เรื่องเศร้าๆของนายสมหวัง(แอบYนิดนึง) - เรื่องเศร้าๆของนายสมหวัง(แอบYนิดนึง) นิยาย เรื่องเศร้าๆของนายสมหวัง(แอบYนิดนึง) : Dek-D.com - Writer

    เรื่องเศร้าๆของนายสมหวัง(แอบYนิดนึง)

    Oh! My God พระบิดา พระบุตร และพระจิต อาเมน... ทำไมโลกช่างโหดร้ายกับผมเยี่ยงนี้ ในที่สุดชีวิตที่แสนเรียบง่ายเหมือนน้ำที่ขังในแอ่ง (ข้างถนน) ของผมก็เสียศูนย์ เพราะล้อรถ BMW แสนงามคันหนึ่ง...

    ผู้เข้าชมรวม

    573

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    573

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 มิ.ย. 50 / 12:19 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เรื่องเศร้าๆของนายสมหวัง

      สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน


      ก่อนอื่นเลยผมอยากจะขอขอบพระคุณที่กรุณาเข้ามาอ่านเกร็ดชีวิตเล็กๆน้อยๆ


      ของผู้ต่ำต้อยอย่างกระผม


      ผมชื่อ "สมหวัง" ครับ ลืมตาขึ้นมาดูโลกได้ 19 ปีกับอีก 7 เดือนพอดี


      ตอนเกิดแม่ผมบอกว่า 'ไอ้หวังเอ๊ย เอ็งน่ะอยากรีบออกมากจนข้าไม่ต้องเบ่งเลยว่ะ


      ถึงมือหมอปั๊บหัวโผล่ปุ๊บ ข้าน่ะอั้นแทบแย่' เห็นไหมล่ะครับว่าผมเป็นคนที่


      active ขนาดไหน แต่ก็ได้แค่นั้นล่ะครับ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตหมาเลียตูดไม่ถึง


      ชีวิตผมน่ะเรียบง่ายสุดๆ ไม่เคยมีเรื่องตื่นเต้นมาทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยเล๊ย


      แต่ผมก็ชอบของผมแบบนี้นะมันสงบสุขดี


      Oh! My God… พระบิดา พระบุตร และพระจิต อาเมน...


      ทำไมโลกช่างโหดร้ายกับผมเยี่ยงนี้ ในที่สุดชีวิตที่แสนเรียบง่ายเหมือนน้ำที่ขังในแอ่ง


      (ข้างถนน) ของผมก็เสียศูนย์ เพราะล้อรถ BMW แสนงามคันหนึ่ง


      "แห้ว แห้ว" เงียบฉี่ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์ครับ


      "เฮ้ย ไอ้แห้วโว้ย กรูเรียกมรึงอยู่ได้ยินมั้ยวะ" โอ๊ย ผมอุตส่าห์เมินสุดฤทธิ์แล้วนะเนี่ย


      ไอ้คุณเพื่อนสุด Love มันดันตะโกนแล้วก็วิ่งมาตบหลังผมดังป้าบ


      จนคนแถวนั้นหันมามองแบบ Automatic เลย ไม่อยากจะบอกว่า


      'อายชิพหายวายวอดเลยครับ' แต่ไอ้คนข้างๆมันคงด้านซะจนไม่รู้สึกรู้สาอะไร


      สงสัยจริงๆว่ามันใช้ปูนยี่ห้ออะไร ?


      "ไอ้ต้น มรึงเรียกกรูเบาๆเป็นมั้ย อายเค้าโว้ย แล้วกรูก็ไม่ได้ชื่อแห้ว


      แต่ชื่อสมหวังต่างหากล่ะ บอกไม่รู้จักจำ"


      ผมดึงหูมันมากระซิบเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้


      "อ้าว ก็เห็นมรึงจีบใครก็แห้วตลอดไม่เข้ากับชื่อเลย กรูก็เลยหวังดีเปลี่ยนให้ยังไงล่ะ


      ยังจะมาว่ากันอีกน้อยใจแล้วนะ" คุณ 'ต้นตระกูล' หนึ่งในกลุ่มเพื่อนซี้ของผม


      ทำท่างอนได้น่าถีบมากครับเลยสมนาคุณไปสักทีหนึ่ง


      "โอ๊ย พูดกันดีๆก็ได้ ทำไมต้องใช้กำลังด้วยวะ กรูอุตส่าห์จะมาขอโทษมึงเรื่องเกรด


      งั้นกรูไปก็ได้โว้ย" ชายร่างบึกที่กระฟัดกระเฟียดตรงหน้าผมเนี่ยดูยังไงก็


      'กระเทยควาย' หาความน่ารักไม่ได้เลย


      มันนี่ล่ะครับเป็นต้นกำเนิดความ SAD ในชีวิตของผม เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อ 2


      วันก่อน ผมเปิดดูเกรดเทอม 2 ใน Internet


      หวังอย่างเต็มเปี่ยมว่ามันจะออกมาสวยหรูตามที่คิดไว้ แต่...


