ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - DOPPELDANGER | CHANBAEK -

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 02 :: Not Me (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 58


     

     

     

    Chapter 2

    Not Me

     

     

     

    มนุษย์เราเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    เชื่อในสิ่งที่สัมผัสได้ และสิ่งที่ตาเห็น

     

     

     

    ก๊อก ๆ

     

     

     

    เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากชายหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือบนโต๊ะสีขาว เป็นเพราะบ้านหลังนี้มีกฎว่าทุกห้องห้ามล็อกประตู แต่การได้ยินเสียงเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาต มันเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้ถึงการมาของ โดคยองซู ลูกชายอาแท้ ๆ ของเขา

     

    และคนออกกฎนั้นคือพ่อของเขาที่อยากเข้าออกทุกห้องได้ตามอำเภอใจ ด้วยการอ้างเหตุผลว่าเจ้าบ้านต้องดูแลอย่างทั่วถึงได้ และลูกบ้านห้ามมีความลับ แม้ว่าปาร์คชานยอลจะอายุยี่สิบสองแล้วก็ตาม

     

    ทั้งสองคนถูกเลี้ยงคู่กันมาตั้งแต่คยองซูยังเป็นเด็ก โดยมีพี่ยูราคอยดูแลช่วยพ่อแม่อีกที เพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ของเด็กคนนี้จากไปเมื่อคราวนั้น คยองซูก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เงียบ ไม่ค่อยพูด และชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวในห้อง

     

    ชานยอลเคยได้ยินพ่อแม่คุยกันว่าเด็กคนนี้มีปัญหาทางจิต ที่เอาแต่พูดว่าพ่อกับแม่มาหา ตัวของท่านซีดเผือด...เปียกน้ำและกำลังร้องไห้ ทางผู้ใหญ่บอกว่าอาจเป็นผลกระทบทางจิตใจหลังจากเสียครอบครัวไปกับอุบัติเหตุรถแหกโค้งลงแม่น้ำ แต่มีเพียงแค่คยองซูที่รอดมาได้อย่างน่าประหลาด

     

    ชาวบ้านที่ลงไปช่วยให้ความว่าตอนดำน้ำลงไปก็เห็นเด็กคนนี้หลุดออกมาจากตัวรถแล้ว ทางตำรวจและผู้ใหญ่ต่างหาเหตุผลว่าเพราะอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครดึงมันมาเกี่ยวข้องกับอาการของเด็กคนนี้ ที่ทำให้คยองซูต้องไปพบจิตแพทย์เด็กตั้งแต่อายุเก้าขวบ

     

    ชานยอลเคยคิดอย่างนั้น แต่ทุกครั้งที่ได้มองหน้าน้องชาย มันก็มีบางอย่างที่ทำให้เขาคิดว่าบางทีคยองซูอาจจะพูดความจริงก็ได้

     

     

    อย่างที่มีคนเคยบอกว่า แววตาและคำพูดของเด็กย่อมไม่โกหก

     

     

    ตอนนี้คยองซูอายุสิบเจ็ดปีแล้ว และสภาพจิตใจก็ดีขึ้นกว่าเมื่อตอนนั้นพอสมควร ซึ่งอันที่จริงเจ้าเด็กคนนี้แค่แสร้งทำว่าดีขึ้นแล้วเสียมากกว่า เพราะเจ้าตัวไม่อยากไปหาหมอ ไม่อยากถูกผู้ใหญ่มองว่าเป็นบ้าที่เอาแต่พูดถึงสิ่งลี้ลับอยู่ได้

     

    คิดว่านอนไปแล้วซะอีก

     

    ชานยอลลากเก้าอี้อีกตัวมาให้คนเป็นน้องนั่ง และท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออกมันต่างไปจากทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าคยองซูกำลังกวาดสายตาไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดสายตาลงที่เขา

     

    พี่

     

    ว่าไง?

     

    ผมไม่สบายใจ เด็กน้อยมองหน้าพี่ชายอย่างจริงจัง ชานยอลรู้ว่าคยองซูเป็นคนยังไง แต่ไม่บ่อยนักหรอกที่เด็กคนนี้จะบอกถึงความรู้สึกของตัวเอง แทนที่จะปรึกษาถึงบทเรียนที่ไม่เข้าใจ

     

    ว่ามาสิ พี่ฟังเราอยู่ ชานยอลวางปากกาไว้บนโต๊ะแล้วหันหน้าเข้าหาน้องชายตัวเล็ก

    ไม่เคยเลยสักครั้งที่พี่ชายคนนี้จะแสดงออกถึงความรำคาญ แม้ว่าจะยุ่งแค่ไหน ปาร์คชานยอลก็พร้อมที่จะวางปากกาเสมอ ถ้าน้องชายอย่างเขาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ

     

    จนถึงตอนนี้คยองซูก็ยังคงเอาแต่จ้องหน้าร่างสูงอยู่อย่างนั้น มีบางครั้งที่สายตาล่อกแล่กไปทางอื่น ก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ

     

    ผมกลัว

     

    ชานยอลขานตอบในลำคอแล้ววางมือลงบนศีรษะทุยพร้อมลูบเบา ๆ เพื่อขับไล่ความกลัวให้กับเด็กน้อยที่ไม่เคยออกปากว่ากลัวสิ่งไหน แม้จะเคยได้ฟังเรื่องลี้ลับที่เด็กคนนี้พบเจอมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

     

    ผม...รู้สึกว่าพี่กำลังตกอยู่ในอันตราย

     

    เด็กน้อยในชุดนอนสีเข้มประสานมือไว้บนตัก เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากแรงบีบมือของตัวเองเลยด้วยซ้ำ โดคยองซูหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรเขาถึงได้รู้สึกอย่างนี้ แต่ครั้นจะตัดใจปิดไฟนอนก็ทำไม่ได้ มันกระสับกระส่ายจนหลับไม่ลงจนสุดท้ายต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วทบทวนกับตัวเองว่าควรเข้ามารบกวนเวลาอ่านหนังสือของพี่ชายดีไหม?

