Fic snsd : In the Rain (Yuri)
ก็แค่คนๆหนึ่งที่มีอาการ 'หล่นหลุมรัก' !! --70%-- ไม่เป็นไรแล้วนะ....แทจะให้ฟานี่กอดทั้งคืนเลย
ผู้เข้าชมรวม
1,637
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ฮ่าๆๆ”
ฉันเผลอจิกมือลงบนหนังสือเล่มหนาอย่างลืมตัว เพียงแค่มีเสียงหัวเราะจากใครคนนึง...ใครคนนั้นที่ฉันรักมานาน เพื่อนสาวเจ้าของตายิ้มอันงดงาม รอยยิ้มหวานถูกแจกจ่ายไปทั่วอย่างคนอัธยาศัยดี
ก็รู้อยู่.....ก็คิดได้นี่ว่าเธอเป็นคนอารมณ์ดี จะยิ้มจะหัวเราะให้คนอื่นบ้างก็ไม่แปลก แล้วแกจะมานั่งไม่พอใจอยู่ตรงนี้ทำไม คิมแทยอน!
เธอเตือนตัวเองแล้วถอนหายใจ หลายครั้งเหลือเกินที่เธอต้องระงับอารมณ์แบบนี้ เธอเกลียดๆๆ เกลียดตัวเองเกลียดคนที่มายุ่งเกี่ยวกับเพื่อนของเธอ .จะเรียกว่าเพื่อนเธอยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ
ก็ในเมื่อเราไม่เคยคุยกันเลยน่ะสิ.....
เป็นเธอเองที่ทำเมินไม่พูดคุยแม่ว่าเธอคนนั้นจะชวนคุยยังไงก็ตาม และไม่ว่า ฮวังทิฟฟานี่ จะส่งสายตาไม่พอใจอยู่กลายๆ เธอก็ยังทำเป็นไม่สนใจให้ตัวเองช้ำเล่นๆ
.....เพราะถ้าฉันคุยกับเธอ....แล้วเธอก็คุยกับฉัน
ฉันคงจะเป็นบ้าตายแน่ๆ.....
และการกระทำทั้งหมดนั่นก็ทำให้ฉันไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักคน ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่มีคนมาคุยกับฉันเลย แถมปัญหาก็มีอยู่ว่า....
เธอ....ชอบผู้หญิงจึงไม่กล้าเข้าใกล้ให้ใจสั่นเล่นๆ
และเธอ....ไม่ชอบพวกผู้ชายที่ชอบมาสงสายตาน่าขนลุกให้บ่อยๆ
ผลเลยเอวังตรงที่เธอคบใครไม่ได้เลยสักคน....
เย็นวันนี้ฉันก็เดินกลับบ้านตัวเองเช่นเคย แล้วจู่ๆฝนก็โปรยกระหน่ำลงมาไม่ทันให้ตั้งตัว ฉันจึงรีบหลบฝนในทันที แต่ก็ไม่ได้ปักหลักเลยหรอกนะ เพราะวันนี้ฉันเอาร่มมาด้วยพอดี
แทยอนเดินเร่งฝีเท้าอย่างไม่ต้องการเปียกฝนมากไปกว่านี้ แต่แล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเจอก็เจอไม่ให้ได้ทันตั้งตัว เมื่อทางเปลี่ยวๆที่มีหลังคาให้หลบฝนน้อยมีร่างบางๆของใครคนนึงที่เธอคิดถึงอยู่ตลอดเวลานั่งตัวสั่นๆหลบฝนอยู่ข้างทาง
แทบจะเรียกไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าสามารถกันฝนได้หน่อยนึง!
