ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DON'T GROW UP, IT'S A TRAP #ฟิคเปย์เด็ก | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER 09 :: Care

    • อัปเดตล่าสุด 22 ม.ค. 59


    (c) Chess theme

     

     

     

    CHAPTER 09

    CARE

     

     

    บรรยากาศโรยรอบเริ่มผ่อนคลายขึ้นถ้าเทียบกับครึ่งชั่วโมงก่อน ที่ผู้ปกครองต่างร้องห่มร้องไห้ หลังจากเห็นว่าบุตรหลานของตนปลอดภัย และบางคนที่เกือบเป็นลมล้มพับไป เมื่อเห็นลูกของตนแขนขาหักจนต้องใส่เฝือก นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล

     

    แบคฮยอนนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องคนไข้ โดยมีนักเรียนชายสองสามคนนั่งรอผู้ปกครองอยู่ข้าง ๆ ส่วนชานยอลเพิ่งเข้าไปดูอาการเพื่อนในห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    ทุกคนปลอดภัยแล้ว มึงเลิกทำหน้าแบบนี้สักทีเถอะ

     

    ทำไงได้วะ กูยังจำความรู้สึกตอนรถมันพลิกคว่ำได้อยู่เลย ใจนี่ตกไปอยู่กับตีน

     

    ถือว่าฟาดเคราะห์ ต่อไปก็ทำดีกับโคตรเหง้าตัวเองให้มาก ๆ อย่าเหี้ยไปกว่านี้

     

    ไอ้ห่า กูซีเรียส

     

    ฮ่า ๆ

     

    จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ได้กลุ่มพวกไอ้มินโฮเข้าไปช่วย ก็ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าจะเป็นไงบ้าง

     

    นั่นดิ พวกมันเจ็บขนาดนั้น โดยเฉพาะไอ้ชานยอล กูเห็นกับตาว่ามันแกะมือกู้ภัยออก แล้วกลับเข้าไปช่วยเพื่อน

     

    ฉากอุ้มจื่อวีออกมานี่โคตรพระเอก งานนี้ต้องมีมอบเหรียญ

     

    ฮ่า ๆ ไอ้นัมจุนก็ใช่ย่อยที่ไหน มันแบกคนขับรถขึ้นหลังเลยนะ ยิ่งกว่าหนังสงคราม

     

    เพื่อนเราโคตรสุดยอด

     

    แบคฮยอนนั่งนิ่ง ฟังบทสนทนาของกลุ่มเด็กวัยรุ่น พลางนึกไปถึงเด็กตัวสูงที่อยู่อีกฝั่งของประตู คนตัวเล็กหยัดตัวขึ้นยืน ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูซึ่งมีกระจกใสบานเล็กอยู่ตรงระดับสายตา

     

    ผู้ปกครองสองคนกำลังยืนคุยกับชานยอลอยู่ ซึ่งก็คงเป็นพ่อกับแม่ของเด็กสาวในชุดคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงเหล็ก เขาจำหน้าเธอได้ เด็กผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ร้านกาแฟ ซึ่งก็คงเป็นคนเดียวกับที่ชานยอลช่วยออกมาจากรถบัส

     

    เป็นไงบ้าง? แบคฮยอนหันไปตามเสียง แล้วก็พบว่าแฟนสาวของเขาได้มาถึงแล้ว หลังจากโทรคุยกันไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

     

    อยู่กับเพื่อนข้างในน่ะ

     

    แล้วซูยองล่ะ เธอไม่ได้ไปด้วยใช่ไหม?

     

    แบคฮยอนส่ายหน้า เธอไปมินิมาร์ทข้างล่าง เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว

     

    ได้ยินอย่างนั้นจูฮยอนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอหันไปยังห้องคนไข้เพื่อดูให้แน่ใจว่าชานยอลปลอดภัยจริง ๆ ซึ่งการที่เด็กตัวสูงยิ้ม พร้อมก้มศีรษะให้กับผู้ใหญ่ตรงหน้า ก็อดที่จะยิ้มตามกับความมีมารยาทไม่ได้

     

    หญิงสาวยิ้มพลางลูบศีรษะคนรักเป็นการปลอบใจ จนถึงตอนนี้แบคฮยอนก็ยังไม่ละสายตาไปไหน ซึ่งมันคงไม่แปลก เธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้รักและเป็นห่วงชานยอลมาก ขนาดเธอที่ไม่ค่อยสนิทยังรู้สึกใจหายตอนที่ได้ยินข่าว

     

    ไม่เป็นไรนะ เขาปลอดภัยแล้ว รอยยิ้มของแบคฮยอนดูอิดโรย เธอจึงกดศีรษะคนตรงหน้าให้ซบลงกับไหล่เธอ ก่อนจะสวมกอดพร้อมลูบหลังเบา ๆ

     

    ขอโทษที่รีบออกมาโดยไม่ได้บอก ตอนนั้นฉันลนมากจริง ๆ

     

    ฉันรู้น่า จูฮยอนหัวเราะ ตอนนี้นายเหมือนเด็กเจ็ดขวบที่พร้อมจะร้องไห้ออกมาตลอดเวลาเลย

     

    อย่าเวอร์ได้ไหม ก็ไม่ได้ขนาดนั้น แบคฮยอนผละออกมาปั้นหน้าเครียด เธอจึงหลุดขำออกมาอีกครั้ง

     

    ลองถามชานยอลดูสิ ฉันว่านายคงทำหน้าแย่กว่านี้ตอนเห็นว่าเขาปลอดภัยแล้ว

     

