คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 03 :: You're MINE
Chapter 3
You’re MINE
กลับมาถึงหน้าหอพักก็เกือบหกโมงเย็น หลังจากใช้เวลาไร้สาระกับเพื่อนอีกสามคนไปทั้งวัน ทั้งแทงพูล นั่งจิบเบียร์แล้วพูดถึงคะแนนกลางภาคที่ออกมาชวนอ้วกกันแทบทุกคน
วันนี้ไอ้พวกบ้านั่นทำตัวแปลกพิลึก ถ้าบอกว่าไม่ควรเก็บมาคิดมากก็จะยังไงอยู่ ในเมื่อไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไอ้อาการพูดอะไรออกไป พวกมันก็เอาแต่หัวเราะแล้วเลิกคิ้วมองเหมือนไม่เชื่อนั่นน่ะ มันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า
จริงอยู่ที่บยอนแบคฮยอนคือตัวตลกให้เพื่อน ๆ แกล้งเล่นอยู่ตลอด แต่พวกเขาสี่คนไม่เคยมีความลับต่อกัน เพราะพวกมันชอบพูดตอกหน้าเอาสะใจมากกว่าที่จะเก็บเป็นความลับแล้วไปนินทากันลับหลัง
แม้แต่เรื่องเซ็กส์ที่ผู้หญิงบางคนคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย พวกเขาก็เอามาเล่ากันได้อย่างออกรสให้เพื่อนคนที่เหลืออิจฉา เพราะฉะนั้นแบคฮยอนถึงได้สงสัยว่าทำไมพวกมันถึงได้ทำตัวมีพิรุธอย่างนั้น หลังจากที่เขาบอกว่าเมื่อคืนอยู่กับชานยอลจนเช้า และเรามีอะไรกันแล้ว
‘มึงมีแฟนกี่คนวะเพื่อน?’
‘ฮ่า ๆ’
‘ร้ายนะเนี่ย ร้าย ร้าย’
ประโยคเหล่านั้นกลั้วไปด้วยเสียงหัวเราะ ในทีแรกแบคฮยอนคิดว่าพวกมันแค่หยอกเล่น แต่พอเขาด่ากลับไปว่า ‘ไร้สาระ กูจะไปมีแฟนที่ไหนอีก’ พวกมันทั้งสามคนก็หันไปหัวเราะกันใหญ่ ราวกับว่าเขากำลังโกหกยังไงอย่างนั้น
ก็อยู่ด้วยกันตลอดยกเว้นตอนแยกย้ายกลับบ้าน พวกมันรู้ดีแม้กระทั่งชื่อพ่อแม่เขา คงไม่ต้องพูดถึงว่าวัน ๆ หนึ่งบยอนแบคฮยอนจะคุยกับใครบ้าง มันเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดที่เขาเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ในขณะที่พวกมันเข้าใจกันเองอยู่สามคน
จะบอกว่าที่ขอกลับมาก่อนเป็นเพราะเซ็งก็คงมีส่วน ถ้าขืนอยู่ต่อคงอารมณ์เสียจนทำให้บรรยากาศดื่มเบียร์ยามเย็นของพวกมันกร่อยได้ ไว้พรุ่งนี้อะไร ๆ คงดีขึ้น บยอนแบคฮยอนไม่ใช่พวกคิดมากข้ามคืนอะไรขนาดนั้น ถึงตอนนี้จะยังหงุดหงิดอยู่ก็ตาม
ทันทีที่เปิดประตูห้องออกนัยน์ตาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าใครอีกคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร ร่างเล็กเลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตากัน และรอยยิ้มของผู้ชายคนนั้นก็ชะล้างความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปจนหมด
“กลับมาแล้วเหรอ”
แบคฮยอนชอบประโยคนี้ ยิ่งมันมาจากเจ้าของเสียงทุ้มต่ำนั่นก็ยิ่งชอบ คนตัวเล็กวางกระเป๋าแล้วเข้าไปสวมกอดคนรักที่ยังง่วนอยู่กับการทำอาหาร พร้อมซบหน้าลงกับแผ่นหลังอุ่นกว้าง
เขาชอบเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ของคนตัวสูง ชานยอลละมือออกจากชุดเครื่องครัว ก่อนจะถอดถุงมือกันความร้อนออกแล้ววางลงบนศีรษะเขา แบคฮยอนชอบที่ชานยอลใส่ใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ มันอาจเป็นเรื่องที่คนอื่นคิดว่าปกติธรรมดา แต่มันพิเศษสำหรับเขา จนอยากกอดผู้ชายคนนี้ไปนาน ๆ
“เหนื่อยเหรอ”
“อือ”
ร่างเล็กขานตอบในลำคอ ทั้งที่ยังคงหลับตาซบอยู่กับแผ่นหลังกว้าง ราวกับว่าต้องการให้ไออุ่นนี้ส่งต่อพลังมาให้ เขาไม่ได้เหน็ดเหนื่อยกับการเรียน ซึ่งถ้าให้พูดจริง ๆ ก็คือไปนั่งฟุบหลับจนหมดคาบเสียมากกว่า แบคฮยอนไม่แน่ใจว่ายังเซ็งเรื่องเพื่อนอยู่ หรือเป็นเพราะอยากอ้อนแฟนกันแน่ เขาถึงได้แสดงอาการออดอ้อนออกมาแบบนี้
ทั้งที่อยู่ด้วยกันทั้งคืนจนถึงเช้า แต่ความคิดถึงมันก็ยังคงที่ไม่ลดลงไปเลยสักนิดเดียว แบคฮยอนกำลังโลภมาก ที่มีความรู้สึกว่าอยากอยู่กับชานยอลให้มากกว่านี้ เขาอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ มากกว่าการที่ต้องนั่งมองอีกฝ่ายเดินออกไปจากประตูห้องเหมือนทุกครั้ง
“งั้นไปนั่งพักก่อนไหม เดี๋ยวมื้อเย็นจะเสร็จแล้วล่ะ”
ชานยอลไม่ได้ถามว่าแบคฮยอนนัดให้มาคุยเรื่องอะไร เพราะเขาอยากให้อีกฝ่ายผ่อนคลายกับอาการเหนื่อยล้าก่อนที่จะคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดา หรือเป็นเรื่องซีเรียสที่ต้องรอให้กินข้าวเสร็จก่อนถึงจะคุยได้ เขาไม่อยากให้มื้อเย็นเป็นหมันเพราะบทสนทนาจริงจัง แบคฮยอนควรกินข้าวให้ตรงเวลาบ้าง เขาชอบกอดแฟนที่มีเนื้อหนังมากกว่ากอดไปโดนกระดูกเป็นไหน ๆ
ชานยอลไม่ต้องรีบกลับ เพราะบอกที่บ้านไว้แล้วว่ามีกิจกรรมที่มหาลัยอาจจะกลับค่ำสักหน่อย เขายังอยู่กับแบคฮยอนได้อีกราว ๆ ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งมันคงไม่น้อยเกินไป ถ้าหากว่าเขาเทเวลาทั้งหมดให้กับคนตัวเล็ก
ร่างสูงเอี้ยวตัวหันหน้าเข้าหาคนขี้อ้อน เห็นใบหน้าซน ๆ ของแฟนแล้วก็นึกหมั่นเขี้ยวจนต้องโอบใบหน้าเรียวเอาไว้แล้วจุ๊บหน้าผากลงไปหนึ่งที แบคฮยอนยิ้มตาหยีพร้อมตวัดแขนกอดรอบเอวหนา ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นหลับตาลงพร้อมทำปากจู๋
“อารมณ์ดีมาจากไหนหื้ม?”
