ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "FREAK BOY" มนุษย์จงอิน | KAIHUN FEAT.TAO

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 :: Your World (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 58


    ’ cactus

     

     

     

    Chapter 10

    Your World





     

    เด็กหนุ่มผิวแทนขึ้นมาบนห้องพร้อมน้ำผลไม้และขนมที่พ่อซื้อมาฝากตอนไปเที่ยวต่างประเทศกับแม่หลังจากไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองมานานหลายปี พอเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบอีกคนนั่งอยู่บนเตียง ซึ่งเขาก็ไม่อยากจะคิดไปเองเลยว่าสีหน้าของเซฮุนนั้นแปลกไป แต่ถ้าจะให้มองผ่านไม่สนใจก็ทำไม่ได้อีก

     

    ดื่มก่อนสิ

     

    อ้อ...ขอบใจนะ เด็กหนุ่มตัวผอมยิ้มเจื่อน ก่อนจะรับแก้วน้ำส้มมายกดื่มแก้เขิน เซฮุนหวังว่าความเย็นจะช่วยดับอาการร้อนผ่าวทั้งใบหน้าของเขาได้ หลังจากได้รับรู้เรื่องไม่คาดฝัน พอเงยหน้าขึ้นก็ตกใจอยู่เล็กน้อย เมื่อพบว่าจงอินกำลังจ้องอยู่

     

    นั่นน่ะ ผสมน้ำมะเขือเทศลงไปด้วย

     

    หา?

     

    นายดื่มเข้าไปโดยไม่รู้ว่ามีสิ่งที่เกลียดเข้าไส้อยู่ในนั้นด้วย จงอินยิ้มขำ เขาเห็นว่าเซฮุนดูอึ้ง ๆ กับคำพูดของเขา ก่อนที่ใบหน้าขาวจะหลุบตาลงมองแก้วในมือมันดีต่อสุขภาพ แต่ถ้าดื่มไม่ไหวก็วางไว้ตรงนั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันดื่มต่อเอง

     

    จงอินชี้ไปทางโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าชั้นหนังสือ เซฮุนจ้องแผ่นหลังกว้างที่เขาชอบมอง สองมือยังคงถือแก้วน้ำส้มผสมมะเขือเทศที่เกลียดสุดชีวิตเอาไว้ น่าแปลก...ที่เขาไม่รู้สึกถึงรสชาติของมันเลย

     

    ทำไมถึงเอาให้ฉันดื่มล่ะ จงอินไม่ได้ตอบคำถามในทันที ระหว่างรอเซฮุนก็ยกแก้วขึ้นดม ก่อนจะค่อย ๆ จิบอีกครั้งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

     

    ตอนเป็นเด็กฉันไม่ชอบกินผัก แต่พอโตขึ้นเลยรู้ว่ามันดีต่อสุขภาพ เลยพยายามฝึกกิน จนตอนนี้ชอบมันแล้ว จงอินยังคงวุ่นวายอยู่กับหนังสือในชั้น ก่อนจะกลับมานั่งข้าง ๆ เขาพร้อมหนังสือเล่มหนึ่งแค่จะบอกว่ามีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เราปรับตัวเข้ากับสิ่งที่ไม่ชอบได้

     

    จงอินเอาน้ำส้มไปดื่มจนหมดเกือบครึ่งแก้ว ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือปาดริมฝีปาก เซฮุนคิดตามกับสิ่งที่อีกคนต้องการจะสื่อ ถึงจะไม่พูดตรง ๆ แต่การพูดอ้อมโลกให้ได้คิด มันก็สมเป็นจงอินดี

     

    เซฮุนยื่นมือขอแก้วคืน และมันทำให้จงอินประหลาดใจอยู่ไม่น้อย กับการที่คนอย่างเขาคิดอยากจะลิ้มรสน้ำส้มที่มีมะเขือเทศปนอยู่ด้วย น่าแปลกนะ... ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยมีใครบังคับ หรือบอกให้โอเซฮุนต้องทำอะไร แต่ตอนนี้แค่จงอินคิดว่าดี เขาก็อยากจะลองทำตามดูสักครั้งหนึ่ง

     

    มันก็ไม่แย่ ถ้าผสมแบบนี้ฉันอาจจะชอบมันขึ้นมาสักวันก็ได้ ถูกไหม? เซฮุนเลิกคิ้วเล็กน้อยระหว่างรอคำตอบ

     

    และเสียง อืมในลำคอมันก็ไม่ได้แย่เลยสักนิด เพราะรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของอีกฝ่ายเป็นตัวช่วย เซฮุนคิดว่าคงจะไม่ไหวแล้วกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไหนจะเรื่องความลับไม่กี่นาทีก่อน ที่ยังคงทำให้หัวใจพองโตจนการกลั้นยิ้มเป็นเรื่องยากกว่าการผ่านด่านเกมสยองขวัญที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่ายากนักหนา

     

    เซฮุนกลบเกลื่อนความขลาดอายด้วยการก้มหน้าบ้าง หันไปมองทางอื่นเพื่อตั้งหลักบ้าง จงอินเอาหนังสือมาเปิดออก เขาเห็นว่าบนหน้ากระดาษเต็มไปด้วยสีของปากกา เซฮุนรู้สึกไม่ดีเลย กับการที่เขาเอาแต่มองหน้าจงอิน แล้วปล่อยให้ความรู้ที่อีกฝ่ายส่งมาทะลุหูขวาออกไปอย่างน่าเกลียด

     

    เราเริ่มติวคณิตศาสตร์เป็นวิชาแรก มีบางข้อที่ไม่มีรอยขีดเขียน ซึ่งจงอินบอกว่าเมื่อวานมีข้อนี้ออกสอบด้วย แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าห้องเซฮุนจะเจอข้อนี้หรือเปล่า อาจารย์อาจจะเปลี่ยนคำตอบ หรือถ้าไม่ออกข้อนี้เลย ก็ถือว่าสอนเซฮุนไป

     

    จงอินบอกว่ารู้แล้วไม่ออกสอบ ก็ยังดีกว่าออกสอบแล้วเราตอบไม่ได้

     

    เป็นอะไรหรือเปล่า? เด็กหนุ่มผิวแทนเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่เอาแต่จ้องเขามาเป็นเวลานาน เซฮุนกลอกตาไปมา ก่อนจะยิ้มเจื่อนกลบเกลื่อน

     

    เปล่านี่

     

    คิดว่าตัวเองโกหกเก่งแค่ไหน? เด็กหนุ่มยังคงไม่ละสายตาจากคนตัวผอมที่นั่งพิงผนังบนเตียงข้าง ๆ เขา โดยมีสมุดโน้ตเล่มหนึ่งวางอยู่บนตัก ส่วนมือนั้นก็ถือปากกาค้างไว้ คิมจงอินไม่ได้โง่ ที่จะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายแปลกไป

     

    ไม่เก่งเลยล่ะ

     

    งั้นก็คงรู้ว่าตอนนี้ไม่เนียน

     

    อ่า...ฮะ เด็กตัวผอมเกาท้ายทอย จนถึงตอนนี้จงอินก็ยังคงรอคำตอบจากปากเขาอยู่เอาความจริงหรือโกหกก่อน...

