่อไปและพยายามคิดหาทางออกสำหรับเรื่องนี้
“ผมให้โจทย์อัตนัยไปทำสองข้อ ทำเสร็จแล้วรวบรวมกันให้คนสุดท้ายเอาไปวางบนโต๊ะผมที่ห้องพักครูนะ”
“ครับ/ค่า”
“ผมขอตัวไปทำธุระก่อน แล้วเจอกันอาทิตย์หน้าครับ”
*
ท้องฟ้าถูกระบายด้วยสีเทาเข้มปนส้มเมื่อดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า สายฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ ชานยอลถามตัวเองอีกครั้งว่าทำไมเขาถึงต้องทำถึงขนาดนี้ ทั้งที่น่าจะรู้ดีว่าบยอนแบคฮียังมีโอเซฮุน เด็กผู้ชายคนนั้นที่สามารถแตะต้องตัวเธอได้อย่างชอบธรรม
แต่เป็นเพราะแววตาและสีหน้าของเธอในคืนวันนั้นที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว รอยยิ้มเล็ก ๆ ตอนมองนาฬิกายางของเล่นที่เขาให้เป็นของขวัญปลอบใจ ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่บยอนแบคฮีได้ปลดปล่อยตนเองให้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง สีหน้าและแววตาที่เหมือนเด็กถูกทอดทิ้งทำให้เขาละสายตาไปไหนไม่ได้
ชานยอลขับรถวนไปวนมาตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นชั่วโมงเพราะเชื่อในความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะเจอเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหนสักแห่ง ก่อนหน้านี้ไปตามถึงบ้านและอ้างความเป็นห่วงของการเป็นอาจารย์แต่ก็ได้รับน้ำตาของป้าแม่บ้านกลับมา จนเกิดความกดดันว่าสถานการณ์ชักจะแย่ลงไปทุกทีแล้ว
โอเซฮุนจะตามหาเธอเจอหรือยัง? นั่นคือคำถาม... เขาน่าจะเขอเบอร์เด็กนั่นจากเพื่อนไว้เผื่อจะได้ติดต่อกัน
ชายหนุ่มขับรถกลับเข้าไปตั้งหลักในโรงเรียนเพื่อใช้ความคิด เขานั่งอยู่ในห้องพักครูเงียบ ๆ ท่ามกลางเสียงฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ยิ่งท้องฟ้ามืดมิดเท่าไหร่ ระดับความร้อนใจของชายหนุ่มก็พุ่งขึ้นสูงเท่านั้น
ขายาวก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง มองหยดน้ำที่เกาะพราวบนกระจกใสก่อนจะไหลลงไปในวินาทีถัดมา ในหัวเรียบเรียงเหตุผลทุกอย่างเป็นฉาก ๆ ถ้าแบคฮีเลือกไม่ติดต่อเพื่อนทั้งสามคนก็คงมีเพียงโอเซฮุนเท่านั้นที่พอเป็นความหวัง เด็กคนนั้นสนิทกับใครอีกบ้างหรือเปล่า มีญาติที่ไหนพอจะวางใจได้ไหม มีสถานที่ไหนที่บยอนแบคฮีเลือกจะไป และตอนนี้เซฮุนตามหาเธอเจอหรือยัง?
ปาร์คชานยอลแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบยอนแบคฮีเลย
“...”
ชายหนุ่มหลุดออกจากความคิดเมื่อนึกบางอย่างออก ก่อนขายาวจะเดินกลับไปเอากระเป๋ากีฬา สมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะและร่มสีขาวขึ้นมาก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องพักครูด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี
รองเท้าที่เปียกเพราะพื้นน้ำขังจนเฉอะแฉะไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหัวเสียเมื่อสิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดคือภาพของเด็กสาวคนหนึ่ง ท้องฟ้ากระพริบแสงเป็นจังหวะจนโดยรอบสว่างเพียงชั่ววูบ เขาเปิดไฟฉายมือถือพร้อมกางร่มไปยังเป้าหมาย ท่อคอนกรีตเสริมเหล็กคือความหวังสุดท้ายที่ชานยอลมองข้ามไป แม้จะไม่มั่นใจแต่การไปสำรวจให้เห็นกับตาก็ย่อมดีกว่าอยู่เฉย ๆ
“...”
