ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15 :: Cry

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.89K
      185
      3 ธ.ค. 56

    ? Tenpoints!

     

     

     

    Chapter 15

    Cry

     

     

     

     

     

    ตึก ตึก ตึก!

    เสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาภายในหอพักชายจนเด็กที่อยู่ละแวกนั้นหันไปมองเป็นตาเดียวกัน เลือดสีเข้มหยดลงพื้นเป็นต่างดวง เสื้อยืดที่คอยห้ามเลือดถูกแกะออกตั้งแต่ลงจากรถเพราะเด็กหนุ่มเจ็บปวดจนไม่สามารถห่อผ้าไว้ได้

    เคลียร์พื้นที่หน่อยมีคนเจ็บ!!”

    ร่างหนาตะโกนเข้าไปข้างในและครูสาวก็รีบเคลียร์โต๊ะให้อย่างรู้งานโดยที่ไม่ถามอะไรสักคำ เทาวางร่างที่อยู่ข้างหลังลงบนโต๊ะแล้วเด็กหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บก็งอตัวเข้าหากันพร้อมกับร้องโอดครวญ

    โอ๊ย...

    เกิดอะไรขึ้น?

    มันถูกลิงกัดครับครู

    ลิงงั้นเหรอ? เธอประคองมือเรียวยาวของเด็กหนุ่มขึ้นมาอย่างเบามือพร้อมกับพินิจดูบาดแผลสดที่น่าสยดสยองเมื่อเห็นกระดูกนิ้วชี้กับนิ้วกลางของฮันแตอินอย่างชัดเจน

    ฮือ...ผมเจ็บ...

    อดทนนิดนึงนะ... หญิงสาวบอกเด็กนักเรียนที่นอนขดตัวอยู่บนโต๊ะ จงอินกับเทาเดินออกมาข้างนอกห้องแล้วปิดประตู

    นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ?

    เคยได้ยินว่าลิงกัดคนเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าแม่งจะโหดขนาดเอานิ้วแทบขาดขนาดนี้จงอินมองเสื้อที่เปื้อนเลือดก่อนจะโยนมันทิ้งลงถังขยะที่ตั้งอยู่ข้างหลัง

    อีกนิดเดียวก็ขาดแล้วนะ...แค่อีกนิดเดียว สีหน้าของเทาดูเคร่งเครียด แน่นอนว่าเขาเป็นห่วงอาการของเพื่อนร่วมชั้นที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม.ต้น

    มือข้างนั้นคงใช้การไม่ได้แล้วล่ะ เผลอ ๆ คงต้องตัดนิ้วทิ้ง

    มึงจะบ้าเหรอ นิ้วนะไม่ใช่ผมบนหัวจะได้ตัดกันง่าย ๆ เทามองคนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ

    ไม่ได้แล้วมึงจะให้ทำไง? แกว่งนิ้วที่จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ไปไหนมาไหนทั้งอย่างนั้นน่ะเหรอ

    ...

    แล้วไอ้ลิงเหี้ยนั่นมีเชื้อโรคอะไรบ้าง มึงจะให้ลามไปตามมือมันจนต้องเปลี่ยนเป็นตัดมือ ตัดแขนแทนใช่ไหม?

    แล้วจะตัดยังไง? กดมันลงกับเตียงแล้วเอามีดสับสด ๆ น่ะเหรอ? เหอะ บ้าไปแล้ว เทาแค่นหัวเราะ แค่คิดว่าถ้าต้องมีการผ่าตัดโดยไม่ใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์เขาก็สยดสยองแล้ว

    หรือจะไปตามหมอที่โรงพยาบาล ไปกับกูไหมล่ะ? จงอินเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย เทาถอนหายใจก่อนจะเดินหนีออกมาจากตรงนั้นเพื่อสงบสติอารมณ์ ยังไงเขาก็ไม่รู้สึกดีกับการผ่าตัดสด ๆ โดยไม่มียาชาหรือตัวช่วยที่ลดความเจ็บปวดทั้งนั้น

    เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? หญิงสาวร่างเพรียวเดินตรงมาที่เขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เธอมองตามแผ่นหลังของเทาจนกระทั่งลับสายตาไปก่อนจะหันมาที่จงอินอีกครั้ง

    นักเรียนที่ไปกับผมถูกลิงกัด นิ้วนี่แทบขาดออกจากกัน จงอินตอบด้วยความรู้สึกผิด ปาร์คกาฮีขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะเลื่อนประตูเข้าไปในห้องแล้วก็พบว่าฮโยรินกำลังประคองให้เด็กคนนั้นไปนอนพักหลังจากทำแผลเสร็จแล้ว

    ลิงเหรอ?

    ใช่ ไปดูสิ...ลูกศิษย์ของคุณก็พามันกลับมานะ เห็นพวกมันคุยกันว่าจะเอาไปผัดเผ็ด ไม่ก็แล่ออกมาทำเนื้อย่าง ได้ยินจงอินพูดแบบนั้นเธอก็เบ้หน้ารังเกียจทันที

    ผมขอโทษนะที่ดูแลลูกศิษย์คุณไม่ดี

    ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกค่ะ เธอยิ้มบาง ๆ

    อ้อ แล้วแบคฮยอนอยู่ไหน?

    แบคฮยอนเหรอ? ฉันเห็นเขาออกไปกับลู่หานเมื่อตอนสาย ๆ น่ะ

    ว่าไงนะ?!” ร่างหนาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากหญิงสาวตรงหน้า เธอดูตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังเก็บสีหน้าไว้ได้ดี

    ค่ะ เขาออกไปกับลู่หาน

    เวรเอ๊ย!!” จงอินเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย ทำไมเด็กนั่นถึงได้หัวรั้นขนาดนี้นะ! ทั้งที่ห้ามก็แล้ว อะไรก็แล้ว

    คนอื่น ๆ ล่ะ? ชานยอล อี้ฟาน เซฮุน?

