ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - DOPPELDANGER | CHANBAEK -

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 03 :: You're MINE

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.7K
      35
      28 เม.ย. 58

     

     

     

    Chapter 3

    You’re MINE

     


     

     

    กลับมาถึงหน้าหอพักก็เกือบหกโมงเย็น หลังจากใช้เวลาไร้สาระกับเพื่อนอีกสามคนไปทั้งวัน ทั้งแทงพูล นั่งจิบเบียร์แล้วพูดถึงคะแนนกลางภาคที่ออกมาชวนอ้วกกันแทบทุกคน

     

    วันนี้ไอ้พวกบ้านั่นทำตัวแปลกพิลึก ถ้าบอกว่าไม่ควรเก็บมาคิดมากก็จะยังไงอยู่ ในเมื่อไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไอ้อาการพูดอะไรออกไป พวกมันก็เอาแต่หัวเราะแล้วเลิกคิ้วมองเหมือนไม่เชื่อนั่นน่ะ มันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า

     

    จริงอยู่ที่บยอนแบคฮยอนคือตัวตลกให้เพื่อน ๆ แกล้งเล่นอยู่ตลอด แต่พวกเขาสี่คนไม่เคยมีความลับต่อกัน เพราะพวกมันชอบพูดตอกหน้าเอาสะใจมากกว่าที่จะเก็บเป็นความลับแล้วไปนินทากันลับหลัง

     

    แม้แต่เรื่องเซ็กส์ที่ผู้หญิงบางคนคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย พวกเขาก็เอามาเล่ากันได้อย่างออกรสให้เพื่อนคนที่เหลืออิจฉา เพราะฉะนั้นแบคฮยอนถึงได้สงสัยว่าทำไมพวกมันถึงได้ทำตัวมีพิรุธอย่างนั้น หลังจากที่เขาบอกว่าเมื่อคืนอยู่กับชานยอลจนเช้า และเรามีอะไรกันแล้ว

     

     

    มึงมีแฟนกี่คนวะเพื่อน?

    ฮ่า ๆ

    ร้ายนะเนี่ย ร้าย ร้าย

     

     

    ประโยคเหล่านั้นกลั้วไปด้วยเสียงหัวเราะ ในทีแรกแบคฮยอนคิดว่าพวกมันแค่หยอกเล่น แต่พอเขาด่ากลับไปว่า ไร้สาระ กูจะไปมีแฟนที่ไหนอีก พวกมันทั้งสามคนก็หันไปหัวเราะกันใหญ่ ราวกับว่าเขากำลังโกหกยังไงอย่างนั้น

     

    ก็อยู่ด้วยกันตลอดยกเว้นตอนแยกย้ายกลับบ้าน พวกมันรู้ดีแม้กระทั่งชื่อพ่อแม่เขา คงไม่ต้องพูดถึงว่าวัน ๆ หนึ่งบยอนแบคฮยอนจะคุยกับใครบ้าง มันเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดที่เขาเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ในขณะที่พวกมันเข้าใจกันเองอยู่สามคน

     

    จะบอกว่าที่ขอกลับมาก่อนเป็นเพราะเซ็งก็คงมีส่วน ถ้าขืนอยู่ต่อคงอารมณ์เสียจนทำให้บรรยากาศดื่มเบียร์ยามเย็นของพวกมันกร่อยได้ ไว้พรุ่งนี้อะไร ๆ คงดีขึ้น บยอนแบคฮยอนไม่ใช่พวกคิดมากข้ามคืนอะไรขนาดนั้น ถึงตอนนี้จะยังหงุดหงิดอยู่ก็ตาม

     

    ทันทีที่เปิดประตูห้องออกนัยน์ตาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าใครอีกคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร ร่างเล็กเลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตากัน และรอยยิ้มของผู้ชายคนนั้นก็ชะล้างความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปจนหมด

     

    กลับมาแล้วเหรอ

     

