คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 01 :: B to the C
CHAPTER 01
B to the C
ฝันร้ายของเขาและน้องสาวก็เริ่มจางลง คุณแบคฮยอนไม่ได้ให้เงินมากมายขนาดที่สามารถใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้ ชานยอลพยายามประหยัดอดออม เงินส่วนที่เหลือก็เก็บแยกไว้อีกบัญชีหนึ่ง หากมีเรื่องฉุกเฉินจะได้หยิบออกมาใช้ได้โดยไม่ต้องร้องขอจากคุณแบคฮยอนเพิ่ม
เขายังมีความเกรงใจอยู่มาก มากเสียจนกลัวจะถูกมองว่าเป็นเด็กหิวเงินในสายตาของผู้อุปการะ หลายครั้งที่ชานยอลดุซูยอง น้องสาวตัวแสบที่เป็นหนึ่งในกำลังใจทำให้เขาอยากต่อสู้ต่อไปกับช่วงเวลายากลำบาก เวลาที่เธองอแงอยากได้สมาร์ทโฟนราคาแพง เพราะรุ่นที่ใช้อยู่มันตกรุ่นไปแล้ว
ตอนนี้พ่อกับแม่อยู่ต่างจังหวัด ใช้แรงงานเพื่อแลกเงินมาจ่ายค่าเช่าห้องเล็ก ๆ ที่เอาไว้เป็นที่กบดานหนีเจ้าหนี้ ชานยอลไม่สามารถติดต่อกับท่านได้โดยตรง เพราะกลัวถูกดักฟัง กลัวพ่อแม่ถูกตามเจอ เขาทำได้เพียงแค่รอการติดต่อกลับมา เพื่อทราบว่าท่านยังคงสบายดีไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
การใช้ชีวิตอย่างลำบากใจในช่วงปีแรกเป็นอย่างไร ชานยอลยังจำได้ดี แน่ล่ะ... ถ้าหากเขาเป็นเด็กหิวเงินสักหน่อย การเห็นข้อความเงินเข้าทางโทรศัพท์ก็คงไม่ใช่เรื่องน่ากระดากอายนัก เป็นเพราะความเกรงใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะเขาสิ้นไร้ไม้ตอกแล้ว
และแล้วคุณแบคฮยอนก็สร้างความประหลาดใจให้เด็กอย่างเขาอีกครั้ง เมื่อวันหนึ่งเขากลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามีกล่องของขวัญชิ้นหนึ่งวางอยู่ ห่อด้วยกระดาษสีครีมเรียบ ๆ และถูกผูกด้วยริบบิ้นสีขาว
เด็กหนุ่มวัยสิบหกยืนแกะกล่องของขวัญอยู่หน้าบ้าน โดยมีน้องสาวยืนขนาบข้างและคอยถือของไว้ให้ ทั้งคู่เบิกตากว้างอย่างตกใจ ทันทีที่เห็นว่าข้างในเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่เอี่ยมสองเครื่อง
เขายังจำเสียงซูยองตอนกรี๊ดลั่นบ้านจนอาจงแดชะโงกหน้าข้ามรั้วมาดู ชานยอลเอาแต่ยิ้มเจื่อนเพราะยังตกใจอยู่ ขณะที่น้องสาวตัวแสบหยิบเครื่องสีชมพูไปเล่นแล้ว
เด็กหนุ่มหยิบการ์ดสีขาวขึ้นมาเปิดอ่าน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันชวนให้รู้สึกดีตั้งแต่แรกเริ่ม ชานยอลไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนเราสามารถรู้สึกดีจากตัวหนังสือได้ แม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้าตาเจ้าของหมึกสีดำที่เขียนข้อความสั้น ๆ ว่า...
‘สุขสันต์วันเกิด
ส่วนค่าบริการต้องเก็บเงินจ่ายเองนะ (หัวเราะ)’
คุณแบคฮยอนจะใจดีกับเขาเกินไปแล้ว
.
.
