[SF] ผู้ร้ายปากไม่แข็ง - [SF] ผู้ร้ายปากไม่แข็ง นิยาย [SF] ผู้ร้ายปากไม่แข็ง : Dek-D.com - Writer

    [SF] ผู้ร้ายปากไม่แข็ง

    Truemin : เปล๊าาา คุณหมายถึงใคร ...ไม่ใช่ผมล่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    950

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    950

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    8
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 เม.ย. 54 / 11:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    SF : ผู้ร้ายปากไม่แข็ง
    Character : Minho + Taemin
    Writer : I-See-IIMin

    Talk : หลังจากฟาดฟิคดราม่ามาสามเรื่องติด ขอเปลี่ยนฟีลมาโหมดน่ารักใสใส ดูบ้าง ฮ่าฮ่า เนื้อเรื่องเบาเบา เอาสบายใจ ลองอ่านกันดูนะคะ


    คลิกฟังเพลงนิดนึงค่ะ เพื่ออรรถรสที่ดีกว่า ^^
    ผู้ร้ายปากไม่แข็ง : D2B









    ถามจริง แกชอบน้องแทมินเหรอว่ะ มินโฮ


    เฮ้ยยย ไม่ได้ชอบ


    คิกๆๆ


    หัวเราะอะไร


    ก็หัวเราะผู้ร้ายปากแข็งน่ะสิ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      บางทีคนเรานี่ก็แปลกนะ วันนึงเป็นอย่างนึง อีกวันเป็นอย่าง เปลี่ยนไปได้ ง่ายๆ ซะอย่างนั้น


      ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ชัดจาก ชเว มินโฮ ทำให้ คิม จงฮยอนนึกแปลกใจว่าอะไรหรือใครทำให้
      มินโฮดูนิ่งลงได้ขนาดนี้ จากที่เที่ยวทุกวัน กลับบ้านดึกแทบทุกคืน เจ้าชู้ก็ที่หนึ่ง วันๆหนึ่งไม่ทำอะไร นอกจากเดินสายเรียกเรตติ้ง

      กลับกลายเป็นว่า ไม่เที่ยว ไม่กลับบ้านดึก ไม่เดินสายเช็คเรต มานั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อย มันผิดนิสัย ชเว มินโฮ มากเอาการ

      กว่าจะหาสาเหตุเจอ ว่า ต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงระดับมหภาคครั้งนี้ ก็คือ หนุ่มน้อยหน้าใส เฟรชชี่ ที่เป็นที่หมายปองไม่ว่าสาวๆ
      หรือ หนุ่มๆ ทั่วทั้งมหาลัย นามว่า อี แทมิน ก็ตอนที่แอบเห็น ชเว มินโฮ แอบส่งสายตาหวานเยิ้ม ไปให้รุ่นน้องคนนั้น
      โดยที่เจ้าตัวเค้าไม่รู้เรื่องสักนิด



      ‘ ให้ตายเถอะ เสียชื่อ ชเว มินโฮ หมด!’



      แต่อย่าถามให้ยาก ชเว มินโฮ มันไม่ยอมรับหรอก

      ‘ปล่อยให้ มินโฮ มันปากแข็งต่อไป ดูสิ ว่าจะสักแค่ไหน หึหึ’



      อย่ามาเว่อร์ อย่ามาเว่อร์ ใครบอกเธอว่าฉันเหล่
      ไม่ได้เดิ้น ไม่ได้เท่ห์ ไม่เหล่ให้เมื่อยตา


















      “เอาเป็นดอกกุหลาบสีชมพูนะคะ เนื่องในโอกาสอะไรคะ”

      “ครับ ไม่มีโอกาสอะไรครับ แค่อยากให้เฉยๆ เอาแบบที่สวยที่สุดนะครับ” ชเว มินโฮ บอกแค่นั้น เจ้าของร้านดอกไม้ ก็ยิ้มรับคำ
      ก่อนจะเดินไปจัดการตามออร์เดอร์ ของลูกค้าหนุ่มสุดหล่อ

      “แหมๆๆๆ ไม่มีโอกาสอะไรครับ แค่อยากให้เฉยๆ เอาสวยที่สุด สวยสุดๆเลยนะครับบบบ” เสียงที่เจ้าของดัดมันให้เล็กที่สุด เพื่อเป็นการกระแนะกระแหนเพื่อนสนิทของตน ที่ลากเค้ามาลากดอกไม้แต่เช้า เห็นท่าทีระริกระรี้ของเพื่อนสุดหล่อ ตอนสั่งดอกไม้ แล้วมันอดแซวไม่ได้สิน่า

      แต่ ชเว มินโฮ ก็ไม่ได้ พูดอะไร มากไปกว่าการทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วพูดว่า

      “เว่อร์ ”