    แบคฮยอนชอบประโยคนี้ ยิ่งมันมาจากเจ้าของเสียงทุ้มต่ำนั่นก็ยิ่งชอบ คนตัวเล็กวางกระเป๋าแล้วเข้าไปสวมกอดคนรักที่ยังง่วนอยู่กับการทำอาหาร พร้อมซบหน้าลงกับแผ่นหลังอุ่นกว้าง

     

    เขาชอบเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ของคนตัวสูง ชานยอลละมือออกจากชุดเครื่องครัว ก่อนจะถอดถุงมือกันความร้อนออกแล้ววางลงบนศีรษะเขา แบคฮยอนชอบที่ชานยอลใส่ใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ มันอาจเป็นเรื่องที่คนอื่นคิดว่าปกติธรรมดา แต่มันพิเศษสำหรับเขา จนอยากกอดผู้ชายคนนี้ไปนาน ๆ

     

    เหนื่อยเหรอ

     

    อือ

     

    ร่างเล็กขานตอบในลำคอ ทั้งที่ยังคงหลับตาซบอยู่กับแผ่นหลังกว้าง ราวกับว่าต้องการให้ไออุ่นนี้ส่งต่อพลังมาให้ เขาไม่ได้เหน็ดเหนื่อยกับการเรียน ซึ่งถ้าให้พูดจริง ๆ ก็คือไปนั่งฟุบหลับจนหมดคาบเสียมากกว่า แบคฮยอนไม่แน่ใจว่ายังเซ็งเรื่องเพื่อนอยู่ หรือเป็นเพราะอยากอ้อนแฟนกันแน่ เขาถึงได้แสดงอาการออดอ้อนออกมาแบบนี้

     

    ทั้งที่อยู่ด้วยกันทั้งคืนจนถึงเช้า แต่ความคิดถึงมันก็ยังคงที่ไม่ลดลงไปเลยสักนิดเดียว แบคฮยอนกำลังโลภมาก ที่มีความรู้สึกว่าอยากอยู่กับชานยอลให้มากกว่านี้ เขาอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ มากกว่าการที่ต้องนั่งมองอีกฝ่ายเดินออกไปจากประตูห้องเหมือนทุกครั้ง

     

    งั้นไปนั่งพักก่อนไหม เดี๋ยวมื้อเย็นจะเสร็จแล้วล่ะ

     

    ชานยอลไม่ได้ถามว่าแบคฮยอนนัดให้มาคุยเรื่องอะไร เพราะเขาอยากให้อีกฝ่ายผ่อนคลายกับอาการเหนื่อยล้าก่อนที่จะคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดา หรือเป็นเรื่องซีเรียสที่ต้องรอให้กินข้าวเสร็จก่อนถึงจะคุยได้ เขาไม่อยากให้มื้อเย็นเป็นหมันเพราะบทสนทนาจริงจัง แบคฮยอนควรกินข้าวให้ตรงเวลาบ้าง เขาชอบกอดแฟนที่มีเนื้อหนังมากกว่ากอดไปโดนกระดูกเป็นไหน ๆ

     

    ชานยอลไม่ต้องรีบกลับ เพราะบอกที่บ้านไว้แล้วว่ามีกิจกรรมที่มหาลัยอาจจะกลับค่ำสักหน่อย เขายังอยู่กับแบคฮยอนได้อีกราว ๆ ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งมันคงไม่น้อยเกินไป ถ้าหากว่าเขาเทเวลาทั้งหมดให้กับคนตัวเล็ก

     

    ร่างสูงเอี้ยวตัวหันหน้าเข้าหาคนขี้อ้อน เห็นใบหน้าซน ๆ ของแฟนแล้วก็นึกหมั่นเขี้ยวจนต้องโอบใบหน้าเรียวเอาไว้แล้วจุ๊บหน้าผากลงไปหนึ่งที แบคฮยอนยิ้มตาหยีพร้อมตวัดแขนกอดรอบเอวหนา ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นหลับตาลงพร้อมทำปากจู๋

     

    อารมณ์ดีมาจากไหนหื้ม?