สมาร์ทโฟนเครื่องนั้นเป็นจุดเริ่มต้นการคุยกันอย่างเป็นทางการของเรา ชานยอลโหลดแอพลิเคชั่นไลน์เป็นอย่างแรก และแอดไปตามที่คุณแบคฮยอนทิ้งไอดีไว้ ในทีแรกก็เกร็ง แน่นอนว่าทุกประโยคที่ส่งไปมันผ่านการกลั่นกรองมาแล้วว่าสมควรส่งไปหรือไม่ เขาไม่อยากให้คุณแบคฮยอนรู้สึกไม่ดี ถ้าหากเผลอทำตัวไม่น่ารักออกไป
พอเวลาผ่านไปสักพักการพูดคุยก็ไม่ใช่เรื่องชวนกดดันอีก ชานยอลไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณแบคฮยอนจะยอมฟังเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของเขา อีกทั้งยังบอกก่อนนอนอีกว่าพรุ่งนี้ให้มาเล่าอีก
จากที่เคยเอาแต่ทำงานพิเศษงก ๆ ก็ได้กลับไปเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะคุณแบคฮยอนสนับสนุนเรื่องนี้ ชานยอลรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กประถมที่พยายามทำดีเอาใจผู้ใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายบอกว่าอยากเห็นเขาเล่นดนตรีสดกับเพื่อน ๆ
ชานยอลอยากรู้ว่าหน้าตาคุณแบคฮยอนเป็นอย่างไร แต่ความกล้าที่มีอยู่มันก็มีไม่มากพอที่จะขอดูรูป เด็กหนุ่มกลัวว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธและรู้สึกไม่ดีเข้า มันจะละลาบละล้วงเกินไปไหม? คุณแบคฮยอนจะคิดว่าเขาสอดรู้สอดเห็นเกินไปหรือเปล่า? ซึ่งความกลัวเหล่านี้เพื่อน ๆ ก็ด่าว่าเขาไร้สาระ ปาร์คชานยอลไม่ได้นัดเดทกับผู้หญิงในอินเทอร์เน็ตสักหน่อย
สุดท้ายก็ใช้วิธีเด็ก ๆ คือการเสิร์ชข้อมูลหาชื่อ ‘บยอนแบคฮยอน’ ในอินเทอร์เน็ต แน่นอนว่าเขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่ปาร์คซูยองน้องสาวตัวแสบ เสิร์ชหาไม่นานก็พบตำแหน่งหน้าที่การงานมากมาย ซึ่งเขารู้เพียงอย่างเดียวว่าอีกฝ่ายเป็นวิศวกรโยธา
แต่ก็นั่นแหละ... วิศวกรโยธาชื่อบยอนแบคฮยอนก็ไม่ได้มีแค่คนเดียวในเกาหลีใต้สักหน่อย
.
.
ชานยอลส่งรูปตอนเพิ่งตัดผมใหม่ให้คุณแบคฮยอนดูผ่านทางแชทในไลน์ อีกฝ่ายพูดถึงทรงผมแค่ว่า ‘ดูดีแล้ว’ และหลังจากนั้นก็พูดถึงแก้มที่ตอบลง บอกให้กินข้าวเยอะ ๆ บอกให้เขารีบนอน ปิดท้ายด้วยการบอกว่าขอบตาคล้ำอย่างนี้เดี๋ยวไม่หล่อ สาว ๆ จะเมินเอานะ
แต่ที่นอนดึกทุกวัน ก็เพราะคุยเป็นเพื่อนคุณที่อยู่ทำงานจนดึกดื่น รู้หรือเปล่าครับ?