      “ก็เดินเข้าไปเลยสิวะ ไปยืนเลือกดอกไม้ตั้งแต่เช้า เพื่อจะให้มันเหี่ยวเล่นๆเนี่ยนะ” คิมจงฮยอนได้แต่ระอากับอาการของเพื่อนสนิท
      ที่ยืนเก้ๆกังๆ ถือดอกไม้ช่อเบ้อเริ่ม แต่ไม่ยอมเดินเข้าไปหา แทมินที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะไม้
      ที่ห่างออกไปไม่ถึง10เมตร ตอนแรกก็ทำท่าว่าจะเดินเข้าไป แต่สุดท้ายก็เดินกลับมา ทำอย่างนี้อยู่เป็นสิบๆรอบ

      “ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ” โอ้ยยย จงฮยอนอยากจะบ้าตาย นี่จิตวิญญาณเพลย์บอยในตัวชเวมินโฮ มันไปบวชเหรอค๊าบบบบ



      ในเมื่อไม่อยากให้ดอกไม้ในมือเพื่อนรัก มันเป็นม่ายตาย ก็เลยตัดสินใจ ‘ ไปเป็นเพื่อนมัน’






      “ให้แทมิน เหรอฮะ” หนุ่มน้อยที่กำลังมีสมาธิอยู่กับการอ่านหนังสือ ต้องเงยหน้าขึ้นมา เพราะได้กลิ่นหอมๆของอะไรสักอย่าง
      ที่มาจ่ออยู่ตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมาก็ต้องแปลกใจที่เห็น รุ่นพี่สุดหล่อที่เขาบอกกันว่า ‘ฮอตสุดๆ’ ที่ไม่น่าเชื่อว่า
      จะมายืนทำหน้าเหมือนเด็กขอขนมอยู่ตรงนี้ แล้วก็อีกคนที่ยืนกาะหลังคนตัวสูงกว่าแล้วทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นนั่นอีก

      “เอ่อ…ไม่ เอ้ย ใช่ครับ ให้น้องแทมิน” เพราะทั้งตื่นเต้น ทั้งไอ่คนข้างหลังที่เกาะหลังแน่นจนจะพาล้มอีกก็เลยพาทำให้พูดผิดพูดถูกไปหมด

      “พี่ให้ผมเหรอฮะ” นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเอง พร้อมกับเลิกคิ้วสูง

      “เปล๊า ไม่ใช่พี่ ไอ่นี่ต่างหาก” พูดแล้วก็หลีกตัวออกมา ก่อนจะชี้ไปยังอีกคนที่ทำหน้างงอยู่ข้างๆ

      “เฮ้ยยย! ไอ่นี่ มั่วได้อีก ลากกันไปแต่เช้าซื้อดอกไม้ ไม่กล้าเอาดอกมาให้ ให้เรามาเป็นเพื่อน คนๆนั้น เป็นคิม จงฮยอนมั้งครับบบ” คำพูดของจงฮยอน ทำให้มินโฮถึงกับแก้ตัวไม่ออก ได้แต่ยิ้มแหยๆ ก่อนแทมินจะรับดอกไม้ ไปอย่างขำๆ








      ไม่ได้ให้ ไม่ได้ให้ โอ๊ย ดอกไม้เพื่อนมันฝาก
      ฝากมาให้ อย่าคิดมากไม่กี่ยวกับฉันเลย










      “เฮ้ยยยย” เสียงดังของคนข้างๆทำเอา คิมจงฮยอนที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา ในคาบวิชาคณิตศาสตร์ ถึงกับสะดุ้งออกจากผวัง
      แต่โชคดีที่เสียงไม่ดังพอให้อาจารย์ที่กำลังมุ่งมั่นกับการสอนอยู่ได้ยิน หรืออาจจะเป็นเพราะห้องเรียนมันกว้างมากก็ได้

      “อะไรอีกล่ะ คนกำลังฝันดีอยู่แล้วเชียว หลับไปใหม่อีกทีจะฝันต่อไม๊ว่ะ”

      “ลืมบอกชื่อกับน้องแทมินไปว่ะ” สีหน้าตกใจสุดขีดของเจ้าของเสียง ที่ทำตาโตจนจะเป็นไข่ห่าน ทำให้จงฮยอนรู้สึกขำกับท่าทางแบบนั้นจริงๆ




      'ไหน ใครมันบอกไม่ได้ชอบแทมินวะ’



















      ทุกวันนี้ มินโฮก็ยังคงแอบมองน้องแทมินต่อไป ‘ใครก็ได้ พามินโฮ เพื่อนรักของผมกลับมาจากการบวชทีTT’

      และทุกทีที่คิมจงฮยอนเห็นมินโฮแอบมองใครคนนั้น ก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า

      ‘ยอมรับมาเหอะว่าชอบ ไม่ชอบแล้วมองทำไม’

      ‘ รับอะไร ให้รับอะไร ไม่มีอะไรให้รับเว้ย ไม่เคยมองด้วย’