     

    มาจากชานยอล เร็วเข้าสิ จูบฉัน

     

    คนตัวสูงยิ้มขำพลางส่ายหน้ากับคำพูดคำจาของอีกคน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจูบริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา

     

    มีคนบอกว่าการแสดงความรักอีกวิธีหนึ่งก็คือการจูบ ซึ่งแบคฮยอนก็เชื่ออย่างนั้น กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของคนตรงหน้ามันเพิ่มให้รสจูบอ่อนหวานยิ่งขึ้น วงแขนเล็กกระชับกอดแน่นเมื่อร่างสูงปรับองศาจูบให้ลึกซึ้งกว่าที่เป็นอยู่ ได้ยินเสียงอื้ออึงในลำคอเคล้ารสจูบที่เริ่มหนักหน่วงเพราะแรงคิดถึง

     

    ชานยอลรู้ว่าพักหลังทั้งตัวเขาและแบคฮยอนต่างก็รู้สึกมากขึ้น จนการผละริมฝีปากออกจากกันเริ่มเป็นเรื่องยากจนต้องพึ่งสติ เขาอยากทำมากกว่านี้ แต่อนาคตที่เต็มไปด้วยความกลัวและสิ่งคาดไม่ถึงมันบั่นทอนความกล้าของเขาจนไม่มีเหลือ

     

    ชายหนุ่มไม่คิดว่าคนตัวเล็กกำลังยั่ว กับการที่ฟันคมขบริมฝีปากเขาเบา ๆ ขณะที่เราปรือตามองกันและกัน ปาร์คชานยอลมักจะโทษตัวเองเสมอว่าอารมณ์คุกรุ่นที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาต้องการทั้งนั้น

     

    มื้อเย็นเป็นหมันตั้งแต่ยังไม่เริ่มกิน ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กเอื้อมมือไปปิดเตาแก๊สตั้งแต่เมื่อไหร่ ชานยอลคิดว่ามันถึงเวลาที่เขาควรจะหยุดเหมือนกับทุกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด แต่ไวเท่าความคิด... ร่างสูงเบิกตาอย่างตกใจเมื่ออยู่ ๆ เป้ากางเกงของเขาก็ถูกบีบคลึงโดยมือเล็ก ทั้งที่ทั้งคู่ยังไม่ละสายตาออกจากกัน

     

    ชายหนุ่มผละตัวออกมาตามสัญชาติญาณ เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจแบคฮยอน แต่ สิ่งที่อีกฝ่ายทำมันเป็นเรื่องคาดไม่ถึงในตลอดเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา อย่างที่รู้ ๆ กันว่าอย่างมากก็แค่กอดจูบ มันไม่ใช่เรื่องน่ากระดากอายหรืออะไร แต่การที่คนตัวเล็กแสดงออกมาแบบนั้น มันทำให้เขาตกใจอยู่พอสมควร

     

    เป็นอะไร...?

     

    เป็นอะไรงั้นเหรอ? ปาร์คชานยอลควรจะตอบยังไงกับคำถามเดียวกันที่อยู่ในหัวของเขา ร่างสูงมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง จนถึงตอนนี้แบคฮยอนก็ยังทำหน้าเหมือนกับว่าคนที่เป็นอะไร? คือตัวเขา มากกว่าคนที่เพิ่งทำเรื่องไม่คาดคิดลงไป

     

    ชานยอล

     

    เดี๋ยว... แบคฮยอนหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายยกมือขึ้นห้าม ราวกับว่าไม่อยากให้เข้าใกล้มากไปกว่านี้ คิ้วหนาขมวดมุ่น นัยน์ตาที่หลุบลงราวกับว่ากำลังใช้ความคิดนั้นทำให้คนตัวเล็กสับสนจนทำอะไรไม่ถูก

