ROV Story น้องกิตของพี่เจมส์ [ภาคมาเฟีย] - นิยาย ROV Story น้องกิตของพี่เจมส์ [ภาคมาเฟีย] : Dek-D.com - Writer
×

    ROV Story น้องกิตของพี่เจมส์ [ภาคมาเฟีย]

    โดย s an d e e

    เส้นทางที่มาบรรจบกัน ณ จุดๆเดียว พบกับนายที่มาคู่กับเขา ด้วยกันตลอดไป...

    ผู้เข้าชมรวม

    2,163

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    2.16K

    ความคิดเห็น


    145

    คนติดตาม


    92
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  9 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 มิ.ย. 61 / 15:14 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    สวัสดีทุกคนนะครับ

    ก่อนอื่นเลยขออนุญาตพี่เจมส์กับพี่กิตนะครับรวมถึงแฟนพี่เจมส์กับแฟนในอนาคตของพี่กิตด้วยนะครับรวมทั้งแฟนคลับของพี่เจมส์พี่กิตแฟนคลับBaconทุกคนด้วยนะครับ

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงเลย


    ถ้าพวกพี่คนไหนไม่พอใจหรือไม่ชอบอย่างไรก็ตามสามารถทักมาบอกได้เลยนะครับผมยินดีและยอมรับทุกอย่างและจะลบเรื่องนี้ทันทีครับ

    ขอบคุณครับ

    ขอเชิญชวนทุกคนเป็นกำลังใจในกับทีมBaconไปแข่งที่LAด้วยนะครับ Thailandสู้ๆ ร่วมเชียร์เป็นกำลังใจให้ทีมชาติไทยที่ไปแข่งในตัวแทนประเทศด้วยนะครับ ขอให้ได้ที่1ของโลกไปเลย เบคลุย!

    <3

    คำเตือน : ต้องขอโทษล่วงหน้าจริงๆถ้าอัพไม่เป็นเวลาเพราะอยากให้นิยายเป็นเนื้อเรื่องที่สนุกจริงๆอาจจะอัพช้าอัพเร็วไปบ้างต้องขอโทษนะครับ ยอมรับความคิดเห็นทุกคนเลยครับ 



    #เมื่อเบค่อนอยากเป็นมาเฟีย


    บทนำ

              เช้าวันที่สดใสของใครหลายๆคนแต่ไม่ใช่คนในกรุงเทพแต่นอนครับเพราะฝนที่ตกมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ยังไม่หยุดเลยครับแล้วคนที่อยู่เหนือสุดอย่างผมเข้ามาศึกษาต่อในตัวเมืองหลวงของประเทศสิ่งแปลกใหม่ที่บอกได้เลยว่ามันแปลกใหม่สำหรับผมมากการเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้มันต้องเกิดขึ้นกับผมอย่างแน่นอนทั้งการอยู่อาศัยการใช้ชีวิตของผม

     

    ซ่า ซ่า ซ่า

     

    ฝนที่ตกลงมาอย่างบ้าคลั่งไม่รู้ว่าจะตกลงมาทำไมหนักกว่านี้คงน้ำท่วมแล้วละครับอยู่เชียงใหม่ไม่เคยเจอฝนตกหนักขนาดนี้แถมยังเป็นการเรียนวันแรกของผมด้วยแล้วทำไมการเรียนวันแรกของผมในรั้วมหาวิทยาลัยทำไมฝนต้องตกหนักขนาดนี้ด้วยแล้วคนที่ชวนผมมาสอบมาเรียนดันหลับอยู่ที่เบาะข้างๆ

     

    ผู้คนมากมายที่ต่างก็มาทำงานเช้ากันทุกวันโดยเฉพาะวันที่มหาลัยเปิดเรียนอย่างนี้คนยิ่งหนาแน่นเข้าไปอีกเพราะทั้งคนวัยทำงานและนักศึกษาทั้งใหม่และเก่าที่ต้องตื่นมาพบกับความจริงของการเรียนมหาลัยว่าการเรียนวันแรกมันไม่ได้สวยงามอย่างที่ทุกคนคิด

     

    ซ่า ซ่า ซ่า

     

    ลมฝนที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างรถที่ผมเปิดเอาไว้นิดหน่อยเพราะถ้าทั้งรถปิดหน้าต่างกันหมดคงหายใจกันไม่ออกพอดีกลิ่นฝนในเมืองกรุงที่ต่างกับเชียงใหม่อย่างสิ้นเชิงคนที่มาจากภาคเหนืออย่างผมโอเคกับอากาศหนาวแบบนี้ครับแต่ไม่โอเคกับฝนที่เทลงมาเหมือนใครไปเทโอ่งของเทวดา

     

    อีกไม่มีกี่ป้ายก็จะถึงมหาลัยแล้ว...ชีวิตมหาลัยของผมจะได้เริ่มขึ้นซักที

     

    “คร่อก...”

