คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 03 :: Wound
CHAPTER 03
Wound
รู้ตัวอีกทีก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแสงแดดที่ติดอยู่ตามผ้านวม ซึ่งยายคงเป็นคนฝืนร่างกายเอามันไปผึ่งแดดสักช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่ฝนจะเทลงมา และเขาไม่รู้ตัวเลยว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ความเจ็บตรงแผ่นหลังเป็นสิ่งย้ำเตือนว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน และพอนึกได้ คนที่นอนคว่ำมาตลอดจนถึงตอนนี้จึงค่อย ๆ พลิกใบหน้าหันไปมองข้างตัว เซฮุนหลับตาพร้อมผ่อนลมหายใจออกมา มันเป็นเรื่องดีเหลือเกินที่พบว่าข้างตัวมีเพียงซากหมอนข้างคู่ใจ มากกว่าหมาป่าหน้าเหี้ยมที่ขู่จะปาดคอเขาในรถ
ก็ถ้าเขาอยู่นี่... แล้วเจ้านายหายไปไหน
คนตัวผอมลุกขึ้นนั่งพร้อมกวาดสายตาไปในห้องที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่าที่นี่คือบ้านเขา แต่คำถามคือโอเซฮุนกลับเข้ามานอนในห้องนี้ได้อย่างไร เพราะภาพความทรงจำล่าสุดของเขาคือการนั่งถกเถียงกับเจ้านายในรถ และพอตัดภาพมาอีกทีก็ --
“เซฮุน ตื่นหรือยังลูก?”
เสียงของยายเรียกสติเจ้าของชื่อให้กลับเข้าสู่ปัจจุบัน ขายาวก้าวไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องพร้อมดึงมันเข้าหาตัว ก่อนจะยิ้มให้หญิงชราที่มีถ้วยซุปร้อน ๆ อยู่ในมือ
“เป็นไงบ้าง ยังมีไข้อยู่ไหม ไหนยายขอดูหน่อยซิ?” คนเป็นหลานยิ้มเจื่อน กลอกตาลอกแลกแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายทาบหลังมือเหี่ยวย่นลงบนหน้าผากเขาอย่างงง ๆ โอเซฮุนกำลังป่วยอยู่เหรอ ไม่ยักรู้เลยนะเนี่ย “อืม... ตัวไม่ร้อนแล้ว”
“ครับ?”
“ยายเข้าใจว่าหลานอยากพิสูจน์ตัวเองในการทำงานวันแรก แต่ถ้าไม่ไหวก็น่าจะโทรบอกให้เซจองไปรับ”
ไปยังไงล่ะ ช็อลลาใต้ไม่ใช่ใกล้ ๆ เลยนะ ขืนบอกไปคงถูกซักจนความแตกแน่ ๆ ว่าถ่อหน้าไปถึงที่นั่นทำไม?
“ถ้าไม่ได้คุณจงอินพามาส่ง ป่านนี้หลานจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
เดี๋ยว...
“เมื่อกี้ยายพูดว่าคุณจงอิน -- คือยายไปรู้จัก...”