     

    เป็นอะไร...? ถามประโยคเดิมเป็นครั้งที่สอง หากแต่น้ำเสียงในครั้งนี้เบาลงกว่าในทีแรก ชานยอลถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนจะหันกลับมาสบตากับเขาอีกครั้งขอโทษ ตกใจเหรอ

     

    ร่างเล็กรู้สึกผิดขึ้นมา หลังจากเห็นว่าสีหน้าอีกฝ่ายดูแย่ลงเพราะสิ่งที่เขาทำลงไป บยอนแบคฮยอนอาจจะคิดน้อยไปว่าจะทำยังไงก็ได้ ในเมื่อเขากับชานยอลเคยทำเรื่องอย่างว่ากันมาแล้ว ถึงจะงง ๆ ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงแสดงออกอย่างตกใจแบบนั้น แต่พอนึกไปว่าผู้ชายจริงจังอย่างชานยอลอาจจะเรื่องที่ไม่ชอบอยู่บ้าง แบคฮยอนเลยโทษว่ามันเป็นความผิดของตนเอง

     

    ฉันไม่คิดว่านายจะตกใจน่ะ เพราะเมื่อคืนเราก็...

     

    รู้สึกกระดากอายอยู่เล็กน้อยที่ต้องยกเรื่องที่เกิดขึ้นมาพูด เพื่ออธิบายให้คนรักเข้าใจว่าเพราะอะไร ซึ่งในวินาทีนี้แบคฮยอนก็ได้รู้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด เมื่อสายตาอีกฝ่ายที่มองมามันแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก

     

    เมื่อคืน...?

     

    ... ร่างเล็กขมวดคิ้วทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคนรัก เขาคิดว่ามันชักจะแปลก ๆ ไปกันใหญ่แล้วกับคำถามและสีหน้าของคนตัวสูงที่มองมา ราวกับว่าเจ้าตัวไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ไม่อะไรสักอย่าง

     

    เมื่อคืน...อะไรเหรอ?

     

    คำถามจากปากคนตัวสูงยิ่งทำให้สับสนเข้าไปใหญ่ แบคฮยอนไม่ได้ตอบในทันทีกับสิ่งที่เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงในเมื่อชานยอลเองก็รู้อยู่แก่ใจ

     

    ทำไมถึงพูดแบบนี้? ก็เราอยู่ด้วยกันจนถึงเช้า... ลืมไปแล้วเหรอ?

     

    ถ้าปาร์คชานยอลความจำเสื่อมล่ะก็ บยอนแบคฮยอนจะเป็นคนเตือนความจำให้เอง เขาคิดว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะใจเย็นแล้วปล่อยให้ทั้งคู่ย้อนถามกันไปมาอยู่อย่างนี้ จากตอนแรกที่รู้สึกผิด มันจะกลายเป็นอารมณ์เสียเพราะอีกฝ่ายตีมึนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่แหละ

     

    แบคฮยอน

     

    ...

     

    ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบ ร่างสูงมองมาด้วยสายตาเหมือนกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดไป ถ้าไม่ชอบให้ทำแบบนั้นก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่การทำเหมือนไม่รู้เรื่องอย่างนี้

     

    เมื่อคืนฉันอยู่บ้าน...

     

    ...

     

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ถ้าผู้ชายคนนี้คิดจะเล่นมุขล่ะก็... บยอนแบคฮยอนจะให้เวลาเฉลยความจริงอีกแค่ห้าวินาทีเท่านั้น ก่อนที่เขาจะชักสีหน้ามากไปกว่านี้

     

    ร่างสูงยังคงสบตากับคนตรงหน้า ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจกับคำตอบที่เป็นความจริง ตั้งแต่คบกันมา มันเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ตกอยู่ในสถานะตึงเครียดแบบนี้ เขาเพียงแค่มองแววตาคู่นั้น แล้วหาเหตุผลมาเป็นคำตอบว่ามันเกิดอะไรขึ้น

