We ... We? *1
22 ก.ค. 2010“พี่มินโฮฮะ
ไม่ว่ายังไงก็ขอให้พี่มินโฮเชื่อใจผมนะฮะ” เสียงแทมินบอกกับพี่ชาย(รึเปล่า?)คนสนิท ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แน่นอนอยู่แล้ว แทมินเองก็เหมือนกันนะต้องเชื่อใจพี่ให้มากๆ
อย่างเราสองคนคงไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าคำว่าเชื่อใจอีกแล้วล่ะ”
มินโฮกับแทมิน สองพี่น้องที่เป็นมากกว่าคำว่าพี่น้องธรรมดา ใครๆก็มองว่าพี่น้องคู่นี้รักกันมากเหมือนพี่น้องแท้ๆ
แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น แม้ว่าคำจำกัดความที่มินโฮบอกกับคนที่ถามว่าแทมินเป็นอะไรกับเค้าว่า
“ น้อง...แทมินเป็นน้อง” และแทมินเอง
“พี่ชายฮะ พี่มินโฮเป็นพี่ชาย” แต่มันจะสำคัญอะไรในเมื่อในใจพวกเขารู้ดี รู้และเข้าใจ
รู้และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้อย่างไม่ต้องสงสัย แค่นั้นก็คงพอแล้ว
ถ้าถามว่าทำไม มินโฮและแทมินถึงไม่เป็นแฟนกัน ทั้งๆที่เค้าทั้งสองก็รู้สึกดีๆให้แกกันและอีกฝ่ายต่างก็รับรู้และเข้าใจกันดี
23 สิงหาคม ค.ศ.2008“แฟน...แฟนเหรอฮะ” เสียงสงสัยที่แทมินถามกับมินโฮ เมื่อมินโฮถามว่า
“แทมินเป็นแฟนกับพี่ได้ไม๊ครับ พี่รักแทมินนะครับไม่ใช่รักแบบพี่น้อง พี่รักแทมินตั้งแต่วันแรกที่เจอ รักครับ รักมากๆ”
เค้ากับแทมินรู้จักและพบกันตั้งแต่แทมินขึ้นชั้นม.ปลายใหม่ๆ
ส่วนเค้าเองก็อยู่ม.ปลายปีสุดท้ายในสถานะเด็กเตรียมเอนท์เต็มที่
ตอนนั้นเค้าต้องยอมรับกับตัวเองแล้วว่ารู้สึกยังไงกับรุ่นน้องคนนี้ และแทมินเองก็ไม่ต่างกัน
แต่เค้าทั้งสองก็ไม่เคยเปลี่ยนสถานะไปจากคำว่าพี่น้อง แม้ความรู้สึกในใจจะมากกว่านั้นก็ตาม แต่วันนี้...
มินโฮอยากจะถาม อยากจะรู้
“เอ่อ พี่มินโฮครับ ไม่ใช่ว่าแทมินไม่รักพี่มินโฮนะฮะ แทมินเองก็รักพี่มินโอตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วฮะ
แต่แทมินคิดว่ามันเร็วเกินไป ไม่ใช่ว่าแทมินไม่เชื่อใจพี่มินโฮนะฮะ แต่แทมินกลัว กลัวว่าพ่อกับแม่จะยังทำใจไม่ได้ ขอเวลานะฮะ
แค่ขอเวลาให้เรา ให้พ่อกับแม่ของเรา แทมินเชื่อนะว่า ถ้าเรารักกันจริง สักวันนึงทุกๆอย่างจะพร้อมสำหรับเราเอง จะไม่มีใครห้าม
แต่กว่าจะถึงตอนนั้น แทมินจะรักพี่มินโฮให้มากๆ แล้วถึงวันนั้นเราจะมีความสุขกันนะฮะ” แทมินตอบพร้อมกับยิ้มให้มินโฮ
ความจริงแล้วมินโฮเองก็คิดอย่างแทมิน ถ้าเค้ากับน้องบอกใครๆว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกัน ทุกคนจะทำหน้ายังไง คงไม่มีใครยอมแน่ๆ
โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่คงจะทำใจไม่ถ้าลูกชายเกิดมาชอบเพศเดียวกันแบบนี้ ถึงแม้ว่าสมัยนี้สังคมจะเปิดกว้าง
แต่สำหรับทุกๆคนรอบกายเค้าและแทมิน ก็คงต้องให้เวลาก่อนอยู่ดี แต่ที่ถามเพราะใจมันบอกให้ถาม
คำตอบจะเป็นยังไงมันไม่สำคัญเพราะเค้ากับแทมินน่ะ “ใจมันถึงใจ” อยู่แล้ว
จากวันนั้นมาก็2ปีแล้วที่มินโฮกับแทมินใช้คำว่าพี่น้อง(ที่รักกันมากเกินปกติ) ตอนนี้มินโฮเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี2แล้ว
ส่วนแทมินก็อยู่ม.ปลายปีสุดท้ายแล้ว แต่ความรู้ของทั้งคู่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ที่เปลี่ยนก็คง...ภาระหน้าที่และเวลาส่วนตัว
ทั้งแทมินและมินโฮต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมาย โดยเฉพาะแทมินที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย
และไหนจะต้องซ้อมเปียโนที่เตรียมแข่งในกี่ไม่กี่เดือน แถมตอนนี้แทมินที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีผู้หญิงมากหน้าหลายมาชอบพอ
ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับพี่ชายคนสนิทมากอยู่พอควร แต่จะให้ทำยังไงเมื่อแทมินบอกกับเค้าแค่ว่า
“เชื่อใจผมนะฮะ” มินโฮก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อใจแทมินไปตามระเบียบ แต่ก็มิวายฝากฝัง หรือจะเรียกว่า
หาสายลับมาสอดส่องน้องนั่นแหละ
ซึ่งคงเป็นใครไม่ได้นอกจากจงฮยอนเพื่อนสนิทของแทมิน ที่รู้เรื่องของพวกเขามาตลอด
‘ถึงจะให้เชื่อใจแต่จะให้ชเวมินโฮคนนี้ วางใจพวกผู้หญิงพวกนั้นได้ยังไงล่ะครับ น้องชายผมน่ารักขนาดนั้น
ผมไว้ใจน้องแต่ไม่ไว้ใจผู้หญิงพวกนั้นเลย อีกอย่างน้องก็ยังเด็กถ้าเจอพวกผู้หญิงนิสัยไม่ดีหลอก จะทำยังไง
คิดแล้วผมก็เครียดครับต้องฝากฝังให้จงฮยอน คอยดูแลน้องแทนผมเวลาที่ไม่อยู่
ความจริงแล้วผมก็ไม่อยากฝากใครดูแลน้องแทนหรอกครับ บางทียิ่งเห็นจงฮยอนกับน้องสนิทกันมาก
ผมก็แอบหึงอยู่เหมือนกัน ผมนี่ท่าจะเป็นเอามาก
ไม่ว่ากับใครที่เข้าใกล้น้องผมก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ ก็น้องผมทั้งคนนี่ครับ’
ความจริงจะว่าแต่แทมินก็ใช่ที่ มินโฮเองก็มีทั้งสาวน้อยสาวใหญ่มาติดแต่คงจะน้อยกว่าที่มินที่กำลังโตเป็นหนุ่ม
เพราะมินโฮเย็นชากับผู้หญิงพวกนั้นเหลือเกิน
‘ก็หัวใจผมมีเจ้าของแล้วนี่ครับ’ 9 พ.ย.2010‘ตอนนี้ผมกำลังนั่งรอแทมินอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง วันนี้ผมกับแทมินมีนัดกันครับ ผมนัดกับน้องไว้ตอน4โมงเช้า
ผมทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่จะได้เจอหน้าน้องสักที ก็ผมกับน้องไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นอาทิตย์แล้วครับ
น้องบอกว่าน้องต้องซ้อมเปียโนแล้วก็อ่านหนังสือครับ โทรไปหาน้องก็คุยกับผมไม่กี่ประโยคก็ต้องวางสายไป ผมล่ะคิดถึงน้องเหลือเกิน
แต่วันนี้ผมจะได้เจอน้องแล้วล่ะครับ แต่ตอนนี้4โมงครึ่งแล้วยังไม่เห็นว่าน้องจะมา แต่อีกสักพักคงจะมาแล้วล่ะครับ
นั่นไงน้องกำลังเดินเข้ามาแล้วครับ ท่าทางรีบเชียว’
“พี่มินโฮ..” แทมินทักทายมินโฮก็จะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับมินโฮ พร้อมกับยิ้มหวานๆให้กับพี่ชายคนสนิท
นั่นก็ทำให้คนที่นั่งรออยู่ยิ้มหน้าบานไม่แพ้กัน
“แทมินเป็นไงบ้าง” คำถามที่ดูห่างเหินของมินโฮ ทำให้คนถามเองก็ตกใจ ทำไมเขาจะต้องถามคำถามแบบนี้
เหมือนคนไม่ค่อยสนิทอย่างไงอย่างนั้น
“ซ้อมหนักทุกวันเลยครับ ตอนนี้ผมต้องไปพักที่หอกับอาจารย์แล้วครับ ช่วงนี้อาจารย์เคี่ยวผมหนักเลย
ซ้อมเสร็จก็ยังต้องมาอ่านหนังสืออีก วันนึงได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเองครับ”
แทมินเล่าพร้อมกับทำหน้าเหนื่อยหน่าย แต่มินโฮก็รู้ว่าแทมินไม่ได้หน่ายแค่เหนื่อยเท่านั้นแหละ
ก็แทมินน่ะรักเปียโนอย่างกับอะไร มีความฝันจะเป็นนักเปียโนชื่อดังให้ได้
ทุกทีที่ได้เล่นเปียโนแทมินก็เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง
ดูท่าจะมีความสุขเอามากๆ คิดมาถึงตรงนี้ มินโฮก็นึกโมโหเจ้าเปียโนขึ้นมาเหมือนกัน...
แต่เพื่อความสุขของน้องคนนี้มินโฮก็ยอมทุกอย่าง
“แทมินอย่าหักโหมมากนักสิ พี่เป็นห่วง ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง” มินโฮพูดพร้อมกับทำหน้าเครียด
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกฮะ พี่มินโฮเถอะดูแลตัวเอง พักผ่อนบ้าง ได้ข่าวว่าช่วงนี้เรียนหนักน่าดู”
‘ได้ข่าวเหรอ... เดี๋ยวนี้จะรู้เรื่องพี่ก็ต้องได้ยินจากคนอื่นแล้วเหรอแทมิน นี่เราสองคนห่างเหินกันขนาดนี้เลยเหรอ’
นึกได้แบบนี้มินโฮเองก็เริ่มจะหวั่นไหวขึ้นมา นึกกลัวอะไรไปต่างๆนาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป เพราะเค้าคงได้แค่
‘พี่มินโฮเชื่อใจแทมินสิฮะ’
“ก็ไม่หนักมากหรอก แต่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว นี่แทมิน พี่น่ะ...”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดพูดยังไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ของแทมินก็ดังขึ้น ทำให้แทมินรีบหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงก่อนจะดูชื่อคนที่โทรเข้ามา
แล้วเงยหน้ามาพูดกับมินโฮ
“ขอโทษนะฮะพี่มินโฮ แทมินขอตัวแปบนะฮะ” พูดจบก็เดินเลียงไปทางอื่น ปล่อยให้อีกคนที่ยังไม่ได้ตอบรับอะไร งงกะทันหัน
‘น้องคุยกับใคร ทำไมต้องเดินออกไป ปกติไม่ว่าจะคุยกับใครก็ไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา’
สักพักแทมินก็เดินเข้ามาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พี่มินโฮฮะ แทมินต้องรีบไปแล้วล่ะฮะ เอาไว้แทมินจะโทรหานะฮะ”พูดแล้วแทมินก็ออกไปจากร้านทันที
“แทมิน เดี๋ยวแทมิน พี่น่ะ...”