      ...ผมล่ะเชื่อมันเลย - -



      อย่า อย่า อย่าบังคับ จะให้รับว่าอะไร
      ไม่เอาหรอก อย่ามามากมาย ฉันไม่บอกอยู่แล้ว



















      อย่างที่จงฮยอนว่า เดี๋ยวนี้มินโฮเปลี่ยนไปเยอะ ไม่เที่ยว ไม่กลับบ้านดึก ไม่เช็คเรตติ้ง แต่กิจวัตรประจำวันใหม่ที่ทำ
      มีอยู่สองอย่างหลักๆ ก็คือการแอบมองใครบางคน กับการตั้งใจเรียน อ่านหนังสือทุกวัน… ชเวมินโฮ นี่เป็นเอามากนะ

      ความจริง ใช่ว่าคนอย่างชเว มินโฮ จะมีเรื่องเรียนย่ำแย่อะไร เกรดแต่ละตัวที่ได้แต่ละเทอมอย่างต่ำก็ B แล้วนะ
      แต่เรื่องนี้จงฮยอนคาดการเอาไว้ว่า สงสัยกลัวจะควรคู่กับน้องแทมินที่สอบเข้ามาก็อันดับหนึ่งแล้ว ไม่ได้
      เรียกว่าความรักทำให้คนเปลี่ยนไปจริงๆ








      ชเวมินโฮ ลงทุนทำทุกอย่าง ที่เป็นการยกระดับตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องความหล่อ ที่จงฮยอนเห็นว่า

      ‘มันจะหล่ออะไรอีก แค่นี้ไม่พอหรอ?’


      แต่สิ่งที่ไม่เห็นว่าชเวมินโฮจะทำสักที ก็คือการ ไปสารภาพรัก อี แทมิน …
      แต่อย่าเพิ่งคิดถึงขั้นนั้นเลย เอาให้ชเวมินโฮ เลิกปากแข็ง ยอมรับกับตัวเอง…นั่น ยังยากเย็น



      ‘ผมแนะนำให้มันซื้อแห้วมาปลูกกินเอง ไม่งั้นหมดหลายตังค์แน่มินโฮ’




















      สองวันแล้ว ที่คิมจงฮยอนไม่เห็นมินโฮแอบมองรุ่นน้องคนนั้น ไม่ใช่อะไร แต่เพราะ หาน้องไม่เจอ
      ทั้งโต๊ะประจำที่เคยนั่ง ห้องเรียนที่เคยเรียน สนามบาสที่เคยไปเล่น…ไม่เจอ ไม่มีแม้แต่เงา



      ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ…ชเว มินโฮ ไม่กินข้าว!

      คิมจงฮยอนล่ะกลัว มินโฮจะหมดแรงตายก่อนได้ไปสารภาพรักกับน้องแทมินซะเหลือเกิน
      แล้วถ้ามันมีแรงก็ไม่แน่ใจว่ามันจะบอกอีกเหมือนเหมือนกัน




      ‘ทำไมไม่กินข้าว’

      ‘ไม่อยาก’

      ‘ทำไมไม่อยาก’

      ‘กับข้าวไม่อร่อย’ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นบ่นเรื่องอาหารสักคำ ให้เป็นของกินเหอะ ไอ่หล่อนี่ซัดเรียบ!

      ‘แน่ใจ๊ ว่าไม่ใช่เพราะไม่เห็นหน้าคนบางคน ก็เลยคิดถึงจนกินอะไรไม่ลง’

      ‘แน่ใจ’

      ‘สาบาน’

      ‘สาบานให้แมวข่วนเลยอ่ะ’




      ไม่ได้เกี้ยว ไม่ได้ป้อ โอ๊ยแค่คิดก็ไม่เคย
      ไม่ได้ชื่นไม่ได้ชอบ สาบานให้แมวข่วน








      แล้ววันต่อมา ชเวมินโฮก็มาพร้อมกับผ้าพันแผลที่แขนข้างซ้าย จนทำให้คนบางคนขำจนท้องจะแข็งตาย

      ‘โดนแมวข่วนอะดิ๊’

      ‘เปล๊า’

      'ให้ตอบอีกที'

      'จริงจริ๊งงง'

      ‘อย่ามาโกหก ไม่งั้นจะโทรไปถามแม่นาย’

      ‘ก็นิดหน่อย แมวมันซน’



      แมวมันซน กล้าพูดนะชเวมินโฮ …กว่าจะยอบรับ ต้องให้ถึงที่สุดใช่มั๊ย











      จะให้เข็มนาฬิกามันเดินไปอีกกี่ครั้ง ชเวมินโฮ ก็ยังคงความ ‘ปากแข็ง’ ได้อย่างมั่นคง แต่น่าหมั่นไส้มากกว่า
      ในความคิดของจงฮยอน เวลาหนึ่งเทอมที่ชเวมินโฮ ยอมละทิ้งความเจ้าชู้ที่ฟ้าประทานมาให้ออกไป
      จากจิตวิญญาณอย่างหมดจด เพียงเพราะใครคนหนึ่ง ใครคนนั้นที่ทำให้คนหนึ่งคน… หยุดจากทุกคนบนโลก
      เพื่อหันมามองใครคนนั้นเพียงคนเดียว

