คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตำแซ่บครกที่ 02 :: ชายหนุ่มผู้มากับผิวกร้านแดด
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ตำแซ่บครกที่ 02
ชายหนุ่มผู้มากับผิวกร้านแดด
“หมูบู้ ไปยืนตรงนั้นก่อน”
ถึงเจ้าของชื่อจะดูงง ๆ กับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก แต่เขาก็เดินถอยห่างออกจากตรงนั้น เพื่อให้คนอายุน้อยกว่าจูงมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าแต่ถูกตกแต่งจนดูแว๊นออกมาจากบ้าน
“ไกลกว่านี้อีก”
ว้อทททททททททท ให้ไกลกว่านี้มึงบอกกูไปยืนรอหน้าปากซอยเลยไหมล่ะสังคม ชาญมันจะสร้างเขื่อนงมอะไรเหรองงแรง เอามอไซค์ออกมาจูงเล่นเหมือนจักรยานสร้างความโรแมนติกงี้เรอะ
แต่ก็ทำได้แค่บ่นในใจ เพราะถ้าพูดไปเกรงว่าจะทำให้ชาญมันเสียอารมณ์เปล่า ๆ บู้ไม่อยากทำลายบรรยากาศโรแมนติกตั้งแต่ยังไม่ถีบขาสตาร์ทรถ จึงเดินห่างออกห่างไปอยู่หลายเมตร พลางมองไปยัง ‘ว่าที่’ แฟนหนุ่มซึ่งกำลังยืนตั้งหลักเหมือนจะทำอะไรบางอย่าง
เดี๋ยว... อย่าบอกนะว่ามึง...
จะ – จูง – มอ – ไซค์ – วิ่ง
แต่ด แต่ด แต่ดดดดดด!!!
บู้ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น หลังจากเห็นหุ่นผอมสูงพร้อมเบ้าหน้าหล่อ ๆ จูงมอเตอร์ไซค์วิ่งไปตามท้องถนนจนเสียงเครื่องยนต์ติด มันทุลักทุเลเหมือนคนแก่กระแอมไอเพราะเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย คือถ้านาซ่ามาเห็นนวัตกรรมนี้อาจจะต้องอึ้งทึ่งเสียว กับการสตาร์ทรถแบบวิถีชาวบ้าน
“ปะ” ยังมีใจหล่อ ตบเบาะหลังเรียกให้เขาขึ้นไปนั่งซ้อน บู้หลุบตามองเบาะหนังสีดำครึ่ง ส้มครึ่ง ซึ่งถูกปาดเรียบเป็นเนินสูงประหนึ่งทางลงหุบเขาเอเวอร์เรส
มอร์เตอร์ไซค์บุโรทั่งถูกลบล้างความกระจอกทั้งหมดด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาของคนขับ บู้อมยิ้มพร้อมก้าวขาคาบซ้อนท้าย และไม่ลืมที่จะวางสองมือไว้กับเอวคนอายุน้อยกว่า นี่กำไว้แค่หลวม ๆ พอ คือจะทำอะไรก็ต้องให้มันอยู่ในความพอดีไง ขึ้นปุ๊บกอดปั๊บเอาพุงแนบหลังน้องมันก็ใช่เรื่องอยู่ อย่าอ่อยมาก เดี๋ยวน้องหาว่าเชี่ยวเรื่องนี้
การขับรถกินลมชมวิวยามค่ำคืนช่างโรแมนติก บู้มองท้ายทอยคนตรงหน้าอย่างเสน่หาก่อนจะถลาไปข้างหน้าเมื่อชาญกำเบรกมืออย่างกะทันหัน จนร่างของเขาเทไถลลงไปแนบชิดกับแผ่นหลังกว้างอย่างแนบแน่น
“โทษที เมื่อกี้มันมืด ชาญมองไม่เห็นหลุม” ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร จนกระทั่งเห็นรอยยิ้มอีกคนนั่นแหละบู้ถึงรู้ว่าทุกอย่างเป็นแผน โถ... ถ้าอยากแนบชิดกับพี่ก็บอกตรง ๆ ก็ได้ มุกกำเบรกมอไซค์นี่พี่รู้ พี่เห็นแว๊นทำบ่อย