     

    เซฮุนชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่หลุดขำออกมาราวกับว่าที่พูดออกไปเมื่อครู่มันเป็นมุขตลก แต่ถึงอย่างนั้นสายตาที่มองมา ก็ไม่ได้ดูหัวเสียเพราะเขาเอาแต่เล่นตัวไม่ยอมพูด

     

    มีสิ่งนึงที่คาใจฉันมาตลอด แต่ฉันก็ไม่เคยถามนาย

     

    เซฮุนรู้ว่ากำลังใจเต้นแรง อีกทั้งน้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปกติ เด็กหนุ่มตัวผอมได้แต่บอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่าอย่ากลัวที่จะถามในสิ่งที่อยากรู้ ไหนจงอินจะเคยบอกแล้วว่าถ้าอยากรู้ก็ให้ถาม มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด ก็แค่กลั้นหายใจแล้วพูดออกไป เดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอง

     

    นาย...

     

    ...

     

    ได้ไปดูฉันเล่นละครเวทีหรือเปล่า...

     

    นี่ไม่ใช่คำถามที่ถูกต้องสำหรับโจทย์ที่จงอินให้มา เซฮุนมองอีกคนอย่างคาดหวัง เขาไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดที่ไปแอบเห็นความลับเข้า แต่ยังเลือกถามโง่ ๆ แบบนี้ออกไป เพียงเพราะอยากได้ยินคำตอบที่อาจจะทำให้หัวใจเต้นแรงมากยิ่งกว่าเดิม

     

    เซฮุนคิดว่าคำถามของเขาดูดกลืนรอยยิ้มจากใบหน้าของจงอินไป เมื่อตอนนี้แววตาคู่นั้นชะงักไปเล็กน้อย เกือบสิบวินาทีเลยมั้งที่คนฉลาดพูดอย่างคิมจงอินเงียบไป ก่อนที่นัยน์ตาคมจะหลุบลง และกลับมายิ้มอีกครั้ง

     

    ฉันแวะไปดูตอนเกือบจบพอดีน่ะ แต่ก็ทันเห็นฉากนายบอกรักเจ้าหญิงนะ เด็กหนุ่มผิวแทนหัวเราะ มันบ้ามาก ๆ ที่เซฮุนหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ทำไมคำตอบของจงอินถึงดูน่ารัก ทั้งที่เจ้าตัวกำลังโกหก

     

    จงอินหน้าเจื่อน จากทีแรกคิดว่าเซฮุนแปลกไปจากเดิมอยู่แล้ว แต่การที่อีกฝ่ายกำลังยิ้มขำจนตาหยีนั่นยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ ความรู้สึกของเขาบอกมาอย่างนั้น

     

    แต่ตอนที่ฉันเดินทำหน้าซื่อบื้อในป่าทึบ มันเป็นช่วงแรกที่ละครเริ่มเลยนะ เซฮุนจำได้ดี กับฉายาที่จงอินมอบให้ตอนที่เราซ้อมบทละครกันในห้องซ้อม

     

    ...

     

    ไม่คิดจะบอกกันจริง ๆ เหรอ เซฮุนมองคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะสติหลุดไปแล้ว หลังจากถูกจับโกหกได้ ถึงแม้ว่าสีหน้าของจงอินจะเรียบเฉย แต่แววตาที่มองมาราวกับไม่อยากเชื่อว่าเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไงนั่นน่ะ...

     

     

    จงอินในมุมแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ

     

     

    นายเห็นเหรอ เซฮุนไม่ได้ตอบ เขาเพียงแค่ปล่อยให้ดวงตาคู่นั้นสะท้อนเงาของเขา และรอดูว่าจงอินจะพูดอะไรต่อ ซึ่งอีกฝ่ายเพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

     

    เปล่า วันนั้นฉันไม่เห็นนายหรอก

     

    ก็ว่างั้น กว่าฉันจะเบียดเข้าไปได้ก็ลำบากเอาเรื่องอยู่ จงอินทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า เขาไม่กล้ามองรอยยิ้มที่มาพร้อมกับตาหยีของโอเซฮุนได้นานไปกว่านี้

     

    ในหัวเอาแต่คิดว่าหมอนี่รู้ได้ยังไง เพราะมีแค่ไอ้ชานยอลกับแบคฮยอนเท่านั้นที่รู้ว่าเขาไปที่นั่น ส่วนไอ้เทามันก็หายหัวไปอยู่หลังเวทีกับเซฮุน แถมยัยงไหว้วานให้ฝากถ่ายรูปเจ้าชายให้อีก ซึ่งต่อให้มันไม่พูด เขาก็จะไปถ่ายอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นข้ออ้างที่ดี

     

    นี่... เสียงของเซฮุนเบาลง คล้ายกับว่ากำลังรู้สึกผิด จงอินหันไปมองคนข้าง ๆ ที่เม้มปากจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขลาดอาย รูปของฉันในโน๊ตบุ๊คน่ะ... ขอได้ไหม...

     

    ...

     

    จงอินไม่ต้องหาคำตอบอีกแล้วว่าเซฮุนรู้เรื่องนี้ได้ยังไง นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เขาถูกจับได้หลังจากแอบทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ถ้าไม่รวมเรื่องเซอร์ไพรส์เค้กวันเกิดแม่เมื่อปีก่อน ที่เธอเปิดประตูเข้ามาตอนเขากับพ่อกำลังช่วยกันปักเทียน

     

    คิมจงอินรู้สึกเหมือนหยุดหายใจไปหลายวินาที ถามว่าตอนนี้กำลังรู้สึกเสียฟอร์มงั้นเหรอ อืม...คงไม่ปฏิเสธ เด็กหนุ่มเสยผมขึ้นแล้วลุกไปหยุดยืนอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คตัวปัญหาบนโต๊ะที่เปิดหน้าจอค้างไว้

     

    ทั้งสองคนปล่อยให้ความเงียบทำงาน จากตอนแรกรู้สึกดีเพราะได้เห็นสีหน้าจงอินที่ต่างไปจากทุกครั้ง แต่ตอนนี้เซฮุนเริ่มหวั่นใจแล้วว่าบางทีเขาอาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีไปแล้ว เพราะความอยากรู้อยากเห็นไม่เข้าท่า ไหนจะเรื่องละลาบละล้วงของส่วนตัว ซึ่งจงอินน่าจะเป็นคนหวงของอยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

     

    ฉันขอโทษนะ พอดีว่าเมื่อกี้ชานยอลคอลสไกป์มา ฉันแค่เดินไปดูใกล้ ๆ แต่ไม่ได้กดรับ ถ้ามันทำให้นายไม่พอใจก็... ประโยคท้ายขาดหายไป เมื่ออีกฝ่ายเดินกลับมานั่งที่เดิมพร้อมโน๊ตบุ๊ค จงอินถูปลายจมูกก่อนจะชำเลืองมองเขาด้วยแววตาเหมือนคนกำลังประหม่า ...ขอโทษ

     

    หืม?