แทยอนจึงทิ้งความกลัว แล้วหยิบความกล้าใส่ลงไปในเท้าที่ต้องกลั้นใจก้าวไปหาใครคนนั้น
....ที่ชื่อว่าทิฟฟานี่
เธอเงยหน้าขึ้นมองฉันอย่างประหลาดใจเมื่อพบว่าฝนที่สาดใส่ตัวเธอหายไปเสียเฉยๆ
“บ้านอยู่ไหน.....เดี๋ยวไปส่ง”
เธอยิ้มกว้าง......พลางคิดในใจว่าคนที่ชอบตีหน้ายุ่งยอมมาคุยกับเธอแล้ว
ส่วนฉัน....หัวใจก็พองโตคับอก
แทยอนเบือนหน้าหนีไปอย่างเขินเกินระงับ ในเมื่อภาพที่เธอได้เห็นมันช่าง....พาให้เธอคิดอกุศลเหลือเกิน เสื้อนักเรียนสีขาว กับชุดชั้นในสีชมพูแนบเนื้อ.....แล้วยังใบหน้าพราวน้ำนั่นอีก
รวมๆแล้วสามารถเรียกได้เต็มปากว่า
โค ตะ ระ เซ็กซี่!!
เมื่อเห็นว่าคนนั่งไม่ยอมลุกมองเธอด้วยสายตาแปลกใจ แทยอนก็รีบฉุดทิฟฟานี่ขึ้นเดินอย่างเกรงว่าจะเปียกโชกไปทั้งตัวมากกว่านี้
ตลอดการเดินในช่วงสั้นๆนั้น ไม่รู้ทำไมมันช่างยาวนานนัก....
เมื่อถึงบ้านทิฟฟานี่เธอก็เอ่ยเสียงแข็ง
“วันหลังพกร่มมาด้วยนะ....เดี๋ยวไม่สบาย”
“อื้อ....ขอบคุณแทมากๆเลยนะ”
ทิฟฟานี่เดินเข้าบ้านไปแล้ว.....แต่ในใจของเธอยังวนเวียนอยู่แค่คำว่า
แท......แท.....แท....แท
ตึก....ตัก....ตึก.....ตัก
เสียงนั้นก้องอยู่ภายในหัวของเธอซ้ำๆ ประกอบกับอัตราเต้นหัวใจเต้นถี่ให้เลือดสูบฉีดเลือดในร่างกายวิ่งพรวดพราด ปากสั่นเพราะความตื่นเต้น(ปนหนาวหน่อยๆ)อย่างห้ามไม่อยู่
ก็บอกแล้ว.....ว่าเธอไม่อยากคุยเลยจริงๆ
เพราะมันกำลังทำให้เธอคลั่งตาย....
เป็นอีกวันที่ฝนตกกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว บางคนเขาก็ไม่ชอบฝนเท่าไหร่ เพราะมันทำให้ทั้งเปียกแถมยังไปไหนลำบากอีกต่างหาก ส่วนแทยอนนั้นก็ไม่อยากเลียนแบบนิยายทั่วไปเท่าไหร่นักหรอก แต่เธอนั้นกลับคิดว่าฝนนี่มันดีจริงๆ ฝุ่นควันมันจะได้ลดหายไปกับสายน้ำเสียบ้าง คำนิทราของคนรอบข้างก็ถูกเสียงฝนกลบไปหมดอีกต่างหาก.....
คุณคิดเหมือนฉันมั๊ย?.....ฝนนี่มันดีเป็นบ้าเลย
แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้นอีกเมื่อวันฝนตกมีเรื่องดีๆให้คุณได้ใจเต้นตลอดเวลาเหมือนฉัน
นึกครึ้มอะไรไม่รู้ แทยอนเอามือไปรองน้ำฝนจนล้นมือ จากนั้นก็ปล่อยให้มันไหลลงพื้น
ถ้าความรักเหมือนน้ำฝนในมือนี้.....ก็หมายถึงรักที่จางหายไปตามกาลเวลาสินะ
คงจะดีไม่น้อยหากเธอมีแก้วสักใบมาช่วยเก็บน้ำฝนนี้ไม่ให้หายไป....
เพราะมันจะหมายถึงความรักที่ยั่งยืนและยาวนาน.....