      คนที่ชื่อ อี แทมิน













      ‘นี่เธอ คนนั่นน่ะใครน่ะ หล่อจัง’

      ‘คนไหนล่ะ’

      ‘ก็คนที่มารับมาส่งน้องแทมินไงล่ะ’

      ‘อ๋อ คนนั้นน่ะเหรอ เห็นเค้าบอกว่าเป็นแฟนนะ’

      ‘เอ้า แทมินมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย’

      ‘เห็นเค้าว่างั้นนะ’


      หัวข้อสนทนาของเหล่านักศึกษา ก็คงหนีไม่พ้นการถกประเด็นเรื่องหนุ่มหน้าสวยกับผู้ชายหน้าหล่ออีกคนที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้า
      เรียกว่าจะเดินไปซอกไหนมุมไหนก็ของมหาวิทยาลัย แทบจะไม่มีนักศึกษากลุ่มไหนไม่พูดถึงประเด็นร้อนในวันนี้
      จะไม่ให้เป็นประเด็นร้อนได้อย่างไร เมื่ออยู่ดีๆ หนุ่มสุดฮอตคนใหม่ของมหาลัย ก็ดันควงหนุ่มหน้าตี๋ที่ไหนก็ไม่รู้ มาทั้งเช้าทั้งเย็น






      ประเด็นร้อนของวันก็คงไม่อาจพ้นหู คนบางคนไปได้ เรื่องนี้ทำเอาเพื่อนตัวแสบของจงฮยอน
      หมดฤทธิ์จะต่อล้อต่อเถียงไม่พูดไม่จากับเขาเท่าไร อาการแมวซึมที่เห็น ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องที่ได้ยินมา
      หรือ ผลข้างเคียงจากการโดนกงเล็บแมวร่วมสาบานเมื่อสองเดือนก่อนแล้วเพิ่งกลายพันธุ์มาออกฤทธิ์ตอนนี้

      เรื่องสาบานนี่ท่าจะศักสิทธิ์จริงๆ





      ‘ถ้าไม่ปากแข็ง ก็หมดเรื่องแล้วนะ ชเวมินโฮ’


      ‘คนอะไร ปากแข็งได้อด ได้ทน ดำรงตนในการปากแข็งได้เยี่ยมจริงๆ’




      ปากแข็ง… จนสุดท้ายก็มานั่งปวดใจ อยู่คนเดียว











      “แกก็บอกๆ เค้าไปเถอะว่ะ ไม่บอกฉัน ไม่เป็นไร แต่ไม่บอกน้องแทมิน ฉันว่าไม่โอนะเว้ย” บนสนทนาเริ่มต้นขึ้น
      ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้า เพราะเมื่อเช้ามีเสียงโทรศัพท์ที่แสนจะกวนใจคิม จงฮยอน
      ที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ เจ้าของเสียงโทรศัพท์ไม่ใช่ใคร ชเวมินโฮ ที่นั่งทำหน้าซังกะตายอยู่ตรงหน้าเค้าตรงนี้
      สงสัยจะเศร้าหนักจริงเพื่อนเขาคนนี้



      “แต่น้องเค้ามีแฟนแล้วนะเว้ย” ดวงตากลมโตของเจ้าของเสียงนั่น ดูเศร้าหมองอย่างที่มันไม่ควรจะเป็น
      จนคนเป็นเพื่อนเห็นแล้วก็ใจหาย ไม่รู้ชเวมินโฮ คนที่เคยสดใสและร่าเริงหายไปไหน

      “นายรู้จากปากน้องเค้าแล้วรึยัง ก็ยัง แล้วที่แกมานั่งเศร้าอยู่แบบนี้ ก็ฟังๆมาทั้งนั้น คิดไปเองรึเปล่าก็ยังไม่รู้ แล้วการที่มานั่งเก็บความรู้สึก
      ไม่ยอมบอกเจ้าตัวเค้าให้รู้ แกแน่ใจว่าแกจะไม่เสียใจ ถ้าวันนึงมันสายเกินไป เกินกว่าที่แกจะพูดอะไร
      ไม่ว่าพูดไปคำพูดของแกก็ไร้ค่า วันนี้แกมีโอกาส แกก็บอกน้องเค้าไปสิวะ ผลมันจะเป็นยังไงก็ช่างมัน เพราะอย่างน้อย
      แกก็ได้ทำตามเสียงหัวใจตัวเอง… เชื่อฉัน…ทำตามหัวใจสักครั้งเถอะ แกปิดมันมานานพอแล้ว มินโฮ”


