Chapter 5 เดทแรก
‘ฉันเป็นคนขี้อายเลยไม่กล้าชวนตรงๆ แต่ไม่อยากให้โอกาสหลุดลอยผ่านไป
ไปเที่ยวกันมั้ยคะ?’ ไม่ดีมั้ง ทางการเกิ๊น แกร่กๆๆๆ ‘เช้านี้อากาศแจ่มใสมากค่ะ สมควรที่เราจะไปเที่ยวกันอย่างยิ่ง’ โอ๊ย! ทางการได้โล่มากกว่าอันแรกอีก นิ้วฉันจิ้มรัวใส่ปุ่มลบข้อความบนหน้าจออีกครั้ง
หลายครั้งแล้วนะให้ตาย ความคิดฉันตอนนี้มันไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย ฉันแค่อยากจะชวนคุณสามีออกไปข้างนอกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเท่านั้น แต่ปัญหาคือฉันไม่อยากเอ่ยปากชวนเขาตรงๆ นี่สิ เพราะคาแรคเตอร์ที่ฉันจะทดสอบต่อไปนี้คือผู้หญิงขี้อาย และผู้หญิงขี้อายไม่ควรทักเขาก่อน และพูดว่า ‘ไฮ! ไปเที่ยวกัน’ แบบนั้น มันไม่ใช่ค่ะ ดังนั้นการพิมพ์ข้อความน่ารักๆ และสะกิดให้คุณสามีอ่าน เป็นอะไรที่น่าค้นหาสุดแล้ว! >_< ถ้าให้เดา เขาจะต้องอมยิ้มแน่ๆ ส่วนฉันก็จะก้มหน้า พลางหลบตาเขาอย่างเขินๆ ต่อไป กรี๊ด แค่คิดก็หัวใจเต้นตุบตับ ว่าแต่ฉันจะใส่ข้อความอะไรลงไปดี? ฉันลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วเอนหลังพิงโซฟา ยกมือถือขึ้นบังหน้า ขณะที่สายตานั้นแอบเหลือบมองคนตรงข้ามเป็นระยะ ไซอัลกำลังเล่นแล็ปท็อปอยู่ ซึ่งขนาดเล่นแค่คนเดียว เขายังยิ้มเลยค่ะ
แอบแชทกับสาวหรือไงนะ ฮือ ช่วยสนใจผู้หญิงใกล้ตัวบ้างสิ ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจได้ว่าตัวเองควรจะเริ่มลงมือสักที โดยพิมพ์ประโยคเรียบง่ายสุดๆ อย่าง ‘ไปเที่ยวกันมั้ย’ ลงไป ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้น เดินไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับเขา รู้มั้ย
เขาปรายตามองฉันแวบหนึ่งด้วยล่ะ ดีใจ! แต่สุดท้ายเขาก็เมินกลับไปหาหน้าจอดังเดิม ฉันไร้ตัวตนขนาดนั้นเลยเหรอ T^T หรือสิ่งที่เขากำลังดูมันน่าสนใจกว่าอ่ะ? ฉันอดไม่ได้ที่จะชะเง้อคอมอง แล้วก็พบว่าไซอัลกำลังดูคลิปผู้หญิงอยู่ค่ะ! โอ๊ย นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าแชทกับสาวอีกนะ Y_Y ตะ