“มันไม่สกปรกเหรอ”
จู่ๆเสียงหวานๆเหมือนเจลลี่ของใครบางคนก็ผลักให้แทยอนหยุดความคิดอันเพ้อเจ้อของตัวเองได้
นี่แหละ.....คือสิ่งที่ฉันจะบอกว่าทำไมฉันถึงชอบวันฝนตกนัก
ที่จริงแล้วทิฟฟานี่มองแทยอนตั้งแต่ยืนเหม่ออยู่คนเดียวแล้วแหละ ยืนอยู่คนเดียวเลยพาลให้เธอคิดไปเองว่าวันนี้คงมีคนให้เธอไปส่งบ้านซะแล้วสิ
“มะ....ไม่รู้แหะ คงงั้นแหละ”
น่าน ยังถนอมคำไม่เปลี่ยน
“เค้าว่าฝนเมืองกรุงฝุ่นเย๊อะ”
ทิฟฟานี่พูดเปรยๆคล้ายว่าจะไม่ได้คุยกับคนข้างๆ
เคยคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ยินเสียงเพื่อนสาวคุยนี้แล้วเป็นแน่ คงต้องขอบคุณเจ้าฝนนี่แหละ ที่ทำให้เธอได้รู้จักเพื่อนคนนี้ไปอีกขั้น หากเป็นเพื่อนคนอื่นเธอคงกล้าเข้าไปคุยไปทักตามปกติ หรือถ้าใครไม่คุยด้วยเธอก็จะไม่วอแวให้รำคาญหู
แต่แทยอนกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป....แต่จะแตกต่างตรงไหนนั้น เธอเองก็ไม่อาจทราบเช่นกัน
“อือ...แล้ววันนี้เอาร่มมารึเปล่า”
“เอามาแล้ว แหะๆ ไม่อยากเปียกเป็นลูกหมาเหมือนเมื่อวานน่ะ แทอ่ะ ไม่ได้เอามาเหรอ”
‘เอามาสิ’ แทยอนเกือบจะหลุดพูดออกไปแล้วเชียว พลางคิดถึงเจ้าร่มสีฟ้าที่นอนแน่นิ่งอยู่ในกระเป๋า
ถ้าได้กลับบ้านในร่มคันเดียวกับทิฟฟานี่คงดีไม่น้อย.....
เริ่ดค่ะ!!
“ไม่อ่ะ ไม่ได้เอามา”
ช่างตอบได้แบบไม่อายปาก!
“งั้นกลับกับฟานี่ก็ได้นะ บ้านใกล้กัน ไปส่งแทก่อนก็ได้”
เธอพูดพลางฉีกยิ้มกว้างอันเป็นอาวุธพิฆาตสำหรับคนมอง
จะละลายอยู่แล้วโว้ยยยยยยยย
แทยอนคิดในใจคนเดียวเงียบๆ
เราสองคนเดินเรื่อยๆอย่างไม่รีบนัก แม้ว่าฝนนั้นจะไม่ยอมซาลงสักนิดเลยก็ตาม แต่แทยอนก็ยังใจระรื่นได้ตลอดเวลา แค่หัวไหล่ชนกันนิดๆหน่อยเจ้าตัวก็ออกอาการหน้าแดงอยู่คนเดียวให้ทิฟฟานี่มองงงๆ
แปลกจริงเพื่อนคนนี้....
บรืน.....
ซ่า!!
