คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CODE::[6]Maybe
Title;; Maybe
บังยงกุกกำลังจะตาย....หลังจากเขาโต้รุ่งกับการทำงานส่งอาจารย์มาสามวันสามคืน สมองของเขากำลังท่วมไปด้วยสารคาเฟอีนที่ดื่มไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย โอ้ย....มือสั่น
มือเรียวสวยบรรจงปิดคอมพิวเตอร์แลปท็อปตัวเก่งลงหลังจากโหมใช้งานมันมาอย่างหนักหน่วง ร่างโปร่งยืดตัวบิดขี้เกียจไปมาในขณะที่ฮิมชานเดินหน้าเบลอออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าหล่อใสสไตล์แพะ(?)เปียกปอนไปด้วยน้ำ มือหนึ่งของฮิมชานถือ...เอ่อ..ขวดน้ำยาบ้วนปากออกมาด้วย เดี๋ยวๆมันหยิบออกมาทำไมวะ...
“มึงเสร็จแล้วเหรอวะ ฮ้าววว”ฮิมชานหรี่ตามองเพื่อนที่ปิดคอมปิดทุกอย่างเรียบร้อยพลางถามขึ้น
“เออ เสร็จแล้วมึงล่ะเหลือเยอะปะ”ยงกุกตอบตายังมองมือข้างที่ถือขวดยาบ้วนปากของฮิมชานอย่างไม่ละสายตา...เขาควรบอกมันปะวะ
“อีกนิดเดียวๆ ฮึ้ยย คอยดูนะ หลังส่งงานกูจะนอนให้ถึงวันอาทิตย์เลย”ฮิมชานหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองไปบ่นไปอย่างออกรสออกชาติ
“มึงนอนหรือมึงตาย สามวันเลยนะเว้ย”ยงกุกหัวเราะกับท่าทางของเพื่อนแล้วก็ต้องสะดุ้งพรวดเมื่ออยู่ๆไอ้แพะฮิมชานมันกระดกน้ำยาบ้วนปากเข้าไป
อึก!! แถมอึกใหญ่ซะด้วย.....
“เชี่ย ทำไมอเมริกาโน่ของคาเฟ่ใต้หอวันนี้มันรสชาติแปลกๆวะ”ฮิมชานบ่นพึมพัมก่อนจะหันมามองของในมือตน
“ไอ้บ้า...มันไม่ใช่กาแฟ”ยงกุกถึงกับหัวเราะจนปวดท้องเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองกินน้ำยาบ้วนปากเข้าไป
“กูหยิบสลับตอนล้างหน้าในห้องน้ำแน่เลย โอ้ยยย”ว่าแล้วคิมฮิมชานก็ทำท่าพะอืดพะอมเอามือกุมท้องพลางมองหน้าเขาด้วยสายตาอ้อนวอนจนน่าหมั่นไส้
“ยงกุกกี้จ๋า”
“กุกกี้พ่อง”
“ใจร้ายที่สุด กูไม่สบาย กูกินยาบ้วนปากเข้าไปแล้วกูกำลังจะตายยยย ...ช่วยงานกูหน่อยสิ”ตอนแรกยงกุกก็เหมือนจะเคลิ้มแต่มาสะดุ้งเอาตอนมันเริ่มโวยวายว่าใกล้ตาย แล้วก็หมดความสงสารทันทีเมื่อเจอคำสุดท้ายนี่แหละครับ...
“ฝันเหอะ กูจะไปส่งแล้วมึงรีบๆปั่นได้แล้วเหลือนิดเดียวไม่ใช่เหรอ”ยงกุกเอาเท้าเขี่ยเพื่อนที่นั่งเกาะขาอยู่อย่างขบขัน ร่างโปร่งสลัดแพะออกจากขาได้ก็เดินไปที่ห้องน้ำหยิบแก้วกาแฟที่อยู่ในห้องน้ำออกมาให้เพื่อนแทน
“ฮือ เกลียดมึง มึงมันใจดำ”ฮิมชานบ่นจนปากยื่นแต่ก็ลุกขึ้นปั่นงานต่อแต่โดยดี มือรับแก้วกาแฟจากเพื่อนมาล้างปากจากยาบ้วนปากกลิ่นสตอเบอรี่แปร่งๆนั่น ...โปรดอย่างสงสัยว่าทำไมยาบ้วนปากถึงเป็นรสนี้ ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจนะครับ
“รีบๆเลยมึง เดี๋ยวกูเก็บของให้เสร็จแล้วจะได้ไปส่งพร้อมกัน”ยงกุกพูดพลางเริ่มเก็บของที่ต้องนำไปส่งจัดให้ตัวเองกับเพื่อนไปเรื่อยๆ
“เออๆ เชื่อแพะเถอะ”
“นี่มึงยอมรับว่าตัวเองเป็นแพะแล้วเหรอวะ”ยงกุกหลุดหัวเราะเมื่อเพื่อนตอบมาอย่านั้น
“แบ๊ะะะ ยังไงพวกมึงก็เห็นกูเป็นแพะอยู่แล้วนิ ถึงกูจะเป็นแพะแต่กูก็เป็นแพะที่สง่าที่สุดในหมู่แพะแน่นอน”ฮิมชานยืดออกตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ
“เลอะเทอะใหญ่แล้วมึง เมาน้ำยาบ้วนปากเหรอรีบปั่นงานไปเลย ฮ่าๆ”ยงกุกส่ายหัวกับท่าทางของฮิมชานกเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งที่ตัวเองทำค้างไว้ต่อ...แพ็คของส่งงานอ.ครับ
..............................