    แบคฮยอนไม่ได้ตอบโต้กลับ เธอเห็นว่าอีกฝ่ายหลุบสายตาลงราวกับทบทวนว่าตนเองหลุดทำเรื่องเป๋อ ๆ ออกไปหรือเปล่า จูฮยอนยีหัวคนตรงหน้าอย่างเอ็นดู คบกันมาตั้งกี่ปี หมอนี่ก็ยังฟอร์มจัดอยู่เหมือนเดิม

     

    ฉันจะไปเข้าเวรแล้วนะ

     

    จะไปแล้วเหรอ เธอเห็นแววตารู้สึกผิดของอีกฝ่าย หญิงสาวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มพลางมองไปยังเด็กหนุ่มที่ยังคงอยู่ด้านใน

     

    กว่าจะขับรถไปถึงโรงพยาบาลก็คงกินเวลาเป็นชั่วโมง ถ้าทำงานอยู่ที่นี่ก็ว่าไปอย่าง จูฮยอนยังคงยิ้ม เธอไม่อยากให้แบคฮยอนรู้สึกผิดกับเรื่องที่เธอเคยทำมันซ้ำ ๆ มาแล้วหลายครั้ง

     

    ขอโทษนะ

     

    พูดอะไรแปลก ๆ ขนลุก หญิงสาวแค่นหัวเราะ ผลักอกแฟนหนุ่มเบา ๆ พลางส่ายศีรษะ ร้อยวันพันปีมีหรือผู้ชายคนนี้จะงัดปากขอโทษเธอ

     

    อืม ขอโทษ จูฮยอนยิ้มไม่ออกแล้ว เมื่อคนที่ชอบผลักหัวเธอแล้วพูดกวนประสาทเพียงแค่ยืนนิ่งโดยไม่สบตากัน จะบอกว่ายังตกใจเรื่องรสบัสคว่ำอยู่ก็คงไม่ใช่ แต่ครั้นจะให้ซักไซ้เพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ มันก็ไม่ใช่นิสัยของเบจูฮยอนเหมือนกัน

     

    งั้นฉันไปแล้วนะ ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันโทรหาอีกที เธอก้าวถอยหลัง พลางมองเด็กหนุ่มตัวสูงในห้องคนไข้เป็นครั้งสุดท้าย

     

    แบคฮยอนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น จ้องมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินห่างออกไปจากตรงนี้ด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่ได้พูดคำว่าขอโทษ อย่างไร้เหตุผล กับสิ่งที่พูดออกไปและรอยยิ้มที่ไม่สามารถฝืนออกมาได้ มันเป็นเพราะเขารู้สึกผิดต่อจูฮยอนเหลือเกิน

     

     

    ขอโทษที่เขากำลังหวั่นไหวเพราะเด็กผู้ชายคนนั้น

     

     

    .

    .

     

     

    หนูถือกระเป๋าให้

     

    ชานยอลเลิกคิ้วมองน้องสาวที่ทำตาแป๋วพร้อมแย่งทุกอย่างไปถือเอง เด็กหนุ่มหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อยัยตัวแสบที่ชอบปั่นหัวเขากำลังวิ่งไปเปิดประตูบ้านให้และไม่ลืมที่จะหันมากวักมือเรียก

     

    เขาหลุดออกจากความคิดเมื่อได้ยินเสียงประตูรถฝั่งคนขับปิดลง ตามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่ค่อย ๆ เลือนหายไป เมื่อตอนนี้คนตัวเล็กกำลังเดินอ้อมมาฝั่งนี้พร้อมก้มหน้าลง และยื่นมือออกมา ชานยอลเอาแต่จ้องหน้าอีกฝ่าย เขายังไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่ว่าคุณแบคฮยอนรอจนถึงเมื่อชั่วโมงที่แล้ว เพื่อรอกลับพร้อมกัน

     

    ไม่มีเหตุผลอะไรที่ชานยอลจะปฏิเสธมือที่เขาอยากจับมากที่สุด เด็กหนุ่มปล่อยให้อีกคนคิดว่าเขากำลังเจ็บหนัก ถ้าหากจะได้สิทธิ์เข้าใกล้คุณแบคฮยอนโดยไม่ต้องพึ่งเหตุผล หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาเริ่มพองโตขึ้นมาอีกครั้ง เพียงเพราะสองมือของคนตัวเล็กกำลังช่วยประคองให้เขาเดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน

     

    พี่นั่งอยู่เฉย ๆ เลยนะ อยากได้อะไรก็ตะโกนเรียก เดี๋ยวคืนนี้หนูจะไม่ปิดประตูห้อง

     

    ปิดไปเลย พี่ไม่อยากใส่หูฟังนอนเพราะได้ยินเสียงเธอละเมอ

     

    พี่อะ ซูยองยู่ปาก ชะโงกหน้าหรี่ตามองพี่ชายที่นั่งยิ้มอยู่บนโซฟา โดยที่มีพี่แบคฮยอนนั่งอยู่ข้าง ๆ พอเห็นอย่างนั้นเธอจึงโล่งใจขึ้นมาหน่อย

     

    ไปอาบน้ำเถอะ พี่ไม่เป็นไร

     

    ...แน่นะ

     

    ชานยอลพยักหน้า พร้อมยิ้มบาง ๆ เพื่อยืนยันให้น้องสาวแน่ใจ เขายังจำสีหน้าซูยองตอนอยู่โรงพยาบาลได้ น้องเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ฟูมฟายกลัวว่าพี่ชายจะเป็นอะไรไป ซึ่งเขาต้องกอดปลอบอยู่นานจนกว่าจะหยุด และจากเหตุการณ์นี้ทำให้ได้รู้ว่า คงไม่มีใครร้อนใจและเป็นห่วงเขาเท่ากับคนในครอบครัวอีกแล้ว

     

     

    ถ้าจะนับคุณแบคฮยอนด้วย... จะเป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่านะ?

