ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TEACH ME TO #ฟิคของทีมคุก SEASON 2 : PAINKILLER | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 12 :: Teach me how to smile like an idiot. (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.32K
      232
      18 ม.ค. 60


    ? cactus

     

    Chapter 12

    Teach me how to smile like an idiot

     

     

     

    ชานยอลยืนกอดอกพิงกับวงกบประตูขณะมองเด็กสาวซึ่งก้มลงจ้องไมโครเวฟอย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอไก่สุก แบคฮีไม่ได้เบะปากงอแงให้เขาจัดการทุกอย่างให้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเธอกำลังหิวมากหรือเป็นเพราะมีนิสัยไม่ชอบพึ่งพาคนอื่นกันแน่

    อ๊า!” เขาหลุดขำตอนเห็นคนตัวเล็กถูกความร้อนจากจานไก่เล่นงาน แบคฮีเป่านิ้วเพียงสองทีก่อนจะมองหาถุงมือ เพียงครู่เดียวเธอก็ได้กินมื้อเย็นตอนกลางคืน

    กลัวลงพุงเหรอถึงไม่กินข้าว? เด็กสาวพยายามหยิกหน้าท้องคนตัวโตที่กึ่งนั่งกึ่งยืนบนเคาน์เตอร์ในครัวแต่ก็ไม่เป็นผล

    ก็หลังจากได้รับพลังทั้งทางกายใจจากผู้ชายคนนี้บยอนแบคฮีก็หิวจนเหมือนจะกินช้างทั้งตัวได้ แต่อาจารย์กลับบอกว่าจะนั่งดูเธอกินเพราะเขาไม่กินมื้อเย็น เด็กสาวจึงหมั่นไส้ผู้ชายดูแลสุขภาพกับหุ่นเฟิร์ม ๆ อยู่เล็ก ๆ แต่แบคฮีก็ปล่อยให้อาจารย์ไปอาบน้ำโดยไม่งี่เง่าร้องขอให้นั่งกินเป็นเพื่อน

    คุณชอบกินอะไร วันหลังผมจะได้ซื้อมาติดตู้เย็นไว้ ชานยอลเกลี่ยปอยผมคนตัวเล็กอย่างเบามือ ภาพตอนแบคฮีกำลังเคี้ยวไก่แก้มป่องมันน่าเอ็นดูเสียจนไม่อยากพาเธอไปส่งที่บ้าน

    แล้วหนูจะลิสต์ให้

    เยอะขนาดนั้นเลยหรือไงครับ? เขาหัวเราะ ก่อนจะยิ้มกว้างได้กว่าเดิมเพราะเด็กสาวที่มีไก่เต็มอยู่เต็มกระพุ้งแก้มกำลังออดอ้อนเขาด้วยการเงยหน้าขึ้นทำตาใสใส่

    มันยาวเป็นหน้าเอสี่เลย

    ดีครับ คุณจะได้มีเนื้อมีหนังมากกว่านี้ มีแต่คำว่าน่ารักอยู่เต็มไปหมด ชานยอลนั่งมองคนตัวเล็กกินทีละคำจนเกือบหมด ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นเพื่อถามทางสายตาว่าสามารถทิ้งของเหลือได้หรือไม่

    เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีทั้งคู่ก็ย้ายมาอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เปิดทีวีจอใหญ่ดูการแข่งขันเทนนิสประเภทคู่ แบคฮีอ้างว่าจะตัดเล็บให้ซึ่งมันเป็นการยืดเวลาอยู่ด้วยกันไปอีกสักพักหนึ่ง ชานยอลจูบศีรษะคนตัวเล็กในอ้อมกอดไม่รู้กี่ครั้ง ตอนเธอก้มหน้าก้มตาตัดเล็บให้เขามันผิดแปลกไปจากเด็กผู้หญิงแก่นเซี้ยวที่เคยรู้จักเมื่อครั้งแรกเป็นไหน ๆ

    อาจารย์คิดว่าคืนนี้ยัยนั่นจะนอนร้องไห้ไหม?

    เป็นห่วงมินซอกเหรอครับ? แบคฮีหันกลับไปสบตากับเจ้าของคำถาม เธอหลุบสายตาลงครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ ชานยอลรู้ว่าถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเด็กคนนี้คงเลือกเฉไฉมากกว่ายอมรับตรง ๆ ทักแชทไปสิ พูดอะไรสักกับเธอสักประโยค

    หนูควรพูดว่าไง ให้ฉันไปหาไหม? หรือว่า ถ้ามีอะไรก็โทรมานะ’” แบคฮีไม่ชินกับการแสดงความเป็นห่วงใครเอาเสียเลย เด็กสาวพยายามนึกถึงตัวเองเวลาอยู่กับจงแด แต่ฝ่ายที่ถูกเป็นห่วงกลับเป็นเธอมากกว่าจะเป็นจงแดเสียอีก

    ผมว่าอย่างหลังค่อนข้างเข้าท่าเลยนะ

    แต่ยัยนั่นคงไม่เลือกทำตามที่อาจารย์ว่าดีหรอกคนนิสัยขี้เกรงใจอย่างคิมมินซอกน่ะเหรอจะตอบว่า โทรมาสิ ตอนนี้เลย ฉันร้องไห้จนน้ำตาจะท่วมโลกอยู่แล้ว

    มินซอกอาจจะไม่อยากเลือกสักข้อ แต่เธอจะรู้สึกดีขึ้นเพราะเจตนาของคุณนะ แบคฮีหยุดตัดเล็บ เธอหันไปมองคนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังพร้อมสายตาซึ่งเต็มไปด้วยคำถาม แค่เห็นคุณแสดงออกถึงความเป็นห่วง มินซอกก็อุ่นใจแล้วครับ

    พูดอะไรสั้น ๆ ง่าย ๆ แบบนั้นมันจะพอเหรอ?

