คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 13 :: Teach me how to win your best friend's heart. (100%)
Chapter 13
Teach me how to win your best friend's heart
“ขอโทษที่ชกหน้านะครับ พอตกใจทีไรก็เสียสติทุกทีเลย”
เด็กหนุ่มยิ้มตาหยีพลางก้มศีรษะให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของเพื่อนสนิท จงแดหันไปให้ความสบายใจกับแบคฮีด้วยรอยยิ้ม เขาไม่อยากให้เธอเป็นกังวลอะไรทั้งนั้นไม่ว่าตอนนี้ในหัวจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
หลังจากได้ฟังความเป็นมาเด็กหนุ่มก็เรียบเรียงเรื่องราวได้ด้วยตัวเองบ้าง ถ้าก่อนหน้านี้แบคฮีไม่เคยเล่าอะไรฟังสักอย่างก็ไม่รู้เลยว่าคิมจงแดยังจะยิ้มได้อย่างตอนนี้หรือไม่ ตั้งแต่เรื่องหัวเสียที่ถูกอาจารย์กลั่นแกล้งกระทั่งความรู้สึกนั้นเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เขาไม่ได้ถามแบคฮีว่าเซฮุนยอมได้อย่างไร ไม่ได้ถามว่าทำไมอาจารย์ชานยอลถึงมีความกล้ามากถึงขนาดนี้ เพราะสิ่งที่จงแดทำคือยิ้มเพื่อให้ทุกคนสบายใจ
“โกรธไหม?” แบคฮีกุมมือเพื่อนสนิทอย่างกังวล แต่คนใจดีอย่างจงแดน่ะหรือจะถอนหายใจแรง ๆ ใส่แล้วเบือนหน้าหนีอย่างที่กำลังกลัว
เด็กหนุ่มยิ้มพลางส่ายศีรษะปฏิเสธ เขาหันไปทางอาจารย์หนุ่มหน้าหล่อที่ถ้าดูจากภายนอกอย่างคนมักง่ายก็คงไม่พ้นคราบเพล์บอยอยากนึกสนุกกับนักเรียน แต่เขาไม่อยากเป็นคนอย่างนั้น คิมจงแดไม่อยากตัดสินใครในครั้งแรกแม้ว่าความคิดด้านหนึ่งมันจะตะโกนใส่หูเขาว่า
‘อย่าพยายามเป็นคนดีไปหน่อยเลย นายก็เห็นว่าผู้ชายคนนี้ไม่น่าไว้ใจแค่ไหน’
“ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ?” จงแดวางมือลงบนศีรษะเพื่อนสนิท ก้มลงมองหน้าเธอระหว่างรอคำตอบ
“การที่จงแดรู้เองมันทำให้เรารู้สึกผิด เรามีความลับ เราน่าจะเล่าตั้งนานแล้ว”
“ทุกคนต้องมีเรื่องที่ไม่อยากบอกใครสักเรื่องนึงบ้างล่ะ มันไม่แปลกหรอกถ้าเราจะมีความลับต่อกันบ้าง”
“...”
“มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสักหน่อย อย่ารู้สึกแย่เลยนะ” แบคฮีเงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อนสนิทให้แน่ใจว่าที่จงแดพูดนั้นออกมาจากใจจริงหรือแค่อยากให้เธอสบายใจกันแน่ “ใช่ไหมครับอาจารย์ชานยอล?”
“ครับ” ชายหนุ่มไม่ได้เสียเวลาคิดตามว่าคำถามเมื่อครู่มีนัยยะอะไรแฝงอยู่หรือไม่ ชานยอลไม่เคยเห็นแบคฮีเผยจุดอ่อนมากถึงขนาดนี้ แววตาประหม่า หวาดกลัวที่มีต่อเพื่อนสนิทสมัยเด็กซึ่งเธอคงกลัวว่าจะสูญเสียไป
“คุณจะค้างที่นี่เหรอจงแด?”
“อ้อ ไม่ครับไม่ เราสนิทกันก็จริง แต่เราเลิกนอนเตียงเดียวกันตั้งแต่ตอนประถมแล้วล่ะครับ” จงแดหัวเราะขณะที่ผู้ชายคนนั้นยังคงนิ่งเฉยและยิ้มเล็ก ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ “อาจารย์จะอยู่ต่อใช่ไหมครับ ผมว่าจะกลับแล้วล่ะ”
“ผมก็จะกลับเหมือนกันครับ มันคงดีกว่าถ้าให้คุณสบายใจ” จงแดเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับคำตอบเหนือความคาดหมายหลังจากลองเชิงไป
“งั้นรบกวนอาจารย์ไปส่งผมที่รถไฟใต้ดินได้ไหมครับ น่าจะเป็นทางผ่านพอดี”
“...” แบคฮีเบิกตาโพลง กระพริบตาปริบ ๆ มองเพื่อนสนิทที่พูดประโยคนั้นออกมาอย่างซื่อ ๆ ราวกับว่าไม่รู้สึกแปลกประหลาดใด ๆ กับสถานการณ์ตอนนี้ เด็กสาวหันไปสบตากับอาจารย์หนุ่มเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายก็คงรับมือกับความซื่อของเพื่อนเธอไม่ทันเหมือนกัน
“ได้สิครับ”
“นั่งแท็กซี่ตอนกลางคืนก็น่ากลัวใช่ไหมล่ะครับ รถไฟใต้ดินน่ะปลอดภัยกว่าเป็นไหน ๆ เลย” เด็กหนุ่มยิ้ม “ผมต้องไปรอข้างล่างสินะครับ เพราะถ้าอาจารย์ลงไปพร้อมกันป้าแม่บ้านคงตกใจแย่”
“ผมกลับทางเดิมน่าจะดีที่สุด” ชานยอลชี้ไปทางประตูระเบียง ก่อนจะเลิกคิ้วมองเด็กสาวที่พุ่งเข้ามาลากเขาออกไปข้างนอกพร้อมปิดผ้าม่านอย่างลวก ๆ
“แป๊บนึงนะจงแด” เธอชะโงกหน้าเข้าไปในห้องซึ่งเพื่อนสนิทก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย พอหันกลับมาก็พบว่าตอนนี้อาจารย์กำลังทำหน้าเนือยอย่างถึงขีดสุด ไม่รู้ว่างอนหรือน้อยใจ แต่การง้อตอนนี้คงไม่ใช่วิธีที่เข้าท่าแน่ “ห้ามพูดอะไรกับจงแดเด็ดขาด ตกลงไหม?”
“นี่หนูกำลังขู่พี่ชานยอลของหนูเหรอคะ หื้ม?” ผู้ชายที่เก๊กมาตลอดชีวิตกำลังเลิกคิ้วมองเธอพร้อมกระแนะกระแหนด้วยประโยคน่ารักแปลก ๆ แบคฮีไม่รู้ว่าจะทะเลาะกับอาจารย์หรือหัวเราะออกมาดี
“ก็ถ้าอาจารย์ไม่เคยยืนทำหน้าไร้เดียงสาอยู่ตรงกลางระหว่างเซฮุนกับพี่จงอิน หนูก็คงไม่กังวลหรอก”
“คิดว่าพี่จะพูดให้เพื่อนหนูช็อกตายหรือไงกัน?”