     

     

    ขอบคุณที่มาส่งนะครับ คนตัวเล็กไม่ได้ขานตอบ ซึ่งเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่เป็นไร หรือ เรื่องแค่นี้เอง

     

    บรรยากาศระหว่างเรายังคงน่าอึดอัด แต่สำหรับชานยอลแล้ว เขายอมอยู่แบบนี้ดีกว่าเอาแต่กังวลว่าตอนนี้คุณแบคฮยอนจะรังเกียจเขาสักแค่ไหน เด็กหนุ่มชำเลืองมองคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะรีบหันกลับเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องอยู่

     

    ระยะห่างของเราประมาณสองที่นั่งได้ ซึ่งมันก็ใกล้มากพอแล้วถ้าเทียบกับคอนโดที่อยู่ไกลจากตรงนี้อยู่กลายกิโล เด็กหนุ่มได้แต่หวังว่าคุณแบคฮยอนจะไม่ได้ยินเสียงหัวใจของเขา ที่มันเต้นแรงเพราะความตื่นเต้น ความกดดัน และความสุขเมื่อได้อยู่ด้วยกันในเวลานี้

     

    คุณหิวหรือยังครับ เดี๋ยวผมลุกไปทำกับข้าวให้

     

    เริ่มน่าเศร้าแล้วล่ะ... ถ้าหากปาร์คชานยอลยังเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่คิดจะโต้ตอบบทสนทนาเลย เด็กหนุ่มพยายามทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งถ้าคุณแบคฮยอนจะทำตามเขาก็ยินดีทั้งนั้น ขอแค่เรากลับมาคุยกันได้เหมือนปกติ แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ลืมมันไปง่าย ๆ

     

    ซูยองกำลังอาบน้ำ และตอนนี้มีแค่เราสองคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่น ชานยอลหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนออกอย่างช้า ๆ ระหว่างรวบรวมความกล้า ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสดี ถ้าหากเขาและคุณแบคฮยอนจะเคลียร์ทุกเรื่องที่ค้างคาใจ

     

    ถ้าคุณไม่อยากพูด งั้นก็นั่งฟังผมพูดหน่อยนะครับ เด็กหนุ่มชำเลืองมองคนตัวเล็กอีกครั้ง เขายังคงประหม่าและกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจจนถูกตะคอกใส่เหมือนตอนคุยโทรศัพท์กันวันนั้นถ้าคุณรู้สึกแย่กับเรื่องที่ผมพูด ก็ยกมือขึ้นนะครับ ผมจะได้หยุด

     

    ...

     

    ผมจะพูดเรื่องที่อาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดก่อนชานยอลไม่กล้ามองหน้าคุณแบคฮยอนตอนนี้ เด็กหนุ่มเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจ เพื่อเรียบเรียงคำพูดและรอดูท่าทีอีกฝ่ายว่าจะลุกเดินหนีไปหรือเปล่าเรื่องที่ผมชอบโผล่หน้าไปหาคุณอยู่เรื่อย

     

    ...

     

    ขอโทษนะครับ ที่จริงผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามันอาจจะทำให้คุณรำคาญ ผมลืมไปว่าคุณก็คงอยากเอาเวลาไปทำอย่างอื่นมากกว่าใช้เวลาอยู่กับผม เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ผมจะค่อย ๆ ห่างออกมานะครับ

     

    ...

     

    ส่วนเรื่องที่คุณเมาวันนั้น ถ้าคุณเซ็งเพราะมันเกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายอย่างผม ก็ให้ลองคิดว่ามันเป็นประสบการณ์บ้าบอคอแตกที่เอาไว้เล่าตอนดื่มกับเพื่อน ๆ ก็ได้นะครับ แต่ถ้าคุณรู้สึกผิดกับผมล่ะก็ ไม่เป็นไรนะ ผมไม่ได้รู้สึกแย่เลย แล้วก็--

     

    ยังพูดไม่จบอีกเหรอ?

     

    เด็กหนุ่มนั่งตัวชา ก้มหน้ามองมือตัวเองอย่างคนโง่หลังจากถูกเบรกทุกคำพูดด้วยประโยคนี้ คุณแบคฮยอนคงรำคาญเด็กอย่างเขาที่เอาแต่พล่ามไม่หยุด ซึ่งนั่นก็สมควรแล้ว

     

    ทำไมถึงพูดเองเออเองอยู่คนเดียว เธอไม่อยากถามบ้างหรือไงว่าทำไมฉันถึงทำอย่างนั้น

     

    ...

     

    ทำไมถึงเอาแต่โทษตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

     

    ผมทำผิดครับ

     

    ทำอะไร?

     

    ... เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้น แล้วตอบกลับไปอย่างไม่อายว่าเขาชอบคุณแบคฮยอนจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว แต่ตอนนี้สิ่งที่ปาร์คชานยอลทำได้ดีก็แค่ก้มหน้าฟังอีกคนดุ

     

    ที่นายคิดกับฉันมากกว่านั้นน่ะเหรอ ที่เรียกว่าทำผิด

     

    ...