    หรือคุณอยากบุกไปหาเธอถึงบ้าน อย่างนั้นมินซอกจะไม่ลำบากใจกว่าเหรอครับ ไม่วายเธอคงคิดว่าทำให้คุณลำบาก โทษตัวเองไปอีก หลังจากได้ฟังเหตุผลจากอาจารย์ แบคฮีจึงขมวดคิ้วกับความจริงที่ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ

    หนูจะไม่ไปเด็ดขาด หนูขี้เกียจฟังยัยนั่นว่าตัวเอง น่ารำคาญจะตายไป

    ดีครับ ชานยอลอมยิ้ม มองคนตัวเล็กที่หันกลับไปสนใจเล็บของเขาอีกครั้ง ครั้งแรกที่มินซอกเล่าเรื่องคุณให้ผมฟัง ในตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สับสน แค่เพราะเห็นคุณช่วยเอาขยะไปทิ้ง

    ... แบคฮีจำเรื่องนั้นได้ มันไม่ใช่ความบังเอิญแต่ก็ไม่อยากหาเหตุผลให้ว่าทำไมถึงเลือกช่วยทั้ง ๆ ที่เพิกเฉยมาตลอด

    แล้วก็ตอนที่สงสัยว่าคุณเป็นคนเอากระเป๋าเธอไปซ่อน

    หนูเปล่านะ หนูไม่ได้ทำ คนตัวเล็กรีบปฏิเสธราวกับกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด ชานยอลจูบหน้าผากมนของคนที่กำลังงอหน้าถ้าหากว่าไม่ได้รับความยุติธรรม

    ผมรู้

    ไม่มีทาง ตอนนั้นอาจารย์ยังมองหนูด้วยสายตาอีกแบบอยู่เลย

    แบบไหนครับ เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ ชานยอลกระชับกอดร่างผอมบางที่เจอเรื่องอะไรมาก็ไม่เคยน้อยใจ กระทั่งเป็นเรื่องนี้ซึ่งดูเหมือนว่าแบคฮีจะไม่ค่อยอยากเชื่อเขาสักเท่าไหร่

    ตอนนั้นอาจารย์ไม่ได้ใจดีกับหนูแบบนี้ ตอนนั้นหนูเป็นแค่เด็กแรด

    ว่าตัวเองอีกแล้ว แบมือออกมาเดี๋ยวนี้ครับ คนตัวเล็กงอหน้า หันมาช้อนตามองตาแป๋วราวกับอยากถามว่าในเวลาน่าน้อยใจแบบนี้ยังจะทำโทษที่เธอว่าตัวเองอีกเหรอ ชายหนุ่มตีมือเล็กเบา ๆ ก่อนจะสบตากับเธอ แบคฮีเอนหลังเข้าหาอกแกร่ง บดเบียดในอ้อมกอดพร้อมพึมพำอะไรสักอย่างที่เขาได้ยินไม่ถนัดนัก

    ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกันดี

    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะมองคุณเป็นเด็กชอบแกล้งคนอื่นนี่ครับ

    เชื่อใจหนูด้วยหรือไง ช่วงนั้นเรามีอะไรกันบ่อยกว่าคุยกันอีก

    อ่า แย่แล้วสิ ผมไม่เคยตั้งคำถามให้ตัวเองซะด้วยว่าทำไมถึงได้เชื่อใจคุณนัก เด็กสาวมองค้อนคนตัวโตที่เอาแต่อมยิ้มอยู่ได้ แค่ให้เหตุผลที่เป็นความจริงมันยากนักหรือไง บยอนแบคฮีอยากให้หัวใจมันเต้นแรงกว่านี้เพราะเรื่องที่ไม่เคยรู้จากปากคนที่เธอชอบ

    หลังจากได้ฟังมินซอกเล่า อาจารย์ได้พูดอะไรหรือเปล่า?

    ผมแค่บอกเธอว่าอย่าตัดสินกับสิ่งที่ไม่ได้เห็นด้วยตา เหมือนตอนที่ผมเคยบอกคุณในเหตุการณ์ล็อกเกอร์โดนงัด

    ไม่รู้เหรอว่าคนฟังจะโมโหถ้าได้ยินอย่างนั้น

    รู้ครับ การเออออตามน้ำจะทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นเพราะเขาต้องการคนเห็นด้วย ต้องการความเข้าใจ แต่เขาจะไม่ได้รับความจริงในอีกมุมมองหนึ่ง ชานยอลเว้นจังหวะเพื่อให้คนตัวเล็กคิดตาม ถ้าผมเข้าข้างคุณในวันนั้น คุณก็จะปักใจเชื่อว่าใครสักคนในกลุ่มดาซมเป็นคนทำ ซึ่งบางทีมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้

    เรื่องนั้นหนูรู้แล้ว

    ครับ?

    อือ ใช่ อาจารย์พูดถูก แบคฮีเริ่มตะไบเล็บให้โดยไม่หันไปสบตากับอาจารย์หนุ่มอย่างเช่นก่อนหน้านี้ เพราะหนูรู้แล้วว่าคนพวกนั้นไม่ได้ทำ

    ตอนนี้รู้แล้วเหรอครับ? คนตัวเล็กพยักหน้าพร้อมเป่าเศษฝุ่นเล็บเบา ๆ

    เป็นครั้งแรกที่หนูรู้สึกว่าดีแล้วที่ถูกอาจารย์ขัดใจ เธอยังคงไม่หันมามองเขา ราวกับว่าบยอนแบคฮีอยากทบทวนเรื่องนี้อีกครั้งด้วยตัวเอง มันทำให้หนูรู้ว่าโลกนี้มันมีอะไรซับซ้อนอีกเยอะ ความอคติทำให้หนูปักใจเชื่อว่าคนพวกนั้นเป็นต้นเหตุของเรื่องร้าย ๆ แม้แต่ตอนที่ได้ของคืนหนูก็ยังเชื่อว่าเป็นใครสักคนหนึ่งในกลุ่มดาซม แต่พอรู้ความจริงหนูก็ตกใจมาก

    หนูจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เล่าให้พี่ชานยอลฟังหน่อยสิครับ เขาเอามืออีกข้างลูบศีรษะเธอเบา ๆ ผลการแข่งเทนนิสเป็นอย่างไรไม่มีใครให้ความสนใจแล้วในเวลานี้

    เรื่องนั้นทำให้หนูเริ่มคิดให้กว้างขึ้น หนูจำมันไว้เป็นบทเรียน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หนูเกลียดกลุ่มดาซมน้อยลงหรอก

    คนเก่ง แบคฮีไม่ได้เขินจนตัวบิดที่ได้ยินคำชมพร้อมถูกหอมแก้ม กลับกันแล้วเธอรู้สึกเป็นเด็กอนุบาลที่กำลังสารภาพอะไรสักอย่างหลังจากทำผิดไป ผมไม่ห้ามถ้าคุณจะโกรธดาซมกับเพื่อนของเธอมาจนถึงตอนนี้ แต่ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นอีกก็อย่าปล่อยให้อคติมันทำร้ายคุณนะ

    หนูจะพยายาม แค่พยายามนะ หนูคงไม่รับปากว่าจะทำได้ไหม

    ก็ดีกว่าปฏิเสธครับ เขาหัวเราะในลำคอ ต่อไปนี้ก็จับมือเพื่อนไว้แน่น ๆ ล่ะ คุณสองคนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้วนะ

    แบคฮีไม่ได้พยักหน้าหรือขานรับ เธอเพียงคิดตามและหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าใครคนหนึ่งต้องปกป้องใคร แต่เราจะไม่ปล่อยมือกันเด็ดขาดไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น นั่นคือสิ่งที่เด็กสาวคิด

