กิ๊กรักที่พักนายข้างห้อง
ถ้าจะถามว่า คุณมีความรักครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่? หลายคนอาจจะบอกว่ารักครั้งแรกหรอ?เด็กอนุบาลก็มีแล้วล่ะ..แต่เอ้... แล้วจะมีใครซักคน บนโลกกลมๆใบนี้ เชื่อไหม? ว่าฉันมีรักครั้งแรกตอนอายุ 18
ผู้เข้าชมรวม
347
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
มีความจริงของโลกอยู่ข้อหนึ่งที่บอกว่า เมื่อรัตติกาลอันหนาวเหน็บผ่านพ้นไป ความสว่างสดใส และความอบอุ่นก็จะมาเยือนถ้าคุณรออีกแค่ 12 ชั่วโมง แต่ชีวิตของฉันสิ กว่าที่ดวงตะวันดวงนั้นจะมาเยือน ฉันต้องรอนานแสนนาน.....และแล้วการรอคอยของฉันก็สิ้นสุดลง เมื่อเขาคนนั้นเดินเข้ามา แล้วจะมีใครซักคน บนโลกกลมๆใบนี้ เชื่อไหม? ว่าฉันมีรักครั้งแรกตอนอายุ 18”
สายหมอกสีขาวเหมือนปุยฝ้ายลอยตัดกับสีเขียวของยอดดอย เป็นภาพที่ฉันเริ่มชินตาเมื่อมองออกไปที่ระเบียง ก็ฉันมาอยู่ที่เชียงใหม่นี้ได้เกือบครึ่งปีแล้วนิ ฉันรู้สึกไม่ชอบตอนเช้าในฤดูหนาวเท่าไหร่เลย ถ้าไม่ต้องตื่นขึ้นไปเรียนหรือไปทำงานนะ ฉันจะไม่มีทางลากตัวเองขึ้นมาจากเตียงอันแสนสบายเด็ดขาด เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะมันช่างทรมานสังขาลของคนอายุ 18 อย่างฉันมากเลยน่ะซิ ก็อากาศมันหนาวยะเยือกจนฉันสะท้านซะขนาดนี้ และที่สำคัญที่สุด มันทำให้ฉันต้องตื่นมาพบกับความจริงที่ว่า ฉันยังอยู่คนเดียว อายุก็ปาเข้าไป 18 แล้ว ฉันยังไม่มีแฟนเลย อย่าว่าแต่แฟนเล้ย ความรักครั้งแรกฉันยังไม่เค้ยยไม่เคยมี
“ซวยแล้วว จะทันไหมเนี้ย” >o< ฉันรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วปัดผมที่ยาวพะรุงพะรังให้พ้นออกไปจากหน้าแล้ว มองไปที่นาฬิกาสีชมพูสดใสบนหัวเตียงที่มันบอกเวลาว่าตอนนี้ปาเข้าไปเจ็ดโมงครึ่งแล้ว
“หน้าตาก็ไม่ขี้เหล่เท่าไหร่นี่หว่าแล้วทำไมถึงอยู่คนเดียวอีกล่ะน้องสาว” ^v^ฉันพูดพลางยิ้มให้กับกระจก เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยิ้มให้กับฉันเช่นกัน หน้าตาที่ไม่มีเครื่องสำอางใดๆนอกจากแป้งฝุ่นแบบเด็กๆแล้วก็ลิปสติกบางใสมันก็ทำให้ฉันมั่นใจในหน้าตาของฉันแล้วล่ะไม่เท่าไหร่เลยนะเรา
หุหุหุ (^v^)
“ตายแล้ว! โดนเจ๊เพ่งกะบาลแน่เลย” >o< หลังจากที่ยิ้มให้กับตัวเองพอใจแล้วต้องตกใจเมื่อมองนาฬิกาทีข้อมืออีกครั้ง ฉันจึงรีบใส่เกียร์น้องหมารีบวิ่งออกหออย่างรวดเร็ว ฉันคงทันนะถ้าฉันหารถไปได้แล้วรถไม่ติดมาก และถ้า..........
“ว้าย!!!!!!!/เฮ้ย !!!” >O<
“โครม!!!!!”
ฉันรู้สึกได้ว่าฉันต้องชนกับอะไรบางอย่างที่แข็งมากๆ(ไม่แข็งฉันก็คงไม่กระเด็นไปซะไกลขนาดนี้หรอก) แต่ที่แน่ๆฉันหลับตาปี๋แต่หูก็ได้ยินเสียงข้าวของมากมายตกกระจัดกระจายแล้วมันเป็นของใครหว่า? >-O
“อูยยยยยยยยยยย >o<นี่คุณ! เดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือไม่เห็นคนรึไง
”พอฉันลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้ ฉันก็เริ่มตั้งท่าวีนใส่คนที่มาชนฉันทันที
“ นี่คุณ ให้มันน้อยๆหน่อย คุณนั้นแหละที่ไม่มีตารึไงวิ่งพรวดพลาดออกมาอย่างนั้น” ผู้ชายคนที่ฉันชนเงยขึ้นมามองหน้าฉัน ก่อนจะตอกฉันกลับมาอย่างเอาเรื่อง ขณะที่มือก็สาระวนกับการเก็บของ
หว้ายยยย ถ้าฉันคิดไม่ผิด ฉันกำลังจ้องหน้านายคนนี้นานไปเป็นเกือบนาทีเลยล่ะ ปิ๊ง*เลย*v* ผู้ชายอะไรถูกสเปกชะมัด ถ้าฉันไม่มียางอายบนหน้า ตอนนี้ฉันอยากจะร้องเพลง “ใช่เลย”ดังๆให้ก้องโลก ให้รู้ว่าฉันเจอแล้วววว ใบหน้าได้รูปรับกับคิ้วหนาเข้ากับผมที่ตัดเป็นทรงปัดเซอร์ๆ จมูกเป็นสันเข้ากับผิวสีน้ำผึ้ง ฉันว่าฉันต้องตกหลุมรักนายคนนี้แน่ๆ ถ้า----เราไม่เจอกันในสถานการณ์แบบนี้-_-“
“โอย ! ซวยแต่เช้าเลยยย” -_- ฉันพูดเสียงลอดไรฟันออกมาเบาๆหลังจากที่เรียกสติกลับมาได้พร้อมกับชักเป้ที่สะพายให้กะชับก่อนที่จะก้าวเท้าออกเดินและเตรียมวิ่งอีกครั้ง