     

    มันเป็นความฝันของแบคฮยอนเหรอ? ไม่หรอก มันเป็นความคิดที่ตื้นเกินไป ถ้าจะบอกว่าแกล้งทำตีมึนเพื่อที่จะเซอร์ไพรส์กันแบบนั้นคงฟังขึ้นกว่า เพราะมันยังสามารถโยงไปหาเหตุผลที่แบคฮยอนนัดเขามาในวันนี้ได้ด้วย

     

    ไม่เอาน่า เลิกล้อเล่นได้แล้ว ชานยอลเทเรื่องที่ทำให้เขาตกใจในครั้งแรกทิ้งไป แล้วหันมาสนใจกับประเด็นเมื่อคืน ที่คนตัวเล็กพูดถึง เขาสัญญาว่าจะไม่โกรธ ไม่รู้สึกแย่ ขอแค่แบคฮยอนหัวเราะออกมาแล้วบอกว่าล้อเล่น

     

    หากแต่คนตัวเล็กกลับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วมองมาด้วยสายตาตัดพ้อ แบคฮยอนกำลังโมโห สังเกตได้ไม่ยากจากดวงตาคู่นั้น ซึ่งปาร์คชานยอลได้แต่ถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?

     

    นายคิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ?

     

    ...

     

    ความอึดอัดคล้ายหมอกดำที่กำลังโอบล้อมบรรยากาศโดยรอบ ชานยอลยืนนิ่งเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่าย เขาไม่ควรพูดอะไรออกไป เพราะมันอาจจะส่งผลให้แย่ลงเหมือนประโยคก่อนหน้านี้

     

    ทำไมถึงพูดแบบนั้น ทำไมพูดเหมือนว่าเมื่อคืนเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เมื่อเช้าเรายังไปมหาลัยด้วยกันอยู่เลยนะ

     

    ชานยอลไม่ได้ตอบโต้หรืออธิบายว่าเมื่อคืนเขาอยู่สอนการบ้านคยองซูและหลับไปตอนตีสองครึ่ง แน่นอนว่าเขากำลังตกใจกับคำพูดของคนตัวเล็กที่ยังคงจริงจังเหมือนในทีแรก ไม่มีหลุดพิรุธออกมาให้ได้สงสัยเลยสักนิดว่าทุกอย่างคือเรื่องอำเล่น

     

    ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่โดยรอบ นานเลยทีเดียวที่พวกเขาจมอยู่กับคำถามในความคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนตรงหน้า ชานยอลได้เอาเหตุและผลชั่งน้ำหนัก ไตร่ตรอง ทบทวนอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะมองดวงตาที่ยังฉายแววตัดพ้อแล้วถามตัวเองว่า...

     

     

    แบคฮยอนกำลังมีอาการทางจิตหรือเปล่า?

     

     

    พูดอะไรบ้างสิ

     

    พูดอะไรก็ได้ให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้าง หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายตีมึนทำเป็นไม่รู้และไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งคืนจนถึงเช้า มันไม่ใช่ความฝันที่จะเอามาพูดกันเป็นตุเป็นตะได้ ทุกอย่างมันชัดเจน บยอนแบคฮยอนไม่ใช่เด็กอมมือที่จะแยกแยะไม่ออก

     

    ร่างเล็กกำลังกลัวแววตาของคนตรงหน้า ถึงแม้เจ้าตัวจะยืนอยู่เฉย ๆ แต่มันก็สร้างความว่างเปล่าให้เขาได้เป็นอย่างดี

     

    แบคฮยอน

     

    เจ้าของชื่อไม่ได้ขานตอบ คนตัวเล็กหลุบสายตาลงมองสมาร์ทโฟนที่อีกคนล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนที่เรียวนิ้วจะสไลด์เปิดหน้าจอ และหันมาตรงระดับใบหน้าเขา