     

     

    เขาเกลียดที่จะรับรู้ และสัมผัสได้ในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น

     

     

    พี่ต้องระวังตัวให้ดีนะ สัญญากับผมสิ

     

    ในทีแรก เขาคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นการตักเตือนธรรมดา ๆ ถ้าหากว่าโดคยองซูแค่ฝันร้ายจนรู้สึกใจไม่ดี หากแต่แววตาที่มองมานั้นดูสั่นคลอน อีกทั้งมือเย็นยะเยือกตอนเอื้อมมากุมมือของเขา มันบ่งบอกว่าเด็กคนนี้รู้สึกกลัวจริง ๆ

     

    นายอยากบอกอะไรพี่หรือเปล่าคยองซู?

     

    เด็กน้อยไม่ได้ตอบคำถามในทันที คยองซูเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะหลุบสายตาลงเพื่อเรียบเรียงคำพูด

     

    ผมรู้ว่าพี่ไม่เคยเชื่อเรื่องที่ผมพูด ตั้งแต่ตอนเก้าขวบมาจนถึงตอนนี้ เสียงของคนเป็นน้องเรียบเฉยเหมือนกับแววตาที่มองมา แต่พี่แค่แกล้งทำเป็นเชื่อ เพื่อที่จะให้ผมสบายใจ

     

    ...

     

    แต่คราวนี้พี่อย่าทำแบบนั้นนะชานยอล

     

    ...

     

    พี่ต้องเชื่อผม

     

    ...

     

    สิ่งที่พี่ไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริง อาจจะทำให้พี่ตกในที่นั่งลำบาก ไม่วันนี้ก็วันหน้า

     

    คยองซูนิ่งไปคู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูโดยที่ไม่พูดอะไรอีก ทิ้งไว้เพียงแค่ความสงสัยให้คนเป็นพี่ชายที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดเหล่านั้น ซึ่งร่างสูงไม่สามารถให้เหตุและผลแยกแยะออกมาเป็นคำตอบได้

     

    คยองซูรู้สึกได้ถึงความเย็นจากเหงื่อชื้นที่ฝ่ามือตอนมันสัมผัสกับความเย็นของลูกบิดประตู ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่ปกคลุมไปโดยรอบ มันรุนแรงกว่าทุกครั้งจนมั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องที่คิดไปเอง

     

     
     

    พี่ชายของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย

     
     

     

    เขาไม่ได้มาดี นั่นคือสิ่งที่พี่ควรรู้เอาไว้

     

     


     

    CUT

     


     

     

    50%

     

     

      

     

    วันนี้มีเรียนเช้าเหรอ

     

    อ๋อ เปล่าครับ ผมต้องไปดูน้องปีหนึ่งทำกิจกรรมน่ะ คนเป็นพ่อพยักหน้าช้า ๆ หลังจากได้ฟังคำตอบ ด้วยความที่รู้ตารางเรียนของลูกชายเป็นอย่างดี เขาจึงประหลาดใจอยู่เล็กน้อยกับการเห็นชานยอลมาร่วมโต๊ะมื้อเช้า ทั้งที่เจ้าตัวมีเรียนสิบโมง

     

    บ้านหลังนี้อยู่ด้วยกฎระเบียบ พ่อคือคนตัดสินใจทุกอย่างและลูกบ้านต้องทำตาม พ่อไม่ชอบการตื่นสาย แต่ชานยอลได้รับอนุโลมเพราะต้องอยู่อ่านหนังสือจนดึก เขายังจำรสชาติของไม้เรียวเมื่อตอนยังเป็นเด็กได้ กับปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ้านอื่นไม่เก็บมาใส่ใจ แต่มันจะเป็นเรื่องใหญ่ถ้าหลุดออกนอกกรอบที่พ่อกำหนดไว้

     

    ตั้งแต่เด็กจนโต เขาถูกเพื่อนแซวมานับครั้งไม่ถ้วนว่ามีบ้านเหมือนคุก แต่จากน้ำเสียงและสีหน้าของเจ้าพวกนั้นก็ยังทำให้รู้สึกว่าอยู่ในขอบเขตเรื่องตลกอยู่ ไหนพ่อจะบอกว่าแฟนไม่จำเป็นเท่าอนาคต ถ้ามีอนาคตแล้ว แฟนจะหาเมื่อไหร่ก็ได้ปาร์คชานยอลคิดว่าเขาเข้าใจพ่อด้วยความไม่เข้าใจ พ่อบอกว่าการมีแฟนในวัยเรียนจะทำให้ชีวิตดิ่งลง แต่เขาคิดว่าเรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองเสียมากกว่า

     

    และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาคบกับใครได้ไม่นาน ไหนจะเรื่องไม่มีเวลาให้เพราะพ่อค่อนข้างซีเรียสเรื่องเวลากลับบ้านของทุกคน อีกทั้งเรื่องพาแฟนไปที่บ้าน ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ท่านก็ยังสร้างความอึดอัดให้เธอได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

     

    ชานยอลคบกับใครไม่เคยยืด เขาเคยคิดว่ามันอาจจะเป็นคำสาปที่ทำให้ต้องพบจุดจบแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน แต่จะโทษว่าเป็นเพราะเรื่องที่บ้านอย่างเดียวก็คงไม่ถูก เพราะถ้าเขายอมเจียดเวลาอ่านหนังสือให้กับเธอบ้าง เรื่องมันอาจจะไม่จบแย่ขนาดนั้นก็ได้ เรื่องที่บ้านก็แค่ส่วนหนึ่ง หลังจากเลิกกับแฟน สิ่งแรกที่ปาร์คชานยอลจะโทษคือตัวเอง

     

    ตอนนั้นพี่รหัสพาไปเลี้ยงรุ่นที่ผับ ชานยอลเลือกโกหกพ่อว่าไปกินเลี้ยงที่ร้านอาหารตามชานเมือง ซึ่งพ่อก็ไม่ได้ซักไซ้ให้มากความ อาจเป็นเพราะเขาอยู่ในกรอบตลอด ท่านถึงไว้ใจให้กลับบ้านดึกได้วันหนึ่งในรอบหลายเดือน

