ผมนั่งกอดเข่าร้องไห้ในทุกๆคืน...
หัวใจเฝ้าร้องเรียกหาเขาตลอด.....
ถ้าไม่ใช่ผม... คุณจะกลับมารึเปล่า...
ถ้าไม่ใช่ผมที่ทำร้ายคุณในวันนั้น... คุณคงไม่จากไปเหมือนในตอนนี้...
ขอโทษ...
กลับมาเถอะ
ในเมื่อหัวใจของเรายังเรียกร้องร้องหากัน
อยากจะปล่อยคุณไป...
แต่ขอโทษจริงๆ หัวใจผมทำแบบนั้นไม่ได้ มันไม่ง่ายเลย....
ร่างสูงขยับตัวบนที่นอนค่อยลืมตามองข้างๆตามความเคยชิน
แต่ก็เช่นเดิม... ว่างเปล่า
เขาเพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ ทุกๆตีสี่ของทุกวันเขาจะตื่น
เพื่อรอคอยว่าเขาคนนั้นกลับมารึยัง
ยงกุกยิ้มกับตัวเอง... เขาลุกเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึก
เวลาตีสี่อากาศค่อนข้างเย็น ท้องฟ้าในเวลาตีสี่ยังคงมืด
มิดแต่ก็ยังมีแสงไฟที่ช่วยส่องสว่างได้บ้าง
สายลมพัดอ่อนๆแต่ก็ทำให้เย็นไปถึงกระดูก
“รู้ว่าข้างบนมันหนาว แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อหนาๆมาล่ะ... หื้ม?”
ยงกุกเดินไปห่มผ้าให้ยองแจพร้อมกอดอีกคนไว้จากข้างหลัง
เขารู้ว่าคนตัวเล็กชอบเดินมาตัวเปล่า ทั้งๆอากาศหนาวขนาดนี้
“รู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ไง......เลยรอให้พี่เอาผ้ามาห่มแล้วกอดยองแจไง”
มองไปบนท้องฟ้าแต่ก็ยังอมยิ้มให้กับท่าทีของยงกุกที่เป็นห่วงเป็นใยคนรัก
“ถ้าพี่ไม่อยู่แล้วใครจะเอาผ้ามาคอยห่มให้ล่ะครับ “
ยงกุกกระชับกอดหอมหัวคนตัวเล็กไว้ สายลมพัดมาเป็นระยะ
เขาจะกอดยองแจไว้แบบนี้ ไม่ยอมปล่อยให้อีกคนต้องหนาว
เขาจะอยู่แบบนี้... จะคอยดูแลยองแจตลอดไป...
“ยองแจก็ไปตามพี่ให้กลับมาห่มให้ไง ฮ่าๆๆ”
“จะไม่ให้พี่ไปไหน ต้องอยู่กับยองแจแบบนี้”
ยองแจหันมากอดยงกุกไว้แน่น เขาซุกหน้าไว้กับอกของอีกคนผ้าห่มร่วงไปบนพื้น
...
อย่าไปหาใครเลยนะ อยู่กับผม..
ถ้าผมไม่ดี....
ถ้าผมงี่เง่า...
ถ้าผมไม่เอาไหน.. ผมจะปรับตัว ขอแค่อยู่กับผม...
“พี่ยงกุก... ยองแจรักพี่นะครับ”
ยงกุกยิ้มให้คนตรงหน้าพร้อมประคองหน้าเบาๆแล้วจูบหน้าผากค้างไว้แบบนั้น
ยองแจหลับตาลงใช้แขนกอดเอวคนตัวสูงไว้เพียงหลวมๆ เนิ่นนาน..
แสงแดดส่องผ่านผ้าม่านที่พลิ้วไหวตามสายลมมายังหน้าต่างที่เปิดไว้
ยงกุกปรับสายตาให้เข้ากับแสงในยามเช้า เขามองไปยังหน้าต่าง ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าตอนนี้ดอกเดซี่ที่เขาปลูกไว้ในกระถางนอกหน้าต่างจะบานแล้วคนที่อยู่บนเตียงในตอนนี้รีบลุกจากเตียงไปดูดอกไม้ที่ปลูกไว้...
