ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 16 :: Wonderment

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.64K
      218
      18 มี.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

     

     
     

     

    Chapter 16

    Wonderment

     

     

     

     

     

    เฮือก!!!”

    นัยน์ตาเบิกโพลงพร้อมกับแผ่นหลังที่แอ่นขึ้นมาจากเตียงนอนจนชายสองคนต้องรีบเข้ามาประคองเอาไว้แล้วค่อย ๆ วางลงอย่างเบามือ

    ...อึ่ก

    ไม่ต้องกลัวนะ พี่แค่ฝันร้ายเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดเบา ๆ พร้อมกับปัดไรผมออกจากหน้าผากร่างโปร่งอย่างเบามือ

    แม่งเอ๊ย! ทำไมมันเจ็บอย่างนี้วะ!”

    ลู่หานนิ่วหน้า รู้สึกร้าวไปหมดทั้งตัว เหงื่อกาฬซึมออกจากขมับและซอกคอก่อนที่สมองจะประมวลผลถึงสภาวะปัจจุบัน พอเรียกสติกลับมาได้ก็กลอกตามองผู้ชายแปลกหน้าทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความสงสัย เขายังคงหอบหายใจหนักหลังตื่นจากฝันร้าย

    ...พวกคุณเป็นใคร?

    จะว่ายังไงดีล่ะ คงต้องเรียกว่าคนที่รอดตายเหมือนกันกับคุณล่ะมั้ง ชายหนุ่มร่างสูงพูดก่อนที่เขาจะเดินไปรินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วยื่นให้กับเขา

    ลู่หานรับน้ำมาดื่มทันทีแม้จะยังสับสนอยู่ว่าชายสองคนนี้เป็นใคร น้ำเปล่าไหลลงคอรวดเดียวจนหมดก่อนที่ร่างโปร่งจะหลุบสายตาลงมองเท้าตัวเองที่รองด้วยไม้แผ่นอีกทั้งยังมีผ้ามัดเอาไว้

    ...

    พี่เป็นยังไงบ้าง? เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียงถาม ลู่หานเหล่มองเขาแค่ครู่เดียวภาพเก่า ๆ ก็ฉายขึ้นมา

    นายคือไอ้เด็กที่ถือปืนคนนั้น?

    ใช่เลย นั่นแหละผมล่ะ!” เด็กหนุ่มหัวเราะจนตาปิดจนกระทั่งผู้ชายตัวสูงอีกคนเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังพร้อมกับขยี้หัวเด็กหนุ่มเบา ๆ

    ปืนเด็กเล่นซะด้วย

    โธ่...ก็พ่อไม่ยอมให้ผมถือปืนจริงนี่ครับ เด็กหนุ่มหันไปงอหน้าใส่คนเป็นพ่อ ลู่หานมองทั้งคู่สลับกันแล้วก็หันไปสังเกตรอบข้าง โครงสร้างของห้องแบบนี้น่าจะเป็นโรงแรมหรือไม่ก็อพาร์ตเมนท์...

    ลืมแนะนำตัวไปเลย ผมชเวซีวอน ส่วนนี่ลูกชายของผม...ซูโฮ

    ขอโทษที่ขู่แบบนั้นนะ ไม่คิดว่าพี่จะกลัวจนเป็นลม ซูโฮยื่นมือมาตรงหน้าหวังจะสานสัมพันธ์หากแต่ลู่หานกลับมองด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วจับมือตอบแบบขอไปที

    ไม่ได้กลัว แต่หมดแรงต่างหาก แต่ก็ขอบคุณที่นั่นเป็นแค่ปืนของเล่นเด็ก ว่าแต่นี่ที่ไหน? อ่ะ... ลู่หานนิ่วหน้าเมื่อขยับตัวอีกครั้ง เขาต้องทิ้งตัวลงกลับไปนอนเหมือนในทีแรกเพราะขยับตัวแทบไม่ได้

    เส้นเอ็นข้อเท้าคุณฉีก คุณต้องนอนแบบนั้นไปสักพักจนกว่าจะดีขึ้น ซีวอนรินน้ำชาลงบนแก้วชาเซรามิกซ์ลายสวย ขายาวขึ้นไขว่ห้างพร้อมกับเอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วจิบชาร้อนที่ควันลอยฉุยขึ้นบนอากาศอย่างใจเย็นราวกับไม่ตื่นกลัวกับอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

    ชาแอปริคอตหน่อยไหม?

    ไม่ล่ะ ขอบใจ

    ถึงจะถูกปฏิเสธแต่ร่างสูงก็ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น ลู่หานสังเกตสองพ่อลูกนี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าไปยันพฤติกรรม...เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็ดูมีชาติตระกูลจนเขาลืมไปชั่วขณะว่าโลกใบนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ความสงสัยก่อตัวขึ้นจนเป็นคำถาม ลู่หานหันไปมองเด็กข้าง ๆ ที่หน้าตาสะอาดสะอ้านพลางมองข้อเท้าตัวเองอีกครั้ง

     

     

    เส้นเอ็นข้อเท้าฉีกงั้นเหรอ...ผลพวงจากตอนที่ตกท่อสินะ

     

     

    พวกคุณดูเหมือนหลุดออกมาจากอีกโลกนึง ลู่หานเริ่มประโยคปลายเปิด ซีวอนเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายก่อนจะวางแก้วชาลงบนโต๊ะ

    การแต่งตัวของคุณน่ะ ทั้งที่เหตุการณ์ผ่านมาเป็นเดือนแล้วแต่ทำไมพวกคุณยังดูสะอาดสะอ้านกันอยู่ล่ะ?

    ก็ต้องสะอาดอยู่แล้ว เราไม่เคยซักผ้าตั้งแต่เกิดเรื่อง อยากใส่ชุดไหนก็แวะร้านขายเสื้อ สบายจะตาย ไม่หนักด้วย ซูโฮเป็นคนตอบคำถามแทนร่างสูง

     

     

    อ๋อ...แม่งชิลกันอย่างนี้นี่เอง...

     

     

    แล้วไอ้ชาแอปไปโขกอะไรนั่นล่ะ?

    อยู่ในห้องน่ะ ดูเหมือนเจ้าของคนเก่าเขาจะชอบดื่มมาก ซื้อมาตุนไว้ซะเยอะ กลิ่นใช้ได้เลยนะ เอาสักหน่อยไหม? ซีวอนยื่นแก้วมาตรงหน้าแต่ลู่หานยกมือบอกเป็นเชิงปฏิเสธ

    ตาพี่แล้ว

    อะไรคือตาพี่แล้ว?

    แนะนำตัวไง ชื่อพี่น่ะชื่อพี่ ซูโฮยังคงยิ้มแม้ว่าอีกฝ่ายยังคงมีท่าทีหวาดระแวงอยู่

    ลู่หาน

    เป็นคนจีนหรอกเหรอ? เป็นซีวอนที่ถามขึ้นมา ลู่หานพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วหลับตาลงเมื่อรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า

    ไม่อยากจะเชื่อ คุณพูดภาษาเกาหลีได้ดีมากเลยนะ ร่างสูงยิ้ม

    เกือบชัดกว่าภาษาบ้านเกิดละ

    แล้วคุณมาจากไหนล่ะลู่หาน? ซีวอนถามต่อ ร่างโปร่งลืมตาขึ้นแล้วนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้...

     

     

    โรงเรียน...

    ห้างสรรพสินค้า...

    บันได...

    ทางตัน...