     

    ร่างเล็กเบิกตาอย่างตกใจ ทันทีที่เห็นว่าข้อความบนหน้าจอมาจากเบอร์ของเขา ซึ่งแบคฮยอนจำได้ว่าไม่เคยส่งข้อความนี้ ถึงจะเป็นคนความจำไม่ค่อยดี เรียนไม่เก่ง แต่ถ้าเป็นเรื่องของชานยอล หรือข้อความที่ส่งไปให้กำลังใจทุกครั้งนั้น...เขาจำได้เป็นอย่างดี

     

     

    แต่ข้อความนัดเจอที่ถูกกดส่งไปตอนเช้านั้น...เขาไม่ได้เป็นคนพิมพ์...

     

     

    ขอรหัสเข้ามือถือหน่อยสิ

     

     

    แบคฮยอนคิดว่าเขาได้คำตอบแล้วหลังจากนึกย้อนกลับไป ร่างเล็กเอามาถือขึ้นมาแล้วกดเข้าดูข้อความส่งออก และก็พบว่ามันถูกลบทิ้งไปแล้ว...

     

    ดวงตาคู่นั้นจับจ้องอยู่กับความว่างเปล่าบนหน้าจอโทรศัพท์ แบคฮยอนไม่รู้ว่าเสียเวลาไปกับตรงนี้เท่าไหร่ เขารู้สึกแย่กับตัวเองอยู่ลึก ๆ ที่กำลังคิดไปในทางไม่ดี ว่าที่ชานยอลขอรหัสผ่านโทรศัพท์ เพื่อส่งข้อความเข้าเครื่องตัวเอง แล้วก็ลบข้อความในเครื่องเขาทิ้งหรือเปล่า แต่มันมีเหตุผลจูงใจอะไรที่จะทำให้ชานยอลทำแบบนั้นกันล่ะ แฟนเขาไม่ใช่คนที่จะทำแบบนั้นแต่ แต่...?

     

    เมื่อเช้าฉันโทรมาแต่นายไม่รับสาย แล้วฉันก็ได้รับข้อความนี้

     

    ...

     

    แบคฮยอนกดเข้าแอพโทรเข้าออก แล้วก็พบว่าทุกเบอร์ในเครื่องถูกล้างทิ้งจนหมดไม่มีเหลือ ร่างเล็กยืนนิ่งไป ก่อนจะถอนหายใจกับความคิดที่ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็ไม่น่าเป็นอย่างอื่นได้อีก

     

    ชานยอล คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ที่กำลังรอให้เขาพูดต่อทำแบบนี้ทำไม?

     

    ...

     

    ที่ขอรหัสมือถือฉัน ก็เพราะจะทำแบบนี้ใช่ไหม? แบคฮยอนหันหน้าจอสมาร์ทโฟนให้อีกคนดู เขาเห็นว่าสีหน้าของชานยอลเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เจ้าตัวก็ยังคงควบคุมอาการได้อยู่

     

    ฉันจะขอทำไมในเมื่อฉันจำมันได้ เพราะเราใช้รหัสเดียวกัน

     

    ...

     

    แบคฮยอน หายใจเข้าลึก ๆ นะ ร่างสูงโอบใบหน้าคนรักเอาไว้แล้วจ้องตา จากบทสนทนาทั้งหมด รวมไปถึงหลักฐานในโทรศัพท์ มันมีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่แบคฮยอนอาจจะมีอาการทางจิต ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ล่าสุดทั้งคู่ยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย

     

     

    แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแบคฮยอน เขาเชื่อว่ามันต้องมีทางรักษา

     

     

    ออกไป

     

    ...

     

    ถ้ายังยืนยันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ออกไป แบคฮยอนไม่ยอมสบตากับเขาเลยสักนิด อีกทั้งยังแกะมือเขาออกอย่างไร้เยื่อใยฉันอยากอยู่คนเดียว

     

    แบค...