    เรียนรู้จากมันเพื่อให้เข้าใจตัวเองและสิ่งรอบตัวได้มากขึ้น แล้ววันหนึ่งคุณจะไม่เจ็บปวดกับความคิดใคร

    เสียงพากย์กีฬาบนจอทีวียังคงทำงาน แต่คำพูดของอาจารย์กลับกึกก้องอยู่ในความคิดเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบคฮีวางตะไบลงข้างตัวพร้อมจับสองมือของคนตัวโตขึ้นมาจูบแล้วซบแก้มลงไป เมื่อก่อนเธอเป็นเด็กเข้มแข็งและตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น แต่การมีอาจารย์อยู่ด้วยกัน คอยให้กำลังใจด้วยคำสอนที่ไม่สนว่าเด็กอย่างเธอจะยอมซึมซับหรือไม่ ซึ่งมันทำให้บยอนแบคฮีอุ่นใจจนไม่กลัวอะไรอีกถ้ามีอาจารย์

    หนูจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นยังไงถ้าหากวันหนึ่งอาจารย์ไม่ได้ชอบหนูแล้วชานยอลรู้สึกได้ถึงความกังวลที่อีกฝ่ายถ่ายทอดออกมาทางน้ำเสียงและการแสดงออก

    มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบคฮีจะรู้สึกหลังจากสร้างกำแพงปิดกั้นมานาน ถึงเราทั้งคู่จะยังไม่ได้คบกันแต่ความรู้สึกมันก็นำหน้าไปไกลกว่าเดิมมากแล้ว พอเริ่มผูกพันจนถลำลึกความกลัวก็เริ่มแทรกเข้ามา แต่คำพูดไหนจะสำคัญไปกว่าการกระทำ

    ผมก็เหมือนกัน

    เพราะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรกหรือว่าอาจารย์ไม่คิดว่าหนูจะจริงจังคะ?

    แบคฮีไม่กล้าหันไปมองดวงตาคู่นั้นเพราะกลัวจะจับโกหกได้ผ่านทางสายตา ยิ่งอาจารย์ใจดีมากขึ้นเท่าไหร่ เด็กสาวก็ยิ่งตั้งคำถามให้ตัวเองมากขึ้นเท่านั้นว่าที่เป็นอยู่มันคือความจริงหรือแค่หลอกล่อให้เธอตายใจกันแน่ แต่มันก็ไม่ผิดถ้าหากอีกฝ่ายจะเป็นอย่างนั้น ในเมื่อทุกวันนี้อาจารย์ก็ยังคงเชื่อว่าเธอตัดโอเซฮุนยังไม่ได้

     

     

    ใจตรงกันได้ไหม แบคฮีไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้หายไปถ้าวันหนึ่งเขาเลิกชอบเธอ

     

     

    ผมไม่เคยคิดว่าการเลิกชอบคุณมันเป็นยังไง เพราะตอนนี้ใจผมมันมีแต่จะชอบคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับแบคฮี

     

     

     

    *

     

     

     

    หัวใจพองโตเหมือนเด็กโง่เลย แบคฮีทรมานเหลือเกินที่ต้องกลั้นยิ้มตลอดทางตอนอาจารย์ขับรถมาส่ง ยิ่งตอนอีกฝ่ายหันมาชี้ปากตัวเองพร้อมพูดว่า จุ๊บผมก่อนครับและเธอก็ทำตามอย่างว่าง่ายเสียด้วย

    เราคุยกันเรื่องไปเดทที่ปูซานในอาทิตย์หน้า ใจจริงแบคฮีอยากชวนมินซอกไปด้วยแต่มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าหากบอกเพื่อนใหม่ว่าตอนนี้เธอกับอาจารย์มีความสัมพันธ์กันอย่างไร แบคฮีจึงคิดว่าจะชวนคนขี้เกรงใจไปเที่ยวก่อนถึงวันเดท เธอไม่อยากให้ความสำคัญใครมากกว่าในเมื่อคนที่ชอบกับเพื่อนก็สำคัญเหมือนกัน

    แบคฮีส่งข้อความหามินซอกอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นตอบแชทกลับมาว่า วันนี้ขายดีมาก ฉันเพิ่งถึงบ้านเมื่อกี้เองกำลังจะอาบน้ำนอนล่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ อย่างเลย

    การได้รับคำขอบคุณจากใจจริงมันทำให้รู้สึกดีเหลือเกิน เด็กสาวอมยิ้มพร้อมจิ้มหน้าจอโทรศัพท์เพื่อชวนเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันตามแผนและมินซอกก็ตอบตกลงทันที แบคฮีอยากลบความรู้สึกแย่ ๆ ในวันนี้ไปจากใจเราทั้งคู่ จะไม่มีใครต้องเจ็บเพราะความบ้าบอของคนกลุ่มนั้นอีกเด็ดขาด

    เธอเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจว่าพ่อจะกลับมาแล้วหรือไม่ แบคฮีพยายามทำตัวเป็นปกติเพราะหมั่นไส้ตัวเองเวลาเพ้อถึงอาจารย์แต่มันก็ยากเหลือเกิน ทั้งรอยยิ้ม ทั้งความใจดี ความอบอุ่น อะไรก็ไม่รู้อยู่ในตัวผู้ชายคนนั้นทั้งหมดได้อย่างไร ความสบายใจนี้มาจากไหน แบคฮีอยากรู้สึกแบบนี้ทุกวัน

    แต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ต้องขมวดคิ้วกับความสว่างจากแสงไฟที่จะว่าเปิดทิ้งไว้ก่อนออกไปก็คงไม่ใช่ แต่ที่ทำให้ตกใจมากกว่ากลับเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่งนอนอ่านไดอารี่แฮนด์เมดที่แบคฮีเคยเขียนไว้มากมายตอนประถมอยู่บนเตียง

    ผู้ชายที่มีรอยยิ้มสดใสเป็นเอกลักษณ์กำลังยิ้มจนตาหยีพร้อมโบกมือทักทายเด็กสาวที่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตู แบคฮีไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยสักนิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่ คนที่ทำให้โลกของเธอสว่างสดใสอยู่เสมอ

    จงแด!”

    จ๊ะเอ๋ เด็กหนุ่มยิ้มกว้างพร้อมอ้าแขนออกรอ แบคฮีจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดเพื่อนสนิทจนเจ้าตัวแทบจุกเพราะถูกทับ อ๊า! หนัก!”