     

    ปาร์คชานยอลคิดว่าการโกหกในวันนั้นคุ้มค่า เพราะมันทำให้เขาได้เจอแบคฮยอน

     

    ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นตอนสบตากันในทางเดินแคบในวินาทีแรก ชานยอลไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงกับเพศเดียวกันมาก่อน ตอนที่เขายืนชิดกับผนังเพื่อแบ่งพื้นที่ให้คนตัวเล็กเดินสวนไปนั้น เขายังจำได้เป็นอย่างดี

     

    แบคฮยอนคงเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่ปาร์คชานยอลบอกกับตัวเองหลังจากดึงเอาภาพของอีกฝ่ายออกจากหัวไม่ได้ เขาหัวเราะกับตัวเองที่คิดว่าถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งก็คงดี เขากำลังเปลี่ยนรสนิยมงั้นหรือ?

     

    ชานยอลไม่อยากเอาความรู้สึกมาวางบนตราชั่งยุติธรรม เขากลับไปนั่งกับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ทั้งที่สายตายังคงมองหาคนตัวเล็ก ไม่รู้สิ... ลึก ๆ แล้ว มันมีความรู้สึกบางอย่าง ที่กำลังบอกว่าเขาต้องได้เจอกับแบคฮยอน

     

    และมันก็ใช่จริง ๆ

     

    บทสนทนาแรกระหว่างเขากับแบคฮยอนน่ะเหรอ?

     

     

    มีกฎหมายข้อไหนห้ามนั่งตรงนี้หรือเปล่า?

     

     

    มันเป็นคราวที่เขาต้องตอบคำถาม แต่ปาร์คชานยอลเพียงแค่สบตากับอีกฝ่ายแล้วให้ริมฝีปากที่กำลังยกยิ้มขึ้นเป็นคำตอบ ทั้งคู่ใช้เวลาทำความรู้จักกันอยู่สักพักหนึ่ง ในขณะที่เพื่อน ๆ และรุ่นพี่ต่างก็สนใจกับเครื่องดื่มมึนเมาและเสียงเพลงที่เรียกร้องให้ลุกขึ้นไปเต้น

     

    ชานยอลไม่ชอบตัดสินใครที่ภายนอก แต่เหนือสิ่งอื่นใด มนุษย์เราย่อมมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่หาคำยืนยันให้กับมัน ว่าสิ่งที่คิดเป็นเรื่องจริงหรือผิดทั้งหมดก่อนตัดสินใจ เพราะฉะนั้นเขาจึงเก็บรายละเอียดคู่สนทนาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสายตา ไหวพริบในการตอบคำถาม

     

     

    และปาร์คชานยอลก็ได้รู้ว่าบยอนแบคฮยอนไม่ใช่คนที่จะผ่านมาในชีวิตเขาแค่หนึ่งชั่วโมง

     

     

    ยังจำรอยยิ้มครั้งแรกของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนทำให้เขาได้รู้ว่าความรักระหว่างชายหญิงที่ไม่สมหวังนั้นไม่ใช่คำสาป แต่มันเป็นบัตรผ่านเพื่อให้รู้ว่าความรักของผู้ชายคนหนึ่งนั้นไม่จำเป็นต้องจบที่ผู้หญิงเสมอไป

     

    หลายครั้งที่คิดว่าเซ็กส์คือเชือกที่ทำให้ปมของความรักแน่นขึ้น ผู้หญิงที่เคยคบกันในทีแรกก็ดูเข้าใจดี แต่พอหลังมีเซ็กส์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จากที่เคยมีเส้นคั่นพื้นที่ส่วนตัว แต่เธอขยี้ทิ้งด้วยความเอาแต่ใจ และอ้างว่าทำทุกอย่างไปเพราะความรัก และต้องการเวลาจากเขามากกว่านี้

     

    เคยได้ยินมาว่าความรักจะหมดความพอดีหลังถูกผูกติดด้วยเพศสัมพันธ์ ซึ่งเมื่อก่อนชานยอลไม่เคยคิดอย่างนั้นจนกระทั่งได้เจอกับตัว และมันเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาลองอยู่กับแบคฮยอนแบบนี้

     

     

    ลองอยู่กันด้วยความรักและความรู้สึก โดยที่ไม่มีเซ็กส์มาตัดสิน

     

     

    แบคฮยอนเคยมาที่บ้านเขาหนหนึ่ง ทุกอย่างดูราบเรียบเป็นปกติ ไม่มีใครสังเกต ไม่มีใครจับได้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ไม่ได้รู้สึกดีกับระบบการใช้ชีวิตของครอบครัวนี้ ที่เคร่งครัดจนน่าอึดอัด

     

    ชานยอลแคร์แบคฮยอนมาก แค่เห็นว่าคนตัวเล็กไม่ยิ้มก็เป็นกังวลแล้วว่าจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่าเวลาพ่อชวนคุยเรื่องจริงจัง ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาถ้าแบคฮยอนอยู่ในฐานะเพื่อน

     

    คนตัวเล็กยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไร แต่ชานยอลก็ได้บอกกับตัวเองแล้วว่าการพาแบคฮยอนมาที่บ้านอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแล้ว เพราะฉะนั้นการไปหาคนรักที่หอพักเองคงจะดีกว่า

     

    ร่างสูงหยัดตัวนั่งลง อาหารเช้าถูกจัดเตรียมโดยคนเป็นแม่และพี่สาวที่ตื่นมาช่วยอีกแรง ปาร์คยูราในชุดทำงานทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีฟ้ามาพร้อมอาหารเช้าเพื่อสุขภาพและน้ำผลไม้ ก่อนจะวางลงตรงหน้าคนเป็นพ่อที่กำลังง่วนอยู่กับหน้าหนังสือพิมพ์อาชญากรรม

     