แต่ทำไมเธอถึงสวมชุดสีขาว แถมยังสวมหมวกเหมือนพ่อครัวล่ะ
เอ่อ ฉันรีบตวัดตาขึ้น และพอเห็นชื่อคลิป ฉันก็กระจ่างทันทีว่าไซอัลกำลังเรียนรู้สูตรน้ำสลัดแปลกๆ อยู่ นี่แสดงว่าเขาชอบทำอาหารน่ะสิ! อร๊าย ข้อมูลสำคัญนี่นา “มีอะไรหรือเปล่าครับ?” “คะ?” ฉันสะดุ้งวาบเลยล่ะ เมื่อจู่ๆ เขาก็เบือนหน้ามาซะผมน้ำตาลไหม้นั่นพลิ้วแบบนั้น แล้วไหนจะถามเสียงทุ้มอีก “อ๊ะ! มีค่ะมี” ฉันยื่นมือถือออกไปให้เขาพร้อมกับหลับตาปี๋ ก่อนที่สัมผัสจากมือเนียนนุ่มจะทำให้หน้าฉันร้อนวูบวาบ แฮ่ อันนี้สงสัยเขินจริงค่ะ ไม่ใช่แสดงตามบทบาทสาวขี้อายแต่อย่างใด “อะไรเนี่ย” ฉันค่อยๆ ลืมตาเมื่อได้ยินคนข้างตัวพึมพำ เห็นเขากำลังขมวดคิ้วใส่ตัวอักษรเหล่านั้นอยู่ “ไปเที่ยวกันมั้ยงั้นเหรอ” “ค่ะ” ไซอัลปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย เป็นไง อึ้งล่ะสิ กรี๊ด งั้นจงยิ้ม! ยิ้มให้กับความน่ารักของฉันซะ ”
ทำอะไรของเธอเนี่ย?” ทำอะไรของเธอเนี่ย ทำอะไรของเธอเนี่ย ทำอะไรของเธอเนี่ย
แป่ว T_T ไม่รู้สึกโรแมนติกบ้างเลยเหรอ! ไม่สังเกตถึงความน่ารักของมันบ้างเลยเหรอ สักนิดก็ไม่? ฮือ หัวใจฉันบี้แบนเพราะโดนนายเหยียบย่ำหมดแล้ว มันวูบเชียวล่ะ แสดงว่าฉันคงคาดหวังกับผลตอบรับมากเกินไปสินะ โฮ หน้าแตก “เธอถามปากเปล่าเอาก็ได้ ไม่เห็นจะต้องยุ่งยาก
” “พอเถอะน่า” ฉันตัดบทพลางฉกมือถือกลับมา เก็บวิธีนี้ไว้ใช้กับชินจังเอาก็ได้ เขาจะต้องชอบแน่ๆ และไม่ทำฉันหน้าแตกด้วย ข้อสุดท้ายฉันสุดแสนจะมั่นใจ! ชิ ส่วนตอนนี้ไซอัลกำลังดูคลิปต่อหรือทำบ้าอะไรอยู่ ฉันก็ไม่สนใจละ ขอพักรักษาหนังหน้าแป๊บหนึ่งดีกว่า -_- แล้วเดี๋ยวค่อยฮึดสู้ต่อวันหลัง ทันใดนั้นเบาะข้างตัวก็ยุบลงเล็กน้อย เพราะไซอัลเพิ่งลุกขึ้น ซึ่งจะไปไหนก็เรื่องของเขาค่ะ ปล่อยฉันนั่งนิ่งๆ จิ้มมือถือ ไม่ยอมพูดจาสักพักเพื่อเล่นตัวหน่อยเถอะนะ ถือซะว่านี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีการเรียกร้องความสนใจเหมือนกัน “จะไปมั้ยครับ?”