“อันตรายจังเลย ระวังหน่อยสิชาญ เกิดแหกลงคลองขึ้นมาเราจะเปียกทั้งคู่นะ” คางเกยไหล่คนอายุน้อยกว่าพร้อมส่งเสียงแด๊ะแด๋ เขาแอบเห็นว่าชาญมันยิ้มเขินก่อนจะพยักหน้าหงึกเป็นคำตอบ
“นั่งมอเตอร์ไซค์ก็แบบนี้แหละ หมูบู้กอดเอวชาญไว้สิ จะได้ไม่ตกใจอีก”
บางทีชาญนารีก็ควรเลิกขายส้มตำแล้วไปขายของทอด แม่มึง ทอดสะพานเก่งมาก แบบนี้จะว่าไอ้บู้อ่อยไม่ได้นะ เด็กมันก็อยากโดนของเหมือนกัน
คนตัวสูงยิ้มกริ่ม หลุบสายตาลงก็พบวงแขนของคนตัวเล็กโอบกอดรอบเอวของเขาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าจะกระเด็นตกคลองน้ำไปถ้าหากเขาพลาดขับตกหลุมอีกครั้ง ไหนจะแผ่นหลังที่แนบชิดกับแผงอกนั่นอีก ถึงไม่มีหน้าอกหน้าใจ แต่ชาญก็รู้สึกได้ถึงเป้านิ่ม ๆ แอร๊ย
“ให้สาวซ้อนท้ายแบบนี้บ่อยปะ”
“สาวที่ไหน วัน ๆ ชาญหาแต่เงินเลี้ยงครอบครัว จะมีก็คนแถวเนี้ย”
“ปากหวาน”
สิ้นสุดคำพูดมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งก็จอดเทียบข้างทาง ท่ามกลางความเงียบงันยามค่ำคืน มีเพียงเสาไฟฟ้าโง่ ๆ กับป่าช้าเท่านั้นที่ช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้ ชาญเอี้ยวหน้ามองคนที่เกยคางลงกับไหล่ของเขา สบตากันในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ไม่กี่อึดใจ ก่อนคนอายุน้อยกว่าจะเอนศีรษะลงเล็กน้อยจนปลายจมูกชนกัน
“ลองแล้วเหรอถึงรู้ว่าหวาน”
“งั้นลองเลยได้ปะ...”
มีแต่พวกกระจอกเท่านั้นแหละที่จะพูดพร่ำพรรณนายาวยืด คนจริงต้องหลับตาเตรียมพร้อมรับจูบแรกจากว่าที่แฟนตั้งแต่วินาทีนี้ ผัดไทยยังไม่เคยเสิร์ฟช้า นับประสาอะไรกับเสิร์ฟปากให้ปู้จาย
เสียงจิ้งหรีดปะปนเสียงกบร้อง ราวกับว่าพวกมันกำลังเป็นสักขีพยานรักให้เขาทั้งคู่ในเวลานี้ บู้ค่อย ๆ เลื่อนมือขึ้นกอดคอคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า เอียงคอปรับองศาเพื่อให้จูบของเราแนบแน่นยิ่งขึ้น ชาญมันไม่ใช่ขี้ ๆ ว่ะ เล่นลิ้นเก่งขนาดนี้พี่นี่จินตนาการไปจนถึงเตียงที่บ้านแล้ว
บู้ถอนจูบออกพร้อมงับริมฝีปากล่างอีกฝ่ายจนยืดออกมาเล็กน้อย สายตาหยาดเยิ้มของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้านั้นทำให้รู้ได้ไม่ยากว่ากำลังเคลิบเคลิ้มแค่ไหน เขาปล่อยริมฝีปากอีกฝ่ายออก ส่งสายตาไปว่าถ้ายังไม่ออกรถตอนนี้น้องเสร็จพี่ข้างทางแน่
“ครั้งแรกหรือเปล่า”
“อือ ครั้งแรก” บู้จับปากตนเองอย่างขวยเขิน
“ในชีวิต?”