    พวกเขากำลังสอนเด็ก ๆ ใช้ปืนอยู่ในลานอเนกประสงค์น่ะ 

    งั้นผมฝากเด็กในห้องพยาบาลไว้กับคุณก่อนแล้วกัน จงอินทิ้งท้ายก่อนจะรีบวิ่งออกไปข้างนอกตึกแล้วแวะหยิบเสื้อที่ตากไว้มาใส่ลวก ๆ จำได้ว่าตัวนี้ของไอ้ลู่หาน ยังไงก็หยิบมาใส่แก้ขัดไปก่อน

    ขายาวก้าวเข้าไปในลานอเนกประสงค์ กลางลานกว้างมีชายหนุ่มสามคนยืนถือปืนอยู่ในขณะที่เด็กนักเรียนกำลังนั่งฟังคำอธิบายด้วยความสนใจ เซฮุนเป็นคนแรกที่หันไปเห็นจงอิน เขาสะกิดแขนคนข้าง ๆ ให้หันไปมองผู้มาใหม่ที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

    อ้าวจงอิน

    ผมขอคุยด้วยหน่อย ทั้งสี่คนเดินแยกออกมาจากตรงนั้น พอเห็นจงอินทำหน้าเคร่งเครียดแล้วทุกคนก็เป็นกังวล

    เกิดอะไรขึ้นเหรอ? เป็นชานยอลที่ยิงคำถามออกมาก่อน จงอินถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองทั้งสามคน

    แบคฮยอนออกไปกับลู่หาน พวกคุณรู้เห็นเรื่องนี้หรือเปล่า? เขากรอกตามอง โดยเฉพาะชานยอลที่พักหลังอยู่กับแบคอยอนบ่อยที่สุด มองข้ามเซฮุนกับอี้ฟานไปได้เลยเพราะเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ ที่อี้ฟานจะยอมให้เด็กนั่นออกไปเสี่ยงตายข้างนอก

    แบคฮยอนไปกับลู่หานงั้นเหรอ?

    บ้าเอ๊ย... พอเห็นสีหน้าของชานยอลคงไม่ต้องรอคำตอบอะไรอีก จงอินคว้ามือเซฮุนมาเพื่อดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง

    ลู่หานมันน่าจะออกไปในระยะเวลาไล่เลี่ยกับผม ถ้าในเมืองอยู่ไกล...อีกไม่ถึงชั่วโมงมันก็น่าจะกลับมา จงอินคำนวณเวลาอย่างเป็นกังวล เป็นเพราะแบคฮยอนอ่อนแอที่สุด ไม่มีทักษะด้านการเอาตัวรอดเหมือนคนอื่น ๆ เขาถึงได้ย้ำนักย้ำหนาว่าให้อยู่ที่นี่ ใช่ว่าถูกกัดแล้วจะเป็นเหมือนเซฮุนเสียเมื่อไหร่ เด็กคนนั้นมันดื้อจริง ๆ  

    ผมคงห้ามไม่ให้คุณคิดมากไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้ในตอนนื้คือรอพวกเขากลับมานะจงอิน อี้ฟานพูดเรียกสติอีกฝ่าย ร่างหนามองทั้งสามคนสลับกันแล้วถอนหายใจอย่างหัวเสียก่อนจะพยักหน้าแบบขอไปที

    มาเลือกปืนของคุณสิ

    ทั้งสี่คนเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อสอนนักเรียนใช้ปืนต่อ อี้ฟานให้คำแนะนำเกี่ยวกับปืนลูกซอง ส่วนชานยอลสอนใช้ปืนพก และที่ต้องสอนพิเศษก็คือไรเฟิลสำหรับเด็กที่ต้องอยู่เวรสองคนทั้งกะกลางวันและกลางคืน

    ไม่นานนักเสียงรถก็ขับกลับเข้ามาในโรงเรียน ทั้งสี่คนละความสนใจจากปืนแล้วจดจ้องไปยังรถยนต์ที่เพิ่งดับลง เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้สามใบและตามด้วยคนที่สอง

    สุดท้ายคือแบคฮยอนที่เดินลงมาจากรถ คนตัวเล็กเหม่อลอยจนเด็กหนุ่มที่ไปด้วยกันต้องเข้าไปถามไถ่แล้วร่างเล็กก็ส่ายหัวเป็นคำตอบ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อไม่เห็นลู่หานโผล่หน้าออกมาสักที ในหัวเรียบเรียงประโยคหยาบคายสารพัดเตรียมพร้อมจะด่าไอ้เพื่อนเวรที่ตามใจพาแบคฮยอนออกไปแบบนั้น ร่างหนาเดินเข้าไปหาแบคฮยอนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนแล้วเพ่งมองให้คนตัวเล็กรู้สึกผิด

    แบคฮยอน ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่าออกไปข้างนอก

    ...

    คำพูดที่เตรียมต่อว่าคนตัวเล็กถูกกลืนลงคอไปในทันทีที่เห็นริมฝีปากบางสั่นระริก น้ำตาที่ก่อนหน้านี้เหือดแห้งไปแล้วมันกำลังไหลออกมาอีกครั้งเพราะความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ

    ผมขอโทษ...จงอิน แบคฮยอนสะอื้นจนตัวโยน อี้ฟาน ชานยอล เซฮุนที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ได้แต่มองไปยังคนสองคนด้วยความสงสัย

    รู้ว่าผิดแล้วทำทำไม? แล้วไอ้ลู่หานหายหัวไปไหน? ร่างหนาชะเง้อหน้ามองเข้าไปข้างในรถแต่ก็ไม่เห็นใครอีกคนอยู่ในนั้น แบคฮยอนยกมือขึ้นปาดน้ำตาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

    แบคฮยอน ฉันถามว่าลู่หานอยู่ไหน? เขาชักจะใจไม่ดีที่เห็นร่างเล็กเอาแต่ร้องไห้ นัยน์ตาคมกวาดมองไปทั่วโรงเรียนเผื่อว่าลู่หานอาจลงก่อนรถจอดก็ได้

    เป็นเพราะผมคนเดียว...ฮือ...เพราะผม...