     

     

    ผมไม่รู้ว่าตรงนั้นเรียกว่าที่ไหน ผมหนีมาจากโซลเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน ลู่หานเลือกที่จะไม่พูดความจริงเพราะเขาไม่มั่นใจว่าสองคนนี้จะไว้ใจได้มากแค่ไหนหากว่าเขาพูดถึงโรงเรียน

    งั้นเหรอ...แล้วคุณไปโผล่ในท่อน้ำได้ยังไงหืม? เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามจนเขาชักจะไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนยังไงกันแน่ จริงอยู่ที่สองพ่อลูกนี่ช่วยทำแผลให้เขาแต่ว่าโลกนี้มันเริ่มเชื่อใจคนแค่ภายนอกไม่ได้ก็ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นนั่นแหละ

    ผมถูกพวกมันไล่ต้อนไปเจอทางตัน

    ก็เลยเอาตัวรอดโดยการหนีลงท่อระบายน้ำสินะ...ถือว่าเป็นทางออกที่ฉลาดมาก ซีวอนยิ้มขณะมองคนเจ็บบนเตียง

    อ้อ! ผมลืมคืนนี่ให้พี่เลย ซูโฮควักบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ลู่หานขมวดคิ้วมุ่นจนกระทั่งเด็กหนุ่มวางมันลงบนมือเขา

    ...

     

     

     

    มันคือรูปของเขากับแบคฮยอนที่ถ่ายกันเมื่อเช้านี้...

     

     

     

    ตัวพี่เหม็นน้ำเน่ามากผมกับพ่อก็เลยช่วยกันอาบน้ำให้ พอค้นเสื้อผ้าก็เห็นไอ้รูปนี้อยู่ในกระเป๋ากางเกง ว่าแต่นั่นน่ะ...แฟนเหรอ? ประโยคหลังเบาเสียงลงพร้อมกับใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้ราวกับเด็กอยากรู้อยากเห็น ลู่หานเบือนหน้าหลบไปอีกทางราวกับไม่อยากพูดถึงแต่ซูโฮกลับยิ้มพอใจ

    โอเค ๆ ไม่ถามก็ได้

    ที่นี่ที่ไหน? ลู่หานหันไปถามร่างสูง ซีวอนยิ้มบาง ๆ ขณะมองมาทางนี้ ผู้ชายคนนั้นอ่านใจยากจนเขาไม่กล้าที่จะไว้ใจ แม้ว่าไอ้เด็กซูโฮที่อยู่ข้าง ๆ ในตอนนี้จะดูไม่มีพิษมีภัยก็เถอะ

    อพาร์ตเมนท์หรูใจกลางเมือง ถัดจากที่ ๆ ผมเจอคุณมาแค่นิดเดียว

    ...

    ที่นี่มีพวกมันเยอะพอสมควร แต่ชั้นนี้ผมยึดไว้หมดแล้วล่ะเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาเคาะประตูห้องเพื่อเรียกบริการ room service” ร่างสูงวางแก้วเซรามิกซ์ลงแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าทางออกระเบียงห้องที่ประตูทำด้วยกระจกเลื่อน มือแกร่งรูดผ้าม่านสีน้ำตาลออกปล่อยให้แสงแดดยามเย็นสาดส่องเข้ามา

    พวกคุณเป็นคนประเภทไหนทำไมถึงไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ทั้งที่...

    มีพวกคนตายลุกเดินอยู่เต็มไปหมด ซูโฮพูดต่อ

    ...

    เราอยู่ชั้นสอง...คงเป็นเพราะมีพื้นที่จำกัดตึกนี้ถึงได้สร้างแค่สี่ชั้น ทั้งที่ตกแต่งห้องสวยระดับโรงแรมห้าดาวแท้ ๆ เชียว คาดว่าราคาแต่ละห้องคงแพงหูฉีกเพราะตั้งอยู่ในตัวเมือง อีกทั้งเฟอร์นิเจอร์มียี่ห้อพวกนั้นน่ะ ลู่หานมองหน้าร่างสูงที่กำลังยิ้มผ่านกระจกประตูระเบียง หมอนั่นเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงคำถามของเขาแล้วเอาแต่พร่ามอะไรไม่รู้หน้าตาเฉย

    คุณเหลือกันอยู่แค่สองคนหรือไง

    ตอนแรกมีสี่ เป็นเพื่อนของพ่อสองคน แต่ถูกฟันหัวแบะไปแล้ว ซูโฮเล่าราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ ลู่หานชักจะรู้สึกแปลก ๆ กับพ่อลูกประหลาดคู่นี้

    อย่าเรียกว่าเพื่อนเลย สองคนนั้นก็แค่คู่แข่งทางธุรกิจ ตาย ๆ ไปได้ก็ดีเหมือนกัน เรื่องมาก ซีวอนล้วงซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วใช้ริมฝีปากคาบมันออกมาจุดไฟแช็ค เขาหันกลับไปมองเด็กหนุ่มสองคนที่อยู่ในห้องแล้วชะงักเล็กน้อยโทษที ผมสูบบุหรี่ได้ใช่ไหม?

    พ่อครับ...ผมบอกแล้วไงว่าอย่าสูบตอนมีแขกอยู่ด้วย ซูโฮดุคนเป็นพ่อก่อนที่ร่างสูงจะหัวเราะแล้วพ่นควันบุหรี่ให้ลอยขึ้นไปอย่างไม่ยี่หระ

    ไม่เป็นไร ขอผมตัวนึงดิ ซูโฮหันควับเมื่อได้ยินคนที่นอนเดี้ยงอยู่บนเตียงพูดแบบนั้น ซีวอนเลิกคิ้วมองแล้วก็หัวเราะ เขายื่นบุหรี่ให้ลู่หานและไม่ลืมที่จะจุดไฟแช็คให้

    เปลือกตาปิดลงเพื่อลิ้มรสควันบุหรี่ก่อนจะพ่นออกมาทางจมูกและริมฝีปากเบา ๆ ซีวอนมองท่าทีผ่อนคลายของอีกคนแล้วก็วางที่เขี่ยบุหรี่ลงบนที่นอนก่อนจะนั่งข้างขอบเตียง

    ลูกชายผมบอกว่าในเวลาแบบนี้พ่อควรจะเลิกบุหรี่ซะ เพราะสักวันถ้ามันหมดโลกผมคงลงแดงตายเพราะไม่ควันพิษอัดเข้าปอด

    ลองอัดควันรถเข้าไปดิ เผื่อทดแทนกันได้ ลู่หานพูดเสียงเรียบเฉยทั้งที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วหันไปมองหน้าลูกชายตัวเอง

    เออว่ะ ฟังดูเข้าท่า ไว้จะลองดูนะ คงซี๊ดไม่แพ้ไอ้ตัวที่คุณอัดอยู่ซีวอนยิ้มขำ เขาเริ่มถูกชะตากับไอ้เด็กปากดีคนนี้ซะแล้วสิ

    ถามจริงเหอะ คุณสองคนไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรบ้างเลยหรือไง พวกมันมีกันเต็มบ้านเต็มเมือง แล้วดูพวกคุณดิ พรุ่งนี้จะเอาอะไรกิน เคยคิดบ้างเปล่า? ลู่หานถามคำถามเดิมอีกครั้ง หรือว่าไอ้พ่อลูกสองคนนี้มันเครียดจัดจนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว

    คิดมากไปทำไม เสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ เรื่องกินน่ะมันเป็นเรื่องของอนาคต หิวก็ค่อยหา เอามาตุนทำไม พอตอนที่ต้องหนียังไงก็ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังอยู่ดีซีวอนตอบหน้าตาเฉย เขายังคงมีท่าทีสบาย ๆ เหมือนในทีแรก

    พ่อบอกว่าในเมื่อโลกเปลี่ยนไปแล้ว เราก็ต้องปรับตัวให้ทันกับโลกน่ะ ซูโฮยิ้มกว้าง

    ...