“เขาแบกหลานขึ้นหลังมาส่งถึงบ้านเมื่อตอนเช้ามืด เราเลยมีโอกาสได้คุยกันนิดหน่อยน่ะ” เธอหัวเราะพร้อมวางถ้วยซุปลงบนชั้นวางในห้อง ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าของเด็กหนุ่มที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด
“โอ้โห คุยกันด้วย” คนเป็นหลานหัวเราะแห้ง ขณะนึกไปถึงใบหน้าดุดันและดวงตาสีแดงของเจ้านายหมาป่า
‘คุณพอจะจินตนาการออกหรือเปล่าว่าจะเป็นยังไง ถ้าหากพรุ่งนี้ครอบครัวคุณและสาว ๆ ฝ่ายบัญชีไม่เห็นว่าโอเซฮุนไปทำงาน ไม่กลับบ้าน และไม่เห็นว่าอยู่ส่วนไหนส่วนหนึ่งในโซล’
“เขาชมหลานหลายอย่างเลย ทั้งเรื่องคุยเก่ง เข้ากับผู้หญิงแผนกอื่นได้ดี มีความตั้งใจจนเกินหน้าที่ อะไรอีกหลายอย่าง ยายแก่แล้วก็จำไม่ค่อยได้”
ที่พูดมานั่นก็หลอกด่าทั้งนั้นไม่ใช่เรอะ
“ยายครับ ผมมีเรื่องที่จะบอก ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ ทั้งเรื่องรถ แล้วก็เรื่องที่ผมจะลาออกจากงานนี้” เซฮุนคว้าหัวไหล่หญิงชราไว้ พร้อมสบตาเธออย่างจริงจัง ไม่รู้ล่ะ เขาไม่อยากทำงานที่นั่นอีกแล้ว ถ้าขู่จะฆ่ากันเพราะกลัวความแตกก็ให้มันรู้ไป
“แต่ผมคงไม่เซ็นใบลาออกให้นะ”
สองยายหลานหันไปตามเสียงผู้มาใหม่ที่โผล่เข้ามาราวกับว่าดีดนิ้วแล้วก็วาร์ปมาถึงที่หมายได้ เซฮุนเบิกตากว้างอย่างตกใจ รีบดันหญิงชราให้มายืนอยู่ข้างหลังพร้อมเอาตนเองเป็นกำบัง และพอเห็นอย่างนั้น ชายหนุ่มชุดสูทที่มาพร้อมช่อดอกไม้จึงหลุดยิ้มขำอย่างห้ามไม่ได้
“ขอโทษนะครับ พอดีผมเห็นว่าประตูบ้านเปิดอยู่ก็เลยถือวิสาสะเข้ามา” พูดจบคนผิวแทนก็ทำท่าเคาะประตูบ้านโชว์หน้าตาเฉย
“ไม่เป็นไรจ้ะ เข้ามาข้างในก่อนนะ”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มโค้งศีรษะอย่างมีมารยาท ก่อนจะตรงเข้ามาหาคนตัวผอมที่ยืนทำหน้ามึนผมเผ้าชี้โด่เด่ พร้อมยื่นช่อดอกไม้ให้ เซฮุนให้ความสนใจมันอยู่แค่ครู่เดียว ก่อนจะกลับมาสบตาคนตรงหน้า
“อะไร?”
“ดอกไม้เยี่ยมไข้เลขา ใครก็ไม่รู้เคยกล่าวไว้ว่าการมองสิ่งสวยงามจะทำให้ผ่อนคลายขึ้น รับไว้สิ” คนป่วยที่ร่างกายปกติรับช่อดอกไม้ที่เจ้านายยัดเยียดให้พร้อมถลึงตามอง หากแต่อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มราวกับเป็นเรื่องปกติ
“ฉันคิดว่าคุณจะกลับไปนอนต่อเสียอีก ได้พักผ่อนบ้างหรือยังคะ?” ทำไมยายถึงดูสนิทสนมกับผู้ชายคนนี้นัก ถ้าบอกว่าคุยกันเมื่อตอนเช้าตรู่... นี่ก็เพิ่งจะสิบโมงเองหรือเปล่า
“ผมพักผ่อนแล้วครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง อ้อเซฮุน รถของคุณผมให้คนขับไปจอดที่ทำงานแล้วนะ ถ้าคุณอาการดีขึ้นพอที่จะทำงานต่อได้แล้วก็ไปบริษัทพร้อมผมเลยดีไหม?” เขาคิดว่าไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันคือการบังคับเล็ก ๆ ที่มาพร้อมสายตาของอีกฝ่าย
