[OS] เด็กข้างบ้าน(ตัวแสบ Ver.) [DooSeob] - [OS] เด็กข้างบ้าน(ตัวแสบ Ver.) [DooSeob] นิยาย [OS] เด็กข้างบ้าน(ตัวแสบ Ver.) [DooSeob] : Dek-D.com - Writer

    [OS] เด็กข้างบ้าน(ตัวแสบ Ver.) [DooSeob]

    ผู้เข้าชมรวม

    835

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    835

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    8
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ส.ค. 57 / 00:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    Author : MBLEAST11

       
     
                                                  


     






    แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและไม่มีเจตนาให้เกิดความเสียหายในกรณีใดๆต่อศิลปินทั้งสิ้น กรุณาอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น



    คำเตือน : แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับชาย x ชาย หากไม่ชอบหรือรับไม่ได้กรุณาออกไปอย่างสงบนะคะ 



    ก่อนเข้าเรื่อง : สวัสดีค่ะ ชื่อเรื่องคุ้นๆใช่ไหมคะ?? คึคึคึ วันนี้เรากลับมากับเด็กข้างบ้านเวอร์ชั่นใหม่ที่น้องโยอัพเลเวลความแสบมากขึ้นกว่าเดิม  จริงๆเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่อง เด็กข้างบ้าน ในเรื่องเก่านะคะ เราแค่ใช้ธีมเด็กข้างบ้านเหมือนกันเท่านั้นเอง ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านฟิคเรานะคะ หวังว่าคงจะไม่เบื่อธีมเด็กข้างบ้านน้า ;__;  มีอะไรติชม แนะนำ พูดคุยกันได้ที่ @i_New_ ทางทวิตเตอร์ค่ะ
     

    THANK YOU

    © themy  butter
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




                  “อย่าต้องให้ปล้ำนะ”

       ลมจะใส่.. ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าเวลาคุณได้ยินใครซักคนพูดกับคุณแบบนี้คุณจะรู้สึกยังไง แต่สำหรับผมก็นั่นล่ะครับ... ลมจะใส่... คำเดียวจริงๆ

      “ปล้ำบ้าปล้ำบออะไรล่ะ? ถอยไป”

      “ไม่”

      “บอกให้ถอยไง โว๊ะ”

      “ไม่ถอยเว้ย ตกลงมาดิ”

      “ตกลงอะไรล่ะ? ไม่เอา เป็นเด็กเป็นเล็กมาพูดอะไรไม่รู้เรื่อง กลับบ้านไปทำการบ้านเลยนะ”

      “ไม่ไปเว้ย”

      ผมได้แต่ยกมือกุมขมับ อาการปวดจี๊ดๆเข้าจู่โจมทั่วกะโหลก.. โว้ยยยย..

      ใครจะคิดว่าคนอายุยี่สิบห้าแบบยุนดูจุนคนนี้จะต้องมาคอยวิ่งหนีเด็กข้างบ้านอายุสิบเจ็ดที่รู้จักกันมาตั้งแต่เท้าเท่าเม็ดถั่วอย่างยังโยซอบ

      “โยซอบ.. พี่จะพูดครั้งสุดท้ายนะ.. กลับ บ้าน ไป”

      “ไม่ กลับ  พี่ก็ตกลงเป็นแฟนผมก่อนดิ”

      “เป็นแฟนอะไรล่ะ? เราเป็นน้องพี่นะ”

      “ไม่เอา ไม่เป็นน้องจะเป็นแฟน”

      “นี่ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง?”

      “ใครกันแน่ที่ไม่รู้เรื่อง? เดี๋ยวปล้ำจริงๆซะหรอก”

      “ใครสั่งใครสอนให้พูดจาแบบนี้ห๊ะ?”

      “ไม่ต้องมีใครสอนก็รู้  มาเถอะ ถ้าผมปล้ำพี่อีกหน่อยเดี๋ยวพี่ก็รักผมเองแหละ”

      ยังจะมาทงมาเถอะอีก.. โอยย.. ปวดหัวจริง

      ผมรีบยกมือกันเด็กตัวเตี้ยที่พยายามพุ่งเข้ามาหาผม ริมฝีปากบางเฉียบทำปากจู๋ยื่นเข้ามาจะจูบผม.. ยิ่งเห็นยิ่งปวดหัว ทำไมเด็กนี่ถึงได้ทำตัวแบบนี้นะ?

      “โว๊ยยย”

      “โอ๊ยยยย  ผลักทำไมวะ?”

      จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะผลักจนโยซอบลงไปกองกับพื้นขนาดนั้นหรอกครับ แต่เพราะแรงที่เขาพุ่งใส่ผมมันก็หนักเอาการอยู่ ผมเลยจำเป็นต้องป้องกันตัวเอง

      “ก็เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”

      “เอ้าๆ สองคนนี้อะไรกันอีกล่ะจ๊ะ?”

      แม่ผมเดินถือถาดขนมออกมาจากในครัวถามยิ้มๆ

      เพราะบ้านผมกับบ้านโยซอบอยู่ติดกัน ครอบครัวเราจึงสนิทกันมาก ผมเองแก่กว่าโยซอบแปดปีก็ได้เป็นทั้งเพื่อนเล่น เป็นทั้งครูสอนพิเศษให้เด็กแสบนี่  แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนโยซอบดันมาบอกว่าชอบผม อยากคบเป็นแฟนแล้วจากนั้นมามันก็กลายเป็นปัญหาสำหรับผมเลยล่ะครับ

      โยซอบคอยมาเกาะแกะเอาคำตอบจะให้ผมตอบตกลงคบเป็นแฟนให้ได้ แล้วดูวันนี้ไม่รู้ไปเอามาจากไหน พอผมปฎิเสธก็บอกว่าจะปล้ำผม นี่ผมจะยังปลอดภัยอยู่ไหม?