..................
.........
....
เมื่อเวลาเดินผ่านไปสักพักใหญ่ๆ
“เสร็จยังวะฮิมชาน”ยงกุกถามขึ้นเมื่อตนจัดของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“แปบ เสร็จแล้วขอกูไรท์ข้อมูลลงแผ่นก่อน ทำไมอ.ต้องให้ส่งแผ่นวะ ส่งผ่านเน็ตเวิร์คก็ไม่ได้วุ่นวายชิบ”ฮิมชานพูดพลางซดกาแฟไปอีกอึกใหญ่ สายตามองไปที่แถบการทำงานของโปรแกรมที่กำลังรันอย่างช้าๆ...
“โอเค”ยงกุกตอบรับ
“เออว่ะ เดี๋ยวกูเขียนสมุดหาไอ้จุนฮงก่อนละกัน ส่งงานเสร็จกูฝากมึงเอาไปให้ด้วยนะ วันนี้พวกน้องมันมีคลาสเที่ยงพอดี กว่าเราจะส่งงานเสร็จก็สิบเอ็ดโมงกว่าๆแล้วมั้ง”ยงกุกพูดพลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังพลางคำนวนไป
“จ๊ะ พ่อคุณ หลงน้องเหลือเกิน”
“หลงเชี่ยไรล่ะ”ยงกุกสะดุ้งเฮือกที่อยู่ๆฮิมชานประชดเปรยๆขึ้นมา
“อ้าว ไม่ได้หลงเหรอ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เวลาน้องมันอ่านสมุดเหลือเกิน”ว่าแล้วแพะก็เบะปากประชดอีกที ใช่ซี่ยยย เดี๋ยวนี้น้องรหัสมันสำคัญกว่าเพื่อนสุดหล่ออย่างเขานี่
“เออ ก็กูอยากมีน้องรหัสมันก็ต้องเห่อกันบ้างละว่ะ แต่มึงมาพูดว่าหลงแล้วกูขนลุกแปลกๆ”ยงกุกแยกเขี้ยวใส่เพื่อนรู้สึกโหวงในท้องแปลกๆ
นี่ก็ปาไปสองอาทิตย์แล้วตั้งแต่เริ่มกิจกรรมเทคน้อง เอาจริงๆหลังจากครั้งแรกที่เขาให้สมุดแดงน้องไป ก็มีกิจกรรมมีตติ้งอีกแค่สามครั้งเท่านั้นหลังจากนั้นก็เข้าช่วงสอบย่อยทำให้พวกเขาไม่ได้นัดน้องมาเข้ากิจกรรมกันแต่อย่างใด ก็แน่สิรุ่นน้องมีสอบรุ่นเขาก็ต้องมีอยู่แล้ว เลยทำให้ไม่ได้เจอหน้าน้องๆที่น่ารักรวมถึงน้องรหัสแสนอ้อนเท้าของเขาด้วย วันนี้เขาจะถือโอกาศเทคน้องหนักๆเลยแล้วกัน
ยงกุกเก็บสมุดสีแดงเข้ากระเป๋าสะพายข้างของตนเองก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่ตอนนี้ปิดคอมเรียบร้อยพร้อมรอยยิ้มอย่างผู้ชนะบนใบหน้า
“ในที่สุดกูก็ทำสำเร็จ!! เพราะไอ้ยาบ้วนปากนั่นแน่ๆ ตากูสว่างเลย”ฮิมชานพูดพลางส่งสายตาปิ๋งๆใส่ยงกุก
“เออๆ ยาบ้วนปากจงเจริญ มึงรีบย้ายก้นไปเปิดประตูได้แล้วจะได้รีบๆไปส่งงานกัน”
“ครับพ่อ”ฮิมชานส่งยิ้มแพะให้เพื่อนอีกรอบก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตูเพราะหลบของที่เพื่อนตัวผอมเขวี่ยงใส่เขาเมื่อกี้...
