บันทึกเล็กๆ..ของคนช่างฝัน
สละเวลาที่มีค่าของท่านเข้ามาอ่านเรื่องสั้นน่ารักๆซักหน่อยเถอะ พลีส!!ดีไม่ดียังไงติชมด้วยนะคะ^^
ผู้เข้าชมรวม
200
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รักนะ..
“เฮ้ย..น่านกลับกันเถอะ 5 โมงแล้วนะโว้ย”ไอ้เอินเพื่อนที่น่าเตะ ตบหัวฉันดังป้าบ!แก
เรี ยกดีๆฉันก็หันวะ ผู้ชายตบหัวผู้หญิงมันทุเรศนะโว้ย
“ไม่อ่ะ วันนี้จะไปสนามบอล”ฉันส่ายหัวดิกๆปฏิเสธ
“อีกแล้วเหรอวะ”มันพูดเหมือนเบื่อซะเต็มประดา
“....”ฉันเงียบ
“อย่าหาว่าเสือกเลยนะ ฉันว่าแกตัดใจเถอะหวะ”เอินตบไหล่ฉันเบาๆ
“ไม่...”ฉันรู้สึกฉุนมันขึ้นมาทุกครั้งที่มันพูดถึงเรื่องนี้
“งั้น..ก็แล้วแต่แกแล้วกัน เลิกตอนนี้ยังทันนะ”มันยังเซ้าซี้ไม่เลิก
“มึงเงียบไปเลย”ฉันเกือบจะเตะปากมันแล้วด้วยซ้ำนะ ถ้าไม่เห็นมันเป็นเพื่อน
“เฮ้ย..ใจเย็นๆซิวะ ไม่เลิกก็ไม่เลิก ถึงกับขึ้นมึงเลยเหรอ เออๆฉันไม่ยุ่งก็ได้”เอินส่ายหน้า
ระอาน้อยๆ
“ขอโทษ พอดีอารมณ์เสียนิดหน่อย”ฉันบอกเอินมันไปเบาๆเรื่องนี้ฉันผิดเองจริงๆ ไป
พาลใส่มันซะได้
“เออ ไม่เป็นไรแต่ฉันเตือนแกไว้อย่าง ความรักมันทำให้คนตาบอดได้ มันก็ทำให้คนตา
สว่างได้เช่นเดียวกัน แกคงเข้าใจนะ”เอินเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้ฉันคิดตามกับคำพูดเมื่อครู่
มันจะโกรธฉันไหมนะ ที่สามสี่เดือนมานี้ ฉันไม่เอาใจใส่มันเท่าที่ควรเลย ตั้งแต่วันที่ฉัน
เจอ “เบ็น”ครั้งแรก วันที่ 24 พฤษภาคม จนวันนี้14 สิงหาคมแล้ว
“เบ็น”เป็นเด็กลูกครึ่งที่อยู่ม.2 ร.รเดียวกับฉัน ครั้งแรกที่เราเจอกัน วันนั้นฉันกลับบ้าน
เย็น เราสองคนนั่งม้าหินอ่อนตัวเดียวกัน ความรู้สึกตอนนั้นฉันยังจำได้ดีเลย มันรู้สึกตื่นเต้น มี
ความสุข ปะปนกันจนยุ่งเหยิงไปหมด ทั้งๆที่เขาเป็นรุ่นน้องฉัน ใช่ฉันอยู่ม.4 เราห่างกันสองปี
อายุมันอาจจะเป็นอุปสรรคความรักของใครๆหลายๆคน แต่..ไม่ใช่ฉัน
ฉันไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน พูดให้ถูกก็คือนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกรักใครซักคน
แบบผู้หญิงมองผู้ชาย ฉันอาจจะดูห้าวในหมู่เพื่อนฝูง แต่จริงๆแล้วฉันเป็นคนขาดความมั่นใจ
มากๆคนหนึ่ง และนี่ก็เช่นกันฉันไม่กล้าที่จะบอกรักใครก่อนถ้าไม่มั่นใจจริงๆ
สามเดือนกว่าๆที่ผ่านมาฉันได้รู้จักเบ็น หรืออาจจะเป็นฉันฝ่ายเดียวที่รู้จักเขาก็ได้ เราไม่
เคยคุยกันเลย เขาเงียบมากถ้าไม่ใช่อยู่กับเพื่อนตัวเอง ฉันเองก็มาอีหรอบเดิมไม่กล้าพูดไม่กล้าทัก
ได้แต่มานั่งดูเขานั่งซ้อมบอลทุกเย็น วันนี้ก็เหมือนกัน ฉันทำตามทุกๆครั้งที่เคยทำมา นั่นคือเดิน
ไปนั่งโต๊ะหิน โต๊ะที่ฉันนั่งเป็นประจำทุกวัน มันถูกวางไว้ในที่ๆพอเหมาะพอดี ทำให้ฉันมองเห็น
เบ็นได้ตลอดเวลา
“นั่งด้วยคนนะน่าน”เสียงหวานทักขึ้นข้างหลัง มายนั่นเอง เธอเป็นนักกีฬาบาสของ ร.ร.