      “คุณป้าดูลูกชายคุณป้าสิฮะ ใจร้ายมากเลย”

      เด็กแสบลุกขึ้นจากพื้น และตรงเข้าไปเกาะแขนแม่ผมออดอ้อนทันที.. นี่คนหรือลูกหมา?

      “โอ๋ๆๆ พี่เขาทำอะไรจ๊ะ?”

      “พี่ดูจุนผลักผมฮะ”

      “ผลักน้องทำไมน่ะ?”

      “ก็ลูกชายสุดที่รักของคุณแม่บอกจะปล้ำผมน่ะสิ”

      “ว๊ายยย.. “

      นั่นไง.. คุณแม่ยังตกใจเลย

      “แล้วขัดขืนทำไมล่ะ? แม่กำลังอยากมีลูกสะใภ้เลย คิกๆๆๆ”

      เจริญเถอะครับ.. แทนที่จะห้ามปรามก็ให้ท้ายกันแบบนี้ไงโยซอบถึงได้ไม่เกรงกลัวผมบ้างเลย

      “ใช่ไหมล่ะฮะ? เนี่ยคุณป้าเลยอดมีลูกสะใภ้เลย  เฮ้ย... ไม่ใช่ดิฮะ ผมต้องเป็นลูกเขย พี่ดูจุนต่างหากต้องมาเป็นสะใภ้บ้านผม”

      คิดจะเป็นเขยด้วย?.. นั่นจริงจังไหมวะ?

      “ไม่ได้สิจ๊ะ โยซอบไม่เหมาะจะเป็นลูกเขยหรอก”

      “เอ๋?”

      “ก็โยซอบน่ารักต้องเป็นสะใภ้สิจ๊ะถูกแล้ว”

      “อ่า.. งั้นเหรอครับ?”

      โยซอบขมวดคิ้วทำหน้าคิดอย่างจริงจัง ส่วนแม่ผมก็กลั้นขำเต็มที่.. ดีครับแม่.. แม่ทำดีมาก.. แต่เฮ้ยไม่ใช่ดิ แม่จะไปส่งเสริมทำไมวะ? แค่นี้ผมก็ปวดหัวจะแตกอยู่แล้ว

      “พอเลยๆ แม่ก็อย่าพูดอะไรแปลกๆสิครับ”

      “ไม่แปลกซักหน่อย โยซอบน่ารักจริงๆนี่นา เนอะ”

      “ฮะ”

      เด็กแสบยิ้มกว้างรับคำชม...  น่ารักน่ะน่ารักจริงครับ แต่ระดับความแสบซ่าส์นี่เห็นจะไม่ไหว ขืนได้ไปเป็นแฟนจริงๆล่ะก็ปวดหัวทุกวันแน่

      “ไม่ต้องเลย กลับบ้านไปทำการบ้านได้แล้วไป”

      “คุณป้าฮะ พี่ดูจุนไล่ผม”

      หน้าเล็กถูไถไปมากับแขนของแม่ผมอ้อนๆ 

      “ดูจุนไล่น้องทำไม?”

      เยี่ยมไปเลย.. เข้าข้างกันเข้าไป  

      ผมรู้นะครับว่าแม่เอ็นดูและรักโยซอบมากเพราะเด็กคนนี้ขี้อ้อน เอาใจเก่ง ที่สำคัญโยซอบเป็นเด็กที่มีมารยาทมากๆ นั่นเลยยิ่งทำให้แม่หลงเข้าไปใหญ่ แต่ไอ้เรื่องจะมาสนับสนุนให้ผมกับโยซอบลงเอยกันนี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอ?

      “ไม่ได้ไล่ครับแม่แต่เห็นว่ามันเย็นมากแล้ว โยซอบไม่ไปทำการบ้านเดี๋ยวคืนนี้ก็นอนดึกกันพอดี”

      “จริงๆแล้วคือห่วงผมใช่ไหม?”

      เอาที่สบายใจนะโยซอบนะ..

      “งั้นโยซอบกลับไปทำการบ้านก่อนเนอะ จะได้ไม่ต้องนอนดึก.. ไว้การบ้านเสร็จแล้วค่อยมาใหม่ก็ได้นะจ๊ะ”

      “เอางั้นก็ได้ครับคุณป้า”

      ร่างเล็กโค้งเร็วๆให้แม่ผมหนึ่งครั้งก่อนจะวิ่งตัวปลิวออกไป..

      “เฮ้อออ”

      “ถอนหายใจอะไรขนาดนั้นห๊ะดูจุน?”

      “เหนื่อยใจนี่ครับ แม่เองก็เถอะสนับสนุนกันจัง”

      “เอ้า.. โยซอบก็น่ารักดีออก นิสัยก็ดี ดีกว่าแม่พวกสาวๆหัวส้มหัวเขียวที่เคยแวะมาบ้านเราซะอีก”

      “คนนะครับแม่ไม่ใช่แมลงวัน”

      “ก็ใครจะไปรู้ล่ะเห็นสีหัวเหมือนๆกัน”

      “แม่ก็... แล้วนี่ไม่อยากอุ้มหลานหรือไงครับถึงอยากได้โยซอบเป็นลูกสะใภ้น่ะ?”