เมื่อถึงคณะยงกุกกับฮิมชานก็ตรงดิ่งไปที่ชั้น2ชั้นที่เป็นชั้นพักของอาจารย์ พอพวกเขาวางงานไว้บนโต๊ะอาจารย์เรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็กลับลงมาที่ชั้นล่าง
ชั้น1ของตึกวิศวะเป็นโถงโล่งความสูงจากพื้นถึงเพดานประมาณสี่เมตรครึ่งซึ่งสูงกว่าชั้นอื่นๆ เพราะเป็นส่วนที่เปิดรับนักศึกษาเข้ามา จึงเป็นส่วนที่มักเอาไว้จัดนิทรรศการณ์ต่างๆของคณะ ฝั่งหนึ่งถูกจัดเป็นโต๊ะกับม้านั่งสำหรับคนรอเข้าห้องเล็คเชอร์ ซึ่งสายตาของสองหนุ่มก็ไปปะทะเข้ากับร่างของเพื่อนซี้อีกสองคนที่ที่นั่งสบายอารมณ์อยู่ตรงนั้น
“อ้าว แดฮยอน ยองแจส่งงานแล้วเหรอวะ”ฮิมชานทักขึ้นพลางเดินไปนั่งประจันหน้ากับเพื่อนทั้งสอง
“เสร็จแล้ว ขึ้นไปส่งก่อนพวกแกแปบเดียวแหละ ตอนนี้กำลังนั่งพักผ่อนให้ชีวิตได้ผ่อนคลายบ้าง”ยองแจพูดตอบแต่สายตามันไม่ได้มองเขาเลยครับ เหมือนตามันเหม่อลอยทะลุเพดานไปเห็นคานกับระบบไฟฟ้าบนฝ้าอย่างไรอย่างนั้น...//นี่คือผลจากการเรียนที่หนักหน่วงเกินไปคุณจะเห็นอะไรรอบตัววกวนเข้าเรื่องที่เคยเรียนไปเสมอ
“นี่แกคุยกับชั้นแล้วแกมองไปไหนวะเนี่ย”ฮิมชานแซวเพื่อนพอเป็นพิธี
“โอ้ย พวกกูมีสติคุยกับมึงรู้เรื่องก็ดีแค่ไหนแล้ว นี่ร่างกายต้องการพักผ่อนอย่างรุนแรง”แดฮยอนเบะปากตอบ
“เอาน่า จะเที่ยงแล้วเดี๋ยวไปกินข้าวกันก่อนไหม แล้วเราค่อยแยกย้ายไปนอนกัน”ยงกุกเอามือบีบไหล่เพื่อนเป็นการปลอบก่อนจะชวนเพื่อนกินข้าว
แน่สิ เพราะถ้าให้เขาไปคนเดียวตอนเริ่มปฏิบัตการณ์มันจะเปล่าเปลี่ยวเอกาเกินไปนิสนึง.....
“เออ ก็ดีเหมือนกัน โคตรคิดถึงอาหารร้านป้าแว่นเลย ฮือ มึงรู้ไหมว่าตอนกูปั่นงานหิวก็ได้แต่โทรสั่งอาหารเดลิเวอรี่แล้วรสชาติอาหารมันก็แบบ อาหารแช่แข็งอะมึ๊งงง กูเบื่อ กูหิววว”แดฮยอนผู้ที่ตาเป็นประกายทันทีตั้งแต่ได้ยินคำชวนโพล่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ไหนเมื่อกี้แกบอกว่าจะนอนไงวะ”ยองแจทักท้วงขึ้น
“ไม่เอาแล้วชั้นจะต้องได้กินก่อนไปนอน”แดฮยอนตอบกลับอย่างมุ่งมั่น ทำให้ยูยองแจตาพร่าเห็นเพื่อนกลายเป็นแมวที่กำลังทำตาวาววับเหมือนเห็นปลาย่างอยู่ตรงหน้าก็ไม่ปาน
“งั้นไปกัน”
หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยว่าจะไปกินข้าวกลางวันด้วยกันก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อน ทั้งสี่ก็พุ่งดิ่งไปที่โรงอาหารมหาลัยอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะนั่งที่ไหนกันเพราะช่วงเวลานี้ยังไม่ค่อยมีคนเข้ามมาใช้บริการโรงอาหารเท่าไหร่นัก บังยงกุกก็ต้องสะดุ้งวาบเมื่อได้ยินเสียงโคตรจะคุ้นจากด้านหลัง
“อ้าววว พี่ยงกุก ไม่เห็นหน้าตั้งนานนึกว่าตายแล้วนะครับเนี่ย”
ไอ้เด็กเปรต... ยงกุกคิดในใจ ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าใคร
บังยงกุกทำใจดีสู้เสื้อ หมุนตัวกลับไปปะทะสายตาด้วยมาดโคตรพี่ว๊ากซึ่งพอสวมบทไปสวมบทมาเขาเริ่มจะติดขึ้นมาจริงๆซะแล้ว...
“อ้าว สวัสดีน้องจงออบมากินข้าวคนเดียวเหรอครับ?”ยงกุกยิ้มหวานให้กับน้องตัวเล้กที่ไม่ได้เป็นคนทักเขาหรอก เขาก็แค่หมั่นไส้ไอ้เด็กหัวทองที่เริ่มจะทำหน้ามุ่ยเมื่อเข้าไม่ตอบมันท่านั้นเอง
“อ้าว น้องจุนฮงมาด้วยเหรอครับ พอดีพี่ไม่เห็น”ยงกุกเหยียดรอยยิ้มกวนตีนชนิดที่ว่าคิมฮิมชานอยากกระโดดหมุนตัวเตะก้านคอมันแทนมากๆ
“ทำไมพี่ไม่เห็นผมละครับ ผมเสียใจนะ”ชเวจุนฮงต่อปากต่อคำ ด้วยน้ำเสียงฟังก็รู้ว่าไร้ความจริงใจสุดๆ
คิ้วคนเป็นหัวหน้าระเบียบเริ่มกระตุก
เอาแล้ว...เอาแต่วันเชียว........... เพื่อนสามคนที่มาด้วยกันเริ่มมองหน้ากันเลิกลักก่อนที่คิมฮิมชานจะกู้สถาณการณ์โดยการ...