! กรี๊ด มันได้ผล! “ไปค่ะ” ฉันอดดีใจกับผลตอบรับซะจนระงับการเต้นรัวของหัวใจไม่ได้ รีบลุกพรวดอย่างรวดเร็ว มองอีกฝ่ายที่กำลังยืนพิงประตูห้องอยู่โน่น ขณะที่สองเท้าพลางเดินเข้าไปใกล้ ใกล้พอที่จะเห็นว่าไซอัลกำลังยิ้มมุมปาก แถมนัยน์ตาดำเขายังหวานฉ่ำอีกต่างหาก
ความจริงมันก็หวานทั้งหน้าอยู่แล้วน่ะนะ ฉันก้มหน้ามองเล็บแสร้งเขิน “ว่าแต่นายจะไปไหนเหรอ?” สระว่ายน้ำก็โอเคนะ ทำเป็นอายไม่กล้าโชว์หุ่นตัวเอง แล้วให้เขาคลุมผ้าขนหนูให้อะไรเงี้ย >_< หรือจะไปดูหนังกันดีล่ะ หนังรักก็ไม่เลวนะ ไว้ถึงฉากพระเอกบอกรักนางเอกเมื่อไหร่ ฉันจะได้ดีดดิ้นจนเผลอโน้มหัวไปซบไหล่เขาซะเลย ลงทุนขนาดนี้ถ้ายังเมินอีกก็ให้มันรู้ไปค่ะ ไซอัลหัวเราะเบาๆ “ฉันว่าจะชวนที่รักออกไปเดินเล่นที่สวนหย่อมใกล้ๆ คอนโดอยู่พอดี” เอ๊ะ? “สวนหย่อม?” และที่สำคัญที่รักมาจากไหน! ในเมื่อเดทของเราไม่จำเป็นต้องมีบุคคลที่สาม โอ๊ย เรื่องง่ายๆ แค่นี้นายไม่รู้หรือไงเล่า TOT ฉันเม้มปากแล้วค่อยๆ เงยหน้า ไซอัลยักคิ้ว “อยากไปด้วยมั้ยครับ?” “เอ่อ
ไปค่ะ” เอาเถอะ บางทีมันอาจจะไม่ได้เลวร้าย
“โฮ่งงง!” ล่ะมั้ง U_U
ต้นไม้ ใบหญ้า ม้านั่ง ทางวิ่ง และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือหมา กรี๊ด หมดกัน! หนทางจีบของฉัน มันไม่ได้ง่ายดังใจนึกอย่างตอนแรกซะแล้ว ฉันกลอกตามองเสื้อโปโลสีขาว เขียว เหลือง แดงสลับกันเป็นลายขวางของคนตรงหน้า (ก็กล้าใส่เนอะ) ไซอัลกำลังเดินจูงน้องพุดเดิ้ลอยู่ค่ะ ส่วนฉันก็เดินต้อยๆ ตาม
ตามเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มได้แล้วมั้ง! และด้วยระยะเวลานานขนาดนั้น ฉันจึงรู้สึกเมื่อยจนขาแทบหลุดไปข้าง แถมเหงื่อยังหยดติ๋งๆ เกือบได้อาบน้ำรอบสองอีกต่างหาก โอ๊ย ทำไมแดดถึงเริ่มแรงเอาตอนแปดโมงก็ไม่รู้ มันเร็วไปนะ ในที่สุดฉันก็หยุดเดิน ก่อนที่ขาจะหายไปข้างหนึ่งจริงๆ “ไซอัล
” ตอนเรียกนี่รู้สึกแสบคอชอบกล หะ
หิวน้ำ T^T ส่วนไซอัลหยุดก้าวเท้าต่อพร้อมกับรั้งสายจูงหมาเอาไว้ ก่อนจะหมุนตัวกลับมายิ้มหวาน “หือ?” “ฉันอยากนั่งพัก” “แต่ฉันไม่อยาก” คิ้วฉันกระตุกโดยไม่ได้ตั้งใจ “ขอบคุณค่ะ” จะบอกทำไมวะ ฉันรู้ว่านายทั้งถึกทั้งทน แต่นี่เราไม่ได้เดินมาราธอนการกุศลสักหน่อย ดังนั้นช่วยเห็นใจฉันหน่อยเถอะ ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากประมาณสิบรอบได้ละมั้งเนี่ย