คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 샘! 안아줘~ 'ㅅ' | #เซมที่รัก (03)
(3)
หลังจากมีไอ้เด็กนั่นเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิต ปาร์คชานยอลก็แทบจำไม่ได้แล้วว่าก่อนหน้านี้เคยอยู่กินอย่างปกติสุขยังไง ต้องตื่นตีสี่มาเจอเด็กน้อยตีนเท่าฝาหอยโดนเสื้อยืดตัวโต ๆ ทับจนเป็นผ้าห่มได้ ลำบากเขาต้องลุกไปเอาเสื้อผ้าเด็กมาเปลี่ยนให้อีก มีโอกาสได้งีบต่อนิดหน่อย ก่อนแม่มันจะมารับไปโรงเรียน ทำอย่างนั้นทุกวันจนแทบกลายเป็นซอมบี้
ไม่รู้เรียกโชคดีได้ไหมที่ตอนกลางวันไม่มีเด็กประถมมาคอยนั่งทำตาใสต๊ะต๋าว่า ‘เซมฮะทำอะยัยอยู่’ เพราะสุดท้ายตอนค่ำก็เจอผีห่าเขวี้ยงคอนเฟล็กใส่กระจกระเบียงเรียกร้องความสนใจดังแกร่ก ๆๆ จนต้องตามไปเปิดดูอยู่ดี
นักโทษอาจจะมีความคิดแหกคุก แต่ปาร์คชานยอลโหดสัสกว่านั้น เพราะนอกจากจะไม่เกรงกลัวกฎหมายแล้วกูยังปีนห้องข้ามไปป๊าบเด็กอายุสิบแปดสูงร้อยเจ็ดสิบต้น ๆ เพียงเพราะอีกฝ่ายกระดิกนิ้วชี้เชิงชวน เอาสิ ไม่ขอแม่มานอนบ้านกูกูก็ต้อง(แอบ)ไปนอนบ้านมึง
แต่ผู้ชายฉลาดแต่จนอย่างปาร์คชานยอลไม่ได้นิ่งนอนใจหรอกนะ เขาทั้งเสิร์ชหาในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติยันเรื่องภูติผีปีศาจเลยว่าอะไรที่มันตรงกับไอ้เด็กก้อนนั่น แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ไม่เจอ ไม่งั้นคงเฮอเร่อแย่ถ้ารู้ว่าที่อึ้บอยู่ทุกวันน่ะเป็นผี
ในชีวิตนักวาดจน ๆ อย่างเขาไม่ได้รู้จักใครมากนัก เท่าที่ใช้นิ้วมือนิ้วตีนนับได้ที่เหลือวนเวียนในชีวิตก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน หนึ่งคือไอ้จงอิน นายร้อยหน้าหล่อที่เคยโดนติ่งอัดคลิปเต้นโคฟมิโรติกในงานวันตำหนวดแห่งชาติไปลงเวปยูนูปในหัวข้อ ‘ตำรวจหล่อบอกด้วย’ จนทุกวันนี้เดินไปไหนใคร ๆ ก็กรี๊ด มีเพื่อนหรรมหอมนี่มันน่าอิจฉาจริง ๆ
ส่วนอีกคนคือคิมจุนมยอน หรือพี่จุนขาโหดที่เมื่อก่อนเจอใครมองหน้ากวนตีนหน่อยเป็นต้องกำแบงค์ห้าหมื่นวอนฟาดหน้าลูกน้องเพื่อสั่งไปกระทืบให้สำนึก พี่จุนใช้ชีวิตในโลกแห่งความคาวเลือดอยู่นานหลายปี กระทั่งค้นพบสัจธรรมว่าการเดินเข้าสู่อ้อมกอดพระเจ้าคือความสุขที่แท้จริง จึงละมือจากวงการ
พี่จุนกลายเป็นบาทหลวงผู้รักสงบ ลูกน้องตกงานกลายเป็นเด็กส่งไก่หมดจนเหลือเพียงอดีตที่นึกถึงเมื่อไหร่เป็นน้ำตาซึม ที่เล่ามาทั้งหมดนั้นไม่ใช่อะไร ปาร์คชานยอลแค่อยากจะบอกว่าในเมื่อเขาไม่มีเพื่อนฉลาด ๆ ด้านวิทยาศาสตร์ที่พอจะให้คำตอบเรื่องแบคฮยอนได้ เขาจึงต้องหันเข้าทางธรรม
“สบายดีนะพี่?”