“คนเราสมัยเนี้ยมันช่างแล้งน้ำใจซะจริงจริ้งงงงง แล้วไอ้ยิ่งพวกชนแล้วหนีเนี้ย น่าจะจับส่งตำรวจให้ขังลืมไปเลย” เสียงจากคนข้างหลังพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ซึ่งมันทำให้ฉันต้องหยุดเท้าไว้แค่นั้นและเลือกที่จะหันหลังกลับมาปะทะคารมกันอีกครั้ง
“นี่คุณ! ฉันไม่ได้ขับรถไปชนคนตายที่ไหนนะ ถึงกับจะให้ตำรวจมาจับ” ฉันพูดออกไปอย่างเหลืออดหลังจากที่หยุดเท้านิ่งฟังผู้ชายคนนี้พูดจนจบประโยค
“ผมก็ไม่ได้ว่าให้คุณนิ แล้วอีกอย่างคุณก็คงไม่ได้ไปขับรถชนใครตายแล้วหนีคดีมาใช่มะ ก็แค่.....ชนคนแล้วไม่มีน้ำใจช่วยเขาเก็บของแค่นั้นเอง” เขาวางหนังสือในมือลงแล้วลุกขึ้นยืนกอดอกลอยหน้าลอยตาพูดกับฉันโดยเน้นประโยคหลังอย่างชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้นายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
“เออๆ ก็ได้ๆจะช่วยเก็บ พอใจไหมล่ะ” -_- ฉันพูดออกมาอย่างเสียอารมณ์สุดๆ
“ของมันแน่อยู่แล้ว” นายคนนั้นพูดกับฉันพร้อมยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ ซึ่งถ้าฉันไม่คิดว่ามันเป็นการยิ้มเยาะเย้ยนะอยากบอกว่ามันเป็นยิ้มที่น่ารักสุดๆเลยล่ะ พอฉันช่วยนายกวนโอ๊ยนั้น เก็บของเสร็จก็ต้องใส่เกียร์เสือชีต้าติดเทอร์โบพลังสูงเลยก็ว่าได้เพื่อที่ไปที่ร้านขายกิ๊ฟชอป ที่ฉันทำงานอยู่ วันนี้โดยเหตุที่เจอเรื่องแต่เช้า แถมมาโดนเจ๊ด่าอีกทำให้ฉันเซ็งสุดๆเลย ฉันคงกินข้าวไม่อร่อยไปหลายวันแหง๋ๆ ฉันชอบงานที่ทำมากเลย แต่ที่ไม่ชอบอยู่อย่างหนึ่งในร้านนี้ก็คือ ฉันต้องทนเห็นคู่รักควงแขนกันกระหนุ่งกระหนิ่งเดินไปเดินมาในร้านน่ะซิ ฉันก็อิจฉาเป็เหมือนกันนะ T^T แล้วด้วยความอิจฉา ฉันก็แอบมองคู่รักที่มาซื้อของสวีดกันอีกแล้ว จนโดนเพื่อนที่ทำงานล้อแล้วหัวเราะใส่อีก อยากฆ่ามันซะจริง แหม่มมมยายพวกนี้ช่างแสนรู้ซะจริง รู้ไปซะหมดว่าคิดอะไร ขณะที่ในหัวอยู่ๆก็มีหน้าของผู้ชายคนนั้นลอยขึ้นมา ถ้าได้อย่างนายคนที่ชนเมื่อเช้าก็ไม่เลวนะ หุหุหุ ^v^
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากที่ไปส่งของให้ลูกค้าเสร็จความซวยก็มาเยือนชีวิตฉันอีกครั้งในรอบวันนี้
เมื่อฉันหาทางกลับหอไม่ได้นะสิ ก็ไอ้บ้านที่ให้ฉันมาส่งของขวัญ ดันมาอยู่ในซอยซะลึกลับไม่ค่อยมีรถผ่านซะเท่าไหร่นานแสนนานกว่าจะมาให้โบกสักคัน แล้วตอนนี้ท้องฟ้ามันก็เริ่มมืดลง อากาศก็เริ่มหนาวขึ้นทุกที ใจก็เริ่มหวั่นๆ แล้วซิ ถ้าเกิดฉันเจอเจ็กพอตร์ มีคนร้ายฆ่าข่มขืนอยู่แถวนี้ฉันจะทำยังไงล่ะเนี้ยยยยย ฮือออออ TT-TT
“ลุงไม่ไปหรอค่ะ ไปหน่อยนะค่ะ หนูให้ลุง 30 เลยอ่ะ” o-“ ฉันพยายามพูดให้อ่อนหวานที่สุดเพื่อที่จะให้ลุงคนขับรถโดยสารพาไปส่ง
“ไม่ดีกว่าหนู หนูไปตั้งไกลแล้วไปคนเดียวมันไม่คุ้ม หรือถ้าหนูให้ลุงร้อยหนึ่งก็ว่าไปอย่าง” ลุงเริ่มต่อรองเมื่อไม่พอใจในราคาค่าโดยสารที่ฉันเสนอไป
“ลุงไปส่งหนูหน่อยเถอะน้า เห็นแก่ลูกนกลูกกาตาดำๆล่ะกัน หนูให้ลุงได้แค่นี้จริงๆ” T-Tฉันพยายามขอร้องลุงอีกครั้งเพื่อที่จะไปให้ได้แต่ดูเหมือนว่าลุงจะไม่ใจอ่อนซะเลย แล้วจะให้เงินเพิ่มก็ไม่ได้แล้วถ้าฉันให้ตามที่ลุงขอ กว่าจะถึงสิ้นเดือนฉันต้องเป็นหมูกินแกลบแน่เลย
“อั้นลุงไปแล้วเด้อ”(งั้นลุงไปแล้วนะ) พูดไม่ทันขาดคำลุงก็เข้าเกียร์ขับออกไปทันที
“เดี๋ยว! ลุงรอฉันด้วย ลุง! โถ่โว้ย” >o< ฉันรู้สึกเซ็งสุดๆเลย ทำไมวันนี้มันถึงได้ซวยๆๆๆๆๆๆอภิมหาซวยอย่างนี้นะ แล้วนี่จะกลับยังไงล่ะเนี้ย ฉันก้มหน้าเดินไปเดินมาอยู่อย่างนั้นคิดไม่ตกว่าจะเดินออกไปหารถข้างนอกดีไหมแต่มันก็ไกลแล้วก็ไม่รู้ทางด้วยถ้าเกิดเดินซะเปะซะปะเดี๋ยวก็คงหลงไปใหญ่แน่เลย จะรอรถอยู่ตรงนี้ก็ท่าจะไม่ไม่ดีเท่าไหร่
“วะว้าย! ช่วยด้วยค้า! ช่วยด้วยผู้ร้ายจะฆ่าข่มขืนค้า ใครก็ได้ช่วยทีทีทททท” >O& lt;ฉันหลับหูหลับตาแหกปากโหวแหวกโวยวายขึ้นมาทันทีเมื่อฉันเดินไปชนใครหนึ่งที่ฉันคิดว่าต้องเป็นคนร้าย ตายยยแน่เลยยายส้มเกิดมายังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาเลย วันนี้จะข้ามขั้นมีคุณสามีเลยหรอเนี้ย