“ของวันนี้”
“ถุ้ย” ชาญมองค้อนอีกคนที่อมยิ้มเขินไม่ดูเวล่ำเวลา “เกือบจะโรแมนติกแล้วนะหมูบู้! แบบนี้เซ็งเลยอะ”
“โธ่ชาญ บู้อายุตั้งเท่าไหร่ ถ้าจะให้เพิ่งมีจูบแรกตอนนี้ฟอสซิลคงเกาะรากฟันทุกซี่แล้วมั้ง คนมีประสบการณ์เรื่องพรรค์นี้แสดงว่าเขามีดีจนใคร ๆ ก็อยากทำด้วย รู้ไหม” คนตัวเล็กกระชับกอดเอวอีกฝ่าย เกยคางลงกับไหล่พร้อมมองตาแป๋ว
“เหรอ งั้นแสดงว่าบู้จะไม่โกรธถ้าชาญเคยเอากับผู้หญิงหลายคนน่ะสิ”
“อะไรนะ!!! มันเป็นใคร!!! ห๊ะ!!! ไปนอนกับใครมา!!! ทำไมชาญเป็นคนแบบนี้วะ!!! ทำไมไม่รักนวลสงวนตัวบ้าง!!! เป็นผู้ชายประสาอะไร!!!”
“ก็-- หมู--”
“ผู้หญิงพวกนั้นคือความผิดพลาด ห้ามพูดถึงอีกเข้าใจไหม ต่อไปชาญมีแค่บู้คนเดียวก็พอ ไม่สร้างปัญหาเรื่องประชากรล้นโลกแน่ เพราะบู้ท้องไม่ได้ แม่ของชาญจะไม่ปวดหัวกับเรื่องนี้แน่นอน อีกอย่าง บู้ยืนฉี่ข้าง ๆ ชาญได้ด้วย”
“เหตุผลสุด ๆ เลย แม็กชอบ” ชาญดัดเสียง ก่อนจะก้มลงฟัดแก้มนิ่ม ๆ ของคนตัวเล็กอีกครั้ง บู้เองก็ไม่ยอมแพ้ งับติ่งหูเขาแถมยังกระซิบส่งท้ายอีกว่า ‘คืนนี้ไม่อยากกลับบ้านเลยเนอะ’
เล่นใหญ่แบบนี้ ชาญจะหักห้ามใจตัวเองไปได้อีกนานแค่ไหนล์!!!
.
.
วันนี้อากาศดีเพราะเรียนเสร็จเร็ว ถามหน่อยว่ามีเด็กวัยรุ่นที่ไหนจะกตัญญูรู้คุณเท่ากับ ‘ฮุน’ อีก ที่เลือกกลับมาช่วยกิจการที่บ้านมากกว่าการออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกกับเพื่อนมหาลัย
เด็กหนุ่มตัวผอมดันประตูร้านขึ้น สิ่งแรกที่พบคือสารร่างของหลานชายในสภาพชุดนอนซึ่งนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่พ่อแม่มันลงทุนซื้อให้ แต่ต้องมีข้อแม้ว่าต้องช่วยเขากับเฮียบู้ขายของ
“ไม่ไปโรงเรียนอีกแล้วเหรอวะเคี้ยง”
“อือ ผมไม่สบาย”
“ตอแหล อย่างมึงนี่โดนควายวิ่งขวิดเขามันยังหัก” อาคนเล็กพูดแบบนี้มือที่จิ้มเมาส์อย่างบ้าคลั่งถึงกับหยุดชะงัก “ขี้เกียจไปโรงเรียนเลยแกล้งป่วยอีกแล้วอะดิ”
เด็กหนุ่มร่างเตี้ยหันเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ เจ็กฮุนแม่งชอบว่าหลานแบบนี้โคตรแย่ไม่ต่างจากโกวบู้เลย เซ็ง ทำไมวัยรุ่นอย่างเคี้ยงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ในชีวิตด้วย
“ผมป่วยจริง ๆ นะเว้ยเจ็ก ดูหน้าดิ ซีดจนจะเป็นไก่ต้มอยู่แล้ว”
“มึงแค่ไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน”
“แค่ก ๆ”
“ตีนติดคอเหรอ”
“โหยเจ็กอะ... ทำไมต้องว่าหลานด้วยวะ... แป๊บนะ” พูดจบก็หันหน้าเข้าหาจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เมื่อป้อมในเกมกำลังถูกศัตรูรุกราน ดาหน้าเข้ามาเลนส์กลางพร้อมกันอย่างดุเดือด