เรียกตะโกนของมินโฮที่ตะโกนไล่หลังไปไม่ทำให้แทมินหันกลับมามองแม้แต่น้อยก่อนจะเบาเ
สียงลงแล้วพูดขึ้นเบาๆว่า
“พี่น่ะคิดถึงแทมินมากนะ” มินโฮพุดเบาๆก่อนจะมองทะลุกระจกใสของร้านตามแผ่นหลังของแทมินที่วิ่งออกไป
พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
...แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว แค่ได้เห็นหน้าน้องก็ดีแล้วมินโฮ
แต่แทมินก็ไม่ได้โทรมา...
สามสี่วันมานี้ แทมินเอาแต่ซ้อมเปียโน ตื่นเช้ามากินอาหารเช้าไม่กี่นาที ก็รีบเดินเข้าห้องซ้อม แล้วก็หายไปทั้งวัน
กว่ากลับออกมาก็ตอนเย็นแถมเจ้าตัวยังบอกไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง โทรศัพท์ก็วางไว้ข้างนอก
จนจงฮยอนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าแทมินจะไม่สบายเข้าสักวัน
เพราะเอาแต่ซ้อมหนักวันๆก็ไม่ค่อยได้กินอะไร นอกจากอาหารเช้าที่ยัดๆเข้าไปที่ไม่รู้ว่าถึงกระเพาะแล้วรึยัง เจ้าตัวก็ไปถึงห้องซ้อมแล้ว
แต่ถึงจะห้ามยังไงก็คงไม่ฟังอยู่ดี ไอ้ที่ทำได้ก็แค่นั่งรอน้องอยู่หน้าห้องคอยรับโทรศัพท์แทน ซึ่งวันๆนึงก็มีสายเข้ามาได้ต่ำกว่า20สาย
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นของใครนอกจาก...ชเว มินโฮ
จงฮยอนเองก็อดสงสารมินโฮไม่ได้ ที่คงอยากจะเจอจะคุยกับแทมินใจแทบขาด
แต่เขาเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากนอกจากจะบอกมินโฮไปว่า
“ช่วงนี้แทมินใกล้แข่งแล้วถ้าพลาดคราวนี้แทมินคงเสียใจมากแน่ๆ แต่เดี๋ยวจะบอกให้แทมินโทรกลับนะครับ”
“แทมิน พี่มินโฮโทรมานะ ท่าทางมีเรื่องอยากจะคุยกับแทมิน” จงฮยอนบอกเมื่อแทมินออกมาจากห้องซ้อมของอาจารย์
แทมินต้องมาอยู่โรงเรียนสอนดนตรีของอาจารย์ เพราะที่บ้านแทมินไม่มีเปียโน เนื่องจากแทมินซ้อมหนักมาก
อาจารย์เลยให้แทมินมานอนที่นี่ จงฮยอนก็เลยอาสามาอยู่เป็นเพื่อน
“อ้อ ขอบคุณมาก เดี๋ยวฉันจะโทรกลับไปเอง ขอบใจนายมาก นายกินอะไรรึยังล่ะ”
แทมินถามจงฮยอนที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่
“กินแล้วล่ะ ของนายน่ะอยู่ในตู้เย็นเอาไปอุ่นกินซะ” จงฮยอนบอกพร้อมกับปิดโคมไฟแล้วล้มตัวลงไปนอนที่เตียง
“อืม เดี๋ยวฉันไปกิน ขอไปอาบน้ำก่อน” พูดแล้วแทมินก็เดินหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ กลับเข้ามาอีกที
แทมินก็เห็นจงฮยอนหลับปุ๋ยไปแล้ว แทมินจึงเดินไปเปิดโคมไฟที่โต๊ะหนังสือ ก่อนจะเงยหน้าดูนาฬิกา
“เที่ยงคืนแล้วเหรอ งั้นอ่านสักสองชั่วโมงแล้วกัน” แล้วแทมินก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ แต่อ่านได้ไม่นานนัก
เปลือกตามันก็จะปิดซะให้ได้้แทมินก็เลยปิดไฟเข้านอน
จงฮยอนที่ยังไม่หลับอย่างแทมินคิด เห็นเพื่อนตัวเองที่สุดท้ายก็ยังไม่ได้กินอะไรก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดในความมืดคนเดียว
‘แล้วโทรหาแล้วเหรอ พี่มินโฮน่ะ’...จงฮยอนคิดก่อนจะผล็อยหลับไปจริงๆ
“ฮ๊าวววว...แทม นายตื่นแล้วเหรอ”จงฮยอนที่งัวเงียลุกจากที่นอนเห็นแทมินกำลังใส่ถุงเท้า
“ก็ใช่นะสิ นายรีบตื่นสักทีเถอะฉันปลุกนายเป็นสิบรอบแล้วก็ไม่ตื่น แถมได้รอยเท้า จากนายมาอีก ให้มันได้อย่างนี้สิ
นี่จมูกฉันจะหักไม๊ล่ะเนี่ย”แทมินพูดก่อนจะลูบจมูกตัวเอง...ยังดีอยู่
“ฮ่าฮ่า นี่ฉันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ฮ่าฮ่า” จงฮยอนพูดก่อนจะเดินเกาตูดเข้าห้องน้ำไป
“ยังมีหน้ามาพูด” แทมินพูดพร้อมกับแยกเขี้ยว ยกมือกำหมัดทำท่าจะต่อยจงฮยอน ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“เออ นี่วันนี้นายจะไปไหนน่ะ ไปหาพี่มินโฮเหรอ” จงฮยอนที่อยู่ๆโผล่หน้าออกมาถามแทมิน เพราะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันเสาร์ไม่มีเรียน
แล้วแทมินมีซ้อมเปียโนให้อาจารย์ชาซุงดูตอนเย็น
“ฉันนัดกับน้องแชริมเอาไว้น่ะ สายแล้วฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวน้องเค้ารอนาน” พูดแล้วแทมินก็รีบออกไป ไม่ทันให้จงฮยอนถามอะไรต่อ
“น้องแชริมไหนวะ แล้วมันเอาพี่มินโฮไปไว้ไหนของมันวะ”จงฮยอนพูดกับตัวเองแล้วก็เกาหัว โดยใช้มือข้างเดิมที่เกาตูดไปเมื่อกี้
ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ
วันนี้กว่าจะกลับมาถึงห้อง เล่นเอาแทมินเหนื่อยน่าดู กลับมาตอนเย็นก็มาซ้อมให้อาจารย์ชาซุงดูเลย แถมอาจารย์ชาซุงยังบอกว่า
‘ยังไม่ค่อยดีนะแทมิน...ถ้านายอยากจะคว้าแชมป์ก็ต้องฝึกให้หนักกว่านี้ งานนี้น่ะระดับประเทศ
คู่แข่งที่นายต้องเจอไม่ใช่อย่างที่นายเคยเจอมานะแทมิน นายต้องฝึกให้หนัก ฝึกให้มากว่านี้...นายต้องซ้อมๆๆๆๆ’ ตอนนี้ไอ้ประโยคที่ว่า
นายต้องซ้อม นายต้องฝึก มันตามมาหลอกหลอนแทมินตลอดเวลา ไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน จะเดิน
ไม่รู้ว่าเมื่อไรมันถึงจะได้อย่างที่อาจารย์ต้องการสักทีนะ ถึงตอนนั้น ...เขาคงทำอะไรได้มากกว่านี้
ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว จงฮยอนก็หลับไปแล้ว แทมินที่ตั้งใจว่ากลับมาจะอ่านหนังสือต่อ ตอนนี้คงไม่ไหว จึงตัดสินใจอาบน้ำแล้วเข้านอน
30 พ.ย.2010ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่มินโฮไม่ได้ยินเสียงแทมิน ไม่ได้เห็นหน้าของแทมิน ยิ่งนานวันก็ยิ่งเหมือนความห่างเหินเริ่มจะกินพื้นที่ไปมากเท่านั้น
‘เชื่อใจแทมินสิ มินโฮ’ มินโฮทำได้แค่บอกกับตัวเองไปแค่นั้น แม้ในใจจะเจ็บปวดจากความคิดถึงและความกลัวมากแค่ไหน ก็คงทำได้แค่นี้
มินโฮที่วันนี้ไม่มีเรียน ก็พาตัวเองมานั่งอยู่ที่ร้านอาหารที่เค้าเคยมากับแทมินบ่อยๆ อย่างน้อย
บรรยากาศเดิมๆที่เคยมีมันก็ทำให้ความคิดถึงลดน้อยลงได้บ้าง แต่น้อยจริงๆนะ
เค้าโทรหาแทมินตลอด แต่ก็ไม่เคยได้ยินเสียงที่เค้าอยากได้ยินสักที มีแต่เสียงคนอื่นทุกครั้งไป บอกจะโทรกลับก็ไม่มีแม้แต่สายเดียว
‘ปล่อยให้ทนจนใจจะท้อ ใจคอจะทิ้งไป เจ้าจะรู้จะเห็นบ้างไหม ใจคนที่รอ’มินโฮนึกถึงตอนเมื่อสี่เดือนที่แล้ว ตอนนั้นเค้ากับแทมินยังไม่ห่างเหินกันแบบนี้ ตอนนั้นเป็นวันเกิดของแทมิน
มินโฮให้ของขวัญวันเกิดเป็นเสื้อกันหนาวตัวหนึ่ง เขาบอกว่า
‘ให้แทมินไว้ใส่ให้อุ่น...’