“น้องจงออบบบ วันนี้พี่รหัสน้องฝากขนมมาด้วยน้า”ว่าแล้วก็ตีเนียนไปโอบไหนน้องตาตี่อย่างเงียบๆ เล่นเอาแดฮยอนพี่รหัสจริงๆของมุนจงออบสะดุ้งเฮือก ตาถลึงมองเพื่อนอย่างเอาเรื่อง...หาเรื่องเสียงตังค์ให้กูจนได้นะไอ้แพะนี่
“มองหน้ากูงั้นทำไมอะแดฮยอน”ดูมันยังมาทำตาใสซื่อยิงฟันแพะใส่เขาอีกนะ
“เปล่า รีบๆหาที่นั่งได้แล้ว กูหิว”
แดฮยอนตอบปัดๆไม่อยากกระโตกกระตากไปเดี๋ยวน้องมันจับได้ว่าเขาเป็นพี่รหัสมัน แต่ก็ไม่วายจ้องหน้าแพะแล้วเอานิ้วชี้ไปที่แขนมันอย่างเอาเรื่อง ประมาณจะบอกเป็นภาษากายว่า ‘นั่นน้องกู อย่ายุ่ง’ ใช่ว่าเขาจะดูไม่ออกว่าเพื่อนสนใจน้องชายตาตี่ แต่ไอ้คิมฮิมชานชื่อเสียงเรื่องนี้มันก็ดีเหลือเกิ๊น ไว้ใจไม่ได้ มันจะเต๊าะใครก็ได้แต่ไม่ใช่น้องรหัสเขาครับ
“เออ ไปได้แล้ว”ยงกุกพูดปัดทำเอาชเวจุนฮงเขว
ชิบหายละจุนฮง ตอนแรกก็ทักพี่เขากะจะชวนคุยดีๆทำไมกลายเป็นกวนตีนชวนเขาทะเลาะว่ะะะะ ฮือ อยากเอาหัวโขกโต๊ะ สายตามองตามแผ่นหลังติดจะบางที่เดินกระฟัดกระเฟียดนำรุ่นพี่คนอื่นไกลออกไปเรื่อยๆ ใจอยากจะถามว่าขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยได้ไหมแต่ปากมันก็หนักเหลือเกิน มือขาวขยี้ผมจนไม่เป็นทรงอย่างอารมณ์เสีย
“สมน้ำหน้า ปากหาเรื่องนักนะมึง กูว่าพี่ยงกุกเกลียดมึงเข้าไส้แล้วแหละ”จงออบพูดเปรยๆแกมเยาะเย้ยเพื่อนนิดหน่อย ก็มันเล่นมองตามด้วยสายตาละห้อยขนาดนั้นเขาก็เลยอดแขวะมันไม่ได้
“เกลียดก็เรื่องของเขาสิวะ กูไม่เห็นจะต้องแคร์ปะ”นั่น ยังทำปากดีแต่ที่ชะเง้อมองตามนี่อะไรครับ
เอาวะ มุนจงออบคนดีจะช่วยส่งเสียเพื่อนสมองช้าคนนี้สักหน่อยก็แล้วกัน ร่างเล็กเดินนำเพื่อนตามพวกรุ่นพี่ไป สายตามองว่าพี่เขานั่งตรงไหนกันแล้วก็หาที่นั่งที่ไม่ไกลกันนักเพื่นจะได้เห็นพี่ๆเขาอย่างถนัดตา นี่กูช่วยมึงแล้วนะจุนฮง
“เลือกที่นั่งอะไรของมึงวะ มุมนี้ร้อนชิบหาย”จุนฮงบ่นไปพลางแต่ก็เหลือบมองไปยังโต๊ะที่พี่ยงกุกนั่งอยู่ ...มุมดี่ดี
“เออ กูขอโทษครับ ไปวางของแล้วไปสั่งข้าวได้ละ”จงออบกลั่นหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อน
“เออๆ”จุนฮงตอบรับคำเพื่อนก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระทั้งหมดในหัวแล้วเดินตามเพื่อนไป
บังยงกุกยังไม่หายอารมณ์เสียจากเหตุการณ์เมื่อกี้เท่าไหร่นัก ตอนแรกเขาก็อารมณ์ดีๆแหละครับ เจอเด็กกวนตีนเข้าเขานี่อยากสั่งมันวิ่งรอบสนามสักสิบรอบถ้าไม่ติดว่ะบบโซตัสมันยกเลิกไปแล้วละก็นะ โอ้ย เด็กมีตั้งเยอะแยะแต่ไอ้เด็กเวรนี่ดันเป็นน้องรหัสเขา น้ำตาจะไหล
“ใจเย็นมึง”แดฮยอนปลอบเพื่อนนิดหน่อยแล้วก็เริ่มสนใจกับอาหารตรงหน้าแทน
“แกกับน้องรหัสแกนี่เหมือนพริกกับเกลือเลยวะ แล้วสายรหัสแกจะล่มไหมเนี่ย”ยองแจหัวเราะเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
“เออน่า เห็นมันทะเลาะกันอย่างนี้มันก็อยู่กันมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว แหมเวลาเขียนจดหมายคุยกันนี่อย่างมุ้งมิ้ง เจอหน้ากันจริงๆกัดกันอย่างกับหมา กูจะบ้า”ฮอิมชานทำปากยื่นไปบ่นไป