“มาจากชานยอล เร็วเข้าสิ จูบฉัน”
คนตัวสูงยิ้มขำพลางส่ายหน้ากับคำพูดคำจาของอีกคน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจูบริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา
มีคนบอกว่าการแสดงความรักอีกวิธีหนึ่งก็คือการจูบ ซึ่งแบคฮยอนก็เชื่ออย่างนั้น กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของคนตรงหน้ามันเพิ่มให้รสจูบอ่อนหวานยิ่งขึ้น วงแขนเล็กกระชับกอดแน่นเมื่อร่างสูงปรับองศาจูบให้ลึกซึ้งกว่าที่เป็นอยู่ ได้ยินเสียงอื้ออึงในลำคอเคล้ารสจูบที่เริ่มหนักหน่วงเพราะแรงคิดถึง
ชานยอลรู้ว่าพักหลังทั้งตัวเขาและแบคฮยอนต่างก็รู้สึกมากขึ้น จนการผละริมฝีปากออกจากกันเริ่มเป็นเรื่องยากจนต้องพึ่งสติ เขาอยากทำมากกว่านี้ แต่อนาคตที่เต็มไปด้วยความกลัวและสิ่งคาดไม่ถึงมันบั่นทอนความกล้าของเขาจนไม่มีเหลือ
ชายหนุ่มไม่คิดว่าคนตัวเล็กกำลังยั่ว กับการที่ฟันคมขบริมฝีปากเขาเบา ๆ ขณะที่เราปรือตามองกันและกัน ปาร์คชานยอลมักจะโทษตัวเองเสมอว่าอารมณ์คุกรุ่นที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขา ‘ต้องการ’ ทั้งนั้น
มื้อเย็นเป็นหมันตั้งแต่ยังไม่เริ่มกิน ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กเอื้อมมือไปปิดเตาแก๊สตั้งแต่เมื่อไหร่ ชานยอลคิดว่ามันถึงเวลาที่เขาควรจะหยุดเหมือนกับทุกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด แต่ไวเท่าความคิด... ร่างสูงเบิกตาอย่างตกใจเมื่ออยู่ ๆ เป้ากางเกงของเขาก็ถูกบีบคลึงโดยมือเล็ก ทั้งที่ทั้งคู่ยังไม่ละสายตาออกจากกัน
ชายหนุ่มผละตัวออกมาตามสัญชาติญาณ เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจแบคฮยอน แต่ สิ่งที่อีกฝ่ายทำมันเป็นเรื่องคาดไม่ถึงในตลอดเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา อย่างที่รู้ ๆ กันว่าอย่างมากก็แค่กอดจูบ มันไม่ใช่เรื่องน่ากระดากอายหรืออะไร แต่การที่คนตัวเล็กแสดงออกมาแบบนั้น มันทำให้เขาตกใจอยู่พอสมควร
“เป็นอะไร...?”
เป็นอะไรงั้นเหรอ? ปาร์คชานยอลควรจะตอบยังไงกับคำถามเดียวกันที่อยู่ในหัวของเขา ร่างสูงมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง จนถึงตอนนี้แบคฮยอนก็ยังทำหน้าเหมือนกับว่าคนที่ ‘เป็นอะไร?’ คือตัวเขา มากกว่าคนที่เพิ่งทำเรื่องไม่คาดคิดลงไป
“ชานยอล”
“เดี๋ยว...” แบคฮยอนหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายยกมือขึ้นห้าม ราวกับว่าไม่อยากให้เข้าใกล้มากไปกว่านี้ คิ้วหนาขมวดมุ่น นัยน์ตาที่หลุบลงราวกับว่ากำลังใช้ความคิดนั้นทำให้คนตัวเล็กสับสนจนทำอะไรไม่ถูก
“เป็นอะไร...?” ถามประโยคเดิมเป็นครั้งที่สอง หากแต่น้ำเสียงในครั้งนี้เบาลงกว่าในทีแรก ชานยอลถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนจะหันกลับมาสบตากับเขาอีกครั้ง “ขอโทษ ตกใจเหรอ”
ร่างเล็กรู้สึกผิดขึ้นมา หลังจากเห็นว่าสีหน้าอีกฝ่ายดูแย่ลงเพราะสิ่งที่เขาทำลงไป บยอนแบคฮยอนอาจจะคิดน้อยไปว่าจะทำยังไงก็ได้ ในเมื่อเขากับชานยอลเคยทำเรื่องอย่างว่ากันมาแล้ว ถึงจะงง ๆ ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงแสดงออกอย่างตกใจแบบนั้น แต่พอนึกไปว่าผู้ชายจริงจังอย่างชานยอลอาจจะเรื่องที่ไม่ชอบอยู่บ้าง แบคฮยอนเลยโทษว่ามันเป็นความผิดของตนเอง
“ฉันไม่คิดว่านายจะตกใจน่ะ เพราะเมื่อคืนเราก็...”
รู้สึกกระดากอายอยู่เล็กน้อยที่ต้องยกเรื่องที่เกิดขึ้นมาพูด เพื่ออธิบายให้คนรักเข้าใจว่าเพราะอะไร ซึ่งในวินาทีนี้แบคฮยอนก็ได้รู้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด เมื่อสายตาอีกฝ่ายที่มองมามันแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก
“เมื่อคืน...?”