เรามักจะแชร์โลเกชั่นเมื่อออกไปข้างนอก ชานยอลนึกอิจฉาคุณแบคฮยอนที่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ แต่พออีกฝ่ายบอกว่าปิดเทอมจะพาไป เขาก็สั่นจนรีบปฏิเสธไปเลยว่า ‘ไม่ครับ ผมไม่ไป’
ทั้งที่ตอนนั้นมีโอกาสได้เจอกันแล้วแท้ ๆ แต่ถ้าไป... เขากับซูยองก็จะกลายเป็นภาระคุณแบคฮยอนอีก เที่ยวต่างประเทศทีนึงไม่ใช่หมื่นสองหมื่นวอน ถ้าอีกฝ่ายรับผิดชอบเขากับน้องสาว คาดว่าคงต้องใช้เงินเยอะพอสมควรเลย
ชานยอลเอาแต่ถอนหายใจ เขามันเป็นไอ้ปอดแหกที่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง เพราะเอาแต่รอปาฎิหาริย์ว่าคุณแบคฮยอนจะนัดเจอหรือส่งรูปมาให้ดู ปัจจุบันเขาจึงทำได้แค่นั่งแห้ง แชทคุยกันไปวัน ๆ
แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขานัก เมื่อวันหนึ่งคุณแบคฮยอนก็ส่งโลเกชั่นมา พร้อมบอกว่ากำลังกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของเขามากนัก
ชานยอลจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี เขาปล่อยลูกบาสลงพื้นแล้วรีบคว้ากระเป๋าเป้ ก่อนจะวิ่งออกไปนอกโรงเรียนด้วยความเร็วทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อหวังว่าจะได้เจอกันสักครั้งหนึ่ง หลังจากพลาดมันไป
ในหัวเอาแต่บอกว่าต้องเจอให้ได้ ปาร์คชานยอลจะไม่ยอมพลาดโอกาสอีกแล้ว มีอะไรอีกมากมายที่เด็กหนุ่มไม่ได้พูดในแชท เพราะเขาอยากพูดมันต่อหน้าผู้มีพระคุณคนนี้ คนที่ฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากความยากลำบาก
เด็กหนุ่มยืนหอบเมื่อเข้ามาในร้าน สายตากวาดมองหาคนที่น่าจะเป็นคุณแบคฮยอน ทางด้านซ้ายเป็นกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน ถัดไปเป็นโต๊ะนักศึกษามหาลัย และโต๊ะสุดท้ายที่น่าจะเข้าตาที่สุด
เขาตรงเข้าไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะนั้น พร้อมเอ่ยชื่อ ‘คุณแบคฮยอน’
หากแต่ไม่มีใครเอ่ยขานรับ สิ่งเดียวที่ชานยอลรู้สึกได้ก็คือความงุนงงที่ส่งผ่านแววตาของชายวัยกลางคนทั้งสี่ ที่ดูเหมือนว่ากำลังคุยเรื่องงานกันอยู่ และถูกขัดจังหวะด้วยเด็กมอปลายอย่างเขา
ชานยอลออกไปยืนหน้าร้านอย่างคนสิ้นหวัง ก้มลงพิมพ์ข้อความในโปรแกรมแชทก่อนจะกดส่งถามไปว่าตอนนี้คุณแบคฮยอนอยู่ที่ไหน ซึ่งอีกฝ่ายก็แชร์โลเกชั่นมาให้ ถึงพิกัดเป้าหมายที่อยู่ไกลจากตรงนี้พอสมควร
และตอนนั้น ชานยอลไม่ได้บอกคุณแบคฮยอนว่าเขาไปที่นั่น
.
.
วันนี้เป็นวันงานโรงเรียน ปาร์คชานยอลวัยสิบเก้าปีได้ร่วมจัดบูธเกี่ยวกับโครงงานวิทยาศาสตร์กับเพื่อน ๆ ในห้องซึ่งแบ่งกันออกเป็นสี่กลุ่มใหญ่ ๆ และกระจายกันอยู่เป็นจุดเพื่อให้ทั่วถึงคนที่มาร่วมงาน
ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองหรือเด็กโรงเรียนอื่น วันนี้เป็นอีกวันที่ชานยอลคิดว่ามันสนุก
“โคตรร้อนเลยว่ะ”
“มินโฮไปซื้อน้ำอยู่ ถ้าเหนื่อยมึงก็นั่งพักก่อนเลย” ชานยอลตบบ่าเพื่อนในกลุ่ม ที่ยืนเฝ้าบูธมาตั้งแต่ช่วงเช้าโดยไม่ได้พัก เพื่อคอยแนะนำสิ่งที่พวกเราตั้งใจทำกันมาเป็นอาทิตย์
