เด็กชายเจมส์กำลังเล่นอยู่ในสวนของมหาวิทยาลัย เขากระโดดไปบนทางเดินหินอ่อนโดยพยายามไม่ให้โดนรอยต่อ เขากระโดดลงไปในแอ่งน้ำน้อยๆ ที่เกิดขึ้นหลังฝนตกเมื่อตอนเช้า เขาดึงของเล่นไขควงพลังเสียงออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทสีดำบุด้านในสีแดงของเขา ชี้ไปยังถังขยะแล้วพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงสั่นอย่างพวกดาเลคแห่งสกาโรทำกัน
“ตรวจพบด็อกเตอร์ ศัตรูของดาเลค กำจัดให้สิ้นซาก” เขากดปุ่มบนไขควง มันส่งเสียงแปลกประหลาดตามปกติของละคร วิทยาสตร์ แล้วเขาก็ทำเสียงระเบิดก่อนจะหัวเราะชอบใจกับละครน้อยๆ ของตัวเอง ตอนนั้นเองที่เขาเห็นเงาดำๆ หลังต้นสนใหญ่ เป็นเงาของสิ่งแปลกพิกลสูงใหญ่ใต้ผ้าคลุม มันเดินออกมาจากต้นไม้ ผิวที่โผล่ออกมาจากใต้ผ้าคลุมของมันเป็นสีงาช้างผอมแห้ง ใบหน้าของมันซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้า เจ้าสิ่งนั้นยืดกายออกขณะเดินเข้ามาหาเขา เขาพยายามจะวิ่งออกไปแต่ขาไม่ยอมทำตามใจสั่ง จนกระทั้งริมฝีปากใต้ผ้าคลุมหน้าขยับและกล่าวคำถามด้วยเสียงแหบแห้งและเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง “เจ้าคือเจมส์ คอร์วินัสใช่ไหม”
เจมส์กลัวจนสั่นไปทั้งร่าง ดวงตะวันดูจะหมดแสงจนท้องฟ้ามืดมิดและอากาศรอบกายก็เย็นจนแทบจะเห็นเกล็ดหิมะในอากาศ ในหัวเขาบอกให้ตนเองหนีไป แต่เขาก็ยังตอบเจ้าสิ่งนั้น “ใช่ครับ” เมื่อได้ยินคำตอบของเจมส์ สิ่งนั้นพยักใบหน้าใต้ผ้าคลุม
“เจ้าต้องไปกับข้าแล้ว” มันพูดก่อนจะยื่นมือมาให้เขา มือของสิ่งนั้นเหมือนตุ๊กตาเซรามิคสีงาช้างที่เมือนเก่าแก่หลายร้อยปี แท้จริงมันอยู่มานานก่อนจักรวาลจะกำเนิด มือนั้นไร้ลายนิ้วมือ มีแต่ลวดลายและตัวอักษรแปลกประหลาด นิ้วเหมือนกรงเล็บแต่ไม่มีเล็บมีเพียงมือที่เรียวจนแหลม
“ท่านคือความตายงั้นเหรอ” เจมส์กล่าวถามออกมาในที่สุด ใบหน้าใต้ผ้าคลุมเคลื่อนเข้ามาใกล้ มันยกผ้าคลุมขึ้น ใบหน้าใต้นั้นเป็นดั่งหนังสีขาวซีดบางๆ ที่ห่อหุ้มกะโหลกอยู่ ดวงตาสีฟ้าอยู่ในเงามืดของเบ้าตาที่ลึกเช่นโครงกระดูก มันสูดหายใจหนาวเย็นก่อนจะตอบว่า “ใช่แล้ว”