“ก็รับปากมาก่อนสิ หนูจะได้วางใจ”
“ไม่ไว้ใจกันซะด้วย น่าน้อยใจจังครับ” ให้ตาย... อาจารย์ไปจำวิธีเบะปากเรียกร้องความสงสารมาจากที่ไหนกัน น่ามันเขี้ยวชะมัด
“คิดถึงหนูขนาดนั้นเลยเหรอถึงได้ลงทุนปีนมาหาถึงห้อง”
“ตอบไม่ได้หรอกครับ คนไม่คิดถึงคงไม่เข้าใจ” มีตัดพ้อด้วย พอเห็นอีกฝ่ายแสดงออกในมุมเด็ก ๆ แบบนี้แบคฮีก็เริ่มสนุกขึ้นมาแล้ว
“เปล่าสักหน่อย วันนี้หนูอยู่กับเพื่อนนี่คะ”
“ครับ ส่วนพี่ชานยอลของหนูก็อยู่คนเดียวต่อไป มันถูกต้องแล้ว” ใบหน้าหล่อ ๆ ตอนประชดด้วยการตัดพ้อช่างน่าจับฟัดจริง ๆ เลย
แบคฮีกระชากคอเสื้อคนตัวโตลงมาบดจูบแรง ๆ ค้างไว้แล้วผละออกมาสบตากันครู่หนึ่งก่อนอาจารย์จะพูดเบา ๆ ว่า ‘one more’
“ติดไว้ก่อน... วันหลังจะชดใช้ให้ทั้งต้นทั้งดอกเลย”
“พี่คิดดอกแพงนะครับ”
“หนูจ่ายไหวแล้วกัน” ชานยอลยิ้มมุมปากพร้อมบีบจมูกเด็กตัวแสบที่ทำให้ไทม์ไลน์ชีวิตของเขาวุ่นวายมาจนถึงวินาทีนี้ อาจารย์หนุ่มยอมปีนลงไปแต่โดยดี พอถึงพื้นก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าหญิงราพันเซลที่ทำปากจุ๊บปิดท้ายจนอยากปีนขึ้นไปอีกรอบ
ชานยอลรู้สึกเหมือนเด็กลงไปอีกสิบปีเพราะเขาทำท่าคว้าจูบที่เด็กสาวเป่ามันลงมาทาบลงบนหน้าอกข้างซ้าย แม้จะอายตัวเองที่กล้าทำอะไรอย่างนั้นแต่การเป็นเด็กบ้างสักครั้งในรอบปีมันก็คงไม่เสียหลายนัก ประมาณแปดนาทีจงแดก็เดินออกมาจากบ้าน ทั้งคู่โบกมือลากันก่อนเด็กหนุ่มจะเดินออกมาข้างนอก
“รอนานไหมครับอาจารย์?”
ชานยอลส่ายศีรษะเป็นคำตอบ ทั้งสองจึงเดินไปตามทางลาดชัน พอไม่มีแบคฮีอยู่ตรงกลางก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก แม้แต่ตอนอยู่บนรถยนต์จงแดก็เอาแต่กดโทรศัพท์ราวกับอยากปิดกั้นบทสนทนาที่ชานยอลก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนเปิด
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวด้วยกันไหมครับอาจารย์?”
“ครับ?”
“ไปด้วยกันนะครับ มีผม แบคฮี” เด็กหนุ่มละสายตาจากสมาร์ทโฟนพร้อมหันมายิ้มให้อีกฝ่าย “แล้วก็อาจารย์อีกคน”
“จะดีเหรอ คุณคงอยากอยู่กับเธอสองคนมากกว่า”
“มันก็ถูกนะครับ” จงแดเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “แต่อีกไม่กี่วันผมก็จะกลับแล้ว มันคงดีถ้าหากได้เห็นว่าคนที่ปีนเข้าห้องแบคฮีตอนกลางคืนเป็นคนยังไงน่ะครับ”
“...”
คิมจงแดชกหน้าเขาด้วยคำพูดทั้งที่ยิ้มด้วยใบหน้าใสซื่ออย่างนั้น
“คุณคงมองเห็นผมเป็นอาจารย์บ้ากาม”
“อ่า อย่าคิดแทนผมแบบนั้นสิครับ” จงแดทำตาโต รีบยกมือขึ้นปฏิเสธพัลวัน
“รีบกลับหรือเปล่า?” ชานยอลละสายตาจากถนน เขาหันมามองเด็กหนุ่มด้วยแววตาเรียบเฉย เพียงครู่เดียวเจ้าของรอยยิ้มสดใสก็นิ่งไป
“จะชวนผมไปนั่งดื่มหรือไงครับ?”
“ถ้าคุณไม่ชอบจะเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ก็ได้ ว่าไงล่ะ?”
คนที่ซ่อนความรู้สึกมาตั้งแต่ในห้องแบคฮีจนถึงตอนนี้กำลังทอดสายตาออกไปนอกรถ เขามองเงาเด็กหนุ่มผ่านกระจกแล้วก็รู้สึกเอ็นดูแปลก ๆ คิมจงแดเหมือนตุ๊กตาหมีถือดาบปกป้องเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จากปีศาจตอนกลางคืนที่ชื่อปาร์คชานยอล
“ผมอยากกินต๊อก”
“เอาสิ ผมรู้จักร้านอร่อยอยู่เจ้าหนึ่ง คิดว่าคุณน่าจะชอบ”
*
“อย่าปีนเข้าห้องแบคฮีอย่างนั้นสิครับ... เธอเป็นผู้หญิงนะ ยับยั้งชั่งใจหน่อย... อย่าทำเหมือนเธอไม่มีค่าที่จะไปหาเมื่อไหร่ก็ได้... ถึงภายนอกแบคฮีจะดูเข้มแข็ง แต่ความจริงเธอเป็นคนอ่อนไหวมากเลยนะ... ถ้าคุณคิดจะเล่น ๆ กับเธอ -- อึก! ก็อย่าให้ความหวังมาก”
“ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน ผมคงคิดว่าคุณเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของแบคฮี” ชานยอลรินโซจูใส่แก้วใบเล็กให้เด็กหนุ่มที่นั่งสะอึกอยู่ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกให้รู้ว่าคิมจงแดคออ่อนแค่ไหน ดื่มไปไม่ทันไรก็พ่นความในใจออกมาแล้ว
“...”
“แบคฮีเป็นคนสวย แถมเวลาอยู่กับคุณก็ทำตัวน่ารักต่างจากเวลาอยู่กับคนอื่น ไม่หวั่นไหวบ้างหรือไงครับ?” ชานยอลยกโซจูขึ้นดื่มหมดแก้วทั้งที่สายตายังไม่ละออกจากคนตรงหน้า ว่ากันว่าคนเมามักจะพูดแต่ความจริง และเขาต้องได้คำตอบจากการมอมเหล้าคิมจงแดในครั้งนี้
“คุณกำลังหลอกถามผมนี่”
“ผมถามตรง ๆ ต่างหาก” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ มองแววตาคู่นั้นที่มองเหมือนจะเอาเรื่องอยู่เล็กน้อย “คุณสร้างกำแพงคำว่าเพื่อนขึ้นมาเพื่อไม่ให้แบคฮีรู้ว่าคุณคิดยังไงกับเธอหรือเปล่า?”