“สบายดี” บาทหลวงจุนมยอนยิ้มอย่างสงบ ก่อนจะยกชาเอิลเกรย์ขึ้นดื่ม “แต่หน้าลูกดูโทรม ๆ นะ ช่วงนี้หักโหมวาดรูปหรือ?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ แต่มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว” ตรงนี้คือร้านกาแฟที่ผู้คนหลากหลายวัยเข้ามาซื้อน้ำแก้วเดียวแล้วนั่งแช่ชาร์จแบตดูดไวไฟฟรีเป็นชั่วโมง อีกทั้งฝั่งตรงข้ามเป็นป้อมตำรวจท่องเที่ยว ขืนพูดเรื่องแบคฮยอนตรงนี้คาดว่าจะเสี่ยงไปหน่อย
“มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกเล่า ไหนบอกพ่อซิ”
“เราไปโบสถ์กันไม่ได้เหรอพี่จุน ผมอยากระบายพร้อมสารภาพบาปอย่างสบายใจโดยที่พี่ไม่ต้องนั่งจ้องหน้าผมแบบนี้อะ อย่างน้อยก็ควรมีแผงไม้ที่เป็นรู ๆ กั้น” ชานยอลทำท่าประกอบ
“วันนี้พ่อมีธุระในเมือง ถ้ารีบมากทำไมไม่ไปตั้งแต่เมื่อวานล่ะลูก”
สัด ตีปากบาทหลวงต้องเสียเท่าไหร่วะ
“ผมนอนกับเด็กมา”
“หืม เด็ก? หมายถึงกรี่ที่ออฟไปข้างนอกด้วยน่ะหรือ ชั่วคราวหรือค้างคืนล่ะ เดี๋ยวนี้ต้องป้องกันหน่อยนะ เชื้อโรคมันเยอะ”
“ไม่ใช่อย่างงั้น...” เขาพูดเสียงลอดไรฟัน
“อ่า”
“ผมหมายถึงเด็กอะ เด็กผู้ชาย”
“โอ้ เดี๋ยวนี้กลับไปเดินทางสายเดิมแล้วหรือ พ่อนึกว่าลูกเลิกเป็นเกย์ไปตั้งแต่มอปลายแล้ว” อิห่า พูดเหมือนว่าเกย์คือโรคที่สามารถเป็นแล้วรักษาหายได้ด้วยยา “แน่นดีไหมล่ะ”
พี่จุนถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมประสานมือทั้งสองไว้อย่างสุภาพ
“ก็แน่น”
“อ่า ซิงสินะ”
“ไม่รู้ว่าซิงไหม -- เฮ้ย! ไม่ใช่เรื่องนั้นดิวะ” ชานยอลทุบโต๊ะ จนคนที่อยู่รอบข้างหันมามองเป็นตาเดียวกัน
ทั้งคู่เงียบไปครู่หนึ่ง ขณะที่ชานยอลกำลังเรียบเรียงความคิดว่าจะอธิบายยังไงให้ไอ้บาทหลวงชั่วนี่เข้าใจดี
“เด็กคนนั้นอายุแปดขวบ”
“โอ้... ธรรมโม พุทโธ ลิโพ กระทิงแดง...” บาทหลวงหนุ่มอุทานพร้อมยกมือขึ้นทาบอก
“ที่พูดนี่มึงแดกก่อนมาใช่ไหม เมาเหรอ” คนถูกว่าส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมยกชาขึ้นจิบอีกครั้ง
“พ่อรู้ว่าลูกชอบดูอนิเมะ แต่ก็ไม่คิดว่านอกจากจะเป็นโลลิค่อนแล้ว ลูกยังสาระแนเป็นโชตะค่อนอีกด้วย ความคุกก้าวล้ำ ช่างไม่กลัวตารางเอาเสียเลย เพื่อนสนิทลูกเป็นถึงผู้พิทักษ์สันติราษฏร์นะ...” ประโยคหลังแผ่วเบาลง จนคนฟังต้องหรี่ตามอง กูคิดถูกคิดผิดที่มาขอความช่วยเหลือจากมึงวะพี่จุน
“ผมยังเล่าไม่จบ คืองี้” ชายหนุ่มตัวสูงเลียริมฝีปาก พร้อมโน้มหน้าไปหยุดอยู่ตรงกลางโต๊ะ “เด็กแปดขวบที่ว่าน่ะ... ตอนกลางคืนมันกลายร่างเป็นเด็กอายุสิบแปดได้”
“หมายถึงสมองน่ะเหรอ ตอนเป็นเด็กพ่อก็เคยมโนว่าตัวเองเป็นจูเรนเจอร์เหมือนกัน แยกแยะหน่อยสิชานยอล ลูกกำลังถูกเด็กหลอกหรือเปล่า” คนเป็นรุ่นน้องกุมขมับ ยิ่งพี่จุนมันขมวดคิ้วมองมาราวกับว่าเขาแม่งโคตรโง่ก็ยิ่งงิด
“ผมหมายถึงเด็กตัวเท่านี้” ชานยอลยืนขึ้น พร้อมยื่นมือออกมาระดับหัวกางเกง “พอตกกลางคืนก็ตัวเท่านี้” พูดจบก็แตะมือที่ปลายคาง ก่อนจะนั่งลงที่เดิม
“อืม”
อืมมะเขือไรล่ะ กูต้องการความคิดเห็น!!!!