‘แค่มีพี่มินโฮ แทมินก็อุ่นทั้งกายทั้งใจแล้วล่ะฮะ’ พูดแล้วก็ยิ้ม ยิ้มที่ทำให้คนให้ของขวัญไม่ต้องการอะไรอีกต่อไป
นอกจากได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นตลอดไป
แต่ตอนนี้ เค้าไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นมานานเท่าไรแล้วนะ...คิดถึงเหลือเกิน
‘เอาไว้ถึงวันเกิดพี่มินโฮ แทมินเองก็มีของขวัญที่อยากให้เหมือนกัน พี่มินโฮรอแทมินก่อนนะฮะ’
‘ได้สิแทมิน พี่จะรอแทมินนะ
’
‘
เพราะรักถึงรอ...ไม่รักไม่รอให้ใจไหวหวั่น’ นี่ก็ใกล้จะถึงวันเกิดของมินโฮแล้ว ความจริงเค้ามีเรื่องอยากจะบอกแทมิน เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ
แต่ดูเหมือนเค้าคงต้องเอาเรื่องนั้นออกไปก่อน ตอนนี้แค่จะถามว่าแทมินกินข้าวหรือยัง แทมินสบายดีไหม แทมินอยู่ที่ไหน...ยังยากเย็น
เค้าไม่กล้าโทรไปตอนสายๆแบบนี้ กลัวว่าแทมินคงกำลังซ้อมอยู่ ยังไงก็ไม่ ได้คุยกับแทมินอยู่ดี
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์ของมินโฮดังขึ้น เมื่อกดดูก็รู้ว่ามีข้อความเข้า มินโฮรีบกดดูข้อความทันที เผื่อว่าจะเป็นของคนที่เค้ากำลังคิดถึง...
แล้วก็ไม่ทำให้คนที่รอผิดหวัง...มินโฮอ่านข้อความพร้อมกับยิ้มอยู่คนเดียว
‘พี่มินโฮดูแลตัวเองนะฮะ แทมินกำลังพยายามอยู่ พี่มินโฮรอแทมินก่อนนะฮะ’ แค่นั้นก็ทำให้หัวใจของเค้าที่เหี่ยวแห้งมาหลายวัน พองโตได้ แค่นี้ก็ทำให้มินโฮคนนี้มีกำลังใจจะทำอะไรได้อีกมากมาย
แทมินไม่ได้ลืมเค้า แทมิน... ไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างที่เค้ากลัว
‘นายเองก็ดูแลตัวเองดีๆนะ พี่อยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน’ มินโฮกดเบอร์แทมินลงไปก่อนจะส่งออกไป
‘ตอนนี้นายคงกำลังซ้อมเปียโนอยู่สินะ สู้ๆนะแทมิน พี่รอได้เพื่อความสำเร็จของนาย นายอย่ากลัวพี่จะมีใคร
ถ้าจะมีก็มีแต่แทมินคนเดียวเท่านั้น’ มินโฮคิดกับตัวเองก่อนจะเดินออกจากร้านไป
มินโฮเดินเล่นอย่างมีความสุข ก่อนจะเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พอรู้ว่าแทมิน
พยายามมากมายขนาดนี้ เค้าเองจะอยู่เฉยได้ยังไง เค้าตั้งใจจะไปซื้อของขวัญสักชิ้นให้แทมิน
เขามั่นใจว่าแทมินจะต้องชนะการแข่งขันแน่นอน และถึงแม้จะไม่ชนะ เขาก็ตั้งใจจะให้รางวัลให้กับแทมินสักชิ้น
มินโฮเดินไปหยุดอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง มองผ่านเข้าไปผ่านกระจกใส เห็นจี้อันหนึ่งเป็นรูปเปียโนแก้วใส มินโฮตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน
เขาขอพนักงานดูจี้อันนั้น ถามราคามันก่อนจะตัดสินใจซื้อทั้งสร้อยและจี้อันนั้นพร้อมๆกัน
ถึงราคามันจะไม่แพง แต่เค้าก็อยากจะให้จากใจ...
เมื่อได้ของที่ถูกใจ มินโฮก็เดินยิ้มออกจากร้าน ทำให้พนักงานสาวภายในร้านนึกอิจฉาว่าที่เจ้าของ ของขวัญชิ้นนั้น
‘น่าอิจฉายังเลยเธอ ดูสิคนอะไรไม่รู้หล่อจังเลย’
‘นั่นสิ ท่าทางจะซื้อไปให้แฟน เห็นแล้วอิจฉาจังเลย ชาติจะหาแบบนี้ได้บ้างไม๊น้า’
มินโฮเดินเรื่อยมากำลังจะกลับบ้าน เค้ามีความสุข แค่นึกถึงรอยยิ้มของอีกคน ตอนเห็นของขวัญชิ้นนี้เค้าก็มีความสุขแล้ว...
‘พี่จะได้เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วใช่ไม๊ แทมิน...’มินโฮเดินผ่านหน้าร้านขายรองเท้า ก่อนสายตาจะไปสะดุดกับแผ่นหลังของใครคนหนึ่งที่กำลังก้มๆอยู่ภายในร้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร เค้าจำได้ดี...ใครคนนั้นที่เค้าคิดถึงอย่างที่สุด
มินโฮกำลังจะเดินเข้าไป แต่ก็มีผู้หญิงคนนึงผุดขึ้นมาข้างแทมิน แล้วลุกขึ้นเดินไปเดินมารอบๆ
“พี่แทมินว่าเป็นยังไงค่ะ แชริมใส่แล้วสวยไม๊” หญิงสาวหน้าตาน่ารัก รุ่นราวคราวเดียวกับแทมิน ที่มินโฮไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้า
ทำให้มินโฮที่ยืนมองอยู่ รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า
...
‘ใครกัน แทมินมากับใคร ตอนนี้น้องควรจะซ้อมเปียโนอยู่ไม่ใช่เหรอ’“สวยครับ น่ารักมากๆเลย ตกลงเอาคู่นี้แหละครับ” แทมินยิ้มให้แชริมก่อนจะหันไปบอกกับพนักงานขาย
ก่อนพนักงานจะขอเอารองเท้าคู่นั้นไปคิดเงิน
“เดี๋ยวพี่จ่ายให้นะครับ ถือว่าเป็นของขวัญจากพี่” แทมินพูดแล้วยิ้มให้ผู้หญิงข้างๆ ยิ้มแบบนั้น ยิ้มที่มินโฮโหยหามานาน แต่มันไม่ใช่ของเค้า!!
“จริงเหรอคะ เกรงใจจังเลย” แชริมพูดแล้วทำตาโต
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ยังน้อยเกินไปกับสิ่งที่น้องแชริมทำให้พี่มาตลอด”
“แชริมรักพี่แทมินจังเลยค่ะ” พูดจบสาวน้อยหน้าใส ก็โผเข้ากอดแทมิน ทำให้อีกฝ่ายต้องกอดรับทันที
“พี่เองก็รักแชริมครับ”
ฟังไม่ผิด ...มินโฮไม่ได้ฟังอะไรผิดแม้แต่น้อย ลูกค้าสองคนที่อยุ่ในร้าน หนึ่งคนที่เค้ารู้จักดี
เค้าสองคนกำลังบอกรักกัน
‘แทมินมีเงินซื้อของแบรนด์เนม แบบนี้ด้วยเหรอ แล้วซื้อให้คนอื่น ผู้หญิงคนนี้เป็นใครสำคัญแค่ไหน ที่แทมินจะซื้อของราคาแพงขนาดนี้ให้
แล้วไหนจะประโยคที่เค้าสองคนคุยกันดูสนิทสนมกันนั่นอีก ...รู้จักกันมานานแล้วสินะ คงจะรักกันมากเสียด้วย’ คิดมาถึงตรงนี้
เหมือนมีความรู้สึกต่างๆถาโถมเข้ามาภายในใจของ ชเวมินโฮ เค้าไม่อาจยืนอยู่ตรงนั้นได้อีกต่อไป...
ที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเค้า...ไม่ใช่ ไม่มี ไม่มีพื้นที่สำหรับเค้าอีกต่อไป...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.......................
ชเวมินโฮพาร่างที่เสมือนจะไร้วิญญาณของตัวเองกลับมาถึงห้องพักได้อย่างยากเย็น
กับสิ่งเกิดขึ้น มันเหมือนมีอะไรมาบีบหัวใจเค้า บีบจนเค้าไม่อาจจะทนอยู่ สิ่งรอบตัวเหมือนเป็นสีเทาไปหมด
ตอนแรกเค้าเพิ่งจะดีใจที่ได้รับข้อความจากแทมินที่เค้าเฝ้ารอมาหลายอาทิตย์ เค้ากำลังมีความหวัง แต่แล้วทั้งหมดนั้นก็พังลงไป
...บอกให้พี่รอ พี่ก็รอ บอกให้พี่เชื่อใจ พี่ก็เชื่อ...
‘
เพราะรักถึงกลัว...เพราะรู้ว่าไกล หากเธอพบใครก็อาจลืมฉัน’
ไม่มีแม้หยดน้ำตา ไม่มีคำพูดอะไร ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ดูเหมือนตอนนี้ชเวมินโฮจะมีแต่ร่างกายเสียด้วยซ้ำ
3 ธ.ค. 2010
หลายวันผ่านไป ทุกสรรพสิ่งยังคงทำหน้าที่ของมัน...คงมีแต่ชเวมินโอ ที่ยังแน่นิ่ง กับความรู้สึกของตัวเอง สามวันแล้วที่เค้าไมได้
ออกจากห้องนี้ อาหารแทบไม่ได้แตะ ร่างกายผอมโทรม ดูไม่เป็นชเวมินโฮคนเดิม คนที่มีอีแทมินข้างกาย...