“โอยยยยเธอ หุบปากแล้วเลิกแหกปากโหวกแหวกโวยวายได้แล้ว หนวกหู”ฉันได้ยินเสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้น เมื่อฉันลืมตาก็เห็นผู้ชายคนที่ฉันชนเมื่อตอนเช้ายืนอยู่ข้างหน้าฉันมือสองข้างปิดหูอยู่
“คะ คุ คุณ อ้าวคุณ มาได้ไงเนี้ย” -_-“
“ อ๋ออออ คุณน่ะเอง ผมควรจะถามคุณมากกว่ามาคุณมาอยู่ที่นี่ได้ไง มาก้มหน้าเดินไปเดินมาอยู่แถวนี้ รึว่า....... คุณเหงา---------เลยมาเดินล่อไอ้เข้ แต่ว่า.....หุ่นอย่างคุณเนี้ยคงไม่มีใครลงทุนลากไปหรอกมั่ง” นายนี่ชักปากเสียซะแล้วซิ ดูพูดเข้าแล้วไอ้สายตาที่มองตั้งแต่หัวจดเท้าเนี้ย ดูถูกกันชะมัด มาว่าฉัน คนออกจะหุ่นดี (แค่เพื่อนล้อว่ายายจอแบบแค่นั้นเอง)
“บ้าเซ่ ใครจะทำอย่างนั้น แค่.....ฉัน”ฉันเริ่มอ้ำอึงก็ใครอยากจะให้ใครรู้ล่ะว่าตัวเองจนปัญญาหาทางกลับที่พักไม่ได้
“แค่ฉัน.....อะไร หารถกลับไม่ได้ใช่ม่ะ”นายตัวแสบรู้ทันฉันซะแล้วล่ะ ไอ้บ้าเนี้ยช่างแสนรู้อีกล่ะ ขนาดยังไม่รู้จักกันนะเนี้ย
“ทำไม ๆ ทำเป็นรู้ดี เชอะ!”
“คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะถามว่าคุณชื่ออะไร” นายนี่แปลกคนจริงอยู่ๆก็มาถามชื่อเฉยเลย
“ทำไมฉันต้องบอกล่ะ หรือว่าอยากรู้จักคนหน้าตาดีใช่ม้า” ฉันตอบออกไปอย่างกวนๆและรู้สึกว่าใจเต้นน้อยๆนะเมื่อนายคนนั้นถามฉันพร้อมกับส่งยิ้มมา
“ก็อย่างน้อยๆเราก็อยู่หอเดียวกัน” เมื่อได้ยินดังนั้น ทำให้ฉันถึงขั้นหูผึ่งขึ้นมาทันที
“คุณอยู่หอนั้นด้วยหรอ”
“ใช่ ผมเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อเช้า”นายปากเสียบอกขณะฉันขณะที่สายตาก็มองออกไปทางถนน
“หรอ แล้วนายอยู่ชั้นไร” ฉันเริ่มอยากรู้ขึ้นมาแล้วซิ
“อันแน่ๆไม่บอกหรอก คุณบอกชื่อมาก่อนซิ” นายปากเสียหันกลับมาตอบ
“ใครจะไปอยากรู้” ฉันพูดออกไปอย่างปัดๆบอกว่าอยากรู้ก็เสียฟอร์มแย่ซิ
“แน่ใจหรอ ไม่อยากรู้จักผม น่าเสียใจ” นายปากเสียพูดพร้อมทำหน้าจ๋อย
“อะ ก็ได้ๆถ้าคุณขอร้องขนาดนั้น ฉันบอกก็ได้ถ้าฉันบอกแล้วคุณก็ต้องบอกด้วยว่าคุณอยู่ชั้นไหนห้องไหน ชื่ออะไรด้วย” ฉันโพล่งคำถามออกไปทั้งหมดที่อยากรู้เลยก็อยากรู้จริงๆนิ
“นี่ๆคุณไม่อยากรู้จักผมสักนิดเลยนะ แต่ก็ได้นะถ้าคุณอยากรู้จักคนหล่อแบบผม ฮะฮะฮะ”
“หล่อตายล่ะ ตกลงบอกไหมล่ะ ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก” ฉันเริ่มหงุดหงิดกับความกวนประสาทของนายนี่มากขึ้นทุกที
“ผมชื่อ ต้น อยู่ชั้น 3 ห้อง 312 ครับ ทีนี้ตาคุณบ้าง บอกมา”-_-
“หา! คุณอยู่ห้อง 312 หรอ” OoO เมื่อนายนั้นบอกออกมาฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลย
“ทำไม ดูทำหน้าเข้า พูดอย่างกับคุณอยู่ชั้นเดียวกับผม”
“ใช่ ฉันอยู่ห้อง 311”
“โหหห อะไรโลกมันจะกลมขนาดนั้นแล้วทีนี้เราก็ยิ่งสมควรจะรู้จักกัน บอกชื่อคุณมาซะ”
“ฉันชื่อ ส้ม”-O-
“เหอะ ชื่อสมกับตัวดีนะ แล้วส้มพันธุ์ไรล่ะถึงได้แคระแกร่นแล้วก็เข็ดฟันแบบนี้”
“นี่คุณ ให้มันน้อยๆหน่อย เพิ่งรู้จักกันยังไม่ทันไรก็แซวกันซะแล้ว”ฉันรู้สึกฉุนขึ้นมานิดหน่อยเมื่อนายต้นบ้าเนี้ยมาว่าฉันเตี้ย ฉันมาตรฐานหญิงไทยนะยะ
“ลุงจอดหน่อยคร้าบ” นายต้นคนข้างห้องหันไปโบกรถทันทีที่เห็นรถมาแล้วเข้าไปพูดต่อรองราคา
“อ้าวไปซิคุณณณ จะยืนหาสวรรค์วิมานอะไร หรือว่าจะยืนรอไอ้เข้อีก
”ฉันเดินขึ้นตามที่นายนั้นเรียก ฉันไม่ชอบเลยคนอะไรจะหาเรื่องแซวได้ตลอดเลยพอมาถึงหน้าหอนายต้นก็ส่งเงินให้ลุงคนนั้นตั้ง 120 แน่ะ โห อะไรจะแพงขนาดนั้น 120 ฉันกินข้าวได้ตั้ง 2 วันเลยนะนั่น
“นี่ นาย เรื่องตังค์อ่ะ” ฉันเดินเข้าไปหานายต้นพร้อมกับจะบอกว่าจะช่วยออกครึ่งหนึ่ง ก็ใครจะให้จ่ายให้ล่ะ น่าเกลียดตายไม่เป็นอะไรกันซะหน่อย(ถ้าเป็นก็ดี หุหุ)
“อ๋อ ฉันจ่ายให้เลี้ยงที่ได้รู้จักกัน”เออนายนี้มันก็ความคิดดีเหมือนกัน เราก็จะได้ประหยัดตังค์ไปด้วย
“ขะ ขอบใจนะ” -///- ฉันพูดขอบใจออกไปอย่างเขินๆ ที่จริงนายต้นนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ
“แต่วันหลังถ้าเธอเลี้ยงข้าวฉันตอบแทนก็ดีนะ” หน่อยยยยนายนี่ อุตส่าคิดว่าเป็นคนดีที่แท้ก็.......