อ๊ะ..อย่าคิดว่ามายเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ล่ะ ตรงกันข้ามมายเป็นผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวเท่านั้น สูง
ร้อยห้าสิบกว่าๆเห็นจะได้ แต่ลีลาการเล่นบาสอย่าบอกใครเชียว
“อือ เอาสิ ไม่ไปซ้อมเหรอ”
“อ๋อ พักอยู่น่ะ น่านล่ะไม่คิดจะซ้อมมั่งเหรอ เห็นมานั่งทุกวันเลย”มายเอ่ยแซวฉันยิ้มๆ
ฉันหน้าร้อนวูบ อย่างนี้นี่เองที่เรียกว่า เขิน
“ไม่ดีกว่า เป็นตัวถ่วงซะเปล่าๆ”
“บ้า คิดอะไรอย่างนั้น ไปสิไม่ต้องมาแอบๆมองๆอยู่แบบนี้”
“ฉันดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ”ฉันถามมายเบาๆฉันว่าฉันเก็บอาการมิดแล้วนะ
“ออกสิผู้หญิงด้วยกัน ที่จริง เบ็น เขาก็น่ารักดีนะขยันมาซ้อมทุกวันเลย สงสัยคงกะจะ
เป็นตัวเกร็งทีมเลยมั้ง”มายหัวเราะน้อยๆส่วนฉันยิ้ม
แน่นอนอยู่แล้ว เบ็น เล่นเก่งใช่ย่อย ฉันแอบนั่งเชียร์ทุกวันแหละ เขาจะรู้รึเปล่านะ หรือ
บางทีอาจจะมีแฟนแล้วก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆฉันจะรับได้ไหมนะ
“ไปล่ะ ไปซ้อมต่อก่อน ไว้จะมาคุยด้วยอีกนะ”
ฉันนั่งมองไปที่สนามฟุตบอล เบ็น กำลังวอมร่างกายกับเพื่อนๆอยู่ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่
เลย มานั่งแอบดูคนอื่น แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้
“พี่ครับ ฝากดูให้ด้วยได้ไหมครับ”เสียงนุ่มๆดังขึ้นเบื้องหน้าฉัน ฉันละสายตาขึ้นมอง..