      “โอ๊ยย เรื่องนั้นน่ะแม่ไม่อะไรมากหรอก มีก็ได้ไม่มีก็ได้ แต่ว่านะ... รอมีหลานก็ไม่รู้จะแก่ตายไปก่อนได้อุ้มหลานหรือเปล่า  สู้มีสะใภ้ซนๆน่ารักน่าหยิกให้กระชุ่มกระชวยหัวใจจะดีกว่า ฮ่าๆๆ”

      บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้คนตัวเล็กนั่นจะมีของดีอะไร แม่ผมถึงได้เห็นดีเห็นงามด้วยขนาดนี้  นี่ผมเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านแม่จะไม่เสียดายหน่อยเหรอครับ??

       

       

       

       

       

       

      ผมเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนไว้ตรงผนังเหนือโต๊ะทำงานเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั่งทำงานมานานจนร่างกายเมื่อยขบไปหมด พลันสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นหน้าต่างห้องของบ้านข้างๆที่อยู่ตรงข้ามกับหน้าต่างห้องนอนของผม

      อย่างที่บอกว่าบ้านผมกับโยซอบติดกัน รูปแบบของบ้านจะตั้งแบบกลับฝั่ง เพราะแบบนั้นห้องนอนโยซอบจึงอยู่ตรงข้ามห้องนอนของผมนี่เอง เราเปิดกระจกหน้าต่างคุยกันบ่อยๆเพราะมันไม่ห่างกันมาก น่าจะประมาณ..สองเมตรได้

      “ทำอะไรไม่หลับไม่นอน?”

      ดึกแล้วแต่ไฟในห้องนอนของเด็กแสบยังคงสว่างไสวอยู่ ผมลุกจากโต๊ะทำงานเดินไปปิดไฟกลางห้องกะจะนอนแล้ว แต่ตอนเดินกลับมานี่สิครับ สายตาของผมดันไปปะทะกับร่างของเจ้าของห้องตรงข้ามเข้า

      โยซอบกำลังยืนหันหลังให้หน้าต่าง ร่างเล็กของเด็กแสบยืนก้มๆเงยๆทำอะไรซักอย่างอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและเริ่มถอด... เฮ้ย.. จะเปลี่ยนเสื้อผ้าทำไมไม่ปิดม่านวะ?

      แผ่นหลังขาวๆบางๆที่โผล่พ้นขอบเสื้อออกมานั้นทำเอาผมต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก.. สมองเตือนตัวเองว่าผมควรจะเลื่อนม่านห้องตัวเองปิดซะ แต่ขาดันก้าวไม่ออก แถมสายตาไม่รักดีก็ยังคงจ้องมองไปที่เจ้าของห้องตรงข้ามไม่วางตา... ให้ตายเถอะยุนดูจุน นั่นเด็กข้างบ้านที่รู้จักกันมานานแล้วนะเว้ย ทำไมต้องมาทำตัวเป็นโรคจิตยืนมองเด็กนั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยวะ?

      ดูเหมือนโยซอบจะไม่รับรู้ความยากลำบากของผม เด็กแสบนั่นยังคงเปลื้องผ้าตัวเองต่อไป  หลังจากถอดเสื้อจนท่อนบนเปล่าเปลือยอวดสายตาผม(โดยไม่ได้ตั้งใจ)แล้ว มือเล็กก็เลื่อนลงไปปลดเข็มขัดตัวเอง... อย่านะเว้ย.. ห้ามถอดเด็ดขาดนะเว้ย... แต่ดูเหมือนโยซอบจะไม่ได้ยินเสียง(ในใจ)ของผม คนตัวเล็กเลื่อนกางเกงลงเรียบร้อย.. เยี่ยม..

      ตอนนี้เรือนร่างอ้อนแอ้นข่าวผ่องของเด็กข้างบ้านยืนหันหลังให้ผมอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร ทั้งร่างมีแค่ชั้นในตัวเล็กสีดำห่อหุ้มอยู่เท่านั้น... ไปนอนสิยุนดูจุน ยืนทำอะไรอยู่? ไปดิวะ... ผมพยายามไล่ตัวเองให้ออกจากตรงนั้นแต่มันไม่ได้ผลอะไรเลย

      “ทะ..ทำอะไรวะ?”

      โยซอบที่หันหลังให้ผมอยู่เริ่มใช้ทั้งสองมือลูบไล้ไปที่ร่างเกือบเปลือยของตัวเองช้าๆ... ช้าๆ.. และต่ำลงๆ.. ต่ำลงๆ.. อย่าบอกนะว่าจะ...

      ผมรีบพุ่งตัวไปเลื่อนม่านปิดทันทีที่สำนึกได้ว่าสิ่งที่เด็กแสบนั่นจะทำเป็นอย่างต่อไปคืออะไร.. ก็.. ก็เข้าใจอยู่หรอกผู้ชายเหมือนกัน แต่ว่าเมื่อกี๊.. เมื่อกี๊ตอนที่โยซอบกำลังทำอยู่ผมไม่มองว่าโยซอบเป็นผู้ชายเลย.. ไม่ใช่สิ ผมไม่ได้สนใจต่างหากว่านั่นคือผู้ชาย ผมรู้แค่ว่าคนที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตรนั่นช่างยั่วยวนและชวนให้ผมปีนหน้าต่างกระโดดเข้าไปหาซะเหลือเกิน... บ้าเอ๊ย

      กว่าจะรู้ว่าตัวเองหายใจไม่ปกติก็ตอนที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วนั่นแหละ... จะมาหวั่นไหวอะไรกับเด็กที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กๆเนี่ย? เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะตัวผม?.. โยซอบนั่นแหละผิด.. จะเปลี่ยนเสื้อผ้า จะทำ..แบบนั้น.. ก็ไม่รู้จักปิดม่าน แถมยังเปิดไฟขนาดนั้น.. เฮ้อ..แล้วนี่ผม..จะจัดการยังไงกับ..อืม..นี่ดีล่ะเนี่ย.. บ๊าเอ๊ย เพราะนายคนเดียวเลยไอ้เด็กข้างบ้านตัวแสบ