    ในเมื่อพระเจ้ากำหนดให้เราต้องสู้กับพวกมัน สิ่งที่ต้องทำก็คือสู้...สู้เพื่อเอาชีวิตรอดและทำทุกวิถีทางปกป้องคนที่เรารัก

    บุหรี่ที่จ่ออยู่ตรงริมฝีปากค้างไว้อย่างนั้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ ลู่หานลดมือลงเขี่ยบุหรี่ก่อนจะยกขึ้นมาสูบอีกครั้งเมื่อเรียกสติตัวเองกลับมาได้

    นั่นสินะ ทำทุกวิถีทาง...เพื่อปกป้องคนที่เรารัก

    ตอนนี้แบคฮยอนคงกำลังร้องไห้และโทษตัวเองอยู่แน่ ๆ คิดสภาพไม่ออกเลยว่าคนอื่นจะเป็นยังไงบ้าง พวกมันคงคิดว่าเขาตายห่าไปแล้วแน่ ๆ ป่านนี้คนอื่น ๆ จะเป็นไงนะเขาล่ะกลัวไอ้จงอินด่าแบคฮยอนจริง ๆ

    อีกกี่วันขาผมถึงจะหาย

    น่าจะราว ๆ สิบห้าถึงยี่สิบวันมั้ง ใช่ไหมพ่อ? ซูโฮหันไปถามคนเป็นพ่อ ร่างสูงเดินมาดูข้อเท้าอีกคนเพื่อเช็คอาการทั้งที่ปากยังคาบบุหรี่ไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

    อย่างเก่งก็สิบวัน แต่ถ้าเอาชัวร์หน่อยก็น่าจะยี่สิบ

    นานเกินไป ไม่มีวิธีทำให้ผมหายภายในสามสี่วันนี้เหรอ? ลู่หานพูดอย่างเอาแต่ใจจนซีวอนแค่นหัวเราะออกมา

    นี่ลูกชาย...เอ็นข้อเท้าฉีกนะไม่ใช่ข้อเท้าพลิก ซีวอนส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะกลับไปนั่งโซฟาตัวเดิม

    พี่จะรีบไปไหน? ซูโฮถาม ลู่หานหันไปมองอีกฝ่ายแล้วหลุบสายตาลง

    ฉันต้องไปหาเพื่อน ๆ ป่านนี้พวกมันคงคิดว่าฉันตายแล้ว

    ขาของคุณกว่าจะเริ่มเดินเหินได้ก็คงอาทิตย์หน้า แต่ถ้าจะให้ดีคุณควรนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง อย่าพยายามขยับตัวไปไหนจะดีที่สุด

    แล้วถ้าปวดขี้ปวดเยี่ยวจะทำไง?

    อั้นไว้แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าผมจะเข้ามาดูอาการอีก ป่ะลูก...ได้เวลาออกกำลังกายแล้ว ร่างสูงอ้าแขนซ้ายออกเพื่อให้ซูโฮเดินเข้าไปหา แขนแกร่งโอบไหล่ลูกชายสุดที่รักเอาไว้และไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้คนเจ็บเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาทั้งคู่จะเดินออกไป

     

    นี่มันไม่คิดที่จะชวนกูแดกข้าวเย็นเลยใช่ไหมเนี่ย?

     

    ลู่หานพึมพำกับตัวเองพลางส่ายหัวหน่าย ๆ เห็นทีว่าวันนี้เขาคงอดข้าวเย็น แต่ช่างเถอะ...ที่เขาปลอดภัยจากความตายในตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว...

     

     

     

     

     

     

     
     

     

    ร่างสูงส่ายหัวหน่าย ๆ หลังจากที่เขาแยกออกมาจากหลังตึก การตักเตือนเด็กนักเรียนมันไม่ใช่หน้าที่ของคนนอกอย่างเขา แต่ถ้าไม่พูดอะไรแล้วปล่อยให้เด็กกลุ่มนั้นลอกขนลิงไปต้มกินหรือเอาไปทำอะไรก็ตามแต่...เขาไม่เห็นด้วย

    เขาไม่ชอบที่จะต้องไปยืนกดดันให้นักเรียนกลุ่มนั้นเอาลิงไปทิ้งถังขยะ แต่ถ้าไม่เห็นกับตาเขาก็คงไม่สบายใจจนกระทั่งเด็กผู้ชายคนหนึ่งเอาลิงตัวนั้นไปทิ้งนั่นแหละ เขาถึงได้แยกตัวออกมาสักที

    หน้าที่ที่ต้องทำในตอนนี้คือขึ้นไปสอนให้เด็กที่อยู่บนดาดฟ้าใช้ไรเฟิล สองขายาวขึ้นบันไดอย่างไม่เร่งรีบก่อนจะดันประตูออกไป ภาพที่เห็นคือที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังยืนเหม่อลอยตามลำพังตรงขอบรั้ว คนตัวเล็กหันมามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะซ่อนบางอย่างไว้ข้างหลัง

    คุณคือคิมมินซอกใช่ไหม?

    ครับ เด็กหนุ่มตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย อี้ฟานยิ้มบาง ๆ เพื่อให้บรรยากาศในตอนนี้ผ่อนคลายขึ้นกับการสานความสัมพันธ์ครั้งแรกระหว่างเขากับเด็กคนนี้ที่ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน มินซอกหลุบสายตาลงมองปืนในมือแกร่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

    ผมขึ้นมาสอนคุณยิงปืนน่ะ คิดว่าคุณควรจะฝึกไว้ 

    ทำไมถึงต้องใช้มันล่ะครับ?

    เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณจะเป็นความหวังของโรงเรียนนี้น่ะ อี้ฟานเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ คนตัวเล็กก่อนจะทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ไปจนสุดสายตา

    ถ้ามีคนบุกรุกเข้ามา เราสามารถเก็บคนพวกนั้นจากมุมนี้ได้ง่าย ๆ ร่างสูงตั้งปืนขึ้น เอียงคอไปทางขวาเล็กน้อยเพื่อปรับองศาที่พอดีพร้อมกับส่องกล้อง

    หมายความว่าผมจะต้องฆ่าคนเหรอ? มินซอกถาม เขารู้สึกไม่ดีกับการที่จะต้องทำอะไรแบบนั้น

    ไม่เชิงหรอก แต่เราอาจจะต้องทำแบบนั้นเพื่อปกป้องโรงเรียนเอาไว้

    ...

    ที่คุณขึ้นมาเฝ้าเวรบนนี้เพราะอะไรเหรอมินซอก? อี้ฟานถามพลางเล็งปืนไปรอบ ๆ

    หน้าที่ของผมคือดูว่ายังมีคนรอดชีวิตอยู่ไหม มีการเคลื่อนไหวจากฝั่งไหนบ้าง ดูว่าตรงท่าเรือมีใครไปเอาข้าวของเราหรือเปล่า ประโยคนี้ทำเอาร่างสูงหยุดชะงัก อี้ฟานลดปืนลงก่อนจะหันมามองคนข้าง ๆ

    ที่เทาไปเจอผมในวันนั้นนั่นก็...

    ครับ ผมเป็นคนบอกเขาเองว่ามีรถขับไปทางนั้น

    ...

    ทั้งที่คิดมาตลอดว่าที่โรงเรียนต้องมีเวรเฝ้าชั้นดาดฟ้าเพราะกันผู้บุกรุก แต่ที่ไหนได้เขาเข้าใจผิดมาตลอด ร่างสูงโยนความคิดนี้ทิ้งไปแล้วหันมาสนใจกับปืนอีกครั้ง

    เมื่อกี้ผมได้คุยกับแบคฮยอนมานิดหน่อย เขาบอกว่าคุณกับลู่หานสนิทกันพอสมควร

    คนอย่างเขาจะไปรู้อะไร มินซอกตอบเสียงเรียบก่อนจะยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมา

    ...