“ผมยังไม่รู้สึกดีเลยครับ โดยเฉพาะตรงหลัง” คนตัวผอมยิ้มพร้อมเน้นคำสุดท้าย ซึ่งอีกฝ่ายก็เช่นกัน คิมจงอินไม่ยอมหักยอมงอเลยสักนิด ซึ่งเขาคิดว่าคงเป็นนิสัยของจ่าฝูงหมาป่าควบกรุ๊ปเลือดเอ
“อ่า งั้นเดี๋ยวผมช่วยดูให้”
“อะไร?! เดี๋ยว! นี่คุณ!” เซฮุนเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายดันร่างเขาเข้าห้อง พร้อมหันไปยิ้มเป็นเชิงขออนุญาตยาย โดยไม่สนใจไอ้ช่อดอกไม้สร้างภาพที่มันตกลงไปบนพื้นเลยสักนิด
คนตัวผอมกำหมัดขึ้นตั้งการ์ดเตรียมสู้ทันทีที่ได้ยินเสียงล็อกประตู ขมวดคิ้วส่งสายตาให้จ่าฝูงหมาป่ารู้ว่าคนธรรมดาอย่างเขาไม่ใช่เบี้ยล่างของใคร แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ เพราะชายหนุ่มในชุดสูทที่เซ็ทผมเปิดเห็นหน้าผากมาอย่างดีนั้นกลับยิ้มบาง ๆ พร้อมกอดอกมอง
เท้าเปล่าของเจ้าบ้านเดินถอยหลังทีละก้าวตามจังหวะที่รองเท้าหนังปลายแหลมเข้าหา เซฮุนสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ชนกับเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน พยายามใช้สองมือปะป่ายจัดให้เข้าที่ ก่อนจะหันกลับมาพบว่าอีกฝ่ายเข้าประชิดตัวเขาสำเร็จแล้ว
“เมื่อคืนผมพูดไปหมดแล้วนะ ทำไมคุณถึงยังมาที่นี่อีก?”
“การพูดเองเออเองฝ่ายเดียวไม่ถือว่าเป็นการตกลง มันต้องเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ยินยอมทั้งสองฝ่ายหรือเปล่าครับคุณเลขา?”
“โอ้โห้ มาถึงก็เล่นลิ้นเลย” เซฮุนแค่นหัวเราะ ยกมือขึ้นระดับปลายคางตนเองพร้อมย้ำนิ้วชี้ไปยังคนตรงหน้าอย่างคาดโทษ “ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะเป็นซีอีโอบริษัทน้ำหอมหรือจ่าฝูงหมาป่า แต่ผมไม่เอาด้วยแล้ว”
“ผมก็ไม่ชอบเซ้าซี้นักหรอกนะโอเซฮุน แต่การที่ญาติพี่น้องผมเห็นแล้วว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในอาณาเขต และคน ๆ นั้นดันเป็นมนุษย์ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้หนึ่งวัน ซึ่งแน่นอนว่าตามสัญชาติญาณหมาป่าคงอยากขย้ำฉีกเนื้อคุณเป็นชิ้น ๆ ถึงแม้วูบแรกอาจเพราะความสนุกของการเป็นนักล่า แต่ผมมั่นใจว่าเมื่อคืนพวกเขาคงอยากฆ่าปิดปากคุณมากกว่าเป็นไหน ๆ”
“...”
“แต่พวกเขาเลือกเก็บกรงเล็บเพราะผมขอไว้ จะมีเจ้านายที่ไหนใจดีแบบผมอีก?”
แล้วเขาต้องซึ้งไหม โห น้ำตาแทบไหลแล้วเนี่ย!!!!
“คนเชื่อเรื่องดวงกับกรุ๊ปเลือดอย่างคุณพอจะเดาออกหรือเปล่าว่าพวกเขาจะหวาดระแวงแค่ไหนกับการยังมีชีวิตของผู้กุมความลับที่ไม่รู้ว่าจะเผลอเล่าให้คนอื่นฟังเมื่อไหร่?”