ดอกเดซี่ ดอกไม้ที่ยองแจชอบ...
เขาก็ชอบ...
“พี่ยงกุก!! ตื่นมาทานข้าวได้แล้วนะ”
“ยองแจ..
ดอกไม้ของเราบานแล้วนะ มาดูสิ”
คนที่อยู่ในครัวกำลังเตรียมอาหารเช้าวิ่งมาดูด้วยความตื่นเต้น เขาเจอมันที่ข้าง
ถนนตอนกลับบ้านดูเหมือนบริเวนนั้นจะกลายเป็นร้านอาหารไปซะแล้ว ดีที่เขาตัดสินใจ
เอามันมาปลูกไว้ที่นี่
“พี่ยงกุกดูตอนนี้สิ... มันสวยมากๆเลย”
“ครับ... สวยมากจริงๆ”
ยงกุกยื่นหน้าไปหอมแก้มยองแจที่ตอนนี้ยิ้มให้กับดอกไม้ตรงหน้า
“เดี๋ยวเถอะ! พี่เนี่ย..เผลอไม่ได้เลยนะ”
คนตัวเล็กอมยิ้มเขินแล้วจึงเดินไปเตรียมอาหารเช้าต่อ ยงกุกมองตามแล้วยิ้มให้อีกคนที่ตอนนี้คล้ายจะส่งสัญญานให้เขาไปอาบน้ำแล้วมาทานอาหารเช้าด้วยกัน
Our memories that I secretly put in my drawer,
I take them out and reminisce again by myself.
“ยองแจเห็นกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะรึเปล่า”
ยงกุกรื้อโต๊ะเพื่อหาเนื้อเพลงที่เขาอดหลับอดนอนเขียนไว้
แต่ตอนนี้เขากลับหามันไม่เจอ ทั้งๆที่เมื่อคืนเขาวางมันไว้บนโต๊ะ
“อ..เอ่อ มันคืออะไรหรอครับ เมื่อเช้ายองแจเก็บโต๊ะเจอเศษกระดาษเลยเอาไปทิ้ง”
คนตัวเล็กเดินมาหายงกุก
“เศษกระดาษ.. ??”
ยงกุกหันหน้าไปมองยองแจอย่างเคืองๆด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ยองแจไม่รู้ว่ามันคืออะไร พี่ยงกุก..”
“ย...ยองแจขอโทษ..”
เขารีบเดินไปกอดแขนอีกคนไว้ ไม่อยากให้เขาใจร้านหรือโวยวายไปมากกว่านี้
เพราะว่าเขารู้เวลายงกุกโกรธแล้วมันน่ากลัวแค่ไหน ยงกุกยังคงเงียบและยังไม่พูดอะไร
“ด..เดี๋ยวยองแจลงไปดูข้างล่างให้นะ บางทีรถขนขยะอาจยังไม่มาเก็บไปก็ได้”
ยองแจพูดไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำใสๆค่อยๆไหลเอ่อล้นดวงตา
“มึงนั่นแหละที่ควรไป.. ไปให้พ้นหน้ากู .. ยองแจ”
เป็นครั้งแรกที่ยงกุกกล้าพูดคำว่า ‘มึง กู’ ออกมาให้ยองแจได้ยิน มันอาจไม่ร้ายแรงสำหรับบางคน
แต่กับยองแจแล้วมันไม่ใช่
“พี่ยงกุก.. โกรธยองแจขนาดนี้เลยหรอครับ”
น้ำตาที่เอ่อล้นตอนนี้ค่อยไหลมาเป็นสาย เขาพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย
คนตัวเล็กเดินไปกอดยงกุก เขาไม่คิดว่ายงกุกจะกล้าไล่ให้เขาไป
ยงกุกผลักยองแจออกจนอีกคนล้มลงไปกองกับพื้น
เขาเดินไปหยิบกระถางดอกเดซี่แล้วขว้างลงพื้นอย่างไม่ใยดี
เพล้งงงง!!