“มุ้งมิ้งพ่อง”ยงกุกจิกตาดุใส่เพื่อน แต่มีหรือที่มันจะกลัว มแต่หัวเราะอ้อนเท้ากลับมา
“แล้วตอนเฉลยจะเป็นยังไงวะเนี่ย ชักอยากรู้แล้วดิ นี่กูนึกภาพพวกมึงสองพี่น้องไม่ออกจริงๆนะเนี่ย”แดฮยอนพูดบ้างพลางเหลือบมองยองแจที่ยังคงทำท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เป็นอะไรของแกยองแจ”
“กำลังคิดถึงความเป็นไปได้อยู่…ถ้าเฉลยพี่รหัสไม่แตกหักก็สายขาดละว้าาา”ยองแจพูดเสียงนุ่มแต่กลับฟังดูน่าเตะอย่างประหลาดพร้อมทำหน้าแบบจีเนียสใส่เพื่อน ทำเอาคนโดนหาว่าสายจะขาดสะดุ้ง
“ไม่ขาดว้อย กูจะต้องปราบพยศไอ้เด็กเปรตนั่นให้ได้”บังยงกุกพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หู้ยยย มุ่งมั่นไฟลุกเชียว”ยองแจยิ้มอ่อนใส่เพื่อนเรียกเท้ากระตุกอย่างรุนแรง
“แดฮยอนมึงเอาเพื่อนมึงไปเก็บเลย กูเกลียดมัน”ยงกุกเบะปากพลางพยักเพยิบให้แดฮยอน
“โทษทีวะยงกุก กูกับยองแจมีสัญญาโจรกันอยู่”
“สัญญาโจรคืออะไรวะ?”ยงกุกหรี่ตาอย่างงงๆ
“สัญญาพันธมิตรทำเรื่องชั่วไง พวกกูพร้อมซับพอร์ตกันและกันเสมอ”แดฮยอนเหยียดยิ้มแมวเจ้าเล่ห์ใส่ก่อนจะตีมือกับยองแจอย่างถูกใจ
“สัส”ยงกุกถึงกับกุมขมับ
“กุกกี้จ๋า”ฮิมชานทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ยงกุกจนเจ้าตัวขนลุก ตาเรียวเหลือบมองเพื่อนเป็นการถามเป็นนัยๆว่าเรียกเพื่อ?
“เรามาทำสัญญาโจรเหมือนพวกมันบ้างมะ”แล้วก็ส่งสายตาปิ๋งๆกับยิ้มแพะๆมาให้เขาอีกรอบ
“ไม่เอาว้อยย”
“โห้ยยย เหอะน่า กุอยากมีพันธมิตรบ้างง่า”ว่าแล้วฮิมชานก็จู่โจมเพื่อนโดยการกอดเข้าที่เอวเพื่อนแล้วรัดแรงๆจนยงกุกร้องออกมาดัง ‘แอ้กก’
“ปล่อยกู หายใจไม่ออกว้อย”ยงกุกหัวเราะกับท่าทางของเพื่อนมือพยามดันเพื่อนออกจากตัวแต่ก็ไม่ได้ขืนอะไรจริงจังนัก
แต่แล้วทั้งโต๊ะก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆมีเสียงดัง ปึ๊ง! พร้อมกับการสั่นสะเทือนของโต๊ะที่พวกเขานั่งจนน้ำซุปราเมนในชามของยงกุกกระฉอก ทุกสายตาหันไปมองทางต้นเรื่องก็พบกับร่างสูงของเด็กปีหนึ่งนามชเวจุนฮงอีกครั้ง
“โอ๊ะ ขอโทษทีครับมันลื่นเลยเดินชนโต๊ะ”จุนฮงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เออ ไม่เป็นไรๆ เป็นอะไรรึเปล่าละเจ็บไหม”คิมฮิมชานพี่คนดีตอบทันทีเพราะคิดว่าบังยงกุกคงไม่มีอารมณ์มาตอบเด็กที่พึ่งปะทะกันเมื่อกี้แน่ๆ
“ไม่ครับ”เด็กตัวโย่งตอบ นี่เขาคิดไปองหรือว่ามันมองจิกเขาอีกแล้ววะ....
“แล้วจะมายืนทำอะไร มันขวางทางคนเดินไปนั่งที่ของตัวเองได้แล้ว”บังยงกุกพูดโยไม่ได้สนใจมองเด็กโย่งแม้แต่นิด ทำเอาร่างสูงที่ยื่นอยู่รู้สึกโหวงในช่องท้อง
ร่างสูงยืนทำท่าอ้ำอึ้งอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะเอ่อปากออกมาเบาๆแต่พอได้ยินกันทั่วโต๊ะ
“เอ่อ...พี่ยงกุกครับ”
“อะไร”คนเป็นพี่หันมามองหน้าน้องอีกรอบแต่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน
“คือ...”