      คำพูดต่างๆนานาที่พรั่งพรูออกมาจากปากของเพื่อนสนิท ที่แสนจะยาวเหยียดนั่น ทำให้ใครที่นั่งฟังอยู่ตรงนั้น นิ่งไปชั่วครู
      ไม่พูดไม่จา ไม่ตอบรับอะไร จนกระทั่งเวลาไป คนที่นิ่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะจ้องหน้าเพื่อนสนิทตรงหน้า
      ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป… เป็นสายตาของใครสักคน ที่ อยากจะทำเพื่อความรักด้วยหัวใจ ทำอย่างไร้เงื่อนไขใดใด มาผูกมัด






















      ไม่มีของขวัญสักชิ้น ไม่มีการเสริมแต่งให้ตัวเองดูดี ไม่มีการเตรียมตัวใดๆทั้งสิ้น มีแต่ชเวมินโฮ ที่เป็นชเวมินโฮอย่างที่ควรจะเป็น
      เป็นชเวมินโฮ ที่มีความรู้สึกดีๆอยู่เปี่ยมล้น ความรู้สึกดีๆที่เก็บมาแสนนาน
      และไม่อยากจะรอเวลาให้มันผ่านเลยไปแม้แต่เสี้ยววินาที




      วันที่เรามีรักให้ใครสักคน
      ถ้ามันเป็นเพียงความรักข้างเดียวก็คงต้องเสียใจ








      ชายหนุ่มที่รีบเดินออกจากร้านกาแฟ โดยที่ลืมเสื้อโค้ทไว้ในร้าน ต้องมาเดินตัวสั่นอยู่บนถนนเส้นหนึ่งไม่ไกล
      จากมหาวิทยาลัยมาก โชคดีที่ร้านกาแฟนั่นไม่ไกลจากมหาวิทลัยเท่าไรนัก ไม่อย่างนั้น
      เค้าคงจะทนความหนาวเย็นจากหิมะที่ตกลงมานี่ไม่ได้แน่






      แต่รักเขาแล้วไม่บอกไม่ยอมพูดเพียงคำเดียวและปล่อย
      ..ปล่อยมันให้สายไป ยิ่งช้ำใจ





      ชายหนุ่มที่รีบสาวเท้าให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีเพียงอ้อมแขนของตัวเองเท่านั้นที่ให้ความอบอุ่น ความหนาวเย็นไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา แต่สิ่งที่มันครุกครุ่นอยู่ในใจและกำลังจะระเบิดออกมาเนี่ยสิ เค้าต้องรีบหาทางจัดการมันให้เร็วที่สุด




      ความในใจของฉันที่มีต่อเธอ
      มันคือคำว่ารัก ...รักตั้งแต่วันที่พบกัน






      ด้วยเพราะการเร่งฝีเท้าที่มากกว่าปกติ บวกกับการที่มีท่อนขายาวๆ ทำให้ชเวมินโฮ มาถึงที่หมายในเวลาไม่นานนัก
      เขาเดินมาถึงหน้าหอสมุดของมหาวิทยาลัย ที่ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ อี แทมินจะต้องมานั่งใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ที่นี่

      ไม่ต้องหาให้มากความ ความเป็นไปในแต่ละวันของหนุ่มน้อยคนนั้นอยู่ในห้วงความคิดของชเวมินโฮทุกอย่าง
      จะไม่ให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ก็แอบมองแอบตามมาตั้งกี่เดือน






      แต่เหมือนว่าฉันไม่แคร์
      ไม่เคยสนใจในความรู้สึกของใจเธอเลยสักครั้ง
      อยากให้รู้มันไม่จริง







      ห่างเพียงแค่ถนนเส้นหนึ่งกั้น


      ตรงนั้น…หัวใจของเขาอยู่ตรงนั้น อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น




      และในชีวิตของฉันต้องการแค่เพียงคนเดียวคือเธอ
      ก็คงไม่มีประโยชน์ต้องทนเก็บไว้ในใจ






      ก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น สายตาก็พลันไปเห็นใครบางคนที่กำลังวิ่งลงจากบันไดทางขึ้นหอสมุด
      ในมือมีเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่กอดเอาไว้แน่น ไม่กี่วินาทีคนตัวเล็กก็วิ่งมาถึงขอบฟุตบาทหน้าหอสมุด เขาหยุดยืนอยู่ตรงนั้น
      และหันหน้ามาทางนี้ ตรงที่มินโฮยืนอยู่ ก่อนที่จะตะโกนเสียงดังลั่น แข่งกับเสียงรถที่แล่นไปมาบนถนนเบื้องหน้าว่า