     

    ฉันเปิดโน๊ตบุ๊คนายดู ทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาต เซฮุนมองเสี้ยวหน้าของคนข้าง ๆ ที่กำลังง่วนอยู่กับโน๊ตบุ๊คบนตัก

     

    ถ้าขอโทษแล้วทุกอย่างจะจบลงง่าย ๆ งั้นไว้คราวหน้าฉันจะลบเกมในคอมพ์ของนายทิ้งให้หมด แล้วก็ตบท้ายด้วยคำว่าขอโทษบ้าง สีหน้าของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดุเหมือนกับประโยคที่ส่งมายังเขาเลยสักนิด วูบหนึ่งเซฮุนรู้สึกว่าจงอินคนที่มักจะถือไพ่เหนือกว่าได้กลับมาแล้ว ไม่เหลือคราบของคนประหม่าตอนถูกจับโกหกได้เลยสักนิดเดียว

     

    ลบก็ได้ แต่นายต้องหายโกรธนะ อะ...โอ๊ย!” เซฮุนหลับตาแน่นเมื่อถูกอีกคนดึงแก้มจนยืด แต่พอลืมตาขึ้นก็พบว่าจงอินกำลังยิ้มอยู่

     

    ไม่ได้โกรธสักหน่อย

     

    แต่ที่นายพูดมาทั้งหมดมันเหมือนคนกำลังโกรธนี่

     

    กับสิ่งที่รู้ว่าทำแล้วต้องพูดคำว่าขอโทษทีหลัง ฉันไม่อยากให้นายทำแบบนั้น จงอินเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันโน๊ตบุ๊คเข้าหาอีกฝ่าย ชอบโทนสีไหนที่สุด?

     

    ไม่รู้สึกผิดแล้ว นั่นคือสิ่งที่เซฮุนบอกตัวเองในใจ หลังจากเห็นว่าโฟลเดอร์รูป SH นั้นยังมีโฟลเดอร์ย่อยซ้อนอยู่ข้างในอีกสาม เขาเพียงแค่มองตามรูปที่จงอินกดสลับให้ดู กับรูป ๆ เดิมที่ถูกแต่งสีทั้งสามแบบ และเซฮุนชอบมันทั้งหมด

     

    ไม่อยากเลือกเลย ขอทั้งหมดไม่ได้เหรอ เซฮุนนั่งชันเข่าก่อนจะเกยคางลงไป จงอินอมยิ้มแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบอย่างไม่อิดออด ก่อนจะก็อปปี้โฟลเดอร์รูปที่ตกแต่งสีเรียบร้อยแล้วใส่ในทรัมไดร์ฟให้

     

    เอาไฟล์เสียงเปียโนด้วยไหม

     

    เอาสิ เอามาหมดเลย

     

    โลภมาก

     

    เอาทุกเพลงที่นายเล่นเลยนะ ฉันจะเอาลงมือถือ ถึงจะเขินจนหน้าร้อนไปหมด แต่การโต้ตอบทางคำพูดและสายตาที่จงอินมองมาไม่ต่างกันนั้น มันก็ทำให้เขารู้สึกดีมากยิ่งขึ้นไปอีก

     

    มือบอนจริง ๆ น่าตัดนิ้วให้ขาด

     

    ก็ถ้าฉันนั่งอยู่เฉย ๆ ชาตินี้คงไม่รู้ว่านายไปดูด้วย เซฮุนว่าแล้วซบแก้มลงกับเข่าตัวเอง ขณะที่สายตายังมองคนเข้าใจยากไม่ห่าง ขนาดถามนายยังเลือกที่จะโกหกเลย

     

    ก็กะว่าถ้าเลือกรูปเสร็จเรียบร้อยแล้วจะเซอร์ไพรส์ทีเดียวน่ะ... ประโยคธรรมดา แต่ก็ทำให้คนที่ตกอยู่ในห้วงของความรักใจเต้นแรงได้อย่างไม่ยาก ยิ่งตอนจงอินแอบชำเลืองมองหน้าเขาสลับกับหน้าจอโน๊ตบุ๊คก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ ไม่ชอบการถูกเซอร์ไพรส์หรือไง

     

    ชอบ แต่นายเงียบเกินไปจนฉันกลัวนี่

     

    อย่างนั้นเหรอ... จงอินหลุบตาลงใช้ความคิด เขาจะเก็บเรื่องนี้ไปทบทวน ในเมื่อเซฮุนรู้สึกไม่ดี เขาก็จะไม่ทำอีก

     

    ฉันกังวลมาตลอด แต่ก็พยายามไม่คิดมาก เพราะมันจะทำให้ฉันเป็นคนงี่เง่า

     

    เรื่องฉันไม่ได้ไปดูนายเล่นละครน่ะเหรอ

     

    นั่นก็ส่วนนึง แต่ก็ไม่ทั้งหมด เซฮุนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ควรพูดออกไปเลยดีไหมนะว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ คำพูดของเขามันจะทำลายบรรยากาศฟุ้ง ๆ ที่กำลังโอบรอบตัวเราในตอนนี้ไปหรือเปล่า?

     

    ถ้าเป็นเรื่องจูบวันนั้นล่ะก็... มันไม่งี่เง่าหรอก

     

    ...

     

    ฉันรู้ว่าทำอะไรลงไป แล้วฉันก็ไม่ได้แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วย

     

    จงอินพับจอโน๊ตบุ๊คลง แล้วหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เขาเห็นว่าแววตาของเซฮุนนั้นมองมาอย่างคาดหวัง ซึ่งเขาก็คิดว่าบางทีมันก็คงถึงเวลาแล้ว ที่เราสองคนควรจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากขึ้นไปอีกขั้น

     

    ถ้าเป็นเรื่องของนาย สิ่งที่ฉันทำลงไปมันมีเหตุผลเสมอ

     

    ...

     

    หัวใจที่ว่าเต้นแรงอยู่แล้ว ยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ โอเซฮุนไม่แน่ใจว่าดวงตาคู่นั้น หรือความในใจที่คิมจงอินไม่เคยพูดกันแน่ ที่กำลังปั่นป่วนความรู้สึกเขาจนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันอาจจะเป็นความฝัน

     

    ฉันเป็นคนพูดไม่เก่ง... งั้นขอเปลี่ยนเป็นจูบนายแทนเลยได้ไหม?

     

    ...