“พี่คิดว่าเด็กมันโดนผีสิงเปล่าวะ?”
“ผี” จุนมยอนยิ้มอ่อนราวกับจะถามว่า ‘นี่ลูกกำลังเพ้อส้นตีนอะไรอยู่หรือชานยอล’
“ใช่พี่ ลองคิดดูดิ เด็กแปดขวบปกติที่ไหนจะกลายร่างอ้าขาให้ผมป๊าบตอนกลางคืนได้วะ”
“อาจจะเป็นเด็กแปดขวบผู้น่าสงสารกับไอ้โย่งวิตถารก็ได้” บาทหลวงหนุ่มพูดหน้านิ่ง
“พี่จุน เด็กมันขึ้นผมก่อน” ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม มองอีกฝ่ายเพื่อย้ำว่าเขานี่แหละที่เป็นฝ่ายถูกขืนใจ (จนเสร็จ) “จริง ๆ”
“อืม”
“เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่ผมจะวาดฉากสุดท้าย พระเอกกับนางเอกต้องเลี้ยงลูกด้วยกัน ทีนี้ผมเลยไปซึมซับความรู้สึกกับเด็กข้างบ้าน จับพลัดจับพลู แม่มันเลยให้ผมเป็นครูสอนเลข”
“ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานโอเลี้ยงมาให้...”
“พี่!!!” ชายหนุ่มตัวสูงทุบโต๊ะอีกครั้งอย่างเหลืออด ซึ่งคนรอบข้างก็หันมาราวกับฉายภาพเดิม
“รับนี่ไว้สิ” จุนมยอนถอดสร้อยกางเขนพร้อมวางลงบนมือรุ่นน้องอย่างอ่อนโยน “หากสิ่งนั้นคือสิ่งชั่วร้ายจริง ๆ พระเจ้าจะขับไล่มันไป”
ชานยอลกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ มองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยไล่ผีในหนังฝรั่งทุกเรื่องได้เพียงแค่ยื่นไม้กางเขนไปตรงหน้า มันจะได้ผลใช่ไหม เขาจะต้องไล่ผีออกไปจากเด็กชายแบคฮยอนผู้ใสซื่อให้ได้ แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างจะกลับไปเป็นปกติ
.
.