“...” ร่างเล็กขมวดคิ้วทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคนรัก เขาคิดว่ามันชักจะแปลก ๆ ไปกันใหญ่แล้วกับคำถามและสีหน้าของคนตัวสูงที่มองมา ราวกับว่าเจ้าตัวไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ไม่อะไรสักอย่าง
“เมื่อคืน...อะไรเหรอ?”
คำถามจากปากคนตัวสูงยิ่งทำให้สับสนเข้าไปใหญ่ แบคฮยอนไม่ได้ตอบในทันทีกับสิ่งที่เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงในเมื่อชานยอลเองก็รู้อยู่แก่ใจ
“ทำไมถึงพูดแบบนี้? ก็เราอยู่ด้วยกันจนถึงเช้า... ลืมไปแล้วเหรอ?”
ถ้าปาร์คชานยอลความจำเสื่อมล่ะก็ บยอนแบคฮยอนจะเป็นคนเตือนความจำให้เอง เขาคิดว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะใจเย็นแล้วปล่อยให้ทั้งคู่ย้อนถามกันไปมาอยู่อย่างนี้ จากตอนแรกที่รู้สึกผิด มันจะกลายเป็นอารมณ์เสียเพราะอีกฝ่ายตีมึนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่แหละ
“แบคฮยอน”
“...”
ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบ ร่างสูงมองมาด้วยสายตาเหมือนกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดไป ถ้าไม่ชอบให้ทำแบบนั้นก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่การทำเหมือนไม่รู้เรื่องอย่างนี้
“เมื่อคืนฉันอยู่บ้าน...”
“...”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ถ้าผู้ชายคนนี้คิดจะเล่นมุขล่ะก็... บยอนแบคฮยอนจะให้เวลาเฉลยความจริงอีกแค่ห้าวินาทีเท่านั้น ก่อนที่เขาจะชักสีหน้ามากไปกว่านี้
ร่างสูงยังคงสบตากับคนตรงหน้า ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจกับคำตอบที่เป็นความจริง ตั้งแต่คบกันมา มันเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ตกอยู่ในสถานะตึงเครียดแบบนี้ เขาเพียงแค่มองแววตาคู่นั้น แล้วหาเหตุผลมาเป็นคำตอบว่ามันเกิดอะไรขึ้น
มันเป็นความฝันของแบคฮยอนเหรอ? ไม่หรอก มันเป็นความคิดที่ตื้นเกินไป ถ้าจะบอกว่าแกล้งทำตีมึนเพื่อที่จะเซอร์ไพรส์กันแบบนั้นคงฟังขึ้นกว่า เพราะมันยังสามารถโยงไปหาเหตุผลที่แบคฮยอนนัดเขามาในวันนี้ได้ด้วย
“ไม่เอาน่า เลิกล้อเล่นได้แล้ว” ชานยอลเทเรื่องที่ทำให้เขาตกใจในครั้งแรกทิ้งไป แล้วหันมาสนใจกับประเด็น ‘เมื่อคืน’ ที่คนตัวเล็กพูดถึง เขาสัญญาว่าจะไม่โกรธ ไม่รู้สึกแย่ ขอแค่แบคฮยอนหัวเราะออกมาแล้วบอกว่า ‘ล้อเล่น’
หากแต่คนตัวเล็กกลับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วมองมาด้วยสายตาตัดพ้อ แบคฮยอนกำลังโมโห สังเกตได้ไม่ยากจากดวงตาคู่นั้น ซึ่งปาร์คชานยอลได้แต่ถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?
“นายคิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ?”
“...”