“มีอะไรก็รีบๆพูดมาครับ น้องกำลังขวางทางเดินคนอื่นๆในนี้ แล้วก็เอาเสื้อเข้ากางเกงด้วยนะครับ”ยงกุกปรับเสียงเป็นทุ้มนุ่มแต่ยังคงนิ่งจนกลายเป็นความกดดันอยู่จนคนที่นั่งร่วมโต๊ะเริ่มหวั่น...เหมือนพวกเขากำลังเห็นร่างอวตารพี่ว๊ากปีที่แล้วลงประทับบังยงกุก...นี่ขนาดเพื่อนด้วยกันยังเริ่มหวาดๆก็ไม่แปลกที่น้องๆปีหนึ่งโคตรเกร็งเวลายงกุกปรากฏตัว ทั้งๆที่ที่จริงมันเป็นแค่ผู้ชายหน้าโฉดหัวใจมุ้งมิ้ง(?)รักทิกกเกอร์เท่านั้น
“...เอ่อ”
“ถามก็ตอบ มีอะไร”โอ้ยพี่ว๊ากลงของจริงแล้วครับแดฮยอนผวา
“คือผมอยากจะขอโทษเรื่องเมื่อกี้น่ะครับ ผมมันปากไวไปหน่อย พูดไม่ทันคิดคราวหลังผมจะไม่ทำแล้วครับ ขอโทษนะครับ!!”จุนฮงกลั้นใจพูดก่อนจะรีบก้มหัวให้พี่ๆรอบโต๊ะแล้วรีบเดินกลับไปที่โต๊ะที่จงออบนั่งอยู่
เกิดความเงียบขึ้นรอบโต๊ะ ก่อนที่ฮิมชานจะทำลายความเงียบนั้น
“เชี่ย น้องมันมาขอโทษแล้วอะมึง”ว่าแล้วก็หันไปมองปฏิกิริยาเพื่อนที่เป็นคู่กรณีที่ตอนนี้ทำหน้าอ่อนอย่างช่วยไม่ได้
“เอาไงวะมึง”
“ก็ต้องยกโทษให้ปะวะ ก็มันมาขอแล้ว”ยงกุกถอนหายใจเฮือก..ก็คิดเป็นนี่หว่าว่าอะไรไม่ควร แต่คิดช้าไปนิดนะชเวจุนฮง
“เออดีแล้วมึง”
“นี่ยงกุก”ยองแจเอ่อยขึ้นเรียกความสนใจจากทั้งโต๊ะ
“ว่า”
“แกอยากรู้วิธีทำให้สายรหัสแกไม่ขาดมะ”
“โว๊ะ ไอ้นี่ ก็บอกว่าไม่ขาดไงว่ะ”ยงกุกแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอีกรอบ
“ถ้าแกกับน้องยังเป็นแบบนี้ใส่กันชั้นว่าขาดแน่ๆ แต่แกลองคิดดูนะแกลองค่อยๆประนีประนอมกับมันดูดิมันกวนมาแกก็ไม่ต้องสนใจ หันใจเย็นๆหน่อยอย่าหัวร้อนเร็วนัก เห็นไหมน้องมันทะเลาะกับมึงแปบๆมันคิดได้มันก็มาขอโทษ มึงลองไม่จุดไฟดิมีแต่ถ่านไม่จุดไฟมันก็ไม่ไหม้ปะ”
“เออ มันพูดถูกนะมึง”แดฮยอนเห็นด้วยยงกุกเหลือบมองเพื่อนด้วยหางตา
“ไม่เกี่ยวกับสัญญาโจร กูเห็นด้วยจริงๆ”แดฮยอนพูดกลั่นหัวเราะเพราะรู้เลยว่าสายตายงกุกหมายถึงอะไร มันกำลังคิดว่าเขาเห็นด้วยกับยองแจเพราะสัญญาโจรนั่น
“เออ ลองใจร่มๆดู ท่องไว้น้องรหัสๆ”ฮิมชานพูดบ้าง
“เออ กูรู้แล้วน่า มึงก็เห็นว่ากูก็พยามใจเย็นกับมันหลายรอบล่ะ แต่ดูรอบนี้มันทักว่านึกว่ากูตายนี่สมควรปะละ อันนี้ก็เกินไปกูไม่โอเคนะ”ยงกุกพูด
“หรือมึงจะเปลี่ยนน้องรหัส?”แดฮยอนยื่นข้อเสนออีกรอบด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง เพราะเขารู้ว่ายังไงเพื่อนก็คงไม่คิดเปลี่ยนน้องรหัสอยู่แล้ว บังยงกุกเป็นคนเถรตรงจะตายไป
“พ่องสิ เทคมาตั้งสามสี่อาทิตย์”ยงกุกหัวเราะเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าจริงจังใส่เขา
“เออ กูเลิกโกรธมันแล้วพวกมึงไม่ต้องมาหว่านล้อมกูขนาดนั้น เพราะกูมีวิธีแกล้งมันกลับแล้ว”ยงกุกฉีกยิ้มเหี้ยม
จุนฮงเดินกลับมานั่งที่โต๊ะด้วยหน้าตาตื่นๆ จงออบมองโต๊ะของรุ่นพี่สลับกับหน้าของเพื่อนตัวสูงก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“มึงไปทำอะไรที่โต๊ะพี่วะ”
“กูไปขอโทษพี่ยงกุกมา”จุนฮงถอนหายใจเฮือกใหญ่
จงออบยิ้มบางๆก่อนจะพยักหน้า ดีแล้วที่มันยอมรับไว....นี่ถ้าเทียบกับต้องสมัยมันเจอพี่เขาครั้งแรกแล้วโดนยึดโทรศัพท์ไปนี่ซอฟลงเยอะแล้วนะเนี่ยแถมมันยังยอมรับความผิดเร็วขึ้นด้วย
“แล้วพี่เขาว่าไง ทำไมมึงทำหน้าตาตื่นขนาดนั้น”