     

    วูบหนึ่ง... โอเซฮุนรู้สึกเหมือนสมองหยุดประมวลผล เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าพยักหน้าเป็นคำตอบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ว่าตอนนั้นในหัวมันจะว่างเปล่าไปหมด เซฮุนยังคงนั่งเอาหน้าแนบกับหัวเข่าขณะมองผู้ชายเข้าใจยาก พอรู้ตัวอีกทีจงอินก็โน้มใบหน้าลงมาจูบเขาแล้ว

     

    ปากจงอินยังคงนุ่มเหมือนวันนั้น แน่ล่ะ... เซฮุนไม่เคยลืมถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่แววตาเฉยชาที่มองมาในครั้งแรก และครั้งที่สอง... สาม... สี่... จนมันแปรเปลี่ยนเป็นแววตาเรียบเฉยแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจ นับครั้งไม่ถ้วน ที่โอเซฮุนอยากจดจำและฝังทุกอย่างเอาไว้ในความรู้สึก เขาอยากหยุดเวลานี้ไว้ แล้วอยู่กับผู้ชายคนนี้ให้ได้นานที่สุด

     

    จูบอ่อนโยนมาพร้อมมือแกร่งที่ประคองร่างของเขาให้ลุกขึ้นนั่ง เซฮุนชอบเวลาจงอินขบริมฝีปากล่างของเขา เหมือนกับจงใจอยากบอกว่า ฉันหมั่นเขี้ยวนาย ยังไงอย่างนั้น... ไหนจะตอนที่เราผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง แล้วปล่อยให้ปลายจมูกถูกันเบา ๆ ก่อนจะเริ่มจูบกันอีกครั้ง

     

     

    ชอบ...โอเซฮุนชอบคิมจงอินจะแย่อยู่แล้ว...

     

     

     

    50%

     

     

      

     

    หลังจากสอบวันสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย สิ่งแรกที่จงอินทำคือส่งข้อความถามไถ่นักเรียนที่เขาเป็นคนช่วยติวให้ จงอินไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาในทันที จากที่เดินผ่านห้องสอบเมื่อครู่นี้ก็ได้เห็นว่าเซฮุนกำลังขมวดคิ้วจมกับข้อสอบอย่างจริงจังอยู่

     

    ถึงจะดูน่าเป็นห่วง แต่จงอินก็รู้สึกดีที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกคน มันบ่งบอกว่าเซฮุนกำลังตั้งใจ เขาไม่รู้หรอกว่าข้อสอบมันยากเกินไปสำหรับหมอนั่นหรือเปล่า แต่แค่โอเซฮุนพยายาม คิมจงอินก็ดีใจแล้ว

     

    ตอนนี้เขากับไอ้ชานยอลกำลังเดินทอดน่องไปเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้างสรรพสินค้า ถ้าไอ้เทาไม่ไปกับกิ๊กรุ่นพี่คนนั้น ป่านนี้คงได้ยินเสียงมันบ่นกระปอดกระแปด กับการที่พวกเรามาเดินวนรอบห้างอย่างไร้จุดหมายแบบนี้

     

    แน่นอนว่าเขาก็คิดอย่างนั้น แต่ถ้าจะปล่อยให้ไอ้คนตกอยู่ในห้วงของความรักไปเดินเปลี่ยวหาของขวัญให้แฟนป้ายแดงตามลำพังก็จะน่าสงสารเกินไป เพราะงั้นการมาเดินขนาบข้างเพื่อไม่ให้มันรู้สึกเปลี่ยว ก็คงช่วยเพื่อนได้ไม่น้อย

     

    มึงคิดว่าไอ้บ้านนอกมันจะชอบอะไรวะ

     

    เราชอบเงิน ชานยอลหาให้เราเยอะ ๆ สิ เราหิว จงอินแกล้งดัดเสียง และมันทำให้คนกวนตีนที่กำลังอยู่ในโหมดจริงจังรู้สึกเหมือนถูกเตะตัดขาจนหน้าคว่ำ สองเพื่อนซี้สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจงอินจะยกมือบังเมื่อไอ้คนขายาวทำท่าจะเข้ามาเตะเขา

     

    ห่า กูซีเรียส

     

    เออรู้ หนังหน้ามึงตอนนี้เหมือนไอ้ชั่วเพิ่งกลับใจ หลังจากถูกเยียวยาด้วยความรัก

     

    จะอะไรก็ช่างแม่งเหอะ ตอนนี้ช่วยคิดก่อนดิว่าจะซื้ออะไรให้ไอ้บ้านนอกดี กูขี้เกียจเดินแล้วเนี่ยไอ้ชิบหาย เมื่อย

     

    โถ ถ้ากูเป็นแบคฮยอน แล้วรู้ว่าเบื้องหลังความประทับใจที่แฝงไปด้วยความขี้เกียจ กูคงปาของขวัญใส่หน้ามึงแล้วบอกว่า เราไม่อยากได้แล้ว ชานยอลคนสารเลว ชั่ว ระยำ ถ่อย เราต้องการเลิกกับชานยอลเดี๋ยวนี้แล้วแบคฮยอนก็จะเบะปากแบบนี้ด้วย เด็กหนุ่มผิวแทนทำท่าประกอบ แต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกตลกไปด้วยเลยสักนิด

     

    มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าไอ้เทาอยู่ตรงนี้เราสองคนก็คงช่วยกันตอกย้ำไอ้ชานยอลเหมือนกับทุกครั้งนั่นแหละ แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนไอ้คนหูกางคงถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ แล้วขอให้หยวน ๆ ผ่านไปเถอะ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อไอ้คนไม่สนใจโลกกำลังจริงจังกับความรัก อย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่อยากเชื่อ

     

    ถ้ามึงมีแฟน มึงอยากซื้ออะไรให้เขาวะ?

     

    รอยยิ้มบนใบหน้าเด็กหนุ่มผิวแทนค่อย ๆ จางหายไป โชคดีที่ปาร์คชานยอลเอาแต่ทอดสายตาไปข้างหน้าระหว่างใช้สมองกลวง ๆ ครุ่นคิดเรื่องของขวัญ มันถึงไม่เห็นว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน เพียงเพราะใบหน้าของโอเซฮุนลอยเข้ามาในความคิดทันทีที่ได้ยินคำถาม

     

    เสื้อผ้าก็ดูธรรมดา ตุ๊กตาก็สาวไป ดอกไม้ก็ไม่ใช่ทาง ชานยอลยังคงเอาแต่บ่นเหมือนหมีกินผึ้ง เขาไม่ได้สนใจเลยว่าเพื่อนที่เคยพูดตอกย้ำเมื่อครู่ได้เงียบไปแล้ว

     

    จงอินล้วงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเอาซองหูฟังกำมะหยี่ออกมา พอเห็นว่าคนหอกหักอย่างปาร์คชานยอลยังมีความคิดที่จะซื้อของขวัญให้แฟน เลยอดที่จะมองย้อนกลับมาดูตัวเองไม่ได้

     

    ใช่ สถานะระหว่างคิมจงอินกับโอเซฮุนมันยังไม่ชัดเจน เรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน และเรื่องนี้มันทำให้ตัวเขาเป็นกังวลมาตลอด แน่นอนว่าใคร ๆ ก็คงชอบความชัดเจนมากกว่าความหม่นจาง ๆ ที่มองเห็นได้ไม่ชัดและสัมผัสไม่ได้

     