แม้ว่าบูธวิทยาศาสตร์จะไม่ได้รับความนิยมเท่าบูธอื่น ๆ แต่การที่พวกเราสาธยายยาวยืดเกี่ยวกับความรู้ที่มีอยู่ ถึงจะฟังอยู่แค่ไม่กี่คน แต่ก็มีความสุข แม้ว่าจะทำให้คอแหบคอแห้งไปบ้าง
แบบประเมินคะแนนที่ปริ๊นท์มาเพื่อให้คนเยี่ยมชมบูธได้ลงความเห็นวางอยู่บนโต๊ะ ชานยอลรับมาหนึ่งใบเมื่อเห็นว่าตอนนี้มีคนใหม่กำลังให้ความสนใจกับบอร์ดวิทยาศาสตร์
“สวัสดีครับ”
ชายวัยทำงานหันมายิ้มพร้อมรับใบประเมินไปถือไว้ โค้งศีรษะเล็กน้อยตามมารยาทหลังจากเขาโค้งให้ พลางกวาดสายตาอ่านใบประเมินอยู่แค่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นให้ความสนใจกับบอร์ดอีกครั้ง
“นี่ใครวาดเหรอ”
“ผมเองครับ” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีใครพูดถึงความซื่อบื้อที่เขาละเลงออกมาเป็นรูปวาดเลยสักคน ผู้ชายคนนี้เป็นคนแรก
“เจ๋งดีนะ พอใช้เป็นรูปวาดก็ดูน่าสนใจขึ้นมาเลย แถมเข้าใจง่ายด้วย” อีกฝ่ายพยักหน้า พร้อมดึงปากกาที่เหน็บอยู่กับกระเป๋าเสื้อเชิ้ตออกมา ชานยอลเกาท้ายทอยแก้เขิน เคยคิดว่าสิ่งที่ทำมันโง่ ก็เริ่มมีกำลังใจขึ้นมาเพราะคำพูดของคน ๆ เดียว
“ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่ามันยังโง่ ๆ อยู่” ชานยอลถูปลายจมูกอย่างขลาดอาย พลางชี้ไปยังผลงานชิ้นโบแดงที่เขานั่งหลังขดหลังแข็งวาดอยู่หลายคืน แต่เพื่อนกลับบอกว่ามันโง่ ทั้งที่ควรแปะกราฟ ตารางธาตุลงไป
“เอาแต่ว่าตัวเองแบบนี้ ฉันควรให้คะแนนเธอเท่าไหร่ดีนะ?” เด็กหนุ่มถึงกับชะงัก หลังจากรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรโง่ ๆ กว่าสิ่งที่ทำลงไปเสียอีก
ชานยอลกลืนน้ำลาย พลางมองอย่างคาดหวัง และการที่อีกฝ่ายอมยิ้มแล้วติ๊กเครื่องหมายถูกลงบนกระดาษประเมินผลไปในทางบวก มันก็ทำให้เขารู้สึกดี
“ผมชอบพูดอะไรโง่ ๆ แบบนี้แหละครับ” เด็กตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ พลางมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายที่มีส่วนสูงต่างจากเขาน่าจะราว ๆ สิบเซนติเมตร
ตัวเล็กจัง
“เลิกว่าตัวเองแล้วบอกข้อดีมาสักสองข้อซิ... ปาร์คชานยอล” อีกฝ่ายหลุบสายตาอ่านป้ายชื่อบนเสื้อของเขา ก่อนจะสบตากันอีกครั้ง
“ผมเหรอครับ? หรือว่าโครงงานวิทย์?” ชานยอลชี้หน้าตัวเอง เด็กหนุ่มเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังยิ้มขำกับท่าทางเป๋อ ๆ ของเขา
“เธอนั่นแหละ”
“ผมเล่นกลองได้ครับ”
“อะไรอีก”
“ทำกับข้าวเป็น”
“อะไรอีก”
“ผมโสด”
พูดเองก็ตกใจเอง ชานยอลถลึงตามองอีกฝ่ายทันทีที่รู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรโง่ ๆ ออกไปอีกแล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าคนตรงหน้าก็คงช็อกไม่แพ้กัน แน่ล่ะ... เขาเป็นผู้ชาย คุณคนนี้ก็เป็นผู้ชาย แล้วการที่อยู่ดี ๆ ไอ้เด็กนี่มาบอกว่าโสดมันก็...
“นั่นเรียกว่าข้อดีเหรอ?”