ความกังวลมลายหายไปเมื่อพบเด็กสาวนั่งกอดเข่าในสภาพเปียกปอน ดวงตาคู่สวยช้อนมองราวกับไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอเขาในเวลาแบบนี้ อ้อมกอดคนตัวเล็กที่นั่งซ่อนตัวอยู่ในท่อคอนกรีตเสริมเหล็กมีแมวเด็กขนาดเท่าฝ่ามือหลับอยู่ เธอให้ความอบอุ่นมันด้วยร่างกายตนเองแม้ว่าทั้งคู่จะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน
เราสบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรก่อน หากเสียงฟ้าร้องตอนนี้คือเสียงตะโกนของท้องฟ้า อย่างนั้นฝนที่ตกลงมาก็คงเป็นน้ำตาของบยอนแบคฮี
“หนูนึกว่าลุงยามซะอีก”
“ถึงวันนี้จะไม่ใช่ แต่ผมก็ทำหน้าที่เป็นอาจารย์เวรสัปดาห์ละคืนนะครับ”
“อาจารย์รู้ได้ไง” เด็กสาวถามอย่างคาดหวังคำตอบ เขาอยากพูดคุยกับเธอให้มากกว่านี้ แต่ต้องเป็นตอนที่เธอสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น
“ถ้าบอกว่าเดาเอา คุณจะเชื่อหรือเปล่า?”
“โกหก”
“งั้นเรามาแลกความจริงกัน แต่ตอนนี้ออกมาจากตรงนั้นก่อน โอเคไหมครับ?” ชายหนุ่มยื่นมือไปตรงหน้า เด็กสาวจึงก้มลงมองลูกแมวสภาพมอมแมมในอ้อมกอด
“อาจารย์ช่วยมันได้ไหม มันถูกทิ้งให้ตากฝนอยู่ข้างโรงเรียน หนูกลัวมันตาย”
เจ้าแมวน้อยตื่นจนได้ แบคฮีโอ๋มันเหมือนเด็กห้าขวบที่อยากดูแลสัตว์ตัวหนึ่งให้เติบโตไปพร้อม ๆ กัน ชานยอลยิ้มบาง ๆ พร้อมพยักหน้า เด็กสาวจึงมองมือแกร่งที่ยังคงยื่นมาให้จับ แต่เธอกลับจะร้องไห้อีกครั้งเพราะความอ่อนโยนที่ไม่คิดว่าวันนี้จะได้รับจากใคร
“อยากให้ผมไปตามเซฮุนไหมครับ?”
คำถามของชายหนุ่มกำลังวัดกับความอ่อนแอในใจเธอ แบคฮีเงียบไปหลายวินาทีเพื่อใช้ความคิด ซึ่งเด็กสาวก็พยักหน้า
“ตกลง งั้นผมจะพาคุณไปหาเขา แต่ตอนนี้ออกมากับผมก่อนนะครับ” ชานยอลยังคงยื่นมือให้เด็กสาวพร้อมรอยยิ้ม “หลังจากคุณกับแมวได้กินข้าวแล้วผมจะพาไปหาเซฮุนเอง”
“...”
คนตัวเล็กมองมือแกร่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะวางมือเย็นเฉียบลงบนความอบอุ่นของฝ่ามืออาจารย์หนุ่ม ชานยอลค่อย ๆ รั้งร่างเปียกชุ่มเข้ามาในร่ม ก่อนจะกอดปลอบลูบหัวเด็กสาวที่ซบหน้าลงบนอกเขา ชายหนุ่มปล่อยให้เด็กผู้หญิงที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งได้ร้องไห้ออกมาดัง ๆ แข่งกับเสียงฝน
“ไม่เป็นไร... ผมอยู่ตรงนี้กับคุณแล้ว แบคฮี”
*
“ผมจะออกไปซื้อนมแพะ อาบน้ำเสร็จแล้วก็ใส่ชุดที่ผมเตรียมไว้ให้บนโซฟานะครับ”
แบคฮีไม่ได้กล่าวขอบคุณเพราะปากของเธอที่มันหนักเสียยิ่งกว่าอะไร เด็กสาวมองตามแผ่นหลังกว้างของอาจารย์หนุ่มที่เดินออกไปหยุดหน้าประตูบ้าน ก่อนจะเดินออกไปหนึ่งก้าว
“ห้ามโทรบอกพ่อหนูนะ!”