แต่แล้วภาพโรแมนติคที่แทยอนหวังไว้ก็เป็นพังทลายลงเมื่อจู่ๆรถคนหนึ่งวิ่งเหยียบน้ำสาดกระเด็นใส่ตัวเธอเต็มไปหมด.....อันที่จริงแล้วมันเกือบจะโดนทิฟฟานี่แล้วแหละ เพียงแต่ว่าเธอดันแมนเกินไปดันบ้าไปรับน้ำโคลนนั่นมาให้โชก เธอจึงได้แต่ยิ้มอายๆให้กับทิฟฟานี่โดยไม่รู้ตัว
และนั่น.....คือรอยยิ้มแรกที่สาวอัธยาศัยดีได้เห็นเป็นครั้งแรก พลันความคิดซึ่งโผล่มาอันดับแรกเลยก็คือ
......น่ารักจัง
ทิฟฟานี่จ้องร่างเล็กนิ่งอยู่นาน เมื่อรู้ตัวว่าเผลอยิ้มออกไปแล้วเจ้าก็รีบหุบฉับทันที
ทั้งอายทั้งเขินเลยวุ้ย
“แทน่าจะยิ้มบ่อยๆนะ น่ารักดี”
เมื่อเจอคำพูดตรงๆแบบนี้แทยอนก็เกิดอาการเขินหน้าแดงลามไปถึงหูให้ได้อายอีกรอบ
บ้าเอ๊ย!! อยู่กับเธอทีไรต้องได้เขินพร่ำเพรื่อทุกทีเลยสิน่า
พลันบรรยากาศที่เกือบดีก็ถูกฉุดลงมาด้วยสภาพเปียกโชกปานไปดำนามาของแทยอนนั่นเอง
“แต่ฟานี่ว่า....แทน่าจะรีบไปอาบน้ำที่บ้านได้แล้วนะ”
“เออ นั่นดิ”
“เพราะฟานี่เดินไม่ระวังแท้ๆเลยแทถึงเปียกแบบนี้ ขอโทษจริงๆนะ”
“มะ...ไม่เป็นไรๆ”
แทยอนก้มมองสภาพตัวเอง เวรกรรม!
ทำไมทิฟฟานี่ต้องมาเห็นเธอสภาพนี่ด้วย ขายหน้าชะมัด!
บรืน...........ซ่า!!!!!
“.....เอ่อ”
ทันใดนั่นรถสีดำคนเก่าเจ้าเดิมก็วกรถกลับมาทำพิษอีกครั้ง แถมคราวนี้ผู้เคราะห์เพิ่มเป็นสองคนเสียอีก! ทิฟฟานี่สำรวจตัวเองด้วยใบหน้าแหยๆ ส่วนแทยอนนั้นกลับหัวเราะพรืดอย่างกลั้นขำไม่อยู่ ดังนั้นทั้งสองคนจึงได้เปียกมะล่อมะแล่กทั้งคู่ให้ยืนขำกันเองอย่างไม่รังเกียจ
“ฮ่าๆๆ”
“ฮ่าๆๆ ซวยชะมัดเลยเนอะ เราสองคนนี่”
สาวตายิ้มพูดไปหัวเราะไป จากนั้นเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
“คะแม่? ค่ะๆ อ๋อ....อยู่ได้ค่ะอยู่ ค่ะ บาย”
เธอหันมามองร่างเล็กด้วยสายตาเกรงๆเล็กน้อย
“คือแทจะว่าอะไรมั๊ย.....ถ้าฟานี่จะขอค้างบ้านแทสักคืน”
แม่เจ้า......เข้าทางหมาน้อยเลยงานนี้!!