      "เฮ้ยๆๆๆ ทำไม Lab Physics ได้แค่ B เองล่ะ ข้อสอบก็ทำได้นี่หว่า"


      เสียงน่ารักๆของผมดังลอดไรฟันออกมาได้แค่นิดเดียวเพราะตอนนี้ผมอยู่ในห้องสมุด


      (เขาห้ามใช้เสียง) แต่ไอ้เวลล์ที่ไหนก็ไม่รู้ดันหูดีคาบข่าวไปบอกเพื่อนๆของผมจนได้


      "เฮ้ หวัง อยู่นี่ตรงนี้" ต้นเสียงมาจากโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นจามจุรี


      มีผู้ชายนั่งอยู่ประมาณ 2-3 คน (ก็เพื่อนผมทั้งนั้นแหละ แต่ไอ้ต้นตัวดีไม่อยู่)


      "หวัดดี"


      เสียงที่เหงาหงอยของผมคงไปสะกิดต่อมอยากรู้อยากเห็นของพวกเพื่อนๆเข้า


      พวกมันกระดิกหูเตรียมฟังด้วยความสนใจ


      "หวัง แกมีเรื่องอะไรพวกเราช่วยได้นะ เล่ามาเถอะ" 'หนึ่ง'


      คนที่ใกล้ผมที่สุดถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแสดงความห่วงใยสุดๆ


      ส่วนที่เหลือก็พยักหน้ารับกันเป็นแถว อย่างกับนัดกัน


      ผมชั่งใจอยู่นานกว่าจะตัดสินใจบอก


      "ฉันได้ Lab Ph เกรด B" น้ำเสียงผมเศร้าสุดๆครับ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้


      แต่เพื่อนๆกลับมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะกันยกใหญ่ ยังงี้ผมก็อึ้งสิครับ


      "ฉันว่าแล้วว่านายต้องได้ B ตั้งแต่ได้ฟังเรื่องจากไอ้ต้นเมื่อเช้านี้


      มันบอกว่าลืมส่งรายงานการทดลองครั้งหนึ่ง เลยโดนตัดคะแนน


      ตัวมันเองไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้หรอกแต่มันกลัวนายโกรธ ตอนนี้เลยแอบหนีไปแล้ว"


      'ก้าน' เพื่อนที่นั่งเงียบมาตลอดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขบขัน


      "ว่าไงนะ บอกมาตอนนี้มันอยู่ไหน" ผมโกรธจนหน้าแดงไปหมด


      ทุบโต๊ะดังปังๆไม่สนใจแล้วว่าใครจะมอง


      "น่าใจเย็นก่อน พวกเราไม่รู้จริงว่าต้นอยู่ที่ไหน


      สักพักก็คงกลับมาขอโทษนายเองแหละ แต่ฉันไม่คิดเลยว่านายจะโกรธขนาดนี้


      แค่เกรดนิดเดียวเองคราวหน้าเอาใหม่ก็ได้น่า"


      หนึ่งฉุดแขนผมให้นั่งลงเหมือนเดิมก่อนจะเกิดการนองเลือดขึ้น


      "แค่เกรดนิเดียวงั้นเหรอ เฮอะ! พวกนายก็พูดได้นี่ไม่ได้โดนเหมือนฉันนี่หว่า"


      น้ำเสียงเยาะหยันอย่างเปิดเผยของผมทำให้เพื่อนๆหน้าเสีย


      แต่ผมไม่สนใจหรอกเรื่องนี้มันไม่สำคัญเท่ากับการหาตัว


      นายต้นตัวดีมาด่าให้สาแก่ใจ


      แต่หลายวันผ่านไปผมก็ยังไม่ได้เจอมัน จนเกือบจะทำใจลืมเรื่องนี้ได้แล้ว


      มันดันโผล่มากวนชวนให้คิดถึงอีกครั้ง ถ้าไม่ได้ถีบมันสักทีผมคงเสียชาติเกิด


      เพราะฉะนั้นจึงรีบเดินตามมันไปทันที


      แต่ตามยังไงก็ไม่ทันสักทีรู้ตัวอีกทีก็เห็นมันยืนอยู่กับรุ่นพี่ในคณะคนหนึ่งแต่ผมไม่สนอีกนั่นแหละ


      เพราะตอนนี้เหนื่อยแทบขาดใจอยู่แล้วเล่นวิ่งตามมาจากป้ายรถเมล์


      ผมวิ่งตรงไปที่นายต้นตัวดีแล้วกระโดด Drop Kick ทันที


      ล้มเหมือนโดมิโนเลยครับโดนรุ่นพี่คนนั้นด้วยแต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรถือว่าซวยเองที่มารู้จักไอ้ต้น