โลกหมุนไป แต่ใจของเขาเหมือนหยุดเดิน
มินโฮมองบรรยากาศรอบข้าง สีเทายังคงไม่หายไป... สิ่งต่างๆดูเคลื่อนไหวช้าๆ
มินโฮอ่านข้อความที่เค้าได้รับเมื่อวาน เป็นครั้งที่สอง...แล้วก็ยิ้มแสยะให้กับตัวเอง
‘พี่มินโฮฮะ สู้ๆนะฮะ แทมินเองก็สู้ไม่ถอย...อย่าลืมรอแทมินก่อนนะฮะ’
นายสู้เหรอ สู้อะไรของนาย แล้วนายจะให้พี่รออะไร...รอความเจ็บปวดที่นายจะมอบให้ใช่ไม๊ รอให้นายมาหัวเราะเยาะพี่เหรอ...คนเคยเชื่อใจมาตลอด
สุดท้ายต้องเป็นอย่างนี้สินะ
มินโฮตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะเดินออกมาส่องกระจก เค้าดูโทรมไปมากจริงๆ
นึกแล้วก็สมเพสตัวเองเหลือเกิน...ชเวมินโฮ หน้าโง่ แกนี่มันโง่กว่าใครๆ
ก่อนออกจากห้องมินโฮหยิบซองจดหมายสีขาวที่วางไว้บนหลังตู้เย็นใส่กระเป๋า ก่อนออกไปจากห้องนั้น
หลายวันมานี้จงฮยอนแปลกใจที่ไม่ได้รับโทรศัพท์จากมินโฮเลยแม้แต่สายเดียว เค้าเองแปลกใจมาก
แต่ดูเหมือนเพื่อนรักของเค้าไม่ได้ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย
“แทมิน นายไม่โทรหาพี่มินโฮบ้างเหรอ แล้วพี่เค้าจะไม่น้อยใจเหรอ” จงอยอนถามขึ้นเมื่อทั้งคู่กำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบด้วยกัน
ช่วงนี้แทมินไม่ได้ออกไปหาน้องแชริม เหมือนทุกครั้งที่เป็นวันหยุดเลยมีเวลามาอ่านหนังสือมากขึ้นจากที่อ่านแต่ตอนกลางคืน
ดึก
ก็มีเวลาช่วงสายๆแบบนี้บ้างแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่จงฮยอนแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้วันหยุดทีไรแทมินก็พูดแต่ว่า
‘ นัดน้องแชริมไว้น่ะ’
“นี่จงฮยอน ฉันจะบอกนายให้นะ ฉันกับพี่มินโฮน่ะ เราเชื่อใจกัน พี่มินโฮรู้ว่าฉันกำลังยุ่ง แต่อีกไม่นานหรอก ไม่นานเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”
แทมินพูดพร้อมกับหัวเราะกับตัวเอง
‘เล่นเปียโนมากๆทำให้บ้าได้นะครับ จงฮยอนคนนี้ขอเตือนผู้ที่บริโภคเปียโนเกินขนาดไว้ก่อน แล้วจะหาว่าคนหล่อไม่เตือน’
“เออนี่ จงฮยอนพรุ่งนี้ฉันจะย้ายออกแล้วนะ” แทมินพุดพร้อมกับผลิกหน้ากระดาษไปหนึ่งแผ่น
“เอ้า ทำไมล่ะวะ แล้วอย่างนี้จะซ้อมสะดวกเหรอ นายซ้อมดึกขนาดนั้น” จงฮยอนที่ตอนนี้หยุดอ่านหนังสือไปได้สักพักแล้ว
ถามพร้อมกับเอาหลอดดูดน้ำดัง สวบ สวบ
“อาจารย์ซาซุงบอกว่า ให้ฉันซ้อมได้น้อยลงแล้วล่ะ อาจารย์แกบอกว่าฉันทำได้ดีแล้ว ที่เหลือก็แต่ซ้อมให้สม่ำเสมอ
อีกอย่างแกบอกให้ฉันเอาเวลาไปอ่านหนังสือเพิ่มบ้าง” จงฮยอนคิดในใจว่าอาจารย์ชาซุงแกควรจะคิดได้นานแล้ว
วันๆนี่เข็นแทมินไม่ละ ลด เลิก เห็นแล้วก็สงสารเพื่อนตัวเอง ที่ถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส
“นี่ฉันก็ต้องย้ายออกด้วยอะดิ เออดีนะ มาบอกเอาวันนี้ ไม่บอกพรุ่งนี้เลยละ เก็บของปุ๊บก็ย้ายออกมันปั๊บ”
“โทษที ฉันเองก็ลืมนี่ นี่เราก็มาพักที่นี่นานเหมือนกันเนอะ สี่เดือนแล้วเหรอนี่ นานจริงๆ”
แทมินพูดแล้วมองไปรอบๆ ห้อง พลางสำรวจสิ่งต่างๆที่เคยใช้มาเนิ่นนาน
‘นานขนาดนี้แล้วเหรอ ที่เราห่างกับพี่มินโฮ ผมเอง...ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงพี่มินโฮนะฮะ พี่มินโฮเชื่อใจผมไม๊’
“เออดิ นานโคดอะ มาใช้น้ำใช้ไฟบ้านเค้า เออดีนะ ประหยัดดี เฮ้ย ขออาจารย์ชาซุงแกอยู่ต่อเถอะว่ะ
บอกว่าอยู่บ้านน่ะมันไม่ได้ซ้อมผมไม่มีเปียโน ผมอยากซ้อมบ่อยๆก็ว่าไปดิ” จงฮยอนหันไปทำหน้าขอร้องกับแทมิน
“ไอ้บ้า... ได้ที่ไหนเล่า นี่ก็รบกวนอาจารย์มาเยอะแล้ว สอนอาจารย์ก็ไม่เคยคิดเงิน ค่าใช้จ่ายอาจารย์ก็ออกให้
อีกอย่างตอนนี้ฉันมีเปียโนแล้วโว้ย” แทมินพูดพร้อมกับทำหน้าอวดๆใส่จงฮยอน
“เฮ้ย เมื่อไรวะ มีได้ไง ฉันไม่เห็นรู้เลย อาจารย์ชาซุงซื้อให้เหรอวะ” จงฮยอนพูดพร้อมกับทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ฉันซื้อเองต่างหากล่ะ เงินฉันเอง ตอนนี้เค้าคงเอาเปียโนไปส่งที่บ้านฉันแล้วมั้ง” แทมินพูดพร้อมกับยิ้มให้ตัวเองอย่างภูมิใจ ทำให้จงอยอนสงสัยเพิ่มขึ้นไปอีก
“เงินที่ไหนวะ นายไปหาเงินมาจากไหน เปียโนตัวนึงไม่ใช่ถูกๆ”
“ฮ่าฮ่า นายจำได้ไม๊ล่ะ ที่ฉันก็ออกไปหาน้องแชริมบ่อยๆน่ะ”
“เออจำได้ดิวะ นัดกันแทบทุกวันขนาดนั้น ยังไม่รู้เลยว่าฉันกับน้องแชริมไรนั่น ใครเจอหน้านายบ่อยกว่ากันแน่”
“ ฮ่าฮ่า นั่นสิ น้องเค้าเป็นลูกพี่ลูกพี่ลูกน้องฉันเองล่ะ ที่บ้านเค้ารวยมากเลยนะ แต่ที่บ้านเค้าไม่ค่อยอยากจะนับญาติกับบ้านฉันเท่าไรหรอก ก็มีแต่น้องนี่แหละที่ยังนับถือฉันอยู่ น้องแชริมบอกว่า ก็มีฉันเป็นพี่ชายคนเดียวนี่นา ตอนเด็กๆฉันเคยแอบดูน้องเค้าเรียนเต้นแทงโก น้องแชริมเห็นก็เลยชวนฉันไปเต้นด้วย แชริมเลยขอร้องให้คุณครูสอนฉันโดยไม่ให้บอกพ่อ ครูเค้าก็ไม่ว่าอะไร เค้าคงสงสารฉันมั้ง เห็นฉันอยากเรียน เค้าก็เลยสอนให้ฉันฟรีๆด้วยล่ะ เราสองคนเรียนอยู่นานเป็นปีสองปีเลยนะ มาตอนหลังพ่อน้องรู้เข้าก็เลยห้ามไม่ให้ครูสอนฉันอีก เค้าคงรังเกียจฉันมากไม่อยากให้น้องแชริมมายุ่งกับฉันเท่าไร มาตอนนี้น้องกำลังจะไปประกวด แล้วคู่ของเค้าเกิดไม่สบายหนักเข้าโรงพยาบาล เค้าก็เลยมาชวนฉันไปเต้นแทน ถ้าชนะได้เงินรางวัลเยอะมากๆ ฉันเองก็อยากจะมีเปียโนเป็นของตัวเองก็ดีใจน่ะสิ แต่กว่าพ่อเค้าจะยอมนะ แทบตาย ยังจำได้อยุ่เลยวันนั้นฉันนัดกับพี่มินโฮไว้ อยู่ดีๆน้องก็โทรมาบอกว่าพ่อยอมให้ฉันไปเต้นกับน้องเค้าแล้ว ฉันดีใจมากเลย ไม่ได้บอกพี่มินโฮเลย ความจริงก็ตั้งใจจะเก็บไว้เซอร์ไพร์นั่นแหละ”
“อ๋อ เป็นน้องหรอกเหรอ ตอนแรกฉันนึกว่ากิ๊กนายซะอีกแทมิน”
“ กิ๊กอะไร นายนี่บ้าไปแล้ว ฮ่าฮ่า อ้อนี่ ฉันประกวดชนะเลิศด้วยนะ ได้เงินรางวัลเยอะมากเลยล่ะ
เยอะพอที่จะซื้อเปียโนที่ฉันอยากได้ ได้ แถมยังเหลือเงินซื้อรองเท้าให้น้องแชริมเค้าไปคู่นึง
พอดีวันนั้นรองเท้าที่ใส่แข่งของน้องเค้าสั้นหักพอดี ดีนะที่หักตอนแข่งเสร็จแล้ว ฉันเลยอาสาพาน้องแชริมไปซื้อ
ถือว่าตอบแทนที่น้องเค้าช่วยฉันมาทั้งหมดนั่นล่ะ น้องเค้าดีกับฉันมากจริงๆ น่ารักด้วยนะ ถ้านายเห็นอาจจะชอบน้องเค้าก็ได้ ฮ่าฮ่า”
แทมินพูดพร้อมกับยักคิ้วให้จงฮยอน
“อะ จริงเหรอ แต่พ่อเค้าดุออกแบบนั้น ฉันไม่เอาดีกว่า”
จงฮยอนพูดพร้อมกับทำหน้ากลัวๆทำให้แทมินต้องหัวเราะร่วนกับหน้าตลกๆของเพื่อนรัก
ตอนนี้แทมินมีความสุขมาก แต่จะมีความสุขมากกว่าในกี่ไม่กี่วันข้างหน้า
‘
นี่ก็ใกล้แข่งแล้ว แทมินจะตั้งใจซ้อมให้มาก ตอนนี้แทมินมีเปียโนของตัวเองแล้ว เปียโนที่มันเกิดขึ้นเพื่อพี่มินโฮ
แทมินจะตั้งใจมากขึ้นร้อยเท่าพันเท่า พี่มินโฮรอแทมินนะฮะ’ แทมินยิ้มอย่างมีความหวัง...
......................................................................
6 ธ.ค.2010 “ขอเสียงปรบมือให้กับผู้เข้าแข่งขันคนต่อไป เขาคนนี้ชนะการแข่งทุกครั้งที่เข้าประกวด ไม่ว่าจะเวทีเล็กหรือใหญ่แค่ไหน
เขาคนนี้ครองแชมป์มาแล้วทั้งสิ้น ขอเสียงปรบมือให้กับ...อีแทมิน” เสียงพิธีกรที่บรรยายซะเยอะแยะ จนแทมินปวดหัว ทั้งที่ปวดหัวอยู่แล้ว เพราะ แทมินกดโทรหามินโฮมาเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วของวันนี้ ก็ได้ยินแต่เสียงฝากข้อความ ไม่รู้ว่ามินโฮจะมาดูเค้าไม๊
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วแทมินต้องตั้งสมาธิและเดินออกไปหน้าเวทีแล้ว
‘ พี่มินโฮจะมาไม๊นะ พี่มินโฮจะจำได้รึเปล่า พี่มินโฮฮะ เป็นกำลังใจให้ผมที ผมเชื่อใจพี่มินโฮนะฮะ’ แทมินนึกในใจก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด แล้วเดินออกไป ตื่นเต้นเท่าไรไม่ต้องบอก แทมินโค้งศีรษะให้แก่ผู้ชม อย่างสง่าผ่าเผย วันนี้แทมินมาในชุดสูทสีขาว ชายเสื้อด้านหลังทิ้งตัวยาวลงไปเหมือนเจ้าชายไม่มีผิด เรียกเสียงปรบมือให้แก่ผู้คนได้ไม่น้อย
รวมทั้งคนๆนึงที่นั่งอยู่แถวบนสุด ถึงแม้จะไม่ได้ปรบมือ แต่แววตาก็ยังฉายแววความชื่นชมระคนเจ็บปวด
เสียงดนตรีบรรเลงโดยปลายนิ้วของนักดนตรี ไพเราะอ่อนหวาน เปลี่ยนเป็นเศร้า ก่อนจะกลับมาอ่อนหวานและโรแมนติคอีกครั้ง
ทำให้ผู้คนที่กำลังฟังตกอยู่ในภวังค์ ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองหนักแน่น เน้นให้เห็นความสามารถของนักดนตรี
เสียงดนตรีบรรเลงต่อไปเรื่อยๆ...