จงแดยิ้ม คราวนี้เด็กคนนั้นเป็นฝ่ายรินเหล้าเองพร้อมยกขึ้นขอชนกับเขา
“ผมเคยสับสนตอนที่เราเริ่มโตขึ้น” เด็กหนุ่มยกขึ้นดื่มจนหมดในครั้งเดียว หลับตาแน่นซึมซับความขมปร่าในลิ้นที่ไม่ชอบดื่มเอาเสียเลย “ผมเริ่มมีคำถามโง่ ๆ ว่าทำไมแบคฮีไม่ไปเตะบอลด้วย ทำไมเธอถึงไม่เล่นกับเด็กผู้ชายคนอื่นนอกจากผม เด็กตัวเล็ก ๆ สองคนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของเพศตรงข้ามมากขึ้น”
ชานยอลนั่งฟังอย่างตั้งใจ เขาหยุดรินเหล้าให้อีกฝ่ายที่กำลังนึกถึงเรื่องในวัยเด็ก
“วันนั้นผมปั่นจักรยานตกลงไปในโคลน ชุดพละสกปรกหมด และแม่ต้องดุผมแน่ ๆ แต่แบคฮีก็ถอดเสื้อออกมา เธอบอกผมว่า ‘เอามาแลกกัน พ่อเราไม่ว่าเราแน่ จงแดใส่เสื้อเรานะ’”
“จริง ๆ เลย... ใจคอจะถอดเสื้อให้ทุกคนใส่เลยใช่ไหม?” ชานยอลขมวดคิ้ว สบถเบา ๆ กับความมีน้ำใจไม่ดูสถานการณ์ของเด็กคนนั้นเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ถูกขังในห้องน้ำกับมินซอก
“ผมไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอะไรก่อน ระหว่างอธิบายให้เธอรู้ว่าต่อให้เปลี่ยนทั้งชุดยังไงรองเท้าผมก็เละอยู่ดี หรือผมควรตกใจกับหน้าอกเล็ก ๆ ของเด็กอายุสิบขวบดี?”
“คุณเขิน”
“ใช่ หลังจากนั้นผมก็เริ่มมองหน้าเธอไม่ติด แต่ก็พยายามทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ ฝืนมาตลอดจนเหมือนล้างสมองตัวเองว่า ‘เราคงชอบแบคฮีเข้าแล้วแน่ ๆ’”
“มันคงเป็นช่วงเวลาที่ยากสำหรับคุณพอสมควรเลย” จงแดก็พยักหน้าช้า ๆ คล้ายว่าไม่อยากยอมรับนัก
“ถ้าแบคฮีรู้เธอคงไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมอีกแน่ ผมเลยหาทางออกให้ตัวเองด้วยการจีบรุ่นพี่คนหนึ่ง เธอเป็นจูบแรกของผม และเธอสอนให้ผมรู้ความจริงว่า ‘เพราะเพื่อนคือคนที่รู้จักเราดีที่สุด ฉะนั้นการหวั่นไหวกับเพื่อนมันเลยไม่ใช่เรื่องแปลก เราต้องหาคำตอบให้ได้ว่าเราชอบเพื่อนจริง ๆ หรือว่าคิดไปเอง’”
“คำตอบของคุณเป็นยังไง?” ชานยอลรินโซจูให้เด็กหนุ่มดื่มย้อมใจก่อนตอบ
จงแดเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาจริงจัง ก่อนจะตอบอย่างไม่ลังเลว่า “สำหรับแบคฮี เธอเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เรียกว่าคนรัก เธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม ผมรักรอยยิ้มของเธอ รักเวลาเธอมีความสุข แต่ผมไม่ได้รักเธอแบบอยากกอดจูบหรือมีลูกด้วยกัน คุณเข้าใจที่ผมอยากสื่อไหม?”
“น่ารักจริง ๆ” ชายหนุ่มยิ้มขำ เขารินเหล้าให้ความจริงจังที่พยายามอธิบายความบริสุทธิ์จากใจให้เขาฟัง ความใสซื่อที่ทำให้คู่เพื่อนสนิทน่าเอ็นดูมากกว่าเดิมเป็นไหน ๆ
“อย่าหลอกเธอเลยนะครับ” จงแดลุกขึ้นยืนจนคนใน*โพจังมาจาหันมามองเป็นตาเดียวกัน “แบคฮีจะไม่เจ็บถ้าเธอเห็นคุณเป็นแค่คู่นอน แต่ถ้าเห็นคุณเป็นมากกว่านั้นเธอจะถลำลึก”
*โพจังมาจา = ร้านอาหารเตนท์พลาสติกข้างทาง
“จงแด นั่งลงก่อน” ชานยอลมองเด็กหนุ่มที่โค้งศีรษะลงเล็กน้อยหลังจากยื่นคำขอ
“ถ้าไม่ได้จริงจังจริง ๆ ก็ช่วยทำให้มันชัดเจนด้วยนะครับ การนอนกับเธออาจทำให้คุณได้ระบายความต้องการ แต่คนที่ทำเพราะรักมักจะรู้สึกมากกว่าเสมอ ผมคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจดีกว่าผมเยอะเลย”
“ครับ ผมเข้าใจ” ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายพร้อมกดไหล่ให้นั่งลงที่เดิม จงแดกำลังเมาและคงพ่นความในใจออกมาอีกมากมายจนกว่าจะสร่าง เขาจึงลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เด็กหนุ่มที่สีหน้ากักเก็บความกังวลไว้ไม่มิด คิมจงแดเหมือนคุณพ่อที่เป็นห่วงว่าลูกสาวจะถูกผู้ชายไม่ดีหลอกให้รัก
“แล้วก็ใส่ถุงยางด้วย”
“อ่า... ครับ” ชานยอลเกาท้ายทอย พักหลังเขาแทบจะไม่ได้ป้องกันเลยเพราะความคิดถึง อยากฟัดมันเอาชนะทุกอย่าง แต่การปล่อยนอกกับกินยาคุมระยะยาวมันก็ทำให้แบคฮียังมีประจำเดือนทุกเดือน
“ถ้าเธอท้องผมฆ่าคุณแน่” จงแดปรือตาสะอึกเป็นพัก ๆ พร้อมเอาตะเกียบชี้หน้าเขา “คุณต้องทำให้มันถูกต้อง ใส่ถุงยางทุกครั้ง ห้ามมักง่ายนะ คุณเป็นอาจารย์นะครับ ทำอะไรก็ต้องระวังให้มาก ๆ ด้วย โดยเฉพาะที่โรงเรียน ถ้าฉาวขึ้นมาต้องแย่ทั้งคู่แน่”
“นี่ผมกำลังถูกคุณสอนอยู่หรือไง ใครมันจะไปโฉ่งฉ่างที่โรงเรียนกันล่ะ?” ชานยอลเลิกคิ้วมองคาดโทษเด็กขี้เมาที่กำลังยัดเยียดความกลัวให้เขา ถ้าบอกว่าเคยทำในห้องอาบน้ำกับห้องเก็บของมาแล้ว คิดว่าคิมจงแดคงเอาตะเกียบจิ้มตาเขาหรือเปล่า แน่นอนว่าใช่
“อีกเทอมเดียวแบคฮีก็จบมอปลายแล้ว คุณเป็นผู้ชาย ต้องอดทนให้มาก ๆ ครับ” ชานยอลยกโซจูขึ้นกระดกแก้เครียด เขาคิดถูกหรือคิดผิดที่ปล่อยให้เด็กคนนี้พูดไปเรื่อย ๆ “เวลามีอะไรกันก็ควรปิดจอแมคบุ๊คให้สนิทด้วย”
ว่าไงนะ...