“ชานยอล พัสดุอยู่ที่บ้านพี่นะจ๊ะ”
“อ๋อ โอเคพี่” ชายหนุ่มชะโงกหน้ามองผ่านรั้วบ้าน ก่อนจะจอดเวสป้าสีขาวคู่ใจ แล้วไปรับพัสดุ
“มันเป็นแบบเก็บเงินปลายทางพี่เลยรับไว้แทนน่ะ เผื่อเป็นของสำคัญจะได้ไม่เสียเวลาส่งอีกครั้ง” หญิงวัยกลางคนว่า ซึ่งชานยอลก็รู้สึกซาบซึ้งหัวใจเหลือเกิน หรือจะเป็นฟิกเกอร์น้องอายานามิเรย์ที่เพิ่งสั่งไปกันนะ ของมันได้เร็วขนาดนี้จริงดิ? “ส่วนเงินค่อยโอนคืนให้พี่ทีหลังก็ได้”
“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวจ่ายตรงนี้เลย”
“เอางั้นเหรอ?” พี่ยุนจีเลิกคิ้ว
“ครับ” เขาควักเป๋าเงินออกมาเตรียมควักแบงค์ห้าหมื่นวอนสุดฤทธิ์
“สองแสนวอนจ้ะ” คนฟังถึงกับถลึงตาอย่างไม่เชื่อหูตนเอง ชานยอลกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับจะถามย้ำว่าราคาที่บอกมามันถูกต้องแล้วใช่หรือไม่ ซึ่งพี่ยุนจีก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
เดี๋ยวนะ... ฟิกเกอร์ที่สั่งไปถ้าจำไม่ผิดมันก็แค่เจ็ดหมื่นวอนเองไม่ใช่เหรอวะ? แล้วนี่ก็น้ำหนักเยอะจนดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฟิกเกอร์ด้วย
ค้นกระเป๋าเงินกรัง ๆ แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นพร้อมสีหน้าอ้างว้าง พี่สาวข้างบ้านคงรู้สินะว่าไอ้นักวาดจน ๆ อย่างเขาคงไม่ปัญญาพกเงินสดติดตัวมากขนาดนั้นถึงได้บอกให้โอนคืน
“งั้นเดี๋ยวผมขึ้นไปเปิดคอมโอนให้นะพี่”
“ไม่เป็นไรนะ พี่ไม่รีบ ไว้ว่าง ๆ ก็ได้”
ชายหนุ่มยิ้มพร้อมโบกมือลา เดินถอยหลังทีละก้าวพร้อมชะโงกหน้ามองหาเจ้าตัวเล็กที่น่าจะกลับมาจากโรงเรียนแล้ว ถ้าโผล่ออกมาตอนนี้กูจะเอาสร้อยกางเขนคล้องคอให้ดู
ขายาวก้าวขึ้นไปบนชั้นสองอย่างเร่งรีบ หัวอกหัวใจนี่เต้นเป็นจังหวะดั๊ปสเต็ปเพราะตื่นเต้นที่จะได้เอาน้องอายานามิ เรย์ไปตั้งขนาบข้างกับอาสึนะจัง ชายหนุ่มคว้าคัตเตอร์มาเลาะกล่องพัสดุออกอย่างประณีต ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อสิ่งที่หยิบติดมือออกมาชิ้นแรกก็คือ...
1.ไข่สั่น
2.ชุดนักเรียนหญิงกระโปรงสั้น
3. ชุดลายลูกไม้สีชมพู
4. หูจิ้งจอก
5. ยกทรงพร้อมซิลิโคน
6. ดิลโด้หางจิ้งจอก
EVERYDAY I SHOCK (SHOCK!)
ชานยอลค้างอยู่ในท่านั้นโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเอาทั้งหมดทั้งมวลนั่นออกมาวางข้างนอกหรือเปล่า มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ ต่อให้เขาจะหื่นแดกแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยสั่งสิ่งของเหล่านี้มาใช้เพื่อระบายความใคร่ มันต้องเป็นการส่งผิด กูต้องได้สองแสนวอนคืน
เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว บริษัทนี้เจอกูคอมเพลนแน่
แต่ยังไม่ทันยัดของทุกอย่างใส่เข้าไปก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเห็นกระดาษสีขาวยับ ๆ ใบหนึ่งที่อยู่ด้านล่างสุด มันมีข้อความระบุหมายเหตุที่จะทำให้เงินสองแสนวอนหายจากบัญชีของปาร์คชานยอลไปตลอดกาล
‘ผมช่วยเซมคิดพล็อตการ์ตูนเรื่องใหม่ นำแสดงโดยพี่ชายตกงานผู้หื่นกาม กับนักเรียนหญิงมอปลายมีหางสุดใสซื่อ’
เดี๋ยวนะ... กูว่ามันเริ่มจะไม่ใช่ละ...
“แบคฮยอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
TBC
จะได้ใช้กางเขนไล่ผีหรือดิลโด้หางจิ้งจอกอะเซม
นี่ได้แรงบันดาลใจบาทหลวงมาจากสแครี่มูฟวี่ภาค 2 // บาทหลวงแบบฝรั่งที่ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป มีลูก มีเมียได้ไรเง้
ความคิดเห็น