ความอึดอัดคล้ายหมอกดำที่กำลังโอบล้อมบรรยากาศโดยรอบ ชานยอลยืนนิ่งเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่าย เขาไม่ควรพูดอะไรออกไป เพราะมันอาจจะส่งผลให้แย่ลงเหมือนประโยคก่อนหน้านี้
“ทำไมถึงพูดแบบนั้น ทำไมพูดเหมือนว่าเมื่อคืนเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เมื่อเช้าเรายังไปมหาลัยด้วยกันอยู่เลยนะ”
ชานยอลไม่ได้ตอบโต้หรืออธิบายว่าเมื่อคืนเขาอยู่สอนการบ้านคยองซูและหลับไปตอนตีสองครึ่ง แน่นอนว่าเขากำลังตกใจกับคำพูดของคนตัวเล็กที่ยังคงจริงจังเหมือนในทีแรก ไม่มีหลุดพิรุธออกมาให้ได้สงสัยเลยสักนิดว่าทุกอย่างคือเรื่องอำเล่น
ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่โดยรอบ นานเลยทีเดียวที่พวกเขาจมอยู่กับคำถามในความคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนตรงหน้า ชานยอลได้เอาเหตุและผลชั่งน้ำหนัก ไตร่ตรอง ทบทวนอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะมองดวงตาที่ยังฉายแววตัดพ้อแล้วถามตัวเองว่า...
แบคฮยอนกำลังมีอาการทางจิตหรือเปล่า?
“พูดอะไรบ้างสิ”
พูดอะไรก็ได้ให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้าง หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายตีมึนทำเป็นไม่รู้และไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งคืนจนถึงเช้า มันไม่ใช่ความฝันที่จะเอามาพูดกันเป็นตุเป็นตะได้ ทุกอย่างมันชัดเจน บยอนแบคฮยอนไม่ใช่เด็กอมมือที่จะแยกแยะไม่ออก
ร่างเล็กกำลังกลัวแววตาของคนตรงหน้า ถึงแม้เจ้าตัวจะยืนอยู่เฉย ๆ แต่มันก็สร้างความว่างเปล่าให้เขาได้เป็นอย่างดี
“แบคฮยอน”
เจ้าของชื่อไม่ได้ขานตอบ คนตัวเล็กหลุบสายตาลงมองสมาร์ทโฟนที่อีกคนล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนที่เรียวนิ้วจะสไลด์เปิดหน้าจอ และหันมาตรงระดับใบหน้าเขา
ร่างเล็กเบิกตาอย่างตกใจ ทันทีที่เห็นว่าข้อความบนหน้าจอมาจากเบอร์ของเขา ซึ่งแบคฮยอนจำได้ว่าไม่เคยส่งข้อความนี้ ถึงจะเป็นคนความจำไม่ค่อยดี เรียนไม่เก่ง แต่ถ้าเป็นเรื่องของชานยอล หรือข้อความที่ส่งไปให้กำลังใจทุกครั้งนั้น...เขาจำได้เป็นอย่างดี
แต่ข้อความนัดเจอที่ถูกกดส่งไปตอนเช้านั้น...เขาไม่ได้เป็นคนพิมพ์...
‘ขอรหัสเข้ามือถือหน่อยสิ’
แบคฮยอนคิดว่าเขาได้คำตอบแล้วหลังจากนึกย้อนกลับไป ร่างเล็กเอามาถือขึ้นมาแล้วกดเข้าดูข้อความส่งออก และก็พบว่ามันถูกลบทิ้งไปแล้ว...
ดวงตาคู่นั้นจับจ้องอยู่กับความว่างเปล่าบนหน้าจอโทรศัพท์ แบคฮยอนไม่รู้ว่าเสียเวลาไปกับตรงนี้เท่าไหร่ เขารู้สึกแย่กับตัวเองอยู่ลึก ๆ ที่กำลังคิดไปในทางไม่ดี ว่าที่ชานยอลขอรหัสผ่านโทรศัพท์ เพื่อส่งข้อความเข้าเครื่องตัวเอง แล้วก็ลบข้อความในเครื่องเขาทิ้งหรือเปล่า แต่มันมีเหตุผลจูงใจอะไรที่จะทำให้ชานยอลทำแบบนั้นกันล่ะ แฟนเขาไม่ใช่คนที่จะทำแบบนั้นแต่ แต่...?
“เมื่อเช้าฉันโทรมาแต่นายไม่รับสาย แล้วฉันก็ได้รับข้อความนี้”
“...”
แบคฮยอนกดเข้าแอพโทรเข้าออก แล้วก็พบว่าทุกเบอร์ในเครื่องถูกล้างทิ้งจนหมดไม่มีเหลือ ร่างเล็กยืนนิ่งไป ก่อนจะถอนหายใจกับความคิดที่ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็ไม่น่าเป็นอย่างอื่นได้อีก
“ชานยอล” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ที่กำลังรอให้เขาพูดต่อ “ทำแบบนี้ทำไม?”
“...”