     

    เด็กหนุ่มไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าประโยคนั้นจะหลุดออกมาจากปากคนที่เขาแคร์มากที่สุด สองมือที่วางอยู่บนหน้าขาค่อย ๆ กำเข้าหากันแน่น พร้อมเรื่องราวในหัวที่ตีกันไปหมด กลัว... กลัว... กลัว... นั่นคือสิ่งเดียวที่เด่นชัดในความคิด

     

    เขากังวลเหลือเกินว่าประโยคถัดไปจะเป็นอย่างไร และอีกฝ่ายจะรู้สึกแย่แค่ไหนหลังจากรับรู้ว่าเด็กที่อุปการะอยู่มันคิดไม่ซื่อ ทั้งมือ ซอกคอ และขมับต่างชื้นไปด้วยเหงื่อ ชานยอลค่อย ๆ หันเข้าหาอีกฝ่าย สบตากันนิ่งอยู่เกือบครึ่งนาทีโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร

     

    ขอโทษ... ครับ

     

    ชานยอลไม่เคยคาดเดาความคิดอีกฝ่ายได้เลย อาจเป็นเพราะเขายังเป็นเด็กที่ยังไม่รู้จักโลกดีนัก ในขณะที่คุณแบคฮยอนสามารถรับรู้เรื่องของเขาได้ง่าย ๆ เพียงแค่มองตาหรือจับผิดสิ่งที่เขาเป็น

     

    ผมพยายามดึงตัวเองกลับแล้ว แต่มันก็... เสียงของเด็กหนุ่มแผ่วลง ขณะสบตากับผู้มีพระคุณ มันอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกผิด ซึ่งคงไม่มีความดีที่ไหนช่วยล้างได้ ผมไม่คิดว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ ตอนแรกมันเริ่มต้นแค่อยากอยู่ใกล้ ๆ แค่อยากทำให้คุณสบายใจ...

     

    ...

     

    แต่ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกอึดอัดเมื่อไหร่ ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะถอยออกมาทันที ซึ่งผมพยายามทำแล้วหลังจากเรื่องวันนั้น

     

    ...

     

    ผมขอโทษครับ ทั้งที่คุณทำดีกับผมและซูยองมาก แต่ผมก็ยังกล้าคิดแบบนี้ได้ เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากคลายความประหม่า แต่ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่ได้หวังไปมากกว่านั้น ผมก็แค่... อยากอยู่กับคุณ

     

    รู้สึกเหมือนมีใครเอามือมากำหัวใจเอาไว้ หลังจากได้ฟังคำอธิบายของเด็กหนุ่มที่เอาแต่นั่งก้มหน้าอย่างคนรู้สึกผิด จนถึงตอนนี้ชานยอลก็ยังเอาแต่โทษตัวเอง ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกหัวเสียจนอยากฟาดมือไปบนท่อนแขนนั่นสักครั้ง ถ้าหากไม่ติดว่าเจ้าตัวเจ็บอยู่

     

    คุณลืมมันไปได้ไหมครับ ทั้งความรู้สึกของผม แล้วก็เรื่องวันนั้น

     

    ไม่รู้หรือไงว่าทุกครั้งที่พยายามลืม มันก็คือการนึกถึง ชานยอลหลับตาแน่น หายใจเข้าลึก ๆ พร้อมก่นด่าตนเองในใจที่พูดโง่ ๆ ออกไปอีกแล้ว ถ้าทำแบบนั้น ฉันก็คงเป็นแค่คนนิสัยไม่ดีคนหนึ่งที่อายุมากกว่าเธอ

     

    ขอโทษครับ ผมไม่อยากให้คุณเครียด--

     

    เมื่อไหร่จะเลิกพูดคำว่าขอโทษสักที ฉันจะโมโหเธอจริง ๆ แล้วนะปาร์คชานยอล แบคฮยอนขมวดคิ้ว อีกนิดเดียวเขาก็เอื้อมมือไปฟาดเจ้าเด็กยักษ์แล้วถ้าไม่ติดว่าเห็นสีหน้าหงอย ๆ ก่อน

     

    ผมจะนั่งอยู่เฉย ๆ คุณอย่าตีผมเลยนะ ผมเจ็บมาทั้งวันแล้ว

     

    ... คนอายุมากกว่าถึงกับพูดไม่ออก กับประโยคที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังออดอ้อนหรือกำลังเรียกร้องขอความเห็นใจกันแน่

     

    ชานยอลชี้ผ้าก๊อซที่พันรอบศีรษะตนเองเป็นการย้ำ พร้อมหัวไหล่ที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทก ซึ่งแบคฮยอนทำได้แค่ถอนหายใจอย่างหัวเสีย และนั่นไม่ใช่เพราะเด็กคนนี้ แต่เพราะความรู้สึกของเขาเองทั้งนั้น

     

    เอาแต่พูดว่าขอโทษอยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด

     

    เด็กหนุ่มอ้าปากเตรียมพูดว่าขอโทษอีกครั้ง แต่ก็ต้องกลืนคำพูดลงคอแล้วนั่งยืดหลังตรงอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว เขาจะไม่พูดอะไรอีก จนกว่าคุณแบคฮยอนจะอารมณ์ดีขึ้น

     

    ฉันจะไม่ลืมอะไรทั้งนั้นแหละ แล้วฉันจะไม่ขอโทษด้วยที่ยังอยากอยู่กับเธอ

     

    เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น มองตามเจ้าของคำพูดที่อยู่ ๆ ก็ลุกพรวดเดินออกไปจากตรงนี้ ชานยอลกำลังพยายามตั้งสติ แล้วคิดตามประโยคเมื่อครู่ว่าคุณแบคฮยอนอยากสื่อความหมายไปในทางไหน ซึ่งเขากำลังจะเป็นบ้าที่เอาแต่คิดเข้าข้างตัวเอง

     

    ฉันขี้เกียจขับรถออกไปข้างนอกแล้ว คืนนี้กินรามยอนแล้วกัน

     

    อยู่บนนั้นน่ะครับ... ชานยอลเม้มริมฝีปาก สองขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องครัวพลางชี้ไปยังตู้เก็บของซึ่งอยู่เหนือศีรษะคนตัวเล็ก ทั้งคู่สบตากันแค่ชั่วอึดใจเดียว ก่อนที่คุณแบคฮยอนจะเขย่งขาควานหาซองรามยอนบนนั้น จนเขาต้องเข้าไปช่วย

     

    แบคฮยอนชะงักมือ เมื่อรู้สึกได้ถึงแผงอกที่แนบชิดอยู่กับหลังของเขา พร้อมมือที่วางลงบนไหล่ ชานยอลเอื้อมไปหยิบมันได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่เขาต้องยืดจนสุดตัวแต่ก็เกินความสามารถคนส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐาน แบคฮยอนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองสันกรามของเด็กอายุสิบเก้าที่กลายเป็นเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว และพอตั้งสติได้ คนอายุมากกว่าจึงขยับออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายหยิบถนัดขึ้น

     

    แบคฮยอนเสยผมขึ้นพลางหายใจเข้าลึก ๆ กับอาการเต้นแรงของหัวใจที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รับรู้ได้ว่ามันทำงานหนักแค่ไหนตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง

     

    กินรสนี้นะครับ มันไม่เผ็ด คุณจะได้กินด้วยกัน

     

    ทำไมปาร์คชานยอลถึงเป็นคนแบบนี้นะ ทั้งที่เพิ่งถูกดุไปแท้ ๆ แต่ก็ยังยิ้มได้อยู่อีก รู้สึกดีมากหรือไง เสียใจบ้างก็ได้ เขาจะได้สำนึกผิดแล้วเก็บไปทบทวนจนสมองระเบิดไปเลย เอาให้มันสาสมกับปัญหาที่บยอนแบคฮยอนเป็นคนสร้างขึ้น

     

    เด็กหนุ่มยิ้มอย่างขลาดอายปนรู้สึกผิดขณะสบตากับเขา ซึ่งบยอนแบคฮยอนคงยิ้มตอบไม่ได้เพราะความรู้สึกมากมายที่ตีรวนอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบจูฮยอน หรือเรื่องหัวใจที่มันเต้นแรงได้อย่างน่าเกลียดเพราะเด็กผู้ชายคนนี้

     

    เดี๋ยวฉันทำเอง เธอไปนั่งได้แล้ว

     

    แต่วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะครับ

     

    ซ้ำอีกสักแผลดีไหม ทำไมต้องเถียงด้วยนะ? แบคฮยอนขมวดคิ้วคาดโทษแล้วง้างมือขึ้น ซึ่งเจ้าเด็กยักษ์ก็ยืนห่อไหล่พร้อมทำหน้าหงอ

     

    ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่าคุณเป็นคนที่ดุมาก ๆ คนหนึ่ง

     

    ฉันดุได้กว่านี้อีก ถ้าเธอยังพูดไม่ฟัง

     

    ผมอยากบอกว่าผมเชื่อฟังคุณตลอด แต่ถ้าพูดอย่างนั้น มันจะกลายเป็นว่าผมกำลังเถียงคุณอยู่ เพราะงั้นผมจะยืนเฉย ๆ ครับ

     

    ...เธอ แบคฮยอนเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ถลกแขนเสื้อขึ้นจนคนมองถึงกับเบิกตากว้างพร้อมถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

     

    งั้นผมยืนตรงนี้ได้ไหมครับ

     

    ...

     

    ตรงนี้ก็ได้ครับ ขายาวถอยไปสามก้าว ห่างไกลจากเตาแก๊สพร้อมประสานมือไว้ใต้เข็มขัดอย่างเจียมตัว

     

    ไม่เอาไม้บรรทัดมาคาบซะเลยล่ะ ถ้าจะทำหน้ารู้สึกผิดขนาดนั้น เจ้าเด็กนี่น่าโมโหชะมัด ตั้งแต่ตอนเอาแต่โทษตัวเองไม่หยุดมาจนมาถึงหนึ่งนาทีที่แล้ว ใจคอจะทำให้เขาเป็นบ้าให้ได้เลยหรือไง

     

    แบคฮยอนง่วนอยู่กับการทำรามยอน มันไม่ยากหรอกก็แค่ต้มน้ำร้อนแล้วใส่เส้นลงไป ราว ๆ ครึ่งนาทีเห็นจะได้ คนตัวเล็กก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ จึงหันไปมองด้านข้าง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กยักษ์นั่นยืนคาบไม้บรรทัดพร้อมกางแขนออก

     

    เธอนี่มัน...

