0:04
‘รออยู่หน้าประตูม.แล้วนะ’ ผมก้มดูข้อความในมือถือที่เพิ่งถูกส่งมา นานามาถึงแล้ว อันที่จริงผมอยากจะไปหามันแล้วพามันมารอไอ้จอมด้วยกัน รู้อยู่แก่ใจว่าถ้านานายืนคนเดียวไม่ปลอดภัยแน่
แต่คิดไปคิดมา
ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวกลายเป็นว่าจากที่จะไปกินไอศกรีมดีๆ อาจจะได้แลกตีนกับไอ้จอมก่อนไป “มาแล้วๆๆ” ไอ้จอมวิ่งมาหาผมพร้อมกับลากผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งมาด้วย ผมเลิกคิ้วสงสัย “อ้าว
ทำไม?” แอลว่า
? ใช่ชื่อนี้หรือเปล่าวะ
“ไปซักทีทะเล สุรเดชกำลังตามล่าตัวกูอยู่ เร็วๆ!!!” แต่ก็โดนไอ้จอมขัดขึ้นซะก่อน มันเข้ามากระชากคอเสื้อผม ผมส่ายหน้าเนือยๆให้กับความเกรียนของมัน ช่วยไม่ได้ เสือกอยากโดดตอนบ่ายเอง ผมปัดมือไอ้จอมออก มันรีบกระชากคนของมันเดินปรี่หนีสุรเดชอย่างไว ผมเลยเดินตามมันไปนิ่งๆ ผมเห็นไอ้จอมกับแอลว่าทะเลาะอะไรกันงุ้งงิ้งก่อนไอ้จอมจะหันมาถามผมเรื่องคลาสนัดเช็คโปรเจคที่มันโดด จริงๆก็ไม่มีอะไรมาก แม้สุรเดชจะคอนเฟิร์มว่าหน้าไหนโดดจะตัดเกรด แต่เดี๋ยวไอ้จอมมันคงไปงอแงขอให้อาจารย์เพิ่มให้มันได้เองน่ะแหละ “ไหนนานาวะ!!! มึงให้มันแดกผักบุ้งหรือเปล่าวะทะเล ช้าต้วมเตี้ยม” ไอ้จอมบ่นอุบอิบ ผมกวาดสายตามองหาร่างบาง ก่อนจะไปสะดุดกับร่างเพรียวของผู้ชายที่สวมเสื้อชอปสีกรม กางเกงเดฟสีซีดขาดวิ่นที่เข่า และรองเท้าคอนเวิร์ดสีแดง
ผมสีดำยาวประบ่าถูกมัดรวบขึ้นไป “นั่นไงนานา
มันมารอตั้งนานแล้ว” นานาเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วเป่าออกมาเป็นลูกโป่ง มือสองข้างล้วงกระเป๋าแล้วยืนพิงประตูมหา’ลัยอยู่ แถมยังหนีบไม้ทีไว้ซะด้วย เห็นแบบนั้นผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
นักเลงตัวจิ๋วหรือไงวะ ผมละออกจากจอมแล้วเดินเข้าไปหาร่างบาง นานาหันมาเห็นผมแล้วยิ้มบางๆเหมือนคนเหนื่อยๆก่อนจะเดินเข้ามาหาผม ผมคว้ากระเป๋าผ้าที่ร่างบางสะพายอยู่มาถือเอาไว้พลางหยิบไม้ทีใส่ลงกระเป๋าผ้าเพื่อลดการถืออะไรหลายๆอย่าง “นั่งแท็กซี่มาเหรอ?” ผมถามนานาพลางพาร่างบางเดินไปหาไอ้จอม นานาพยักหน้าหงึกหงัก ขอบตาที่คล้ำใต้ตาใสแจ๋วคู่นั้นดูคล้ำขึ้นกว่าเดิม ผมเอื้อมมือไปลูบเบาๆ นานาผลักมันออกเหมือนคนกำลังไม่พอใจอะไรซักอย่าง “อือ
โทษทีนะ