    มาตั้งแต่ตอนไหนทำไมไม่เห็นบอกเราเลย กินข้าวหรือยัง รอนานหรือเปล่า ใครเลือกน้ำหอมให้เนี่ย หอมจัง จงแดหัวเราะพร้อมลูบหลังคนตัวเล็กในอ้อมกอดที่อู้อี้รัวคำถามไม่หยุดพร้อมส่งเสียงฟุตฟิตตามคอเสื้อเขา

    แบคฮีผละตัวออกเพื่อมองเก็บรายละเอียดเพื่อนสนิทที่พักหลังไม่ค่อยได้เปิดกล้องคุยกันเหมือนเคย ซึ่งแบคฮีคิดว่าจงแดคงยุ่งจึงไม่อยากรบเร้าแม้จะน้อยใจอยู่ลึก ๆ เด็กหนุ่มจับศีรษะเธอโคลงเบา ๆ ทั้งที่สบตากันอยู่ จงแดอดยิ้มไม่ได้ตอนเห็นอีกฝ่ายอ้าปากทำท่าจะงับมือเขาแต่ก็ไม่สำเร็จ

    เราดีใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับจงแดบ้าง

    งั้นก็มองหน้าเราจนกว่าจะนึกออก?

    ถ้ามองถึงเช้าล่ะ

    โห จะไม่นอนเลยเหรอ เก่งเกินไปแล้ว ไหนขอดูหน่อยแบคฮีของเราใส่ถ่านกี่ก้อน เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว จับหัวไหล่เพื่อนสนิทขยับเล็กน้อยเพื่อหาจุดใส่ถ่านก่อนทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน

    อยู่เกาหลีนานไหม?

    อาทิตย์นึงล่ะ

    ทำไมรีบกลับจัง น่าจะสักสองอาทิตย์ไม่ใช่หรือไง?

    มีงานที่ต้องกลับไปเคลียร์ต่อน่ะสิ แต่เราอยากเจอพ่อแม่กับแบคฮีมากก็เลยกลับมา แค่หนึ่งอาทิตย์ชาร์จพลังได้เยอะแล้วล่ะ เราจะตุนความสุขกลับไปด้วยเยอะ ๆ จงแดยังคงพูดจาใสซื่อเหมือนเด็ก ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง และแบคฮีไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย

    งั้นแสดงว่าเราจะได้เจอกันแค่ไม่กี่วันเองน่ะสิเพราะจงแดก็ต้องอยู่กับครอบครัว เธอไม่กล้างี่เง่าเอาแต่ใจด้วยเลย เกรงใจชะมัด

    สามวันให้แบคฮีคนเดียว ไม่แบ่งให้ใครด้วย เด็กหนุ่มชูนิ้วขึ้นมาระดับปลายคาง คนตัวเล็กจึงรวบนิ้วทั้งหมดไว้

     

    ของเรานะ ห้ามผิดคำพูด ทั้งคู่ลุกขึ้นนั่งบนเตียง บรรยากาศรอบข้างแม้จะเปลี่ยนไปแต่ความรู้สึกยังคงไม่ต่างจากเดิม เราเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ที่กำลังคุยกันว่าจะเล่นอะไรด้วยกัน

    นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย คิดถึงอาหารเกาหลีจะแย่ ไปหาอะไรกินให้พุงแตกกันนะ เราเลี้ยงเอง จงแดตบกระเป๋ากางเกงโชว์ แบคฮีจึงหรี่ตาเบ้ปากเล็กน้อย

    รวยมากเหรอนักเรียนนอก

    ไม่รวยเท่าไหร่แต่ใจป้ำกับสาวมาก ๆ

    งั้นขอหมื่นวอน จงแดเลิกคิ้วมองมือเล็กที่แบออกมาพร้อมสีหน้าที่บอกให้รู้ว่าเธอพูดจริง ถึงจะงง ๆ แต่เขาก็ควักเงินสดออกมาให้ แบคฮีจึงยิ้มขำพร้อมจับมือเขาให้แบมือออกบ้าง

    พรุ่งนี้มารับเราด้วย นี่คือค่าจ้าง

    โอ้โห อยู่ดี ๆ ก็ได้เงินตั้งหมื่นวอนแน่ะ จงแดสะบัดเงินระดับใบหน้า ทำเอาคนมองหัวเราะร่าอย่างเก็บไม่มิด ตกลงแล้วนะ

    แบคฮีมองนิ้วก้อยที่อีกคนชูขึ้นมาตรงกลางระหว่างเรา เธอกุมมือเขาด้วยสีหน้าที่มีความกังวลอยู่เล็กน้อย “จะเป็นไรไหมถ้าเราจะพาเพื่อนไปด้วย?

    มินซอกกับเซฮุนเหรอ?

    ไม่สิ มินซอกคนเดียวพอ เราไม่ให้เซฮุนมาหรอ กเดี๋ยวหมอนั่นเป็นหมาบ้าชกหน้าจงแดขึ้นมาแล้วจะทำไง คนซื่อบื้อแบบนั้นคงไม่เข้าใจคำว่าผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันได้หรอก แบคฮีขมวดคิ้วพร้อมเบาเสียงลงราวกับกลัวใครมาได้ยิน เขาจึงหัวเราะเพียงเพราะนึกถึงความบ้าบิ่นของโอเซฮุนที่เธอเล่าให้ฟัง

    เอาสิ ไปด้วยกันหลาย ๆ คนสนุกดี

    ไม่ลำบากใจใช่ไหม? จงแดชอบที่แบคฮียังคงแคร์ความรู้สึกเขาก่อนเสมอ มันทำให้รู้ว่าเธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลยในมุมของการเป็นเพื่อนกัน

    ได้ยินเรื่องมินซอกมาก็หลายครั้งแล้ว เราอยากรู้เหมือนกันว่าเพื่อนคนนี้จะนิสัยดีอย่างที่โม้ไว้หรือเปล่า

    เดี๋ยวก็รู้ เด็กสาวยักคิ้ว มันจะดีแค่ไหนที่เพื่อนสนิทกับเพื่อนใหม่ที่เธอไว้ใจได้มาเจอกันสักครั้งหนึ่ง แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วสิ

    “อย่าคิดมากเลย ถ้าแบคฮีโอเคกับใครมีเหรอที่เราจะไม่โอเค เพราะฉะนั้นถ้ามีใครที่อยากให้ไปด้วยอีกก็ชวนเถอะ จงแดยิ้มตาหยี กุมมือคนตรงหน้าพร้อมตีเล่นเบา ๆ อย่างที่เคยชอบทำ

    เพื่อนก็มีอยู่แค่นี้จะให้เราจะชวนใครอีกล่ะ เด็กสาวยิ้มขำ

    คนที่แบคฮีสนิทด้วย ไม่ว่าจะเป็นใครเราก็อยากรู้จักทั้งนั้น

    ใคร ภารโรงที่โรงเรียนหรือไง? แบคฮีส่ายศีรษะ จงแดก็รู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างเธอไม่มีใครอยากคบด้วยยังจะให้ชวนใครอีก