หลังจากที่ทั้งสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แทยอนที่ไม่รู้จะทำอะไรแก้เขินดี จึงอาสาขอไปทำอาหารประจำบ้านให้กินก่อน(มาม่านั่นเอง) เพราะยิ่งอยู่ตามลำพังยิ่งเก็บอาการไม่ค่อยอยู่
ทางด้านทิฟฟานี่ก็เออๆออๆแจกยิ้มไปเรื่อยเปื่อย หากสาวเจ้าไม่รู้เลยว่าหัวใจใครบางคนกำลังเต้นแรงเพราะรอยยิ้มนั้นเป็นประจำ
เฮ้อ....อยากจะชินซะที แต่ก็ทำไม่ได้เสียนี่
“แททำอะไรมาก็กินทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าทำกบย่างมาจะกินมั๊ยล่ะ”
เหอะๆ ทำเป็นกวนประสาทปากดีไปงั้นแหละ
“โอ้โห.....ไม่อยากให้ฟานี่นอนบ้านใช่ม้า เออ กลับก็ได้ เชอะ”
พอสาวตายิ้มทำท่าจะลุกขึ้นจริงๆ แทยอนก็รีบไปคว้าข้อมือหมับอย่างลืมตัว
“ไม่ให้กลับ ฝนยังไม่หยุด”
แทยอนบอกเลี่ยงๆ ทั้งที่ความหมายมันก็มีแค่ อยากให้อยู่แค่นั้นเอง
“ล้อเล่นน่า แค่นี้ทำหน้าจริงจังไปได้ อ่ะแหน่ะ กลัวเค้าจะไปจริงใช่มั๊ยล่ะ”
ทิฟฟานี่พูดแบบล้อๆพลางจิ้มแก้มคนปากแข็งไปด้วย แทยอนทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขบขัน
“เย้ๆ แทแทยิ้มแล้ว”
ทิฟฟานี่เอ่ยอย่างดี๊ด๊าประหนึ่งสามรถทำสไตร์โบลลิ่งได้ยังไงยังงั้น ส่วนเจ้าตัวน่ะเหรอ? ก็ยิ่งเขินหนักปากพึมพำประมาณว่า ไม่เห็นแปลก ก่อนที่จะได้เขินไปมากกว่านี้เสียงวี้ๆของหม้อต้มน้ำในครัวก็ดังขึ้นให้ร่างเล็กนึกขึ้นได้ว่ามาม่ายังไม่ได้เอาลงจากเตา
“เดือดแล้วๆ”
จากนั้นทั้งสองคนคล้ายกับว่าหมดความสนใจกับคู่สนทนา หันไปสวาปามมาม่าแสนอร่อยที่เครื่องปรุงมีแค่กระหล่ำปลีกับไข่คนใบละใบ เอาน่า.....แก้ขัดไปก่อน
สักพักทิฟฟานี่ก็พูดแหวกความเงียบขึ้นมา
“แท แทว่ามาม่าที่ต้มแล้วเนี่ย เรียกว่ามาม่าน้ำหรือมาม่าต้ม”
“ถามทำไมเนี่ย มาม่าต้มมั้ง”
เธอขมวดคิ้ว
“อ้าว มันไม่ใช่มาม่าน้ำเหรอ”
“ไม่รู้ดิ มาม่าน้ำกับต้มก็เหมือนๆกันนั่นแหละ”
จู่ๆเรื่องไร้สาระก็กลายเป็นจริงจังทันทีเมื่อทิฟฟานี่สาวใสซื่อบื้อยังไม่หายข้องใจ ถามต่อให้อีกคนอึนมึนว่าตกลงคนน่ารักตรงหน้านี่จะบ๊องหรือจะต๊องกันแน่
“ไม่เหมือน เพราะชื่อมันไม่เหมือนกัน”
“เฮ้อ.....เอาเหอะ น้ำก็น้ำ”
พูดเสร็จทิฟฟานี่ก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม แล้วก้มหน้าก้มตากินไปอย่างไร้ข้อข้องใจ ส่วนแทยอนนั้นก็แอบอมยิ้มขำเงียบๆ บางทีการก้าวไปในที่ๆเคยกลัวก็สุขใจไม่น้อยเหมือนกัน สาวน้อยที่เคยคาดไว้ว่าจะเข้าถึงตัวยากกลับทำให้เธอเขินและยิ้มบ่อยแบบที่ไม่เคยเป็น แม้ว่าบางมุมจะดูเอ๋อๆไปหน่อยก็ตาม รวมๆแล้วก็ยังน่ารักอยู่ดีล่ะนะ
“นอนไหนๆ”
“ฟานี่นอนเตียง เดี๋ยวฉันนอนโซฟาแล้วกัน”
“ทำไมอ่ะ เตียงตั้งกว้าง นอนด้วยกันไม่เห็นเป็นไรเลย”