เซฮุนกลืนน้ำลายเอื้อก กับคำขู่ที่มาอย่างต่อเนื่องทั้งที่คิดว่ามันจะจบตั้งแต่ระหว่างทางขับรถกลับโซล “แล้วผมต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อเพื่อรอความตายเหมือนเลขาคนก่อน ๆ ของคุณเหรอ แบบนี้มันต่างกันตรงไหน ก็แค่ตายช้าตายเร็ว”
ประโยคนี้ทำคนฟังชะงักไป เซฮุนคิดว่าเขาเข้าใจไม่ผิดแน่ว่าอีกฝ่ายกำลังถูกจี้ใจดำจนยิ้มต่อไม่ออก
“เห็นไหม ผมก็เป็นแค่วัวที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อรอเวลาโดนเชือด” เขาเดินไปคว้าผ้าขนหนูพร้อมดันประตูห้องน้ำเข้าไป และล็อกกลอนแน่นหนาทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นจะเปิดเข้ามาหรือไม่
เชิ้ตสีกรมท่าถูกปลดกระดุมออกจนหมด มันคงเป็นของเจ้านายที่เปลี่ยนให้เมื่อคืนตอนหมดสติไป ซึ่งคาดว่าคงไม่ได้มาจากความหวังดี เพราะถ้าโอเซฮุนยังใส่ตัวเดิมกลับโซล คงเกิดคำถามเป็นเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คมากมายว่าทำไมกลางหลังของเขาถึงขาดเป็นรอยกรงเล็บ
คนตัวผอมหันหลังให้กระจกพร้อมมองไปยังผ้าปิดแผล แทบจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะเหวอะหวะแค่ไหนกับความเจ็บปวดที่มองไม่เห็นมาตลอดจนถึงตอนนี้ ไหนจะตอนอาบน้ำอีก เขาต้องหาผ้ามากัดไว้ไหม
“...!!!”
เซฮุนไม่เคยสะดุ้งเพราะเสียงเคาะประตูมาก่อน คนตัวผอมทาบมือลงบนอกอย่างใจหายก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำพร้อมชำเลืองมองเล็กน้อย เจ้านายถอดสูทนอกสีเทาออกแล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังพับแขนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนขึ้นจนถึงข้อศอกราวกับว่าจะ –
“ผมช่วย”
“แต่ผมปฏิเสธ! นี่! คุณจะฟังผมบ้างได้ไหม?!”
คิมจงอินยังคงใช้ความเป็นเจ้านายเอาแต่ใจกับเขา คนตัวผอมหลับตาแน่นพร้อมผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ หลังจากที่อีกฝ่ายเข้ามาในห้องน้ำได้สำเร็จ เซฮุนหันไปทางคนผิวแทนที่กำลังจัดแจงกล่องปฐมพยาบาล หยิบนู่นนี่นั่นขึ้นมาดูแล้วโยนมันเก็บเข้าไปอย่างไม่ใยดี ซึ่งทั้งหมดนั่นมันเป็นของเขา
“คุณค้นห้องผมแบบนี้ไม่ได้นะ”
“กับสิ่งที่วางในจุดที่ตามองเห็นได้ ผมไม่คิดว่าเป็นการค้น”
“นี่ คิมจงอิน”
“เข้าวันที่สองคุณอาจจะยังไม่ชิน แต่ผมชอบให้คุณเรียกว่าเจ้านายมากกว่าชื่อห้วน ๆ แบบนั้น” ชายหนุ่มยิ้ม พร้อมจับตัวเลขาช่างพูดให้ยืนหันหลัง จงอินรู้ว่าเซฮุนคงไม่พอใจ แต่เขายังหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมต้องทำตามที่เด็กคนนี้สั่ง
“ที่พูดเรื่องรถน่ะ โกหกหรือแค่หลอกให้ผมไปทำงาน”