     

    ออกไป

     

    ...

     

    ตั้งแต่คบกันมา ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ชายหนุ่มจะขัดใจคนรัก แต่คราวนี้ชานยอลอยากทำมันเป็นครั้งแรก เขาจะปล่อยให้คนตรงหน้าอยู่ตามลำพังทั้ง ๆ ที่รู้สึกแย่แบบนี้ได้ยังไง อย่างน้อยเขาก็ควรทำให้แบคฮยอนสบายใจขึ้นก่อน

     

    ร่างเล็กไม่ยอมให้เขายืนอยู่ตรงนี้ได้นาน เมื่อเจ้าตัวเดินไปเปิดประตูออกเป็นเชิงบังคับให้ออกไป ชานยอลทำได้เพียงแค่ยืนสบตากับอีกฝ่ายอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กอย่างไม่เต็มใจนัก

     

    ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว

     

    แบคฮยอนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาเลยสักนิด น้ำเสียงที่ส่งมายังคงตัดพ้อไม่ต่างจากเดิม แต่ถึงอย่างนั้นปาร์คชานยอลก็ยังไม่สามารถตัดสินความคิดในตอนนี้ได้ ว่าควรทำอะไร สิ่งไหนที่มันถูกต้องและจะทำให้เรื่องของเขาทั้งคู่ดีขึ้น โดยที่ไม่มีใครต้องฝืนยอมรับผิดกับเรื่องที่ไม่มีใครผิด

     

    ร่างสูงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้าวขาออกจากประตูอย่างไม่เต็มใจนัก เขาไม่มีโอกาสได้หันกลับมองไปเลยด้วยซ้ำ คนตัวเล็กก็ปิดประตูลงเสียก่อน เสียงของมันคล้ายกับเสียงฝ่ามือที่ตบลงบนแก้มเขาฉาดใหญ่

     

    ชานยอลเพียงแค่มองประตูห้องด้วยความรู้สึกที่ตีกันอยู่ในใจและสมอง ทั้ง ๆ ที่รีบออกมาจากมหาลัยเพราะอยากใช้เวลาอยู่กับแบคฮยอนนาน ๆ เขาอยากเติมเต็มช่วงเวลาที่ทำให้คนตัวเล็กต้องอยู่กับความเหงา แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะออกมาเป็นแบบนี้

     

     

     

     

     

     

    สักชั่วโมงครึ่งแล้วที่บยอนแบคฮยอนนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง มีเพียงแค่แสงไฟจากโซนครัวเท่านั้นที่ให้ความสว่างในห้องสี่เหลี่ยมโง่ ๆ แห่งนี้ อาหารเย็นที่อีกคนตั้งใจทำยังค้างอยู่ในหม้อ แบคฮยอนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับผู้ชายคนนั้น คนที่เขารักที่สุด

     

    ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ทั้งไม่เข้าใจ

     

    แบคฮยอนไม่สามารถทนฟังอีกฝ่ายบอกให้ใจเย็น ๆ ได้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีทุกอย่าง ร่างเล็กเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย เขาถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วนหลังจากพยายามคิดว่าทำไมชานยอลถึงลบข้อความและเบอร์โทรเข้าออกในเครื่องของเขาทิ้งจนหมด

     

     

    ก๊อก ๆ

     

     

    เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจให้หันไปมอง แบคฮยอนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแม้ว่าเสียงนั้นจะดังขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่มีการตอบรับจากคนที่อยู่ภายใน ร่างเล็กเบือนหน้าไปอีกทาง เขารู้ดีว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนอกนั้นเป็นใคร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่พร้อมที่จะฟังคำอธิบายใด ๆ ทั้งนั้น

     

     

    ก๊อก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

     

    คราวนี้เสียงเคาะประตูรัวจนเหมือนทุบ แบคฮยอนเบิกตาอย่างตกใจกับเสียงที่ยังดังอย่างต่อเนื่องจนต้องลุกขึ้นยืน นัยน์ตากลอกมองไปมา ถ้าขืนยังปล่อยให้เป็นแบบนั้นห้องข้าง ๆ คงเปิดประตูมาต่อว่าเขาแน่ สองขาจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูแล้วหมุนลูกบิด

     

    “Hi, Honey.”