ณ ตรงนั้น สายตาของแทมินจดจ้องไปที่เปียโนเพียงอย่างเดียว และสายตาทุกคู่ ณ ที่นั้น
ก็จดจ้องมาที่เค้าเพียงคนเดียว...ท่าทางมุ่งมั่นและมีสมาธิแบบนั้น น่าชื่นชมมากนักในความคิดของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
แต่ใครจะรู้ว่าภายในใจของนักดนตรีผู้นี้คิดอะไร
เมื่อเสียงเพลงจบลง ไฟสปอตไลท์ ส่องไปยังนักดนตรีบนเวที นักดนตรีโค้งคำนับให้แก่ผู้ชม เสียงปรบมือดังกึกก้องนานหลายนาที พร้อมกับใครคนนึงที่ลุกออกไปเงียบๆ...
...ฝีมือของแทมินเหนือชั้นกว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าผู้เข้าแข่งขันจะฝีมือชั้นเซียน
แต่เมื่อเทียบกับอีแทมินแล้ว...ไม่เห็นฝุ่น ประหนึ่งว่าเค้าเกิดมาเพื่อมัน
9 ธ.ค. 2010ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชัยชนะเป็นของแทมิน หนุ่มน้อยผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และพรแสวง รางวัลของผู้ชนะที่แทมินอยากได้นักหนา ไม่ใช่ชื่อเสียง แต่เป็นการได้ออกอัลบัมร่วมกับนักดนตรีชื่อดังจากญี่ปุ่น
และหนึ่งเพลงในอัลบัมจะเป็นโซโลเดี่ยวของแทมิน...
นั่นล่ะสิ่งที่แทมินอยากได้ทีสุด เพลงของตัวเองสักเพลง‘ผมแต่งเพลงไว้แล้วครับ เพื่อที่จะมอบให้กับใครคนหนึ่ง’ นี่คือคำตอบของแทมินที่บอกกับค่ายเพลง เมื่อเขาถามว่า
‘นายอยากจะเล่นเพลงอะไร เป็นเพลงเดี่ยวของตัวเอง’
แทมินอัดเพลงเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เค้าอัดเพียงรอบเดียวก็ทำให้ทุกคนพอใจ นั่นเป็นเพราะการฝึกฝนและปรับปรุงอยู่เป็นเดือนๆ แอบอาศัยเวลาที่อาจารย์ชาซุงไม่อยู่แต่งเพลงนี้ขึ้นมา ทำให้เวลาฝึกเพลงประกวดน้อยลง
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้อาจารย์บ่นนักหนาว่าแทมินยังทำได้ไม่ดีสักที ความจริงฝีมือระดับแทมิน ไม่ต้องมาบ่นนั่งเคี่ยวหรอก
แทมินขอให้ยกเปียโนที่บ้านของเค้ามาใช้อัด แม้จะเกรงใจทีมงานอยู่บ้างแต่แทมินก็อยากจะใช้เปียโนของตัวเองจริงๆ
ทางค่ายเพลงก็ไม่กล้าขัดข้องว่าที่นักเปียโนที่คาดว่าคงไปไกลระดับโลกคนนี้แน่นอน
เพลงของเค้าไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ยิ่งทำให้ทุกคนประจักษ์ในความสามารถของหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนี้เข้าไปอีก
โปรเจคนี้เหมือนจะเร่งด่วนอยู่พอสมควร เพลงทุกเพลงในอัลบัมต้องอัดให้เสร็จและวางแผงก่อนปีใหม่ แต่สำหรับแทมินมันก็ยังช้าอยู่ดี
ใจเค้าอยากจะให้เพลงวางแผงวันนี้ให้ได้...เพื่อที่ใครคนนั้นที่เค้าอยากให้ฟังที่สุด จะได้ฟังมันสักที
ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ที่เค้าคิดได้ ตอนที่มินโฮให้เสื้อกันหนาวเป็นของขวัญแก่เค้าเมื่อสี่เดือนที่แล้ว
จากวันนั้นมาเค้าก็ตั้งใจอยากจะให้อะไรแก่มินโฮ แทมินเองก็มีปัญญาทำได้แค่นี้
แค่อยากจะแต่งเพลง...ให้คนที่รักที่สุด...จากเสียงเปียโนที่เป็นของเค้าเองและฝีมือข
องเค้าเองแต่จนป่านนี้ แทมินก็ยังไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของเค้าคนนั้น นึกน้อยใจอีกฝ่ายขึ้นมา แค่ไม่เห็นตอนวันประกวดก็น้อยใจจะแย่
ไปหาที่ห้องก็ปิดเงียบ แทมินจึงตัดสินใจไปหามินโฮที่มหาวิทยาลัย เจอแต่อนยูเพื่อนสนิทของมินโฮที่นั่งเล่นอยู่กับกลุ่มเพื่อน
“พี่อนยูฮะ พี่มินโฮอยู่ไหนฮะ บอกให้ทีว่าแทมินมาหา” แทมินพูดพร้อมกับมองเข้าไปในกลุ่มเพื่อนของมินโฮ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววแม้แต่น้อย
“
มินโฮมันไม่อยู่หรอก มันไปอังกฤษโน่น นี่แทมินไม่รู้เหรอ พี่นึกว่าแทมินจะรู้แล้วซะอีก”
ตอนนี้เหมือนมีไอความร้อนวิ่งผ่านตั้งแต่ปลายเท้าถึงมาถึงศีรษะ
แทมินแทบทรงตัวไม่อยุ่แล้ว...พี่มินโฮไปอังกฤษเหรอ...พี่มินโฮหนีเค้าไปแล้ว ไม่บอกแม้สักคำ
อนยูเพื่อนสนิทที่รู้เรื่องทุกอย่างของมินโฮแม้กระทั่งเรื่องแทมิน นึกสะใจที่เห็นคนตรงหน้าที่ทำให้เพื่อนเค้าเจ็บปวดมาตลอด
ต้องมาเจ็บปวดซะเอง
“ไปเมื่อไรฮะ แทมินไม่เห็นรู้เรื่อง” น้ำเสียงแทมินเริ่มรัวขึ้น ร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
“แทมินจะรู้อะไร มันจะบอกแทมินตั้งนานแล้ว แต่แทมินไม่สนใจเองมากกว่า มันสอบชิงทุนได้ไปเรียนอังกฤษ
เค้าส่งจดหมายมาบอกตั้งแต่สี่เดือนที่แล้ว แล้วล่ะ แต่มันก็ขอเลื่อนบอกว่ามีความจำเป็น จะไปตอนสิ้นปีให้ได้ ไม่รู้มันรออะไร
ดีนะที่เค้าผ่อนผันให้มันได้ ไม่งั้นอดแน่ล่ะทุนนักเรียนนอกที่ใฝ่ฝัน ของชเวมินโฮ”
‘เอาไว้ถึงวันเกิดพี่มินโฮ แทมินเองก็มีของขวัญที่อยากให้เหมือนกัน พี่มินโฮรอแทมินก่อนนะฮะ’
‘ได้สิแทมิน พี่จะรอแทมินนะ
’ แทมินเหมือนจะหมดลมหายใจเอาตรงนี้!!!‘พี่มินโฮฮะ...ผมขอโทษ’ มาบอกเอาตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนที่อยากจะขอโทษไม่อยู่ให้เค้าขอโทษแล้ว
สำหรับแทมิน...ยิ่งกว่าเจ็บปวด!!“ แต่อยู่ดีๆที่มันก็ไป ไปตั้งแต่วันที่6แล้ว นั่นก็เป็นเพราะนายแหละแทมิน” อนยูพูดพร้อมกับเบือนหน้าหนี พูดมาถึงตรงนี้
เค้าไม่อยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้เพื่อนเค้าเจ็บปวดสักเท่าไร เค้าเองก็เห็นด้วยที่มินโฮหนีไปอังกฤษ อยู่ทางนี้มินโฮก็มีแต่จะเจ็บปวด
สติของแทมินตอนนี้หลุดลอยไปไกลแล้ว ถ้าไม่มีอนยูอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าแทมิน ยืนอยู่ได้ยังไง อนยูพาแทมินไปนั่ง
ใจนึงก็นึกโกรธคนตัวเล็กแต่อีกใจก็สงสารขึ้นมา ดูบอบบางขนาดนี้ แล้วมาเจอเรื่องแบบนี้อีก ‘แต่จะให้โทษใคร...นายทำตัวเองนะแทมิน’
แทมินนิ่งไปนานเท่าไรไม่รู้ เสียงใครเรียกก็ไม่ได้ยิน เอาแต่นั่งนิ่งสายตาเหม่อมองไปไกล...
‘ไหนพี่มินโฮสัญญาว่าจะรอแทมินไงฮะ’
อนยูต้องเรียกแทมินอยู่ตั้งหลายครั้ง...กว่าเจ้าตัวจะรู้สึกขึ้นมา
‘...ให้ตายเถอะ เหมือนกันทั้งมินโฮ ทั้งแทมิน’ ก่อนหน้านี้ที่มินโฮเดินมหาเค้าสภาพไม่ต่างจากแทมินวันนี้เท่าไร
จะต่างก็แค่มินโฮโทรมกว่านี้เอามากๆ...!!