“ฟังดูเหมือนผมอยากได้คุณกลับไปทำงานจนตัวสั่นยังไงก็ไม่รู้สิ ถึงมันจะถูก แต่เชื่อเถอะว่าเหตุผลมันไม่ใช่เพราะคุณทำงานเก่งจนปล่อยไปไม่ได้” เซฮุนกัดริมฝีปากล่าง เมื่ออีกฝ่ายกำลังค่อย ๆ แกะผ้าปิดแผลออกให้ทีละนิด
“คุณเอากรงเล็บกว้านแผลผมหรือเปล่าเนี่ย ทำไมมันเจ็บกว่าเดิมอีกล่ะ”
“ถ้าผมทำ คุณคงไม่ได้หายใจมาจนถึงตอนนี้หรอก” ดูคำพูดคำจา มาจนถึงตอนนี้ก็ยังข่มอยู่นั่น บ้าอำนาจเหลือเกิน “หัวใจคุณกำลังเต้นแรง”
“ไม่ใช่เพราะตกหลุมรักคุณแน่ ๆ สาบานได้” พูดจบก็ขมวดคิ้ว กับเสียงหัวเราะในลำคอของเจ้านายซึ่งเขายังหาคำตอบไม่ได้ว่าตอนนี้มีเรื่องอะไรน่าตลก
“ผมซื้อรถคันใหม่ให้ ทั้งยี่ห้อ สี และป้ายทะเบียน ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมเพื่อให้คุณหายกังวลถ้าต้องตอบคำถามคนที่บ้าน”
“เข้าใจปิดปาก ทำแบบนี้บ่อยเหรอ”
“ผมแค่ไม่ชอบปัญหา” ชายหนุ่มเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “ถ้าคุณยายจองถาม ก็บอกเธอไปว่าผมใจดีมาก เลยจ่ายค่างวดรถให้คุณหมดแล้ว”
“ใจดีมากเลย” น้ำเสียงประชดประชันทำซีอีโอหนุ่มละสายตาจากผ้าปิดแผลและรอยกรงเล็บบนแผ่นหลังขาว
“ถึงมันจะไม่มีคุณค่าทางใจเท่าคันเดิม แต่ผมอยากให้คุณเข้าใจอย่างหนึ่งว่าหมาป่าคืนสภาพรถให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้”
“อ๊า!” เซฮุนนิ่วหน้าเจ็บ ชำเลืองมองเจ้านายสุดโหดที่นั่งพิงอยู่กับซิงค์ล้างหน้าด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางอยู่ข้าง ๆ ให้กับเขา
“กัดไว้ครับ เสียงของคุณเหมือนนายเอกหนังจีวี ผมยังไม่อยากเสร็จตอนนี้”
“ตลกเหรอ?!” คนตัวผอมหันไปว๊ากใส่เจ้านายที่เอาแต่อมยิ้มพอใจที่แหย่เขาได้สำเร็จ ทะลึ่งตึงตังจริง ๆ แม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังไม่เว้น
“ผมแค่อยากให้บรรยากาศผ่อนคลายน่ะ ผมกับคุณต้องทำงานด้วยกันอีกนาน มันคงดีถ้าเราจะสนิทกันมากขึ้น”
“สนิทยังไงก็ตายอยู่ดี” เซฮุนแค่นหัวเราะ “จะไม่เล่าจริง ๆ สินะว่าเลขาคนก่อนตายยังไง”
“ผมบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเธอตาย?”
“ก็เมื่อคืนคุณพูดเอง ‘อยากรู้ไหมว่าผมมีอะไรกับเธอยังไง หลอกล่อเธอยังไง ฆ่าเธอด้วยวิธีไหน?’ แค่นี้ทำลืม” เขาหันไปเถียง พลางมองรอยแผลเหวอะหวะซึ่งเกิดจากกรงเล็บบนแผ่นหลังตนเองผ่านกระจก หลังจากที่เจ้านายแกะผ้าปิดแผลออกจนหมด “คุณพระช่วย...”
“ผมไม่เคยพูดอย่างนั้น โตแล้วอย่าหัดเป็นเด็กพูดจาใส่สีตีไข่สิเซฮุน”
“มันก็คล้าย ๆ กันนั่นแหละ โอย... พอเห็นแผลแล้วผมรู้สึกเจ็บกว่าเดิมอีก” มองสีหน้าเหยเกของเลขาคนใหม่แล้วก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ จงอินกอดอกมองคนเจ็บที่เอาแต่พึมพำถึงความโชคร้ายของคนราศีเมษ ก่อนจะหันมาสบตากับเขา “ผมจะเปลี่ยนเป็นหมาป่าแบบคุณหรือเปล่า?”