“อ่า... ครับ? ไม่รู้สิ มันอาจจะดีก็ได้นะ” เขาเกาท้ายทอยอย่างขลาดอาย เชื่อเถอะว่าตอนนี้คนตรงหน้าคงมองว่าปาร์คชานยอลเป็นไอ้โง่สมใจเขาแล้ว
“เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ก็อยากมีแฟนกันทั้งนั้น แต่เธอกลับคิดอีกอย่าง” ผู้ชายคนนี้ยังคงยิ้มขณะเงยหน้ามองบอร์ด
“ผมยังชอบใครไม่เป็นเลยครับ อ่า... ผมจะบอกว่าผมชอบที่จะอยู่แบบนี้มากกว่าคบกับใครสักคนน่ะ” จากเรื่องโครงงานวิทยาศาสตร์เข้าสู่เรื่องความรักตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ่งที่เขาควรทำในตอนนี้คือการอธิบายเกี่ยวกับบอร์ดไม่ใช่หรือไง
“วัยมัธยมยังมีเรื่องน่าทำอีกเยอะ อย่าพลาดมันไปเพราะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่แล้วสิ” คนตรงหน้าก้มลงติ๊กเครื่องหมายถูกใส่ใบประเมินคะแนนอีกครั้ง
“อย่างเช่นการมีแฟนเหรอครับ”
“มันก็เป็นอีกสีสันหนึ่งในชีวิตนะ แต่ถ้าไม่อยากมีจริง ๆ ก็ยังมีอย่างอื่นให้ทำอีกเยอะ”
“งั้นผมจะลองหาใครสักคนมาเป็นแฟนตั้งแต่วันนี้เลยครับ” พูดจบคนฟังก็หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้ แววตาของผู้ชายคนนี้เป็นประกาย แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น ซึ่งเขาไม่สามารถเดาได้เลย “เอ่อ ผมหมายความว่าจะเริ่มคิดน่ะครับ ไม่ได้คิดไปมากกว่านั้นเลยนะ”
ให้ตายสิ ถ้าเกิดคุณคนนี้เข้าใจผิดคิดว่ากำลังถูกเขาจีบอยู่จะว่ายังไง ไอ้บ้าปาร์คชานยอล ทีหลังหัดคิดให้มากกว่านี้หน่อยเถอะน่า
“อย่าละเลยชีวิตวัยเด็กมากเกินไป เพราะพอโตขึ้น เราจะกลับไปทำมันไม่ได้อีกแล้ว”
ชานยอลไม่ได้ตอบโต้บทสนทนากลับ ราวกับว่าประโยคเมื่อครู่มันวิ่งวนอยู่ในหัว เขากำลังคิดตาม ซึ่งมันอาจจะจริงที่คุณคนนี้พูด ว่าเขาได้ละเลยอะไรหลายอย่างที่เด็กวัยรุ่นควรจะทำไปเยอะเหมือนกัน
“เฮ้ย ชานยอล มาทางนี้หน่อย!”
“อ่า อ้อ!” เจ้าของชื่อหันกลับไปตามต้นเสียง พบว่าตอนนี้เพื่อนสี่คนกำลังยืนคุยกันอยู่
“เดี๋ยวกูรับช่วงต่อเอง กลุ่มไอ้นัมจุนเป็นห่าไรไม่รู้ มึงไปคุยกับมันหน่อย” มินโฮขมวดคิ้วส่ายศีรษะเซ็ง ๆ
ชานยอลมองอีกคนที่ยังคงให้ความสนใจกับบอร์ด คาดว่าคงใกล้ประเมินคะแนนเสร็จแล้ว ถ้าแวบไปหาเพื่อนแค่เดี๋ยวเดียวค่อยกลับมาคุยก็น่าจะทันอยู่ เด็กหนุ่มจึงโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาต ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มให้พร้อมพยักหน้า
คุยกับเพื่อนอีกกลุ่มเรื่องการจัดบูธไม่ถึงห้านาทีเด็กหนุ่มก็หันกลับมา สองขาหยุดยืนนิ่งเมื่อพบว่าตอนนี้คนที่เคยคุยถูกคอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
“คุณคนนั้นไปแล้วเหรอวะ?”
“เออ เมื่อกี้นี้เอง” มินโฮยื่นใบประเมินคะแนนมา ซึ่งเขาก็รับไว้แล้วตรวจดูว่าอีกฝ่ายลงคะแนนให้อย่างไร แต่ยังไม่ทันได้เลื่อนระดับสายตาลงไป เด็กหนุ่มก็รู้สึกเหมือนร่างกายมันชาไปหมด... เมื่อเห็นว่าเจ้าของชื่อใบประเมินคะแนนใบนี้คือ...
‘บยอนแบคฮยอน
เพศชาย
อายุ 34 ปี’
‘เจ๋งดีนะ พอใช้เป็นรูปวาดก็ดูน่าสนใจขึ้นมาเลย แถมเข้าใจง่ายด้วย’
“เฮ้ยมึง?”
‘เลิกว่าตัวเองแล้วบอกข้อดีมาสักสองข้อซิ... ปาร์คชานยอล’
“เป็นอะไรไปวะ”
‘วัยมัธยมยังมีเรื่องน่าทำอีกเยอะ อย่าพลาดมันไปเพราะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่แล้วสิ’
“มึง?”