เบ็นนั่งเองเขายิ้มให้ฉันบางๆนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกัน หัวใจฉันเต้นแรงมาก ปอยผมชื้นๆของ
เขาตกลงมาปกหน้าตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย พอดูใกล้ๆเขาก็สูงเหมือนกันนะเนี่ย
“อ่า จ้ะ..”ฉันพูดได้แค่นั้น เขาก็วิ่งออกไป ฉันรู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองร้อนมากๆ ฉันใช้ฝ่า
มือตัวเองกุมไว้ที่แก้ม ร้อนจริงๆด้วยเหมือนเป็นไข้เลย สุกท้ายฉันก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อซ่อน
รอยยิ้มกว้างของตัวเอง
กระเป๋าเป้สีน้ำเงินเข้มคาดขาวเล็กน้อยที่วางอยู่ตรงหน้า ฉันจ้องมันมาครึ่งชัวโมงกว่า
แล้ว มันคือของที่เบ็นเอามาฝากให้ฉันดูให้ ถึงตอนนี้ฉันก็ยังยิ้มอยู่ในใจ
ฉันไล่สายตาบนกระเป๋าเป้ธรรมดา แต่สำหรับฉันมันน่าสนใจ แล้วก็สะดุดกับชื่อละเบอร์
โทรที่เคลือบแล้วติดไว้ที่ซิบ เลขเก้าหลักถูกบันทึกลงในมือถือฉันอย่างรวดเร็ว ทำไมวันนี้ดวงฉัน
ดีจังนะ
หกโมงครึ่ง
การซ้อมกีฬาทุกอย่างเป็นอันเสร็จสิ้น เบ็นเดินหัวเปียกชื้นมาแต่ไกล
“อ้าว..พี่ยังอยู่อีกเหรอ ผมนึกว่ากลับไปแล้วซะอีก ไม่นึกว่าจะเฝ้าให้จริงๆ”เบ็นพูดเสียง
กลั้วหัวเราะ เขาคงพูดเล่น แต่ฉันดันทำจริงไปซะแล้ว
“อ้อ พอดีรอเพื่อนอยู่น่ะ เลยช่วยเฝ้าให้ซะเลย”ฉันโกหกไป รู้สึกเจ็บยังไงก็ไม่รู้สิที่ตัวเองจริงจังแต่เขากลับเห็นเป็นแค่เรื่องเล่นๆ
“เหรอ ผมไปซื้อน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมานั่งเป็นเพื่อน”
เบ็นซื้อน้ำเสร็จก็มานั่งตรงข้ามกับฉัน ฉันเผลอจ้องใบหน้าคมนั้นไปหลายรอบทีเดียว ยิ่งมองก็ยิ่งไม่สามารถละสายตาไปได้ ฉันคงอาการหนักจริงๆ
“ผมว่าเพื่อนพี่คงกลับไปแล้วล่ะ เรากลับกันเถอะ”เบ็นเงยหน้าขึ้นมาพูด ทำให้ฉันที่
กำลังมองอยู่เพลินๆหลบสายตาแทบไม่ทัน เรา??งั้นเหรอ
“เอ่อ คงจะอย่างนั้น กลับก็ได้”ฉันลุกขึ้นช้าๆคว้ากระเป่ามาแนบอก รู้สึกเสียดายอยู่ลึกๆ เขาลุกขึ้นตาม หลังจากกะด้วยสายตาคร่าวๆแล้วฉันว่าเขาน่าจะสูงกว่าฉันซัก 5-6 เซนฯได้ล่ะมั้ง
“แล้วพี่กลับยังไงเหรอ”
“เอ่อ..รถเมล์มั้ง ทำไมล่ะ”ฉันตอบไปเบาๆแอบหวังในใจลึกๆว่าเขาจะ...
“งั้น...ผมไปด้วย”เสียงเบ็นดังขึ้น ซึ่งตรงกับสิ่งที่ฉันคิดพอดี
อ่า..วันนี้มันวันอะไรนะ ทำไมมันถึงราบลื่นไปซะทุกอย่าง ทั้งๆที่ไม่เคยจะคุยกันด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กำลังจะได้กลับบ้านด้วยกัน
แบบนี้ มันทำให้ฉันเกิดความหวังอีกครั้งว่าสิ่งที่คิดฝันมาตลอด..มันอาจจะไม่ใช่แค่ฝันลมๆแล้งๆ
“เฮ้ย วันนี้ฉันกลับก่อนนะ”เบ็นเดินไปบอกพวกเพื่อนๆที่ซ้อมฟุตบอลด้วยกัน มีประมาณ 6-7คน
“เออ ไปเหอะ เดี๋ยวนี้ควงรุ่นใหญ่นะแก”
“ไอ้หนึ่งลามปามแล้วมึง”
“หวงเหรอคนนี้”
“ไม่ใช่โว้ย เล่นอะไรไม่รู้เรื่องเดี๋ยวเหอะ ไปล่ะพรุ่งนี้เจอกัน”เบ็นตัดบทดื้อๆแล้วเดินนำฉันไป
“เดี๋ยววันอื่นกลับพร้อมกันอีกก็ได้”เบ็นพูดขึ้นระหว่างเดินไปป้ายรถเมล์
“หือ?”