“หืม?”
“ผมถูกข่วน รอยแผลขนาดใหญ่แบบนี้ ตามหนัง ตำนานพวกนี้ ผมต้องเปลี่ยนเป็นหมาป่าในคืนพระจันทร์เต็มดวงใช่ไหม?” ชายหนุ่มผิวแทนยิ้มขำ กับอาการตื่นตูมของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าจะไม่สงบง่าย ๆ ถ้าเขาไม่รีบอธิบาย
ในทีแรกก็หัวเสียที่แม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับบริษัท โดยสั่งห้ามรับเลขาหญิงอีกด้วยเหตุผลบางอย่างที่ปล่อยให้พนักงานเข้าใจไปว่าเป็นเรื่องชู้สาว ซึ่งมันก็จริงแต่ก็แค่ส่วนหนึ่ง คิมจงอินไม่ใช่ผู้ชายคลั่งรักที่ต้องควงผู้หญิงตลอดเวลาถึงขนาดนั้น ทุกอย่างมีเหตุผลเสมอ
และตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่า การมีเลขาเป็นผู้ชายตัวขาวเอวคอดก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่
“หลานผมยังเป็นเด็ก เปลี่ยนใครไม่ได้หรอก”
“เด็ก? จากที่เห็นผมว่าน่าจะสิบแปดสิบเก้าแล้วนะ ต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าหมาผู้ใหญ่?” คนตัวผอมมองมาอย่างหวาด ๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คิมจงอินได้รู้วันนี้คือ โอเซฮุนเป็นคนตลก
“เขาเพิ่งสิบสี่”
“หา?”
“ถ้านับแบบหมาป่าน่ะนะ ถ้านับแบบมนุษย์ เขาเพิ่งเกิดมาดูโลกได้สี่ปี แต่ร่างกายเติบโตไว เลยดูเหมือนเด็กมอปลาย” ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ซึ่งคงมีแค่เปลือกตาของคุณเลขาที่กระพริบปริบ ๆ ราวกับว่าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาพูดนัก
“แล้วคุณล่ะ อายุเท่าไหร่?” คนถูกถามไม่ได้ตอบทันที จงอินกอดอกพลางสบตากับเลขาที่ยืนเปลือยร่างท่อนบนคุยกับเขา ก่อนจะชี้นิ้วไปยังห้องอาบน้ำที่ถูกกั้นด้วยประตูฝ้าสลัว
“อาบน้ำไปคุยไปก็ได้บรรยากาศดีนะ”
“งั้นคุณออกไปรอข้างนอก” เซฮุนดึงประตูเข้าหาตัว พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายออกไป แต่จงอินดันคว้ามือเขาไว้ แล้วดันประตูกลับเข้าไปเช่นเดิม
“มากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว คงไม่มีอะไรต้องเขินแล้วมั้ง?”
“มันไม่ใช่เรื่องเขินหรือเปล่า มันเป็นเรื่องที่มนุษย์ปกติเขาทำกัน” คนตัวผอมหรี่ตามองอย่างถอดใจ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีว่าจะคิดได้เลยสักนิด
“ผมมองทะลุประตูฝ้าไม่ได้ อย่างเก่งก็แค่เห็นเป็นรูปร่างจากการจับความร้อน รีบเข้าไปอาบเถอะ กว่าจะทำแผลให้คุณเสร็จ คงไปถึงบริษัทตอนเที่ยงพอดี”
“ยอมเขาเลย” ประโยคนี้จงใจพูดใส่หน้าคนบ้าอำนาจ ซึ่งคนผิวแทนเพียงยิ้มกวนประสาทจนกระทั่งเขาหายเข้าไปในห้องอาบน้ำที่ถูกกั้นแยกไว้
TBC
ความคิดเห็น