    เด็กหนุ่มคิดว่าเรื่องของเรามันเพิ่งเริ่มต้น เขาอยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป แต่พอเห็นว่าเซฮุนคิดมากหลังจากเราจูบกันครั้งแรก คิมจงอินเลยนึกได้ว่าเป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่คิดน้อยเกินไป เขาอยากให้ทุกอย่างค่อย ๆ เดินไปอย่างไม่เร่งรีบ แต่กลับลืมคิดไปว่าใครอีกคนอาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้น

     

    ทั้งที่เคยด่าไอ้ชานยอลว่ามันทำตัวหอกหักไปจูบแบคฮยอนแล้วยังทำเฉย พอถึงคราวตัวเองแล้วก็เป็นซะอย่างนี้ พอเป็นเรื่องของตัวเองแล้วคิมจงอินก็กลายเป็นคนอ่อนประสบการณ์ในทันที

     

    เขายังจำคำพูดของเซฮุนในวันติวหนังสือได้เป็นอย่างดี ดวงตาคู่นั้นที่ยิ้มเป็นสระอิ กับริมฝีปากที่ยกยิ้มอย่างขลาดอายตอนกำลังพยายามพูดออกมาให้เป็นประโยค

     

     

    ฉันจะไม่ถามว่าเรื่องระหว่างเรามันคืออะไร ฉันจะเป็นไอ้ขี้เก๊กสุดวัลลาบีในสายตานายก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ข้าง ๆ นายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็พอ

     

     

    ไม่บ่อยหรอกที่หัวใจของคิมจงอินจะเต้นแรง ซึ่งพักหลังมันเกิดขึ้นบ่อยโดยเฉพาะเวลาอยู่กับโอเซฮุนตามลำพัง จากที่หมอนั่นก็ได้ใจเขาไปอยู่แล้ว พอได้ยินประโยคนั้นก็ยิ่งรู้สึกไปในทางบวกยิ่งขึ้นอีก

     

     

    มันจะไม่หยุดแค่นี้หรอก

     

     

    เรื่องของเราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้...เขาบอกตัวเองอย่างนั้น

     

     

    จงอินรู้สึกดีทุกครั้งที่เห็นว่าคนหน้าตายอย่างโอเซฮุนกำลังยิ้ม วันนั้นเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันจนถึงตอนหัวค่ำ เขาก็แกล้งบอกว่าจะแวะไปห้างที่อยู่ใกล้บ้านเซฮุน อ้างว่าสาขาอื่นหนังสือที่อยากได้หมดแล้ว แต่สาขานั้นยังเหลืออยู่

     

    จงอินขอติดแท็กซี่ไปด้วย ซึ่งมันเป็นเหตุผลทางอ้อมที่จะทำให้เขาได้ไปส่งเซฮุนที่บ้านได้โดยไม่ต้องมีใครเขินตายไปก่อน

     

     

    หมายถึงตัวเขาน่ะนะ...

     

     

    ถ้าเป็นคนที่ชอบ จะให้อะไรเขาก็ดีใจทั้งนั้นแหละ จงอินไล้นิ้วหัวแม่มือกับซองหูฟังกำมะหยี่ เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทที่กำลังขมวดคิ้ว

     

    อะไรก็ได้เหรอ

     

    เออ ถ้ามึงอยากให้มันมีค่า ก็ซื้อของที่เป็นประโยชน์ แล้วก็เก็บไว้ได้นาน ๆ สิ อย่างตุ๊กตาหมอนข้างก็คงไม่จำเป็นมั้ง เพราะน้ำหน้าอย่างมึงคงเสนอตัวยอมเป็นหมอนข้างแทนอยู่แล้ว ประโยคนี้ทำเอาไอ้คนขี้กากอมยิ้มเขินเหมือนตุ๊ดเด็ก จงอินผลักไหล่เพื่อนตัวสูงแรง ๆ จนมันเซไปทางด้านข้าง ก่อนจะส่ายหน้าพลางยิ้มขำ

     
     

    และวันนั้น แว่นสายตาก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับปาร์คชานยอล (:

     

     
     

    .

    .

     

     
     

    วันหยุดช่วงสอบปลายภาคเทอมแรกผ่านไป การเปิดภาคเรียนที่สองก็เดินทางมาถึง สิ่งเดิมที่เห็นทุกวันคือคู่รักโต๊ะข้างหลังที่เอาแต่หยอกล้อกันอย่างไม่รู้จักเบื่อ ได้ยินไอ้ชานยอลพูดจาถ่อย ๆ ใส่แบคฮยอน พอจับใจความได้ถึงรู้ว่ามันกำลังชวนแฟนไปดูหนัง

     

    เย็นนี้ได้เทาชวนไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ซึ่งเขาไม่ได้ถามอะไรมาก หลังจากที่เพื่อนสนิทบอกว่าพี่มินซอก ของมันจะมากินข้าวด้วย เอาเถอะ ไหน ๆ ก็เห็นพูดถึงมาตั้งนานแล้ว ลองเจอตัวจริงสักครั้งจะเป็นไรไป เขาก็อยากรู้เหมือนกันแหละว่าพี่ชาย ของไอ้เทาเนี่ยจะเป็นยังไง

     

    เด็กหนุ่มผิวแทนไม่ได้จ้องหน้าคนที่นั่งข้างเพื่อนของเขาจนผิดสังเกต จงอินเพียงแค่ยิ้มตอนที่เราเผลอสบตากัน ยอมรับว่าพี่มินซอกเป็นคนที่มีเซ็กส์แอพพีลอยู่พอสมควร ผู้ชายคนนี้มีสายตาที่สามารถดึงดูดคู่สนทนาให้หยุดอยู่กับตัวเองได้ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้พูดอะไร

     

    ตอนนี้คิมจงอินเข้าใจแล้ว ว่าอะไรที่ทำให้พี่มินซอกเอาคนอย่างไอ้เทาได้อยู่หมัด ทั้งที่นิสัยโดยแก่นแท้ของเพื่อนเขานั้นไม่เคยอยู่กับใครได้นาน ถึงจะเป็นแค่กิ๊กกันก็เถอะ

     

    มันเป็นภาพแปลกตา ที่เห็นไอ้เทาใส่ใจคน ๆ นึงแบบนี้ ไหนจะตักอาหารให้ ส่งแก้วน้ำให้ หรือแม้แต่ใช้นิ้วชี้เช็ดริมฝีปากพี่มินซอกโดยไม่รู้สึกขลาดเขินนั่นอีก มันก็นานแล้วมั้งสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ แต่พอถามว่าเมื่อไหร่จะพัฒนาเป็นแฟนกันสักที มันก็ตอบกลับมาว่าไอ้ห่า แค่พี่น้องก็พอ

     

     

    จากที่เห็นคงเชื่อหรอกนะว่าพี่น้อง...