คนถูกตะโกนไล่หลังหันไปมองใบหน้ามอม ๆ ของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก เขาพยักหน้าให้เธอวางใจ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังห้องน้ำเพื่อย้ำว่าบยอนแบคฮีควรจัดการชำระร่างกายได้แล้ว
ชายหนุ่มสตาร์ทรถและตรงไปยังมินิมาร์ทเพื่อหาซื้อกางเกงในให้ลูกศิษย์ เขาเดินวนเวียนอยู่หน้าชั้นวางของอยู่ราว ๆ หนึ่งนาทีก่อนจะหยิบชั้นในผู้หญิงลายทางธรรมดา ๆ ออกมาวางบนเคาน์เตอร์
ในเมื่อแบคฮีไม่อยากกลับไปเผชิญหน้ากับพ่อ บ้านของเขาก็คงเป็นที่เดียวที่จะทำให้เด็กคนนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ แบคฮียืมมือถือเขาไปล็อกอินเฟซบุ๊กเพื่อส่งข้อความให้โอเซฮุนวางใจว่าตอนนี้สบายดี หลังจากนั้นเธอก็เล่าให้ฟังตั้งแต่ไปเที่ยวกับเพื่อนจนถึงทะเลาะกับพ่อ แต่กลับไม่ตอบคำถามของเขาว่าทำไมคนที่ถูกจับถึงกลายเป็นบยอนแบคฮีคนเดียว
เป้าหมายต่อไปคือร้านขายอาหารสัตว์ ชานยอลจัดการทุกอย่างในเวลาอันสั้นเพื่อรีบกลับไปให้อาหารทั้งแมวเด็กและแมวตัวจี๊ด ราว ๆ สี่สิบห้านาทีรถยนต์ก็ขับกลับเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มถือถุงพลาสติกสีดำพร้อมไขกุญแจเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นคือเด็กสาวผมเปียกสวมเพียงเสื้อยืดสีน้ำตาลตัวโคร่งกำลังเขย่งขาตากชุดชั้นในบนเครื่องออกกำลังกายของเขาจนเห็นแก้มก้น
แบคฮีหันกลับไปสบตากับเขาราวกับว่าสถานการณ์ตอนนี้มันช่างปกติธรรมดา แม้ว่าตนเองจะไม่ได้สวมยกทรงจนมองเห็นจุกตรงหน้าอกที่ทำให้เขาต้องเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมหายใจเข้าลึก ๆ
“อาจารย์ได้นมแพะมาไหม?”
“ครับ”
“โล่งอก เมื่อกี้มันร้องใหญ่เลย คงหิวแน่ ๆ” แบคฮีวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมก้มลงค้นของในถุง “ซื้อกางเกงในให้หนูด้วยเหรอ ฮึ... ไม่ยักรู้ว่าจะใส่ใจ”
ไหนล่ะเด็กขี้แยที่นั่งสะอึกสะอื้นอยู่ในท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก ตอนนี้มีแต่แมวเด็กที่ไม่แน่ใจว่ากำลังยั่วเขาอยู่หรือไม่ บยอนแบคฮีเคยระวังตัวบ้างไหม คิดว่าเคยถูไถกันมาแล้วก็เลยปล่อยตัวยังไงก็ได้เหรอ ต่อให้ผู้ชายคนนี้เคยหักห้ามใจมาได้ถึงสองครั้ง แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่ามันจะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม
พอให้อาหารเสร็จแมวตัวน้อยก็หลับในผ้าขนหนูอุ่น ๆ แบคฮีถึงยอมเข้าไปหาของกินให้ตัวเอง เด็กสาวปีนขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์หินขัดกลางห้องครัวพร้อมลูบหน้าท้องขณะมองตามแผ่นหลังกว้างของอาจารย์ที่กำลังจะรื้อตู้เย็นหาของกินให้
“สลัดอกไก่?”
“หนูไม่ชอบกินผัก”
“ถึงได้เตี้ยแบบนี้ไงครับ”
“อาจารย์ต่างหากที่สูงเกินไป” เด็กสาวมองค้อน พอเห็นว่าอีกฝ่ายตอบโต้ด้วยรอยยิ้มจึงแยกเขี้ยวใส่
“งั้นเป็นซีเรียลกับนมดีไหม?” แบคฮีพยักหน้า เขาจึงเอานมออกมาวางและเทคอนเฟลกลงไปในถ้วย ชายหนุ่มชำเลืองมองเด็กสาวที่กลืนน้ำลายขณะมองมื้อเย็น ก่อนจะรับไปถือไว้ระดับอกและใช้ช้อนตักเข้าปาก
“อาจารย์ไม่กินข้าวเย็นเหรอ?”
“ตอนนี้ยังไม่ค่อยหิวครับ”
“ยืนจ้องแบบนี้คงรอหนูกินเสร็จแล้วจะได้พาไปส่งให้เซฮุนล่ะสิ”
“เพราะอยากวางใจว่าคุณโอเคแล้วหรือยังต่างหากครับ”
“...”
“กินยาด้วยนะ ตัวรุม ๆ แล้ว”
เกลียดอาจารย์จัง ทำไมต้องเอามือมาอังหน้าผากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนั้นด้วย แบคฮีเคี้ยวซีเรียลในปากช้า ๆ ก่อนจะขยับศีรษะหลบสัมผัสอีกฝ่าย
ไม่อยากหวั่นไหวไปมากกว่านี้แล้ว
จะเอายังไงกับแมวครับ?”