    ...จงอินยืนนิ่ง มองคนตรงหน้าที่ร้องไห้อย่างหนัก ในหัวประมวลผลถึงความเป็นไปได้ ที่ลู่หานไม่กลับมาแบบนี้ ที่แบคฮยอนร้องไห้แบบนี้...

    ไม่จริงน่า... เซฮุนพึมพำแล้วเดินไปหาแบคฮยอนโดยที่มีร่างสูงทั้งสองเดินตามไปด้วย นักเรียนทุกคนหันกลับไปตามเสียงร่ำไห้ของคนตัวเล็กที่เหมือนจะขาดใจเสียเดี๋ยวนั้น

    ลู่หานเขา...

    จงอินยืนนิ่งก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มือหนาเสยผมขึ้นแรง ๆ ขณะที่ยังมองคนตรงหน้าไม่ละสายตา เขาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ไม่อยากเชื่อ ทั้งสามคนหยุดยืนอยู่ข้างหลัง มองจงอินที่ยังคงอยู่ในสภาพช็อกส่วนแบคฮยอนยังคงยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น ปากยังคงพร่ำโทษตัวเองไม่หยุดจนเซฮุนต้องเข้าไปกอดปลอบ

    คนที่ต้องตายควรเป็นผม...ไม่ใช่เขา...

    ...

    ชานยอลกับอี้ฟานก็ตกใจไม่ต่างกันเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวจากแบคฮยอน ร่างสูงทั้งสองหันไปมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

     

     

    เป็นเพราะสนิทที่สุด...

    เพราะรู้ใจเหมือนเพื่อนที่คบกันมานาน...

    ทั้งที่ระยะเวลามันช่างสั้นนักที่ได้อยู่ด้วยกัน...

    เขาไม่เคยนึกถึงเลยว่าวันนี้จะมาถึง...

     

     

    ท่ามกลางความโศกเศร้าแห่งการสูญเสีย เด็กนักเรียนที่อยู่ในลานยืนมองห่าง ๆ ด้วยความเห็นใจ พวกเขาทุกคนต่างเคยลิ้มรสคำว่าลาจาก มาแล้ว

    ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว...คนที่อยู่รอบข้างก็จะจากไปทีละคน...

    หรืออาจจะเป็นเรา...ที่เป็นฝ่ายจากไปก่อนก็ได้...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มองไปยังประตูดาดฟ้าที่กำลังเปิดออก ในหัวจินตนาการไปถึงใบหน้าทะเล้นของผู้ชายขี้แกล้งคนนั้นที่ชอบเดินขึ้นมาสูบบุหรี่เหมือนกับทุกครั้ง ถึงแม้จะรู้สึกแย่กับเหตุการณ์เมื่อเช้า แต่ถ้าลู่หานยิ้มแล้วพูดจากวนประสาทเขาก็คงลืมความโกรธไปหมด แต่คนตัวเล็กต้องผิดหวังเมื่อคนที่เดินเข้ามากลับเป็นใครอีกคนที่ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน

    ...

    มินซอกวางช้อนลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ที่เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ทั้งคู่ไม่มีใครเปิดบทสนทนาก่อน แบคฮยอนเอาแต่ยืนเงียบสร้างความสงสัยให้จนอีกคนต้องลุกขึ้นยืน

    มีอะไร

    ...มินซอกใช่ไหม?

    ใช่ ขานตอบแล้วเหลือบมองประตูทางเข้าที่ยังปิดสนิท จนถึงตอนนี้ใครคนนั้นก็ยังไม่เดินตามเข้ามาอย่างที่จินตนาการเอาไว้

    ... มินซอกมองหน้าอีกฝ่ายที่ความสูงไม่ต่างกันนักแล้วก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นแบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม

    นายเป็นอะไร?

    ...

    ทะเลาะกับเขาเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ บยอนแบคฮยอนคงเป็นคนที่ใจร้ายที่สุดในโลก ฉันคงไม่ใจดีปลอบนายหรอกนะ มินซอกหันไปทางอื่นก่อนจะเอี้ยวตัวกลับไปหยิบกล้องส่องทางไกลแต่ก็ถูกแบคฮยอนคว้าแขนเอาไว้

    มินซอกมองอีกฝ่ายที่กำลังก้มหน้าลงก่อนที่มือข้างหนึ่งจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากข้างหลัง มือของบยอนแบคฮยอนสั่นเทาพร้อมกับน้ำตาที่หยดลงบนพื้นซีเมนต์จนเป็นต่างดวง

    ...

    อะไร... มินซอกมองของในมือและรูปร่างของมันคงเดาไม่ยากเท่าไหร่ พอเปิดกล่องออกก็พบกับแว่นกรอบดำที่อยู่ในสภาพดี แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังแว่นในมืออีกคน

    ของนายน่ะ...

    ...

    ลู่หานเขา...เอา...ให้นาย

    หมายความว่าไง?

    ฉันขอโทษ...

    ...

    แบคฮยอนโถมกอดคนตรงหน้าราวกับหมดแรงที่จะยืนต่อไป เสียงสะอื้นอยู่ข้างหูราวกับใจจะขาดนั่นทำให้มินซอกรู้สึกไม่ดี จู่ ๆ เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างปฏิเสธไม่ได้ หยดน้ำตาอุ่นไหลลงมาอาบแก้มทั้งที่ไม่ได้บีบออกมาเพียงแค่ได้ยินคำบอกเล่าจากแบคฮยอน

    ลู่หานเขา...

    ...

    เขาตายแล้ว...

    ...

    ทั้งคู่ทรุดลงไปกับพื้นเพราะไม่มีใครยืนไหวอีกต่อไป ปลายจมูกขึ้นสีระเรื่อ ดวงตาคู่สวยคลอไปด้วยน้ำตา ในมือของเขายังกำกล่องแว่นไว้แน่น...แน่นจนไม่อยากเชื่อว่าคนที่ฝากมาให้เขาได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว

    พูดบ้าอะไรของนาย...มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง...