    เราแค่ยกตัวอย่าง อาจจะเป็นคนที่ชอบหรือใครสักคนที่วนเวียนอยู่รอบตัวแบคฮีตอนนี้ก็ได้

     ใครนะ... เด็กสาวแกล้งทำหน้าครุ่นคิดก่อนจงแดจะเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้พร้อมสบตากัน มันเป็นวูบสั้น ๆ ที่แบคฮีรู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนเพื่อนจับผิดอยู่

    นั่นสิ คนนั้นเป็นใครกันนะ

     

     

    60%

     

     

     

     

     ยินดีที่ได้รู้จักนะมินซอก

    อือ เหมือนกันนะ

    พูดน้อยอย่างที่แบคฮีบอกจริง ๆ ด้วย เด็กสาวร่างท้วมกำลังรู้สึกอึดอัดเพราะรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ที่สดใสเสียจนไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงไม่กล้ามองนาน ๆ

    อาจเป็นเพราะมินซอกฟังเรื่องจงแดจากแบคฮีอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นเธอจึงซึมซับว่าเขาเป็นอย่างนั้น คนที่ไม่ว่าใครก็อยากได้เป็นเพื่อนสนิท อยู่ด้วยแล้วต้องสบายใจแน่ ๆ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ ล่ะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย

    มินซอกเป็นอะไรหรือเปล่า?

    อ๋อ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร จงแดขมวดคิ้วพลางก้มมองอีกคนที่เบือนหน้าหลบการสบตากัน เด็กสาวร่างท้วมดูขาดความมั่นใจถึงได้ยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาตัวเองอย่างนั้น

    ไม่เป็นไรน่า แค่เป็นสิวเอง ใคร ๆ ก็เป็นทั้งนั้น แบคฮีแกล้งเอาสะโพกชนมินซอกเบา ๆ

    ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย

    ฮ่า ๆ ขอโทษที่เรามาแทรกวันเดทของทั้งสองคนนะ

    ไม่ใช่อย่างนั้น... อย่าเข้าใจผิดสิ... เด็กสาวร่างท้วมรีบเงยหน้าขึ้นโบกมือปฏิเสธพัลวัน เธอไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยสักนิด

    งั้นเราจะเดินห่าง ๆ นะ มินซอกจะได้ไม่อึดอัด

    ไม่ใช่อย่างนั้นจริง ๆ นะ อา... ฉันต้องพูดยังไงดี เด็กสาวถอนหายใจพลางทาบมือกับหน้าผากตัวเองจนแบคฮีกลั้นขำไม่ได้

    ยัยนี่ไม่ค่อยชินกับคนแปลกหน้าน่ะ มีแค่คนเดียวที่พูดเหมือนจะรู้เรื่องคือเซฮุน

    อ่า หมอนั่น

    เพราะเซฮุนเป็นเซฮุนไง

    โอเซฮุนมันยังไงเหรอคิมมินซอก? แบคฮีเลิกคิ้วมองกดดัน และเด็กสาวร่างท้วมก็หาคำตอบให้ไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกสนิทใจมากกว่า

    เป็นเพราะผู้ชายคนนั้นไม่เคยมองเธอด้วยสายตาเหมือนจงแดเหรอ ไม่... ไม่ใช่อีก ทำไมถึงกำลังเข้าใจตัวเองผิดล่ะ เหมือนคิมมินซอกหลงตัวเองเลยทั้งที่จงแดก็ไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น ความจริงเธอก็แค่เขิน ใช่ เธอเขินกับความใจดีของผู้ชายคนนี้ ขณะที่เซฮุนก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มินซอกไม่อึดอัดเวลาเห็นความใจดีของเซฮุนก็เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าในดวงตาคู่นั้นไม่เคยมองคนอ้วน ๆ แบบเธอเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว

    ขอโทษนะ แต่ฉันไม่ได้อึดอัดกับจงแดจริง ๆ

    เราแค่แซวเล่น มินซอกไม่โกรธใช่ไหม? เด็กหนุ่มยังคงยิ้มอย่างใจดี เธอจึงพยักหน้าและพยายามต่อสู้กับรอยยิ้มนั้นให้ได้

    จงแดกับมินซอกยืนรออยู่ข้างนอกหลังจากแบคฮีเดินเข้าร้านเสื้อผ้า ไม่มีใครเปิดบทสนทนาใด ๆ บรรยากาศระหว่างเขาและเธอจึงดูอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง และมินซอกไม่ชอบเลย เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนดูดความสดใสของผู้ชายคนนี้ไป

    ไม่เข้าไปดูบ้างเหรอ?

    อ๋อ ไม่ดีกว่า มันคงไม่มีไซส์ฉันหรอก

    ไม่ลองไม่รู้นะ เข้าไปดูกันไหม? จงแดพยักหน้าชวน ซึ่งเด็กสาวร่างท้วมไม่คิดว่าในนั้นจะมีชุดที่เหมาะกับเธอ แต่มินซอกก็ไม่อยากปฏิเสธจนทำให้เราต้องอึดอัดกันอีกครั้ง

    เด็กสาวเดินตามอีกคนเข้าไป จงแดดูชำนาญการเลือกชุดเพราะตอนที่แบคฮีหันมาถามความเห็นว่าตัวไหนน่ารักกว่า เขาก็ตอบได้ในเวลาอันสั้นทั้งที่ถ้าเป็นเซฮุนคงเชียร์ทั้งสองตัวเพราะผู้ชายคนนั้นคิดว่าแบคฮีใส่อะไรก็สวยอยู่แล้ว

    ลองนี่สิ

    ตัวนี้เหรอ...

    ช่าย ใส่แนว ๆ นี้เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองก่อน ไม่โป๊ ไม่รัด ไม่ลวดลายเยอะ มันคงอึดอัดแย่เลยใช่ไหมถ้ามินซอกต้องก้ม ๆ เงย ๆ เพราะไม่รู้ว่าชุดนี้มันเหมาะแล้วหรือยัง จงแดเหมือนอ่านใจเธอออกอย่างไรอย่างนั้น นอกจากจะหาชุดไซส์เธอได้แล้วยังมอบความมั่นใจให้อีกต่างหาก

    แต่ฉันแต่งหน้าไม่เป็น มันจะแปลก ๆ ไหมถ้าใส่ชุดนี้แบบหน้าสด

    มันขึ้นอยู่กับว่ามินซอกอยากสวยให้ใครดูหรือเปล่า จงแดยื่นชุดออกมาข้างหน้ากระจก มันตรงกับระดับส่วนสูงของเด็กสาวร่างท้วมซึ่งไม่ได้ใกล้หน้าอกเธอเลยสักนิด

    ฉันไม่ได้อยากสวยให้ใครดูหรอก

    นั่นหมายความว่ามินซอกไม่อยากสวยด้วยหรือเปล่า?