ฉันคุยกะนายต้นจนได้รู้ว่าเขาก็อยู่ปีหนึ่งเหมือนกับฉันแล้วก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย นายนี่เก่งใช่ย่อยเหมือนกันนะทำงานตั้งสองที่แน่ะ
“แล้วเธอมาอยู่ที่นี่เธอไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างล่ะฉันไปเที่ยวมาหมดแล้วนะจะบอกให้”
“ยังไม่ค่อยได้ไปไหนเลย ขนาดท่าแพ(ถนนคนเดินที่มีของขายพวกสินค้าพื้นเมือง
และของทำมือ)ฉันยังไม่เคยเข้าไปเลย เห็นเพื่อนบอกว่ามีแต่ของสวยๆขายเต็มไปหมด”(-_- )( -_-)(-_- ) ฉันพูดอย่างน้อยใจเมื่อคิดว่าฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งนานแต่ไม่ค่อยได้ไปไหนกับเขาเลย
“หา อะไรอยู่ใกล้แค่เนี้ยนะ” นายต้นเริ่มกระแหนะกระแหน่ฉันอีกแล้ว นายเนี้ยเผลอไม่ได้เลย
“ก็มันไม่มีเวลานิ ต้องทำงาน” ฉันเอางานมาอ้างแต่ไม่รู้จะไปกับใครตะหาก
“งั้นเอาไว้ไปเที่ยวด้วยกันไหม”นายต้นพูดพร้อมยิ้มออกมาทำให้ฉันใจเต้นแรงอีกแล้ว
“ไปซิ”OoO ว้าว.....ดีใจจังเลย ดีใจสุดๆ เพิ่งมีนายนี่เป็นผู้ชายคนแรกที่ชวนฉันเที่ยว
“แล้วขากลับก็ต้องไปกินขนมจีนที่ขึ้นชื่อด้วย”
“ว้าว......ฉันชอบกินขนมจีน”OoO ฉันทำตาโตพูดออกมาอย่างดีใจเมื่อได้ยินว่าขนมจีนเพราะฉันชอบสุดๆเลย
“เธอนี่ตลกจริงๆแฮะ”นายต้นหัวเราะ ผู้ชายอะไรหัวเราะน่ารักชะมัด หุหุไม่แน่เขาอาจจะปิ้งเราก็ได้
“แฟนฉัน เขาไม่ชอบกินขนมจีน หาว่าร้านสกปรกบ้าง กลิ่นติดตัวบ้าง
แต่ฉันชอบกินมากเลยนะ” ห๋า---หา เมื่อกี้ฉันได้ยินผิดไปใช่ไหม ฉันได้ยินว่าเขามีแฟน
“ มะ ไม่จริง นี่ นาย มีแฟนแล้วหรอ” OoO ฉันถามโง่ๆออกไปทั้งๆที่เมื่อกี้ฉันก็ได้ยินเต็มสองรูหู
“ทำไมล่ะ? ทำไมไม่จริง”นายต้นทำหน้างงมองหน้าฉัน
“คือ......ปะ เปล่า เออเนอะทำไมไม่จริง แฮะ แฮะ” -_-
“ใช่ทำไมมันจะไม่จริงคนหน้าตาประมาณนี้ถ้าไม่มีแฟนก็คงเป็นเรื่องแปลก
“งั้นวันพรุ่งนี้ทุ่มตรงไปกันนะ เธอว่างไหม”
“วะ ว่าง เออ....” ฉันอ้ำอึ้งไม่รู้ว่าจะตกลงหรือปฏิเสธดี
“งั้นไปนะ ไปแล้วจะไม่ผิดหวังแน่ๆ”นายต้นพูดจบก็เปิดประตูเดินเข้าห้อง 312 ปล่อยให้ฉันยืนอึ้งกิมกี่อยู่หน้าห้อง จะดีเหรอเนี้ย?เขามีแฟนแล้วนะ เฮ้อ........ แต่ช่างเถอะแค่มีเพื่อนเที่ยวก็ยังดี
“ว้าวววววว มีแต่ของสวยๆทั้งนั้นเลย อันนั้นฉันอยากได้จังเลย” OoO ฉันชี้ที่โคมไฟทีเป็นลูกบอลหลากสีสีสันมันถูกใจฉันมากเลย
“นี่เธอสวยก็ซื้อซิ นี่ๆมานี่อย่าเดินไกลฉันมากนะ เธอยิ่งเฟอะฟะอยู่ด้วย”นายต้นพูดขณะดึงเสื้อกันหนาวของฉัน คนที่เดินสวนไปสวนมาก็ช่างมากมายจริงๆเลย มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
“ภาพนั้นสวยจังเลย คงแพงน่าดูนะ ”ฉันพยายามยัดเยียดคนมากมายเพื่อเข้าไปดูร้านขายภาพวาดร้านหนึ่ง ที่นี่ช่างดีๆ มีของสวยๆขายลานตาไปหมด เหมือนที่เพื่อนๆพูดเลย น่าจะมาซะตั้งนานแล้ว
“น่าจะซื้อไปติดบ้านเนอะ นายว่าไหม”ฉันหันไปคุยกะนายต้นเมื่อนึกออกว่าฉันไม่ได้มาคนเดียว