“พ....พี่เกลียดยองแจหรอ อยากให้ยองแจไปพี่ต้องทำขนาดนี้เลยใช่ไหม.. ”
ยองแจลุกแล้ววิ่งออกไปข้างนอกทั้งน้ำตา
ผมรอเขาจนถึงเย็นก็ยังไม่กลับมา...
คนดีของผมไปอยู่ไหนกันนะ...
หลงทางรึเปล่า..
ที่ที่เราเคยไปด้วยกัน... พี่รออยู่ที่นั่นนะยองแจ..
เนื้อเพลงที่แต่ง..พี่แต่งเพลงให้ยองแจ..
พี่อยากบอกยองแจ.. ‘พี่รักยองแจนะ’
คำนี้ที่ไม่เคยเอ่ยออกไป. . .. พี่ขอโทษ
กลับมาได้แล้วคนดี .. .
ในตอนนั้นผมน่าจะใจเย็นกว่านี้ แล้วปลอบยองแจ. .. ‘เดี๋ยวพี่แต่งเพลงใหม่ อีกรอบก็ได้’
ทำไมผมไม่พูดคำนี้
ทั้งที่เห็นอีกคนสำนึกผิด...
ทั้งที่เห็นอีกคนมีน้ำตา..
ทั้งที่อีกคนพูดขอโทษ.. ผมมันคนไม่ดี. . .
กลับมาฟังก่อน พี่อยากบอกว่า “พี่รักยองแจนะ” กลับมาได้ไหม
‘พี่ยงกุก!!
ตื่นมาทานข้าวได้แล้วนะ’
ไม่อยากตื่นจากความฝันนี้.. ขอหลับต่อ..
ขอเจอหน้าแค่ในความซะดีกว่าต้องตื่นมาโดยตัวคนเดียว ให้พี่หลับแบบนี้ตลอดไปเถอะนะ
ความฝันที่มียองแจมันมีความสุข..
หากไม่สายเกินไป..
เรากลับมารักกันอย่างเดิมได้ไหม..
จบ .
#ตอนจบเรื่องนี้คือให้ผู้อ่านมโนเองคร่าาาา อิอิ
#แต่ไรท์ให้ตอนจบเรื่องนี้คือยงกุกตายค่ะ T^T
#แต่ยองแจก็ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นตายร้ายดียังไง TT^TT
แต่คำพูดพี่ยงกุกมันโหดร้ายเกินไปจริงๆ
ถ้าให้คิดว่าตอนนั้นที่ยองแจรู้สึกผิดแล้วยังพยายามที่จะกอดจะพูดขอโทษทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวแล้วมันโหดร้ายเกินไปจริงๆ
ตอนจบของเรื่องนี้ ต่อให้จินตนาการเอาเองก็โหดร้ายอยู่ดี
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ถ้าโดนแบบนี้ มันก็ยากจริงๆที่จะกลับไป
นี่ไม่อยากจะคิดว่าจินตนาการตามตอนจบที่ไรท์ให้พี่ยงกุกตายเลยอ่ะ
มันรู้สึกได้ถึงความเสียใจและโหยหาอยากให้ยองแจกลับมาจนตรอมใจอ่ะ
เศร้าาาาา
รู้ว่าตั้งใจทำ แต่ยองแจไม่ได้ตั้งใจทิ้งอ่ะ ก็เศษกระดาษอ่ะ แล้วกล้าพูดคำหยาบอีก แย้กกกกกกกกกก
ไรท์มาต่อพาร์ทแฮปปี้เอนดิ้งหน่อยเถอะค่ะ เราไม่อยากให้จบเศร้าสร้อยแบบนี้
แบบประโยคที่ยองแจพูด ละยงกุกคิดว่าฝัน คือจริงๆยองแจกลับมาได้มั๊ยอ่ะ
แงงงงงงงงงงง ป่านนี้ยะแจจะเป็นยังไงบ้าง คิดถึงงงงงง T^T
ทำไมรุนแรงกับน้องงง ฮรื่อออออออออ
จริงๆแล้ว เนื้อเพลงนั่นก็แต่งให้ยองแจนะ ไม่น่าจะพูดขนาดนั้นเลย
รู้แหละว่าอารมณ์ร้อน แต่มาเสียใจทีหลังก็สายไปซัะแล้ววว