พอถึงตอนนั้น เจมส์คุกเข่าลงแทบเท้ามัจจุราช เขาร้องไห้ เฝ้าอ้อนวอนร้องขอให้ต่อเวลาของเขาไปอีกหน่อย เขายังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ หลายสิ่งที่ยังไม่เคยเห็น พีระมิดใต้แสงจันทร์ แสงเหนืองดงามเหนือยอดเขาที่ขาวโพล่นด้วยหิมะ และมหาสมุทรที่ใสดังกระจกสะท้อนแสงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เขายังไม่เคยได้สารภาพกับคลาร่าว่าเขารักเธอแค่ไหน เขายังไม่เคยแม้แต่จะขอโทษทอมที่เคยเอาเข็มหมุดไปไว้ใต้เตียงนอน เขาไม่เคยไปถึงป่าแอชดาวน์แล้วตามหาเจ้าหมีพูห์ เขายังไม่เคยล่องเรือข้ามมหาสมุทรไปยังตะวันตกแล้วมองหาเกาะเออาในตำนานและดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์
“ผมขอเวลาอีกปีหนึ่งไม่ได้เหรอ” เขาอ้อนวอนร้องขอความตาย ความตายเลื่อนผ้าคลุมลงมาบดบังดวงตาตามเดิม
“ความตายไม่ใช่อะไรที่ต่อรองได้เจ้าหนู เจ้าคิดว่ามีกี่คนที่มาหาก่อนหน้าเจ้า ทุกคนต่างก็พยายามยื่นข้อเสนอขอแลกเปลี่ยนเพื่อยืดวันเวลา ตั้งแต่ความรุ่งโรจน์ เงินทอง ความรัก เจ้าเป็นใครที่จะมาขัดขวางข้าจากงานของข้า”
ความตายจ้องมองเจมส์ผ่านผ้าคลุมหน้า แล้วยื่นมือมาคว้าตัวเขาลุกขึ้นจากพื้นแล้วพากันเดินไปยังต้นสน ในตอนนั้นเจมส์หันไปดูร่างของเขา แต่ที่เขามองเห็นอยู่ในสวนมันไม่ใช่ร่างของเด็กชาย แต่เป็นชายหนุ่มร่างผอมสูงที่มีแผลต้กรามซ้ายเช่นเด็กชายเจมส์และร่างนั้นก็ไม่ได้ล้มหน้าคว่ำอยู่กลางสวนอย่างที่ควรเป็นเวลาที่คนๆ หนึ่งตาย แต่ร่างของชายหนุ่มเจมส์กำลังถูกชี้นิ้วหัวเราะโดยพวกนักศึกษาปีสาม หนึ่งนักศึกษาเหล่านั้นเดินเข้ามาแย่งไขควงพลังเสียงไปจากมือเขาแล้วโยนลงแอ่งน้ำไปก่อนหัวเราะร่า พวกเขาฉีกเสื้อโค้ทของเจมส์ออกเป็นชิ้นๆ และสวมทับด้วยป้ายชื่อคล้องคอสีฟ้า ภาพที่เขาห็นทำให้เขาแปลกใจและสงสัยเจมส์จึงหันมามองความตายอีกครั้ง และความตายกล่าวกับเขาอีกครั้ง “ชีวิตบนโลกของเจมส์ คอร์วินัสยังไม่สิ้นสุด แต่เวลาในวัยเด็กของเขาจบลงแล้ว เจ้าได้ตายลงไปแล้วสำหรับเขา และเจมส์ไม่มีที่สำหรับความเป็นเด็กในหัวใจอีกแล้ว เจ้าจึงต้องไป”
เด็กชายเจมส์หันไปมองร่างผู้ใหญ่ของตัวเอง เขามองตัวเองที่กำลังถูกบังคับให้เต้นร่วมกับคนอีกนับสิบคนขณะถูกตะโกนโวยวาย ด่าทอโดยรุ่นพี่ น้ำตาเอ่อนองในดวงตาสีฟ้าซีดของเขายามที่หันหน้ามองใบหน้าใต้ผ้าคลุมของความตายแล้วถาม “จะมีประโยชน์อะไรที่จะโตขึ้นถ้าบางครั้งเราทำตัวเป็นเด็กไม่ได้”