      “ทำไมพี่ไม่ใส่เสื้อกันหนาวฮะ พี่มินโฮ หยุดอยู่ตรงนั้นนะฮะ แทมินจะเอาเสื้อไปให้” ยังไม่ทันที่คนตัวสูงจะได้พูดอะไร เค้าก็เห็นคนตัวเล็กมองซ้ายขวา ก่อนจะยิ้มให้เค้าหนึ่งที เป็นยิ้มที่ทำให้ใจของชเวมินโฮ แทบจะล่องลอยออกไปจากตรงนั้น

      เจ้าของรอยยิ้มนั้น คนที่เขาได้แต่แอบมองรอยยิ้มแบบนั้น แต่ไม่เคยเป็นของเค้า วันนี้รอยยิ้มจากใบหน้าที่ทำเขาหลงรัก
      ตั้งแต่วันแรกที่พบ รอยยิ้มแบบนั้น มันเป็นของเค้าแล้ว และคนๆนั้นกำลังวิ่งมาหาเขา…





      ...อยากบอกให้เธอได้รู้ ฉันจะไม่หนีความจริงจากนี้ไป
      นาทีสุดท้าย คงยังไม่สาย สำหรับเรา...




      .

      .






      ………..





      ………..






      ……เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด โครมมมมมมมมมมมมมม



      ร่างของใครบางคนที่ลอยขึ้นก่อนจะตกลงอย่างแรงบนพื้น เป็นภาพที่ปรากฏชัดแก่สายตา
      เป็นภาพที่ทำให้ห้วงความรู้สึกของมินโฮ หลุดออกไป เขายืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น
      สายตาที่เบิกกว้างกับเหตุการณ์เมื่อครู่ยังคงแน่นิ่ง…



















      ร่างของชายคนหนึ่งที่หายเข้าไปในห้องที่มินโฮไม่อาจเข้าไปได้ ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือ เลือดสีแดง
      ที่ไหลอาบจนเปียกโชกทั้งเสื้อที่เจ้าตัวใส่และเสื้อที่กำไว้ในมือแน่น และเปลือกตาของใครคนนั้นปิดสนิท ไม่ได้สติ
      พร้อมกับเหล่านางพยาบาลและบุรุษพยาบาล ที่ช่วยกันปั้มหัวใจ ก่อนที่จะพาร่างนั้นหายไปจากสายตาของมินโฮ

      มินโฮนึกโกรธเจ้าของรถคันนั้น เขาไม่เข้าใจว่า ในช่วงเวลาที่หิมะตกแบบนี้ ทำไมยังกล้าขับเร็วขนาดนั้น
      ยิ่งในเขตมหาวิทยาลัยแบบนั้น ยิ่งไม่ควรจะทำ มินโฮนึกเจ็บใจกับการกระทำที่แสนจะประมาทของคนบางคน…

      ที่มันทำให้คนที่เค้ารักต้องอยู่ในสภาพที่ทรมานที่สุด












      เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เป็นเวลาที่แสนยาวนานนักสำหรับชเว มินโฮ
      การรอคอยที่กัดกร่อนก้อนเนื้อในหน้าอกซ้ายของเขาให้ชอกช้ำ และเจ็บปวด








      ร่างของใครคนนั้นที่เขาอยากเห็นที่สุด บัดดี้เต็มไปด้วยสายระโยงระยางและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่อยู่รอบข้างอีกมาก
      ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของเขาในตอนนี้ มันไม่น่าพิสมัยเอาซะเลย มันทำให้มีความรู้สึก
      เหมือนมีความร้อนแผ่ซ่านอยู่ในร่างกายตลอดเวลา ท้องไส้ข้างในดูโหวงไปหมด เขาไม่พูดไม่จากับใคร
      นอกจากการพร่ำบอกกับคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั่นว่า



      ‘แทมิน ตื่นเถอะครับ’

      ‘ตื่นมาฟังพี่สิครับ พี่มีอะไรจะบอกแทมินนะ’






      อยากให้เธอรับรู้ สิ่งที่อยู่ในใจ
      สิ่งที่ฉันได้เคย ละเลยไป
      เก็บมันอยู่มานาน เก็บถึงวันที่สาย










      ไร้การตอบรับใดๆ สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงเครื่องมือทางการแพทย์ที่ยังคงดังอยู่อย่างนั้นทำหน้าที่ข
      องมันต่อไป
      เวลาผ่านไปก็ไม่มีทีท่าว่าคนที่นอนหลับมานานจะลืมตาขึ้นมาหรือมีปฏิกิริยาอะไรกับเขา
      บ้าง



      ฉันทำผิดที่เคยปล่อยให้เธอไหวหวั่น
      ฉันทำผิดที่เคยมองข้ามไป






      “มินโฮ นายกินข้าวบ้างเถอะนะ เดี๋ยวจะป่วยไปอีกคน” น้ำเสียงเป็นห่วงของจงฮยอนที่พร่ำบอกให้มินโฮ ดูแลตัวเองบ้าง
      หลายวันแล้วที่เขายังคงนั่งอยู่ไม่ห่างจากคนตัวเล็กที่ยังหลับไม่ได้สติ ข้าวปลาไม่กิน ร่างกายดูซูบผอมไปมาก