    คยองซูนั่งลงข้างชานยอลพลางมองอาหารเช้าเพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าคนอื่น ๆ ก่อนที่แม่บ้านทั้งสองจะถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเริ่มมื้อเช้าพร้อมกัน บรรยากาศเดิม ๆ เหมือนกับทุกเช้า ซึ่งมีเพียงแค่เสียงช้อนกระทบจานชามเซรามิกส์เท่านั้นที่พูดคุยกันแทนคนบนโต๊ะ

     

     
     

     

     
     

    ขับรถดี ๆ นะครับ ชานยอลก้มตัวลงเล็กน้อยพลางมองไปยังคนเป็นพ่อซึ่งอยู่ที่นั่งคนขับ ก่อนจะหันไปทางน้องชาย ตั้งใจเรียนนะคยองซู

     

    ครับเด็กน้อยพยักหน้า ชานยอลเพียงแค่ยิ้มขณะสบตากับน้องชายที่ไม่ยอมละสายตาออกห่างจากเขา

     

    ก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของเด็กคนนี้ ชานยอลไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสายตาเรียบเฉยคู่นั้น หรือเรื่องที่คยองซูพูดเมื่อคืนกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ แบบนี้

     

    พ่อไปนะ

     

    ครับ

     

    ชานยอลโค้งลาพ่อผู้ซึ่งเป็นผู้พิพากษา ชายหนุ่มมองรถคันหรูขับไปจนสุดสายตาแล้วเดินเข้าไปในมหาลัยเพื่อตรงไปยังใต้ตึกคณะตามที่นัดเพื่อนและน้อง ๆ เอาไว้ ระหว่างทางก็ปล่อยให้สมองได้ทบทวนถึงคำพูดของน้องชาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหาคำตอบให้กับสิ่งไม่รู้ในอนาคตไม่ได้อยู่ดี

     

    ลานกว้างใต้ตึกนิติศาสตร์เย็นสบาย ตอนนี้มีน้องปีหนึ่งปะปรายกระจายอยู่เป็นจุด ส่วนพวกรุ่นพี่ที่มาถึงก่อนก็จับกลุ่มกันถกเรื่องที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

     

    ไง

     

    อรุณสวัสดิ์

     

    ชานยอลพยักหน้าทักทายแล้วนั่งลงข้างมินโฮ ตอนนี้เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังง่วนอยู่กับการวางแผนว่าจะต้องแนะนำรุ่นน้องยังไง

     

    หน้าเธอดูไม่ค่อยดีนะดาซม

     

    แหงล่ะ ฉันยังอ่านชีทกองเท่าหัวเข่าไปได้แค่สองชุดเอง สอบพรุ่งนี้ก็ขอให้พระเจ้าช่วยอวยพรด้วย เธอว่าแล้วเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย เรียกรอยยิ้มจากเพื่อนผู้ชายอีกสามคนได้เป็นอย่างดีนายคงอ่านใกล้หมดแล้วสิ?

     

    ต้องถามด้วยเหรอ ป่านนี้คงอ่านหมดแล้วมั้ง ชางมินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหัวเราะคนถูกพาดพิง

     

    ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ เขาอยากจะบอกเจ้าพวกนี้เหลือเกินว่ามันจำเป็นต้องอ่าน ปาร์คชานยอลก็อยากเอาเวลาไปทำอย่างอื่นมากกว่าการขลุกอยู่กับหนังสือบ้างเหมือนกัน อย่างเช่นไปเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่น จนไปถึงใช้เวลาอยู่กับแฟนทั้งวัน

     

    แต่ถ้าไม่พยายามเกรดก็จะออกมาแย่ ซึ่งมันจะส่งผลระยะยาวให้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านได้อย่างลำบาก เขาไม่อยากเห็นสีหน้ามึนตึงของพ่อ และอะไรก็ตามที่จะบั่นทอนความรู้สึกให้แย่ลงยิ่งกว่านี้

     

    เอาแต่เรียนกับอ่านหนังสือแบบนี้ นายเอาเวลาไหนไปอยู่กับแฟนวะเพื่อน? คำถามของชางมินเรียกรอยยิ้มจากมินโฮได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่เจ้าตัวสนิทกับชานยอล เพราะฉะนั้นเขาถึงรู้ดีที่สุดว่านี่คือปัญหาหลักที่ทำให้ไอ้หมอนี่ไม่สบายใจ

     

    ตอนนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่พอสอบเสร็จก็น่าจะมีเวลามากขึ้น ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ลึก ๆ แล้วชานยอลก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ

     

    แฟนเขาดี แฟนเขาเข้าใจก็งี้ มินโฮว่าพลางหัวเราะในลำคอเบา ๆ

     

    ต่อให้เป็นผู้ชายเหมือนกันก็ต้องมีน้อยใจบ้างแหละ ไม่ว่าใคร ถ้าทุกอย่างมันลดลงก็ต้องรู้สึกได้ แต่ที่ผู้ชายเข้าใจว่าความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นแค่กับผู้หญิง ก็เพราะว่าเธอเลือกที่จะแสดงออกมา นายใจเย็นเกินไปหรือเปล่าชานยอล ดาซมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไป ราวกับว่าประโยคเมื่อครู่นี้มันจี้ใจยังไงอย่างนั้น

     

    พวกไม่พูดนี่แหละตัวดี พอระเบิดออกมาทีนี่...ตู๊ม มินโฮทำมือไม้ประกอบ

     

    ชานยอลหลุบสายตาลงใช้ความคิด ภาพตอนแบคฮยอนทำหน้าหงอย หรือแกล้งทำเป็นยิ้มแล้วบอกว่า ฉันเข้าใจลอยเข้ามาในหัว ใช่ว่าจะไม่รู้ แต่เพราะเขามันซื่อบื้อเองที่เอาแต่เชื่อคำโกหกของแบคฮยอน ที่เจ้าตัวบอกว่าเข้าใจ และไม่เป็นไร

     

    เดี๋ยวมานะ

     

    ชายหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงและหยิบสมาร์ทโฟนติดมือไปด้วย คนเป็นเพื่อนมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินไปอย่างร้อนใจพร้อมยกหูแนบโทรศัพท์ ท่ามกลางเสียงซุบซิบของเหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งที่กรี๊ดกร๊าดรุ่นพี่อยู่เงียบ ๆ ทั้งสามคนหันมามองหน้ากันก่อนจะหลุดขำออกมา

     

    กดเบอร์โทรออกแล้วรอสาย นานเลยทีเดียวแต่ก็ไม่มีใครรับ ชานยอลหยุดยืนอยู่หน้าบันไดหินขัดหน้าตึกพลางทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าระหว่างรอ ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจทันทีที่หันไปเห็นกลุ่มรุ่นพี่ที่ผงะถอยหลังเมื่อสบตากัน

     

    รอยฟกช้ำบนใบหน้าเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดคำถาม ชานยอลรู้ว่ารุ่นพี่กลุ่มนั้นปากดีชอบแขวะคนอื่นไปเรื่อย แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นมีเรื่องชกต่อยกับใครนี่?

     

    ...อะไรของเขา

     

    ร่างสูงพึมพำกับตัวเองขณะมองไล่หลังพวกรุ่นพี่ที่พร้อมใจกันถอยไปจากตรงนั้น ราวกับว่ากำลังกลัวอะไรสักอย่าง ถึงจะงง ๆ แต่เขาก็หลุดยิ้มออกมากับท่าทางประหลาด ๆ แบบนั้น ยอมรับก็ได้ว่าแอบสะใจอยู่ลึก ๆ ที่คนพวกนั้นได้รับบทเรียนบ้าง หลังจากทำตัวกร่างใส่รุ่นน้องมานาน

     

     

    เวรกรรมคงตามทันแล้วสินะ

     

     
     

     

     
     

    ( วันนี้จะมาเรียนเปล่า )

     

    เออ เดี๋ยวจะไปอาบน้ำแล้วเนี่ย

     

    ( เมื่อคืนก็เบี้ยวนัด กูยังรอฟังเหตุผลอยู่นะว่าเพราะอะไร )

     

    แบคฮยอนยิ้มขำพลางเกาศีรษะที่ยุ่งเหยิงหลังลุกจากเตียง ร่างเล็กเดินไปคว้าผ้าขนหนูแล้วฟังเสียงเพื่อนสนิทบ่นกรอกหู บ่งบอกถึงความไม่พอใจที่เขาเบี้ยวนัดเมื่อคืนโดยไม่บอกให้ชัดเจนก่อนวางหูว่าเพราะอะไรถึงไม่ไป

     

    ก็จะให้อธิบายยังไงล่ะ ตอนนั้นแค่บอกว่าโทษทีนะ ไม่ไปแล้ว ก็ลำบากแทบขาดใจ กับการที่เขาต้องพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ ในขณะที่อีกคนกระแทกกายเข้ามาไม่หยุด แม้ว่าเขาต้องการเวลาสักยี่สิบวินาทีในการปฏิเสธนัดเพื่อน

     

    ร่างเล็กมองไปยังแผ่นหลังกว้างที่มีผ้าห่มปกคลุมถึงแค่ช่วงเอวชายหนุ่มบนเตียง ชานยอลนอนคว่ำอยู่ท่านั้นและดูเหมือนว่าจะไม่ตื่นง่าย ๆ

     

    แบคฮยอนยิ้มขำขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังเสี้ยวหน้าที่แนบอยู่กับหมอนใบใหญ่ ผู้ชายจริงจังตอนเอาแต่ใจนี่ก็น่ารักไปอีกแบบ คนตัวเล็กยังจำน้ำเสียงสั่นพร่าตอนอีกฝ่ายกระซิบบอกให้เขาเอามือถือมากดโทรยกเลิกนัดเพื่อนได้ แม้ว่าตอนนั้นเรายังคงอยู่ในบทรักเร่าร้อนจนยากที่จะหยุด

     

    แบคฮยอนไม่เคยทำเรื่องน่าตื่นเต้นแบบนี้มาก่อน ไม่สิ ควรเรียกว่าน่าอายเสียมากกว่า กับการที่เขาต้องคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงติดขัดปนหอบหายใจขณะที่อีกฝ่ายส่งกายเข้ามาไม่หยุดอย่างนั้น ถ้าถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องลามกระหว่างคุยโทรศัพท์ คงโดนพวกเพื่อนเวรล้อไม่หยุดแน่

     

    ชานยอลเอาแต่ใจจนดึก รู้ตัวอีกทีเขาก็หลับคาอกผู้ชายคนนั้นไปแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการตื่นมาแล้วเห็นหน้าแฟนเป็นคนแรกนั้นคือสิ่งที่แบคฮยอนคาดหวังมานาน ชานยอลจะคิดเหมือนกันบ้างไหม การที่ได้อยู่กับเขาจนเช้า...มันเป็นเรื่องดีหรือเปล่า?

     

    ว่าแต่ตอนนี้จะเอายังไงดีล่ะ ควรปลุกชานยอลให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำดีไหม?

     

    แบคฮยอนรู้ว่าที่บ้านคนรักเป็นยังไง เพราะที่ชานยอลมาค้างคืนด้วยแบบนี้เขาก็ยังไม่ได้คำตอบด้วยว่ามันจะเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ชานยอลมีเรียนสิบโมง และเจ้าตัวก็ไม่ใช่พวกคิดง่าย ๆ ว่าขาดคาบนึงก็ไม่เป็นไร การเรียนในแต่ละคณะไม่เหมือนกัน บางคาบสามารถขาดได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะเรียนคาบต่อไปไม่รู้เรื่อง ในขณะที่บางวิชาก็แทบใจลอยละสายตาจากครูผู้สอนไม่ได้เช่นกัน

     

    ( เสียงมึงเหมือนกำลังปิดบังอะไรอยู่ รีบคายความลับออกมาซะ )

     

    จื่อเทายังคงบ่นไม่หยุด พูดก็พูดเถอะ ถึงจะบอกเหตุผลให้ฟังตอนนี้ แต่พอไปถึงมหาลัยก็ถูกพวกมันสามตัวซักไซ้อีกรอบอยู่ดี