“ถ้าคนอื่นได้ยินแล้วจะเป็นเรื่องนะครับ อย่าสะเพร่าสิ”
“คุณได้ยิน?” ชานยอลถือแก้วใบเล็กค้างไว้ขณะสบตากับเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กำลังมองเขาอย่างถอดใจ
“ยังจะถามอีกเหรอครับ”
“อ่า... เรื่องนั้น” ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนพลางยกแก้วขึ้นดื่ม แต่โซจูก็กระฉอกออกมาจนเลอะมือเลอะโต๊ะเพราะถูกอีกคนคว้าข้อมือไว้
“ยอมรับเหรอครับ?”
“หืม?”
“เจ้าของเสียงนั่นน่ะ... เป็นคุณจริง ๆ สินะครับ?” จงแดมองอย่างชั่งใจก่อนจะชี้หน้าเขาย้ำ ๆ “คุณคือไอ้บ้ากามคนนั้น ใช่ คุณนั่นเอง” เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะ หายใจเข้าออกลึก ๆ พร้อมออกแรงบีบข้อมือเขาแน่นยิ่งขึ้น
“เดี๋ยว ผมว่าคุณเมามากแล้วจงแด” จากที่เคยเป็นเด็กสุภาพ พูดจาน่าเอ็นดูก็เริ่มหยาบคายหลังจากรู้ความจริงว่าไอ้คนชั่วที่ปิดหน้าจอแมคบุ๊คไม่สนิทขณะทำเรื่องบัดสีได้นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว
“อาจารย์น่ะ สุดยอดไปเลยนะครับ”
“เรื่องนั้นผมอธิบายได้ คือผมปิดมันลงแล้วแต่ --”
“อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!! คุณนี่มันบ้ากามจริง ๆ!!!!!!!!!!!!!!”
ชานยอลเบิกตากว้างรีบคว้าข้อมือเด็กหนุ่มที่ทำท่าจะเข้ามาเสยคางเขาอีกครั้งและคาดว่าคงไม่จบที่หมัดเดียวด้วย ไม่รู้เลยว่าที่จงแดหน้าแดงขนาดนี้เป็นเพราะฤทธิ์เหล้าหรือโมโหเขาที่ทำเรื่องอย่างว่าจนเสียงลอดเข้าไปในสไกป์กันแน่ แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด คาดว่าปาร์คชานยอลมีลางร้ายจนโดนชกเป็นหมัดที่สองได้ถ้าไม่รีบเตือนสติเด็กคนนี้ที่ยิ่งเมายิ่งพูดอะไรพีค ๆ
ทั้งคู่งัดกันอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางสายตาคนวัยทำงานในโพจังมาจาที่มองอย่างหวาดหวั่นว่าจะโดนลูกหลงไปด้วยหรือไม่ จงแดยังคงดิ้นและหาทางกระชากผมอาจารย์หนุ่มแต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อชานยอลรวบตัวคนเมาไว้พร้อมปิดปากเพื่อไม่ให้สงเสียงโวยวายมากไปกว่านี้
“ป้าครับ คิดเงินโต๊ะนี้ด้วย!”
50%
แอร์คอนดิชันเนอร์ยังคงทำงานเพื่อให้คนหลับสบายตัว แต่คนนอนดิ้นกลับพลิกตัวหันซ้ายทีขวาทีจนพลาดท่าตกโซฟาจำต้องตื่นจากความฝัน ร่างกายที่กระแทกกับพื้นนิ่วหน้าเจ็บแอ่นหลังพลางกุมสะโพก เปลือกตาที่เคยหนักอึ้งจนเหมือนจะลืมไม่ขึ้นนั้นเบิกกว้างกับอาการปวดร้าวไปทั้งช่วงหลัง
“โอย...” เด็กหนุ่มโอดครวญ พอตั้งสติได้ก็กวาดสายตาไปรอบตัวเพื่อตั้งคำถามให้ตัวเองว่าที่นี่คือที่ไหน
แน่นอนว่าห้องนั่งเล่นบ้านเขาไม่ได้ตกแต่งด้วยสไตล์ล็อฟ เด็กเรียนดีจึงขมวดคิ้วพร้อมระลึกชาติไปถึงเรื่องเมื่อคืนก่อนจะมาอยู่ที่นี่ได้ ภาพขวดโซจู สีหน้าเรียบเฉยแต่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของอาจารย์บ้ากามคนนั้น และคำพูดมากมายสารพัดที่คิมจงแดไม่คิดว่าจะพูดออกไป
“อ๊า!” เขาเกาศีรษะจนผมยุ่งเหยิง หงุดหงิดตัวเองจริง ๆ ที่ปล่อยให้เหล้าเปลี่ยนคิมจงแดจนกลายเป็นคนพูดมาก เด็กหนุ่มนั่งตั้งสติอยู่บนพื้นเพียงชั่วอึดใจ ก่อนจะหันไปเห็นกระดาษใบหนึ่งที่ถูกทับไว้ด้วยกระถางแคคตัสเล็ก ๆ และน้ำเปล่าขวดใหญ่
[ ตอนที่คุณอ่านกระดาษแผ่นนี้ผมคงไม่ได้อยู่บ้านแล้ว ดื่มน้ำให้หมดขวดนะครับจะได้หายแฮงค์ ถ้าไม่เมาจนเกินไปก็คงจำได้ใช่ไหมว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใช่ครับ เราไปดื่มกันต่อเพราะคุณกลัวผมจะปีนเข้าห้องแบคฮีอีกถ้าหากเราแยกกัน
คุณเมาหนักอ้วกใส่ตัวเองจนเสื้อผ้าเลอะเทอะ แต่ผมจะไม่พูดให้รู้สึกแย่หรอกนะว่าอ้วกของคุณมันโดนผู้หญิงโต๊ะข้าง ๆ ด้วย เป็นผมคงอายแย่เลยที่นั่งสั่งสอนคนอายุมากกว่าเป็นสิบปีซะดิบดีแต่กลับหมดหล่อเพราะอ้วกแตกอ้วกแตนจนหมดสภาพ และที่คุณตื่นมาเจอความจริงที่นี่ก็เพราะผมไม่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ไหน อย่าเพิ่งพาลไปนะครับ ]
จงแดอ้าปากหวอ ก้มลงมองเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ตอนนี้ซึ่งมันคือเสื้อยืดสีเทากับกางเกงวอร์มขาสั้นถึงเข่าที่ผูกเชือกเอวไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะหลุดลงเพราะความหลวม เด็กหนุ่มไซส์เบอร์เอ็มค่อนไปทางแอลกำลังรู้สึกได้ถึงลางแปลก ๆ หลังจากเห็นเสื้อผ้าเบอร์เอ็กซ์แอลบนร่างตัวเอง เขาไม่ได้อายเลยสักนิดถ้าผู้ชายด้วยกันจะแก้ผ้าให้ แต่ความรู้สึกมันบอกว่าต้องมีอะไรในจดหมายฉบับนี้แน่ ๆ ซึ่งมันก็ --
[ ผมเดาว่าคุณคงรีบก้มดูเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ หลวมหน่อยนะครับ ผมผิดเองที่ตัวสูงเกินไป ]
อาจารย์บ้ากามนั่น!