       

       

       

       

       

       

      “ดูจุนคะ”

      ผมแอบเบ้หน้าด้วยความรำคาญกับผู้หญิงตรงหน้า 

      เธอคนนี้ชื่อเฮราเป็นลูกสาวของเจ้าของบริษัทคู่ค้ากับบริษัทผม  วันนี้เจ้าหล่อนก็แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดพร้อมหอบขนมนมเนยจนแทบจะใช้รถขนมาฝากผม.. เราไม่ได้สนิทกันซักหน่อย

      “ลองชิมหน่อยนะคะ นี่ของร้านดังเลยน้า”

      มือเรียวใช้ช้อนตักเค้กยื่นมาให้ที่ปากผม... อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะครับ อย่าหาว่าผมปากคอเราะร้ายด้วย แต่ผมกำลังสงสัยว่าแป้งเค้กที่เธอตักให้ผม กับแป้งรองพื้นที่ฉาบอยู่บนหน้าเธอ อันไหนมันหนากว่ากัน...

      “พี่สาวคนสวยยยย”

      กำลังจะอ้าปากรับเค้กเสียงเด็กตัวแสบก็ดังยาวเข้ามา

      “เอ๊ะ?? เอ่อ.. ใครเหรอคะ?”

      เฮราทำหน้างงๆหันไปมองโยซอบ  เด็กข้างบ้านตัวแสบยืนยิ้มแฉ่งตาปิดในชุดนักเรียน

      “สวัสดีฮะ ผมชื่อยังโยซอบฮะ เป็นเด็กข้างบ้านของพี่ดูจุน  ขอกินด้วยได้ไหมฮะ?”

      ไม่รอคำตอบร่างเล็กทิ้งกายลงนั่งกระแซะเฮราทันที มือเล็กคว้าช้อนที่เฮราตักเค้กให้ผมไปใส่ปากแล้วเคี้ยวหงับๆหน้าตาเฉย.. มารยาทเฮ้ย

      “อร่อยมากเลยฮะ”

      “ระ.. เหรอจ๊ะ?  งั้น..ทานเยอะๆนะจ๊ะ”

      ผมคิดว่าเฮราคงไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนเลยได้แต่ยิ้มและปล่อยเลยตามเลย ตากลมมองโยซอบกินเค้กก้อนโตแบบอึ้งๆ

      “เดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

      ผมพูดขอตัวออกมาก่อนจะลุกเดินออกมาเข้าห้องน้ำ แต่ระหว่างทางก็เจอกับแม่ที่กำลังจะยกน้ำไปให้แขกเข้า

      “แม่ไปตามมาเองแหละ คิคิคิ”

      “อะไรนะครับ?”

      “โยซอบน่ะ... แม่ไปตามมาเอง.. พอบอกว่า กำลังมีผู้หญิงเอาของมาล่อพี่ดูจุนโยซอบก็รีบวิ่งมาบ้านเราเลย.. เร็วดีไหมล่ะ?”

      ทำดีครับแม่.. โอยยย.. ผมไม่รู้จะปวดหัวกับใครดีเลยตอนนี้ ทั้งเฮรา โยซอบ แม่ผมอีก ทุกคนทำผมปวดหัวหมด..

      “ผมกลับก่อนนะครับพี่สาวคนสวย”

      ผมเดินออกจากห้องน้ำมาก็เห็นโยซอบกำลังร่ำลาเฮราที่ยังคงทำหน้าแปลกๆอยู่

      “เอ่อ.. จ่ะ”

      “ไปแล้วนะพี่ดูจุน”

      เด็กแสบส่งยิ้มตาหยีให้ผมและเดินออกไป

      “เอ่อ... ดูจุนคะ พอดีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ  ขอตัวกลับก่อนนะคะ”

      พูดจบเธอก็คว้ากระเป๋าถือเดินตามโยซอบไปอีกคน.. อะไรของพวกนี้เนี่ย?

       

       

       

       

       

       

       

      “แก็ก แก็ก  แก็ก  แก็ก กุกกักๆๆๆๆ”

      ขณะกำลังสะลึมสะลือผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่หน้าต่างถัดออกไปจากเตียงประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆ... หรือจะเป็นโจร??

      ผมค่อยๆลุกจากเตียงและย่องให้เบาที่สุดไปที่หน้าต่าง  วันนี้ผมปิดผ้าม่านเรียบร้อยครับ กลัวว่าต้องมาเห็นอะไรแบบเมื่อคืนอีกไม่ไหวจริงๆ

      “ครืดดดดดด”

      ผมปลดล็อกและเลื่อนหน้าต่างกระจกออกเร็วๆ คิดไว้ว่าถ้าเป็นโจรล่ะก็มันจะได้หนีไม่ทัน

      “เฮ้ยทำอะไร??”

      “โอ๊ยยย ตกใจหมด”

      สิ่งที่ผมเห็นคือโยซอบกำลังพยายามจะแงะหน้าต่างห้องผมอยู่  ข้างหลังนั่นมีบันไดไม้ที่วางพาดจากหน้าต่างห้องโยซอบมาที่หน้าต่างห้องผม.. ที่เขาทำแบบนั้นได้เพราะขอบปูนจากหน้าต่างของบ้านเรามีขนาดกว้างมากครับ มันกว้างขนาดที่คนตัวบางๆแบบโยซอบยืนได้อย่างปลอดภัยเลยล่ะ

      “ทำอะไรของนายเนี่ย?”

      “ก็ปีนเข้ามาหาพี่ไง ถามแปลกๆว่ะ”

      “แล้วจะปีนเข้ามาทำไม?”