เป็นสิ....เพราะมันจะอันตรายต่อหัวใจฉันไงล่ะ
“แต่ว่าแทเป็นเจ้าของบ้านนะ”
ทิฟฟานี่พูดหน้าบึ้ง มารบกวนคนอื่นก็แย่พอแล้วยังจะนอนเตียงสบายอีกต่างหาก ถึงเจ้าตัวจะเต็มใจ แต่เธอกลับรู้สึกผิดมากกว่า ยิ่งช่วงนี้แทยอนยังลำบากเพราะเธอหลายเรื่อง อย่างเช่นว่าวันฝนตกครั้งนั้น รวมถึงการให้ยืมใส่เสื้อของตัวเองอย่างไม่รังเกียจ
ถ้าใครมาว่าแทยอนเย็นชาล่ะก็.....เธอเถียงขาดใจเลย แม้ว่าภายนอกคนตัวเล็กจะดูเฉยๆ ไม่สนใจใคร ออกจะเป็นแนวหยิ่งๆด้วยซ้ำ หากเมื่อได้ลองมาใกล้ชิดแล้วเธอกลับรู้สึกอบอุ่นเสียมากกว่า รอยยิ้มนั่นก็ดูจริงใจกว่าใครๆ มั่นใจได้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆเขาว่ากัน
“....ฟานี่นอนไปเหอะ ฉันชินแล้ว”
“เฮ้อ....ตามใจแทแล้วกัน อย่ามาบ่นเมื่อยทีหลังน้า นอนแหละ”
“อือ”
เป็นอันว่า เจ้าของบ้านนอนโซฟา แขกนอนเตียง อืม...ช่างเหมาะสมดีแท้
แต่นอนได้ไม่นาน เสียงฟ้าร้องครืนๆก็ไปกระตุกต่อมกลัวของสาวตายิ้มเข้าอย่างจัง
เปรี้ยง!!
“ว้ายยยยยยยยยยย”
แทยอนลุกขึ้นมาตามเสียงร้อง พลันร่างบางๆของใครบางคนก็โผเข้าสวมกอดทันที ตามด้วยเสียงฮือๆที่คล้ายว่าคนในอ้อมแขนอยากจะร้องไห้เต็มแก่
“เป็นไรๆ”
ทิฟฟานี่ส่ายหน้าไปมาเหมือนไม่อยากตอบคำถาม แทยอนปล่อยให้อีกคนกอดด้วยใจเต้นตึกตัก ดีที่ฝนตกหนักไม่งั้นร่างบางคงจะรู้ไส้รู้พุงไปหมดแล้ว
“กอด....กอดหน่อย”
เธอพึมพำออกมาเบาๆ ร่างเล็กกอดตอบไปโดยอัตโนมัติ พร้อมรู้สึกวาบหวิวในท้องแปลกๆ ไม่ต่างกันกับทิฟฟานี่ที่เพิ่งเคยรู้สึกถึงสัมผัสแบบนี้ กอดเพื่อนมาก็เยอะ แต่ทำไมกอดเพื่อนคนนี้แล้วไม่เหมือนกันนะ แปลกจริงๆ
ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนกอดแล้วอุ่นขนาดนี้มาก่อนเลยแหะ....
ชั่วขณะที่ทั้งสองจมอยู่กับความรู้สึกแปลกใหม่ เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งจนทิฟฟานี่ต้องซุกตัวกอดแทยอนแน่น ร่างเล็กอยากจะบอกเหลือเกินว่าให้ถอยไปห่างๆ แต่ก็เกรงว่าจะดูแย่เกินไป จึงต้องกอดด้วยจำยอม เพราะรู้ดีว่าอาการวาบหวิวนี้เกิดจากอะไร หากทิฟฟานี่ยังไม่ถอยออกไปอาจจะไม่ใช่แค่กอดก็เป็นได้
“ไม่เป็นไรแล้วนะ....แทจะให้ฟานี่กอดทั้งคืนเลย”
แม้ว่าถ้อยคำนั้นอาจจะไม่ได้น่าฟังอะไรมากมาย......หากมันก็ช่วยผ่อนคลายความหวาดกลัวในใจได้มากโข จนไม่นานร่างบางก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น....
ยิ่งแต่งยิ่งชอบหมีขึ้นมาทุกทีๆ > <
.....
ผลงานอื่นๆ ของ Meena-san ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Meena-san
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น