เมื่อเรียกสติกลับมาได้ แทมิน แทมินสงสัยว่าเค้าทำอะไรให้มินโฮโกรธถึงขนาดต้องหนีไปไม่บอกไม่กล่าว หรือจะเป็นที่เค้าไม่มีเวลาให้
ต้องใช่แน่ๆ... ‘พี่มินโฮขี้น้อยใจขนาดนี้เลยเหรอ แล้วแทมินคนนี้จะทำยังไงล่ะ หนีไปไกลขนาดนั้น ให้ตายก็ไม่มีปัญญาตามไป’
แทมินตัดสินใจถามเรื่องมินโฮกับอนยู ถึงได้รู้ว่ามินโฮเข้าใจผิดเรื่องเค้ากับน้องแชริมเข้าเต็มเปา เค้าเองก็ว่าอยู่แล้ว
ว่ามินโฮคนที่เชื่อใจเค้ามาตลอดไม่น่าจะคิดหนีไปไกล เพราะเรื่องไม่มีเวลาให้หรอก
แทมินเองก็ผิดที่ลืม...ลืมนึกถึงความรู้สึกของใครบางคน เค้าลืมคิดไปว่าแค่คำพูดว่าเชื่อใจคงทำให้อีกฝ่ายมั่นใจไม่ได้
มันคงต้องมีการกระทำด้วยสินะ พี่มินโฮเองก็ถือว่าสุดๆแล้วที่เชื่อใจเค้ามาได้ขนาดนั้น แต่ถ้าเรื่องน้องแชริมเป็นใครก็คง..เชื่อใจไม่ไหว
ถ้าเห็นภาพแบบนั้น
แทมินทั้งโกรธทั้งน้อยใจมินโฮ ที่ไม่ยอมถามเค้า
‘ บอกให้เชื่อใจ ไหนบอกว่าจะเชื่อใจผมไงฮะ ทำไมพี่มินโฮทำแบบนี้ ผมโกรธๆๆๆพี่มินโฮที่สุด’
ความจริงแล้วแทมินโกรธตัวเองมากกว่า โกรธที่ทำทุกอย่างลงไป ทำให้มันพังลงไปเพราะมือของตัวเอง
‘แทมินแกมันบ้า แกมันทั้งบ้าทั้งโง่ ปล่อยให้พี่มินโฮเจ็บปวดตั้งนานเท่าไรแกไม่เคยรู้’นึกย้อนกลับไปแทมินก็ต้องปวดร้าวเองทุกครั้ง ที่รู้ว่าคนที่ตัวเองรักต้องเจ็บปวดสักเท่าไร แต่พี่มินโฮจะรู้ไม๊ว่า
‘ ผมทำทุกอย่างเพื่อพี่มินโฮนะฮะ ผมทำทุกอย่างก็เพื่อเรา’ ‘ผมก็แค่อยากให้พี่มินโฮและทุกคนเห็นว่า ผมโตแล้ว ผมโตพอที่จะรับผิดชอบทุกอย่างได้แล้ว ผมโตพอที่รับผิดชอบความรู้สึกของตัวเอง
ผมโตพอที่จะรักพี่มินโฮได้แล้ว...
ก็แค่อยากจะมีคำว่าเรา’
‘ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงพี่ เพราะพี่ผมถึงได้พยายาม เพราะพี่ผมถึงได้อดทน ทุกครั้งที่เจออยากจะอยู่นานๆ แต่ก็ทำไมได้
ให้คิดถึงพี่แค่ไหนผมก็ยอม ไม่ได้เจอหน้าพี่ผมก็ทน ผมทนที่จะไม่ได้ยินเสียงพี่เพราะกลัวว่าผมจะอดใจไปหาพี่ไม่ได้
ผมทำได้แค่ส่งข้อความไปหาพี่ และบอกตัวเองเสมอว่า...เราเชื่อใจกัน’
แทมินเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกันทุกครั้งที่ต้องห่างจากมินโฮ...แต่ชเวมินโฮล่ะ จะรู้รึเปล่า
‘แล้วพี่มินโฮจะกลับมาเมื่อไรฮะ’
‘ไม่รู้เหมือนกัน นายก็ตามเค้าไปสิแทมิน’ไม่ว่าอีกนานเท่าไรเหรอ...แทมินจะทนได้ยังไง ข้างกายเค้าไม่มีมินโฮ เค้าจะทนได้ยังไง
จะให้เค้าตามไปก็ไม่มีปัญญา...นี่โลกของแทมินต้องกลายเป็นสีเทาไปแล้วแน่ๆ
แล้วของขวัญวันเกิดนี่...ใครจะฟังล่ะ
‘
......................................
แทมินเองก็ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา มันเจ็บปวดเกินกว่าอยากร้องไห้ออกมา แทมินกลับไปถึงบ้านก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน
เปิดดูรูปเก่าๆของเค้ากับมินโฮที่เก็บไว้ในกล่องมิดชิด รูปแต่ใบสื่อความหมายของมันเป็นอย่างดี คนสองคนที่มีสายใยส่งถึงกันเสมอ
แม้น้อยคนจะรู้ แต่เค้าสองคนต่างรู้กันดี
แทมินเอื้อมมือไปหยิบกล่องของขวัญชิ้นล่าสุดที่มินโฮให้มา เปิดออกมาเป็นเสื้อกันหนาวไหมพรมสีกลม แทมินหยิบมันขึ้นมากอดไว้
แล้วหลับตา ตอนนี้เค้าโหยหาคนให้เป็นที่สุด...
สักพักแทมินก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเห็นกระตาสีขาวที่ถูกซ่อนไว้ข้างกล่อง แทมินไม่เคยเห็นมันมาก่อน นึกแล้วก็โกรธตัวเองขึ้นมาอีก
แทมินหยิบกระดาษสีขาว ข้างในเป็นลายหัวใจสีชมพูบางๆ มีข้อความเขียนไว้ว่า
‘ให้แทมินไว้ใส่ให้อุ่น... ตอนพี่ไม่อยู่แล้ว’ ประโยคแรกแทมินจำได้ขึ้นใจ มินโฮเคยบอกเค้าแล้ว แต่ประโยคข้างหลัง
แทมินไม่คิดมาก่อนเลย... มินโฮรู้อยุ่แล้วว่าวันนึงเค้าจะไมได้อยู่ข้างกายแทมิน มินโฮคงฝากของชิ้นนี้ไว้ในแทมิน
แทนตัวเขาที่ต้องห่างไกลกันสินะ
น้ำตาที่ไหลออกมา ไม่อาจแทนความเหงา ความเจ็บปวดภายในใจได้แม้เพียงเสี้ยวเดียว...
‘พี่มินโฮรู้ว่าจะต้องไปอังกฤษ พี่มินโฮกลัวแทมินจะหนาวสินะฮะ ใช่ฮะตอนนี้แทมินหนาว หนาวมากจริงๆ’
แล้วอีแทมินจะต้องทนเหน็บหนาวอีกนานแค่ไหน
...........................................
หลังจากนั้นมาแทมินก็ใส่แต่เสื้อตัวนี้ ตัวที่คิดว่ามันอุ่น มีอยู่ตัวเดียวเท่านั้น แม่บอกให้เอาไปซักแทมินก็บ่ายเบี่ยง
‘ก็ตัวอื่นมันใส่แล้วไม่อุ่นนี่ฮะ’จนแม่ของแทมินต้องแอบมาถอดเอาเสื้อไป
ตอนแทมินหลับไปซักให้ มันจะติดเสื้อตัวนี้อะไรนักหนา...
...ความจริงไม่ใช่คนเป็นแม่ไม่รู้ เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เล็กจนโต มีหรือที่เรื่องแค่นี้แม่จะไม่รู้...
แม่ไม่อยากพูดเพราะแทมินยังเด็ก แม่ไม่อยากห้ามเพราะกลัวแทมินเสียใจ แม่เองกว่าจะยอบรับและทำใจได้ว่า
ความรักมันไม่มีขอบเขต...แม่เองก็ต้องใช้เวลา แต่ที่สุดแล้ว แทมินก็พิสูจน์ให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งน่ากลัวที่คนเป็นแม่จะต้องห้าม
คงมีแต่จะคอยมองดูเพราะรู้ว่าคนเป็นลูกมีความสุขมากแค่ไหน
‘รักพี่เค้ามากสินะแทมิน...ตอนนี้ลูกคงเหงามาก แต่ลูกยังมีแม่อยู่นะ’ แม่ของแทมินพูดกับแทมินที่หลับไม่รู้สึกตัว
ก่อนจะพรบจูบที่หน้าฝากลูกชายของเธอเบาๆ แล้วดับไฟในห้องก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ
ทำอย่างนี้ไม่รู้เท่าไร ไม่รู้นานเท่าไรที่คนเป็นแม่ต้องเห็นลูกแอบมาร้องไห้จนเหนื่อยจน ต้องเผลอหลับไปทุกครั้ง... เห็นลูกเจ็บ
คนเป็นแม่เจ็บปวดกว่าร้อยเท่า
แต่จะทำยังไงได้นอกจากอยู่ดูแลไม่ไปไหน...
..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
1 หนึ่งปีผ่านไปสวัสดีครับ ผมจงฮยอนรูปหล่อแต่พ่อไม่รวยเท่าไร
อย่างที่รู้กันว่าผมกับแทมินเป็นเพื่อนสนิทกันม๊ากมาก...ไม่มีเรื่องไหนของแทมินที่ผ
มไม่รู้
แต่ยกเว้นเรื่องเดียวที่ผมพลาดไป คือเรื่องของน้องแชริม...นักเต้นแทงโกสาวสวยน่ารักคนนั้น
จะว่าไปถึงวันนี้แทมินมันยังรับจ๊อบไปเต้นแทงโกกับน้องสาวคนนั้นอยู่ มันบอกว่า ‘หาเงิน...เก็บตังค์’
สงสัยมันจะเก็บตังค์ซื้อตั๋วไปตามหัวใจของมัน ที่บินหนีไปไกลถึงอังกฤษโน้นล่ะมั้งครับ
ความจริงรายได้มันแต่ละงานที่มันไปโชว์เปียโนกับวงญี่ปุ่นของมัน ผมว่าก็ไม่น้อยทีเดียว มันยังจะเก็บอะไรอีก
ตอนนี้มันซื้อบ้านหลังใหม่ให้พ่อแม่มันได้เรียบร้อยแล้วล่ะครับ
นี่แหละครับก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อน้องแชริมหันกลับมานับญาติกับบ้านมัน โคดจริงใจเลยครับ
ผมเห็นแล้วอิจฉามันจริงๆ คนอะไรดีรอบด้าน ทั้งเก่งเปียโน เต้นแทงโก ผมเคยตามไปเชียร์อยู่สองสามครั้ง ไม่อยากจะเชื่อสายตา
หมอนี่มันเต้นเก่งสุดยอดจริงๆ ส่วนเปียโนไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันขั้นเทพ การันตีได้งานผลงานของมันกับพวกญี่ปุ่นที่ขายได้ล้านแผ่น
ตอนนี้เห็นว่ามันกำลังจะมีอัลบัมเดี่ยวเป็นของตัวเองแล้วล่ะครับ เรื่องเงินทองนี่ี่นับกันไม่หวาดไม่ไหว มันให้ผมยืมเงินด้วยนะครับ
ต้องยอมรับครับว่าผมเงินช็อต แหมก็ค่าใช้จ่ายเด็กมหาลัยมันเยอะนี่ครับ ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้คืนมันนะครับ มันก็ไม่ได้ว่าอะไร ฮ่าฮ่า
มันจะว่าอะไรผมล่ะครับ ก็ผมมันเพื่อนที่แสนดีที่ครับ
เรื่องเรียนมันก็เก่งครับ ผมอยากรุ้จริงๆว่ามันสอบเข้ามหาลัยได้เป็นที่1ได้ยังไง
ตอนนั้นจำได้ว่ามันเสียใจเรื่องพี่มินโฮหนีมันไปต่างประเทศเอามากๆ ช่วงแรกๆนะ เดินอย่างกับคนไม่มีวิญญาณ
เดือนนึงโน่นล่ะครับกว่ามันจะปรับตัวกลับมาเหมือนเดิมได้แต่ก็ยังไม่ดีเท่าไร เรื่องแบบนี้มันคงต้องใช้เวลา
มันแปลกไม๊ล่ะครับ คนอกหักขนาดนั้น สามารถทำทุกอย่างให้ดีได้ ดีมากซะด้วย ไอ้นี่ นี่เทพชัดๆครับ
เรื่องหน้า มันก็หน้าตาดี อ๊ะผมก็หน้าตาดีนะคร๊าบบ แต่มันจะดูน่ารัก ส่วนผมก็หล่อนั่นเอง
สาวๆ นี่กรี๊ดมันเกรียวครับ ก็แหมมันเป็นนักดนตรีชื่อดังนี่ครับ
มันป๊อบปูล่าเอามากๆ ที่มหาลัยมีทั้งผู้ชายผู้หญิงมาติดมัน ดีที่มันไม่เอนท์เข้าที่เดียวกับผมไม่งั้นแย่แน่
ความนิยมผมอาจจะถูกมันแย่งไปหมด ผมน่ะสอบติดที่เดียวกับพี่อนยูพี่มินโฮนั่นแหละครับ แต่แทมินติดอีกที่
แต่ดูเหมือนมันไม่ได้สนใจใครสักคนหรอกครับ วันๆทำแต่งานแล้วก็เรียน ผมรู้ครับว่าเพราะอะไร...