    มินซอกพยายามข่มเสียงให้เป็นปกติที่สุดแม้ว่าน้ำตาของเขาจะไหลออกมาไม่หยุดพอ ๆ กับอีกคน แบคฮยอนปล่อยโฮออกมาอย่างหนักขณะกอดร่างคนตรงหน้าไว้ราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย มินซอกไม่ได้กอดตอบ เขาไม่มีแรงทำอะไรทั้งนั้น...ไม่มีแม้แต่แรงจะยืนต่อไป

    ฮือ...

    มองไปยังมุมดาดฟ้าที่เขาเคยยืนอยู่ตรงนั้นกับลู่หาน...ผู้ชายขี้เล่นที่เอาแต่สูบบุหรี่แล้วพ่นควันให้ลอยผ่านมาให้เขาสำลักเล่น รอยยิ้มที่มองแล้วทำให้ใจเต้นแรงกับคำพูดเอาแต่ใจที่ฟังเมื่อไหร่ก็เผลอเข้าข้างตัวเองทุกที อ้อมกอดที่ทำให้เขาหายเข้าไปอยู่ในนั้นได้แม้ว่าจะเป็นผู้ชายด้วยกัน

     

     

    ถึงคิมมินซอกจะไม่เคยพูด...

    แต่เขามีความสุขทุกครั้งที่มีลู่หานยืนอยู่ข้าง ๆ

     

     

    ภาพของเขาสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกระแสลมเย็นที่พัดผ่านทำให้รู้สึกดียิ่งขึ้น...คิมมินซอกไม่เคยยิ้มตอนมองหน้าลู่หาน...ไม่เคยยิ้มให้ทั้งที่รู้สึกดีมากแค่ไหน...

    ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นเร็วมาก...มากจนกลัวว่าสักวันหนึ่งผู้ชายขี้แกล้งคนนั้นจะรู้ความในใจของเขา

    นายกำลังโกหกฉันใช่ไหม มินซอกถามเสียงสั่น น้ำตายังคงทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี หัวไหล่ของทั้งคู่เปรอะไปด้วยน้ำตาของกันและกัน แบคฮยอนกระชับกอดแน่นขึ้น เขายังคงร้องไห้หนักอยู่อย่างนั้นกับความผิดที่ฝังอยู่ในใจ

    บยอนแบคฮยอน...พูดสิ...

    ฉันขอโทษ...





    พูดว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร...พูดกับฉันเดี๋ยวนี้...  

     

     

     
     

     

     

     

     

     

     

     

    ทั้งสี่คนนั่งเงียบโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ทุกคนยังคงช็อกกับเรื่องของลู่หานที่ได้ฟังจากปากแบคฮยอน แต่คงเป็นจงอินที่อาการหนักที่สุดถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนกับแบคฮยอน

    แน่นอนว่าใคร ๆ ก็รู้ถึงมิตรภาพของจงอินกับลู่หาน ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นานแต่สำหรับเขาแล้วลู่หานคือเพื่อนที่ดีที่สุด อย่างที่ใคร ๆ เคยพูดไว้ว่า

     

     
     

    เราจะรู้ได้ว่าใครคือเพื่อนที่ดีที่สุดก็ตอนที่เราลำบากที่สุด

     
     

     

    และลู่หานก็เป็นคนนั้นที่อยู่กับพวกเขาจนมาถึงวินาทีสุดท้าย...

    เซฮุนเพิ่งรู้วันนี้ว่าผู้ชายบ้าดีเดือดอย่างคิมจงอินก็เป็นคนเซนซิทีฟเอาเรื่องถ้าให้เทียบกับตอนที่บยอนแบคโฮจากไป ปกติอี้ฟานกับชานยอลก็เงียบกันอยู่แล้วพอมาเจอเรื่องแบบนี้ยิ่งทำให้เงียบกันเข้าไปอีก ชานยอลลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินกลับเข้าไปในลานอเนกประสงค์โดยที่ไม่หันมาบอกกล่าวอะไรใด ๆ ส่วนอี้ฟานก็ลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในตึก ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขากับจงอินเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน

    ผมไม่รู้จะพูดอะไร แต่ถ้ามีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ก็...

    ร่างบางกลืนคำพูดลงคอไปเมื่อคนข้าง ๆ นิ่งเฉยไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งกวนประสาทตอกกลับมาเหมือนทุกครั้ง ทั้งที่ปกติทั้งคู่มักจะกัดจิกกันอยู่ตลอด แต่ในเวลาแบบนี้สิ่งที่เขาต้องทำนั่นไม่ใช่การพูดจาถากถาง เซฮุนเม้มริมฝีปากก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อยแต่ก็แค่ครู่เดียวจงอินก็หันกลับมามองหน้าเขา

    คุณสนิทกับเขามาก ผมไม่แปลกใจเลยที่คุณจะเสียใจขนาดนี้

    ...

    ผมก็เคยเสียเพื่อนไปเหมือนกัน แต่ความรู้สึกคนเราตอนได้รับผลกระทบจากการสูญเสียคงเอามาเทียบกันไม่ได้ บางคนเจ็บมากจนทนไม่ไหว บางคนเจ็บแต่ก็ยังทนลุกขึ้นเดินต่อไปข้างหน้าได้

    ...

    แบคฮยอนบอกว่าเขาไม่ได้เห็นกับตาว่าลู่หานตายแล้ว มันจะดีไหมถ้าเกิดว่าเราจะไปตามหาเขาที่นั่น...

    เซฮุนยังคงพูดต่อไปแม้ว่าคนข้าง ๆ จะไม่ขานตอบหรือแสดงปฏิกิริยาใด ๆ กลับมา จงอินยังคงจ้องมองพื้นดินในขณะที่ร่างบางกำลังมองหน้าเขาอยู่ เซฮุนลุกขึ้นไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกคนพร้อมกับวางมือลงบนหัวไหล่

    จงอิน

    แต่แบคฮยอนบอกว่ามันวิ่งไปเจอทางตัน ต่อให้เป็นพระเจ้าก็คงไม่รอด

    ...