     

    กูอยู่กับแฟน จบไหมห่า

     

    ( เข้... ทั้งคืน? )

     

    เออ

     

    ( จนถึงตอนนี้? )

     

    เออ

     

    ( เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด )

     

    แค่นี้ก่อนนะ กูจะไปอาบน้ำละ เสือกมากจริงมึงเนี่ย ไม่เกิดมาเป็นเครื่องหมายคำถามให้รู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ

     

    ( เขาเรียกใส่ใจ )

     

    เออ

     

    คนตัวเล็กตัดสายแล้ววางมือถือไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปเปิดผ้าม่านตรงประตูระเบียงออกเพื่อรับแสงแดดยามเช้า ร่างเล็กหยุดยืนอยู่ตรงนั้นแล้วหันไปมองชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียงก่อนจะยิ้มออกมา

     

     

    ปล่อยให้นอนต่ออีกสักหน่อยแล้วค่อยปลุกก็ได้มั้ง...

     

     
     

     
     

     

    ห่า

     

    “เป็นไรอีก

     

    เพื่อนรักมึงอะ จื่อเทาแทรกเข้าไปตรงช่องวางตรงกลางระหว่างที่นั่งคนขับ พลางมองเสี้ยวหน้าของจงอินที่กำลังบังคับพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามหาลัย

     

    ไรของลื้อวะ เซฮุนนึกสงสัย จื่อเทามักจะเป็นแบบนี้เสมอถ้าเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากเสือก ปล่อยให้เพื่อนอยากรู้แล้วก็เก็บเงียบ มันน่าตบกะโหลกสักครั้งจริง ๆ

     

    พวกมึง ชาวเกาหลีจื่อเทาสะกิดไหล่เพื่อนสนิททั้งสอง รู้เปล่าว่าทำไมเมื่อคืนมันถึงไม่ไปกับเรา

     

    จะเล่าก็เล่ามา ลีลาอยู่นั่น รำ จงอินบ่น ก่อนจะเอื้อมมือไปป้ายหน้าคนที่แทรกอยู่ตรงกลางเบา ๆ จื่อเทาปัดมือออกอย่างรำคาญแล้วกระแทกเสียงตอบ

     

    ก็มันนอนอยู่กับแฟนทั้งคืนไงห่า แบคฮยอนมันอยู่กับชานยอลทั้งคืน จนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่

     

    เย่เฮ้ท <- เซฮุน

     

    จริงจังเปล่าเนี่ย <- จงอิน

     

    เออดิ <- จื่อเทา

     

    ไหนมึงเคยเดาว่ามันเอาไม่เป็นเลยไม่ทำอะไรไอ้แบคฮยอนสักทีไง? เซฮุนเลิกคิ้วถาม ซึ่งจื่อเทาก็ได้แต่ขมวดคิ้วครุ่นคิด

     

    กูจะไปรู้เหรอ มันอาจจะมวยซุ่มก็ได้ แบบว่ารอฤกษ์งามยามดีก่อนไรงี้

     

    คิดว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนมาช่วยเคาะฟอสซิลให้เพื่อนมึงแล้วจะสบายใจนะ จงอินว่า

     

    แล้วมันจะมาเรียนเปล่า หรือจะนอนกกกันอยู่นั่นเอาให้ฟ้าเหลือง คำถามของเซฮุนเรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากคนขับ

     

    เพื่อนมึงบอกว่ากำลังจะอาบน้ำ แต่ไม่รู้นานป่ะนะ เพราะถ้าอาบสองคนก็คง... จื่อเทาเบ้ปากแล้วไหวไหล่ ก่อนที่ทั้งสามคนจะหัวเราะออกมาแล้วแท็กมือกัน

     

    เฮ้ย... เดี๋ยว ๆ หนุ่มชาวจีนสะกิดแขนคนขับ จงอินชะลอรถลงแล้วมองไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินออกมาหยุดอยู่หน้าตึกคณะนิติศาสตร์พร้อมโทรศัพท์ในมือ

     

    นั่นมันปาร์คชานยอลใช่ป่ะวะ? จื่อเทาหรี่ตามองเพื่อความแน่ใจ และการที่เพื่อนอีกสองคนไม่พูดแทรกขึ้นมานั้นก็น่าจะเป็นคำตอบได้แล้วว่าพวกเขาทั้งสามคนมีความเห็นตรงกัน

     

    หวงจื่อเทาจำได้ดีถึงความหล่อกระแทกใจของแฟนเพื่อนคนนี้ ที่เห็นแล้วโคตรน่าหมั่นไส้ตั้งแต่วินาทีแรกเพราะทำห่าอะไรก็ดูดีไปหมด ไม่ว่าจะด้วยหน้าตา การศึกษา คำพูดคำจา ไปจนถึงมันสมองที่คัดกรองทุกอย่างก่อนพูดเป็นอย่างดี เพราะงั้นคงไม่ได้จำผิดคนแน่

     

    เมื่อกี้มึงบอกว่ามันอยู่กับแฟนไม่ใช่เหรอวะ? จื่อเทาไม่ได้ตอบคำถาม เขายังคงมองตามแม้ว่าตอนนี้รถจะขับผ่านหน้าตึกมาแล้ว เซฮุนหันไปขอความเห็นจากเพื่อนชาวจีนที่อยู่ตรงเบาะหลังว่าที่เห็นนี่ตาฝาดหรือยังไง แต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

     

    กูไม่รู้เว้ย ก็มันบอกมางี้

     

    มันตอแหลเปล่า จงอินไม่รู้ว่าแบคฮยอนจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เพราะกะอีแค่เรื่องไม่ไปกินเหล้ากับเพื่อนนี่มันเล็กเท่าเศษผง เขาคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตพอที่จะยกขึ้นมาโกหกกันได้อยู่แล้ว

     

    ไม่รู้อะ

     

    เมื่อกี้มึงมองหูมันยัง

     