ฮุนส่ายหน้าหน่าย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอ้หลานตัวดีแกล้งทำเป็นป่วยตอนเช้า เพื่อเป็นข้ออ้างที่จะไม่ไปโรงเรียน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของฮุนที่จะไปโขกสับให้มันสำนึก พ่อแม่มันมี สั่งสอนกันเองแล้วกัน
เปิดร้านชานมเรียบร้อยในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที ลูกค้าในซอยมากหน้าหลายตาเข้ามาใช้บริการเนื่องจากชานมร้านของเขาขายในราคาย่อมเยา ขนาดเปิดแค่ครึ่งวันยังขายดิบขายดี แบบนี้ต้องคิดแล้วว่าฮุนทำชาไข่มุก ปังเย็น น้ำปั่นอร่อย หรือเป็นเพราะเขามีใบหน้าที่ดูดี จนใคร ๆ ก็อยากเข้ามาซื้อกันแน่
“ปังเย็นน้ำแดงค่ะพี่ฮุน”
“ใส่อะไรบ้างคะ?” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษายิ้มทักทายลูกค้ารุ่นน้องในมหาลัยที่อาศัยอยู่ในซอยเดียวกัน เธอยืนบิดขวยเขิน พลางหลุบตามองท็อปปิ้งตรงหน้า
“เอาเยลลี่กับโอรีโอ้ค่ะ”
“แล้วใส่ใจพี่ฮุนด้วยไหมคะ?”
“โอ้ย พี่ฮุนอะ หนู...” เด็กสาวกัดริมฝีปาก ช้อนตามองพ่อค้าหน้าหล่อที่ยังคงยังอ่อยเธอไม่เลิก “งั้นใส่มาเยอะ ๆ เลยนะคะ”
“ใส่ไปเยอะเกิดหนูกินไม่หมดงี้มันก็ถูกทิ้งสิคะ งั้นวันนี้พี่ฮุนใส่ให้พอดี แล้วพรุ่งนี้หนูมาเอาใจพี่ฮุนไปใหม่นะ”
“คนบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้อะ” บ่นพึมพำเบา ๆ แล้วรับถ้วยปังเย็นมาไว้ในมือ สบตากับพ่อค้าสุดหล่อก่อนจะเดินถอยหลังไปทีละนิดจนเกือบสะดุดตกฟุตปาธ
“ไงล่ะไอ้เหี้ย! มึงต้องตายด้วยสิบแปดดาบอรหันต์ของกูสัด!!! มึงมานี่!!! ได้ข่าวว่าเมื่อกี้ห้าวเหรอ!!! มึงไม่รู้จักพี่เคี้ยงแห่ง N’Square ซะแล้ว!!!”
เสียงหลานชายก็ขี้เกมทำลายบรรกาศฟุ้ง ๆ เมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น ฮุนทำหน้าเซ็งก่อนจะหันกลับไปมองไอ้เตี้ยที่กำลังใส่อารมณ์อย่างหนักกับเกม DotA2 ที่มันมองเห็นการแข่งขันเป็นเรื่องระดับโลก เห็นบอกว่าจะไปลงทัวร์นาเมนท์หอกหักอะไรด้วยก็ไม่รู้ จริง ๆ อย่างไอ้เคี้ยงนี่แค่นอนอมนิ้วมือ เล่นหรรมตัวเองแล้วตื่นเช้าไปโรงเรียนก็น่าจะพอแล้ว นี่ทำตัวกุ๊ยเป็นนักเลงเหมือนพวกไม่มีการศึกษา ถ่อยมาก รับไม่ได้
“กาแฟไข่มุกแหน่คับ”
“...”
เคยได้ยินแต่ไทยคำอังกฤษคำ มาวันนี้กูเจอไทยคำอีสานคำเข้าไปถึงกับมืดแปดด้าน ฮุนมองผู้มาใหม่ในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดลายใบกัญชาพร้อมโลโก้ EXO ตรงกลาง ที่เขาเคยเห็นขายในตลาดนัดอยู่บ่อย ๆ แต่จากเบ้าหน้าแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นแรงงานพม่าไม่ก็คนงานในโรงฆ่าสัตว์ มากกว่าจะเป็นติ่งเกาหลีวงนี้
“อะไรนะครับ?”