“ที่ขอรหัสมือถือฉัน ก็เพราะจะทำแบบนี้ใช่ไหม?” แบคฮยอนหันหน้าจอสมาร์ทโฟนให้อีกคนดู เขาเห็นว่าสีหน้าของชานยอลเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เจ้าตัวก็ยังคงควบคุมอาการได้อยู่
“ฉันจะขอทำไมในเมื่อฉันจำมันได้ เพราะเราใช้รหัสเดียวกัน”
“...”
“แบคฮยอน หายใจเข้าลึก ๆ นะ” ร่างสูงโอบใบหน้าคนรักเอาไว้แล้วจ้องตา จากบทสนทนาทั้งหมด รวมไปถึงหลักฐานในโทรศัพท์ มันมีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่แบคฮยอนอาจจะมีอาการทางจิต ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ล่าสุดทั้งคู่ยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแบคฮยอน เขาเชื่อว่ามันต้องมีทางรักษา
“ออกไป”
“...”
“ถ้ายังยืนยันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ออกไป” แบคฮยอนไม่ยอมสบตากับเขาเลยสักนิด อีกทั้งยังแกะมือเขาออกอย่างไร้เยื่อใย “ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“แบค...”
“ออกไป”
“...”
ตั้งแต่คบกันมา ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ชายหนุ่มจะขัดใจคนรัก แต่คราวนี้ชานยอลอยากทำมันเป็นครั้งแรก เขาจะปล่อยให้คนตรงหน้าอยู่ตามลำพังทั้ง ๆ ที่รู้สึกแย่แบบนี้ได้ยังไง อย่างน้อยเขาก็ควรทำให้แบคฮยอนสบายใจขึ้นก่อน
ร่างเล็กไม่ยอมให้เขายืนอยู่ตรงนี้ได้นาน เมื่อเจ้าตัวเดินไปเปิดประตูออกเป็นเชิงบังคับให้ออกไป ชานยอลทำได้เพียงแค่ยืนสบตากับอีกฝ่ายอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กอย่างไม่เต็มใจนัก
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
แบคฮยอนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาเลยสักนิด น้ำเสียงที่ส่งมายังคงตัดพ้อไม่ต่างจากเดิม แต่ถึงอย่างนั้นปาร์คชานยอลก็ยังไม่สามารถตัดสินความคิดในตอนนี้ได้ ว่าควรทำอะไร สิ่งไหนที่มันถูกต้องและจะทำให้เรื่องของเขาทั้งคู่ดีขึ้น โดยที่ไม่มีใครต้องฝืนยอมรับผิดกับเรื่องที่ไม่มีใครผิด
ร่างสูงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้าวขาออกจากประตูอย่างไม่เต็มใจนัก เขาไม่มีโอกาสได้หันกลับมองไปเลยด้วยซ้ำ คนตัวเล็กก็ปิดประตูลงเสียก่อน เสียงของมันคล้ายกับเสียงฝ่ามือที่ตบลงบนแก้มเขาฉาดใหญ่
ชานยอลเพียงแค่มองประตูห้องด้วยความรู้สึกที่ตีกันอยู่ในใจและสมอง ทั้ง ๆ ที่รีบออกมาจากมหาลัยเพราะอยากใช้เวลาอยู่กับแบคฮยอนนาน ๆ เขาอยากเติมเต็มช่วงเวลาที่ทำให้คนตัวเล็กต้องอยู่กับความเหงา แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะออกมาเป็นแบบนี้
สักชั่วโมงครึ่งแล้วที่บยอนแบคฮยอนนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง มีเพียงแค่แสงไฟจากโซนครัวเท่านั้นที่ให้ความสว่างในห้องสี่เหลี่ยมโง่ ๆ แห่งนี้ อาหารเย็นที่อีกคนตั้งใจทำยังค้างอยู่ในหม้อ แบคฮยอนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับผู้ชายคนนั้น คนที่เขารักที่สุด
ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ทั้งไม่เข้าใจ
แบคฮยอนไม่สามารถทนฟังอีกฝ่ายบอกให้ ‘ใจเย็น ๆ’ ได้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีทุกอย่าง ร่างเล็กเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย เขาถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วนหลังจากพยายามคิดว่าทำไมชานยอลถึงลบข้อความและเบอร์โทรเข้าออกในเครื่องของเขาทิ้งจนหมด
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจให้หันไปมอง แบคฮยอนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแม้ว่าเสียงนั้นจะดังขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่มีการตอบรับจากคนที่อยู่ภายใน ร่างเล็กเบือนหน้าไปอีกทาง เขารู้ดีว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนอกนั้นเป็นใคร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่พร้อมที่จะฟังคำอธิบายใด ๆ ทั้งนั้น
ก๊อก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คราวนี้เสียงเคาะประตูรัวจนเหมือนทุบ แบคฮยอนเบิกตาอย่างตกใจกับเสียงที่ยังดังอย่างต่อเนื่องจนต้องลุกขึ้นยืน นัยน์ตากลอกมองไปมา ถ้าขืนยังปล่อยให้เป็นแบบนั้นห้องข้าง ๆ คงเปิดประตูมาต่อว่าเขาแน่ สองขาจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูแล้วหมุนลูกบิด
“Hi, Honey.”