     

     

    รูปเซฮุนเสร็จยังวะ

     

    เสร็จแล้ว

     

    เออ ส่งเข้าเมลกูด้วย เดี๋ยวกูเอาไปให้เอง จื่อเทายักคิ้ว ตอนนั้นจงอินถึงได้นิ่งไปครู่หนึ่ง เขาคิดว่าไอ้เทาจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วซะอีก เพราะทีแรกมันฝากถ่ายรูปเซฮุน บอกจะใช้กล้องมือถือก็ได้

     

    วันนั้นจงอินแกล้งแถไปว่ายืมกล้องเพื่อนที่อยู่ชมรมถ่ายรูปมา ไม่งั้นเขาคงหาเหตุผลมาแก้ตัวไม่ได้ว่าทำไมรูปเซฮุนทั้งหมดถึงถูกถ่ายด้วยกล้องโปร

     

    มันใช่เรื่องที่ต้องอายเพื่อนขนาดนี้เลยเหรอ เขาควรจะบอกไอ้เทาไปเลยว่าเตรียมกล้องมาเอง และเขาก็เป็นคนช่วยซ้อมบทให้เซฮุนทุกวัน จริงอยู่ที่คิมจงอินเป็นคนปากหนักและฟอร์มจัดสุด ๆ ขืนบอกไปทั้งไอ้เทาและไอ้ชานยอลคงพร้อมใจกันล้ออย่างพร้อมเพรียงแน่ แต่ถ้าไม่พูดวันนี้ วันข้างหน้าพวกมันก็ต้องรู้อยู่ดี

     

    พอวันนั้นตั้งใจแงะปากจะพูด ไอ้เทาก็เสือกสะพายกระเป๋าก้มตัวลงต่ำย่องออกจากห้องเรียนไปเสียอย่างนั้น ไอ้คนขี้เก๊กดีกรีนักกีฬาว่ายน้ำขยิบตาพร้อมมูนวอร์คถอยหลังออกไป ซึ่งเขาเพียงแค่ยิ้มขำกับท่าทางของเพื่อนสนิท ถ้าเป็นเรื่องเพื่อน หวงจื่อเทาทุ่มเทให้เต็มร้อยเสมอเรื่องนี้เขารู้ดี

     

    พักหลังเซฮุนก็แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราทั้งสองคนไปแล้ว นี่ถ้าไอ้ชานยอลไม่ติดแฟนก็คงรวมมันไปด้วยอีกคน ใช่ ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกัน

     

     

    ถ้าวันหนึ่งคิมจงอินบอกเพื่อนทั้งสองคนว่าเขาชอบโอเซฮุน... วันนั้นจะเป็นยังไงนะ

     

     

    อ้าว กูส่งให้เซฮุนแล้วว่ะ โทษที กูไม่รู้ พอได้ยินอย่างนั้นจื่อเทาถึงกับอ้าปากหวอ เขาเห็นว่าพี่มินซอกแอบยิ้มขำ ก่อนจะยีหัวเด็กตัวสูงอย่างเอ็นดู

     

    มึงได้บอกไหมว่ากูเป็นคนบอกให้ถ่าย

     

    ไม่ได้บอก กูแค่ส่งรูปให้เฉย ๆ ไอ้ห่า จำเป็นไหมล่ะ

     

    จำเป็นดิ มึงไปบอกเซฮุนด้วยนะว่ากูเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รูปนั้นเกิดขึ้น พูดจบก็หลุดยิ้มออกมากับคำพูดของตัวเองที่มันโคตรน่าตลก จื่อเทารู้สึกดีที่จงอินยิ้มแล้วชูนิ้วกลางเป็นคำตอบ

     

    เอาเถอะ ไม่ว่าใครจะส่งให้ แต่แค่เซฮุนรู้สึกดีกับการเห็นรูปงานแสดงของตนเอง หวงจื่อเทาก็พอใจแล้ว กับคนที่ไม่มีเพื่อนสนิทอย่างจริงจัง นอกจากคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายจากพวกสาว ๆ แฟนคลับ เด็กหนุ่มชาวจีนคิดว่ามันคงอัดแน่นไปด้วยเสียงกรี๊ด และส่ายจนแทบดูไม่รู้เรื่องแน่ ๆ

     

    เพราะฉะนั้นเขาถึงอยากให้เซฮุนมีรูปดี ๆ เก็บไว้ หมอนั่นจะได้รู้ว่ายังมีเพื่อนอยู่อีกสองคน ที่จะไม่ปล่อยให้ความพยายามในการแสดงของเซฮุนผ่านไปเฉย ๆ โดยไร้ความทรงจำด้วยภาพ

     

    มีเพื่อนแบบนี้เหนื่อยหน่อยนะจงอิน

     

    มันไม่เหนื่อยเท่าพี่หรอก ประโยคนี้เหมือนจะธรรมดา แต่ก็แฝงไปด้วยความทะลึ่งกับสายตาของเด็กหนุ่มชาวจีนที่มองไปยังรุ่นพี่ตัวเล็ก มินซอกเท้าคางมองเด็กอวดดี ก่อนจะยิ้มบาง ๆ เหมือนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ

     

    เหรอ

     

    พี่ว่าไงล่ะ?

     

    ไม่รู้สิ นายอยากให้พี่ตอบตอนนี้หรือไง? มินซอกสบตากับจื่อเทาเพียงแค่ครู่เดียว ก่อนจะหันมาทางจงอินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเด็กหนุ่มผิวแทนก็พยักหน้าพร้อมผายมือเป็นเชิงบอกว่าตามสบายเถอะ

     

    หวงจื่อเทาเป็นผู้ชายขี้เล่น จงอินไม่เคยแปลกใจที่สาว ๆ จะมารุมชอบเพื่อนของเขา หรือแม้แต่ท่าทางทะเล้นที่แสดงออกต่อหน้าพี่มินซอก ดูให้ตายยังไงก็ไม่ใช่พี่น้องอย่างที่ปากมันบอก เอาเถอะ... ในเมื่อไอ้เวรนี่มันอยากปากแข็งมาก งั้นคิมจงอินก็จะไม่บอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโอเซฮุนจนกว่ามันจะยอมปริปากยอมรับแล้วกัน

     

    ถ้าถึงตอนนั้นจะยอมให้มันผลักหัวแรง ๆ สักที ที่คิมจงอินแอบมีความลับกับเพื่อน

     

     

    .

    .

     

     

    ( นี่จงอิน )

     

    ว่าไง

     

    ( งานโรงเรียนวันพรุ่งนี้ห้องนายคงตื่นมาแต่งตัวกันแต่เช้าเลยใช่ไหม สรุปคิดได้หรือยังว่าจะแต่งเป็นอะไร )

     

    จงอินแขวนเสื้อไว้ในตู้แล้วเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะหงายสมาร์ทโฟนที่เปิดเฟซไทม์ค้างไว้เมื่อหลายนาทีก่อนขึ้นมาตั้งไว้บนฐานวาง วันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่แล้วนะที่เราสองคนเลือกคุยแบบเห็นหน้ากัน แทนที่จะคุยแบบได้ยินเสียงอย่างเดียวเหมือนกับทุกครั้ง จนถึงตอนนี้จงอินก็ยังรู้สึกเขินอยู่บ้าง ตอนที่มองหน้าจอแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องอยู่

     

