คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : sf ; พี่เขย น้องเมีย (chanbaek) #2 - | (100%) feat. Agent-Smith
SF : พี่เขยน้องเมีย #2
Hashtag : #แก้บนสิมลิน
ว่าด้วยเรื่องทฤษฏีความต้องการทั้งห้าของมาสโลว์
ซึ่งมันกลายเป็นความเห็นแก่ตัวทันทีที่ความต้องการเหล่านั้นเกิดขึ้นกับปาร์คชานยอล
หนึ่ง – ความต้องการพื้นฐานทางกายภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อากาศ ที่อยู่อาศัย และเรื่องเพศ
สอง – ต้องการความปลอดภัยและมั่นคงในชีวิต
สาม –
ความต้องการด้านสังคม เช่น ความรัก ความรู้สึกที่ดี มิตรภาพ และการยอมรับ
สี่ – ความต้องการด้านอีโก้ เช่น การยกย่อง ชื่นชม ความภาคภูมิใจ และความเคารพ
และข้อที่ห้า
‘ความสำเร็จ ความพึงพอใจส่วนตัว’
คืนวันศุกร์ที่แสนยาวนาน ในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกความเงียบกลืนกินมาสักพักใหญ่ ถูกแต่งเติมโดยเสียงนาฬิกาโบราณซึ่งส่งเสียงเตือนเบา ๆ ทุกหนึ่งชั่วโมง มันไม่ได้รำคาญนัก กลับกันแล้วเขายังชอบเสียงของมันอีกด้วย
ชายหนุ่มถอดแว่นออกแล้วหลับตาลงก่อนจะคลึงขมับตนเองเบา ๆ คลายอาการปวดหัวหลังจากใช้เวลานั่งตรวจข้อสอบข้อเขียนแล้วตัดเกรดนักเรียนทั้งระดับชั้น
เกือบนาทีที่เขาให้สมองได้พักผ่อน ก่อนจะสวมแว่นแล้วหันไปมองนาฬิกาโบราณซึ่งตั้งอยู่ติดอยู่กับผนังห้อง เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางยืดเส้นยืดสาย ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงป่านนี้เขาเพิ่งจัดการไปได้แค่ครึ่งห้องเท่านั้น นับว่าหนทางยังอีกยาวไกล
ปิดเทอมคือช่วงเวลาอันแสนสุขของเด็ก ๆ แต่เป็นช่วงเวลาทรหดของเหล่าครูบาอาจารย์หลาย ๆ คน แต่ถึงอย่างนั้นปาร์คชานยอลก็สนุกไปกับการอ่านลายมือของเด็กนักเรียนที่พยายามบรรยายถึงมุมมองและทัศนคติที่มีต่อสังคมในปัจจุบันเพื่อเรียกร้องคะแนนจากเขา
“ที่รักคะ”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นรอยยิ้มของภรรยาคนสวยที่มาพร้อมแก้วเซรามิกส์สีขาว กลิ่นกาแฟสดหอมฉุยมาจนถึงตรงนี้ เขาชอบกลิ่นของมันมากกว่าที่จะดื่มเข้าไปให้ตาค้างทั้งที่ง่วงจนแทบไม่มีสติ
“ขอบคุณครับ”
“คุณนั่งอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้วนะชานยอล”
น้ำเสียงออดอ้อนมาพร้อมวงแขนที่ตวัดกอดรอบคอแกร่งจากข้างหลัง ชานยอลยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันไปสบตากับหญิงสาวในชุดนอนลูกไม้วาบหวิว เขารู้ว่าวันนี้มันต่างจากไปจากทุกวัน หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือมันพิเศษ เมื่อร้อยวันพันปีบยอนนาราไม่เคยจะเอาอกเอาใจแบบนี้
“ไม่ทำไม่ได้นี่ครับ”
“พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาทำต่อแต่เช้าก็ได้นี่คะ”
หญิงสาวคลอเคลียแก้มคนรักอยู่ครู่หนึ่ง วันหยุดทั้งทีเธอก็อยากใช้เวลาอยู่กับสามีบ้าง เธอคิดว่าเธอใจกว้างพอสำหรับกองข้อสอบบนโต๊ะนี่มาทั้งวันแล้ว และตอนนี้มันคือเวลาของเธอที่ชานยอลควรจะหันมาให้ความสนใจ