“กาแฟใส่ไข่มุก เพิ่นบอกว่าเอานัว ๆ หวาน ๆ แซ่บ ๆ พะนะ”
งง... งงมาก... นี่มันคืออะไรกัน Jesus ถ้าบอกว่าผู้ชายผิวกร้านแดดคนนี้ตั้งใจจะปั่นหัวเขาด้วยภาษาถิ่นนี้ล่ะก็... บอกเลยว่าฟังไม่เข้าใจ ในซอยมีคนอีสานเยอะก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะฟังออก คุยรู้เรื่อง
“กาแฟเย็นใส่ไข่มุกเนอะ?”
“ถืก”
เอาวะ อย่างน้อยฮุนก็เดาถูกแล้วหนึ่งอย่าง นี่รู้สึกเหมือนกำลังเล่นปัญหาทายคำอยู่ยังไงก็ไม่รู้ ไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดา หน้าตาก็หล่อแต่ติดที่ว่าซกมกไปนิด ไม่สิ... หนักเลยล่ะ แต่ถ้าเอาไปขัดสีฉวีวรรณก็คงดูดีไม่น้อย
หึ... ที่มองมาคงหลงในความหล่อของฮุนเหมือนกันล่ะสิ ให้ตายเถอะ เกิดมาหน้าตาดีมันก็แย่อย่างนี้นี่เอง ใคร ๆ ก็สนใจไม่เว้นแม้แต่เพศเดียวกัน
“เธอเป็นใคร ทำไมเราไม่เคยเห็นหน้าเลย” ข่มไว้ก่อน บอกเลยว่าฮุนไม่ใช่พวกเบ้าดีที่พร้อมจะหันหลังให้ใครเสียบ
“เธอ? เฮาติ?” คนผิวแทนชี้หน้าตนเองงง ๆ หลังจากถูกเขาใช้คำนั้น
“ใช่ เธอนั่นแหละ”
“เอ๋า คือเอิ้นจั่งสั้น?” ฮุนขมวดคิ้ว เกลียวนิ้วชี้อยู่ตรงระดับขมับบ่งบอกว่าเขาฟังไม่รู้เรื่อง อีกฝ่ายนิ่งไปพร้อมกลอกตามองบน ทำหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังคิดคำตอบในรายการควิสโชว์ “เธออีหยัง”
“ก็เธอไง เธอน่ารัก” พูดจบถึงกับตาเหลือก ความรู้สึกเหมือนผีผลักเป็นยังไงฮุนเข้าใจแล้ววันนี้ กูต้องมีความกล้ามากแค่ไหนถึงจะชมคนตรงหน้าว่าน่ารักได้ อาจเป็นเพราะติดปากเต๊าะสาวอยู่ทุกวันก็เลยพลั้งปากพูดไปสินะ โอ้ย ขนลุก
“โอเคเล้ย เฮามันเป็นตาฮัก” อันนี้ฟังรู้เรื่อง แต่มันเสือกไม่ถ่อมตัวเลย มั่นหน้ามั่นโหนกมากมั้ง
“ชื่ออะไร?”
“เฮาซื่ออินทร์ เฮดงานอยู่ท้ายซอยหนิ หัวแต่มาอยู่ได้บ่โดน”
“อะไรโดน ใครทำอะไรเธอ?”