    รู้ทุกเรื่องของคนอื่น...ยกเว้นเรื่องของตัวเอง

    ประโยคกำกวมของมินซอกทำเอาอี้ฟานพูดไม่ออก ถ้าให้คิดอีกแง่เด็กคนนี้อาจจะยังทำใจเรื่องลู่หานไม่ได้และกำลังพาลโมโหแบคฮยอน ดูเหมือนว่าการผูกมิตรกับเด็กคนนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เสียแล้วสิ

    นี่ผมต้องลงไปปลุกรูมเมทให้ขึ้นมาเรียนยิงปืนพร้อมกันหรือเปล่าครับ?

    ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวตอนที่คุณออกเวรผมจะขึ้นมาสอนเขาอีกทีก็ได้

    เสียเวลาคุณแย่เลย มินซอกพึมพำเบา ๆ

    ไม่เป็นไร ร่างสูงยังคงยิ้มแม้ว่าคนข้าง ๆ จะมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนในทีแรก

    คุณชอบอยู่คนเดียวหรอมินซอก?

    ...

    ถ้าคุณชอบอยู่คนเดียว ผมจะได้ไม่รบกวนเวลาคุณนาน ๆ น่ะ

    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก

    ...

    ผมแค่ไม่รู้จะทำตัวยังไง มินซอกเม้มริมฝีปากแน่นแล้วทอดสายตามองไปยังสนามหญ้า ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง มนุษย์สัมพันธ์แย่ เพื่อนที่ว่ามีน้อยอยู่แล้วก็เหลืออยู่แค่คนเดียวคือรูมเมทของผมที่มีเวลาไม่ตรงกัน

    แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ

    ตายหมดแล้ว มินซอกถอนหายใจเบา ๆ แววตาเศร้าหมองผ่านเลนส์แว่นแตกยังคงจดจ้องอยู่กับสนามหญ้าเบื้องล่างอยู่อย่างนั้น

    เพราะงั้นคุณก็เลยเลือกที่จะอาสาขึ้นมาอยู่ที่นี่แทนที่จะใช้เวลาอยู่กับคนอื่น ๆ น่ะเหรอ?

    จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ แต่มันก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่ใช่เหรอ ในเมื่อไม่มีใครอยากขึ้นมาอยู่ที่นี่ทั้งวัน ผมกับรูมเมทก็เลยตัดสินใจที่จะทำหน้าที่นี้แทน

    ฮะ ๆ อยู่ที่นี่ทั้งวัน เคยเบื่อบ้างไหมหืม?

    เบื่อครับ แต่เวลาเบื่อ...ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พอถึงตอนนั้นผมก็จะลืมไปเองว่าก่อนหน้านี้รู้สึกแย่มากแค่ไหน ดูเหมือนว่าอี้ฟานจะประสบผลสำเร็จกับการทำความรู้จักกับเด็กคนนี้แล้ว ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

    ถ้าพูดถึงท้องฟ้า...ลูกสาวผมชอบดูดาวมากเลยล่ะ

    คุณมีลูกด้วยเหรอ? มินซอกทำตาโต พลางหันไปมองคนข้าง ๆ อี้ฟานพยักหน้าเป็นคำตอบพร้อมกับรอยยิ้ม ขอโทษที่ถามแบบนั้นนะ มินซอกโค้งหัวเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าถามโง่ ๆ ออกไป

    ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เรามาเริ่มเรียนกันเลยดีไหม?

    ตอนนี้เลยเหรอ...อ...อื้ม มินซอกหายใจเข้าลึก ๆ ขณะมองปืนไรเฟิลที่วางอยู่บนรั้ว เขายังไม่พร้อมที่จะจับเพชฌฆาตที่สามารถปลิดชีวิตคนได้ภายในเสี้ยววินาทีแบบนี้เลยจริง ๆ

    แล้วแว่นคุณน่ะ...

    อ๋อ...มันแตกตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้วล่ะครับ ช่างมันเถอะ ผมพร้อมแล้ว

    โอเค คุณเคยเล่นบีบีกันหรือเปล่า? ร่างสูงเข้ามายืนซ้อนหลังคนตัวเล็กพร้อมกับช่วยจัดท่าทางในการถือปืน

    เคยครั้งหนึ่งตอนที่ไปเที่ยวกับเพื่อนช่วงปิดเทอมครับ

    มันก็คงไม่ต่างสักเท่าไหร่ แต่อาจจะดีดแรงกว่าบีบีกันหน่อย เอาล่ะ...วางมันไว้ระดับหัวไหล่แบบนี้นะ มือใหญ่ช่วยประคองทับมือเล็กและดูเหมือนว่ามินซอกจะตื่นเต้นกับการจับปืนจริงเป็นครั้งแรกมาก

    แบบนี้เหรอ?

    อืม คุณต้องวางระดับนี้ ต่อไปก็ดึงโบลออกมา มินซอกกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากก่อนจะละสายตาออกมาจากลำกล้องที่ติดอยู่กับปืนไรเฟิลเพื่อหาโบล ตามที่ร่างสูงว่า

    ตรงนี้ใช่ไหม?

    ใช่ ดึงมันเข้าหาตัวครับ

     

     

    แกร่ก...

     

     

    คราวนี้ส่องเข้าไปในลำกล้อง มองหาเป้าหมาย ทำสมาธิให้ดี อย่าลังเลที่จะยิง นัยน์ตาคมหลุบมองคนตัวเล็กที่กำลังมือสั่นอยู่ มันคงไม่แปลกที่เด็กมัธยมอย่างมินซอกจะรู้สึกกลัว

    ผมทำไม่ได้...

    ผมรู้ว่ามันยาก งั้นลองกับพวกกินคนดูก่อนนะ ร่างสูงพยายามพูดโน้มน้าวและเพิ่มความกล้าให้กับคนตัวเล็ก มินซอกพยักหน้าช้า ๆ แล้วหันปืนไปทางด้านขวาซึ่งนั่นก็คือประตูทางออกหลังโรงเรียน

    เห็นผู้ชายคนนั้นไหม?

    เห็น เขาคือคุณลุงขายต๊อกอยู่หัวมุมถนน

    งั้นสมมติว่าตอนนี้เรากำลังจะยิงเป้าเพื่อเอาตุ๊กตาตามงานเทศกาล แล้วตรงนั้นคือเป้าหมายตัวสุดท้ายสำหรับรางวัลน้องหมีตัวใหญ่

    ...ตามงานเทศกาลมันก็แค่ห้าเมตรเองนะครับ แล้วผมก็ไม่ได้บ้าตุ๊กตาหมีด้วย... มินซอกพึมพำ

    ผมรู้คุณทำได้ ตั้งปืนเร็วเข้า ร่างสูงวางมือบนหัวไหล่อีกคนพร้อมกับโน้มตัวลงมาใกล้ ๆ มินซอกมองเป้าหมายผ่านลำกล้องแล้วเม้มปากแน่น ทำไมมันเล็งยากแบบนี้นะ

    มันจะไม่เสียงดังเหรอ

    ไม่ครับ ผมใส่ปลอกเก็บเสียงให้เรียบร้อยแล้ว

    ...

     

     
     

    ปัง...

     
     

     

    ... มินซอกลดปืนลงแล้วมองไปยังคุณลุงร้านขายต๊อกที่เซถอยหลังไปเล็กน้อยหลังจากถูกยิงเข้าที่กลางอกทำไมยังยืนอยู่ได้อีก?

    ผมลืมบอกไปว่าคุณต้องยิงมันที่หัว

    หัวเหรอ?

    ใช่ อาจจะเล็งยากสักนิด แต่ถ้าคุณคุ้นเคยกับมันเมื่อไหร่ หัวคือตำแหน่งที่ชัดเจนและยิงง่ายที่สุดสำหรับสไนเปอร์ คุณเคยดูหนังที่พระเอกอยู่บนตึกสูงเพื่อดักซุ่มยิงประธานาธิบดีกลางฝูงชนหรือเปล่า?