    ฉันไม่ชอบการหลอกตัวเอง จงอินเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย

    ถ้าให้เลือกระหว่างสีหน้ากวนประสาทกับสีหน้าเศร้าหมองแบบนี้เขายอมให้คิมจงอินทำอย่างแรกยังจะดีกว่า เซฮุนเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะรวบรวมความกล้ารั้งร่างจงอินเข้ามากอดหลวม ๆ หัวทุยของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ซบลงกับหน้าท้องของเขาโดยไม่มีท่าทีขืนออก ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อจงอินไม่ได้ยื้อตัวไว้อย่างที่คิด

    เซฮุนลูบหลังปลอบใจคนที่กำลังจมอยู่กับความเศร้าเบา ๆ คิมจงอินก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึกสุข เศร้า เสียใจเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป ร่างบางลดระดับสายตามองอีกฝ่ายที่ยังคงซบอยู่กับหน้าท้องเขา...

     

     

    ไม่ว่าลู่หานจะจากไปหรือยังอยู่...ยังไงก็ขอพิสูจน์ก่อนแล้วกัน

     

     

     

     
     

     

     

     

     
     

     

    ในเมืองแบบนั้นคงมีพวกมันอยู่เยอะมาก เอาปืนเก็บเสียงติดตัวไปด้วยไว้ใช้ตอนฉุกเฉิน อี้ฟานพูดขณะที่เขากับชานยอลกำลังนั่งหมุนไซเรนเซอร์เก็บเสียงขนาดหกนิ้วเข้ากับปืนพก ส่วนจงอินกับเซฮุนกำลังช่วยกันบรรจุกระสุนเข้าแม๊กกาซีน

    มันจะเก็บเสียงได้มากแค่ไหนครับคุณชานยอล? เซฮุนถามอีกฝ่าย ชานยอลวางปืนลงแล้วหยิบกระบอกใหม่ขึ้นมาใส่

    ไซเรนเซอร์ยิ่งยาวเท่าไหร่ก็ยิ่งเก็บเสียงได้มากเท่านั้น ขนาดสี่นิ้วก็เก็บเสียงได้แต่ยังไม่ดีเท่าที่ควร เซฮุน...คุณยืนขึ้นหน่อย ชานยอลคว้าสายสะพายปืนขึ้นมาสวมให้ร่างบางที่ยืนเป็นหุ่นอยู่ตรงหน้า ร่างสูงก้มลงเก็บปืนกับแม็กกาซีนขึ้นมาใส่ตามช่องพร้อมกับสำรวจความเรียบร้อยจงอิน ตาคุณแล้ว

    ร่างหนาลุกขึ้นเดินไปหาอีกคนพร้อมกับใส่สายสะพายเองอย่างรู้งาน ชานยอลช่วยกระชับสายสะพายเพื่อให้สะดวกต่อการเคลื่อนไหวและคนสุดท้ายที่สวมสายสะพายปืนเข้าไปก็คือเขา

    ทั้งสี่คนแบ่งหน้าที่กันอีกครั้ง อี้ฟานจะอยู่ดูสถานการณ์ที่นี่ ส่วนจงอิน ชานยอล และเซฮุนจะออกไปตามหาลู่หานในเมือง อี้ฟานมองหน้าทั้งสามคนด้วยความเป็นกังวลแต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรเพราะเคารพการตัดสินใจของเพื่อนร่วมทาง ขนาดลู่หานที่ชำนาญเรื่องการหลบหนีดีกว่าใคร ๆ ยังพลาดได้...เขาเป็นห่วงทั้งสามคนจริง ๆ

    ฝากไปดูเด็กในห้องพยาบาลด้วยนะอี้ฟาน ไอ้เด็กที่ถูกลิงแดกนิ้วน่ะ จงอินฝากฝังไว้กับคนตัวสูง อี้ฟานพยักหน้ารับแล้วเดินไปส่งทุกคนให้ขึ้นรถ

     

     
     

    ผมจะรอทานมื้อเย็นด้วย หวังว่าพวกคุณจะกลับมาพร้อมกันทุกคนนะ

     

     

     


     

     

     

     

     

     

    ครืน...

    ร่างสูงดับเครื่องลงพร้อมกับมองไปยังเมืองร้างเบื้องหน้า ถ้าให้จินตนาการเมื่อก่อนคงเป็นพื้นที่ชุมชนและเป็นที่นิยมสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ห้างสรรพสินค้าที่ตกแต่งด้วยกระจกบานใสดูมีไสตล์แต่มองเข้าไปข้างในก็พบเพียงแค่ความมืด ถนนเบื้องหน้ามีเศษซากศพ กระดาษ ขยะ และรถยนต์ที่จอดเกะกะขวางทางจนขับต่อไปไม่ได้

    มีพวกกินคนเดินอยู่บนฟุตปาธและตามถนนอยู่ไม่มากเท่าที่คิด แต่ยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม บางทีพวกมันอาจจะหลบอยู่ตามซอกมุมตึก ในตรอกแคบ ๆ หรือในที่ ๆ คาดไม่ถึงก็ได้

    ห้าง SY อืม...ใช่แล้วล่ะ ชานยอลอ่านตามตัวอักษรที่ตกแต่งอย่างสวยงามอยู่บนทางเข้าห้าง ทั้งสามคนปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูออกไป

    ลมเย็นที่มาพร้อมกับเสียงฟ้าร้องทำให้ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก้อนเมฆสีดำจำนวนมากเป็นสัญญาณบอกได้ดีว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฝนคงตกลงมาอย่างหนัก...เด็กหนุ่มควักปืนออกมาถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง สายตากรอกมองไปยังเบื้องหน้าเพื่อหาจุดผิดสังเกต

    จงอินหยิบแผนที่ออกมาดูก่อนจะคาบปลอกปากกาเมจิกไว้กับปากแล้ววงกลมลงบนพื้นที่จนเซฮุนต้องดึงออกมาถือไว้ให้