“กูไม่รู้วะ แต่ตอนกูคุยพี่เขาโคตรดูห่างเหินกับกูเลยอะ แล้วคำพูดแม่งโคตรกดดันน่ากลัวชิบ พอกูพูดจบกูก็รีบเดินมาเลยไม่ได้รอพี่เขาพูดอะไรต่อ”
“มึงกับเขานี่สนิทกันถึงขั้นบอกว่าเขาทำตัวห่างเหินได้ด้วยเหรอวะ”
“นั่นปากเหรอไอ้เตี้ยตาตี่”
“อ้าว ด่ากูเฉย กูก็พูดตามจริง”
จุนฮงพ่นลมหายใจอีกรอบก่อนจะกระดกน้ำอัดลมที่ซื้อมาเข้าไปอึกใหญ่
“เออ แต่ว่านะจุนฮง”
“หืม”
“กูว่าพี่รหัสกูต้องเป็นพี่ฮิมชานแน่เลยว่ะ เขาดูเข้ามาคุยเข้ามาตีสนิทกูยังไงก็ไม่รู้แถมรู้เรื่องของฝากกับจดหมายด้วย”จงออบพูดพลางเหลือไปมองที่โต๊ะนั้นอีกครั้ง
พูดถึงไอ้คุณพี่ฮิมชานแล้วจุนฮงก็หงุดหงิด ตอนเขาเดินไปซื้อน้ำกำลังจะกลับไปนั่งที่โต๊ะก็ดันไปเห็น คิมฮิมชานกอดบังยงกุกซะแน่น เห็นแล้วไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกหงุดหงิดขนาดนั้น นั่นเป็นสาเหตุที่เขาแสร้งทำเป็นเดินชนโต๊ะ ซึ่งนั่นทำให้เขาได้มีโอกาสขอโทษพี่ยงกุกและทำลายการสกินชิบที่ขัดหูขัดตาไปในตัว
“เขาจงใจปั่นมึงรึเปล่าหรอก”
“ไม่แน่หรอกเว้ย อีกอย่างกูว่าในกลุ่มนั้นมีพี่มึงด้วยแน่ๆ”
มีพี่เขาด้วยงั้นเหรอ...ฟังเพื่อนไปแล้วใจคนตัวสูงก็พลางแอบหวังลึกๆว่าเป็นพี่ยงกุกหรือเปล่า จะว่าไปแล้วสมุดแดงที่เขาเขียนส่งไปหาพี่รามยอนยังไม่ได้ตอบกลับมาเลย เหมือนว่าช่วงสอบพี่รหัสของพวกเขาทุกคนจะหายต้อมไปหมด
“เฮ้ย มึงพี่ยงกุกเดินมา”จงออบเบิกตากว้าง...เอ่อ เท่าที่เบิกขึ้นแล้วกระซิบเบาๆให้จุนฮงรู้ตัว
“ชเวจุนฮง”เสียงทุมเรียบๆทำเอาคนโดนเรียนใจหายวาบ จุนฮงหันไปมองตามเสียงเรียกก้เห็นพี่ยงกุกยืนอยู่เกือบจะประชิดตัว
“ครับ?”
“ถือว่าหายกันก็แล้วนะ
คราวหลังอย่าทำอีก”ยงกุกพูดเรียบๆก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มให้น้อง
หัวใจของชเวจุนฮงเต้นผิดจังหวะครั้งใหญ่ทันทีที่รอยยิ้มนั้นปรากฏบนใบหน้าดุนั้น
“ครับ”จุนฮงยิ้มกว้างรับ
“แล้วก็นะ กินข้าวเสร็จแล้วใช่มะ”ยงกุกถามขึ้น
“ใช่ครับ”
“งั้น....นี่พี่รหัสฝากเอามาให้”ยงกุกพูดพลาหยิบถุงใหญ่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ
จุนฮงเบิกตากว้างเมื่อเห็นปริมาณของในถุง
“เอ่อ...ขอบคุณครับ”
“กินดิ พี่รหัสฝากบอกว่าแกต้องกินให้หมดตอนนี้”
“ห๊ะ ตอนนี้? บ้าเหรอพี่ตอนนี้ก็อิ่มจะแย่แล้ว”
“มึงไม่ทำตามที่พี่รหัสขอเหรอ เขามองอยู่นะเว้ย”ยงกุกกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆของน้อง
“แต่มันอิ่มแล้วนะพี่”จุนฮงตอบเสียงอ่อย
“ไม่ได้ กินไปไม่งั้นพี่รามยอนจะเสียใจ แล้วเขาบอกว่าจะไม่ตอบสมุดมึงแล้วถ้าไม่ยอมกินด้วย นี่กูมายืนเป็นพยานว่ามึงจะต้องกินให้หมด”
“เอาจริงดิพี่”ชเวจุนฮงเริ่มเหงื่อตก
“เออ กินสิ”ยงกุกยิ้มอีกรอบ...ทำไมจงออบถึงรู้สึกได้ถึงความสะใจบนใบหน้าของพี่ชายตัวบางนะ....
จุนฮงเทของในถุงออกมาก็ถึงกับอยากเดินปลวงคอเอาข้วที่กินเข้าไปออกจริงๆเพราะดูจากของแต่ละอย่างที่ต้องกินแล้วท้องเขาต้องแตกแน่ๆ นมสองกล่อง...ขนมปังสาม คุ๊กกี้อีกสองชิ้น ป็อกกี้อีกสองกล่อง เลย์อีกถุงใหญ่.....เดี๋ยวนะนี่ต้องกินหมดนี่จริงดิ
“จงออบ ช่วยกูด้วยยย”จุนฮงยื่นนมกับขนมปังไปหาเพื่อนแต่ก่อนที่จงออบจะรับมายงกุกก็พูดแทรกขึ้น
“ต้องกินคนเดียว”
ชเวจุนฮงอ้วกแตกแน่ๆ....