    นั่นมันหนังนี่ครับ... มินซอกพึมพำ

    ผมแค่ยกตัวอย่างน่ะ ถ้าคุณยิงครั้งแรกแล้วโดนกลางหัวเลย คุณคงกลายเป็นคนที่อันตรายที่สุดในเกาหลีใต้แน่ ๆ ร่างสูงพูดกลั้วหัวเราะจนคนข้าง ๆ หลุดยิ้มออกมาได้

    นั่นน่ะสิ...คุณก็เคยยิงพลาดเหมือนกันเหรอครับ?

    นับครั้งไม่ถ้วนเลยล่ะ งั้นเรามาลองอีกครั้งนะ อี้ฟานวางมือลงบนหัวของคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู ดึงโบล อ่าใช่...พอยิงออกไปแล้วรีบตั้งปืนให้เร็วกว่านี้นะ

    ปลอกกระสุนเด้งออกมาจากรังเพลิงก่อนจะร่วงลงบนพื้น มินซอกหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจับจ้องไปยังเป้าหมายทั้งที่ยังมือสั่นอยู่ คุณลุงร้านขายต๊อกยังคงเดินเอื่อยมาทางประตูหลังจนกระทั่งลูกกระสุนไรเฟิลเฉียดหัวไปเล็กน้อย

    อา...

    ไม่เป็นไรคุณทำดีแล้ว ลองคิดแบบนี้สิ...อยู่ข้างบนนี้ไม่มีใครสามารถขึ้นมาทำอะไรคุณได้ ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น คิดซะว่าพวกมันเป็นเป้ากระดาษตามงานเทศกาล แบบนั้นจะลดความกดดันลงได้นะ

    ผมยิงปืนไม่เก่ง...ผมเคยเล่นเกมในคอมพิวเตอร์กับเพื่อนแล้วก็ถูกยิงก่อนทุกครั้งเลย เด็กหนุ่มพูดขณะที่เขากำลังเล็งเป้าไปยังผีดิบตัวเดิม

    นั่นมันแค่เกม เอามาเทียบกันไม่ได้หรอก มั่นใจในตัวเองเข้าไว้สิ

    ...

     

     

     

    ปัง...

     

     

     

    ... มินซอกลดปืนลงพร้อมกับมองไปยังเป้าหมายเพิ่งถูกยิงเจาะเข้ากลางขมับก่อนจะล้มคว่ำหน้าลงไปกับพื้น มินซอกอ้าปากค้างกับฝีมือตัวเองแล้วหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังยิ้มให้

     

     

    ยินดีด้วยมินซอก คุณสอบผ่านแล้ว

     

     

     

     

     

     

     
     

     

    เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วที่อี้ฟานสอนให้มินซอกหัดใช้ปืน ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะเรียนรู้เร็วกว่าที่คิด แต่ติดอยู่ที่ว่าเด็กคนนี้ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสักเท่าไหร่ ร่างสูงมองไปยังประตูหลังโรงเรียนที่ยังปิดสนิทแล้วก็เป็นกังวล ตอนนี้พวกจงอินจะเป็นยังไงบ้าง...เขาเป็นห่วงจริง ๆ

    คุณมองหาอะไรอยู่เหรอครับ?

    พวกจงอินน่ะเขาออกไปข้างนอกกันป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย คุณเคยคุยกับเขาบ้างหรือเปล่าครับ?

    ไม่หรอก มีแค่ลู่หานกับบยอนแบคฮยอนเท่านั้นแหละที่ผมเคยคุยด้วย

    ครับ พวกเขาออกไปตามหาลู่หานน่ะ...ป่านนี้ยังไม่กลับเลย ร่างสูงถอนหายใจเบา ๆ พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าคนตัวเล็กก็ลดลงไปในทันที

    คุณคิดว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ไหม? มินซอกถามพร้อมกับเกยคางลงบนท่อนแขนที่พาดอยู่บนรั้ว อี้ฟานหันมามองสีหน้าหงอย ๆ ของอีกคนก่อนจะหลุบสายตาลง

    ผมหวังว่าเขาจะรอด

    อื้ม มินซอกขานตอบในลำคอ นัยน์ตาเรียวยังคงมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าที่กำลังเป็นสีส้มและอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า...โลกทั้งใบก็จะกลายเป็นสีดำคนเราอยู่ได้เพราะความหวัง ผมคิดแบบนั้นมาตลอด

    ...

    มันเป็นการหลอกตัวเองว่าสักวันหนึ่งโลกของเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แล้วพวกกัดคนก็จะถูกกำจัดไปจากโลกนี้จนหมด...ชิงช้าตรงนั้นจะกลับมาหมุนวนทวนเข็มนาฬิกาอีกครั้ง และท่าเรือตรงนั้นก็จะเต็มไปด้วยเรือขนส่งสินค้า คุณเห็นสะพานตรงนั้นไหม? ตรงนั้นน่ะ...ตอนกลางคืนมันจะมีแสงสว่างกระพริบทุก ๆ หนึ่งชั่วโมงด้วยนะ แต่ตอนนี้...มันไม่มีอีกแล้วล่ะ มินซอกถอนหายใจ

    ...

    แย่จังเลยนะ

    ...

    จริง ๆ แล้วสิ่งที่ทำให้คนเราเจ็บปวดที่สุดคงเป็นความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเองนี่แหละ

     

     

     

    หลอกตัวเอง...ว่าผู้ชายคนนั้นจะกลับมาที่นี่อีก...

    กลับมาเพื่อปั่นป่วนชีวิตของเขาอีกครั้ง...

     

     

     

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!”

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

     

     

     

     

    ทั้งคู่หันไปมองตามต้นเสียงแล้วก็พบกับเด็กนักเรียนหญิงที่กำลังวิ่งหนีตัวกินคนอย่างไม่คิดชีวิตทั้งที่อยู่ในโรงเรียน ร่างสูงเบิกตากว้างก่อนจะควักปืนพกออกมาจากข้างหลังแล้วเล็งไปตรงสนามหญ้าแต่ก็ต้องจิ๊ปากอย่างหัวเสียเมื่อระยะมันห่างกันเกินไป

    คุณอี้ฟาน!” มินซอกยื่นไรเฟิลให้แล้วร่างสูงก็รับมาในทันที คิ้วหนาขมวดมุ่นพร้อมกับสายตาแน่วแน่ที่เล็งไปยังเป้าหมาย

     

     

     

    ปัง!

     

     

     

    ร่างผีดิบตัวนั้นล้มลงไปกับพื้นก่อนที่เด็กผู้หญิงคนนั้นจะสะดุดล้ม เด็กสาวในชุดพละตะเกียกตะกายถอยหลังพร้อมกับร้องไห้โฮ นั่น...ซนนาอึน?!

    นาอึน!! เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? มินซอกตะโกนลงไปข้างล่าง เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาทั้งที่ยังน้ำตานองหน้าก่อนจะตะโกนกลับไปยังชั้นดาดฟ้า

    ฉันไม่เป็นไร!!! แต่ในห้องพยาบาลมีพวกกัดคนอยู่เต็มไปหมด ฉันไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ช่วยพวกเราด้วยมินซอก!!!”