ดันลืมเขาซะได้ แต่ฉันก็ไม่เห็นวี่แววของนายต้นเลย หายไปไหนนะ คนมันมากมายจนไม่รู้ใครเป็นใครเลย ฉันจึงออกมาจากร้านนั้นพยายามออกมายืนตรงที่มีคนน้อยที่สุดชะเง้อชะแง้มองหานายนั้น
“ว้าย! นี่คุณเดินระวังหน่อยซิ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินมาชนกระชากเสียงใส่ฉัน ซึ่งเป็นอะไรที่ฉันไม่ชอบมากๆเลยและก็ทนไม่ได้ด้วย
“นี่คุณให้มันน้อยๆหน่อย คุณเดินเข้ามาชนฉันนะ” ฉันก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
“นี่เธอพูดงี้ได้ไง หาเรื่องหรอ”ผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาหาฉันโดยที่มีผู้ชายอีกคนที่คิดว่าเป็นแฟนรั้งแขนไว้
“ใครหาเรื่องใครก่อนกันแน่”ฉันก็น้อยหน้าซะเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อฉันก็เดินเข้าไปหายายนั้นเหมือนกันถ้าไม่มีแขนของใครคนหนึ่งรั้งฉันไว้
“อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับถ้าไงผมขอโทษแทนเขาล่ะกัน”นายต้นน่ะเองเขาขอโทษแทนฉัน
“ทำไมต้องขอโทษด้วยเขาเดินชนฉันนะ”ฉันไม่ยอมเลิกราง่ายๆแต่เขาก็ดึงแขนของฉันให้ออกไป
“ทำไมต้องไปขอโทษมันด้วย นี่นาย เลิกดึงเสื้อได้แล้ว ปล่อยนะ!”ฉันอารมณ์เสียสุดๆ แล้วฉันก็สะบัดแขนออกจากมือนายต้นได้ในที่สุด
“เหลือเชื่อเลย ทำให้ขายหน้าชะมัด รู้งี้ไม่มาด้วยหรอก”นายต้นหันหลังแล้วพูดกับฉัน ทำให้ฉันหน้าจ๋อยลงทันที ดูท่าทางเขาจะโกรธมาก ฉันไม่อยากให้เขาโกรธเลย
“หึ หึ ฮะฮะฮะ ยายบ๊องเอ้ย บ้าดีเดือดดีแท้” เขาหันหลังกลับมาแล้วหัวเราะใส่ฉัน
“นี่ เป็นอะไรน่ะ อย่าบอกนะว่าเธอจะร้องไห้”นายต้นเริ่มหน้าเสียเมื่อเห็นฉันเอามือปิดหน้าปิดตาแล้วก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้
“เฮ้ย อย่าร้องไห้นะ เราไม่ได้ว่าอะไรเลย เราแค่ล้อเล่น” นายต้นพยายามพูดให้ฉันเงยหน้าขึ้นมาพูดแต่ฉันนิ่งอย่างนั้น ฮึ.....ใครบอกให้มาแกล้งล่ะ
“แหว่!!!!!!! ใครร้องไห้ มีใครร้องไห้ที่ไหน”ฉันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแลบลิ้นใส่นายต้น ดูหน้านายนี่ซิตลกชะมัดเลย
“อ๋อ-----ยายนี้ทำอย่างงี้หรอ ซ่ามากใช่ไหม นี่ๆๆๆ”โอย-ฉันเริ่มหายใจไม่ค่อยออกเมื่อนายบ้าเนี้ยใช้แขนรัดคอฉัน ฉันคงคิดว่ามันเป็นกอดถ้ามันนุ่มนวลกว่านี้แล้วไม่รัดคอจนฉันหายใจไม่ออกแบบนี้
“โอยยยยยยยย ปล่อยน้า หายใจไม่ออก จะฆ่ากันรึไงเล่า
ปล่อย!”ฉันโวยวายมือทั้งสองข้างก็พยายามแกะมือนายบ้าเลือดนี่อย่างสุดความสามารถ
“ก็ใครใช้ให้มาแกล้งล่ะ ตกใจหมด”
“ทำไมต้องตกใจด้วย” ฉันมองหน้านายต้นแล้วถามออกไปด้วยความสงสัย
“ก็ฉัน ไม่ชอบทำให้ผู้หญิงร้องไห้ ”
“งั้นนายจะบอกว่านายไม่เคยทำให้ผู้หญิงร้องไห้งั้นซิ แล้วทำไมล่ะ”ฉันถามเหตุผล
“ใช่ แล้วไม่คิดจะทำด้วย อย่างน้อยเขาก็เป็นเพศเดียวกับแม่เราไงล่ะ” นายนี่พูดมาได้ไง รู้ไหมมันโดนใจฉันมากเลย สายตาที่เหม่อมองไปข้างหน้า มันสะกดให้ฉันมองนายต้นอยู่อย่างนั้น ทำไมฉันไม่เจอนายให้เร็วกว่านี้น้า?