      “นั่นสิมินโฮ ถ้าแทมินตื่นขึ้นมาเห็นนายในสภาพนี้ แทมินจะไม่เสียใจแย่เหรอ นายคิดดูดีๆนะมินโฮ” จินกิ หนุ่มหน้าตี๋ที่ถูกกล่าวถึงเมื่อไม่นานมานี้ แท้จริงแล้วเป็นพี่ชายแท้ๆของแทมินนั่นเอง มินโฮก็เพิ่งจะได้รู้ความจริงก็ตอนวันที่เกิดเรื่อง เพราะจินกิก็รีบวิ่งออกมาจากหอสมุดนั่น ก่อนจะโทรเรียกรถพยาบาลแทนใครบางคนที่ยังคงยืนช็อคกับเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่





      กลับมาได้ไหม ฉันขอแค่สักนาที
      กลับมาตรงนี้ แค่ขอให้เธอได้ฟัง










      แม้จะถูกย้ายออกมาอยู่ห้องพักธรรมดาแล้ว แต่ร่างบางยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ทุกๆวันชเวมินโฮ
      ก็จะมานั่งกุมมือใครคนนั้น พร้อมกับมองหน้าของแทมินอยู่อย่างนั้น
      แทบจะไม่มีการปฏิสัมพันธ์กับใครคนอื่น จนคิมจงฮยอนเองก็จนปัญญา



      ‘ตื่นเถอะนะครับ ตื่นขึ้นมาฟังเสียงของพี่ แทมินให้โอกาสคนปากแข็งได้แก้ตัวเถอะนะครับ’







      หนึ่งคำที่ฉันมี หนึ่งคำที่ใจของฉัน
      ให้ฉันได้พูดมันไป แค่สักครั้งให้ฉันได้บอก…รักเธอ






      สิ่งที่ทำได้คงได้แต่ รอ…รอ รอเท่านั้น เผื่อฟ้าจะเห็นใจ คนปากแข็งอย่างเขา







      เธอได้ยินมั้ย.... เสียงหัวใจมันบอกว่ารัก
      หลับตา...เพ้อ
      ตื่นมายัง...เผลอ
      คิดถึงเธออยู่ทุกที










      สายตาพร่ำเพ้อ และรอคอยยังคงมองเพียงใครคนนั้นที่เค้ารักที่สุด จังหวะการเต้นของก้อนเนื้อในหน้าอกซ้ายของคนตรงหน้า
      เป็นสิ่งที่ทำให้เค้ายังรออย่างมีความหวัง สักวันหนึ่งที่เขาจะได้พูดมันออกไป… คำว่ารัก


      “แทมินครับ หลับนานเกินไปแล้วนะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนยังคงดังอยู่ข้างโสตประสาทของแทมิน แต่ก็ไม่มีทางรู้ว่ามันจะดังเข้าไปข้างในถึงจิตใต้สำนึกการรับรู้แทมิน อย่างที่เค้าอยากให้มันเป็นรึเปล่า


      “แทมิน ครับ ตื่นมาฟังพี่สิครับ ตื่นมาฟังผู้ร้ายปากแข็งคนนี้บอกว่า พี่รักแทมินสิ” เสียงกระซิบที่แผ่วเบาที่เจ้าตัวค่อยๆเปล่งมันออกมา ถ้อยคำที่หวานละมุน ถูกส่งออกมาจากปากจากช้าๆ คำพูดที่เค้าไม่เคยให้ใครได้ยิน คำพูดที่แสนจะมีความหมาย
      คำพูดนั้นที่กลั่นออกมาจากหัวใจของผู้ชายคนหนึ่ง

      ก็เพียงหวังว่ามันจะไปถึงผู้ชายอีกคนหนึ่ง…เท่านั้นเอง








      เปลือกตาบางค่อยลืมขึ้นอย่างช้า ก่อนที่จะปิดกลับลงเหมือนเดิม เพราะยังไม่คุ้นชินกับแสงที่มากระทบ ก่อนที่จะค่อยๆเปิดขึ้นอีกครั้ง








      “พี่มินโฮ” เสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นเบาๆใกล้ๆกับมินโฮที่เอาศรีษะวางข้างอยู่ใบหูของแทมินนั้น ทำให้สิ่งต่างๆในห้องนั้นเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย…