     

    ประโยคที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด โชคดีที่ไม่มีใครเปิดประตูออกมาดูเพราะเสียงรัวเคาะประตูเมื่อครู่ แบคฮยอนคาดโทษคนตัวสูงที่ปั้นหน้าปั้นตากวนประสาทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะปิดประตู แต่อีกฝ่ายกลับเอามือดันไว้

     

    อะไร

     

    สำหรับคนรักกัน... ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นประโยคที่น่าฟังสักเท่าไหร่

     

    ฉันบอกให้กลับไปไง... นี่! ชานยอล!” ร่างเล็กเบิกตาอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายแทรกตัวเข้ามาในห้องอย่างวิสาสะพร้อมปิดประตูเสร็จสรรพ

     

    ชายหนุ่มรวบข้อมือทั้งสองข้างของคนตัวเล็กเอาไว้จนเซถอยหลังไปติดกับเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนที่คนเอาแต่ใจจะช้อนตัวเขาขึ้นไปนั่งบนนั้นจนชานยอลต้องเป็นฝ่ายเงยหน้ามอง

     

    แน่ใจเหรอว่าอยากให้ฉันไป?

     

    ...

     

    ไม่เอาน่าที่รัก... ต่อให้จะโกรธสักแค่ไหน แต่ลึก ๆ ในใจของนายก็เรียกร้องหาฉันอยู่เสมอ แบคฮยอนกัดริมฝีปากล่างขณะมองคาดโทษเจ้าของคำพูดแทงใจ ถึงมันจะถูกอย่างที่ชานยอลพูด แต่ความเสียใจที่เกิดขึ้นมันก็ยังทำให้รู้สึกแย่อยู่ดี

     

    แล้วฉันผิดหรือไงที่จะรู้สึกอย่างนั้น

     

    ไม่เลย... ไม่สักนิดที่รัก... ฉันมันบ้าเองที่แกล้งนายแรงเกินไป น้ำเสียงทุ้มต่ำมาพร้อมมือแกร่งที่โอบใบหน้าเรียวเอาไว้ ก่อนที่ปลายนิ้วหัวแม่มือจะเค้นคลึงริมฝีปากบางอย่างหลงใหล ไม่ยักรู้ว่าตอนแบคฮยอนทำหน้าไม่พอใจจะน่ารักขนาดนี้... ให้ตายเถอะ

     

    แกล้งงั้นเหรอ?

     

    ขอโทษนะ ขวัญเสียเลยใช่ไหมหื้ม? ร่างสูงเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะกดจูบลงบนคางมนแล้วคลอเคลียไปตามซอกคอขาว

     

    แบคฮยอนเม้มปากแล้ววางมือลงบนไหล่กว้างหลังจากโล่งใจแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้วมันเป็นการแกล้งเล่น จนถึงตอนนี้ความรู้สึกแย่ ๆ ก็ยังไม่จางหายไปทั้งหมด มันอาจจะรุนแรงเกินไปเพราะอีกฝ่ายไม่เคยเล่นแรงแบบนี้มาก่อน

     

    อย่าทำแบบนี้อีกนะ... เสียงนั้นสั่นเครือเหมือนคนจะร้องไห้ ร่างสูงยกยิ้มมุมปากก่อนจะแลบเลียใบหูคนตัวเล็กจนต้องหดคอลง

     

    แต่ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม?

     

     

     

    CUT

     

     

     

    TBC

     

     

    ดอพเพิลมลินไม่จำเป็นต้องคอมเมนท์ฟิคตัวเอง

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×