      “เข้ามาปล้ำ”

      “ห๊ะ?”

      “ก็เมื่อวานอะ ยั่วขนาดนั้นแล้ววันนี้ยังไม่รู้สึกอะไรอีก.. คืนนี้แหละ พี่ต้องโดนผมปล้ำ”

      “ตกลงไอ้เมื่อวานนี่ตั้งใจให้เห็น?”

      “ก็ใช่ดิ  รู้ไหมว่าโคตรหนาวอะ ยังจะต้องมายืนลูบๆคลำตัวเองอีก ฮึ่ยยย  ถอยๆ”

      โยซอบโบกมือไล่ผมให้ถอยออกจากหน้าต่างเพราะเขาจะปีนเข้ามา.. เรื่องอะไรจะถอยล่ะ? หนอยยย.. เป็นเด็กเป็นเล็กหัดจะมายั่วกันเหรอ?

      “ไม่ถอย กลับห้องไปเลย”

      “กลับไม่ได้บันไดหล่นไปละ”

      เด็กแสบเตะบันไดที่ตัวเองใช้พามาที่บ้านผมหล่นลงไปที่พื้นข้างล่าง

      “นายอยากเตะมันหล่นเองนี่ หาวิธีกลับเองเถอะ”

      ผมทำท่าจะเลื่อนหน้าต่างปิด แต่มือเล็กก็มายื้อไว้ก่อน

      “อย่าดื้อได้ป่ะ?  แม่พี่อยากได้ผมเป็นลูกสะใภ้นะเว้ย ให้ผมเข้าห้องเดี๋ยวนี้”

      “ไม่เอา”

      “โอ๊ยยยย ถอยเว้ย”

      ไม่รู้โยซอบไปเอาเรี่ยวแรงจากที่ไหนมาผลักผมจนเสียหลักเซไปสองสามก้าว ส่วนเจ้าตัวก็รีบถือโอกาสนั้นเปิดหน้าต่างกว้างเต็มที่และเหนี่ยวตัวเองขึ้นมายืนบนขอบหน้าต่างสำเร็จ

      “ฮะฮะฮ่า”

      ร่างเล็กของเด็กข้างบ้านกระโจนพรวดเข้าใส่ผมที่ไม่ทันตั้งตัวอย่างแรงทำให้ผมล้มลงไปนอนบนพื้นโดยที่มีโยซอบนอนทับอยู่

      “มามะ.. มารักกัน”

      “โอ๊ยย ถอยไปๆ เกิดบ้าอะไรขึ้นมาห๊ะโยซอบ??”

      สองแขนของผมยกขึ้นกันโยซอบผู้พยายามอย่างหนักหน่วงที่จะใช้สองมือของตัวเองถอดเสื้อของผม ปากบางๆนั่นก็พยายามจะจูบไปทั่วหน้าของผม... ให้ตายนี่พวกเรามาอยู่ในสภาพนี้ได้ไงวะ?

      “น่า.. เดี๋ยวมันก็ดีเอง ให้ผมจัดการเถอะ”

      “จัดการบ้าบออะไรล่ะ ถอยไป”

      “โอ๊ยย”

      ผมใช้แรงที่มีทั้งหมดผลักร่างเล็กกระเด็นออกไปจนกระแทกกับเก้าอี้ทำงานตัวเล็กของผม

      “โยซอบ”

      ตกใจครับ.. ไม่ได้คิดอยากจะทำอะไรรุนแรงเลย

      “เออ.. เข้าใจแล้วเว้ยว่าไม่รัก..”

      เด็กข้างบ้านตัวแสบลุกพรวดขึ้นยืน ดวงตาแดงกล่ำอย่างคนกำลังจะร้องไห้จ้องมาที่ผมตรงๆ

      “ผมรักพี่นะ.. เห็นแบบนี้แต่ผมก็รักพี่มากเลย พี่มันใจร้าย จะทำยังไงพี่ก็ไม่รักผมเลย”

      “โยซอบ...”

      “พี่น่ะ... พี่น่ะ... ไม่เคยรักผมเลย”

      ในที่สุดโยซอบก็ปล่อยโฮออกมา สองมือเล็กยกปิดหน้าสะอึกสะอื้นจนผมยิ่งตกใจ..

      เห็นกันมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่มีซักครั้งที่โยซอบจะมาร้องไห้เพราะผม.. อยู่ๆหัวใจของผมก็เจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

      “โยซอบ.. อย่าร้องนะ”

      ผมเดินเข้าไปลูบหลังเด็กข้างบ้านเบาๆ  ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เขาหยุดร้องไห้ดี

      “ผมรักพี่จริงๆนะ”

      วงหน้าเปรอะน้ำตาเงยขึ้นมาบอกผม  สายตามุ่งมั่นที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตานั่นกำลังทำให้ผมใจอ่อนยวบๆ

      “พี่รังเกียจผมเหรอ?”

      “เปล่า..”

      “แล้วทำไมไม่รักผม?”

      คือผมไม่ได้รังเกียจโยซอบนะครับ ออกจะเขวไปทาง “มีใจให้” ด้วยซ้ำ แต่เพราะก่อนหน้านี้คิดมาตลอดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ผมเลยเลิกคิด และถึงแม้โยซอบจะมาบอกว่าชอบผม ผมก็ยังไม่รู้สึกมั่นใจอยู่ดี.. โยซอบยังเด็กเหลือเกิน.. เด็กมากจนผมไม่มั่นใจว่าถ้าผมวางหัวใจไว้ที่เขา เขาจะดูแลหัวใจของผมได้ไหม... ผมแค่ยังกลัว..

      “โยซอบ..”