      จากโลกใบสีเทา กลับสดใสมีชีวิตชีวา …เพียงเพราะการกลับมาของใครบางคน

































       Reduced: 87% of original size [ 730 x 300 ] - Click to view full image













      การเคลื่อนไหวของเครื่องเล่นในสวนสนุก เป็นไปอย่างช้าๆ ตามเสียงเพลงที่ดังอยู่ไม่ไกล คนสองคนกำลังนั่งอยู่บนชิงช้าสวรรค์
      ที่เคลื่อนตัวเป็นวงกลมรอบแล้วรอบเล่า โชคดีที่ทั้งคู่ไม่กลัวความสูง ไม่อย่างนั้นคงนั่งไม่ติด
      เพราะจุดสูงสุดของมันนับว่าไกลจากพื้นเท่ากับตึกหลายชั้นเลยทีเดียว มองออกไปจากตรงนี้
      นอกจากจะเห็นตึกหลายสิบชั้นมากมายเปิดไฟสวยสดงมงามแล้ว เบื้องล่างยังมีแม่น้ำที่ระยิบระยับเพราะแสงสะท้อนจากดวงจันทร์



      มือของใครคนหนึ่งกำลังถือขนมสายไหมสีสวยที่เขากำลังเอามันเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่รู้ว่าหิวมาก หรือว่าเขินจนทำอะไรไม่ถูกกันแน่ ท่าทางเด็กๆแบบนั้น ทำให้แทมินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม อดยิ้มออกมาไม่ได้


      ผู้ชายคนนี้…คนที่น่ารักนักในสายตาแทมิน พอเห็นแบบนี้แล้ว ถึงได้รู้ว่า ...น่ารักมากกว่านั้นอีกเป็นกอง







      ก่อนที่กระเช้าของแทมินและมินโฮจะเคลื่อนตัวไปสู่จุดที่สูงที่สุด คำถามเรียบถูกเปล่งออกมา
      จากปากของคนที่ไม่ได้มีสายไหมในปากให้ยุ่งยากกวนใจว่า


      “พี่มินโฮรักแทมินเหรอฮะ” แม้จะถามออกไปอย่างง่ายๆดูไม่ได้มีความร้อนใจอะไร แต่ก็เป็นทำถามที่ทำคนถามเองก็รู้สึกว่าหน้าของตัวเองมีไอร้อนผ่าวๆอยู่ทั่วใบหน้า …ให้ตายเถอะ เขินชะมัด

      “ครับ รักครับ พี่รักแทมินครับ” คำพูดนั้นเปล่งออกมาจากปากคนที่วุ่นกับการกินสายไหม อย่างว่าง่าย แม้แก้มจะดูขึ้นสีแดงๆอยู่บ้าง แต่ท่าทีดูไม่ได้เคอะเขินอะไรมากมาย จนคนถามเองก็แปลกใจอยู่มาก ไม่คิดว่าคนตัวสูงจะตอบรับง่ายจนน่าตกใจขนาดนี้

      “ เฮ้ยย พี่มินโฮ ทำไมยอมรับง่ายจัง” น้ำเสียงหวานของเจ้าของที่เปล่งออกมาอย่างมึนงง ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ แล้วสบตาคนข้างหน้าเขาอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า












      “ก็พี่เป็นผู้ร้ายปากไม่แข็งนี่ครับ”














      End














      Special




      ‘แทมิน ทำไมวันนั้นถึงตะโกนชื่อพี่ออกมาได้ล่ะ พี่ไม่เคยบอกชื่อกับแทมินนี่นา’



      ‘ใครจะไม่รู้ชื่อคนที่แอบมองผมมาตั้งหลายเดือนไม่ได้ล่ะฮะ ฮ่าฮ่า’



      ‘เฮ้ยยยยยย นี่แทมิน รู้ด้วยเหรอ ว้า นึกว่าไม่รู้นะเนี่ย’






      ‘แล้วใครจะไม่รู้เรื่องของคนที่ตัวเองรักตั้งแต่แรกเจอบ้างล่ะฮะ’




      ‘ห๊า าาาาาาาาาาาาาาาาาา’














      End









      Talk : สุดท้ายก็ทิ้งดราม่าไม่ได้อยู่ดี- - ( ฉันล่ะเบื่อตัวเอง) เป็นไงบ้างค๊าา อิอิ ไรเตอร์ขอแก้ตัวหลังจาก ให้รีดเดอร์เสพแต่ sad story มาหลายครา นับว่าเป็นเรื่องที่เบา(แน่ใจ๊?)

      และก็ไม่มีอะไรสุดแล้ว ฮ่าฮ่า ไม่รุ้ว่าจะถูกใจกันบ้างไหม

      อยากแต่งให้ชเวมันใสๆ บ้าง อิอิ มันใสแต่มันก็รักจริงนะเออ เรื่องหน้า จะเอาให้มันหวานกว่านี้อีกเอ๊าา (ทำได้?)



      เม้นให้บ้างเน้อออ  อยากได้จริงๆนะ เม้นน่ สั้นยาวไม่ว่าเลย แค่เม้นให้กันสักนิดดด น้า ^^

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×