    เขาชอบเวลาเซฮุนผมเปียกน้ำหลังจากสระผมเสร็จ บางครั้งเจ้าตัวก็ตั้งมือถือเอาไว้แล้วเดินไปหยิบจับนู่นนี่นั่น มันต่างจากวันแรกที่เราเริ่มเฟซไทม์คุยกัน ที่ต่างฝ่ายต่างเอาแต่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับหน้าจอ ไม่ยอมลุกไปไหน

     

    ฉันจะแต่งเป็นซอมบี้น่ะ

     

    ( ว้าว นายคงไม่ได้แต่งตัวโทรม ๆ เดินลากไส้ไปไหนมาไหนด้วยหรอกใช่ไหม คาวเลือดแย่ )

     

    เซฮุนยิ้มตาหยี กับประโยคที่ตอบโต้กลับมาในแต่ละครั้ง มันทำให้เด็กหนุ่มผิวแทนรู้สึกได้ว่าตอนนี้เราทั้งคู่กำลังปรับตัวเข้าหากันได้ โดยที่ไม่มีความอึดอัดมาแทรกกลางเหมือนเมื่อก่อน จงอินอมยิ้ม เหมือนร่างกายมันเซ็ทระบบไว้แล้วว่าถ้าเซฮุนยิ้มเมื่อไหร่ ริมฝีปากของเขาก็จะยกยิ้มตามอย่างไม่มีข้อกังขา

     

    พวกผู้หญิงบอกว่าแต่งให้น่ากลัวก็พอ ไม่มีพร็อพเสริมอะไรหรอก

     

    ( ถ้านายแต่งหล่อ สาว ๆ ก็คงพากันกรี๊ดอีก )

     

    ไม่ดีหรือไง? จงอินมองคนในจอมือถือ เขาเห็นว่าเซฮุนย่นจมูก ก่อนจะค่อย ๆ ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

     

    ( ฉันกลัวมีคนมาชอบนาย )

     

    หวงเหรอ

     

    ( แล้วดูถาม... เล่นแบบนี้เลยเหรอ )

     

    เซฮุนทำตาโต มือที่เคยขยี้ผ้าขนหนูบนเส้นผมที่เปียกลู่เข้ากับโครงหน้านั้นชะงักไป ก่อนจะก้มหน้าลงหลังจากที่ได้ยินเสียงจงอินหัวเราะเบา ๆ

     

    เซฮุนทำท่าเอาผ้าขนหนูไปเก็บ ทั้งที่คิดว่าคงสู้กับจงอินได้ไม่ยากเท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็เหมือนเดิม พอโดนฮุคหมัดตรงแล้วก็ไปไม่เป็นเลย จะให้ตอบว่าหวงเหรอ ถ้าพูดแบบนั้นแล้วจงอินจะสวนกลับมาโดยประโยคแบบไหนกันนะ ไม่กล้าเสี่ยงเลย

     

    ( พรุ่งนี้ทำงานหนักหน่อยนะบอยเมด )

     

    เซฮุนหยิบสมาร์ทโฟนติดมือมาด้วยแล้วนั่งลงบนเตียง ตอนนี้จงอินกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างอยู่ พอดูจากมุมนี้แล้วดูดีจัง

     

    พรุ่งนี้สาว ๆ มาห้องฉันเพียบแน่

     

    ( จะพูดให้หึงหรือไง? )

     

    อีกครั้งที่ทำให้โอเซฮุนพูดไม่ออก ครั้งที่สองแล้วนะที่จงอินพูดตรง ๆ จนทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก

     

    ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเลย ก็แค่เล่าให้ฟัง

     

    ( เหรอ )

     

    จงอินอมยิ้มทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากสมุดที่กางอยู่บนโต๊ะ ผู้ชายคนนั้นรู้จังหวะการทำให้คนมองใจสั่นได้เป็นอย่างดีก็ตอนที่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เราได้สบตากัน ในช่วงวินาทีที่รอใครสักคนพูดต่อ

     

    เซฮุนรู้ตัวว่าใจเต้นแรงอยู่บ่อย ๆ กับบทสนทนาของเราที่เกิดขึ้นในทุก ๆ คืนก่อนนอน แต่พอวกเข้าอื่นที่ไม่ใช่เรื่องมีสาระเมื่อไหร่ หัวใจของเขาก็จะเริ่มทำงานหนัก เพราะรู้สึกดีกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด และแสดงออกมาผ่านทางสายตา

     

    ( พรุ่งนี้นายอาจจะไม่ได้เหนื่อยเพราะสาว ๆ อย่างเดียว )

     

    ...

     

    ( เพราะจะมีซอมบี้ตามไปแพร่เชื้อถึงห้องด้วย พอถึงตอนนั้นถ้าไม่อยากถูกกัดก็หาเหยื่อไว้ให้ฉันด้วยล่ะ )

     

    เด็กหนุ่มเม้มปากขณะที่เรายังคงสบตากันอยู่อย่างนั้น ถ้าเข้าใจไม่ผิด... พรุ่งนี้จงอินจะแวะไปหาเขาที่ห้องใช่หรือเปล่านะ...

     

    กัดกันลงคอเหรอ

     

    ( ทำไมจะกัดไม่ลง ซอมบี้ไม่มีความรู้สึกนึกคิดอยู่แล้ว )

     

    จงอินยิ้มขำแล้วลุกขึ้นเดินออกไปทำอะไรสักอย่าง ตอนนั้นเซฮุนเลยแอบแยกเขี้ยวใส่กล้อง ก่อนจะปั้นหน้าเรียบเฉยเมื่ออีกฝ่ายเดินกลับมานั่งที่เดิม

     

    ฉันจะฆ่านายก่อนที่จะถูกกัด

     

    ( ถามจริง ฆ่าลงไหม? )

     

    เซฮุนเอนถอยหลังเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้กล้อง ทั้งที่เราอยู่ไกลกันมากขนาดนี้ แต่เขากลับรู้สึกว่าใบหน้าของจงอินอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก

     

    ทำไมจะฆ่าไม่ลง ทีนายยังพร้อมจะกัดฉันได้เลย

     

    ( ที่กัด ก็เพราะอยากให้นายเป็นซอมบี้เหมือนกัน )

     

    จงอินเท้าแขนพลางซบแก้มลงกับมือตัวเองที่กำเอาไว้หลวม ๆ ขณะที่ดวงตาคู่นั้นยังคงมองมายังเขา

     

    ( ก็ถ้าฉันกลับไปเป็นคนไม่ได้ ก็คงต้องเปลี่ยนนายให้เป็นซอมบี้เหมือนกัน )

     

    อยากเกลียดผู้ชายคนนี้จริง ๆ คิมจงอินเป็นใครทำไมถึงมีอิทธิพลต่ออัตราการเต้นของหัวใจโอเซฮุนถึงขนาดนี้ เซฮุนเผลอหลับตาเมื่ออีกฝ่ายแตะนิ้วลงบนหน้าจอ ก่อนที่เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยจะหัวเราะออกมาเบา ๆ หลังจากที่แกล้งเขาได้

     

    ( ดูขมวดคิ้วสิ กลัวเป็นซอมบี้ขนาดนั้นเลยหรือไง? )