    บ้าเอ๊ย!” อี้ฟานสบถลอดไรฟันก่อนจะยัดไรเฟิลใส่มือมินซอก คนตัวเล็กลนลานทำตัวไม่ถูกพลางเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง

    คุณอยู่ที่นี่ อย่าลงข้างล่างเด็ดขาด ถ้าเกิดมีพวกมันออกมาในระยะที่คุณสามารถยิงมันได้ รีบเก็บมันซะ ร่างสูงยัดกระสุนที่เอาติดมือมาด้วยใส่มือเล็ก มินซอกยังคงเก้ ๆ กัง ๆ ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เชื้อระบาดในวันแรก

     

     

     
     

     

     

     
     

     

    ดูเหมือนว่าสองขายาววิ่งลงข้างล่างไม่ทันใจร่างสูงถึงได้กระโดดข้ามบันไดถึงสี่ขั้นเพื่อลดหย่อนเวลาลง เขาแวะห้องของตัวเองพร้อมกับหยิบปืนพกติดมือมาอีกกระบอกพร้อมกับแม็กกาซีนสำรองจำนวนหนึ่งแล้วรีบลงไปข้างล่าง มือแกร่งปลดแม็กกาซีนออกมาเช็คความเรียบร้อยก่อนจะดันมันกลับเข้าไปเมื่อวิ่งลงมาถึงชั้นล่างสุด

     

     

     

     “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

     

     

    ร่างสูงเซเล็กน้อยเมื่อถูกเด็กจำนวนมากวิ่งชนขณะหนีเอาตัวรอด ตอนนี้เหตุการณ์กำลังชลมุนไปหมด เด็กนักเรียนบางส่วนนอนชักอยู่บนพื้นหลังจากถูกกัดกิน ส่วนบางคนกำลังต่อสู้กับพวกกินคนด้วยอาวุธที่เคยวางเตรียมไว้ข้างผนัง

     

     

     

    ปัง!

     

     

     

    อี้ฟานยิงไปยังผีดิบที่เกือบเข้าไปถึงตัวเทาที่กำลังใช้ขวานจามหัวอดีตเพื่อนร่วมชั้น  ตอนนี้มีเด็กนักเรียนจำนวนมากที่ถูกกัดแล้วและบางคนที่กำลังตะเกียกตะกายหาทางเอาตัวรอด

    เทา!”

    เด็กหนุ่มรับปืนที่อี้ฟานโยนมาให้ก่อนจะเล็งไปยังเป้าหมายโดยไม่ต้องคิด ลูกกระสุนแสกเข้ากลางหัวได้ง่าย ๆ เพราะผีดิบเดินเข้ามาในระยะใกล้ก่อนที่ขายาวจะถีบกลางอกจนมันกระเด็นติดผนัง

    ฮือ...

    พระเจ้า...

    เทาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดกาวน์เดินออกมาในสภาพเลือดเต็มหน้าและซอกคอ สองมือเล็กเอื้อมมาข้างหน้าพร้อมกับขาที่ประคองร่างของเธอให้เดินเข้าหาเหยื่ออย่างทุลักทุเล เทาถอยหลังทีละก้าวเพราะยังช็อกอยู่จนกระทั่งอาจารย์สาวฮโยรินทรุดลงไปกับพื้นเพราะถูกอี้ฟานยิง

    คุณควรจะมีสติกว่านี้

    ผมขอโทษ เทากลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ ตอนนี้เขากำลังมองหาใครคนหนึ่งที่เป็นห่วงมากที่สุด...ครูกาฮี...

    ครู...ครูกาฮีอยู่ไหน?

    เทาลนลานแล้วรีบวิ่งตามหาใครอีกคนที่ไม่อยู่ตรงนี้ เด็กหนุ่มกวาดสายตามองศพที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้วก็แทบเป็นบ้าเมื่อเขาตามหาปาร์คกาฮีไม่เจอ

    เทา! เราต้องหยุดพวกนี้ก่อน!”

    แต่ว่า...

    เราต้องหยุด ก่อนที่พวกมันจะแพร่เชื้อให้กับเพื่อนของคุณทุกคน!” ร่างสูงตะโกนบอกทั้งที่ยังคงเล็งปืนยิงไปยังเป้าหมาย พวกมันมีมากขึ้นจนแทบไม่อยากจะเชื่อ เทากัดฟันกรอดแล้วหันไปยิงพวกติดเชื้อก่อนจะซัดหมัดลุ่น ๆ ใส่ตัวที่กำลังเข้ามาประชิดตัว

    เหี้ยเอ๊ย!”

     

     

     
     

     

     

     
     

     

    แบคฮยอนหลุดออกจากความคิดหลังได้ยินเสียงกรีดร้องดังเข้ามาถึงข้างใน ร่างเล็กค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหยุดหน้าประตูแล้วเงี่ยหูฟัง

     

     

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!”

    ช่วยด้วย!!!!!!!!!!!!!!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!”

    ...

     

     

     

    แบคฮยอนผงะถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งแล้วยืนใช้ความคิด เสียงกรีดร้องแบบนั้นคงไม่ใช่ในทางดีแน่ เขาเดินไปคว้าไม้เบสบอลที่วางพิงผนังขึ้นมาแล้วเปิดประตูออกไปข้างนอก

     

     

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เขาคงอยู่เฉย ๆ ไม่ได้แล้ว...

     

     

     


     

     

     

     

     

    ครืน...

    ...

    ตั้งแต่ขับมาจากห้างสรรพสินค้าก็ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีกเลย เซฮุนมองคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับแล้วก็นึกเป็นห่วง จงอินยังคงซึมเหมือนในตอนแรกที่รู้ว่าลู่หานตายแล้ว แต่ถึงจะเป็นห่วง...แต่โอเซฮุนคงพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้

    ทำไมยังไม่มาเปิดอีกนะ... ชานยอลพึมพำเบา ๆ พลางชะเง้อหน้ามองเมื่อเขาขับมาจอดหน้าประตูรั้วทางเข้าหอพักแล้วแต่กลับไม่มีคนมาเปิดให้สักคนเดียว

    งั้นผมปีนไปเปิดให้แล้วกัน บางทีคนที่เฝ้าประตูอาจจะ...

    เดี๋ยวเซฮุน

    ครับ นั่น...? ไม่นะ... ทั้งสามคนเบิกตากว้างเมื่อมองลอดผ่านรั้วประตูเข้าไปแล้วก็พบกับเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งหนีกันอย่างทุลักทุเลในขณะที่พวกกินคนวิ่งไล่กวดไปติด ๆ

    พวกมันมาจากไหนกันวะ?!”

    ทั้งสามคนปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างเร่งรีบและดูเหมือนว่าจงอินจะเป็นคนที่วิ่งไปถึงรั้วได้เร็วที่สุด ร่างหนาปีนขึ้นไปข้างบนก่อนจะหันกลับไปยื่นมือดึงให้เซฮุนกับชานยอลตามขึ้นมา ทั้งสามกระโดดลงไปข้างล่างแล้วควักปืนออกมาจากสายสะพายพร้อมกับวิ่งเข้าไปในระยะใกล้ก่อนจะยิงตัวกินคนที่มีความเร็วไวพอ ๆ กับเด็กนักเรียนที่กำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ร่างของมันไถลลงไปกับพื้นเมื่อถูกยิงเข้าที่หัวอย่างจัง

    เข้าไปในลานอเนกประสงค์ แล้วเปิดประตูให้แค่คนที่ไม่ถูกกัดเท่านั้น!” จงอินตะโกนบอกเด็กนักเรียนที่ยืนผวาอยู่ฝั่งตรงข้าม เด็ก ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วรีบวิ่งเข้าไปในลานอเนกประสงค์ ทั้งนักเรียนชาย-หญิงต่างช่วยกันปิดประตูก่อนจะผงะถอยหลังเมื่อตัวกินคนโผล่มาเกาะรั้วฝั่งตรงข้าม

    กรี๊ดดดดด!!!”

     

     

    ปัง!

     

     

    ร่างของผีดิบที่เกาะรั้วอยู่ค่อย ๆ ลมลงไปเมื่อถูกเป่าหัวจากข้างหลัง ถอยเข้าไป!” ชานยอลลดปืนลงแล้ววิ่งกลับไปที่ตึกเพื่อช่วยคนอื่น ๆ ต่อ

     

     

     
     

    เปรี๊ยงง!!!!

    ซ่า...