“เฮ้ย------ถามบ้าอะไรก็ไม่รู้ยายบ๊องนี่”นายต้นหันมาพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งผลักหัวของฉัน
“โอย เจ็บนะ ผมเสียทรงหมดเลย”-///- ฉันเอามือพยายามลูบผมที่ฟูขึ้นพร้อมกับกลบเกลื่อนใบหน้าที่ฉันคิดว่ามันต้องเริ่มแดงแน่ๆเลย
“นั้นเธอทำอะไรน่ะ” นายต้นถามฉันเมื่อเห็นว่าฉันถอดถุงมือออกมาแล้วทำมันขึ้นมาเป็นรูปหูกระต่ายแล้วเอาใส่ที่มือทั้งสอง
“วันนี้สนุกจริงๆ ขอบใจมากนะ การพาคนบ้าๆอย่างฉันเที่ยวเนี้ยลำบากหน่อยนะ” ^v^ ฉันพากย์เสียงพลางขยับนิ้วที่ใส่หูกระต่ายที่ทำจากถุงมือไปมา
“พี่ต้นใจดีจังเลย น่าอิจฉาแฟนพี่จังเลย แหม่ ถ้าฉันได้เป็นแฟนเธอก็ดีหรอกนะ” ตายแล้วฉันพูดอะไรไปเนี้ย ฉันเผลอพูดความในใจของฉันออกไปกับเสียงเจ้ากระต่ายน้อย แต่เขาจะรู้ไหมนะว่ามันเป็นการสารภาพรักจากฉัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า จะบ้าหรอ? พอทีเถอะ เธอนี่เป็นคนสนุกดีนะไม่เสียเที่ยวที่พามา ”เขาพูดแล้วยิ้มให้ฉัน
“จริงหรอ” ฉันตอบดีใจยิ้มตอบจนแก้มปริ ถ้ายิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูได้ก็คงทำไปแล้วล่ะ
“จริงสิ ฉันไม่เคยมีเพื่อนแบบเธอนี่นา”นายต้นตอบพร้อมยิ้มจนตาหยีแต่คำตอบที่ฉันได้มามันกลับไม่ได้ทำให้ฉันยิ้มไปตามเลย ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม ที่เขาบอกว่าฉันเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
“อืม” ฉันยิ้มตอบไปแต่ฉันไม่เคยรู้สึกว่าการยิ้มครั้งไหนที่มันจะยิ้มยากลำบากเท่าครั้งนี้เลย และฉันก็ต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันทีแล้วลากนายต้นเข้าไปในฝูงชน โดยฉันหวังว่า ความแออัดของผู้คนอาจจะช่วยซ่อนน้ำตาที่มันกำลังจะไหลออกมาได้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากวันนั้นที่ฉันรู้ว่าฉันเป็นได้แค่เพื่อน แต่ฉันก็ยังคงทำกับนายต้นเหมือนเดิม ก็มีเพื่อนก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวล่ะนะ วันนี้ไปเรียนเสร็จฉันก็รีบกลับหออย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้ฉันไปแวะซื้อขนมครกมาล่ะ เพราะฉันได้ยินนายต้นบ่นเมื่อวันก่อนว่าชอบกินขนมครก อืมมมมมมมมหอมวุ้ย
กำลังร้อนๆเลย เดี๋ยวนายต้นจะว่าไงน้า ฮิฮิ ^v^
“โหหหหหแม่เจ้าโว้ย OoO ใครมาเล่นหนังสดให้ดูกลางวันแสบๆเลย เอ๊ะ ... ”ฉันพูดกับตัวเองเบาๆเมื่อฉันเดินขึ้นบันไดมาก็เห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่แสดงฉากเลิฟซีนใกล้ๆกับหน้าห้องของฉัน แต่ฉันคงไม่ตกใจมากถ้านั้นไม่ใช่ “นายต้น” ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีนอกจากรีบหลบตรงหลังบันไดทันที ตอนนี้ในหัวฉันว่างเปล่าไปหมดฉันคงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แล้วฉันก็มานั่งม้านั่งข้างล่างหอ ในหัวก็มีแต่ภาพที่เขาจูบกับเธอคนนั้น เธอคงเป็นแฟนเขาที่เคยเล่าให้ฟัง ถึงเห็นไม่ชัดแต่ไม่บอกก็รู้ว่าเธอต้องเป็นคนสวยมากแน่ๆ นี่เราคิดอะไรอยู่นา..... เราเป็นแค่เพื่อนนี่นา แล้วความคิดของฉันก็หยุดลงเมื่อฉันเห็นนายต้นเดินจูงมือผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านไป ฉันจึงรีบคว้าหนังสือที่ติดมือมาทำเป็นนั่งอ่าน แต่เขาคงไม่เห็นฉันหรอก เรามันไม่สำคัญนี่นา.......
“ นี่เธอ ขยันจังเลยนะมานั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้”นายต้นเข้ามาตบหลังเบาๆ แต่มันทำให้ฉันสะดุ้งโหย่ง
“ ฉันก็ขยันอย่างนี้แหละ ใครจะไปเหมือนนาย”-^- ฉันตอบแกมประชดพร้อมยิ้มกวนๆออกไป
“เธอเห็นด้วยหรอ นั้นไงแฟนฉัน เมื่อกี้ถ้ารู้ว่าเธออยู่นี่จะแนะนำให้รู้จักซะหน่อย”นายต้นพูดพร้อมกับขยับเก้าอี้นั่งลงข้างๆฉัน
“หรอ เธอคงสวยมาก”ฉันพูดออกไปอย่างน้อยใจ
“ใช่ เธอสวย และฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าฉันจะรั้งเขาให้อยู่กับฉันได้ไหม”นายต้นทำหน้าเศร้า
“แล้วนายรักเธอไหมล่ะ”ฉันเนี้ยถามอะไรโง่ๆอีกแล้ว
“ยายบ๊องเอ้ย คนเป็นแฟนกันก็ต้องรักกันซิ แล้วเธอล่ะไม่มีกับเขาบ้างรึไง หรือว่าไม่มีใครเอา”นายต้นถามฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนทุกครั้ง
“ บ้าหรอ ฉันไม่สนใจต่างหาก ฉันชอบอยู่คนเดียวยะ”ใครจะบอกไปล่ะว่าอยากมีแต่มันไม่มี