      “อย่ามาจับ.. ถ้าไม่รักผมก็ไม่ต้องมาจับ ผมจะเลิกแล้ว จะเลิกวิ่งตามพี่แล้ว”

      “.............................................”

      “พี่รู้ไหมว่าผมแอบรักพี่มานานเท่าไหร่?  ผมบอกว่ารักพี่เมื่อไม่นานนี้ก็จริงแต่รู้อะไรไหมว่าความรู้สึกในใจผมมันนานกว่านั้นเยอะเลย.. ผมเหนื่อยแล้ว.. ทำยังไงพี่ก็ไม่มีทางรักผม”

      “..............................................”

      “ต่อไปนี้ผมจะไม่มาบ้านพี่  ไม่มาหาพี่  ไม่มากวนใจพี่  พี่ก็ไม่ต้องไปบ้านผม  เราขาดกัน”

      พูดไปก็ร้องไห้ไปราวกับเด็กเล็กๆ  ยิ่งเห็นหัวใจของผมก็ยิ่งอ่อนยวบยาบ.. ผมกำลังจะแพ้.. แพ้น้ำตาโยซอบ.. และแพ้เหตุผลที่พึงมีในใจ

      “โยซอบ.. อย่าร้อง”

      “บอกว่าอย่ามาจับไง”

      เด็กขี้แยพยายามสะบัดผมที่เข้าไปกอดออกแรงๆ

      “ฟังก่อนสิ”

      “ไม่เอาไม่ฟัง ไว้ไอ้ที่พี่พูดมันคือคำว่ารักผมเมื่อไหร่ผมค่อยฟัง”

      “ก็จะพูดอยู่นี่ไง”

      “ห๋า?”

      โยซอบเงยหน้ากับตาแดงๆมามองผม  ร้องไห้จนหน้าแดงหมดแล้ว..

      “จะบอกว่ารักผมเหรอ?”

      “ก็.. เปล่า”

      “งั้นไม่ฟังเว้ย จะกลับบ้านแล้ว จะไม่มาเหยียบที่นี่อีก”

      “เดี๋ยวสิ.. แค่จะบอกว่ายังไม่มั่นใจ”

      ผมรั้งข้อมือเล็กไว้

      “ไม่มั่นใจอะไร?”

      “ไม่มั่นใจว่าพี่รู้สึกกับเรายังไงไงล่ะ”

      “พี่ไม่ได้รักผมไง พูดเองไม่ใช่เหรอ?”

      “ก็คิดว่าไม่ได้รัก... “

      “งั้นปล่อยเลย”

      “แต่ปล่อยไปไม่ได้”

      คนพยศหยุดทันที่ที่ได้ยินคำหลังของผม

      “หมายความว่าไง?”

      โยซอบใช้มือป้ายน้ำตาป้อยๆ พยายามบังคับเสียงเครือๆของตัวเองให้ปกติ

      “ก็คิดว่า คงไม่ได้รัก แต่พอจะปล่อยไปจริงๆ... มันทำไม่ได้”

      “พี่...รู้สึกยังไงกันแน่?”

      “ก็ไม่ได้รังเกียจที่เรามาคอยตามติดพี่ ถึงบางทีจะปวดหัวกับความแสบของเราไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้อยากให้หายไป”

      “...................................”

      “อืม.. ไม่รู้สิ แค่ไม่อยากให้หายไป คง.. ชอบ.. ล่ะมั้ง”

      “พูดจริงหรือเปล่า?”

      “จริงสิ พี่เคยเอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่นหรือไงล่ะ?”

      “งั้น... เป็นแฟนกันนะ”

      “มั่นใจเหรอ?”

      ผมสบตาแดงๆนั่นตรงๆ... ที่ถามว่ามั่นใจไหมไม่ใช่เพราะอะไร.. แต่ถ้าเป็นแฟนกัน คบกัน ความสนิทสนมในรูปแบบเดิมๆมันจะเปลี่ยนไป  เราทั้งคู่ต่างไม่เคยคิดวางแผนรับมือกับความสัมพันธ์แบบนั้น.. โยซอบจะมั่นใจแค่ไหน? คงไม่มีใครอยากรักแล้วเสียใจหรอก.. ผมเองก็เหมือนกัน

      “ผมมั่นใจมาตั้งนานแล้ว.. ถ้าพี่ลองสังเกตซักนิด เลิกมองผมเป็นแค่เด็กข้างบ้านพี่จะเข้าใจ”

      “.............................”

      “ผมน่ะมั่นใจ.. พี่ล่ะพร้อมไหมที่จะมารักกัน?”

      “..............................”

      “.............................”

      ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เราสองคนยืนจ้องตากันนิ่งๆ ต่างฝ่ายต่างได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน... ผมเชื่อว่าถ้าผมรัก ผมจะรักด้วยทั้งหมดของหัวใจ แต่ว่า...

      “พี่ใช้ใจตัดสินไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักแบบนั้นด้วย.. นี่เรื่องความรักนะ ไม่ใช่ไอ้ธุรกิจร้อยล้านอะไรของพี่นั่นอะ เลือกเอาว่าจะคบกับผมหรือเลิกรู้จักกันไปตลอดชีวิต”

      “................................”

      “เป็นแฟนกัน”

      แค่ลองจินตนาการว่าวันหนึ่งจะไม่มีเด็กข้างบ้านตัวแสบมาคอยกวนใจ หรือลองจินตนาการว่าโยซอบพาแฟนมาแนะนำให้ผมรู้จักในฐานะพี่ชายข้างบ้านผมก็รู้สึกแย่แล้ว... มันคงถึงเวลาที่ผมต้องยอมรับหัวใจตัวเองบ้างแล้ว

      “อืม”

      ผมรับคำยิ้มๆ  รู้สึกเหมือนตัวเองโล่งใจชอบกล

      “เอาชัดๆดิ๊  ตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วนะ?”