     

    ดวงตาทั้งสองข้างยิ้มตามฟันที่คาบไม้บรรทัดไว้ในปาก แบคฮยอนผ่อนลมหายใจหนัก ๆ พร้อมหันหน้าเข้าหาหม้อรามยอน พอหันไปอีกครั้งก็เห็นว่าเจ้าเด็กยักษ์กำลังยืนโงนเงนเหมือนจะล้มอยู่รอมร่อ และนั่นทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้

     

    ไม่มีใครพูดอะไรอีกแล้ว และคาดว่ามันคงไม่จำเป็นนักในช่วงเวลาที่เราแค่อยากให้อีกฝ่ายอยู่ข้าง ๆ ชานยอลพูดไม่ผิดหรอก เด็กคนนั้นเชื่อฟังเขาเสมอไม่ว่าจะบอกให้ทำอะไร คนตัวเล็กมองไปยังเด็กหนุ่มที่ง่วนอยู่กับตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบมาใส่เข้าไปในหม้อรามยอน แล้วหันมาถามความเห็นว่าเขาอยากใส่และไม่อยากใส่อะไรลงไป

     

    แววตาของเด็กคนนั้นเคยมองมาอย่างใสซื่อแค่ไหน วันนี้บยอนแบคฮยอนก็ยังสัมผัสได้ ว่าคนที่ชัดเจนกับความรู้สึกที่สุดก็ยังคงเป็นปาร์คชานยอล

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    อา... น่าสงสารจังเลย

     

    ฉันรับพนักงานพาร์ทไทม์รายวันเพิ่มนะ ถ้าเธออยากรับจ็อบ

     

    จูฮยอนยืนกอดอกหัวเราะ กับคำพูดคำจาของเพื่อนสนิทที่อยู่ในชุดพนักงาน และกำลังเช็ดโต๊ะอย่างตั้งใจ เพราะพนักงานพาร์ทไทม์ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทั้งสองคนจึงไม่สามารถมาทำงานได้ จงอินเลยกระเตงลูกมาที่ร้าน เพื่อช่วยแบ่งเบาเซฮุนและพนักงานอีกคน

     

    เอาเหมือนเดิมใช่ไหม?

     

    รู้หรือไงว่าฉันดื่มอะไร

     

    ไม่รู้ ก็บอกสินางงาม เดี๋ยวป๋าไปทำให้

     

    ไอ้บ้า เป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี แค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอ จูฮยอนฟาดแขนแกร่งไปแรง ๆ ขมวดคิ้วคาดโทษคนผิวแทนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ต้องเลยนะ ฉันไม่ไว้ใจฝีมือนาย

     

    อะไรวะ แล้วก็บ่นฉัน เธอมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ไว้ใจฝีมือเพื่อน

     

    ฉันไว้ใจเซฮุนคนเดียว เด็กเสิร์ฟอย่างนายรีบ ๆ ไปออเดอร์ให้ฉันได้แล้ว

     

    จูฮยอนปัดมือไล่ หลุดขำอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีหัวเสียของเพื่อนสนิทที่ไม่คุ้นชินกับการทำงานในร้านของตนเอง จงอินเดินหายเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ เธอจึงกวาดตามองหาที่นั่งว่างเพื่อผ่อนคลายด้วยอ่านหนังสือเล่มโปรดก่อนไปเข้าเวร

     

    สายตาหยุดอยู่กับเด็กน้อยที่กำลังปีนโซฟา ซึ่งเธอพอจะมองเห็นอนาคตว่าถ้ายังไม่เข้าไปห้าม ลูกชายของเพื่อนสนิทคงได้ตีลังกาหัวทิ่มจนเธอต้องเข้าเวรก่อนเวลาเพื่อช่วยเย็บแผลให้แน่

     

    จูฮยอนรีบตรงเข้าไปคว้าร่างแทโอไว้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ เด็กน้อยมองเธอตาแป๋ว พร้อมคราบช็อกโกแลตเต็มปากจนเลอะไปถึงแก้มปะปนกับน้ำมูกที่ไหลออกมา ซึ่งมันชัดเจนเลยว่าไอ้คนเป็นพ่อไม่ยอมดูลูกเลย

     

    จูจุมม่า

     

    ย่าห์ คิมแทโอ เรียกดี ๆ นะ ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น

     

    จุมม่า!”

     

    หญิงสาวจิ๊ปากมองเจ้าตัวแสบ ก่อนจะอุ้มขึ้นมาอย่างฝืนใจแล้วตรงไปดึงทิชชู่สีน้ำตาลมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ซึ่งแน่นอนว่าคิมแทโอไม่ยอมอยู่นิ่ง ไม่เคยยอมนิ่งเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปีก่อน หลายเดือนก่อน หรือนาทีนี้

     

    แทโอ สวัสดีอาจุมม่ายังลูก

     

    ฮับ อัปป้า!”

     

    นายเองเหรอที่สอนให้ลูกเรียกอย่างนี้ ให้ตายสิ เธอถลึงตาคาดโทษเพื่อนสนิทที่กำลังหัวเราะพอใจ พร้อมถือแก้วกาแฟร้อนไปยังโซฟาว่าง อ๊า เสื้อฉัน

     

    เบจูฮยอนกำลังจะสติแตก เมื่อเห็นว่าช็อกโกแลตไม่ได้เลอะแค่หน้าของแทโอ แต่มันเลอะตามฝ่ามือที่กำเสื้อของเธอไว้ด้วย หญิงสาววางเด็กน้อยลงบนโซฟาอีกตัว ก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกออกอย่างไม่สบอารมณ์นัก

     

    จงอินมองสีหน้าเหยเกของเพื่อนสนิทแล้วก็ขำ อยากซักให้นะ แต่เอาไปซักเองเถอะ

     