“หรอ แต่ฉันอยากเห็นคนที่จะมาเป็นแฟนเธอจริงๆว่าหน้าตาเป็นไง......คนที่ซวยที่สุด” นายต้นพูดลากเสียงล้อพร้อมกับส่งยิ้มที่กวนประสาทมาอีกแล้ว
“นะนายนายนี่มัน......”ฉันพูดอะไรไม่ออกเมื่อนายนั้นหัวเราะฉันอีกแล้ว อยากจะฆ่านายจริงๆเลยทำไมนายถึงทำร้ายจิตใจฉันได้หน้าตาเฉยอย่างงี้นะ ใครจะไปบอกนายได้ล่ะว่าฉันแอบชอบนายอยู่
“นี่ เธอ เธอแน่ใจนะว่าเธออ่านหนังสือ ฮะฮะฮะ ฮ่าฮ่า”นายต้นหัวเราะแล้วถามฉันทำให้เริ่มจะสติแตกขึ้นมาอีกครั้ง นายนี่ถามไรแปลก คนอะไรหัวเราะได้ตลอดเวลา
“ทำไม! ก็ไม่เห็นหรอว่าอ่านอยู่ ไม่อ่านแล้วจะวางไว้บนหัวบูชารึไง”ฉันตอบออกไปอย่างกวนๆ
“ เออ ฉันรู้ว่าหนังสือเขามีไว้อ่านแต่บ้านเธอเขาอ่านหนังสือกลับหัวรึไง”เมื่อฉันได้ยินนายต้นพูดจึงรีบหันควับมาดูหนังสือในมือตัวเอง ซึ่งมันก็กลับหัวจริงๆ
“ทำไม! กะกะก็ฉันชอบอ่านแบบนี้นี่น้า มันเป็นความสามารถพิเศษของฉัน นะนะนายไม่รู้หรอ”ฉันตอบออกไปอย่างน้ำขุ่นๆในขณะที่นายต้นก็หัวเราะฉันไม่เลิก
“เออนี่ไปเที่ยวกันอีกไหม ที่นี้ไปไนท์พล่าซ่านะ ฉันจะรออยู่ตรงหน้าร้าน coffee house ทุ่มตรง”นายต้นพูด แล้วเขาก็ใช้บัตรรูดเดินขึ้นบันไดไปโดยที่ไม่ฟังคำตอบของฉันซักคำ
“ดะดะเดี๋ยว!”ฉันยังไมทันตอบก็ไปซะแล้ว ถึงตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะว่าฉันจะคบเขาต่อไปดีไหมเพราะฉันชักไม่มั่นใจตัวเองซะแล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้เป็นวันที่ชีวิตฉันราบรื่นอีกวันถ้าในหัวฉันไม่คิดแต่เรื่องของนายเพื่อนข้างห้องคนนั้น วันนี้ถ้าฉันเจอนายต้นฉันจะทำน้ายังไงดีน้า.......ฉันไม่รู้ว่าฉันทำผิดหรือทำถูกเพราะฉันไม่ได้ไปตามที่นายต้นนัด เพราะยายเพื่อนปากมากที่ร้านดันชวนฉันไปร้องคาราโอเกะในวันเดียวกันพอดี ซึ่งก็ดีเหมือนกันที่ฉันไม่ต้องไปปั้นหน้าเจี๋ยมเจี้ยมไม่ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง แล้วเราก็คงไม่สำคัญที่เขาจะต้องรอหรอกนะ อูยยยยยยยยคิดแล้วปวดหัว.....>o<
“อุ้ย!
ขอโทษค่ะ”ฉันขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่เมื่อรู้ว่าตัวเองซุ่มซ่ามอีกแล้วเมื่อชนใครคนหนึ่ง
“นี่ เธอ ซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยนแล้วนะ”นะนายต้นเขาอยู่ตรงหน้าฉันมาได้ไงเนี้ย ตายยากจริงๆ
“กะก็ขอโทษแล้วไง”ฉันก้มหน้าก้มตาพูดเพราะรู้ว่าตัวเองมีความผิด
“ฮะ ฮะ ฮัดเช้ย! นี่ ทำไมไม่ไปตามนัด ”นายต้นจามซะจนตัวงอ หน้าแดงแจ๋เลย นี่มันคงไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดใช่ไหม? อย่าบอกนะว่านายรอฉันจนไม่สบายน่ะ
“นะนายไม่สบายหรอ”ฉันถามอย่างไม่เต็มคำเท่าไหร่ขณะที่หยิบชิดชู่ส่งให้
“ใช่น่ะซิ เธอรู้ไหมว่าฉันรอเธอตั้ง 3 ชั่วโมงเลยนะแล้วอากาศก็หนาวมากด้วย” นายต้นตอบพร้อมกับมือที่ยื่นออกมารับกระดาษ
“นะนายรอฉันตั้ง 3 ชั่วโมงเลยหรอ”ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าเขาจะรอฉันตั้ง 3ชั่วโมงเชียว
“เอออ ก็ใช่น่ะซิแล้วทำไมไม่มา ไหนเหตุผล”นายต้นเริ่มคาดคั้นฉัน แล้วฉันจะตอบไงเนี้ย
“เออ..ฉะฉะฉันปวด.....”ฉันตั้งใจจะบอกว่าปวดหัวแต่ไอ้การที่จะโกหกใครซักคนทำไมมักยากเย็นจริ้งจริง“หา ว่าไงนะพูดใหม่ซิ ฉันไม่ได้ยิน”นายต้นเริ่มพูดเสียงดังใส่ฉัน
“ฉะ ฉันจำไม่ได้ว่าฉันนัดกับนายเมื่อไหร่ นายบ้าไปแล้วรึไง ใครนัดกับนาย”ฉันตอบแบบปัดไปทีแล้วหันหลังให้นายต้นก่อนที่สิ่งที่ฉันไม่อยากให้นายต้นเห็นมันไหลออกมา
“หา นี่เธอปล่อยให้ฉันรอตั้งนานแล้วมาพูดแบบนี้หรอ”นายต้นเสียงดังขึ้นและฉันรู้ว่าเขาโกรธมาก
“เธอจะรอกี่ชั่วโมงฉะฉันไม่สนหรอก เพราะฉันไม่รู้เรื่อง” T^T ฉันตอบด้วยเสียงที่เริ่มสั่นแล้วไอ้น้ำตาบ้าเนี้ยจะมาไหลอะไรตอนนี้นะ
“พูดแบบนี้ได้ไง เธอจงใจปล่อยให้ฉันรอแล้วจะไม่ขอโทษสักคำเลยหรอ ขอโทษซักคำเซ่ เธอเป็นฝ่ายผิดนะ”นายต้นพูดตะคอกพร้อมกับกระชากแขนให้ฉันหันไป
“นี่ ร้องให้หรอ”นายต้นทำหน้าจ๋อยเมื่อเห็นฉันร้องไห้ ฉันไม่รู้ว่าน้ำตาที่มันไหลออกมามันมาจากไหนมากมายเพราะมันไหลไม่หยุดและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆแล้วเวลานี้ฉันก็ทนไม่ไหวแล้ว