ฮือ ทว่าไซอัลกลับยิ้มกว้างพลางโบกมือให้ ก่อนจะกลับหลังหันไปเดินจูงที่รักต่อซะเฉยๆ นี่เขากำลังเดทกับหมาอยู่เรอะ ไม่นะ เพื่อหกแสน ฉันจะต้องไม่แพ้หมาสิ! ถ้างั้นเอาไงดี ครั้นจะผลีผลามเข้าไปเรียกร้องความสนใจด้วยการแย่งสายจูง เดี๋ยวมันจะต้องวิ่งไล่งับฉันแน่ๆ Y_Y บรื๋อ น่ากลัวออก ตะ
แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น มันจะเหลือทางอื่นอีกเหรอ ทางที่จะทำให้คนอย่างเขาเบนความสนใจมายังฉันน่ะ รู้ตัวอีกทีคุณสามีก็เดินห่างออกไปหลายเมตรแล้ว นี่ไม่คิดจะรอกันจริงๆ ใช่มั้ย เฮ้อ! ก่อนที่เป้าหมายจะคลาดสายตาไป ฉันเลยจำใจกระแทกเท้าตามเขาอย่างเสียไม่ได้ ขาก็เมื่อย แดดก็ร้อน น้ำก็หิว อะไรจะทำร้ายฉันขนาดนี้ไม่มีอีกแล้วค่ะ ซึ่งถ้าขืนยังฝืนเดินต่อไป เห็นทีฉันคงได้เป็นลม
O_O จริงสิ! แกล้งเป็นลมไง! “นาย!” ฉันเรียกเสียงแหบเพราะคอแห้งมาก และพอไซอัลหยุดรอโดยไม่ได้หันหลังมามอง ฉันก็วิ่งตามแผ่นหลังกว้างไปพร้อมกับหายใจถี่เพื่อความสมจริง ก่อนที่ฉันจะสาวเท้าไปยืนขวางทางไซอัล เอามือกุมหน้าผากเอาไว้ และจงใจสะดุดขาตัวเองจนเสียหลัก ทำให้ร่างฉันเอนราบกับพื้น ฟึ่บ! ดีที่เป็นหญ้านุ่มๆ ฉันจึงไม่เจ็บมากค่ะ ทีนี้ฉันก็หลับตา พยายามนอนนิ่ง
หนึ่งวินาทีผ่านไปอย่างเงียบงัน
สอง สาม สี่ สี่ครึ่ง จะห้าละนะ! กรี๊ด ทำไมไม่ช่วยฉันสักทีล่ะ คือ
ถึงจะรู้ว่าแกล้งกันแต่เขาก็น่าจะพยุงฉันหน่อยสิ เพื่อรักษาหน้าฉันไว้ไง ในเมื่อการนอนขวางทางเดินคนอื่นแบบนี้มันน่าอายจะตาย ฮือ ใจร้าย ฉันสูดกลิ่นเหม็นเขียวของใบหญ้าเข้าปอด ก่อนจะค่อยๆ ลืมตา ตามด้วยพรวดตัวลุกขึ้นยืน
ไซอัลกับที่รักไม่ได้อยู่แถวนี้แล้วค่ะ และรอบข้างมีเพียงหนุ่มสาวบางคนกำลังวิ่งสวนฉันไปเท่านั้น ฉันถอนหายใจเฮือกไล่ความรู้สึกโหวงๆ ตรงช่วงท้อง ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าทิ้งฉันลงคอ ฉันเดินเตะฝุ่นไปนั่งม้านั่งข้างทาง ก้มหน้ามองเล็บตัวเองเล่น อย่างคิดไม่ตกว่าจะทำอะไรระหว่างรอให้หายเหนื่อยดี อยากกลับคอนโดไปนอนพักเดี๋ยวนี้เหมือนกันนะ แต่เมื่อยค่ะ ปวดน่องสุดๆ หิวน้ำด้วย แถมคีย์การ์ดก็ไม่ได้ติดตัวมา ครบสูตรความหายนะจริงๆ
! ทันใดนั้นแก้มฟากหนึ่งก็เย็นวาบฉับพลัน ทำฉันสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันขวับไปมองสาเหตุอย่างรวดเร็ว