     

    (-.-)

     

    แต่คนที่นอนมาตั้งแต่หน้าคอนโดจนถึงมหาลัยก็ยังนอนอยู่อย่างนั่นแถมหัวยังจะมาพิงที่ไหล่ผมอีกแต่ถือว่ายังดวงดีที่ผมตัวเตี้ยกว่ามันมันก็เลยพิงไหล่ของผมไม่ได้

     

    สงสัยกันใช่ไหมว่าผมคือใคร...แทน...แท่น...แท๊น สวัสดีทุกคนครับผม กิตงายเองครับมาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพเป็นวันแรกตามคำชวนของคนที่นอนอยู่ข้างๆผมรู้จักมันได้ยังไงยังไม่รู้เลยครับอยู่ดีๆก็รู้จักตามเพื่อนเล่นเกมส์นี่แหละทุกคนคงรู้จักผมกันอยู่แล้วเนอะเหมียวเหมี๊ยว

     

    “กายตื่น”

     

    “คร่อก...”

     

    (-.-) (-.-)

     

    คนที่รู้ทางดันหลับน้ำลายยืดอยู่ข้างๆหลับไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่ขึ้นรถจนถึงตอนนี้มือของผมที่จับที่ไหล่ของ กายไอ้ร่างกล้ามที่ไม่รู้ว่าจะเล่นเยอะไปทำไมเล่นจนตัวเองตัวใหญ่กล้ามแน่นๆที่มันชอบเทียบกับร่างของผมที่ผอมมากถึงมากที่สุดอยู่กับกายต้องทำใจหน่อยครับซึ่งผมกำลังทำใจอยู่

     

    “มีใครลงป้ายหน้าไหมครับ”

     

    กายตื่นเถอะผมนั่งอยู่ริมหน้าต่างคนก็เต็มรถออกก็ออกไม่ได้ถ้ากายมันไม่ลุกออกไปกายที่ยังคงหลับโคตรลึกยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างๆ ถ้าไม่เกรงใจผมนี่ถีบไปแล้วครับแต่นี่มันบนรถโดยสารไงเรียกเสียงดังก็ไม่ได้บรรยากาศข้างนอกที่เสียงดังเพราะฝนผิดกับในรถที่เงียบนิ่งเหมือนพึ่งตื่นนอน

     

    “ไอ้กาย”

     

    ตบแมร่ง!

     

    ตุ้บ

     

    “โอ้ยยยยยยยเจ็บ” กว่าจะตื่นได้ต้องใช้วิธีที่รุนแรงไม่งั้นไอ้คนข้างๆนี่ไม่ตื่นหรอกครับใครจะไปคิดละว่าการที่เป็นเพื่อนกับกายมันมาพร้อมกับความลำบากขนาดนี้ทั้งซักผ้า ทำกับข้าว เรื่องเรียน ที่พัก อะไรของมันก็ไม่รู้ผมก็ดันหลวมตัวมาเรียนกับกายในเมืองแล้วด้วยแล้วผมมีทางเลือกอะไรได้อีกละครับ

     

    “เจ็บนะกิต”

     

    “ชู่วเบาๆ” เสียงที่ตะโกนออกมาเพราะความเจ็บที่ผมตีมันไปแล้วก็หันหน้ามาหาพร้อมกับดุผมที่ไปตีมันอย่างเรียกตีเลยเรียกตบเถอะ

     

    “จะถึงแล้วหรอ”

     

    “ป้ายหน้าแล้ว”

     

    “เอ้า ก็ลุกสิว่ะ”

     

    (-.-) (-.-) (-.-)

     

    ไม่ได้มองรอบๆเลยเนอะหาว่าผมไม่ลุกถามว่าเอาที่ตรงไหนให้ผมลุกจะง่ายกว่านะครับเพราะมันแน่นไปหมดทั้งตามทางเดินทั้งที่นั่งคับแคบไปด้วยผู้คนที่ต้องอาศัยรถประจำทางอย่างนี้ ถามว่ากายมีรถไหมมันมีครับแต่มันบอกว่าวันนี้ฝนตกเหมาะกับการนอนบนรถประจำทางมากๆแล้วมันก็พาผมมาขึ้นโดยที่ไม่ได้ถามอะไรผมเลย

     

    ก็บอกแล้วไงครับว่าผมไม่มีทางเลือก

     

    “ขอทางหน่อยครับๆ”

     

    กายที่ใช่ร่างกายที่แข็งแรง(มีแต่กล้าม)ของทางคนที่ยืนตามทางเดินเพื่อที่จะลงป้ายข้างหน้าจำเป็นต้องไปรอที่หน้าประตูเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาของคนวัยทำงานที่ต้องเข้างานตรงเวลาแค่ฝนตกแค่นี้ก็ทำให้เวลาช้าลงมากแล้วครับแล้วยิ่งคนเยอะเข้าไปอีก