“ขอโทษ... ฉันเป็นเพื่อนกับเธอไม่ได้จริงๆฉะ ฉัน......ชอบนาย ฉันชอบนายจริงๆนะแล้วก็ชอบมาตลอดด้วย ฉันขอโทษ”ฉันสารภาพสิ่งที่มันอัดอั้นตันใจฉันตลอดมาแบบม้วนเดียวจบโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรเลย แล้วร้องไห้โฮ มือสองข้างปิดหน้าปิดตาโดยที่ไม่กล้าแม้จะมองหน้าเขา
“เอ่อ”
“ช่างเถอะ ฉันรู้ดี ฉันเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น ฉะฉันขอโทษนะที่ฉันเป็นเพื่อนเธอไม่ได้”TvTฉันพูดและยิ้มทั้งน้ำตา ฉันนี่หน้าไม่อายจริงๆสารภาพรักกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนได้ ต่อไปมันคงจบลงแล้วฮืออออไอ้ส้มแกนี่บ้าที่สุดเลย ฉันรีบเปิดประตูเข้าห้องทันที โดยที่ปล่อยให้เขายืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันบอกความจริงกับนายต้นไป ฉันก็ใช้ชีวิตของฉันให้วุ่นวายมากกว่าเดิมเพื่อที่จะไม่ได้คิดฟุ้งซ่าน เพื่อจะได้เลิกบ้าคิดถึงเขาซะที และฉันก็ไม่เจอเขาอีกเลย อาจจะเป็นเพราะฉันหลบหน้าเขา หรือเขาอาจหลบหน้าฉันเพราะเกลียดฉันแล้วก็ได้ มีเพื่อนผู้ชายสนิทๆกับเขาสักคนก็รักษาเอาไว้ไม่ได้ ฉันนี่แย่จริงๆ เฮ้อออออมามัวคิดถึงเขาทำไมนะ
“เอ่อ.......เอาน้ำยาเช็ดกระจกไหม
”ฉันซึ่งกำลังเช็ดกระจกอยู่หน้าร้านยื่นมือรับน้ำยาเช็ดกระจกโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนยื่นเพราะช่วงนี้ไม่อยากมองหน้าใครจริงๆเลย
“ขอบคุณค่ะ” ^v^ ฉันกล่าวขอบคุณแล้วเปลี่ยนใจหันไปยิ้มให้ ไหนๆเขาก็มีน้ำใจ
“Hi” แทบไม่น่าเชื่อนายต้นเขามาอยู่ที่นี่ได้ไงน่ะเขาทักฉันหรอ
“มะมาซื้ออะไรหรอ ขะขะเข้าไปข้างในก่อนซิ ตอนนี่มีของใหม่ๆมาเยอะเลย”ฉันพูดติดๆขัดเหมือนหายใจไม่ออกเมื่อเห็นว่าคนที่ฉันคิดถึงมายืนอยู่ตรงหน้า
“เอ่อ......ฉัน”นายต้นอ้ำอึงเหมือนจะพูดอะไรซักอย่าง
“เลือกดูก่อนก็ได้”ฉันทำเหมือนไม่ได้ยินที่นายต้นพูดแล้วยังแนะนำเขาให้เข้าไปในร้าน
“เราไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ”เขาจะยังมีหน้ามาชวนฉันเที่ยวอีกหรอเนี้ย
“ยัง.....จะมาพูดแบบนี้อีก เธอก็น่าจะรู้ดีนี่ ว่าเราไม่ควรไปไหนด้วยกัน” TT-TT ฉันหันหลังให้กับเขาเพราะไอ้น้ำตาเจ้ากรรมเนี้ยมันจะไหลอีกแล้ว
“ฉันรู้ดี แต่...ทำไมเราจะไปด้วยกันไม่ได้อีกล่ะ”เขาพูดเสียงดังขึ้นแล้วเขาก็ดึงแขนฉันให้หันกลับมา
“ฉันรักเธอนะ”
“หา” O-O ฉะฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม ฉันหันไปมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเองเลย ผู้หญิงอย่างยายส้มซ่ามีผู้ชายมาบอกรักด้วยเหรอโอ....มันเป็นจริงหรือสวรรค์ท่านไม่ได้แกล้งฉันหรอกใช่ไหม
“ฉันเลิกกับแฟนแล้ว ฉันเพิ่งเข้าใจว่าฉันอยู่กับใครแล้วฉันมีความสุขและก็สบายใจที่สุด”นายต้นหายใจหอบเมื่อพูดจบประโยคมองหน้าฉันเหมือนจะมองให้เข้าไปลึกถึงข้างใน
“เราจะคบกันได้ไหม”เสียงนายต้นอ่อนลงจนเหมือนกระซิบบอกฉัน
“บ้า นายมาพูดยังงี้ได้ไง ใครจะยอมคบกับนาย” -////- ฉันค้อนนายต้นแต่ที่จริงแล้วฉันเขินมากเลยล่ะ เราคบกันได้ไหม ฟังแล้วมันจั๊กจี้สุดๆเลย
“ก็เธอไง เพราะเธอเป็นต้นเหตุให้ฉันเลิกกับแฟน
เธอต้องรับผิดชอบฉัน” นายต้นยิ้มแบบกวนๆแล้วเอามือเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของฉันอย่างอ่อนโยน
“งั้นวันนี้ไปเที่ยวกันอีกนะ ที่เก่าเวลาเดิม ถ้าวันนี้ไปสายแค่นาทีเดียวก็จะไม่รอเลย”นายต้นทำหน้าจริงจัง ฉันได้ยินอย่างนั้นก็เอามือปิดหน้าปิดตาก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง
“ หา! เฮ้ย! ร้องไห้ทำไม โธ่ล้อเล่นน้า ”นายต้นเริ่มหน้าเสียเมื่อฉันไม่ยอมเงยหน้าขั้นมา
“แหว่ว่ววววว ฉันก็ล้อเล่นเหมือนกัน ฮะฮะฮะ” ^o^ ฉันหัวเราะฉีกปากแลบลิ้นใส่นายต้นที่ตอนนี้ทำหน้าเอ๋อไปเลยล่ะ
“หน่อยยยยยยแน่แกล้งกันหรอ ฮะฮะฮะ ”นายต้นหัวเราะพร้อมผลักหัวฉัน แล้วเราก็หัวเราะพร้อมๆกัน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่วันนี้ฉันรู้อยู่อย่างเดียวว่าฉันมีความสุขที่สุดเลยและฉันจะพยายามรักษาความรักของเราให้ตราบนานเท่านาน แล้วสักวันหนึ่งถ้าฉันแน่ใจว่ารักนี้เป็นรักสุดท้าย ฉันจะบอกความลับกับนาย ไม่ว่าความลับนั้นจะทำให้นายหัวเราะเยาะฉันหรือไม่ แล้วนายจะดีใจไหมน้า ว่าคือนายคือรักแรกและรักสุดท้ายในชีวิตฉัน
ผลงานอื่นๆ ของ mayongyee ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ mayongyee
ความคิดเห็น