     

     

     

    สายฝนตกลงมาอย่างหนักในขณะที่เหตุการณ์ในตึกยังคงวุ่นวายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นักเรียนจำนวนมากล้มตายและลุกขึ้นมาเป็นผีดิบไล่กัดคนราวกับโรคติดต่อขั้นรุนแรง จนพวกเขาแทบแยกแยะไม่ออกว่าใครติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อบ้าง

    อี้ฟาน!!” ร่างสูงหันมาตามเสียงเรียกก่อนจะรับแม็กกาซีนที่จงอินโยนมาให้ กดปุ่มปลดแม็กกระสุนออกแล้วใส่แม็กใหม่เข้าไปใหม่เตรียมหันไปจัดการกับพวกกินคนอีกครั้ง

    จงอินคว้าข้อมือเซฮุนที่กำลังจะขึ้นไปบนชั้นสองเอาไว้ก่อนที่ร่างบางจะหันกลับมามองเขาด้วยความสงสัย

    แบคฮยอนน่าจะอยู่ข้างบนนั่น!”

    พวกมันขึ้นไปไม่ถึงชั้นสี่หรอก...นายน่ะ อย่าอยู่ห่างจากฉันเกินหนึ่งช่วงแขน ได้ยินที่พูดนะ? จงอินชี้หน้าอีกฝ่ายก่อนจะหันไปยิงตัวกินคนที่กำลังกัดกินศพอย่างเอร็ดอร่อย

    ทั้งคู่ช่วยกันจัดการกับพวกผีดิบที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนชานยอลที่วิ่งตามมาทีหลังหยุดอยู่ทางแยกซ้ายขวาและตรงหน้าคือทางขึ้นบันไดไปชั้นสอง

     

     
     

    อี้ฟาน จงอิน เซฮุนอยู่ทางซ้าย...แล้วแบคฮยอนล่ะ?

     

     
     

    ร่างสูงนึกเป็นห่วงคนตัวเล็กที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ เขาตั้งท่าจะวิ่งขึ้นชั้นสองแต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังช่วยคนเจ็บอยู่เกือบสุดทางเดินท่ามกลางความชลมุน

    แบคฮยอน!!”

    ...ชานยอล!”

    รีบถอยออกมาจากตรงนั้น!!!”

    ...อ...ไม่นะ!!!”

    นักเรียนที่เจ็บสี่คนก่อนหน้านี้ลุกขึ้นมาในสภาพผีดิบ แบคฮยอนค่อย ๆ เดินถอยหลังจนร่างสูงมองไม่เห็นคนตัวเล็กเพราะถูกพวกกินคนบัง

    แบคฮยอนเหวี่ยงไม้เบสบอลติดตะปูฟาดเข้าที่หน้าผีดิบที่กำลังหมายเข้าไปเอาชีวิตเขาอย่างแรงแต่ก็ทำได้เพียงแค่ทิ้งบาดแผลไว้บนใบหน้าของมันเท่านั้น ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปหาคนตัวเล็กแต่ทางเดินมันช่างแคบจนกลายเป็นอุปสรรคที่น่ารำคาญเพราะเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งสวนทางไป

    รีบไปที่ลานอเนกประสงค์!” ชานยอลหันไปบอกนักเรียนที่เพิ่งวิ่งผ่านไปเมื่อครู่ก่อนจะหันกลับไปทางเดิม แล้วหัวใจของเขาก็หล่นวูบเมื่อพบว่าแบคฮยอนไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว...

    มีแต่ฝูงผีดิบที่กำลังรุมกัดกินศพที่นอนตายอยู่บนพื้นเท่านั้น หัวใจเต้นเร็วรัวพร้อมกับขายาวสองข้างที่วิ่งเข้าไป ผีดิบสี่ตัวกำลังรุมกัดศพที่นอนตายอยู่บนพื้นจนแยกแยะไม่ออกว่าก่อนหน้านี้เคยมีหน้าตาแบบไหน

    ร่างสูงยิงเข้าที่หัวมันทีละตัวเริ่มจากตัวแรกที่ลุกขึ้นยืนก่อน เสียงหวีดร้องแผดลั่นมาจากข้างหลังเรียกความสนใจให้หันกลับไปมอง ชานยอลเล็งเป้าไปยังเด็กผู้ชายร่างสูงที่กำลังวิ่งไล่ตามเอาชีวิตเด็กหนุ่มคนหนึ่งแล้วก็ต้องทิ้งความสงสัยไว้ตรงนี้แล้วตามไปช่วยคนอื่น ๆ เพราะหาแบคฮยอนไม่เจอ

    กระสุนผมหมด!” เซฮุนพูดแล้วหันไปมองรอบข้าง จงอินมองหน้าอีกฝ่ายแล้วเอาปืนของตัวเองยัดใส่มือร่างบางก่อนที่เขาจะเข้าไปชกหน้าผีดิบให้เซติดกับผนังแล้วควักไขควงออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเสียบเข้าตรงปลายคางอย่างแรง

    จงอิน!”

    ไปช่วยอี้ฟาน!”

    ...!” ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่นแล้วตัดใจวิ่งไปช่วยร่างสูงที่กำลังจะถูกรุม

    จงอินดึงไขควงออกแล้วเหวี่ยงร่างไร้วิญญาณลงพื้นก่อนจะวิ่งไปตามทางยาวแล้วกระโดดข้ามรั้วไปข้างนอกเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน พวกกินคนจำนวนหนึ่งอยู่กลางสนามหญ้ากำลังวิ่งไล่กัดเหยื่ออย่างย่ามใจ เหตุการณ์วุ่นวายไปหมดจนราวตากผ้าล้มระเนระนาดไม่เหลือชิ้นดี กระแสฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เด็กบางคนหกล้มเพราะรองเท้าลื่น บางคนถูกกัด บางคนหนีรอดเพราะได้ความช่วยเหลือจากพวกเขา

    เด็กหนุ่มที่ยืนเปียกฝนอยู่ชั้นดาดฟ้ามองเป้าหมายทั้งที่ตาพร่ามัว แน่นอนว่าหากใส่แว่นตอนฝนตกมันคงไม่ต่างอะไรจากตอนที่ไม่ใส่นัก มินซอกถอดแว่นที่แตกร้าวตรงเลนส์ข้างซ้ายออก เขาวางมันลงข้างตัวแล้วหยิบแว่นสีดำออกมาจากกล่อง

    มันไม่ได้ทำให้เขามองผ่านเลนส์ชัดขึ้นเลยสักนิดเดียว

    แต่ที่ใส่...ก็เพราะว่าเขาต้องการเพิ่มความกล้าให้กับตัวเองเท่านั้น...

     

     

     

    ช่วยผมด้วยนะ...พี่ลู่หาน

     

     

     

    เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจเหนี่ยวไกไปยังผีดิบที่กำลังวิ่งเข้าหาจงอิน

    อั่ก!”

    ร่างหนาหันควับเมื่อจู่ ๆ ผีดิบที่วิ่งมาด้วยความเร็วล้มลงไปกองกับพื้นหญ้า พอเงยหน้าขึ้นมองไปยังดาดฟ้าก็เห็นเงาใครคนหนึ่งเล็งปืนมาทางนี้หากแต่เขาไม่มีเวลาตะโกนกลับไปแสดงความขอบคุณ

    มินซอกปาดน้ำฝนออกจากเลนส์ทั้งที่ยืนตัวสั่นเพราะความหนาว แต่เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อช่วยทุกคนจากพวกผีดิบ...

    เหตุการณ์วุ่นวายสงบลงในเวลาถัดมา เสียงสายฝนกำลังตอกย้ำความสูญเสียให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่เศร้ายิ่งขึ้นกว่าเดิม เซฮุนเดินไปเปิดประตูให้กับนักเรียนที่ขังตัวเองอยู่ในลานอเนกประสงค์ก่อนที่ทุกคนจะเดินมารวมกันในสนามหญ้าที่สภาพเละเทะไม่มีชิ้นดี

    มีใครในนี้ถูกกัดบ้างไหม?!”