[ เสื้อผ้าคุณตากอยู่หน้าบ้าน คาดว่ามันคงแห้งตอนเกือบเที่ยงเพราะท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่อายก็ใส่ชุดนั้นกลับบ้านเลยก็ได้นะครับ แต่คุณจะกล้าหรือเปล่านี่สิ... อ้อ ถ้าหิวก็เปิดตู้เย็นได้ตามสบายนะ คุณกินได้ทุกอย่าง แต่รู้ใช่ไหมครับว่ากินเสร็จแล้วควรทำยังไง
ใช่ครับจงแด ล้างจานให้ผมด้วย
อ่านมาถึงตอนนี้คุณคงหงุดหงิด ถ้าให้นับเป็นเปอร์เซ็นต์คาดว่าน่าจะเกินแปดสิบไปแล้ว มันสูงเกินไปสำหรับคนใจเย็นเลยนะ ผมอยากให้คุณโทษว่าเป็นเพราะอาการแฮงค์มากกว่าจะเหมาว่าเพราะอาจารย์บ้ากามอย่างผมเป็นต้นเหตุ ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ เงยหน้าดูนาฬิกาเร็ว อ่า ตอนนี้ผมคงอยู่กับแบคฮีแน่ ๆ เลย
เอาล่ะ ผมมีตัวเลือกให้คุณสองข้อครับจงแด
1. ตามมาหาเรา
1.1 ถ้าเลือกข้อนี้ ผมคงไม่รับปากว่าจะหลุดพูดเรื่องสารภาพบาปเมื่อคืนหรือเปล่า ทำไงดีครับ นั่นความลับระดับโลกของเด็กชายคิมจงแดเลยนะ ]
“เธอไม่เชื่อคุณหรอก!” เด็กหนุ่มตะโกนใส่จดหมายสั่งตายในมืออย่างหัวเสีย ให้ตาย! เขาไม่เคยหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อนเลย
[ คุณคงคิดว่าเธอจะไม่เชื่อล่ะสิ ไม่เป็นไร ผมมีอ็อบชั่นเสริมให้อีกข้อ
1.2 ผมจะเล่าว่าคุณแอบชอบเด็กผู้หญิงผมบลอนด์คนนึง ลองจินตนาการขำ ๆ ดูหน่อยไหมครับว่าถ้าแบคฮีรู้เรื่องนี้เธอจะคิดยังไง? ]
‘เพราะแบบนี้จงแดเลยไม่โกรธที่เราไม่ได้เล่าเรื่องอาจารย์ให้ฟังใช่ไหม อือ... ความสนิทของเราสองคนคงลดลงไปมากแล้วสินะ’
คิมจงแดจินตนาการได้เป็นฉาก ๆ เลยว่าแบคฮีจะมีสีหน้าแบบไหน
“เชื่อเขาเลย ทำไมเป็นคนแผนสูงแบบนี้นะ ร้ายกาจมาก” จงแดไม่ใช่คนชอบสบถ ไม่ชอบใช้กำลัง แต่ตอนนี้เขากำลังอยากลงไม้ลงมือกับเจ้าของจดหมายฉบับนี้ที่กำลังเล่นสงครามประสาทกับเขา เด็กหนุ่มไม่เสียใจแล้วที่เมื่อวานต่อยเสยคางไปเต็มหมัด
‘จงแดครับ คุณยังอยู่โซลอีกตั้งหลายวัน กลับไปอยู่กับครอบครัวบ้างสิครับ ใจคอจะเที่ยวกับเพื่อนติดกันทุกวันเลยเหรอ ไม่น่ารักเลยนะ ถ้าผมเป็นพ่อแม่คงน้อยใจ เพราะฉะนั้น...
2. โทรบอกแบคฮีว่าวันนี้คุณไม่ค่อยสบายและจะไปเที่ยวกับเธอวันหลัง
ถ้าเลือกข้อนี้ผมสัญญาว่าจะไม่มีใครรู้ความลับเรื่องเมื่อคืนเด็ดขาด ว่าไงครับจงแด ยังอยากตามมากันท่าอยู่อีกไหม?’
“ย๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เด็กหนุ่มนั่งเกร็งตากำหมัดแน่น เอนหลังพิงกับเบาะโซฟาพลางเงยหน้าขึ้นมองเพดานเพื่อสงบสติอารมณ์พร้อมผ่อนลมหายใจออกทางริมฝีปากแรง ๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนแกล้งหนักถึงขนาดนี้ ไม่สิ จะเรียกว่าแกล้งไม่ได้ เพราะสิ่งที่อาจารย์คนนั้นทำมันคือการเอาชนะ
ถ้าผู้ชายคนนั้นอยากอยู่แบคฮีมากมันก็ได้ เขาจะปล่อยไปหนึ่งวัน ถือว่าเห็นแก่เพื่อนสนิทที่ตกหลุมรักผู้ชายเจ้าเล่ห์ไปแล้ว จงแดไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางความสุขของทั้งสองคน เขาก็แค่ไม่อยากให้เพื่อนถูกหลอกถึงได้พยายามแสกนให้ละเอียดว่าผู้ชายอย่างปาร์คชานยอลน่ะพอดีสำหรับแบคฮีหรือยัง
*
“จงแดส่งข้อความมาบอกว่าไปเที่ยวกับเราไม่ได้แล้ว”
“อ่า แย่จังเลยครับ คิดว่าจะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนคุณแล้วซะอีก” ชานยอลขมวดคิ้ว แสร้งทำหน้าเป็นเสียดายอยู่นิด ๆ เพื่อไม่ให้เวอร์จนเกินไป ชายหนุ่มมองเด็กสาวผมยาวที่วันนี้มาในลุคเสื้อขาวกระโปรงเทนนิสสีฟ้าพาสเทล อีกทั้งรองเท้าผ้าใบแฟชั่นที่ทำให้แบคฮีกลายเป็นเด็กสาวใส ๆ น่าเอ็นดูเข้าไปอีกระดับ
“แปลก ๆ นะวันนี้” คนตัวเล็กหรี่ตามองคนหล่อตรงหน้าซึ่งดูมีพิรุธแปลก ๆ
“ตรงนี้หรือเปล่าครับ?” ชานยอลโน้มหน้าลงไปใกล้จนเหลือระยะห่างเพียงนิดเดียว แบคฮีจึงยกมือขึ้นคั่นกลางโดยไม่ให้ริมฝีปากแตะกัน แต่สุดท้ายอาจารย์ก็หาทางทำให้เขินได้ด้วยการจูบฝ่ามือของเธอ
“เมื่อคืนตอนขากลับแอบขู่จงแดหรือเปล่า?”