มันคิดถึงพี่มินโฮน่ะสิครับ...ผมล่ะสงสารมันจริงๆ
เมื่อเดือนที่แล้ว(ธันวาคม 2011) แทมินมันไปเล่นคอนเสิร์ตที่อังกฤษครับ มันหวังไว้ว่ามันต้องเจอพี่มินโฮแน่ๆ
แต่ให้พูดก็พูดเถอะครับ...คงเจอ
อังกฤษใหญ่ออกขนาดนั้น มันจะเจอกันง่ายๆได้ยังไง สุดท้ายมันกลับมาบอกผมแค่ว่า
‘ไม่เจอ...’ นั่นไงผมว่าแล้ว คงเจอหรอก แต่มันก็บอกผมว่า
‘ฉันพูดไปหมดแล้ว พูดเป็นภาษาเกาหลี คอนเสิร์ตเป็นการกุศลถ่ายทอดสดด้วย ยังไงพี่มินโฮก็ต้องได้ดู ฉันเล่นเพลงนั้นไปแล้ว
พี่มินโฮต้องได้ยิน ต้องรับรู้’ เฮ้อออ ผมล่ะสงสารมันที่สุดครับ ชีวิตมันเด็ยวนี้สบายขึ้นก็จริงครับ แต่ดูเหมือนมันไม่มีความสุขเลยครับ
ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่ไปหาพี่เค้าซะจะได้หมดเรื่อง คิดแล้วกลุ้มคร๊าบบบพี่น้อง...คนหล่อกลุ้มคร๊าบบบ
...มันนานเท่าไรแล้วเธอ ที่เราไม่เจอกัน... มันนานเท่าไรใจฉันไม่เคยเปลี่ยน
...ไม่มีเธอข้างๆ ไม่รู้ว่ามันหนาวเท่าไร รู้แค่ว่าฉันอยู่อย่างยากเย็นเหลือเกิน...
...เธอจะคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงเธอบ้างไหม
... ‘ปล่อยให้ทนจนใจจะท้อ ใจคอจะทิ้งไป เจ้าจะรู้จะเห็นบ้างไหม ใจคนที่รอ’...ถ้าเจอกันอีกครั้งจะพูดกับเธอยังไง เธอจะเหมือนเดิมไหม จะยังมีที่ของฉันในใจเธอหรือเปล่า
เธอจะโกรธฉันไหม แค่รอก็เจ็บปวดแล้ว ถ้าวันนั้นเธอไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป...ฉันอยู่บนโลกนี้ได้ยังไง แต่จะโทษใครก็ฉันที่มันโง่เอง
'วันนี้ฝันของผมเป็นความจริงแล้วฮะ... แต่เป็นความเป็นจริงที่ไม่มีพี่มินโฮ'.......
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อีก3ปีผ่านไป31 ธ.ค.2014สวัสดีอีกครั้งครับท่านผู้อ่าน พบกับผมคนเดิม จงฮยอนสุดหล่อ เริ่มรวยแล้วครับ ก็ตอนนี้ผมเรียบจบมีงานทำแล้วครับ
แทมินเองก็เรียนจบแล้วเหมือนกัน แต่ติดที่แทมินรวยตั้งแต่ยังเรียนไม่จบครับ ฮ่าฮ่า วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าครับผมนัดกับแทมินไว้ครับ
เราจะไปฉลองที่เรียนจบกันด้วย ตอนดึกผมคงอยู่เคาท์ดาวกับมันไม่ได้ ผมมีงานครับ เราก็เลยมากินกันก่อน
ถึงจะเรียนคนละที่แต่4ปีที่ผ่านมาไม่ทำให้ความเป็นเพื่อนของเราลดน้อยลงได้เลยครับ
แทมินก็อย่างนี้ล่ะ มั่นคงเสมอ...
วันนี้ผมรู้อะไรดีๆจากพี่อนยูมาล่ะครับ ตั้งใจว่าจะบอกแทมิน ผมว่ามันต้องดีใจมากแน่ๆ...
“แทมิน...ดีใจจัง เราสองคนก็เรียนจบแล้ว” ผมพูดกับแทมินขณะที่เราสองคน นั่งกินอาหารอยู่ไหนร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“อืม ใช่ ดี” แทมินก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานต่อไป ไม่ได้มองหน้าผมแม้แต่น้อย หลายปีมานี้ดูมันไม่มีความสุขเลยครับ ถึงจะยิ้มๆไป
ก็ยิ้มไปวันๆดูสายตามันไม่มีความรู้สึกอะไรเลยครับ
“นึกแล้วคิดถึงสมัยก่อนเนอะ กว่าเราจะผ่านมาได้ เหนื่อยสุดๆ จำได้ไม๊ช่วงเอนท์ นายน่ะทั้งซ้อมเปียโน เต้นแทงโก อ่านหนังสือ
นายนี่มันสุดยอดจริงๆเลยว่ะ” ผมกลัวว่ามันจะเงียบก็เลยหาเรื่องพูดไปทั่วครับ ไม่ได้คิด มารู้ตัวอีกที...ก็ตอนเห็นหน้ามันเศร้าลง ตายละ
ผมไปพูดแทงใจดำมันเข้า...จงฮยอนผิดไปแล้วครับ แต่ไม่เป็นไรครับผมขอแก้ตัว รับรองคราวนี้แทมินยิ้มออกแน่
“นี่แทมิน พี่มินโฮกลับมาแล้วนะ”...เงียบ ครับ ยังเงียบอยู่ แทมินมันยังคงอยู่ในท่าเดิม อาการเดิม
ผิดคาดครับมันไม่ดีใจแล้วก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเลยครับ...
..แล้วแทมินกับจงฮยอนก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันอีกในตอนนั้น
ท่ามกลางบรรยากาศที่ครึกครื้นของการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีก
ไม่กี่ชั่วโมง ผู้คนมากหน้าหลายตา
เดินสวนวกวนกันไปมาให้ควั่ก ความรู้สึกภายในใจของแทมินไม่ได้ไปตาม ความครื้นเครงของบรรยากาศแม้แต่น้อย
มองไปทางไหนก็มีแต่คนมีความสุข คนหลายคู่ดูมีความสุขกับคนรักของตน แทมินมองแล้วได้แต่แอบยิ้มไปคนเหล่านั้น...
แทมินเดินเลี่ยงฝูงชนออกมาบริเวณริมแม่น้ำไม่ไกลจากงานนัก เค้าเลือกจุดที่คิดว่าวิวสวยที่สุด ก่อนจะนั่งลงบนพื้นหญ้านุ่ม
มองบรรยากาศสวยงามแบบนี้ให้เนิ่นนาน...
“เอาล่ะครับ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาปีใหม่เข้ามาเต็มทีแล้วครับ
เรามาร่วมนับถอยหลังพร้อมกันดีกว่า”เสียงพิธีกรของงานที่อยู่ห่างจากแทมินไปไม่ไกลเท
่าไรนัก กำลังพุดด้วยความตื่นเต้น
ทำให้ผู้คนที่มาร่วมงานแต่ละคนตื่นเต้นตามๆกันไป
“สิบ...เก้า...แปด...เจ็ด...หก...”เสียงผู้คนส่งเสียงนับถอยหลังพร้อมๆกันดังอยู่รอบ
ๆตัวแทมิน
.
.
.
“ห้า” แทมินลุกขึ้นยืนพูดกับตัวเองเบาๆไปพร้อมกับผู้คนที่ส่งเสียงพร้อมกันลั่นบริเวณนั้น
“สี่/สี่” มีเสียงใครอีกคนดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงแทมิน ...แค่คำสั้นๆ แต่แทมินจำน้ำเสียงได้ดี
แทมินค่อยๆหันหน้าไปมองด้านซ้าย เห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ไกลจากแทมินเท่าไร
แสงไฟมืดสลัวทำให้เห้นหน้าใครคนนั้นไม่ชัด แต่แทมินก็จำได้ดีว่าเป็นใคร... ‘พี่มินโฮ...’
“สาม...” เสียงเขาคนนั้นยังดังต่อไปพร้อมๆกับแทมินที่ยืนมองหน้าเขานิ่ง
“สอง/สอง” แทมินเรียกสติกลับมาแล้วพูดขึ้นพร้อมกับคนข้างๆ
“หนึ่ง/หนึ่ง” แทมินยังคงจดจ้องไปที่มินโฮ แต่มินโฮมองไกลออกไป
“
Happy Newyaer คร้าบบบบบบบบ” เสียงตะโกนของพิธี ดังก้องไปทั่ว พร้อมกับ เสียงผู้คนรับร้อยตรงนั้น
บวกกับเสียงผลุและดอกไม้ไฟที่ถูกจุดดังไม่หวาดไม่ไหว เสียงดังที่บ่งบอกของความสุขที่กำลังจะมาเยือน...
แสงสีจากแสงไฟและพลุมากมาย ทำให้เห็นใบหน้าของมินโอชัดเจนขึ้น...เป็นใบหน้าที่เรียบเฉย จนน่าตกใจ...
“Happy Newyaer ฮะ” แทมินพูดเบาๆพอให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆได้ยิน
แล้วหลบสายตาออกไปมองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่สะท้อนแสงสีของดอกไม้ไฟ ผลุ ที่ถูกจุดอย่างสวยงาม
“Happy Newyer ครับ” น้ำเสียงนุ่มลึกข้างคนที่ยืนนิ่งๆมองออกไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ไม่ได้เหลียวมามองคนข้างๆแม้แต่น้อย
อาการแบบนั้น...ทำให้แทมินใจสั่นไม่น้อย
‘พี่มินโฮ คงไม่มีแทมินอีกต่อไปแล้วสินะฮะ...’
ความเงียบเข้าครอบคลุมพื้นที่เล็กๆตรงนั้น แม้รอบข้างจะมีเสียงดังครึกครื้นมากมาย
“มาคนเดียวเหรอฮะ” แทมินตัดสินใจถามออกไป แม้ในใจยังกล้าๆกลัว...