“บ่แม่นจั่งสั้น เฮาบอกว่าหัวแต่มาอยู่นี่ได้บ่ทันโดน”
“โดนอะไรล่ะ ชกหน้าเหรอ?” ฮุนขมวดคิ้ว สองมือก็ค้างอยู่ท่าชงกาแฟ แต่ถ้าจะโดนต่อยจริงก็ไม่แปลกหรอก หน้าตาอ้อนตีนขนาดนี้ ไม่เก่งจริงอยู่ซอยร่มเย็นเป็นสุขสนุกมากมาก 2 ไม่ได้
“เอามาพี้ เฮาสิเขียนไห่เบิ่ง” คนผิวแทนเริ่มมีน้ำโห คนไม่เข้าใจภาษาอีสานถึงกับนิ่งไป ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาทำกาแฟไข่มุกอีกครั้ง ตอนนี้อินทร์กำลังเขียนอะไรบางอย่างลงไปในสมุดเขียนบิลที่เขาขอมาจากซ้อเฉียน เมียของเฮียเล่ย ก่อนผู้ชายคนนั้นจะพลิกกระดาษให้เขาดู
[ เพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน ]
“อ๋อ แล้วก็ไม่บอกแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็งงว่าโดนอะไร เฮ้อ พูดภาษาไทยไม่เป็นเหรอ” ฮุนส่ายหน้า มองอีกคนอย่างอ่อนใจ
“เว้าบ่ซัดเลยบ่อยากเว้า เว้าแล้วเสียความเป็นตัวเองแฮง”
“งงอะ เราฟังเธอพูดไม่รู้เรื่องเลย เขียนอีกทีซิ” เซ็งแล้วนะ แค่พูดภาษาแผ่นดินที่ตัวเองเหยียบอยู่มันยากนักหรือไงกัน ว่าที่ครูอย่างฮุนถึงกับหัวเสีย!
[ พูดไม่ชัด เลยไม่อยากพูด เดี๋ยวเสียความเป็นตัวเอง ]
“แต่เราจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะอินทร์”
“จั่งสั้นแหล่ว”
โว้ยยยยยยยยยยยยยยย ช่วยพูดอะไรให้คนหน้าตาอินเตอร์ ๆ ฟังแล้วเข้าใจในรอบเดียวได้ไหม WHAT THE FUCK? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฟังออก เขียนได้แม้ลายมือจะไก่เขี่ย แต่เสือกพูดไม่ได้นี่มันจะตลกร้ายเกินไปแล้ว แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือ
ทำไมกูยังชวนมันคุยอยู่อีก!!!!
“เอางี้ ต่อไปเธอจะคุยอะไรกับเรา ก็ให้เขียนใส่ลงไปในกระดาษ โอเคไหม?”
“หือ”
“เคยอ่านนิยายเรื่อง Among Pages เปล่า ความเงียบสีขาวอะ ที่พระเอกกับนายเอกเขาใช้โพสต์-อิทคุยกัน” ฮุนเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายที่กำลังปั้นหน้าเครียดกับประโยคที่เขาพูดไป
“อีหยัง บ่เคยได้ยิน”
“นิยายไง ไม่เคยอ่านเหรอ”
“บ่ เฮาอ่านแต่การ์ตูนผีเล่มละ 5 บาท ที่นางเอกนมใหญ่ ๆ จั่งซี่” พูดจบก็ทาบมือทั้งสองข้างลงกับแผงอกตนเอง เห็นอย่างนั้นฮุนจึงเอื้อมไปปัดมือออก
“ทะลึ่งว่ะ หมกมุ่นนะเธอ” เขามองอีกคนที่เอาแต่ยิ้มเขิน “ไม่รู้แหละ ถ้าพูดไทยไม่ได้ เธอก็ต้องเขียนสื่อสารกับเรา”
“คือสิมายากแท้ ขนาดน้องหมวยหมินยังเว้ากับเฮาฮู้เรื่องเลย ผู้นั้นก็เป็นลูกเจ๊กคือกันกับโตฮั่นล่ะ” สัด พูดอะไรไม่รู้กูงง ฟังออกแค่น้องหมวยหมินทำอะไรสักอย่าง ลูกเจ๊กอะไร
“เขียนมา” ไม่รู้แหละ จะไม่มีการถามม้วนสองใด ๆ ทั้งสิ้น อินทร์ถอนหายใจฮึดฮัด บ่งบอกถึงความเข้าใจยากของฮุนที่เขากำลังถามตัวเองว่ากูผิดอะไรที่ฟังภาษาบ้านมันไม่รู้เรื่อง
[ กี่บาท ]
สัส!!!!!!!!!!!!!!! กูนึกว่ามึงจะเขียนอธิบายอะไรซะอีก!!!!!!!
แล้วเสือกเขียนตัวใหญ่เต็มหน้ากระดาษอีกนะ!!!!!!!!!!!!!!