    ถ้าเกิดมีเหตุไม่คาดคิด ให้คนที่มาถึงก่อนขับรถไปรอที่ทางเลี้ยวตรงสี่แยกไฟแดงตรงนี้ จงอินพูดพร้อมกับกากบาทลงบนแผนที่

    แล้วถ้าเกิดผมไปไม่ทันล่ะ เซฮุนถาม พวกเขาหยุดยืนมองแผนที่ในมือจงอินอย่างตั้งใจ

    ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องใช้แผนสอง...คนที่มาไม่ทันต้องหาทางหนีไปร้านเบเกอรี่ตรงแยกสี่สิบ ส่วนทางหนีทีไล่คือตรอกเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงทางเชื่อมไปหลังโรงพยาบาล N” จงอินมาร์คปากกาเมจิก่อนจะลากยาวและปิดท้ายด้วยลูกศรบอกทางบนแผนที่

    ถ้าตรอกแคบ ๆ ตรงนั้นมีพวกมันเยอะล่ะ ลองทางนี้ดูไหม? ชานยอลแบมือขอยืมปากกาจากจงอินซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ถ้าไปทางนี้แล้วออกทางนี้คงลดการเสี่ยงที่จะเจอพวกกินคนได้ คุณว่าไง? ชานยอลหันไปถามความเห็น จงอินพยักหน้าเห็นด้วยแล้วเก็บแผนที่ใส่กระเป๋ากางเกง

     

     

    “’งั้นก็ตามนั้น

     
     

     

     

     
     

    เผาะ...เผาะ...เผาะ...

    หลังจากที่เดินตามหาทุกซอกทุกซอยจนแทบนับไม่ได้แล้วว่าฆ่าพวกตัวกินคนไปแล้วกี่ตัว ความหวังที่เคยมีริบหรี่จนแทบไม่มีเหลือ ตอนนี้ท้องฟ้ากำลังทำหน้าที่ตอกย้ำความผิดหวังโดยการส่งกระแสฝนลงมาให้เปียกชื้น จงอินหรี่ตามองภาพเบื้องหน้าที่สลัวเพราะสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแล้วก็เครียด

    แบคฮยอนบอกหรือเปล่าว่าเขาหนีออกมาทางไหน? ชานยอลหันไปถามจงอิน ร่างสูงต้องเข้าไปตะโกนใกล้ ๆ เพราะเสียงฝนกลบเสียงเขาไปหมด พอได้ยินคำถามแบบนั้นร่างหนาก็หยุดยืนอยู่กับที่แล้วใช้ความคิด

     

     

    เราหนีกันออกมาด้านหลังของห้าง เขาช่วยให้พวกเราขึ้นบันไดฉุกเฉินของอพาร์ตเมนท์ที่อยู่ระแวกนั้นจนตัวเขาถูกพวกกินคนไล่ต้อนเข้าไป...

     

     

    ทั้งสามคนหยุดยืนกับที่แล้วมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วจงอินก็หันไปเห็นบันไดทางขึ้นอพาร์ตเมนท์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เซฮุนกับชานยอลเบิกตากว้างเมื่อจู่ ๆ จงอินก็วิ่งไปข้างหน้าโดยไม่บอกไม่กล่าว ทั้งคู่วิ่งตามไปติด ๆ จนกระทั่งคนวิ่งนำไปก่อนหักหลบเลี้ยวเข้าไปในตรอก

     

     

    ซ่า.....

     

     

    ฝนยังคงทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง มันตกหนักจนพวกเขาเลือกที่จะใช้สัญญาณมือแทนที่จะตะโกนข้างหู นัยน์ตาคมหรี่มองบันไดสูงเบื้องหน้าแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ รองเท้าหนังสีน้ำตาลหยุดยืนกับที่เมื่อเห็นบางอย่างอยู่เบื้องหน้า...

     

     
     

    บางอย่างที่ทำให้เขาช็อกจนขยับตัวไปไหนไม่ได้...

     

     
     

     

    ...

    ...

    นั่น...

    จงอินก้มลงเก็บมีดดาบที่คุ้นตาขึ้นมา ไม่ต้องเสียเวลาคิดนานให้มากกว่านี้เขาก็พอจะรู้ว่ามันเป็นของใคร...ชานยอลวางมือลงบนไหล่กว้างเพื่อบอกให้ร่างหนามองไปยังเบื้องหน้าแล้วก็พบว่ามีตัวกินคนอยู่สองสามตัวยืนอยู่ตรงทางแยกเลี้ยวซ้าย

    ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเป็นตัวช่วยให้พวกผีดิบมองไม่เห็นการมาของพวกเขา ทั้งสามคนก้าวไปอย่างช้า ๆ ก่อนที่จงอินจะเข้าไปปลิดชีวิตมันจากข้างหลังด้วยการแทงเข้าที่หัว ส่วนชานยอลกับเซฮุนเองก็เช่นกัน พวกเขาทั้งสองคนแยกไปจัดการกับผีดิบตัวที่ยืนเกะกะขวางทางอยู่ตรงนั้นให้ตายภายในครั้งเดียว

    ศพผีดิบร่วงลงไปจมกับพื้นน้ำขัง ทั้งสามคนเบิกตากว้างเมื่อหันไปพบเจอกับความโหดร้ายว่าภาพตรงหน้าคือทางตันและฝูงผีดิบจำนวนมากที่คงไม่มีเวลามายืนนับอย่างใจเย็น

    จงอินก้มลงมองมีดดาบของลู่หานที่ในมืออีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฝูงเพชฌฆาต...ที่ ๆ เขายืนอยู่ไม่มีทางแยกอื่นให้วิ่งหนีไปได้และข้างหน้าก็คือทางตัน...

    ไม่มีราวให้ปีนขึ้นไปข้างบนกำแพงสูง...ไม่มีประตู...ไม่มี...