ขวดน้ำ
และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองทะลุพลาสติกใสเข้าไป
“ไซอัล!” ฉันทักเสียงตื่น ส่วนเขาเลื่อนขวดน้ำออกห่าง เผยให้เห็นรอยยิ้มหวาน มะ
ไม่สิ นี่เขาไม่ได้ทิ้งฉันหรอกเหรอ “นายยังอยู่?” “แต่ที่รักไม่อยู่” เขาเปิดฝาขวด และยื่นมันมาให้ ส่วนฉันมองเขาอย่างงงๆ โดยไม่รู้จะงงเรื่องที่เขายอมปล่อยหมาให้ห่างจากสายตา หรือจะงงเรื่องที่เขาซื้อน้ำให้ฉันก่อนดี “ปล่อยมันไปเล่นกับยามแถวโน้นน่ะ ^^ อ่ะ กินสิ” ฉันเลิกคิ้วพลางมองขวดน้ำอีกครั้ง ก่อนจะรับน้ำใจเขาด้วยการพยักหน้า และคว้ามันจากมือเขาไป โอ๊ย พูดไม่ออกเลย ฉัน
อย่างน้อยฉันก็ควรจะขอบคุณเขาสินะ “ลงทุนแกล้งเป็นลมขนาดนี้เพราะเธอไม่อยากออกเงินค่าน้ำเองใช่มั้ยล่ะ” คนข้างกายชิงพูดก่อน เล่นเอาฉันกลืนประโยคซึ้งๆ แทบไม่ทัน ก่อนที่เขาจะยักคิ้วข้างเดียวพร้อมกับกระตุกมุมปากขึ้น “ฉันรู้ทันแผนเธอหรอกน่ะ” “
” ความเย็นยะเยือกของผิวขวด ส่งผ่านจากฝ่ามือฉันไปหาขั้วหัวใจภายในเวลาอันสั้น! พูดถึงแผนการนั้นไม่เท่าไหร่ แต่แอบอ้างว่าฉันอับจนหนทางถึงขั้นต้องหลอกลวงเพื่อให้ได้กินน้ำฟรีนี่มันอะไร! “นี่นาย =O=” ¯~ บ้าจริง! ใครดันโทรเข้ามาตอนฉันกำลังจะประกาศความบริสุทธิ์ของตัวเองกันนะ ฉันอดขมวดคิ้วไม่ได้ วางขวดน้ำลงบนม้านั่ง แล้วใช้มือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงหาโทรศัพท์ โดยมีเสียงหัวเราะเบาๆ ของไซอัลดังกรอกหูอยู่ตลอดเวลา แหม นายดูมีความสุขจังนะ ว่าแต่ใครโทรมา? พลันยกโทรศัพท์ขึ้นส่อง ตัวอักษรภาษาอังกฤษเรียงเป็นชื่อในนั้นก็ทำให้ฉันรีบกดตัดสาย ก่อนจะตาลีตาเหลือกลุกขึ้นยืนด้วยหัวใจสั่นระรัว “ขอตัวแป๊บนะ” ฉันบอกไซอัลลวกๆ กำลังจะก้าวเท้าออกไปที่ไหนสักแห่ง
ยังไม่ได้คิด ทว่าข้อมือฉันกลับถูกคนข้างหลังคว้าเอาไว้ซะงั้น “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ฉันฟังด้วยได้น่ะ” กรี๊ด ไม่ได้! ¯~ ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อโทรศัพท์แหกปากร้องอีกครั้ง โอ๊ย ใจคอนายจะรอไม่เป็นเลยใช่มั้ยชิน TTOTT คราวนี้ไซอัลกระตุกมือฉันแรงมากจนฉันต้านแรงไม่ไหว ทำให้บั้นท้ายกระแทกกับม้านั่ง นั่งลงข้างไซอัลเช่นเดิมอย่างช่วยไม่ได้ ฉันเบือนหน้าไปหาเขาก่อนจะเขม่นตาใส่ แต่เขาไม่สะเทือนสักนิด กลับยิ้มหวานให้ด้วยซ้ำ ¯~ แล้วเสียงริงโทนก็เรียกให้ฉันหันขวับกลับมามองโทรศัพท์ในมือตัวเอง แล้วกลอกตาไปมา ก่อนที่นิ้วฉันจะทาบบนปุ่มเตรียมกดตัดสายทิ้ง ในเมื่อพวกเขาทั้งสองคนจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้! ถ้าชินรู้ ฉันตายแน่ๆ ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นไซอัล ฉันคงไม่มีวันทำงานนี้สำเร็จ ¯~ ช่วยไม่ได้! เฮ้อ ชิน
ฉันขอโทษ ไว้วันหลังฉันจะหาโอกาสโทรไปหานายใหม่นะ “รับเลย” ฉันชะงักปลายนิ้วทันทีเมื่อได้ยินไซอัลพูดเชิงสั่งแบบนั้น อะ
เอาไงดีล่ะ ถ้าฉันเลือกไม่ทำตาม เขาจะสงสัยฉันรึเปล่า “หรือว่าเธอแอบนอกใจ?” “เปล่าค่ะ!” ฉันละสายตาจากโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นเถียงทันควัน ก่อนจะกลั้นใจโกหก “นี่เพื่อนต่างหาก” ขอโทษอีกครั้งนะชิน รู้สึกแย่จัง T^T ไซอัลยิ้มมุมปากคล้ายท้าทายอะไรบางอย่าง “งั้นพิสูจน์สิครับ” พะ
พิสูจน์ ฉันรีบหลบตาเขาไปมองแสงสว่างบนหน้าจอ มือฉันสั่นตามโทรศัพท์ใหญ่เลยให้ตาย
ยังไม่ทันพิสูจน์ พิรุธก็เผยออกมาเพียบซะแล้ว ฮือ หยุดสั่นสิ ก่อนที่ฉันจะเกลียดตัวเองมากไปกว่านี้ เอาล่ะ ฉันจะรับละนะ T^T ทว่าก่อนที่จะรับสายแฟนจริงๆ ฉันลองเหลือบมองสีหน้าคุณสามีนิดหน่อย และพบว่าเขายังจ้องฉันไม่วางตา ทำให้ฉันไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากจำใจรับมัน “ฮัลโหล” [ช้า!!] พอชินตะคอก ฉันก็ทั้งสะดุ้งทั้งเหงื่อตก แต่ไม่กล้าเอาโทรศัพท์ออกห่างหูอย่างเคย เพราะกลัวเสียงจะเล็ดลอดออกไปให้ใครบางคนได้ยิน แถมนี่ฉันยังต้องแก้ตัวกับชิน ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าไซอัลจะจับผิดเอารึเปล่า “คือ
” [ฉันอยากเจอเธอชะมัด]
O_O! ฉันเกือบลุกขึ้นเต้นแล้วถ้าปลายสายพูดประโยคนั้นในเวลาอื่น ไม่ใช่เวลาที่คุณสามีจ้องฉันแบบนี้ ฮือ เซ็ง ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะระดมสมองคิดหาทางปฏิเสธ “เอ่อ ท่าทางจะไม่ดะ
” [ทำไม!!?] กรี๊ด! ฉันใจหายวาบ พลางปรายตามองไซอัลอย่างหวาดๆ “คือฉันอยู่ข้างนอกน่ะสิ ออกมาเดินเล่นข้างนอก” จะ
จะเอาอะไรมาอ้างอีกดีนะ “เอ่อ
ซึ่งมันไกลแถวบ้านนายมากๆ” [ฉันก็อยู่ข้างนอกเหมือนกัน] ประโยคตอบกลับนั่นทำให้ฉันกลอกตามองฟ้า พยายามเดาไปต่างๆ นานาว่าชินจะพูดอะไรต่อ [ตอนนี้เธออยู่ไหน?] ฉันสะดุ้งกับคำถามทันที ตาย