“ก็เห็นมานั่งอยู่ทุกวัน เป็นผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวไม่ดีนะครับ”
“หืม รู้ด้วยเหรอ”ฉันถามด้วยน้ำเสียงตกใจ นี่เขารู้แล้วเหรอว่าฉันรู้สึก...
“รู้อะไรเหรอ ก็ผมเห็นพี่มานั่งคนเดียวแล้วก็กลับคนเดียวทุกวันนี่นา”
“แค่นั้นเหรอ”ฉันถามอย่างจับผิด
“อือ..ทำไมเหรอ มีอะไรอีก”เบ็นถามพลางขมวดคิ้ว ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เปล่าหรอก รถมาแล้ว”
รถเมล์มาพอดีทำให้หยุดบทสนทนาของเราไว้เพียงแค่นั้น โชคดียังมีที่นั่งเหลือพอ
สำหรับฉันและเบ็น
“เอ้อ..แล้วพี่ชื่ออะไรเหรอ ลืมถาม”
“ชื่อน่านน่ะ”ฉันตอบรู้อยู่แล้ว ว่าคงมีแต่ฉันเท่านั้นที่รู้จักเขา
เราสองคนต่างคนต่างเงียบไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นก่อนจนกระทั่ง
“ชอบผมเหรอ”เบ็นถามคำถามที่ทำให้ฉันแทบตกเก้าอี้
“ฮะ..”หวังว่าฉันคงหูฝาดไปเอง
“ชอบผมหรือไงครับ”เขาย้ำอีกครั้งพิสูจน์ว่าหูฉันยังดีอยู่
“เปล่าซะหน่อย” อย่างน้อยเสียงฉันก็ไม่ได้สั่น เหมือนหัวใจที่กำลังสั่นอย่างบ้าคลั่ง
“จริงเหรอ..หน้าแดง”เบ็นชี้นิ้วมาที่หน้าฉัน ฉันก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
“....”
“หูแดงด้วย”เขายังล้อต่อ
“..เอ่อ..”ฉันยกมือขึ้นมาปิดหน้าอย่างรวดเร็ว นี่ฉันเป็นอะไรเนี่ย ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย
“โอเคๆไม่แกล้งแล้ว”เบ็นยกมือยอมแพ้
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันยังไม่กล้ามองหน้าเขาตอนนี้หรอกมันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ฉันเลยนั่งจ้องออกไปนอกหน้าต่างแทน
“น่าน ..เอ่อ ขอเรียกว่าน่านเฉยๆได้มั้ย”
ฉันพยักหน้าน้อยๆโดยที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น
“ลงป้ายหน้าไม่ใช่เหรอ จะถึงแล้วนะ”เบ็นพูดเตือน
“อือ งั้นฉันไปนะ”
เบ็นเขยิบตัวให้ฉันออกเล็กน้อย
“บ๊าย บายครับ เจอกันพรุ่งนี้นะ...น่าน”
เสียงของเบ็นเมื่อกี้ยังคงก้องอยู่ในหัวฉัน ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ยังไงก็ไม่รู้ ถ้าแม่เห็นแม่คงจะหาว่าลูกสาวท่านบ้าไปแล้วแน่ๆ เดินยิ้มตลอดทางกลับบ้าน
ไม่ว่าพรุ่งนี้เป็นยังไง ฉันก็ไม่หวั่นแล้วล่ะ...ขอบคุณฟ้าที่ส่งเธอมาให้ฉัน ขอบคุณความผูกพันที่มัดใจฉันไว้กับเธอ...
แฮ่ๆเพิ่งหันมาแต่งแนวเรื่องสั้นเป็นครั้งแรกค่ะ เพราะแต่งเรื่องยาวแล้วชอบดองประจำ ยังไงก็ช่วยกันเม้นท์ด้วยนะคะ ขอบคุณหลายๆ^^มีอะไรฝากไว้ได้ค่ะ
ผลงานอื่นๆ ของ K tripple_Karn ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ K tripple_Karn
ความคิดเห็น