    ตัวกินคนที่ยืนจับกันเป็นกลุ่มจนแยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นใคร มีชายหญิง เด็กคนแก่ปะปนกันอยู่เต็มไปหมด...

     

     
     

     

    แต่ที่อยู่ในกลุ่มพวกมัน...คงไม่มีลู่หานเป็นหนึ่งในนั้นหรอกใช่ไหม?

     
     

     

     

    จงอิน...

    ...

    ...

    ทั้งสองคนมองคนตรงหน้าที่กำมีดดาบไว้แน่น ร่างหนาไม่ขยับตัวไปไหนแม้ว่าชานยอลจะจับหัวไหล่ให้หันกลับมาแต่เขากลับยื้อเอาไว้จนพวกผีดิบเหล่านั้นหันมาเห็นเข้า

    จงอิน เราต้องหนีแล้ว

    ...

    จงอิน!” เซฮุนคว้าแขนคนข้าง ๆ ให้หันมา ร่างหนากัดฟันกรอด เขายังคงทำใจรับความจริงไม่ได้ว่าลู่หานจากไปแล้ว

    เหล่าตัวกินคนกำลังตรงมาทางนี้ ถึงพวกมันจะเคลื่อนไหวช้าแต่คงเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาแน่ถ้าเกิดว่าจงอินยังคงไม่ขยับตัวไปไหน

    จงอิน เราต้องไปแล้ว!” เซฮุนกระชากแขนอีกฝ่ายเพื่อเรียกสติ

    โธ่เว๊ย!” จงอินสบถอย่างหัวเสียก่อนที่เขาจะตัดใจวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้กับเพื่อนร่วมทางอีกสองคน โดยที่ไม่ลืมหันกลับไปมองตรงนั้นเป็นครั้งสุดท้าย...

     

     

     

     

     

     

     

     

     
     

    สองชั่วโมงก่อนหน้านี้...

     

    เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้นแล้วภาพที่เห็นตรงหน้าก็ยังเหมือนในทีแรก เขาชักจะหงุดหงิดกับพวกเปรตนี่ที่ชักช้าไม่ทันกิน ขนาดเปิดโอกาสให้เข้ามาขย้ำได้ง่าย ๆ แล้วพวกมันยังเข้ามาไม่ถึงตัวเขาอีก

    แต่แม้ว่าจะทำใจแล้วแต่ขาก็ยังเดินถอยหลังออกไปขณะที่พวกกินคนกำลังตรงดิ่งมาทางนี้ ร่างโปร่งสะดุดเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองปลายเท้าที่มีอะไรบางอย่างอยู่...

     

     

     

    บางอย่าง...ที่เป็นทางเลือกสุดท้ายให้กับเขา...

     

     

     
     

    ชักช้าแบบนี้ชาติหน้าก็ไม่ได้แดกกูหรอกสัด!”

     

     
     

     

    ลู่หานตะโกนลั่นก่อนจะโยนถังขยะใส่พวกมันจนเซถอยหลัง ร่างโปร่งก้มลงงัดฝาท่อระบายน้ำที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาอย่างยากลำบากแต่ก็ไม่ได้ผล

    เปิดสิวะ!!”

    จังหวะนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองพวกตัวกินคนที่กำลังเข้าใกล้เข้ามาทุกที ๆ แล้วก็คิดได้ว่าไอ้ท่อระยำนี่คงเปิดออกไม่ได้ด้วยมือเปล่า ลู่หานหันไปมองข้างตัวแล้วก็พบกับชะแลงเก่า ๆ ที่ถูกทิ้งไว้อยู่ข้างถังขยะที่เขาเพิ่งล้มใส่พวกเวรนั่นเมื่อครู่ เขารีบวิ่งไปเก็บมันมาแล้วทำการงัดฝาท่อระบายน้ำออกอย่างรวดเร็ว

    ฝาท่อระบายน้ำถูกเปิดออกก่อนที่ผีดิบตัวหนึ่งจะโผเข้าใส่เขา ลู่หานซัดชะแลงเข้าที่หน้ามันอย่างจังจนเซล้มไปข้าง ๆ และนั่นทำให้เขาเสียจังหวะตกลงไปในท่อส่งผลให้แผ่นหลังกระทบกับพื้นซีเมนต์ข้างใต้อย่างแรง

    อ....อะ... ร่างโปร่งนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ตอนนี้ไม่ใช่แค่แผ่นหลังของเขาที่ร้าวไปหมด

    ไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเมื่อตัวกินคนที่อยู่ด้านบนค่อย ๆ ร่วงลงมาทีละตัวราวกับนาฬิกาทราย ลู่หานเบิกตากว้าง เขาค่อย ๆ ตะเกียงตะกายถอยหลังแล้วพยายามพลิกตัวลุกขึ้นยืน

    อ...อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!”

    ร่างโปร่งนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ น้ำตาอุ่นเล็ดออกมาเพราะความเจ็บปวดตรงช่วงขา...ใบหน้าเรียวหันกลับไปมองข้อเท้าตัวเองที่ราบอยู่กับพื้นแล้วก็แทบเป็นบ้า ขาของเขาคงเป็นอะไรสักอย่างหลังจากเสียหลักตกลงมาข้างล่างเมื่อกี้นี้

    ฮืออ...

    อึ่ก...