หลังจากผ่านไปสิบกว่านาทีจุนฮงก็กระเดือกนมกล่องสุดท้ายลงไป หน้าของจุนฮงแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวนิดๆจากการยัดของลงไปทุกอย่างในขณะที่บังยงกุกยืนกลั้นขำแทบซี่โครงหัก จุนฮงหันไปยิ้มแหยๆให้ยงกุกเหมือนจะถามว่าพอใจแล้วใช่ไหม ยงกุกที่พยามกลลั้นขำสุดชีวิตพยักหน้ารับก่อนจะพูด
“โอเค เดี๋ยวกูจะบอกพี่รามยอนให้ว่ามึงกินหมดจริงๆ เดี๋ยวสมุดค่อยตามไป ตอนนี้บ๋ายบายกูไปล่ะ”ว่าแล้วร่างติดจะบางก็รีบเดินก้าวฉับๆกลับไปที่โต๊ะของกลุ่มตนทันที
“เชี่ย นี่พี่รามยอนเขาหวังดีหรือเขาอยากแกล้งมึงวะ”จงออบหัวเราะพลางตบไหล่เพื่อน
“อย่าตบ เดี๋ยวกูอ้วก”จุนฮงจะห้ามเพื่อนแต่ห้ามไม่ทัน ร่างสูงสรู้สึกได้ถึงของทุกอย่างที่ล้นขึ้นมาถึงคอ
“กูไม่ไหวแล้วเดี๋ยวกูมา”ว่าแล้วร่างสูงก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อจะเอาของที่กินไปออกมา
จุนฮงไม่ชอบการอ้วกเท่าไหร่นัก...มันปวดท้องแล้วก็ค่อนข้างทรมาณเวลามันผ่านคอออกมา ปกติแล้วถ้าเขาพะอืดพะอมเขาจะพยามนอนไม่ยอมอ้วกแต่รอบนี้มันล้นคอจนไม่ไหวจริงๆ หลังจากเอาของออกมาจนหมดไส้หมดพุงแม้แต่อาหารที่กินไปตอนแรกก็ออกมาด้วย จุนฮงล้างหน้าล้างปากก่อนจะเดินอ่อนปวกเปียกออกมาจากห้องน้ำ ในใจแอบสาปพี่รหัสตัวเองเล็กน้อย...เขารู้สึกได้เลยว่ารอบนี้พี่รามยอนจงใจแกล้ง
ในขณะที่เขาจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตนจำเป็นต้องผ่านโต๊ะของพวกพี่ยงกุกอีกครั้ง สายตาของคนตัวสูงไปสะดุดเข้ากับสีแดงที่คุ้นเคย...สมุดแดง...มันโผล่ออกมาจากกระเป๋าสีดำซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าเป็นกระเป๋าของใคร ดูเหมือนจะยังไม่มีพี่คนไหนรู้ตัวว่าสมุดนั่นโผล่มา สายตาของจุนฮงยังคงจับจ้องไปที่สมุดในกระเป๋านั้น จนกระทั่งเห็นพี่ยองแจหยิบกระเป๋านั้นขึ้นมา....เฮ้ยพี่ยองแจเป็นพี่รามยอนเหรอ? จุนฮงแกล้งทำเป็นเดินช้าๆเพื่อจะมองเหตุการณ์ต่อไป
จริงสิ พี่ยองแจแกลับมาจากอเมริกาในวันเดียวกับทีเขาพึ่งได้ของจากพี่รหัสนี่หน่าหรือว่าจะใช่จริงๆ คิดได้แค่นั้นชเวจุนฮงก็ต้องรีบทำเป็นเดินไม่ได้สนใจอีกครั้งเพราะสายตาของพี่แดฮยอนที่เริ่มมองมาทางเขาอย่างสงสัยแล้ว แม้จะอยากรู้แค่ไหนว่าใช่พี่ยองแจจริงๆไหมเขาก็ต้องจำใจเดินผ่านโต๊ะนั้นได้แล้วก่อนที่พี่แดฮยอนจะผิดสังเกตุ แต่แล้วเขาก็ดันหูไวไปได้ยินประโยคที่ทำให้เขาชาวาบไปจนถึงเท้าและใจเต้นรัวราวกับกลองชุด
“ยงกุก บอกกี่รอบแล้ววะว่าให้ปิดกระเป๋าดีๆ ทำไมแกชอบลืมรูดซิปวะเดี๋ยวของก็หายหมดหรอก”
“อ้าวเหรอ เออวะแต๊งกิ้ว หยิบของเมื่อกี้สงสัยลืมปิด”
กระเป๋าของพี่ยงกุกเหรอ.....หรือว่า....
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++++++
ตัดฉับบบ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ
แม้ว่าเราจะหายไปนานเหลือเกิน5555
ช่วงนี้งานรัดตัวมากๆเลยค่ะ
มาอัพต่อแล้วนะคะ
ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่จริงๆนะคะ สัญญาว่าจะไม่ทิ้ง555
รัก
อะมีบ้าเอง
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะคะ
พูดคุยเล่นกันได้ที่
#codelobang
@moondogzelf
++++++++++++++++
+สปอย+
“อะ พี่ยงกุกครับ”
“อ้อ แต๊งกิ้ว อ้าว สมุดแดงนี่ของพี่รามยอนใช่ไหม อะ..เอ่อเดี๋ยวพี่เอาไปให้มันเอง”
“ครับ...”
“ยิ้มอะไรของมึ๊ง”
“ก็ผมไม่ได้ฝากพี่เอาไปให้ แต่ผมส่งคืนพี่ต่างหาก”
“.....”
ตอนต่อไป ‘โป๊ะแตก’
ความคิดเห็น