“ใช้คำว่าขู่เลยเหรอ หนูเห็นพี่ชานยอลเป็นคนยังไงคะ?” ยิ่งได้คำตอบเป็นคำหวานกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เธอก็ยิ่งกังวล จงแดน่ะบริสุทธิ์เกินกว่าจะรับมือกับผู้ชายแผนสูงอย่างอาจารย์ได้
“เป็นคนที่ยืนหน้าตาเฉยต่อหน้าพี่จงอินกับเซฮุนได้โดยไม่รู้สึกอะไรไงคะ”
“หรือหนูจะให้พี่บอกเขาสองคนว่า ‘ต่อให้ต่อยกันจนตายไปข้างยังไงแบคฮีก็เลือกผมไปแล้ว’ แบบนี้เหรอครับ?”
“กล้าหรือเปล่าเถอะ” เด็กสาวอมยิ้ม สบตากับอาจารย์หนุ่มในลุคเชิ้ตขาวกางเกงสแลคขาเต่อและรองเท้าหนังปลายแหลม เซ็ทผมขึ้นจนเห็นหน้าผากเปลี่ยนเป็นลุคโอป้าตามที่เธอขออย่างว่าง่าย
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ากล้าหรือไม่กล้า แต่มันขึ้นอยู่กับว่าหนูจะปวดหัวมากแค่ไหนถ้าเกิดว่าเซฮุนทนไม่ได้น่ะครับ” เกลียดคนรู้ทัน ก็เพราะเหตุผลนี่นั่นแหละที่ทำให้แบคฮีไม่อยากขยับตัวมากนัก ไม่ใช่เพราะรักหรือเสียดาย แต่เป็นเพราะเธออยากรักษาน้ำใจโดยไม่ซ้ำเติมความรู้สึกของเซฮุน
*
“เซ็งว่ะ”
“...”
เด็กสาวร่างท้วมหันไปตามเสียงเบื่อหน่ายของใครอีกคนที่นอนถอนหายใจอยู่บนเตียงของเธอ ทั้งคู่อยู่ในห้องเดียวกันมาสักพักแล้วตั้งแต่เซฮุนบุกมาหามินซอกถึงบ้านเพราะอยากรู้ว่าคนที่เขาชอบเป็นอยู่อย่างไร
เซฮุนทนมานานเกินไปจนแทบจะเป็นบ้าเพราะความสบายใจของแบคฮีที่สร้างความอึดอัดให้กับเขา ไม่เคยเลยสักครั้งที่เด็กหนุ่มต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกแบบนี้ และโอเซฮุนไม่คิดว่าจะมีใครทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ได้ บยอนแบคฮีเป็นใครกัน ทำไมยัยนั่นถึงปั่นป่วนความรู้สึกเขาจนเสียความเป็นตัวเองอย่างนี้
เพื่อนงั้นเหรอ เป็นไปคนเดียวเถอะ เราเริ่มต้นกันด้วยความสัมพันธ์แบบนั้นให้ตายยังไงก็จบที่คำว่าเพื่อนไม่ได้
“แน่ใจนะว่าไอ้จงแดอะไรนั่นแค่เพื่อน?”
“อื้อ เพื่อนจริง ๆ”
แววตาของเซฮุนยังเต็มไปด้วยความสงสัย และคงไม่หายคาใจง่าย ๆ จนกว่าจะได้เห็นกับตาตัวเอง ซึ่งมันค่อนข้างเป็นไปได้ยากเพราะแบคฮีคงไม่ยอมให้เพื่อนที่ว่ามาเผชิญหน้ากับเขา แต่ในเมื่อมินซอกยืนยันว่าไม่ใช่ เด็กหนุ่มก็ควรสบายใจแทนที่จะหงุดหงิดจนไม่เป็นอันทำอะไรอย่างนี้
“เธอพอจะรู้ไหมว่าช่วงนี้แบคฮีคุยกับใครอยู่ ยัยนั่นปรึกษาเธอบ้างหรือเปล่า?” เซฮุนลุกขึ้นนั่งกับขอบเตียงพลางมองเด็กสาวที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะคอม
“ฉันกับแบคฮียังไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่จะยุ่งเรื่องส่วนตัวกันได้น่ะ ฉันอยากให้เราค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า เพราะแบคฮีคงรู้สึกอึดอัดใจแน่ถ้าเกิดว่าฉันถามเรื่องแบบนั้น แต่เท่าที่เห็นก็ไม่มีนะ”
“แล้วไอ้เวรนั่นแม่งเป็นใครกันวะ” สำหรับคิมมินซอกแล้ว การพูดคำหยาบมักจะทำให้คน ๆ นั้นมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี แต่คงต้องยกเว้นโอเซฮุนไว้สักคน เพราะผู้ชายคนนี้ดันดูเท่ขึ้นมาเพียงเพราะสบถคำเหล่านั้นพร้อมขมวดคิ้วอย่างหัวเสีย
ทั้งหล่อทั้งฮอต แถมรักเดียวใจเดียว ทำไมแบคฮีถึงไม่ยอมเป็นแฟนเซฮุนกันนะ?