แต่พอเห็นว่าร่างสูงยังไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นจากเก้าอี้โซฟาแล้วอุ้มเธอไปบนเตียงเพื่อทำเรื่องในสิ่งที่ทั้งคู่ควรทำตั้งแต่วันแรกที่เธอหยุดอยู่ที่บ้าน บยอนนาราถึงได้รู้ว่าลูกไม้ออดอ้อนแบบเด็กสาวมันใช้ไม่ได้ผลกับคุณครูหนุ่มคนจริงจังกับงานราชจนบางครั้งก็ลืมที่จะใส่ใจกับงานหลวง
นาราอ้อมไปทางด้านหน้าแล้วนั่งคร่อมทับหน้าตักแกร่งพร้อมสะบัดกลุ่มผมเป็นลอนอ่อนไปข้างหลัง ก่อนจะวางสองมือลงบนลาดไหล่กว้างพร้อมลูบลงมาตามแผงอกแกร่ง
“คุณดูขัดแย้งกับตัวเองนะ ทำกาแฟมาให้แต่กลับบอกผมไปพักผ่อน” นาราไม่โต้เถียงกับสามีคนเก่ง เธอเพียงแค่ถอดแว่นสายตาของอีกฝ่ายออกแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมบดเบียดตัวเข้าหา
“เวลานักเรียนดื้อ คุณจัดการกับเขายังไงเหรอคะ?” หญิงสาวสบตากับคนรักระหว่างคาดคั้นเอาคำตอบ ซึ่งร่างสูงเพียงแค่ยิ้มแล้วปล่อยให้เธอรออยู่เกือบครึ่งนาที
ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอและเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แทนที่จะจูงมือกันขึ้นไปบนเตียง แล้วทำเรื่องที่สามีภรรยาควรทำ ถึงแม้หญิงสาวจะรู้สึกว่าที่ชานยอลทำไปบางครั้งก็เพราะหน้าที่
“หักคะแนน”
คนเป็นสามียิ้มบาง ๆ ก่อนจะวางมือลงบนผ้าลูกไม้ลื่นช่วงสะโพกกลมกลึง วันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวันจนไม่มีอารมณ์อยากทำอะไรทั้งนั้นนอกจากพาร่างพัง ๆ ของตนเองไปนอน แต่การนั่งอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้ภรรยาจัดการทุกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสียทีเดียว
นาราเป็นผู้หญิงสวย หุ่นดี แต่เชื่อเถอะว่าทุกครั้งที่สบตากับเธอ เขาได้เห็นใครคนหนึ่งอยู่ในนั้น คนที่มีหน้าตาคล้ายกับภรรยาของเขา แต่นิสัยต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ใครอีกคนที่ออกจากบ้านตั้งแต่หัวค่ำพร้อมบทสนทนาของพี่น้องบยอนที่ทำให้ปาร์คชานยอลเสียสมาธิไปเป็นชั่วโมงกว่าจะเรียกสติกลับมาจดจ่ออยู่กับงานได้
‘จะไปไหน’
‘ไปเลี้ยงรุ่นกับพวกพี่ ๆ พวกปีสี่จะเลี้ยงเหล้าน้องน่ะ’
‘แต่เราไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรือไง แบบนี้จะไหวไหม?’
‘ไหวน่า ผมไปนะ’
แบคฮยอนออกไปดื่มเหล้าทั้งที่ไม่สบายนั่นยังไม่น่าหงุดหงิดเท่าไหร่ ถ้าเด็กคนนั้นไม่มองมายังเขา ราวกับจะบอกว่า ‘ผมกำลังจะไปทำเรื่องไม่ดีให้พี่อกแตกตาย’
เด็กคนนั้นน่าจับมาสั่งสอนซะให้เข็ดจริง ๆ
“ที่รักคะ?”
“...ครับ?”
ชายหนุ่มหลุดออกจากความคิดแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาวบนตัก สีหน้าของนาราในตอนนี้ดูประหลาดใจอยู่ไม่น้อยหลังจากรู้ว่าสามีคนดีเหม่อลอยไปไหนก็ไม่รู้ขณะที่เธอกำลังบดเบียดสะโพกไปกับหน้าขาแกร่งที่มีเพียงแค่กางเกงนอนตัวบางเท่านั้นที่เป็นอุปสรรค
“คุณไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยเหรอ?”