    แล้วจะพูดเพื่ออะไรเหรอ เธอขยับปากบ่นไอ้บ้าจงอินที่ยังกวนไม่เลิก ทั้งพ่อทั้งลูก นิสัยพอกัน เอาลูกนายไปห่าง ๆ ได้ไหม ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นไมเกรน จูฮยอนกุมขมับ ขณะที่แทโอกำลังปีนตักคนเป็นพ่อเพื่อเรียกร้องขอความรัก

     

    ซึ่งจงอินก็หอมแก้มเสียฟอดใหญ่จนปลายจมูกติดคราบช็อกโกแลต แทโอหัวเราะเอิ้กอ้าก ละเลงของหวานบนมือลงบนแก้มสากของพ่อที่กำลังปั้นหน้าปั้นตาเล่นด้วย

     

    สัญชาติญาณความเป็นพ่อรุนแรงเหลือเกินนะ

     

    แน่นอนอยู่แล้ว ทุกวันนี้ฮอตขึ้นเพราะหิ้วลูกไปไหนมาไหนนี่แหละ จูฮยอนแค่นหัวเราะ พลางยกกาแฟขึ้นดื่มแล้วปล่อยให้สองพ่อลูกเล่นกันต่อไป ไม่ชอบเด็กแบบนี้แล้วจะไหวเร้อ

     

    ไม่ไหว ฉันพยายามแล้ว บอกเลย จูฮยอนยิ้มพร้อมยกมือขึ้นห้าม

     

    คนไม่ชอบให้ตายอย่างไรก็ไม่ชอบอยู่ดี ไม่ใช่เพราะเรื่องเด็กน่ารักหรือไม่น่ารัก แต่มันคือเรื่องหนึ่งที่เธอไม่สามารถเปิดใจยอมรับได้ และแบคฮยอนและจงอินต่างก็รู้ดี ว่าเธอไม่ชอบเด็ก ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งถ้าใครต้องการเหตุผล เธอก็พร้อมจะลิสต์ให้ดู

     

    แต่ทางผู้ใหญ่ทั้งฝั่งเธอและฝั่งไอ้แบคฮยอนอยากอุ้มหลานนะ อ้อ มันก็ด้วย

     

    ฉันรู้ แต่ฉันไม่พร้อมจริง ๆ จงอิน เธอยกกาแฟขึ้นดื่ม ไม่มีแล้วรอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าสวย ตอนนี้มีเพียงเบจูฮยอนที่กำลังเครียดเพราะเรื่องเดิม ๆ

     

    เออ งั้นก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ ถ้าไม่อยากมีก็แค่ตกลงกัน ไอ้แบคฮยอนมันไม่บังคับเธออยู่แล้วจงอินยังคงเล่นกับลูก แม้ว่าสายตาจะมองมาที่เธอ

     

    เพราะเขาไม่บังคับไง ฉันเลยกังวล หญิงสาวนั่งไขว่ห้าง พลางทอดสายตาออกไปนอกร้าน ฉันชอบที่จะอยู่แบบนี้ เพราะฉันรู้ดีว่าถ้าแต่งงานไป ฉันคงให้ในสิ่งที่ทุกคนต้องการไม่ได้

     

    ยังไงล่ะ?

     

    ฉันยังไม่พร้อมที่จะมีลูก ไม่สิ... ฉันไม่อยากมีเลยต่างหาก และสำหรับสิ่งที่ฉันบอกว่าไม่ นั่นคือสิ่งที่ฉันไม่อยากให้เกิดขึ้น เธอหันมาสบตากับอีกฝ่าย ถ้าเป็นเด็กอย่างชานยอลกับซูยองก็อีกเรื่อง ไม่งอแง ไม่เอาแต่ใจ พูดครั้งเดียวรู้เรื่อง แล้วก็ไม่ต้องแบ่งเวลาไปดูแลด้วย

     

    ก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นแหละน่า เผลอแป๊บเดียวเด็กมันก็โตแล้ว เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่ได้รักเด็ก แต่พอมันเป็นก้อนแล้วก็รักเฉยเลย จงอินก้มลงมองลูกชายที่กำลังคุ้ยช็อกโกแลตในถ้วยแล้วยัดใส่ปากอย่างไม่กลัวเปื้อน ก่อนจะจูบเหม่งไปหนึ่งทีอย่างมันเขี้ยว

     

    ไม่เหมือนกันหรอก ฉันไม่พร้อมที่จะท้องป่องไปทำงานครึ่งปี แล้วลางานมานอนอยู่บ้านเพื่อรอเวลาคลอดลูก หลังจากนั้นก็ต้องอัดพาราวันละหลาย ๆ เม็ดเพราะได้ยินเสียงร้องไห้โยเยตลอดทั้งวัน ทั้งเปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนนม ทำอะไรต่อมิอะไรสารพัด ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการเลย

     

    มันก็เศร้าตรงนี้

     

    ตอนที่แบคฮยอนบอกว่าจะรับอุปการะเด็ก ฉันเลยเห็นด้วยไงล่ะ

     

    งั้นก็แต่งงาน อยู่กินกันแบบไม่มีลูกก็ได้นี่ ไหน ๆ ก็คุยกับผู้ใหญ่เรื่องฤกษ์วันแต่งกันมาแล้ว

     

    จูฮยอนยิ้ม เธอเหม่อมองฝาแก้วกาแฟซึ่งมีรอยลิปสติก ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือถูออกเบา ๆ ฉันกลัวยังไงก็ไม่รู้สิ

     

    หืม?