“ดูอะไรอยู่?” เด็กสาวร่างท้วมเบิกตากว้างเมื่ออีกคนลุกขึ้นจากเตียงพร้อมตรงมาทางนี้แล้วค้ำมือลงบนโต๊ะคอมก่อนจะโน้มตัวลงมาเล็กน้อย
กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ แบบผู้ชายทำให้ใบหน้าขาวร้อนผ่าวจนเหมือนคนมีไข้ มันแปลกเหลือเกินที่บางทีมินซอกก็ไม่รู้สึกอะไร แต่บางครั้งก็เขินเสียจนทำตัวไม่ถูก
“เว็บบอร์ดโรงเรียน? อ่า อีกแล้วนะคิมมินซอก ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเข้าไปอ่าน”
“ขอโทษ”
“โดนว่าอะไรอีกล่ะคราวนี้” เซฮุนถอนหายใจพร้อมจับเมาส์ผ่านมือเล็ก มินซอกนั่งตัวเกร็งเพราะสัมผัสจากคนที่เรียกว่าเพื่อน ซึ่งมันต่างจากตอนจับมือกับแบคฮีเป็นไหน ๆ “ให้ตายเหอะว่ะ คราวนี้พาลด่าแบคฮีด้วยเหรอ พวกนักเลงคีย์บอร์ดชักจะกล้าเกินไปแล้ว”
‘ขยะสังคมอยู่ด้วยกันก็เหมาะแล้ว’
‘อีอ้วนมีความพยายามดีอะ คงอยากมีตัวตนมากถึงได้พยายามตีสนิทแบคฮี’
‘คงงั้น เห็นแล้วสมเพชจริง เดินด้วยกันทีนึกว่าเลขหนึ่งกับเลขศูนย์’
‘ที่แบคฮียอมคบเป็นเพื่อนก็เพราะจะได้มีข้อเปรียบเทียบไง คนนึงสวย คนนึงขี้เหร่ พอเดินด้วยกันก็รู้ง่าย ๆ เลยว่าผู้ชายจะจีบใคร 555555555’
‘เออจริง คบไว้ดันให้ตัวเองดูสวยขึ้น อีนั่นก็ทุเรศเวอร์’
‘คิมมินซอกก็ใช่ย่อยที่ไหน เดี๋ยวนี้นางไม่ค่อยมีสิวแล้วนะ แถมเหมือนจะผอมลงด้วย สงสัยพยายามอัพตัวเองให้สวยเทียบเพื่อนสาว 555555555555555’
‘ไม่ได้ชอบแบคฮีนะ แต่ยังไงนางก็ชนะมินซอกอะ’
‘คิมมินซอกเป็นได้มากสุดก็แค่อีอ้วน’
‘ไปตายทั้งคู่เหอะ เหม็น’
“ปิดเถอะ ฉันเลิกอ่านแล้ว”
“รู้สึกแย่เลยล่ะสิ สมน้ำหน้า” เด็กหนุ่มยีศีรษะอีกคนจนผมยุ่งเหยิง แต่มินซอกก็ไม่มีท่าทีว่าจะปัดมือออกอย่างรำคาญเหมือนที่แบคฮีทำ
“ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย...”
“เดี๋ยวนะ ฉันเพิ่งสังเกตว่าวันนี้เธอแต่งหน้าด้วย” เซฮุนเชยคางอีกคนขึ้นพร้อมขมวดคิ้วดูความเปลี่ยนแปลงของมินซอกที่ดูจะอัพเกรดจากเดิมไปไกลเพียงเพราะปัดบลัชออนและเติมทินท์สีส้มที่ริมฝีปากของเธอ
“...มันทุเรศเหรอ?”
“เปล่านี่ ก็น่ารักดีออก”
“ไม่จริง ที่นายทักก็เพราะว่ามันทุเรศใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องปลอบใจกันก็ได้ ฉันรับความจริงได้อยู่แล้ว” มินซอกก้ม ๆ เงย ๆ พร้อมเอาหลังมือเช็ดแก้มแรง ๆ เพราะกำลังสำลักความอับอายต่อหน้าผู้ชายสุดฮอตประจำโรงเรียน เด็กสาวหยุดชะงักเพราะถูกอีกคนคว้าข้อมือไว้ เธอเงยหน้ามองดวงตาคู่นั้นที่มองมาอย่างเอาเรื่องซึ่งมินซอกสามารถรู้ได้ง่าย ๆ เลยว่าเซฮุนกำลังไม่ชอบใจ
“บอกว่าน่ารักก็น่ารักดิ”
“...”
“เดี๋ยวหักมือทิ้งซะหรอก”
โอเซฮุนเป็นบ้าอย่างที่แบคฮีว่าจริง ๆ ด้วย คนอะไรชมว่าน่ารักแล้วก็ปิดท้ายด้วยการขู่ว่าจะหักมือ ตอนนี้มินซอกควรจะรู้สึกแย่เพราะคำว่าร้ายในกระทู้นั้นไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกอุ่นใจมากกว่าเพียงเพราะว่าเซฮุนอยู่ตรงนี้... ข้าง ๆ เธอ
*
“อะไรนะ ตอนนี้เซฮุนอยู่บ้านมินซอก”
“หืม สนิทกันถึงขั้นไปบ้านได้แล้วเหรอครับ?”
ชานยอลมองคนตัวเล็กที่กำลังจ้องโทรศัพท์มือถือขณะรออาหารเที่ยงมาเสิร์ฟ เดทวันนี้ก็เรียบง่ายเหมือนคราวก่อนตรงที่เราขับออกมานอกเมืองเพราะไม่อยากให้ใครเห็น และพอมาถึงก็ตรงเข้าร้านอาหารก่อนเพราะเด็กตัวแสบที่ทำตัวน่ารักมาตลอดทั้งทางเบะปากพร้อมทำท่าลูบท้อง
“ก็สนิทนะ นอกจากอาจารย์ก็มีหมอนั่นแหละที่เป็นคู่แข่ง”
“เกินไปแล้วครับ เซฮุนจะแย่งมินซอกไปจากผมสินะ” ชานยอลขมวดคิ้วจริงจังก่อนจะหลุดยิ้มออกมาทันทีที่โดนคนตัวเล็กหยิกแขน “รู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ”
“เรื่องอะไรคะ?”
“ในฐานะที่ปรึกษา ผมเห็นมินซอกตั้งแต่ตอนถูกบอยคอต ตอนจมอยู่กับความเศร้า ไปจนถึงตอนเริ่มสนิทกับคุณจนมีความกล้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง พอรู้ว่าเธอให้ผู้ชายเข้าบ้านก็เลยรู้สึกแปลก ๆ น่ะครับ”
“อาจารย์เหมือนคุณพ่อเลย” แบคฮีหัวเราะ
“นั่นสิ เมื่อกี้ผมแอบกังวลว่าเซฮุนจะมาไม้ไหน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเขาชอบคุณจนแทบบ้าก็เลยได้ข้อตัดสินว่าเด็กคนนั้นคงเครียดเรื่องคุณมากถึงได้เลือกให้มินซอกเป็นที่พึ่ง”
“พูดไปพูดมาเดี๋ยวก็หึงหนูอีก” ร้านอาหารที่มีโต๊ะส่วนตัวแยกเป็นจุดถูกสร้างให้โซฟาที่นั่งเป็นรูปตัวยู คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงกลางกำลังลูบมือไปตามหน้าขาแกร่ง ดวงตาคู่สวยกวาดมองความปลอดภัยว่าจะไม่มีใครเห็นก่อนจะหันมายิ้มอย่างมีความหมาย
“จะทำให้พี่หื่นแทนหึงหรือไงครับ?”
“ก็คิดถึงหนูไม่ใช่เหรอคะ...” เด็กตัวแสบเท้าศอกลงบนโต๊ะทั้งที่มือซนอีกข้างยังคงลูบไล้กระตุ้นอารมณ์ผู้ชายรู้สึกง่าย
“มันเขี้ยว อยากกัดเอาให้ช้ำ”
“ตรงนี้?” แบคฮีชี้แก้มตัวเองพร้อมเลิกคิ้วขณะสบตากับอีกคนก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วลงไปที่หน้าอกตัวเอง “หรือตรงนี้คะ?”