    ถ้าบอกว่าไม่ก็คงโกหก แต่ผู้หญิงอ้วน ๆ อย่างฉันจะกล้าคิดเรื่องแบบนั้นอย่างเปิดเผยได้ยังไง ทุเรศแย่

    ทำไมถึงชอบดูถูกตัวเองล่ะ ไม่น่ารักเลยนะ เธอชำเลืองมองเด็กหนุ่มที่กำลังเลือกชุดให้เธอเพิ่ม กำลังถูกดุหรือไง แต่ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงไม่ดูใจร้ายขึ้นมาเลยสักนิดล่ะมินซอกไม่ได้อ้วนสักหน่อย ก็แค่น้ำหนักเยอะกว่าคนอื่น แล้วมันไม่ได้หมายความว่ามินซอกจะดูด้อยค่าด้วย

    ...

    เพราะตัวเล็กก็เลยทำให้รู้สึกว่าอ้วนใช่ไหมล่ะ เราเข้าใจนะ แฟชั่นสมัยนี้ทำออกมาให้ผู้หญิงผอม ๆ ใส่เลยทำให้ผู้หญิงมีเนื้อมีหนังหมดความมั่นใจ แต่มินซอกรู้อะไรไหม คำว่าแฟชั่นมันไม่เคยหยุดอยู่กับที่หรอก เด็กหนุ่มยิ้ม ผู้หญิงเจ้าเนื้อแต่เท่มีเยอะแยะไป ดูนี่สิ เธอเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์อยู่นิวยอร์ก

    ... จงแดง่วนอยู่กับโทรศัพท์ก่อนจะหันหน้าจอมาให้เธอดูคลิปผู้หญิงอ้วนแต่งหน้า เธอไม่มีความอายเลยสักนิด กลับกันแล้วสาวผมบลอนด์น้ำหนักเหยียบร้อยกิโลกลับมีความกล้ามากกว่าเธอเป็นร้อยเท่า

    ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมีความสุข มีความมั่นใจได้ขนาดนี้ล่ะ

    นั่นสิ...

    เพราะเธอหาคำตอบได้แล้วไง ผู้หญิงคนนี้รู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ ถ้าพอใจแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องลดน้ำหนักเพื่อชุดสวย ๆ เลย เสื้อผ้าสำหรับคนมีเนื้อมีหนังก็มีเยอะมาก ๆ แต่ถ้าอยากผอมมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก ใคร ๆ ก็ลดได้ ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจ แบคฮีบอกว่ามินซอกลดไปตั้งหลายกิโลแล้วนี่ ใช่ไหม?

    อือ ก็... ไม่เคยลงขนาดนี้มานานแล้ว

    พูดแบบไม่โกหกนะ คุณค่าของผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักหรอก มันขึ้นอยู่กับว่าผู้หญิงคนนั้นรักตัวเองมากน้อยแค่ไหน

    จงแดเป็นใครกัน ทำไมคำพูดของเขาถึงได้มีอิทธิพลต่อผู้หญิงที่ในใจมีแต่ความกลัวอย่างเธอได้ขนาดนี้ จากที่ไม่มั่นใจและกลัวมาตลอด ซึ่งเธอยอมให้แบคฮีเข้ามาเปลี่ยนแปลงแล้วหนหนึ่งและมันส่งไปในทางที่ดีขึ้นมาก แต่พอได้ยินจงแดพูดแบบนี้... มันทำให้มินซอกรู้สึกว่าบางทีเรื่องแย่ ๆ เหล่านั้นอาจจะไม่ได้มาจากสายตาคนทั่วไป แต่มันมาจากตัวเธอเองต่างหากที่เอาแต่โทษตัวเอง

    อย่าว่าตัวเองอีก สัญญากับเรานะ จงแดพาดเสื้อตัวใหม่ลงบนท่อนแขนตัวเองพร้อมยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้า เด็กสาวร่างท้วมมองอีกคนพร้อมถามตัวเองในใจว่าเธอจะทำตามได้หรือไม่

    จะพยายาม...

    มินซอกค่อย ๆ เกี่ยวก้อยกับผู้ชายใจดีที่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายลดความอึดอัดระหว่างเราลงจนได้ จงแดเอาชุดใหม่ให้เธอไปลองพร้อมชูนิ้วหัวแม่มือเพื่อเป็นกำลังใจ เด็กสาวร่างท้วมหันไปทางแบคฮีที่ยืนอยู่อีกฝั่งจนได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมองเธออยู่ตลอดพร้อมรอยยิ้ม

     

     

     

    *

     

     

    เดทสามคนสิ้นสุดลงตอนฟ้ามืดจงแดกับแบคฮีจึงไปส่งมินซอกที่บ้าน เพื่อนใหม่ทั้งคู่แลกเบอร์และไอดีโปรแกรมแชทกันเพื่อส่งรูปถ่ายของวันนี้ให้ แบคฮีรู้สึกดีที่มินซอกผ่อนคลายมากขึ้นเพราะความช่วยเหลือจากจงแด

    เป็นไงบ้าง?

    ไม่ได้เกินจริงไปกว่าที่แบคฮีพูดเลย ทั้งคู่ยิ้มขณะยืนอยู่ในรถไฟใต้ดินซึ่งมีผู้คนเบียดเสียดกันเข้ามาเรื่อย ๆ จนจงแดต้องทาบสองมือลงบนประตูเพื่อกันไม่ให้ใครเข้ามาชนเพื่อนสนิทของเขาได้

    ต้องมีคนมากระตุ้นแบบนี้แหละ ไม่งั้นยัยนั่นคงท้อใจไปจนตายแน่

    ดูใช้คำเข้าสิ นั่นเพื่อนนะ

    ก็เพื่อนไงถึงได้ให้จงแดช่วย แบคฮียักคิ้ว ก่อนมือของเธอจะถูกจับขึ้นวางลงบนบ่าที่ไม่กว้างแต่ก็หนักแน่นพอที่จะยึดไว้เป็นหลักขณะรถไฟวิ่งได้ ขนาดคุยกันอยู่จงแดก็ยังใส่ใจความปลอดภัยของเธอ

    ผู้หญิงเจ้าเนื้อบางคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองน่ะ

    ความจริงเราหมายถึงเรื่องวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอก แบคฮียิ้มพลางจับศีรษะเพื่อนสนิทโคลงไปมาเบา ๆ อย่างโล่งใจที่ทุกอย่างมันออกมาดีกับการเห็นเพื่อนทั้งสองคนเข้ากันได้โดยไม่มีใครอึดอัดเกินครึ่งวัน

    แบคฮีมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย

    เรามีความสุขเพราะมีจงแด

    เหมือนกัน

    ถ้าเป็นแฟนพูดงี้คงจับจูบไปแล้ว

    ทำไมถึงพูดอะไรน่าขนลุกอย่างนั้นล่ะ กลับบ้านเองเลยนะ จงแดทำหน้าเหยเก แบคฮีจึงเอามือปิดปากกลั้นขำกับคำพูดที่เราต่างรู้กันดีว่ามันประหลาดแค่ไหน

    ทั้งคู่เดินไปตามฟุตปาธยามค่ำคืน พูดคุยเรื่องราวมากมายที่ไม่รู้ว่าหาจากไหนมาเล่าทั้ง ๆ ที่คุยกันอยู่ตลอด เราเป่ายิ๊งฉุบขี่หลังกันเหมือนตอนเป็นเด็กและแบคฮีเป็นฝ่ายแพ้ ซึ่งจงแดก็ตั้งท่าพร้อมขี่หลังเพื่อนที่ตัวเล็กกว่า

    อ๊า จงแดกินช้างมาหรือไง หนักชะมัด!”

    ไปเลยโพนี่น้อยของฉัน

    ไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร เขาและเธอกำลังพาตัวเองย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบปีก่อน วิ่งเล่นด้วยกันเคล้าเสียงหัวเราะ สนุกได้โดยไม่เจ็บปวดกับสิ่งที่เรียกว่าโรงเรียนหรือความรัก แบคฮีพยายามแบกจงแดอย่างทุลักทุเล แต่เดินได้ไม่ถึงสิบก้าวทั้งคู่ก็เกือบล้มลงไปแต่เด็กหนุ่มกระโดดลงพื้นและคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน

    โอย... หลังเราหักแล้วแน่ ๆ

    เพราะไม่ยอมกินผักถึงได้ไม่มีแรงแบบนี้ไง จงแดกุมหัวเราะตาหยี มองสีหน้าอิดโรยของแบคฮีที่พ่ายแพ้เรื่องน้ำหนักและส่วนสูงที่เขาแซงหน้าเธอไปแล้ว

    เรื่องแบบนั้นเอาไว้หลอกเด็กเถอะ เด็กสาวจิ๊ปากอย่างเสียหน้า แบคฮีคิดมาตลอดว่าเธอแรงเยอะกระทั่งให้จงแดขี่หลัง

    ขึ้นมาสิ

    อะไร เราออกกรรไกรนะ

    แต่เราแพ้แบคฮีนี่

    จะแพ้ได้ไง จงแดออกค้อนคนตัวเล็กมองเพื่อนสนิทที่ย่อตัวลงมาและยังคงรอให้เธอขึ้นไปขี่หลัง จงแดยังคงยิ้ม... ยิ้มอย่างเพื่อนแสนดีที่จะมีให้บยอนแบคฮี

    คนดี ๆ ที่ไหนจะเอาค้อนทุบเพื่อนกันล่ะ ขึ้นมาเร็วเข้า

    น่าหงุดหงิดจัง ถึงจะบ่นอย่างนั้น แต่เด็กสาวก็อดยิ้มไม่ได้ แบคฮีขี่หลังเพื่อนสนิทพร้อมกระชับกอดแน่น มันต่างจากเมื่อตอนเราเป็นเด็กที่จงแดวัยสิบขวบยังมีท่าทีเหมือนจะล้มอยู่ตลอดเวลา... ทว่ามันไม่ใช่ตอนนี้

     

    จงแดแข็งแรงมากเสียจนคิดว่าต่อให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นเธอก็คงไม่มีวันตกลงไป

     

     

     

    *

     

     

    คืนนี้ปาร์คชานยอลไม่ได้เมา แต่ขาของเขาก็พาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าบ้านเด็กสาวที่ชอบเสียแล้ว แบคฮีเงียบหายไปทั้งวันโดยไม่ยอมสละเวลามาตอบข้อความเขาเลยสักประโยค ก็รู้ว่าวันนี้เธอมีนัดไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยเด็กที่ลงทุนบินมาเซอร์ไพรส์จากนิวซีแลนด์ รู้สึกตงิดใจอยู่ลึก ๆ แต่ก็ไม่อยากแสดงท่าทีว่าหึง เพื่อนก็คือเพื่อนเรื่องนี้เขารู้น่า... แต่คนเราจะอยู่กับเพื่อนทั้งวันโดยไม่สนใจคนสำคัญอีกฝั่งหนึ่งเลยหรือไง บอกตามตรงว่ารู้สึกเหมือนโดนเท และเขาจะไม่ยอมทนอยู่กับความรู้สึกแบบนี้เด็ดขาด

     

     

    เพื่อนเซอร์ไพรส์ถึงห้องได้ อาจารย์ก็เซอร์ไพรส์ถึงห้องได้เหมือนกัน

     

     

     

    ไฟห้องก็เปิดสว่างจ้า เด็กคนนั้นน่าจับมาตีก้นจริง ๆ ที่ไม่ยอมตอบข้อความเขาทั้งที่กลับมาถึงบ้านแล้ว ชายหนุ่มปีนขึ้นไปบนห้องเดิมที่เคยทำสำเร็จมาแล้วหนึ่งครั้ง เคาะกระจกประตูระเบียงซึ่งมีผ้าม่านปิดกั้นไว้พร้อมปั้นหน้านิ่งอย่างเอาเรื่อง จะปล่อยให้ง้อจนเหนื่อยเลยคอยดูสิ

    เงาดำตะคุ่มเดินเข้ามาใกล้แล้ว ถ้าแบคฮีเปิดออกมาต้องได้เห็นความมาคุทางสายตาเพื่อให้รู้ว่าเขากำลังน้อยใจ แต่ทันทีที่ประตูเปิดออกทุกอย่างก็นิ่งงันราวกับโลกหยุดหมุน เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่บยอนแบคฮี แต่กลับเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งคงตกใจมากที่เห็นว่ามีใครก็ไม่รู้โผล่มาตรงระเบียง

    ตำรว -- !!!!!!!!!!”

    ชานยอลรีบเอามือตะปบปากคนตรงหน้าไว้ได้ทัน เขาดันร่างเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องจนทั้งคู่ล้มลงไปกับเตียง ต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร คนที่นอนอยู่ใต้ร่างเบิกตากว้างดิ้นพล่านอย่างสุดความสามารถแต่เชื่อเถอะว่าปาร์คชานยอลจะไม่ยอมปล่อยให้เด็กคนนี้สร้างความเดือดร้อนให้เขาแน่

    รอนานหรือเปล่า โทษทีนะ ในตู้เย็นมีแต่องุ่นกับสตรอว์ -- คุณพระช่วย!!!”