     

    พักนี้ฉัน... จะพูดยังไงดีล่ะ เราไม่เหมือนเดิมแล้ว

     

    จงอินไม่ได้พูดปลอบใจคนตรงหน้า หรือสวนกลับไปอย่างกวนประสาทตามที่ชอบทำ เขาแค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้ลูกชายดิ้นบนตักโดยไม่พูดอะไร กับเรื่องราวที่รู้อยู่เต็มอกถึงความ ไม่เหมือนเดิม ของเพื่อนสนิททั้งสอง

     

    พอฉันคิดแบบนี้ ก็มีอีกเรื่องมายื้อไว้อยู่เรื่อย มันทำให้ฉันลำบากใจ

     

    อย่างเช่น?

     

    ก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยมีเวลา ก็เลยพยายามหาเวลาให้แบคฮยอน แต่ฉันกลับรู้สึกว่ากำลังฝืนอยู่หรือเปล่า ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าต้องทำเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ ถ้าคิดว่ามันดีแล้ว ทำไมถึงต้องทำถึงขนาดนั้นล่ะ? มันย้อนแย้งกันยังไงก็ไม่รู้สิ เธอถอนหายใจ พลางหลุบสายตาลงครุ่นคิดกับจุดดำในใจที่ฝังตัวมานานหลายปี

     

    ถ้าแต่งงานกันแล้วอะไร ๆ อาจจะดีขึ้นก็ได้

     

    เราไม่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานเลยด้วยซ้ำจงอิน ทั้งฉันและเขา เรา... เฉยกับมันมาก จูฮยอนยิ้ม กับเรื่องบ้าบอที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา ซึ่งมันควรจะมีอะไรมากไปกว่าการตอบผู้ใหญ่แบบขอไปทีเมื่อพูดถึงวันงานแต่ง หรือวันไปลองชุด

     

    ก็คบกันมาตั้งขนาดนี้ จะเอาอะไรมาตื่นเต้นอีก ที่จะเปลี่ยนแปลงก็แค่ย้ายไปอยู่บ้านหลังเดียวกัน

     

    เพื่อตื่นมาเจอกันตอนเช้า มองดูอีกฝ่ายรีบใส่เสื้อผ้าแล้วขับรถคนละคันไปทำงาน เพื่อเห็นอีกคนนอนหลับอยู่บนเตียงตอนที่ฉันออกเวรดึก? นั่นคือสิ่งที่เราสองคนจำเป็นต้องทำเหรอ?

     

    เอ๊ะยัยบ้านี่ คบกันมาเป็นสิบปี เป้าหมายคืออะไรล่ะถ้าไม่ใช่แต่งงาน สาดช็อกโกแลตใส่หน้าซะเลยดีไหมเนี่ย จงอินเลิกคิ้วมองอย่างหัวเสีย

     

    ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงกลัวการแต่งงานขนาดนี้ เพราะฉันไม่พร้อมที่จะมีเด็ก เพราะยังหาข้อดีของการย้ายมาอยู่ด้วยกันไม่ได้ หรือว่าฉันรู้สึกว่าเราไม่ได้โหยหาการอยู่ด้วยกันเหมือนตอนช่วงปีแรก ๆ

     

    แทโอกระพริบตาปริบ ๆ มองหญิงสาวที่พ่นความในใจออกมาจนคนฟังเถียงต่อไม่ได้ จงอินพยักหน้าเรียกเซฮุนให้มาอุ้มลูกไป จูฮยอนจึงหลับตาลงพลางหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์

     

    พูดก็พูดเถอะจูฮยอน เธอจะบ้างานแค่ไหนก็ได้ แต่เธอก็ต้องใช้ชีวิต โอเคไหม? จงอินเพ่งมองเพื่อนสนิทหวังเตือนสติ อย่างน้อยก็ให้ผู้หญิงคนนี้มีโอกาสแก้ไขในเรื่องที่มองข้ามไป ก่อนที่ปาร์คชานยอลจะกลายเป็นคนเดียวที่บยอนแบคฮยอนนึกถึง

     

    ฉันกำลังใช้ชีวิตอยู่

     

    จงอินหลุบสายตามองสมาร์ทโฟนที่วางทับอยู่บนหนังสือ ก่อนที่หญิงสาวจะกดรับสายพร้อมเก็บของตั้งท่าเตรียมจะลุกขึ้น ชายหนุ่มถอนหายใจพร้อมพยักหน้า หลังจากได้ยินอีกคนพูดว่า ค่ะ ฉันจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้

     

    จูฮยอนวางสายแล้วเก็บของใส่กระเป๋า คว้าแก้วกาแฟขึ้นมาพร้อมสบตากับเพื่อนสนิทที่หวังดีกับเธอและแบคฮยอนอยู่เสมอ จงอินมองมาอย่างอ่อนใจ และเธอนึกขอโทษอยู่ในใจที่ไม่สามารถทำตามที่อีกฝ่ายแนะนำได้

     

    เบจูฮยอนรักบยอนแบคฮยอน แต่...

     

    นี่แหละคือชีวิตฉัน

     

     

     

    TBC

     

     
     

    เรื่องราวของหญิงสาวที่ไม่มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตคู่ องค์ประกอบมากมายที่ทำให้เธออยากใช้ชีวิตแบบนี้มากกว่าการแต่งงาน ในขณะเดียวกัน เธอก็ไม่รู้เลยว่าคนที่เธอรัก กำลังหวั่นไหวเพราะความดีของเด็กผู้ชายคนนั้นไปแล้ว

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×