“อ่า... โทษที” ชานยอลยิ้มเจื่อนปนรู้สึกผิด มันแย่จริง ๆ ที่เอาแต่คิดเรื่องเด็กคนนั้นตอนที่ภรรยานั่งอยู่บนตักเขาแบบนี้ “เวลาเหนื่อยมาก ๆ ผมจะสติหลุดแบบนี้ยู่บ่อย ๆ น่ะ”
“ฉันถึงบอกให้คุณพักผ่อนไง...” น้ำเสียงแผ่วเบาใกล้ใบหูมาพร้อมมือเล็กที่ล้วงเข้าไปในกางเกงนอนอีกคนอย่างแผ่วเบา
ชายยอลหลับตาลงพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วปล่อยให้ภรรยาคนสวยจัดการเองทุกอย่าง ใช่... เขาควรจะเลิกสนใจเด็กอวดดีคนนั้นที่จ้องแต่จะปั่นหัวเขาได้แล้ว บยอนแบคฮยอนก็แค่เด็กตัวแสบที่หวังจะเอาชนะเขาเท่านั้น
ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในเสื้อนอนตัวบางพลางลูบไล้ไปตามเนินผิวเนียน ก่อนจะใช้มืออีกข้างรั้งท้ายทอยคนตรงหน้ามาป้อนจูบ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่เร่งรีบ ชานยอลคิดว่าเขายังมีเวลาอีกทั้งคืนเพื่อระบายความกำหนัดกับภรรยาเพื่อให้ลืมเรื่องราวของบยอนแบคฮยอน ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้กำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งถ้าจะหาความจริง เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยเขาคงได้รับแต่ความหงุดหงิดหัวเสียกลับมาเป็นรางวัล
นี่คือความถูกต้อง ปาร์คชานยอลบอกตัวเองอย่างนี้
RRrrrrr!!!
“อา...”
“อืม... อย่างนั้น”
RRRrrrrr!!!!
“โทรศัพท์คุณน่ะ”
“ให้ตายสิ...”
หญิงสาวสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันไปทางสมาร์ทโฟนตัวปัญหาบนเตียงที่ส่งเสียงดังลั่นห้องขัดจังหวะเธอและสามี ชานยอลปล่อยมือออกแล้วมองตามร่างระหงส์ที่รีบวิ่งไปหยุดอยู่ข้างเตียง ถ้าให้เดา... คงไม่พ้นเพื่อนสนิทของเธอที่โทรมาร้องห่มร้องไห้หลังจากรู้ว่าแฟนเก่าแต่งงานแล้ว
ซึ่งเขาได้ฟังเรื่องนี้มาตั้งแต่สามวันก่อน นาราเอาแต่โทรคุยกับผู้หญิงคนนี้ทั้งวันแล้วปลอบใจด้วยประโยคเดิม ๆ ชานยอลไม่ได้ถามว่าเรื่องมันเป็นมายังไง เขาคิดว่าผู้ชายไม่ควรยื่นขาเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้หญิง อีกทั้งตัวเขาเองก็ยุ่งอยู่กับเรื่องตัดเกรดเด็ก เลยกลายเป็นว่าวันหยุดของทั้งคู่ผ่านไปกับงานและเรื่องของคนอื่น โดยที่ไม่มีเวลาให้กัน
“ว่าไงเรา”
“...”
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป กับสรรพนามที่ภรรยาของเธอเรียกคนในปลายสาย ชานยอลดึงกางเกงที่ถูกร่นลงเล็กน้อยขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากหญิงสาว อารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าเมื่อก่อนหน้านี้ทุเลาลงเพียงเพราะลุ้นว่านาราและคนในสายกำลังคุยอะไรกัน
“นั่นไง พี่บอกแล้วใช่ไหม?”