ความตายยกผ้าคลุมใบหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าใต้นั้นเปลี่ยนไปแล้ว มันกลายเป็นใบหน้าผอมซูบของชายวัยกลางคนที่ก้มลงมองดวงตากลมโตสีฟ้าก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าสีคราม ในตอนนั้นเจมส์เหมือนจะเห็นภาพเงาสีขาวลำของหัวกะโหลกซ้อนอยู่เหนือใบหน้าใหม่ของความตายและอากาศรอบตัวดูจะกลับเป็นปกติเช่นที่มันเป็นก่อนความตายจะปรากฏตัว ความตายมองท้องฟ้าที่สดใสอยู่นานก่อนจะกล่าวออกมา คราวนี้เสียงของเขาดูกึกก้องแต่อบอุ่น ไม่เหมือนเมื่อครั้งเขาปรากฏตัว “มันเป็นธรรมดาของโลกน่ะเจ้าหนู” เขาก้มตัวลงคุกเข่าข้างเจมส์ กุมมือน้อยๆ ของเจมส์ไว้ในมือ” จะบอกอะไรให้นะ ถ้าข้ามีอำนาจ ข้าเองก็คงให้เจ้าอยู่ต่อไป” เจมส์มองตาของความตายและขอร้อง “ผมขอเวลาแค่5นาทีได้ไหม แค่5นาที” ความตายหันใบหน้าไปมองชายหนุ่มเจมส์ที่กำลังถูกบังคับให้เข้าแถวตากแดดโดยไร้เหตุผล ความตายพยักหน้าเสมือนคำอนุญาต เด็กชายเจมส์รีบวิ่งไปยังสนาม ร่างของเขาทะลุฝูงชนไปอย่างง่ายดาย เขามองไปยังสาวผมดำคนหนึ่ง คลาร่าของเขา เขาเห็นแล้วว่าเธอโตขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับร่างวัยหนุ่มของเขา แต่ภายในร่างนั้น เขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ ในชุดกระโปรงสีฟ้า ดวงตากลมโตมองตรงไปข้างหน้า เขาเดินเข้าไปหาเธอ ตอนนั้นคลาร่าทั้งสองคนสัมผัสได้ถึงตัวเจมส์ เธอหันมามอง แต่เธอไม่เห็นใคร เจมส์จึงคว้ามือน้อยๆ อันอ่อนนุ่มของเธอมากุมไว้ แต่เธอก็ยังไม่รู้ตัว เธอมองไม่เห็นเขา เจมส์จึงกระซิบข้างใบหูเธอ “ฉันต้องไปก่อนนะ ขอให้ยั่งยืนและรุ่งเรือง” เมื่อเขากล่าวคำลาให้คลาร่าเสร็จแล้ว เขาหันมามองร่างผู้ใหญ่ของเขา เขายื่นมือจับมือหยาบกร้านของชายหนุ่มเจมส์ เขากำมันไว้แน่ ความตายเคลื่อนตัวทะลุผ่านแถวของผู้คนมาหาเด็กน้อยเจมส์ ความตายคว้ามืออีกข้างของเด็กชายเจมส์ ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มเจมส์เงยหน้าขึ้นมา มองไปรอบๆ ตัว ราวกับเขาสัมผัสได้ถึงความเป็นเด็กที่กำลังหลุดลอยไป เขากระซิบต่ออากาศว่างเปล่า “ลาก่อนเพื่อนยาก” เมื่อสิ้นเสียงปีกมหึมาของความตายกางออก แล้วความตายและเจ้าหนูเจมส์ก็จากโลกนี้ไป และไม่ว่าตอนนี้เจ้าหนูเจมส์จะไปอยู่ที่ไหน เราหวังว่าเขาจะมีความสุข แล้วเด็กในตัวคุณล่ะไปอยู่ไหนแล้ว