    มองแล้ว บานอย่างกับปีกผีเสื้อ กูถึงได้มั่นใจไงว่านั่นคือปาร์คชานยอล

     

     

     

     

     

     

    เสียงฝักบัวในห้องน้ำคือสิ่งเดียวที่ได้ยินในตอนนี้ เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อย ๆ ลืมขึ้นหลังจากแกล้งทำเป็นหลับอยู่นาน นัยน์ตาคมทอดมองไปยังเบื้องหน้าทั้งที่ยังนอนคว่ำอยู่ท่าเดิม ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากกับบทสนทนาเมื่อครู่ที่ลอยผ่านเข้าหูให้ได้ยิน

     

    ร่างกายเปลือยเปล่าหยัดตัวลุกขึ้น ก่อนจะก้มลงคว้ากางเกงขึ้นมาใส่ลวก ๆ รู้สึกอยากล้วงซองบุหรี่ออกมากะเทาะสูบสักมวน แต่ก็ต้องตัดความคิดนี้ไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปาร์คชานยอล ผู้เป็นที่รักของบยอนแบคฮยอนไม่สูบบุหรี่

     

    ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่หน้ากระจกประตูระเบียง นัยน์ตาคมทอดมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ที่คิดว่ามนุษย์เกินครึ่งโลกคงวุ่นวายอยู่ข้างนอกนั่นจนไม่มีเวลาเงยหน้าขึ้นมองสิ่งรอบข้าง มันสวยนักเหรอท้องฟ้าที่มีเพียงแค่ก้อนเมฆโง่ ๆ ลอยผ่าน

     

    ร่างสูงแค่นยิ้มก่อนจะหยุดสายตาลง เมื่อพบว่าในกระจกนั้น...ไม่มีเงาสะท้อนร่างกายของเขาอยู่

     

    ...

     

    ชายหนุ่มก้มลงมองท่อนบนที่เปลือยเปล่า ก่อนจะไล่ระดับสายตาไปหยุดอยู่ที่ปลายเท้า พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าในกระจกนั้นมีเพียงแค่เงาสิ่งของที่อยู่ในห้องเท่านั้น ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบชั่วอึดใจ ก่อนที่มือแกร่งจะกระชากผ้าม่านสีน้ำตาลเข้ามาจนห้องสี่เหลี่ยมถูกกลืนกินด้วยความมืดอีกครั้ง

     

     

    ถ้าถามว่าปาร์คชานยอล คนนั้นมีอะไรที่เขาไม่มีบ้าง

    ปาร์คชานยอล คนนี้ก็คงตอบได้ไม่ยากว่าคือเงา

    ส่วนสิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้น...

     

     

    ครืดดด...

     

     

    เสียงสั่นสะเทือนบนเคาน์เตอร์บาร์เรียกความสนใจจากชายหนุ่มให้หันไป ขายาวก้าวไปหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วหลุบสายตาลงมองหน้าจอ ภาพรูปคู่ของคนหน้าเหมือน กับคนที่เขาใช้เวลาอยู่ด้วยทั้งคืนเรียกเสียงแค่นในลำคอได้อย่างไม่ยาก

     

     

    คิดถึง

     

     

    คงรักกันมากเลยสินะถึงได้บันทึกชื่อเลี่ยน ๆ แบบนี้ได้ ร่างสูงคว้ามือถือขึ้นมาพร้อมหันหลังพิงกับเคาน์เตอร์บาร์ แล้วปล่อยให้สมาร์ทโฟนสั่นต่อไป

     

    วางไปซะสิ ปกติแค่สายเดียวไม่รับแกก็หยุดแล้วไม่ใช่หรือไง? นัยน์ตาจับจ้องไปยังใบหน้าของคนในรูป เขารู้ว่าปาร์คชานยอล คนนั้นคงไม่มีทางได้ยิน แต่มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ไอ้หมอนั่นโทรหาแฟนในเวลานี้

     

    อย่าทำให้เรื่องมันยากเลยน่า... ฉันยังอยากสนุกกับแฟนแกอีกสักหน่อย

     

     

    ครืดดด...

     

     

    ไอ้โง่

     

    ปลายนิ้วหัวแม่มือกดปุ่มสีแดงปฏิเสธการตอบรับแล้ววางสมาร์ทโฟนไว้บนเคาน์เตอร์บาร์ เปลือกตาปิดลงแล้วเงยหน้าขึ้นบิดคอคลายเมื่อยอย่างไม่ยี่หระ

     

    ครืดดด...

     

    ใบหน้าคมหันไปมองสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมอีกครั้ง เจ้าของเบอร์ยังเป็นใครอีกคนที่เขาอยู่ด้วยมาตลอดชีวิต ร่างสูงลูบปลายคางแล้วปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้น ปาร์คชานยอล หน้าโง่ยังคงสร้างความขัดใจให้เขาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะตอนอายุเท่าไหร่

     

    ฉันให้โอกาสแกอีกครั้งเดียว ถ้ายังโทรมาอีก ฉันจะบีบให้เวลามันสั้นลงกว่านี้

     

    ชายหนุ่มกดสายทิ้งอีกครั้ง นัยน์ตาคมจับจ้องสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่หน้าจอจะสว่างและตามด้วยแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง ร่างสูงเคาะปลายนิ้วลงบนเคาน์เตอร์บาร์ จนถึงตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองช่างใจดีเหลือล้นที่ยังใจเย็นยอมให้ไอ้หมอนั่นปั่นประสาทยามเช้าไม่หยุด แต่ไม่ว่าใครก็ต้องมีขีดจำกัดความอดทนทั้งนั้น และ ปาร์คชานยอล คนนี้ก็ได้ใช้มันไปหมดแล้ว

     

    มันถึงเวลาที่แกต้องจัดการเรื่องของตัวเองบ้างแล้วล่ะ

     

    ร่างสูงกดสายทิ้งอีกครั้งแล้วหยุดสายตาไว้ที่หน้าจอสมาร์ทโฟน ทีแรกก็กะว่าจะยืดเวลาให้อีกสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่า ปาร์คชานยอล จะทำให้เรื่องราวมันเร็วขึ้นจนทำให้ความสนุกของเขาหดหายไปเล็กน้อย

     

     

    ไม่มีปัญหา เขาก็อยากรู้เหมือนกันแหละว่าไอ้หมอนั่นจะทำหน้าแบบไหน?