      ตอนนี้ผมกำลังหัวเราะอย่างสะใจสุดๆที่ได้แก้แค้นจนสำเร็จ


      แล้วก็เดินหนีทันทีเมื่อสำนึกตัวได้ว่ายืนอยู่ท่ามกลางคนเป็นฝูงๆ


      "โอ๊ย ไอ้แห้วนะแห้ว จำไว้นะมรึง" เสียงห้าวบ่นกระปอดกระแปด


      ยื่นมือไปรับคนที่โดนทับให้ลุกขึ้นมา


      "ขอโทษนะครับพี่ เพื่อนผมมันอารมณ์เสียไปหน่อย"


      ต้นไหว้รุ่นพี่ปะหลกๆด้วยความเคารพ


       "ไม่เป็นไรหรอกต้นว่าแต่น้องคนเมื่อกี้ชื่อแห้วเหรอ เห็นเรียกอย่างนั้น"


      ร่างสูงถามกลับอย่างอารมณ์ดี ตาเป็นประกายมองตามเด็กหนุ่มด้วยความสนใจ


      "ไม่ใช่หรอกครับ มันชื่อสมหวัง แต่ผมเรียกว่าแห้วก็เพราะมันจีบหญิงไม่เคยติด"


      ต้นเล่าอย่างคะนองปาก


      "ดีแล้วล่ะ" ร่างสูงยิ้มด้วยความสนุก


      "ฮะ พี่ว่าไงนะครับ" ต้นแคะหูฟังอย่างตั้งใจกลัวว่าจะฟังผิด


      "พี่บอกว่าพี่สนใจสมหวังไงล่ะ ต้นช่วยพี่หน่อยนะ"


      "ฮา ห่า ห้า ห๊า หา พี่...พี่สนพูดจริงเหรอ" ต้นถามด้วยความตกใจสุดขีด คิดในใจว่า


      'เพื่อนกรูขายออกแล้ว'


      "น่านะเดี๋ยวพี่ยกหนี้ให้หมดเลยไม่ต้องคืน"


      "จริงเหรอพี่งั้นตกลงเลย"


      พอได้ฟังเรื่องเงินตาก็เป็นประกายความงกเริ่มเข้าครอบงำ เพื่อนเพิ่นอาไร้ไม่สน


      "โอเคงั้นคืนนี้เจอกันที่ห้องพี่นะ" สนยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยความสมใจ


      "ได้เลยพี่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมจัดการเอง" ต้นรับคำอย่างมั่นเหมาะ


      "น่าหวัง ฉันขอโทษ ให้ฉันกราบแกก็ได้ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ นะ"


      ต้นมาตามขอโทษผมตามแผนแต่ตัวผมในตอนนั้นไม่รู้หรอกคิดว่ามันจะกลับตัวมาขอโทษผมอย่างจริงใจเลยยกโทษให้อย่างง่ายดาย


      (ก็มันบอกว่าจะพาไปเลี้ยงข้าวนี่นา ซู้ด..)


      "ฉันยกโทษให้ก็ได้แต่ต้องพาไปร้านหรูๆนะเว้ย"


      ผมเช็ดน้ำลายที่มุมปากก่อนจะหกไปมากกว่านี้


      "เออน่ะ แกไม่ต้องห่วงหรอก ไปเย็นนี้เลยก็ได้"


      ผมมัวแต่ดีใจเลยไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของนายต้น


      ไอ้ผมมันก็คนซื่อเลยยอมตามมันไปต้อยๆ ฟาดเรียบไม่มีเหลือ


      แต่เอ๊ะ! ทำไมชักรู้สึกมึนๆ แล้วไอ้ต้นพาผมขึ้นลิฟต์จะไปไหนเนี่ยผมงงไปหมดแล้ว


      หรือว่ามันจะใจดีพาผมไปนอนพักก่อนกลับบ้าน


      แต่ผมไม่น่าคาดหวังอะไรกับมันเลยเพราะแทนที่มันจะพาผมไปห้องว่างๆมันกลับพามาหาเจ้าเกย์วิปริต


      รุ่นพี่ของมันคนนั้นที่ผมเตะล้มไป


      ผมพยายามตะเกียกตะกายหนีแต่ก็ไม่มีแรงพอ


      เรียกให้ช่วยมันก็ว่าแก้แค้นที่ผมเตะมันซะงั้น


      ไอ้เพื่อนเลว
      'มันขายผม' ผมตะโกนก้องด้วยความคับแค้นใจ


      ตั้งแต่นี้ต่อไปชีวิตของผมก็คงจะต้องเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า




      จบแล้วจ้า

      รักๆๆๆๆๆๆคนอ่านมากๆนะ ขอเม้นเพื่อปรับปรุงหน่อยน้าๆๆๆๆ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×