    แบคฮีผงะถอยหลังหนึ่งก้าวเมื่อเห็นว่าตอนนี้อาจารย์หนุ่มกำลังขึ้นคร่อมทับเพื่อนสนิทของเธอด้วยท่าทางประหลาด ๆ ทั้งคู่หันไปทางประตูซึ่งมีเด็กสาวยืนมองด้วยสายตาแปลก ๆ จงแดจึงอาศัยจังหวะนั้นเสยหมัดเข้าคางชายหนุ่มแปลกหน้าจนหงายหลังตกลงไปจากเตียง

    แบคฮี!!! รีบโทรแจ้งตำรวจเร็วเข้า!!!”

    อา... ชายหนุ่มในชุดเสื้อฮู้ดดำกับกางเกงขายาวนั่งนวดกรามอยู่บนพื้น จงแดยังคงตื่นตูมพร้อมมองซ้ายขวาหาอาวุธสักอย่างไว้ป้องกันตัวเอง และหมอนคือตัวเลือกที่เกือบฉลาดแล้ว

    เดี๋ยว จงแด วางลงก่อน วางลง!” แบคฮีพยายามเบาเสียง เธอวางจานผลไม้พร้อมยกมือปราม แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนจะสนใจผู้มาใหม่มากกว่าคำพูดของเธอ

    ถอยไปแบคฮี ตรงนี้มันอันตราย!”

    ไม่ ๆ คนนั้นเขา --

    เกิดอะไรขึ้นคะคุณหนู?!!!” เสียงแม่บ้านตะโกนถามจากข้างนอกพร้อมเคาะประตูถี่รัวอย่างร้อนใจ เด็กสาวตบหน้าผากตัวเองกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึงสามนาที ก่อนหันไปส่งสายตาบอกให้อาจารย์หนุ่มจัดการ

    อื้อ!!!” เด็กหนุ่มที่ไม่ถนัดเรื่องใช้กำลังถูกปิดปากพร้อมรวบตัวให้นอนคว่ำลงกับเตียงอีกครั้งโดยไอ้โรคจิตที่กล้าปีนเข้าห้องเพื่อนของเขาดึก ๆ ดื่น ๆ

    ไม่มีอะไรค่ะ เมื่อกี้จงแดเจอแมลงสาบก็เลยตกใจน่ะ เด็กสาวหัวเราะแห้งหลังจากเปิดประตูออกไปเล็กน้อยเพื่อคุยกับแม่บ้าน

    แมลงสาบในห้องคุณหนูเหรอคะ เป็นไปได้ยังไงเนี่ย มาค่ะ เดี๋ยวป้าเข้าไปจัดการให้

    ไม่เป็นไรค่ะ หนูฆ่ามันแล้ว ไม่มีแมลงสาบแล้ว แบคฮีรีบห้ามเมื่ออีกฝ่ายทำท่าว่าจะแทรกตัวเข้ามาในห้อง เธอหันไปดูคนบนเตียงเป็นระยะ พอเห็นท่าทางตอนอาจารย์กำลังปิดปากจงแดอย่างทุลักทุเลก็อยากจะรีบเข้าไปแยกให้ออกจากกันเดี๋ยวนี้

    อ่า อย่างนั้นหรือคะ...

    ป้าไปนอนเลย หนูโอเค ถึงจะเป็นห่วงแต่สุดท้ายแม่บ้านก็ยอมถอดใจถอยหลังไป แบคฮีจึงปิดประตูลงกลอนแล้วรีบวิ่งกลับไปยืนข้างเตียงพร้อมแยกอาจารย์ออกจากเพื่อนสนิทของเธอ

    จงแดหอบฮัก พยายามโกยอากาศเข้าปอดพลางเงยหน้ามองชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แบคฮี คนตัวเล็กนั่งลงขอบเตียงช่วยลูบหลังเพื่อนสนิทเบา ๆ กระทั่งสถานการณ์เข้าสู่ปกติ

    คนนี้คืออาจารย์ชานยอลที่เราเคยเล่าให้จงแดฟังไง

    อาจารย์งั้นเหรอ? เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขณะสบตากับเธอ ก่อนจะหันไปมองจับผิดใบหน้าหล่อที่โดนเขาซัดไปหนึ่งหมัดเมื่อครู่นี้ ถ้าเป็นอาจารย์ แล้วทำไมถึงปีนเข้ามาในห้องแบคฮีล่ะ?

    ไม่มีคำตอบออกมาจากปากเพื่อนหรือคนแปลกหน้า เกือบหนึ่งนาทีเลยทีเดียวที่คิมจงแดฉายแววตาสงสัย บยอนแบคฮีจึงเม้มริมฝีปากระหว่างเรียบเรียงคำพูด ก่อนเธอจะลุกขึ้นยืนกุมมือชายหนุ่มตัวสูงคนนั้น

    เพราะว่าเรา...

    เราเป็นมากกว่าอาจารย์กับลูกศิษย์ครับ

    ขอโทษนะจงแด... เราหาจังหวะเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่มีโอกาสเลยแบคฮีดูกระอักกระอ่วนเพราะสีหน้าจงแดตอนนี้ไม่ได้ส่งไปในทางที่ดีนัก ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รู้สึกผิดหรือมีท่าทีแปลก ๆ อะไรไปกว่าการยืนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมนวดกรามตรงจุดโดนหมัดเสยคาง

    คำตอบฉะฉานของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ไม่ได้ทำให้คิมจงแดอุ่นใจเลยสักนิดเดียว รวมถึงคำอธิบายของแบคฮีด้วยเมื่อตอนนี้มีอะไรบางอย่างลอยเข้ามาในความคิดเพื่อเตือนความจำถึงเสียงบทรักในค่ำคืนนั้น เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มปริศนา ...ใครกันที่สามารถอยู่ในห้องแบคฮีตอนกลางคืนได้

     

     

    ถ้าไม่ใช่...

     

     

    ขอโทษที่ทำให้ตกใจไปหน่อย ผมปาร์คชานยอล เป็นครูสอนพละที่กำลังตามจีบเพื่อนของคุณอยู่

     

     

    TBC

    ถ้าชั้นเขียนคัทได้ทั้งที่ไทม์ไลน์ยังมีจงแดอยู่ แสดงว่าชั้นต้องเก่งกล้าสามารถและมีความพยายามที่จะให้เขาตรั่บกันมากอย่างถึงขีดสุด

    คนเราต้องเกรงกลัวพลังจากเพื่อนด้วย จารย์ลงทุนปีนขึ้นไปแร้ว แต่ไม่มีคัทก็โทดจงแด ชั้นไม่ผิด

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×