     

    ไม่ได้กลัวเถอะ นายไม่ได้เป็นซอมบี้จริง ๆ สักหน่อย เซฮุนเถียงแก้เขิน บางทีคิมจงอินก็ควรหยุดโจมตีหัวใจเขาได้แล้ว ไม่รู้เหรอว่าเวลาเขินหนัก ๆ แล้วมันเหนื่อย

     

    ( ไปเอาผ้าขนหนูมาเช็ดหัวให้แห้งก่อน เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ )

     

    เป็นห่วงเหรอ

     

    ( ถ้าคิดจะหาทางเอาคืน หรืออยากเอาชนะล่ะก็... ฉันจะไม่ตอบ )

     

    จงอินเลิกคิ้วขึ้นทั้งที่ริมฝีปากกำลังยกยิ้มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า อีกแล้ว... ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจชะมัด ทีตัวเองยังถามให้คนอื่นตอบได้เลย

     

    ถามเพราะอยากได้ยินจากปากนาย แบบนี้จะตอบได้ไหม ไม่อยากเอาคืนแล้วก็ได้ ลึก ๆ แล้วโอเซฮุนก็อยากชื่นใจกับคำพูดหวาน ๆ จากคนที่เขาชอบมากกว่า จงอินเงียบไปตั้งหลายวินาที ก่อนจะยิ้มพร้อมพยักหน้าเป็นคำตอบ

     

    ( ถ้าไม่อยากให้พ่อแม่ตกใจกลางดึกเพราะมีคนไปหาถึงบ้าน ...ก็อย่าเป็นหวัดล่ะ )

     

    ...

     

     

    ยอมแล้ว...

     

     

    เซฮุนไม่สามารถกักกั้นความรู้สึกได้อีกต่อไป สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือการยกมืออีกข้างขึ้นปิดปากตัวเองที่กำลังยิ้มอย่างขลาดอาย มันจะดูบ้าไปไหมนะ ที่เขารู้สึกอยากเป็นหวัดขึ้นมา ถ้ามันจะทำให้จงอินมาหาถึงบ้าน

     

    ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว แต่เรายังคงหาเรื่องมาคุยกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างคุยไม่เก่ง แต่พอมีใครเปิดประเด็นอะไรสักอย่างขึ้นมา เราก็จะคุยกันได้อย่างออกรส

     

    ( นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นไปแต่งตัวแต่เช้า )

     

    เซฮุนไม่ได้รั้นขอคุยต่อ เพราะเขาเข้าใจดีว่าพรุ่งนี้จงอินก็ต้องตื่นเช้าไปแต่งตัวเตรียมพร้อมสำหรับงานโรงเรียนเหมือนกัน แต่ตอนนี้มันไม่รู้สึกง่วงเลยนี่สิ จะทำยังไงดี

     

    โอเค งั้นฝันดีนะ

     

    ( ถ้าวางสายแล้วนายจะนอนจริง ๆ ใช่ไหม? )

     

    ผู้ชายที่อยู่ในจอสมาร์ทโฟนถามพร้อมแววตาจริงจัง เซฮุนไม่อยากโกหก เขาเลยส่ายหน้าเป็นคำตอบ

     

    ตอนนี้ไม่ง่วงเลย แต่จะพยายามนอนนะ

     

    จงอินนิ่งไปชั่วอึดใจ เราสองคนเพียงแค่มองหน้าจอที่มีภาพของอีกฝ่าย ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะคว้าสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าเปียโนพร้อมตั้งมันไว้ข้าง ๆ

     

    จะทำอะไรน่ะ

     

    ( วางยานอนหลับนาย )

     

    พูดจบก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหยัดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเปียโนหลังที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดี จงอินกำลังจะเล่นเปียโนให้ฟังงั้นเหรอ?

     

    ที่จริงแค่นายบอกว่าฝันดีนะ ฉันก็โอเคแล้ว... เซฮุนเอนตัวลงนอนหันข้าง ก่อนจะตั้งสมาร์ทโฟนไว้ตรงระดับสายตา หัวใจพองโตครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาชอบที่จะรู้สึกอย่างนี้

     

     
     

    อยากรู้จัง...จงอินจะรู้สึกเหมือนกันบ้างหรือเปล่านะ?

     
     

     

    ไว้อยู่ใกล้ ๆ แล้วจะบอก คืนนี้ทนฝันร้ายไปก่อนนะ

     

    จงอินจะรู้ไหมว่าคำพูดที่ออกมาจากปาก และการแสดงออกที่ทำให้รู้สึกว่าเขาสำคัญนั่นน่ะ... มันจะทำให้โอเซฮุนไม่รู้จักคำว่าพอดี เขากำลังโลภมาก ที่อยากได้ยินคำว่า ฝันดีนะ โดยที่ไม่ต้องมองหน้ากันและกันผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนแบบนี้  

     

    เสียงดนตรีที่อีกฝ่ายบรรเลง กับสายตาที่หันมามองกล้องเป็นระยะพร้อมรอยยิ้มนั่นทำให้โอเซฮุนมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพลง Love Me Like You Do ที่กำลังเล่นอยู่ เขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยขอให้จงอินเล่นให้ฟังตอนเราอยู่ในคลาสเรียนเปียโน แต่ผู้ชายคนนั้นกลับบอกว่าถ้าโอเซฮุนเล่น Kiss The Rain จบเพลงได้เมื่อไหร่ถึงจะยอมเล่นให้ฟัง

     

    เปลือกตาที่เคยต่อต้านความง่วงเริ่มหนักอึ้ง เซฮุนคิดว่าเสียงเปียโนที่อีกฝ่ายกำลังบรรเลงเป็นเหมือนยานอนหลับจริง ๆ นั่นแหละ นี่ก็เข้าเพลงที่สี่แล้ว เซฮุนไม่รู้ว่าเพลงที่สองกับสามเป็นของใคร แต่จงอินก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเล่น หรือละมือออกมาแล้วบ่นว่าเมื่อยเลยสักนิด

     

    เซฮุนปรือตามองจอสมาร์ทโฟน เสียงเพลง Officially Missing You กำลังต่อสู้กับสติสัมปชัญญะของเขา และดูเหมือนว่าโอเซฮุนจะเป็นฝ่ายแพ้

     

     
     

    เดี๋ยวสิ... ยังอยากฟังจงอินเล่นเปียโนอยู่เลย...

     

     
     

    ( เซฮุน )

     

    ...

     

    ( หลับแล้วใช่ไหม? )

     

    ...

     

    ( อืม...งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ )  

     

    ...

     

    ( ส่วนคืนนี้ฉัน... )

     

    ...

     

    ( ...จะฝันถึงนาย )

     

     

     
     

     

    TBC

     

     
     

    งั่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ....

     
     

    เพื่อเพิ่มอรรถรส นี่คือลิงค์เปียโน

     

     

    Love Me Like You Do https://www.youtube.com/watch?v=rFPkb2rfJXg

    Officially Missing You https://www.youtube.com/watch?v=qsXFZ8Aupck

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×