    ลู่หานกัดฟันแน่นพร้อมกับตะเกียกตะกายคลานไปตามน้ำเหม็นเน่าที่ขึ้นสูงราว ๆ ข้อเท้าหากแต่มันไม่ได้สร้างความรำคาญให้แต่อย่างใด พวกกินคนก็กำลังคืบคลานมาติด ๆ โชคดีที่มันไม่ฉลาดพอที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเข้ามาขย้ำเขาเสียเดี๋ยวนั้น

    ร่างโปร่งหยัดตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ทุกการเคลื่อนไหวส่งผลไปถึงข้อเท้าข้างขวาที่เจ็บปวดอย่างหนักจนไม่สามารถเดินได้ด้วยขาทั้งสองข้าง กำแพงเหนียวเหนอะหนะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยประคองร่างเขาให้เดินต่อไปข้างหน้าได้ ลู่หานค่อย ๆ เกาะไปตามผนังพร้อมกับเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองเป็นระยะ เขายังคงเขย่งขาไปข้างหน้าอย่างยากลำบากเพราะหากเขาหยุดเมื่อไหร่ก็คงกลายเป็นอาหารเมื่อนั้น

    ลู่หานหยุดยืนกับที่เมื่อเห็นทางแยกข้างหน้าให้ต้องเลือก...เคยได้ยินมาว่าขวาร้ายซ้ายดีแต่วันนี้ลู่หานขอเลือกทางขวาแล้วกัน...ไหน ๆ มันก็เหี้ยแล้วก็เหี้ยให้มันสุด ๆ ไปเลย...ร่างโปร่งกัดฟันกะเผลกขาไปข้างหน้าจนล้มลงไปคลุกกับน้ำเน่าเหม็นอีกครั้งเมื่อความเจ็บปวดที่ข้อเท้ามันแล่นปราดไปทั่วร่างกาย

    ฮือ...

    พวกมันกำลังตรงมาทางนี้...ลู่หานใช้มือดันพื้นเพื่อคลานเอาร่างของตัวเองให้หลบเขาไปหลังกำแพง ร่างโปร่งหอบหายใจอย่างหนัก เขาไม่มีเวลาให้หยุดพักนานไปกว่านี้เลยต้องฝืนใจลุกขึ้นยืนอีกครั้ง...

    อ...อื้อ!!!”

    พยายามกลั้นเสียงของความเจ็บปวดเอาไว้แล้วเขย่งไปข้างหน้าและดูเหมือนว่าพระเจ้าจะไม่ใจร้ายกับผู้ชายอย่างเขามากเกินไปเมื่อเห็นบันไดทางขึ้นอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนจนกระทั่งพาตัวเองไปหยุดอยู่หน้าบันได

    พอหันกลับไปทางเดิมที่เพิ่งเดินมาก็ได้แต่บอกตัวเองว่าต้องรีบปีนขึ้นไปให้เร็วที่สุดเมื่อได้ยินเสียงพวกมันเข้ามาใกล้เต็มที ลู่หานปีนบันไดขึ้นไปอย่างยากลำบากเพราะขาข้างขวาแทบใช้การไม่ได้

    น้ำตายังคงไหลออกมาเพื่อตอกย้ำถึงความเจ็บปวดที่ข้อเท้า มือข้างหนึ่งจับราวบันไดเอาไว้ส่วนมืออีกข้างพยายามผลักฝาท่อออก เขาไม่รู้ว่าข้างบนนั้นจะมีพวกกินคนสักกี่ตัว แต่ที่แน่ ๆ มันคงน่าอยู่กว่าข้างล่างนี่เป็นไหน ๆ

    ใช้เวลาอยู่หลายนาทีก่อนจะกว่าฝาท่อระบายน้ำจะเปิดออกได้ ลู่หานปีนขึ้นมาอย่างทุลักทุเลก่อนจะลากสังขารให้คลานไปหลบอยู่หลังกล่องไม้ ชะเง้อหน้าออกไปสำรวจความเรียบร้อยแล้วก็โล่งอก

    ข้างหน้าไม่มีพวกมันสักตัว...ไม่มี...

    ลู่หานพยายามกลืนน้ำลายทั้งที่คอแห้งผาก ค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ทาบมือไปตามผนังเพื่อช่วยพยุงร่างของเขาให้เดินต่อไปข้างหน้าได้ ความเจ็บปวดแล่นปราดเมื่อฝีเท้าที่ย่ำลงบนพื้นหนึ่งครั้ง เขาหอบหายใจหนักจนแทบไม่ไหว

    ...

    พลันหันไปเห็นท่อนไม้หน้าสามที่กองอยู่บนพื้นแล้วก็กะเผลกไปเก็บมาเพื่อใช้เป็นตัวช่วยเดิน อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงถนนใหญ่แล้ว ข้างหน้ามีอะไรบ้างเขาก็ไม่อยากจินตนาการถึง แต่ยังไม่ทันจะออกไปไหนได้ไกลก็ต้องหยุดยืนกับที่เมื่อมีใครคนหนึ่งเล็งปืนมาทางนี้

    หยุด!”

    ลู่หานมองไปยังเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่กำลังเล็งปืนลูกซองมาที่เขา ไม่ต้องนึกถึงฤทธิ์ลูกกระสุนของมันเลยว่าจะแรงมากแค่ไหน

    เป็นคนหรือเปล่า?!”

    “...”

    ยกมือขึ้น!”

    เด็กหนุ่มคนนั้นยังคงเล็งปืนมาที่เขา ลู่หานปล่อยท่อนไม้ลงเพื่อยกมือขึ้นก่อนที่เขาจะล้มลงไปกับพื้นเพราะไม่สามารถพยุงตัวเองไว้ได้ จากความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดที่รุมเร้าทำให้เขาไม่สามารถพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาได้อีก...

    ลู่หานปรือตามองภาพตรงหน้าที่พร่ามัวแล้วก็พบว่าผู้ชายคนนั้นกำลังจ่อปืนลูกซองมาทางนี้ มือเรียวที่กำลังสั่นเทายกขึ้นบังระดับใบหน้าแล้วพูดประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติไป...

     

     

     

    อย่า...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

    เมื่อคืนใครตบเลา มาให้เลาตบคืนเดี๋ยวนี้!

    -.-

    ตอนต่อไปมีตัวละใครใหม่ เด็กผู้ชายถือลูกซองคนนี้จะเป็นใคร แล้วจะช่วยพี่ลู่หรือว่าจะจับพี่ลู่ไปทำอะไรกันน้อ โอ๋เอ๋น๊า พี่ลู่รอดแล้ว มีหลายคนบอกว่าเราเมนพี่ลู่คงไม่เขียนให้พี่ลู่ตายหรอก แหม่....

     

     

    #ficzombie

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×