ชานยอลยิ้มขำพร้อมคว้ามือเล็กเอาไว้ “วันนี้คนดีของพี่ใส่กางเกงในสีอะไรไหนบอกหน่อยสิครับ?”
“อยากรู้เหรอ?” เด็กสาวปั้นหน้าไร้เดียงสา เธอขยับตัวเข้ามาอีกเล็กน้อยพร้อมป้องมือกระซิบหูคนตัวโตกว่า “อยากรู้ก็เปิดดูเองสิ...”
ชานยอลไม่เคยทำอะไรแบบนี้และหวังว่าแบคฮีก็คงไม่เคยเหมือนกัน ไม่บ่อยนักที่ชายหนุ่มจะรู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศและคำยั่วเย้าจากผู้หญิงสักคน และหนึ่งในนั้นก็คือบยอนแบคฮี เด็กตัวแสบที่กำลังทำให้สติของเขาลดลงไปทุกที
คนตัวเล็กอมยิ้มขณะที่อาจารย์หนุ่มหันไปดูลาดเลา แบคฮีหลุบสายตามองใบหน้าหล่อที่ค่อย ๆ ก้มลงไปใต้โต๊ะซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับตอนที่เธอเปิดกระโปรงเทนนิสขึ้น แต่มันไม่จบเพียงเท่านั้น... เด็กสาวรู้ดีว่าเราทั้งคู่ทันกันเสียจนน่าหงุดหงิดก็ตอนที่อาจารย์จูบหัวเข่าเธอแล้วค่อย ๆ ไล่ขึ้นมาจนถึงต้นขาขาวเนียน
“อ... อือ”
แบคฮีกัดริมฝีปากล่างอย่างตื่นเต้น สายตาก็หันไปมองพนักงานที่เดินผ่านไปเสิร์ฟโต๊ะอื่นเป็นระยะซึ่งคิดว่าอีกไม่นานอาหารที่สั่งไปก็คงมาถึงโต๊ะเธอบ้าง สัมผัสวาบหวิวใต้กระโปรงจากลิ้นและริมฝีปากทำให้ต้องหนีบขา แต่คนอายุมากกว่าก็จับแหวกออกเพื่อให้เข้าไปดูสีกางเกงในได้ชัด ๆ จนได้
“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ”
“...!!!” คนตัวเล็กสะดุ้งสุดตัว เธอหันไปยิ้มเจื่อนให้กับพนักงานเสิร์ฟที่กำลังวางจานลงในขณะที่อาจารย์ยังอยู่ใต้โต๊ะ เมื่อกี้หัวใจแทบตกลงไปอยู่ตาตุ่ม แบคฮีหลุบสายตามองอีกคนที่กำลังค่อย ๆ ลุกขึ้นและแสดงละครเหมือนว่าเมื่อครู่นี้ก็แค่ก้มลงไปเก็บโทรศัพท์
“ดีนะที่หน้าจอไม่แตก”
ละคร...
“อาหารที่สั่งได้ครบแล้วใช่ไหมคะ?” ชายหนุ่มยิ้มพร้อมพยักหน้าเป็นคำตอบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พนักงานเสิร์ฟจึงเดินกลับไปโดยไม่ทิ้งความกังวลไว้ให้อย่างที่แบคฮีกำลังกลัวอยู่
“นึกว่าจะโดนเห็นซะแล้ว” เด็กสาวถอนหายใจ เธอเกือบต้องอับอายเพราะความอยากเล่นพิเรนทร์ของตัวเอง
“แต่เมื่อกี้พี่เห็นแล้วนะครับ” ชานยอลกระซิบพร้อมจูบใบหูคนตัวเล็กเบา ๆ “ลูกไม้สีขาว... น่ากระชากให้ขาดจริง ๆ”
“อยากให้อาจารย์เห็นหน้าตัวเองตอนนี้จัง... หื่นจนหมดคราบอาจารย์สอนพละเลยนะคะ” แบคฮีเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากหยัก หยอกเย้าทางสายตาโดยไม่สนใจว่าอาหารที่สั่งมาจะน่ากินแค่ไหน
“อาจารย์สอนพละในจินตนาการของหนูเป็นยังไงเหรอครับ?”
“แบบที่ไม่มุดกระโปรงนักเรียนล่ะมั้ง”
“มุดกระโปรงเทนนิสไม่นับสิครับ”
“แล้วแบบไหนถึงจะนับคะ?” เด็กสาวเลิกคิ้ว สบตาหยั่งเชิงกับใบหน้าหล่อที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “แบบนี้หรือเปล่า?”
“...”
คนที่เคยถือไพ่เหนือกว่ามาตลอดถึงกับนิ่งไปทันทีที่เห็นว่าเด็กสาวก้มตัวลงพร้อมยกเรียวขาขึ้นเล็กน้อยเพื่อถอดกางเกงในลูกไม้สีขาวออกมาวางลงบนโต๊ะ ชานยอลค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าหากยังปล่อยไว้ตรงนั้นจนมีคนเดินผ่านคงได้ช็อกแน่ เขาจึงรีบเอากางเกงในลูกไม้สีขาวมากำไว้ในมือพลางมองคาดโทษคนตัวเล็กที่นั่งอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเกตตี้กินหน้าตาเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร
“แบคฮี”
“คะโอป้า?”
มันใช่เวลาที่จะออดอ้อนด้วยคำนั้นหรือเปล่า ให้ตายสิ เขาจะเป็นบ้าตายเพราะความนุ่มนิ่มของลูกไม้ในมืออยู่แล้ว
“ใส่กลับเข้าไปครับ”
“ถ้าอยากให้หนูใส่...” เด็กสาวขยับตัวออกไปอยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมถอดรองเท้าข้างหนึ่งก่อนจะเอาปลายนิ้วลูบเข่าอาจารย์หนุ่ม “ก็มาใส่ให้เองแล้วกัน”
ชานยอลไม่ได้ทำตามหรือแสดงออกมากไปกว่าการนั่งจ้องหน้าเธอเฉย ๆ ในเวลานี้ไม่ใช่การเอาคืนที่เหมาะสมนักเขาคิดอย่างนั้น ถ้ามุดลงไปใต้โต๊ะอีกครั้งคงได้แค่ได้ใส่กางเกงในให้ซึ่งมันไม่ใช่ความต้องการที่สูงสุดของปาร์คชานยอล
เด็กสาวเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเก็บกางเกงในลูกไม้ใส่เข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างของเธอแล้วกลับมาให้ความสนใจกับมื้อเที่ยงโดยไม่แสดงความต้องการที่มากกว่านั้นออกมา แต่แบคฮีเชื่อว่าอาจารย์คงไม่ได้ถอดใจ เพราะในดวงตาคู่นั้นกำลังปล่อยให้เธอคาดเดาด้วยตัวเองอยู่ว่าอาจารย์สอนพละอย่างปาร์คชานยอลกำลังมีแผนอะไรอยู่
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
ความคิดเห็น