     

    มาคิดอีกทีผมคิดถูกหรือคิดผิดที่เข้ามาเรียนในเมืองเนี่ยครับทั้งคนเยอะรถก็เยอะฝนตกอีก(อันนี้ไม่น่าเกี่ยว)ผมที่ติดหลุมพรางของกายมันแล้วก็ทำได้แค่เดินตามมันออกไปตรงไปยังประตูรถที่กำลังจะเดินออกนักศึกษามากมายต่างก็เดินออกมาที่ประตู

     

    “ขอโทษนะครับ”

     

    แค่ผ่านคนบนรถก็เหนื่อยไม่มีแรงเรียนแล้วครับกว่าจะเดินตามกายทันเพราะมันเล่นเดินแหวกคนไปก่อนผมอีกทำให้ผมต้องใช้ร่างน้อยๆแทรกผู้คนออกมาเหนื่อยในเหนื่อยจริงๆ

     

    “กิตพอประตูเปิดแล้ววิ่งเลยนะ”

     

    “ห่ะ”

     

    พรืบ

     

    “ไป!

     

    ไอ้กาย!!!!!

     

    อ่าส์ เรียบร้อยครับพอประตูเปิดออกเท่านั่นแหละครับกายนี่พุ่งออกจากรถไปเลยส่วนผมที่ยืนอึ้งๆกับคนพูดของมันอยู่พอรถจอดประตูเปิดทุกคนที่รอลงก็วิ่งกันลงไปอย่างรวดเร็วเหลือผมอยู่คนสุดท้ายที่มองตาค้างอยู่เพราะฝนที่ตกลงมาทำให้ทุกคนต้องวิ่งผ่าฝนลงไปที่ที่มีร่มของที่รอรถ

     

    “เอาก็เอาว่ะ”

     

    จังหวะสุดท้ายที่ผมตัดสินใจกระโดดลงมาจากรถก่อนที่รถจะออกตัวไปป้ายต่อไป...แต่ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจลงไป

     

    บรี๊นนนนนนนนนนนนนนนน

     

    “เห้ย!!

     

    รอขาลงจากรถเท่านั่นแหละครับเสียงเบรกของรถที่ดังขึ้นมาจากข้างๆของผมพอผมหันไปมองก็พบกับเสียงไฟที่ส่องผ่านสายฝนออกมาเสียงเบรกที่ดังไปทั่วท้องถนนเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเพราะรถที่แล่นมาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถเบรกได้ทันอย่างแน่นอน

     

    สติที่เหมือนจะดับวูบลงไปที่พื้นถนนแสงไฟที่สาดเข้าตาของผมเข้าอย่างจังถนนที่ลื่นทำให้ขาอีกข้างที่ก้าวตามลงมาลื่นไปตามท้องถนนตัวที่ไถลไปกับพื้นถนนตัวที่ล้มลงมาสายตาที่หลับลงเพราะความกลัวเสียงเครื่องยนต์รถคันใหญ่เข้ามาใกล้เรื่อยๆชีวิตของผมคงจบแค่นี้...

     

    ความหวังที่แบกรับมาจะมาเรียนมหาลัยเรียนจบแล้วจะได้ไปทำงานหาเงินมาให้พ่อกับแม่ความรู้สึกคิดถึงบ้านคิดถึงครอบครัวของผมสายฝนที่เทลงมาบนตัวของผมจนเปียกความรู้สึกก่อนที่สติที่หายไป

     

    พรืบ

     

    เอี๊ยด!

     

    “นายท่าน!

     

    “มิกรีบโทรเรียกรถพยาบาล”

     

    “นายท่านจะไปไหน!

     

    “ไปดูคนที่นายเกือบจะชนน่ะสิ!

     

    ชายที่ใส่ชุดสูทสีเข้มที่เตรียมตัวจะไปประชุมแต่เช้าแต่ต้องมาเจอกับฝนตกหนักทั่วเมืองทำให้ต้องเลื่อนประชุมเป็นช่วงฉายของวันนี้แทนตอนนี้คงจำเป็นต้องเลื่อนประชุมออกไปอีกสะแล้วเพราะชายคนที่นั่งเบาะหลังกำลังอ่านรายงานเรื่องการประชุมมีคนขับรถที่กำลังเบลอๆและง่วงเพราะอากาศขับรถไม่ได้ดูทางทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้

     

    ทำให้ชายในชุดสูทต้องรีบเปิดประตูลงจากรถคันสวยเพื่อไปดูคนที่ลงมาจากรถประจำทางอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่หวงว่าชุดสูทที่ต้องใส่ไปประชุมจะเปียกแค่ไหนเพราะเขาได้เห็นร่างบางในชุดนักศึกษาถ้าเกิดเป็นอะไรไปละก็...เขานี่แหละที่จะซวยแทน


     

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น