ประโยคที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด โชคดีที่ไม่มีใครเปิดประตูออกมาดูเพราะเสียงรัวเคาะประตูเมื่อครู่ แบคฮยอนคาดโทษคนตัวสูงที่ปั้นหน้าปั้นตากวนประสาทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะปิดประตู แต่อีกฝ่ายกลับเอามือดันไว้
“อะไร”
“สำหรับคนรักกัน... ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นประโยคที่น่าฟังสักเท่าไหร่”
“ฉันบอกให้กลับไปไง... นี่! ชานยอล!” ร่างเล็กเบิกตาอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายแทรกตัวเข้ามาในห้องอย่างวิสาสะพร้อมปิดประตูเสร็จสรรพ
ชายหนุ่มรวบข้อมือทั้งสองข้างของคนตัวเล็กเอาไว้จนเซถอยหลังไปติดกับเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนที่คนเอาแต่ใจจะช้อนตัวเขาขึ้นไปนั่งบนนั้นจนชานยอลต้องเป็นฝ่ายเงยหน้ามอง
“แน่ใจเหรอว่าอยากให้ฉันไป?”
“...”
“ไม่เอาน่าที่รัก... ต่อให้จะโกรธสักแค่ไหน แต่ลึก ๆ ในใจของนายก็เรียกร้องหาฉันอยู่เสมอ” แบคฮยอนกัดริมฝีปากล่างขณะมองคาดโทษเจ้าของคำพูดแทงใจ ถึงมันจะถูกอย่างที่ชานยอลพูด แต่ความเสียใจที่เกิดขึ้นมันก็ยังทำให้รู้สึกแย่อยู่ดี
“แล้วฉันผิดหรือไงที่จะรู้สึกอย่างนั้น”
“ไม่เลย... ไม่สักนิดที่รัก... ฉันมันบ้าเองที่แกล้งนายแรงเกินไป” น้ำเสียงทุ้มต่ำมาพร้อมมือแกร่งที่โอบใบหน้าเรียวเอาไว้ ก่อนที่ปลายนิ้วหัวแม่มือจะเค้นคลึงริมฝีปากบางอย่างหลงใหล ไม่ยักรู้ว่าตอนแบคฮยอนทำหน้าไม่พอใจจะน่ารักขนาดนี้... ให้ตายเถอะ
“แกล้งงั้นเหรอ?”
“ขอโทษนะ ขวัญเสียเลยใช่ไหมหื้ม?” ร่างสูงเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะกดจูบลงบนคางมนแล้วคลอเคลียไปตามซอกคอขาว
แบคฮยอนเม้มปากแล้ววางมือลงบนไหล่กว้างหลังจากโล่งใจแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้วมันเป็นการแกล้งเล่น จนถึงตอนนี้ความรู้สึกแย่ ๆ ก็ยังไม่จางหายไปทั้งหมด มันอาจจะรุนแรงเกินไปเพราะอีกฝ่ายไม่เคยเล่นแรงแบบนี้มาก่อน
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ...” เสียงนั้นสั่นเครือเหมือนคนจะร้องไห้ ร่างสูงยกยิ้มมุมปากก่อนจะแลบเลียใบหูคนตัวเล็กจนต้องหดคอลง
“แต่ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม?”
CUT
TBC
ดอพเพิลมลินไม่จำเป็นต้องคอมเมนท์ฟิคตัวเอง
ความคิดเห็น