‘อย่าละเลยชีวิตวัยเด็กมากเกินไป เพราะพอโตขึ้น เราจะกลับไปทำมันไม่ได้อีกแล้ว’
“เฮ้ย ชานยอล!”
มินโฮตะโกนไล่หลังเพื่อนสนิทที่วิ่งออกไปจากตรงนี้โดยไม่พูดไม่จา แทรกผู้คนจำนวนมากที่เดินเบียดเสียดเยี่ยมชมงานโรงเรียนอย่างไม่กลัวร้อน
หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นตึกตัก มันเต้นเร็วแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลายครั้งที่บอกตัวเองว่าอย่าคาดหวัง แต่ทุกครั้งที่ย้ำอย่างนั้น มันก็เป็นการตอกย้ำว่าปาร์คชานยอลคาดหวังว่าจะได้เจอคุณแบคฮยอนสักครั้งหนึ่ง
เขาจำได้ว่าเคยบอกอีกฝ่ายไปว่าวันนี้มีงานโรงเรียน และจัดบูธวิทยาศาสตร์ ซึ่งคุณแบคฮยอนก็ถามว่าเขาทำอะไรบ้าง ทำไมถึงอยู่ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน ตอนนั้นเด็กหนุ่มแค่พูดเล่น ๆ ว่า
‘ถ้าอยากรู้ก็มาดูเองกับตาสิครับ’
ถ้าคนนั้นเป็นคุณแบคฮยอนจริง ๆ บทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น... แสดงว่าอีกฝ่ายต้องรู้อยู่แล้ว
ร่างผอมสูงเดินฝ่าผู้คนออกไปเรื่อย ๆ ผู้ชายผมสีน้ำตาลเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเมื่อครู่นี้อยู่ไหนกัน เด็กหนุ่มหอบหายใจอย่างหนัก กวาดสายตาไปรอบตัวเพื่อตามหาใครคนหนึ่งที่เขาอยากเจอที่สุดในเวลานี้
“...!!!”
ชานยอลเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นแผ่นหลังของใครอีกคนผ่านไปอยู่ไหว ๆ ท่ามกลางผู้คนมากมาย สายตาของเด็กหนุ่มกลับมองหาแค่คน ๆ เดียว คนที่เขาไม่แน่ใจว่าจะใช่อย่างที่คิดเอาไว้หรือเปล่า
“คุณแบคฮยอน!!!”
เด็กตัวสูงคว้าแขนอีกคนให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน แต่ก็พบกับความผิดหวังเมื่อคนที่ขมวดคิ้วมองเขาตอนนี้กลับไม่ใช่ผู้ชายที่ยืนคุยกับเขาอยู่หน้าบูธวิทยาศาสตร์
“ขอโทษครับ... ผมทักคนผิด”
ชานยอลโค้งศีรษะเป็นการขอโทษขอโพย ค้างอยู่ท่านั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมารับความจริงว่าเขาคลาดกับคุณแบคฮยอนอีกแล้ว
ว่าไงนะ... คลาดกันงั้นเหรอ ปาร์คชานยอลยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาอีกฝ่ายเป็นยังไง ทำไมถึงได้คิดเป็นตุเป็นตะขนาดนั้น ว่าคนที่คุยอยู่หน้าบอร์ดวิทยาศาสตร์จะเป็นคุณแบคฮยอน?
มือแกร่งเสยผมขึ้นพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าคาดหวัง พอผิดหวังแล้วก็หงอยเป็นหมาเหงาแบบนี้ไง พอเถอะ กลับไปช่วยเพื่อนที่บูธได้แล้ว
“ขอโทษนะ” แต่ยังไม่ทันเอี้ยวตัวกลับ เด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสจากเรียวนิ้วที่สะกิดลงกลางแผ่นหลังของเขา
บอกตัวเองว่าอย่าคาดหวัง เวลาไม่ได้ดั่งใจจะได้เสียใจน้อยที่สุด... ถูกไหม? และถ้ามันเป็นอย่างที่ต้องการจริง ๆ พอตอนนั้นคงมีความสุขได้อย่างเต็มที่ อย่างเช่นตอนนี้ ที่ปาร์คชานยอลได้เห็นว่าคนที่เคยคุยกันอยู่หน้าบอร์ด
ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว...
“เมื่อกี้เรียกฉันหรือเปล่า?”
หัวใจของคนเรา มันเต้นเร็วได้แค่ไหนกันนะ...?
“ได้เจอกันสักทีนะ ชานยอล”
TBC
ความคิดเห็น