“ยี่สิบ” ฮุนแบมือออกพร้อมปั้นหน้าไม่สบอารมณ์ วินาทีนี้หนุ่มบ้านนอกควรรับรู้ได้แล้วว่าเขากำลังหัวเสีย ซึ่งไม่มีใครทำแบบนี้กับฮุนมาก่อน NO ONE “ซื้อไปกินเองเหรอ”
“บ่ เจ้านายเฮา--”
“เขียนสิ พูดทำไม!” อินทร์เงยหน้ามองอีกคนที่ตวาดเขาซะเสียงดัง ขี้หูนี่แทบเต้นระบำเลยอีพ่ออีแม่ ป๊าดติโท้... ลูกซายบ้านนี้คือมาโหดแท้ เว้าสื่อ ๆ กะดั้ย ทรงมาฮ้องใส่หูกัน
[ เจ้านายกิน ]
อินทร์วางปากกากับสมุดบิลลง แล้วล้วงกระเป๋ากางเกงเอาแบงค์ยี่สิบยับ ๆ ออกมากรีดให้เรียบ ยิ้มสู้พร้อมยื่นเงินให้ อารมณ์ดีมากไหมล่ะ กวนตีนคนอื่นด้วยภาษาบ้านเกิดตัวเอง เดี๋ยว Speak English ใส่แล้วจะร้องไห้กลับไปซบหลังวัวเลี้ยงควายที่บ้านแทบไม่ทัน
คนผิวแทนเดินออกไปแล้ว ใช่! ไม่มีคำร่ำลาใด ๆ เกิดขึ้นแม้แต่คำเดียว ไม่แม้แต่ส่งสายตา ถ้าจะบอกว่าอินทร์เป็นคนแสดงออกไม่เก่งก็อาจจะยอมเชื่อให้ก็ได้ แต่นั่นคือความไร้เยื่อใยชัด ๆ
“เธอ!”
ผิวคล้ำกร้านยามกระทบแสงแดดนั้นวาววับ ใบหน้าคมของหนุ่มกรรมกรหันกลับมาเพียงเสี้ยวพร้อมสบตากับเขา ฮุนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ ตัดภาพมาอีกทีปากมันก็ตะโกนเรียกอีกฝ่ายเอาไว้แล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไร!!!
“หยัง”
“เราให้ชานมฟรี เอาไหม?!”
จากที่เคยทำหน้าเมาง่วงอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของอินทร์ก็ทอแสงเป็นประกาย ตามมาด้วยรอยยิ้มที่ฉีกออกกว้างเหมือนคนได้รับรางวัลออสก้า ฮุนยืนนิ่งเมื่ออีกฝ่ายเดินแท่ด ๆ กลับมาหยุดอยู่หน้าร้านพร้อมพยักหน้าหงึก
“เอา!”
“ง่ายจังนะ เล่นตัวอะทำเป็นเปล่า?”
“บ่ เดี๋ยวบ่ได้กินฟรี” เออ อันนี้ฟังเข้าใจ นี่เกือบเผลอตวาดไปอีกรอบแล้ว ทำไมหมอนี่ไม่รู้งานเลยนะ สมุดบิลก็วางอยู่ตรงนี้ไม่รู้จักหยิบขึ้นมาเขียน
“มุกเปล่า?”
“บ่ เฮากินอีหลี”
“ไม่ได้ถามว่าเล่นมุกไหม ถามว่าจะเอาไข่มุกหรือเปล่า?!”
“โอ๋ กะว่าจั่งสั้นแหน่ เอาล่ะเนาะ เอาหลาย ๆ เด้อ มักแฮง”
ฮุนยืนตัวตรง สูดอากาศหายใจเข้าลึก ๆ พลางสบตากับคนตรงหน้าซึ่งกำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดี... ไอ้ซื่อบื่อนี่...
เอาสมุดบิลฟาดหน้ามันสักทีดีไหม โอ้ย เหนื่อย!
WHAT HAPPENED IN MY LIFE?!!!!
TBC
สำหรับคนที่งงกับภาษาของอินทร์ ไม่มีทรานส์ให้นะคะ จงงงไปกับฮุนค่ะ 555555555555555555555
อย่าคาดหวังเรื่องคู่มากเลยนะ เราเขียนเอาฮาไปเรื่อยอะ เน้นปัญญาอ่อน คลายเครียด 5555555555555555555
ความคิดเห็น