      “อื้อ”

      “เย่.. หูยยย.. รู้งี้ใช้วิธีนี้แต่แรกก็ดีหรอก ไม่น่าเชื่อกีกวังเล๊ยย”

      “ห๊ะ?”

      จู่ๆเด็กที่ร้องไห้ตาแดงก็ยกมือเช็ดน้ำตาบนหน้าออก  สีหน้าเศร้าหมองเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นสีหน้าของผู้ชนะ

      “ก็เนี่ย.. แม่พี่บอกว่าถ้าใช้วิธีนี้เดี๋ยวพี่ก็ใจอ่อน... อ่อ.. แล้วแม่พี่ก็บอกอีกว่าจริงๆแล้วพี่อะมีใจให้ผม แต่พี่ป๊อด คึคึคึ”

      ตกลงทั้งหมดนี่.. ที่ดราม่ามานี่.. แสดงเหรอ?

      “เฮ้อ.. เมื่อวานไม่น่าเสียเวลายืนแก้ผ้ายั่วพี่เลย กีกวังนะกีกวังบอกมาซะดิบดีว่าจะได้ผลที่ไหนได้ ฮึ่ย”

      โอ๊ยๆ.. ผมรู้สึกปวดจี๊ดๆที่กะโหลกอีกแล้วครับ... โอยยยย

      “นั่นจะไปไหนน่ะ?”

      ผมรีบคว้าคนตัวเล็กไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะปีนหน้าต่างออกไป

      “กลับบ้านไง มิชชั่นคอมพลีส”

      อื้อหือ.. มันน่าจับมาตีให้ก้นลายนัก  โยซอบลอยหน้าลอยตาพูดใส่ผมอย่างไม่เหลือร่องรอยเด็กขี้แยเมื่อกี๊ซักนิด

      “ไอ้ที่ทำมาทั้งหมดนี่วางแผนไว้แล้วเหรอ?”

      “ถูกต้อง”

      “มั่นใจได้ยังไงว่าจะได้ผล?”

      “โหยยยย.. จริงๆอะผมก็รู้แหละว่าพี่รักผม  พี่ไม่รู้อะดิว่าสายตาที่พี่มมองผมอะมันเต็มไปด้วยความรักแค่ไหน”

      ผม.. พูดอะไรไม่ออกจริงๆ..

      “ไอ้ที่ทำมาทั้งหมดเนี่ยเพราะอยากให้พี่ยอมรับได้แล้วว่าคิดยังไง อะไรก็เด็กข้างบ้านๆ เห็นแล้วหงุดหงิด”

      “............................”

      “รักก็บอกว่ารักดิ พูดยากตรงไหน?”

      “.............................”

      “นี่.. ถึงผมจะใช้วิธีการหลอกๆ แต่ความรู้สึกผมก็จริงนะ”

      “..............................”

      “ผมรักพี่ แล้วพี่ก็รักผม เรารักกันแค่นี้ยากตรงไหน?”

      “................................”

      “ความรักน่ะไม่ต้องมาคำนวนกำไรหรือขาดทุนหรอกนะ  รักก็คือรัก.. ก็แค่นี้..”

      “.................................”

      “ผมรักพี่นะฮะ..  ไปละ ฝันดี”

      ผมได้แต่ยืนอ้าปากหวอปล่อยให้โยซอบสอนเรื่องความรักจนเจ้าตัวแสบพูดจบก็ปิดท้ายด้วยการเขย่งหอมแก้มผมหนึ่งครั้ง ก่อนจะปีนหน้าต่างกลับออกไป.. นี่ผมกำลังฝันหรือเปล่า?

      “เฮ้ยพี่..”

      “ห๊ะ?”

      ผมหันไปขานโยซอบที่ปีนกลับเข้ามาใหม่ด้วยสภาพที่สมองยังประมวลผลไม่ค่อยเต็มที่นัก

      “กลับไม่ได้อะ บันไดหล่นลงไปแล้ว”

      ผมจะขำดีไหม? หรือจะยังไงดี? โยซอบก็ยังเป็นโยซอบวันยันค่ำนั่นแหละ ถึงเมื่อกี๊จะทำตัวเท่ห์พูดเรื่องความรักอย่างโน้นอย่างนี้  แต่สำหรับผมโยซอบก็ยังคงเป็นเด็กข้างบ้านตัวแสบ เด็กข้างบ้านเจ้าปัญหา  เด็กข้างบ้านที่ขยับมาเป็นเจ้าของหัวใจ.. ก็แค่นั้น

      “คืนนี้นอนนี่แหละ”

      “ไม่เอา”

      “ทำไมล่ะ? เป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ?”

      “ไม่เอาอะ”

      ตาเรียวหลุกหลิกไม่ยอมสบตากับผม อย่าบอกนะว่าโยซอบกำลังเขิน..

      “ทำไมล่ะ มาเถอะน่า นอนด้วยกัน”

      ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ โยซอบก็ถอยหนี ยิ่งเห็นแบบนั้นผมก็ยิ่งนึกสนุก... เก็กมาได้ตั้งนานมาหลุดเขินนาทีสุดท้ายซะงั้นนะคนเรา

      “ถอยไปนะเว้ย”

      “เอ้า เห็นทุกทีอยากอยู่ใกล้ ก่อนหน้านี้ยังจะปล้ำพี่เลย”

      “นั่นมันแค่การแสดงเว้ย ถอยไป”

      “เถอะน่า มามะ”

      ผมเอื้อมมือไปคว้าตัวโยซอบกลับมา จากนั้นจึงบังคับพาเดินไปที่เตียงและล้มตัวลงนอน.. เพิ่งรู้.. ว่ากอดเด็กข้างบ้านมันจะรู้สึกดีขนาดนี้.. ถ้ารู้แบบนี้ผมไม่เอาแต่หนีความรู้สึกตัวเองแบบที่ผ่านมาหรอก.. ดูจุนนะดูจุน ปล่อยเด็กมารุกซะได้ เสียเชิงหมด.. งั้นจากนี้ผมจะรุกคืนบ้าง หึหึหึ

      “นอนกันนะ...”