เนิ่นนาน...ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย
‘พี่มินโฮ...คงมีใครแล้วสินะฮะ...คงไม่มีที่สำหรับแทมินคนนี้แล้วใช่ไม๊ฮะ’ แทมินอยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้ คิดถึงเค้าแทบตาย...แต่ในที่สุด ก็ดูเหมือนการรอคอยได้จบลงแล้ว...จบลงจริงๆ
นี่เค้าคงไม่ต้องรออีกต่อไปแล้วใช่ไม๊...
“ผมมาคนเดียวครับ” มินโฮพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาที่มองมองไปไกลไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆของเจ้าตัว
ยิ่งทำให้แทมินใจสั่นเข้าไปอีก...
“ผมขอตัวนะครับ” พูดแล้วมินโฮก็เดินหันหลังกลับไป...โดยที่ยังไม่ได้มองมาอีกทาง ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นใครคนนึงกำลังยืนก้มหน้า
นิ่งเงียบ ข่มกลั้นความรู้และน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา...
...ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่พี่มินโฮของอีแทมินอีกต่อไปแล้ว......แทมินนายรอมาตั้งนาน พูดออกไปสิ... อยากพูดอะไรก็พูดสิ พี่มินโฮจะว่ายังไงก็ช่างมัน อย่างน้อยนายก็ได้พูดมันออกไปนะ
นายรอวันนี้มานานแค่ไหน...พูดออกไปสิแทมิน
แทมินสับสนอยู่กับความคิดของตัวเองก็จะตัดสินใจตะโกนออกไปว่า...
“เมื่อสี่ปีที่แล้ว ผมเคยแต่งเพลงเป็นของขวัญให้คนๆนึงที่ผมรักเค้ามาก เค้าทั้งใจดี ดูแลผมทุกอย่าง แต่เค้าก็หนีผมไปซะก่อน
ตอนนี้ไม่รู้ว่าเค้ายังอยากจะฟังเพลงของผมอยู่รึเปล่า คุณพอจะรู้จักเค้าไม๊ฮะ ถ้าคุณรู้จักเค้าฝากบอกเค้าด้วยว่า
ผมยังอยากจะเล่นเพลงเพลงนั้นให้เค้าฟังอยู่นะฮะ”เสียงตะโกนไล่หลังของแทมินทำให้มินโฮที่กำลังก้าวเท้าอยู่ ต้องหยุดชะงัก...
มินโฮไม่ได้ตอบอะไรกลับมา...ยังคงยืนนิ่งหันหลังให้มินตรงนั้น เสียงผู้ครอบข้างกายยังคงดังเซ็งแซ่
แต่ในใจของแทมิน...เงียบเหลือเกิน
แทมินเช็ดคราบน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมา ก่อนตัดสินใจหันหลังกลับไป...
ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนดังจากข้างหลังที่ทำให้แทมินต้องหยุดว่า...
“เมื่อสี่ปีที่แล้วผมมีของขวัญชิ้นนึงอยากให้คนที่ผมรักมาก เค้าทั้งน่ารักและจริงใจ ทุ่มเทเพื่อผมทุกอย่าง
แต่ผมก็โง่หนีเค้าไปเสียก่อน คุณพอจะรู้จักเค้าไม๊ครับ ถ้าคุณรู้จักเค้าฝากบอกเค้าด้วยว่า ผมยังอยากให้ของขวัญชิ้นนั้นกับเค้าอยู่” เสียงตะโกนของมินโฮ ทำให้แทมินที่กำลังเดินออกไปจากตรงนั้น หยุดนิ่งและยิ้มออกมา ก่อนจะหันหลังกลับมา
เห็นหน้าใครอีกคนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงนั้นพร้อมๆกับอ้าแขนออกเป็นวงกว้าง แทมินเช็ดคราบน้ำตาแล้วยิ้มออกมาอีก
ก่อนจะรีบวิ่งไปกอดคออีกฝ่าย
มินโฮที่ยืนยืนก็กอดรับแทมินที่กะโดดใส่เค้าจนแทบจะล้มลง...
...ขอกอดให้หายคิดถึงก่อนแล้วกัน...
ช่วงเวลายาวนานแสนนาน ช่วงเวลาหลายปีที่อีแทมิน เหน็บหนาว ชเวมินโฮเองก็ไม่ต่างกัน...
อ้อมกอดอบอุ่นที่โหยหา อ้อมกอดที่เฝ้ารอมาเนิ่นนาน...ต่อไปนี้จะไม่หนาวอีกต่อไปแล้ว
“คิดถึงจังเลย” แทมินพูดเบาพอให้มินโฮได้ยิน แต่มันก็ดังก้องในหัวใจของชเวมินโฮ
“นึกว่าจะไม่ได้ฟังคำนี้ซะแล้ว” มินโฮพูดพร้อมกับยิ้มออกมา ก่อนที่ทั้งสองจะคลายอ้อมกอด มามองหน้ากัน...ยิ้มให้กันอย่างอบอุ่นหัวใจ
“ไหนล่ะฮะของที่จะให้แทมิน” แทมินพูดแล้วก็พลางมองไปรอบไม่เห็นมีกล่องของขวัญอะไร
“นี่ไงล่ะ..” มินโอพูดพร้อมกับถอดสร้อยคอออกมา เปียโนแก้วสะท้อนแสงสีในยามค่ำคืนได้อย่างสวยงาม จนคนที่รับถึงกับทำตาโต
“ว๊าววววว สวยจังเลยฮะ” แทมินพูดพร้อมกับเอามือจับที่เปียโนแก้วอันนั้น มินโฮเองก็กำลังใส่สร้อยเส้นนั้นให้แทมิน
“ชอบไม๊ พี่ตั้งใจให้เป็นของขวัญ สำหรับความพยายามที่แทมินทำให้พี่ทั้งหมด” คนตัวสูงพูดพร้อมกับเอามือลูบศรีษะอีกฝ่าย
“ชอบมากฮะ แต่พี่มินโฮไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรก็ได้นี่ฮะ แค่มีพี่มินโฮก็พอแล้ว” สายตาแทมินยังคงจ้องและพิจารณาจี้อันนั้นไม่วางตา
“แล้วไหนล่ะของขวัญวันเกิดของพี่ แต่นี่ก็เลยไปหลายวันแล้วนะ”
“เอาไว้กลับบ้านแทมินจะเล่นให้ฟังนะฮะ เล่นด้วยเปียโนของแทมินเอง เพื่อพี่มินโฮคนเดียว” แทมินพูดแล้วก็ยิ้มให้อีกฝ่าย
มินโฮคิดถึงรอยยิ้มนี้ที่สุด รอยยิ้มที่เป็นของเค้าไม่ใช่ของใคร!!
“พี่มินโฮใจร้ายหนีแทมินไปตั้งไกล ไม่บอกแทมินสักคำ รู้ไม๊ว่าแทมินคิดถึงพี่มินโฮแค่ไหน” แทมินพูดพร้อมกับค้อนให้อีกฝ่าย
“ก็แทมินใจร้ายกับพี่ก่อนนิ่ พี่ก็เลยต้องหลบไปรักษาแผลใจน่ะสิ แล้วทำไมเราไม่ไปตามหาพี่บ้างล่ะ พี่น่ะรอเราทุกวัน
วันๆก็นั่งฟังแต่เพลงของแทมินพอให้หายคิดถึง เดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนะเรา ไอ้พี่ก็นึกว่าจะมาตามหากันบ้างก็ไม่มี ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ”
คราวนี้เป็นมินโฮที่ค้อนบ้าง
“ก็แทมินไม่กล้านี่ฮะ กลัวว่าพี่มินโฮจะโกรธแทมินอยู่ แทมินไม่กล้าไปเจอหน้าพี่มินโฮหรอกฮะ จงบอกว่าพี่มินโฮกลับมาแล้ว
แทมินยังไม่กล้าไปสู้หน้าพี่มินโฮเลยฮะ”
“ตอนแรกพี่ก็โกรธแทมินอยู่ ตอนที่แทมินไปเล่นคอนเสิร์ตพี่ถึงได้รุ้ว่าพี่เข้าใจผิดเข้าให้แล้ว พี่ถามอนยูเลยได้รู้เรื่องทั้งหมด
พี่นี่โง่จริงๆเลยนะ สุดท้ายพี่ก็ต้องทนเหงาอยู่อังกฤษคนเดียว นับวันรอจะได้กลับมาเจอแทมินนี่ล่ะ” มินโฮพูดแล้วก็เสมองไปทางอื่น
ยิ้มอย่างอายๆ ทำให้แทมิน หัวเราะร่วนกับท่าทางของมินโฮ...
“นี่เราสองคน...เป็นเอามากเหมือนกันนะฮะ”..ว่าแล้วทั้งสองก็หัวเราะไปพร้อมกัน จะมีใครมีความสุขไปกว่าพวกอีกไม๊นะ
“เอ่อ พี่มินโฮฮะ ตอนนี้ พี่มินโอยังอยากรับแทมินคนนี้เป็นแฟนอยู่รึเปล่าฮะ” พูดไปก็เขินไปแทมินก็เลยเสมองไปทางอื่น
รู้สึกร้อนๆที่หน้ายังไงชอบกล ทำให้มินโฮหัวเราะเบาๆกับท่าทางน่ารักแบบนั้น ก่อนจะตอบออกมาว่า
“ไม่รับหรอก... สำหรับอี แทมิน ไม่ใช่แค่แฟน แต่เป็นทุกๆอย่างของชเว มินโฮ ”น้ำเสียงจริงใจและหนักแน่น นั้นทำให้แทมินหัวใจพองโตอย่างที่สุด
“จะคำไหนก็ไม่สำคัญ...แค่ชเวมินโฮมีอีแทมินอยู่ก็พอแล้ว” มินโอพูดพร้อมกับจับมือและมองหน้าคนตัวเล็กข้างหน้า
ทำให้อีแทมินรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจและพูดออกมาว่า
“แค่อีแทมิน มีชเวมินโฮก็พอแล้ว” พูดเสร็จก็โผเข้ากอดคนตรงหน้า
“แค่เรามีเราก็พอแล้ว/แค่เรามีเราก็พอแล้ว” เสียงสองเสียงที่ดังขึ้นประสานกันบ่งบอกถึงความสุข ความรักและความจริงใจที่มีให้แก่กัน
เป็นสายใยเล็กที่บางเบา ไม่มีใครเห็นได้ด้วยตา แต่เค้าทั้งสองคนสัมผัสมันด้วยใจ
...เป็นสายใยที่ส่งถึงกันโดยไม่มีข้อแม้ และไม่ต้องอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์และเงื่อนไขใด
...เป็นสายใยที่ไม่ว่าใครก็ทำลายลงไม่ได้...
...ต่อไปนี้จะไม่ปล่อยมือไปอีกแล้ว จะอยู่เคียงข้างและเชื่อใจกันไปอย่างนี้ เวลาและทุกอย่างได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
ฉันเชื่อใจเธอได้มากแค่ไหน...End
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น