     

     

    แบคฮยอน ร่างสูงหันไปทางประตูห้องน้ำ แต่ก็ไม่มีเสียงขานตอบรับกลับมา ที่รัก!”

     

    อ้อ! ว่าไง?!” ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างพอใจ เขาไม่สนหรอกว่าที่คนตัวเล็กขานตอบเพราะประโยคหลังมันดังขึ้นกว่าประโยคก่อนหน้านี้ เพราะเขาจะเข้าใจว่าแบคฮยอนชอบให้เรียกว่าที่รักมากกว่าชื่อตัวเอง

     

    ขอรหัสเข้ามือถือหน่อยสิ

     

    หา? เสียงฝักบัวเงียบไปแล้ว ฉันก็ใช้พาสเดิมนะ อะไรกัน ลืมแล้วหรือไง?

     

    ปาร์คชานยอลของนายน่ะจำได้ แต่ฉันไม่... ร่างสูงพูดกับตัวเองเบา ๆ และคนในห้องน้ำคงไม่ได้ยิน ก็พูดไปนั่น

     

    พาสคือวันเกิดของเราสองคนไง ลืมก็บอกมาเถอะ น้ำเสียงนั้นไม่ได้ติดน้อยใจอะไร แต่ไม่เป็นไรนะที่รัก ฉันจะไม่ตอบทำร้ายจิตใจนายถึงขนาดนั้นหรอก

     

    เปล่า... แค่ไม่เคยจำชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบา ๆ ลืมก็แย่แล้ว พอดีฉันใส่เข้าไปสองรอบแต่ยังผิดอยู่เลย แน่ใจเหรอที่รักว่านายใช้พาสนี้

     

    ให้ตายเถอะ เขารู้สึกสนุกกับการแกล้งตีหน้าซื่อแล้วโกหกอย่างหน้าด้าน ๆ แบบนี้จริง ๆ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ ปาร์คชานยอล ทำไม่ได้ เพราะตรรกะโง่ ๆ ของคนอยากเป็นอัยการ

     

    ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้นะที่รัก ถ้าต้องแลกกับความสนุกที่ใกล้จะมาถึงจนแทบทนรอไม่ไหวน่ะ... ฉันอยากให้นายได้รู้สึกร่วมไปกับมันจริง ๆ

     

    ลองอีกครั้งสิ 2706”

     

     

    บิงโก...

     

     

    ก็ยังเข้าไม่ได้อยู่ดี แต่ช่างเถอะ... ฉันแค่ลองถามดูเฉย ๆ อยากรู้ว่าแฟนแอบเปลี่ยนเป็นวันเกิดผู้ชายที่ไหนหรือเปล่า ร่างสูงยิ้มพอใจขณะที่เรียวนิ้วกำลังสไลด์หน้าจอมือถือหลังจากปลดล็อกรหัสผ่านเข้ามาได้แล้ว

     

    จะมีใครที่ไหนอีกล่ะ เพ้อเจ้อจัง

     

    ฮ่า ๆ นั่นสิ... เพ้อ...เจ้อ... ชายหนุ่มเข้าไปในการรับสายล่าสุด แล้วลบเบอร์โทรเข้าออกทิ้งทั้งหมดโดยไม่เหลือหลักฐานไว้สักอย่าง ไม่เว้นแม้แต่เบอร์โทรก่อนหน้านี้ ก่อนจะกดเข้าแอพข้อความ

     

     

    คุณกำลังส่งข้อความไปยัง...

    คิดถึง

    [ ตอนนี้ยังไม่ว่างคุย ไว้ตอนเย็นมาหาที่หอได้ไหม มีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย รักชานยอลที่สุด ]

     

     

    หลังจากกดส่งก็รู้สึกเลี่ยนแปลก ๆ ร่างสูงมองหน้าจออยู่แค่ครู่เดียวก่อนจะกดลบข้อความในกล่องทิ้งทั้งหมด แน่นอนว่ามันคือการทำลายหลักฐานเหมือนกัน และเขาเชื่อว่าอีกไม่นาน เรื่องราวของ ปาร์คชานยอล ต้องน่าสนุกกว่านี้แน่

     

     

    ชักจะอดใจรอเย็นนี้ไม่ไหวแล้วสิ

     

     

     

     

    TBC

     

    ฟิคเรื่องนี้อิงตำนานดอพเพลพอสมควรนะคะ แต่ด้วยความที่มันเป็นฟิคชั่น เราเลยอยากใส่อะไรเข้าไปอีกหน่อย หรือฉีกจากตำนานมาบ้างเพื่ออรรถรสและความแตกต่าง (เพราะมีคนเขียนแนวนี้ไปเยอะ คาดว่าเรื่องอื่น ๆ คงอิงตำนานเหมือนกัน เพราะงั้นเราไม่อยากให้มันซ้ำกับเขาเยอะค่ะ แหะ ๆ)

    สำหรับคนที่ยังงง ๆ และไม่เข้าใจในฟิคเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเรายังบรรยายไม่เก่ง เลยทำให้หลายคนยังเข้าไม่ถึง แต่เราจะพยายามอธิบายให้กว้างขึ้นนะคะ แต่ในส่วนของเนื้อเรื่องที่ยังมีคำถาม เราขอตอบว่าเมื่อเรื่องราวดำเนินไป มันจะมีคำตอบให้กับคำถามของเนื้อเรื่องเองค่ะ






     

    ยังคงยืนยันและนอนยันว่านี่คือฟิคสั้น

     

     

     

    ปล. ฉากคัทแค่เสิทว่า malinworldfiction ในกูเกิ้ลก็จะเจอสิ่งลี้ลับแล้วล่ะออนนี่

     

     

    [FANART] DOPPELGANGER VS REAL PARK CHANYEOL

     by @IKOOP
     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×