      แม้คนในอ้อมกอดจะยังดิ้นขลุกขลักๆแต่ผมก็ไม่ยอมปล่อย... ผมปล่อยโยซอบมานานแล้ว.. ให้โอกาสโยซอบหนีไปแล้ว แต่เด็กข้างบ้านคนนี้ดันพาตัวเองเข้ามาหาผม.. หลังจากนี้ก็เตรียมใจไว้ได้เลย

      “ฝันดีนะครับ”

      ผมก้มลงไปกดจมูกลงบนหน้าผากนูนเบาๆ.. โยซอบเลิกดิ้นแล้ว..

      “นี่เพราะรักนะ.. ไม่รักไม่ยอมหรอก ฮึ่ย”

      แม้เสียงจะสะบัดๆเหมือนไม่ค่อยพอใจ แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงสองแขนเรียวที่เอื้อมออกมากอดผมตอบเบาๆ....

      “ฝันดี”

       


       

      END.




       

       

       




                  แถม...

                หลังจากร่างสูงของดูจุนลุกออกไปเข้าห้องน้ำ โยซอบก็ขยับร่างเล็กๆของตัวเองเข้าไปใกล้เฮราทันที

      “พี่สาวคนสวยครับ..”

      “จ๊ะ?”

      คนตัวเล็กกระซิบเบาๆจนอีกฝ่ายเผลอกระซิบตาม

      “ผมน่ะ เห็นแก่เค้กที่แสนอร่อยของพี่สาวคนสวยนะครับ ผมจะบอกความลับให้”

      “อะ..อะไรเหรอจ๊ะ?”

      “ก็พี่ดูจุนน่ะสิครับ.. จริงๆแล้วเป็นโรคจิต”

      “ห๋า??”

      “ชู่วว์  เบาๆสิครับ”

      “อะ.เอ่อ..จ่ะ”

      “ห้องนอนผมกับพี่ดูจุนตรงข้ามกันเลยครับ ทุกคืนผมเห็นพี่ดูจุนชอบเอากางเกงในใครก็ไม่รู้มาดม”

      “ห๋า??”

      เฮราตาโตด้วยความตกใจ.. ยุนดูจุนสุดหล่อคนนั้นเนี่ยนะ? จริงเหรอ?

      “จริงๆนะครับ ผมไม่โกหกหรอก.. คุณแม่สอนว่าโกหกไม่ดี  ที่ผมพูดเนี่ยเพราะถือเป็นค่าตอบแทนเรื่องเค้กนะครับ”

      “จะ.. จริงเหรอ?”

      “ครับ”

      โยซอบรับคำหนักแน่น  นั่นยิ่งทำให้คนฟังเชื่อเข้าไปใหญ่..

      “หรือถ้าพี่สาวไม่เชื่อ.. จะลองดูคลิปไหมครับ?”

      “มะ.. ไม่เป็นไรจ่ะ ไม่เอาดีกว่า”

      ริมฝีปากสีแดงสดยกยิ้มแหยๆ ... ยุนดูจุนสุดหล่อที่เธอหมายปองทำไมถึงเป็นโรคจิตชอบดมกางเกงในไปได้นะ?  ถึงจะหล่อแค่ไหน ฐานะร่ำรวยแค่ไหน แต่ถ้าเป็นแบบนี้เธอก็ขอบายล่ะนะ ไม่ไหวจะเคลียร์..

      “งั้นพี่สาวคนสวยอย่าบอกใครเรื่องนี้นะครับ”

      “โอเคจ่ะ”

      เล่าไปใครจะเชื่อล่ะ  นี่ถ้าไม่มีคลิปเธอก็ไม่เชื่อหรอก.. แต่จะให้ดูมันก็รับไม่ได้จริงๆ

      เฮ้อ.. ยุนดูจุนไม่น่าโรคจิตเลย..

       

      ...........................................


       











      "ทำไมไม่ไปต่อเรื่องยาว? มาเปิดเรื่องใหม่ทำไม?"  รู้สึกแบบนี้กันหรือเปล่าคะ? ถ้าใช่ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่อยากแต่งจริงๆค่ะ เคยมีคนอ่านนบอกเราตั้งแต่ในบีสท์ไทยแลนด์ว่าชอบธีมแนวๆนี้ ตัวเราเองก็ชอบเลยอยากลองแต่งอีกซักเรื่อง หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ  ใครที่เบื่อและรู้สึกว่ามาแบบเดิมอีกแล้วก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ

      ปล. ตอนนี้เราเปิดเทอมแล้ว อาจจะมาต่อเรื่องยาวที่ค้างไว้ช้าขึ้นอีก ต้องขอโทษล่วงหน้าเลยนะคะ แต่จะพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ หวังว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหนก่อนนะคะ เรามีกำลังใจเพราะคนอ่านทุกคนเลยนะ

      ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ อ่านจบแล้วรบกวนแสดงความคิดเห็นสักเล็กน้อยเพื่อพัฒนาการของเจ้าของเรื่อง ขอบคุณค่ะ ไว้พบกันใหม่นะคะ  

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×