ขอเปลี่ยนคำถามค่ะ T^T [บางทีถ้าฉันลองคำนวณระยะห่างระหว่างเราแล้วมันคุ้มค่า ฉันอาจจะไปหา] ซวยล่ะ คำว่า ‘อาจจะ’ ของชินนั้นไม่ได้หมายถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์หรอก มันหมายถึงร้อยเต็มต่างหาก ฉันกลืนน้ำลายอึก รู้สึกอยากกินน้ำสักสองลิตรกะทันหัน “อยู่
” [อยู่?] “อยู่ที่
-_-;” [ที่?] โอ๊ย! ในสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้ฉันจะเก็บตัวเองไว้ไหนดี? นอกโลกล่ะเป็นไง ฮือ “
อาร์ทีเอ็นพาร์ค” เฮ้ย!! หัวใจฉันกระตุกวูบทันใดเมื่อเห็นไซอัลเพิ่งชะโงกหน้ามาใกล้เพียงใบหู ก่อนที่เจ้าตัวจะดีดตัวกลับไปนั่งหลังตรงอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งระเบิดลูกยักษ์ให้ฉันไว้! [ใครน่ะ!!?] “
” เอาแล้วไง [ยัยหลี ยืนยันทีว่านั่นไม่ใช่เสียงผู้ชาย] ปลายสายถามเสียงต่ำซึ่งนานๆ ครั้งจะออกโหมดนี้ที เล่นเอาฉันไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา [หึ
โชคดีจริงที่ฉันกำลังวิ่งอยู่ที่นั่นพอดี] ฮะ! ฉันเบิกตากว้างก่อนจะทวนคำให้แน่ใจ “วิ่งที่นี่?” นายล้อเล่นใช่มั้ยชิน! [เจอกันเมื่อไหร่ เธอตายแน่ยัยหลี] “เดี๋ยว!” ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด หมดกัน! ฉันกัดปากตัวเองแรงๆ หลังจากชินวางสายไปแล้ว รู้สึกอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ไปให้ไกลสุดสายตา ทว่า
ใครบางคนต่างหากล่ะที่สมควรจะถูกด่ากราดให้หายเจ็บใจ! ฉันหันหน้าไปหาจ้องไซอัลเขม็ง และยิ่งเห็นเจ้าตัวกำลังยิ้มมุมปาก ฉันก็ยิ่งอยากจะ
โอ๊ย! เขาแค่นหัวเราะ “เหอะ เพื่อนเหรอ”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- นั่งอืดไปสองวัน และปั่นแหลกแบบไม่หายใจสองวันเต็ม เย้! สุดท้ายมันก็งอกออกมาอีกหนึ่งบท กลับมาที่นิยาย...เดทแรกของหมวยลี่ช่างวุ่นวายอะไรอย่างนี้ แกล้งเป็นลมแล้วยังถูกทิ้งให้นอนอยู่แบบเดิม -_- เป็นที่น่าเวทนาต่อสายตาประชาชีสุดๆ
ส่วนชิน! ชินจะออกมาหรือไม่! รู้สึกเหมือนจะออกมาตั้งแต่บทก่อนหน้า แต่ก็ยังไม่มาซักที 555555555 ซึ่งถ้ายังคงไม่ออกมาอีก ก็เข้าใจหน่อยเถอะว่าชินอยากอยู่กับไรท์เตอร์มากกว่า (โดนตบ)
แล้วเจอกันใหม่กันค่ะ อย่าลืมทิ้งคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า 1 เม้น = 1 กำลังใจ รักรีดเดอร์เท่าฟ้า (แต่รักไซอัลมากกว่าแน่นอน 55555)
Matesoul my |
ความคิดเห็น