    จงอินตะโกนสู้กับเสียงฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เด็กผู้หญิงยืนกอดกันแน่น เพราะยังคงตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

    ทุกคนแยกกันเป็นสามแถว

    ...

    เด็กทุกคนเดินไปต่อแถวกันอย่างว่าง่ายเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของจงอิน ทุกคนต่างสลดไม่ต่างกันกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ยิ่งหันไปมองรอบข้างแล้วยิ่งหดหู่เมื่อนักเรียนที่เหลืออยู่ตอนนี้มีไม่ถึงยี่สิบคน อี้ฟานยืนก้มหน้านิ่ง...เขารู้สึกแย่จนพูดไม่ออกที่ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กเหล่านี้ไว้ได้

    ทีนี้เดินออกมาเช็คร่างกายทีละคน จงอินกระดิกนิ้วเรียกก่อนจะชี้ไปยังปาร์คกาฮีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เทาผู้หญิงตรวจกับคุณกาฮี ส่วนอีกสองแถวที่เหลือตรงมาที่ฉันกับอี้ฟาน

    ชานยอล เห็นแบคฮยอนหรือเปล่า? เซฮุนถาม ชานยอลลดสีหน้าลงก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ

    ผมจะขึ้นไปดูเขาบนห้อง เซฮุนเดินไปข้างหน้าแต่ก็ถูกชานยอลจับไหล่เอาไว้

    ไม่ต้องหรอก

    ทำไมล่ะ? เซฮุนขมวดคิ้ว

    ...เดี๋ยวผมไปเอง ร่างสูงตบบ่าคนตรงหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตึกขณะที่คนอื่น ๆ กำลังช่วยกันตรวจเช็คร่างกายในเวลาใกล้พลบค่ำ

     

     
     

     

     

     

     

     

    ขายาวก้าวไปตามทางเดินที่ไม่คงเหลือสภาพดี หัวใจของเขาเต้นช้าลงเมื่อเดินกลับมาตรงเดิมอีกครั้ง...จุดที่เขาเห็นแบคฮยอนหายไปและตรงนี้...

    มีศพนอนตายอยู่ในสภาพไม่น่าดูสักเท่าไหร่...

    ชานยอลก้มลงเก็บไม้เบสบอลเปื้อนเลือดขึ้นมาดูแล้วก็หัวใจหล่นวูบอีกครั้ง เขาเดินถอยหลังไปจนทรุดลงกับที่นั่งยาวหน้าห้องก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าด้วยความรู้สึกผิด...

     

     

     

    ศพที่นอนอยู่ตรงนั้น...รูปร่างคล้ายแบคฮยอนเหลือเกิน

     

     

     

     

    ...

    ไม่มีความหวัง...ในตอนนี้ทุกคนอยู่กลางสนามหมดแล้วแต่แบคฮยอนหายไปไหน ทั้งที่อยู่ในระยะสายตาแท้ ๆ แต่เพียงแค่วินาทีเดียวที่เขาหันไปทางอื่น แต่พอหันกลับมาอีกทีแบคฮยอนกลับหายไปแล้ว

    ลุกขึ้นสิปาร์คชานยอล...ลุกขึ้นเดินไปดูใกล้ ๆ ว่าศพที่นอนไส้ทะลักอยู่ตรงนั้นคือแบคฮยอนหรือเปล่า...ร่างสูงกำหมัดแน่น เขารู้สึกแย่จนไม่กล้าลุกไปดู

    เขาปกป้องใครไม่ได้...ตั้งแต่อีโฮจองคนรักของเขาจนมาถึงบยอนแบคฮยอนคนที่เขาตั้งใจว่าจะดูแลให้ดีที่สุดตามที่บยอนแบคโฮเคยฝากฝังเอาไว้

     

     

    กึง...กึง...กึง

     

     

    ...

    ชานยอลหันควับเมื่อได้ยินเสียงแปลก ๆ มาจากล็อคเกอร์หน้าห้องทางขวามือ เสียงมันเหมือนกับมีใครใช้นิ้วเคาะมันเบา ๆ อยู่ข้างในนั้น ร่างสูงกลืนน้ำลายก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น...เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าล็อกเกอร์ที่ยังส่งเสียงเคาะเบา ๆ แล้วยืนใช้ความคิด...

     

     

     

    แบคฮยอนน่ะ...ถูกรังแกมาตั้งแต่เด็ก...

     

     

     

    ตึกตึก...ตึกตึก...

     

     

     

    ถูกเพื่อนระบายสีบนหน้า ถูกแกล้งสารพัด เสื้อนักเรียนสีขาวมีแต่รอยสกปรกกลับมาทุกวัน ไม่ต้องถามเลยว่าเดือนนึงเขาต้องซื้อเสื้อใหม่กี่ตัว...

     

     

    มือซ้ายเอื้อมไปยังล็อกเกอร์เบื้องหน้าอย่างช้า ๆ ส่วนมืออีกข้างดึงมีดออกมาจากสนับขาเตรียมพร้อมที่จะแทงตัวอะไรสักอย่างที่อยู่ข้างในนั้น...

     

     

     

    แบคฮยอน...

    ได้โปรด...

     

     

     

    ไหนจะถูกเพื่อนจับแต่งเป็นผู้หญิง ถูกขังในล็อคเกอร์บ้างล่ะ...

     

     

     

    แอ๊ด...

    ร่างสูงเปิดล็อกเกอร์พร้อมกับถอยหลังออกไปตั้งหลัก มือขวาง้างขึ้นเตรียมจะแทงหากว่ามีตัวอะไรสักอย่างกล้าพุ่งเข้าใส่ตัวเขา แต่ภาพที่เห็นคือร่างของใครอีกคนที่นั่งขดตัวอยู่ในนั้นด้วยสภาพอิดโรย

    ...

    ...ชานยอล

    ...

    ชานยอลทิ้งมีดลงแล้วก้มลงไปดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด ใบหน้าเรียวเกยกับไหล่กว้างและปล่อยให้อีกคนกอดอยู่อย่างนั้น มือแกร่งกดแผ่นหลังของคนตัวเล็กเข้าหาตัวเพื่ออ้อมกอดที่แนบแน่นยิ่งขึ้น หยดน้ำตาอุ่นไหลลงทุกครั้งที่กระพริบตา คนตัวเล็กค่อย ๆ เอื้อมมือขึ้นมากอดตอบร่างสูงแล้วซบหน้าลงอย่างโล่งใจ

    ผมขอโทษครับชานยอล...

    ไม่เป็นไรนะ...ผมอยู่นี่แล้ว

    ร่างสูงกระซิบปลอบใจคนที่กำลังขวัญเสียก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้ม แบคฮยอนซบหน้าลงกับอกแกร่งอย่างหมดเรี่ยวแรง การขังตัวไว้ข้างในนั้นมันเกือบจะฆ่าเขาให้ตายได้เพราะขาดอากาศหายใจ

     

     

    ทั้งที่ตอนแรกเขาพร้อมจะตายเพื่อคนอื่นแล้วแท้ ๆ

    แต่พอเห็นหน้าชานยอลในตอนนั้น...บยอนแบคฮยอนถึงได้รู้ว่าเขายังไม่ได้อยากตายจริง ๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

    แม่ยกไคฮุนใจเย็นตอนหน้าเราจัดให้หนัก ๆ

    เราชอบอิมเมจพ่อลูก วอนโฮ มากเลยนะบอกเลย รอดูตอนต่อไป พวกนางสติได้อีกนะ มีอะไรอีกเยอะ 5555555555 ต่อไปจะเป็นยังไงลองเดากันเล่น ๆ นะ

    ฟิคเรื่องนี้เดาทางง่ายมาก พูดเลย

     

     #ficzombie

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×