“อืม... หนูคงกวนอาจารย์แค่วันนี้”
“จะเอากลับบ้านเหรอ?”
แบคฮีส่ายหน้า “ไม่ หนูไม่อยากเลี้ยง”
“แต่คุณดูชอบมันออกครับ ทำไมถึงไม่อยากเลี้ยงล่ะ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วกอดอกมองคนตัวเล็กที่นั่งกินซีเรียลอยู่บนเคาน์เตอร์
“หนูกลัวความผูกพัน ถ้าเกิดมันตายหนูคงหัวใจสลายแน่”
“ฮึ...”
“หัวเราะอะไร” แบคฮีมองค้อนคนตัวโตที่กำลังกำมือป้องปากขำราวกับว่าที่เธอพูดมันตลกนักหนา
“ลองนึกภาพเด็กแก่แดดตอนใจสลายน่ะครับ คงน่าเอ็นดูปนสงสารนิด ๆ”
“ไม่เคยเลี้ยงสัตว์ก็พูดได้สิ เคยผูกพันกับอะไรบ้างนอกจากเครื่องออกกำลังกาย”
“งั้นก็อยู่กับผมบ่อย ๆ สิครับ จะได้รู้ว่าผมผูกพันกับอะไร?” แบคฮียังคงนิ่งแม้ว่าเขาจะวางสองมือลงบนเคาน์เตอร์ กักตัวเธอเอาไว้พร้อมโน้มหน้าลงไปใกล้ ๆ
“อย่าท้านะ”
“ผมท้าคุณ”
ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง ก่อนอาจารย์หนุ่มจะทำให้รู้ว่าเมื่อครู่นี้เป็นเพียงการกลั่นแกล้งเด็กอย่างเธอเท่านั้น แบคฮีจิ๊ปากแล้วกินซีเรียลต่อหลังจากเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อที่ถอยออกไปในที่สุด
“ผมจะถ่ายรูปแมวแล้วประกาศหาคนรับไปเลี้ยงในอินเทอร์เน็ต คุณคิดว่าไงครับ?”
ถึงจะถูกทำตาเขียวใส่อยู่แต่เด็กคนนั้นก็พยักหน้าอย่างกลัวเสียฟอร์ม เห็นแล้วน่าเอ็นดูจนอยากหยิกแก้มให้ร้องอู้อี้เสียจริง
“ตอนนี้ยังเป็นแมวของคุณ อยากตั้งชื่อให้มันหรือเปล่า?” ชายหนุ่มกอดอกพิงหลังกับผนัง พร้อมมองเด็กสาวที่คาบช้อนไว้ในปากขณะใช้ความคิด แก้มสีระเรื่อรับกับผมที่เปียกหมาด ๆ บวกกับขาเรียวขาวไร้ร่องรอย
บยอนแบคฮีช่างมีร่างกายที่น่าดึงดูดเสียจริง
“ชื่อแบคฮยอน”
“หืม?”
“มันเป็นตัวผู้ หนูจะให้มันชื่อแบคฮยอน”
“แบคยอล?”
“ไม่ใช่ยอลสิ ต้องแบค – ฮยอน” เธอขมวดคิ้วใส่อาจารย์หนุ่มที่ยืนกอดอกก้มหน้ายิ้มอีกแล้ว “เรื่องอะไรหนูจะเอาชื่ออาจารย์มาใส่รวมกับชื่อตัวเองด้วย”
“ไม่ได้เหรอครับ ยังไงวันนี้ผมก็เป็นคนซื้อนมให้มันกิน น่าจะเป็นเจ้าของร่วมกันได้”
“แต่วันนี้มันเป็นแมวของหนูคนเดียว” ดูริมฝีปากสีเชอร์รี่ตอนเถียงอย่างเอาแต่ใจสิ น่าปราบพยศน้อยเสียที่ไหน
“หวงขนาดนี้ผมชักอยากจะเป็นแมวของคุณบ้างซะแล้วสิ” ชานยอลตรงเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กสาว เอาชามซีเรียลวางลงก่อนจะเท้าสองมือบนเคาน์เตอร์อีกครั้ง แต่บยอนแบคฮีกลับไม่ยอมให้เขาแกล้งอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อตอนนี้อาจารย์หนุ่มรู้สึกได้ถึงเข่าที่กำลังคลึงกับเป้ากางเกงเขา
“คืนนี้หนูจะได้เลี้ยงแมวสองตัวเลยเหรอ น่าตื่นเต้นจัง”
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
(เสียงแบบตัวร้ายซีรี่ส์เกาหลี)
ความคิดเห็น