ชัดเจนแล้วว่าคนโทรมาขัดจังหวะคือใคร แต่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นเด็กคนนั้นโทรหาพี่สาว ไม่อยากจะคิดไปในแง่ร้ายหรอกนะว่าบยอนแบคฮยอนจงใจ เด็กนั่นน่ะร้ายกาจ และมันน่าหงุดหงิดจริง ๆ ที่เขาไม่เคยหลีกหนีบยอนแบคฮยอนได้สำเร็จเลยสักครั้ง เพราะเมื่อไหร่ที่เขาพยายาม ก็ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะเอาเชือกรัดเขาเอาไว้ แล้วกระชากให้กลับไปอยู่ที่เดิม
ปาร์คชานยอลคิดอย่างนั้น
เพื่อปกปิดความจริงที่ว่า มันคือตัวเขาเองนั่นแหละ ที่เอาเชือกเส้นนั้นผูกตัวเองไว้กับบยอนแบคฮยอน
“แล้วจะยังไง ไหวไหม โอเค เดี๋ยวพี่ไปรับ”
นาราเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าพร้อมหนีบมือถือไว้กับไหล่ เธอสวมเสื้อแขนยาวตัวนอกเพื่อเตรียมตัวออกไปรับน้องชาย เชื่อเถอะว่ายังมีคนที่ร้อนใจไม่ต่างจากบยอนนารา ซึ่งนั่นก็คือพี่เขยคนนี้ที่ปากบอกว่าจะไม่สนใจน้องเมียตัวแสบ
“ตอนนี้อยู่กับใคร เพื่อนเหรอ”
“เพื่อนคนไหน?” หญิงสาวหันไปทางคนเป็นสามีที่อยู่ ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมา
ร้อยวันพันปีชานยอลไม่เคยทำแบบนี้ กลับกันแล้วผู้ชายคนนั้นจะเงียบอยู่เสมอเวลาเธอคุยโทรศัพท์กับคนอื่น นาราไม่แน่ใจว่าที่ชานยอลปั้นหน้าเรียบเฉยปนไม่พอใจแบบนั้นเป็นเพราะถูกขัดจังหวะจนอารมณ์ค้าง หรือเป็นเพราะเหนื่อยจากการนั่งหลังขดหลังแข็งมาตลอดทั้งวันกันแน่
“เพื่อนคนไหน” นาราถามซ้ำประโยคเดียวกับสามี “จงอิน? อ่าฮะ อืม เดี๋ยวพี่รีบไป”
ทันทีที่วางสายจากน้องชาย หญิงสาวก็เลิกคิ้วมองสามีที่เพิ่งหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้โซฟาซึ่งเจ้าตัวใช้เวลาอยู่กับมันมานานหลายชั่วโมง นารามองดวงตาคู่นั้นผ่านเลนส์แว่น หลายครั้งที่เธอไม่เคยเดาใจออกว่าสามีของเธอกำลังคิดอะไร และตอนนี้ก็เช่นกัน
“เดี๋ยวผมไปเอง คุณเป็นผู้หญิง ดึกแล้วมันอันตราย”
“แต่คุณเองก็เพลียมาทั้งวันแล้วนะ” หญิงสาวโอบใบหน้าคนรักไว้อย่างเป็นห่วง แต่พอเห็นรอยยิ้มที่ส่งมาพร้อมขยับริมฝีปากแบบไม่มีเสียงเพื่อยืนยันว่าไม่เป็นไร เธอถึงได้เขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บแก้มคนเป็นสามีเบา ๆ “งั้นขับรถดี ๆ นะคะ”
“ครับ คุณนอนก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอผม”
หญิงสาวพยักหน้าแล้วมองตามแผ่นหลังคนตัวสูงที่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนชุด
โซลตอนตีหนึ่งครึ่งยังคงมีรถวิ่งบนถนนอยู่ ชายหนุ่มทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าแล้วปล่อยให้เพลงคันทรี่เบา ๆ ช่วยทำลายความเงียบ ถ้าหากว่าจุดหมายของเขายังเป็นแค่การไปรับน้องเมียกลับบ้าน
มือหนาเผลอกำพวงมาลัยแน่น เมื่อเสียงเพลงไม่ได้ช่วยขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปได้ แน่นอนว่าเรื่องที่เขาพยายามหลีกหนีมันกำลังตามหลอกหลอน ไม่ว่าจะเป็นภาพที่จินตนาการขึ้นเองว่าตอนนี้บยอนแบคฮยอนกำลังทำอะไรอยู่กับใคร ไปจนถึงคำพูดชวนน่าโมโหถ้าหากว่าเด็กคนนั้นเห็นเขา แทนที่จะเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของตนเอง
เพียงแค่ครู่เดียวก็มาถึงที่หมาย ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูลงไป และภาพที่เห็นมันทำให้อารมณ์ของคนร้อนใจดิ่งลงไปยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เมื่อสิ่งที่คาดคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้มันต่างกับความเป็นจริงราวกับฟ้าและเหว
กับการที่เห็นว่าบยอนแบคฮยอนนั่งอยู่บนฟุตปาธคนเดียวตามลำพัง โดยที่ไม่มีผู้ชายหน้าไหนที่จะทำให้เขาหงุดหงิดเพราะเข้าใกล้เด็กคนนั้นมากเกินไป
“นึกแล้วว่าต้องมา”
ประโยคทักทายยังคงบ่งบอกถึงความเป็นเด็กตัวแสบได้เป็นอย่างดี ชานยอลมองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันไปทางอื่นเพื่อสงบสติอารมณ์
เขาควรจะรู้ตั้งแต่แรกว่ากำลังถูกปั่นหัว แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายโง่ ๆ คนนี้ก็ยังคงเดินตามเกมที่อีกฝ่ายวางไว้โดยไม่ออกนอกลู่นอกทาง
“เพื่อนอยู่ไหนล่ะ”
คำถามของเขาเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าเด็กเจ้าเล่ห์ ชานยอลทั้งชอบทั้งเกลียดที่บยอนแบคฮยอนเป็นแบบนี้ คนตัวเล็กเอนไปข้างหลังแล้วใช้สองมือยันพื้นซีเมนต์ไว้ด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“นั่นสิ อยู่ไหนนะ”
“อย่ามาเล่นลิ้น”
นึกอยากขอโทษพี่เขยจริง ๆ ที่เขาไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดที่เป็นต้นเหตุของใบหน้าบึ้งตึงซึ่งมาพร้อมเสียงดุดันนั้น ปาร์คชานยอลจะรู้ตัวไหมว่าเวลาเจ้าตัวหงุดหงิดโมโหแล้วดูมีเสน่ห์เป็นบ้า
“คิมจงอินอยู่ไหน?”
“ถามหาเขาทำไม อยากทำความรู้จักเหรอ”
“พี่ถามว่าคิมจงอินอยู่ไหน?” ชายหนุ่มกดเสียงลงต่ำ ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง ซึ่งมีเพียงแค่คนนั่งอยู่บนฟุตปาธเท่านั้นที่เอาแต่ยิ้มอย่างพอใจ
“ไม่อยู่”
“...”
“ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คงต้องบอกว่าไม่ได้มาด้วยตั้งแต่แรกแล้ว”
ร่างเล็กหยัดตัวลุกขึ้นยืนสบตากับพี่เขย ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบเดียว ซึ่งแน่นอนว่าปาร์คชานยอลไม่ได้ไร้เดียงสาที่จะถอยหลังกลับทันทีที่รู้ว่าเข้าใกล้น้องเมียมากเกินไป
ทุกอย่างคือแผนที่สร้างมาเพื่อปั่นหัวเขา มันน่าหงุดหงิดใจปนความหมั่นเขี้ยวที่ทำให้คุณครูหนุ่มอยากจับคนตรงหน้ามาลงโทษแรง ๆ ให้สาสมกับความดื้อรั้น
“ที่บอกว่าไม่สบาย ก็โกหกด้วยสินะ”
“แค่ก ๆ”
“...”
ในที่สาธารณะแบบนี้ นอกจากมองคาดโทษแล้ว ปาร์คชานยอลสามารถทำอะไรกับคนตัวเล็กที่กำลังทำท่าทีสำออยได้บ้าง เสียงรถขับผ่านบนถนนเส้นหลักและเสียงเพลงที่ลอดออกมาจากผับทุกครั้งที่มีคนเปิดประตูเข้าออก มันช่วยทำลายความเงียบแต่ไม่ได้ช่วยทำลายความน่าอึดอัดปนความหงุดหงิดในใจไปเลยสักนิด
ชานยอลถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะคว้าข้อมือคนตัวเล็กไปที่รถพร้อมเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้เสร็จสรรพ ซึ่งแบคฮยอนก็เข้าไปนั่งอย่างไม่อิดออด
และแน่นอนว่าทุกครั้งที่สบตากัน เด็กคนนั้นมักจะยิ้มให้เขาอย่างผู้ชนะ
CUT SCENE
ลิงค์ในไบโอทวิตคับ
ความคิดเห็น