เหนื่อยๆน่ะ” ร่างบางว่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับไอ้จอมพลางหันขวับมาหาผม ผมยักไหล่ “ไอ้จอมจะพาไปน่ะ พอดีว่ากูไม่ค่อยรู้ร้านไอศกรีมหน้าม.” “อืม” นานาตอบแค่นั้นแล้วเดินไปข้างๆผม ผมขมวดคิ้วสงสัยในปฏิกิริยานิ่งๆของนานา ปกติมันจะเป็นคนเจื้อยแจ้ว
ในขณะที่ไอ้จอมหันมาเชิดหน้าใส่นานาแล้วเดินจูงแอลออกไปหน้าม. ทันที ผมเหลือบมองคนข้างๆเป็นระยะๆ นานาเหมือนคนไม่ได้นอน หาววอดๆตลอด แถมยังดูโทรมๆไปช่วงนี้ เรียนหนักเหรอวะ
ไม่นานนักก็มาถึงร้านไอศกรีม แอลว่าผลักประตูเข้าไปพลางเปิดค้างให้ผมกับนานาเดินตามเข้าไป ผมบอกให้นานาเข้าไปก่อนพลางเดินไปหาไอ้จอมที่ยืนกอดอกอยู่หน้าร้าน “อย่าหาเรื่องเลยนะมึงวันนี้
นานาดูเหนื่อยๆว่ะ” ผมว่า ไอ้จอมเลิกคิ้ว “เหนื่อยเป็นด้วยเหรอมันน่ะ เหอะ” แล้วมันก็เบือนหน้าหนีไป
คงงอนเรื่องตอนอยู่ที่สระว่ายน้ำนั่นแหละ
ไอ้จอมชอบความเสมอภาคมากกว่า ในขณะที่ผมเลือกที่จะเข้าข้างนานา เออ กูขอโทษเว่ย - - กูต้องเป็นห่วงมึงอีกคนด้วยหรือเปล่าวะ
ผมเดินตามเข้าไปเห็นแอลว่าหันมาพูดอะไรกับนานา “ร้านนี้บรรยากาศดีมากเลยนะ
สำหรับเดทแรกน่ะ” นานาก้มหน้าลงไปมองที่พื้น ผมเห็นแบบนั้นเลยไม่สบายใจรีบปฏิเสธแอลว่าอย่างรวดเร็ว
“เปล่า
นานาเป็นเพื่อนเฉยๆ
” “เหรอ” แอลว่าทำหน้าตาน่ารักก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ ผมนั่งลงตรงข้ามแอล ในขณะที่นานาเดินเนือยๆมานั่งข้างผม มันทำท่าจะฟุบลงไปนอนที่โต๊ะ แต่จู่ๆไอ้จอมก็เดินไวๆเข้ามาแล้วฟาดโต๊ะดังปัง!!! นานาสะดุ้งโหยงแล้วมองไอ้จอมอย่างหาเรื่อง
งานเข้าแล้วไงมึง
“ตกใจเลยดิมึง” นานาเบ้ปาก “จอมปลวก -*-“ “ไอ้แรด” ไอ้จอมกวนส้นตีน ผมหันไปมองมันตาขวางแล้วหันกลับมามองนานา ไอ้จอมทำท่ากร่างนั่งไขว้ห้างพิงพนักพิงแถมทำหน้ากวนบาทาใส่ร่างบางข้างหน้า “แรดแล้วไง ทำได้อย่างกูป่ะล่ะ” นานาเถียงไอ้จอม
บรรยากาศเริ่มมาคุขึ้นเรื่อยๆ ผมหันไปมองหน้าแอลว่าเหมือนจะขอความเห็น ฝ่ายนั้นก็มองผมตากลมดิ๊กกลับมา “ทำไม่ได้ ไม่ได้เกิดมามีนอ
” ไอ้จอมยังคงจิกกัดร่างบางเป็นไก่ มันแลบลิ้นใส่นานา ผมเริ่มขมวดคิ้ว แอลว่าก็เริ่มขมวดคิ้วเหมือนกัน “แต่มีเขาใช่ไหมล่ะไอ้ควาย!!! ฮ่าๆๆ” นานาหัวเราะออกมา ผมจับพิรุธได้
เหมือนหัวเราะแบบฝืนๆ แม้เสียงหัวเราะจะเล็กๆน่ารักๆก็เถอะนะ
“ควายก็ดีกว่าแรด ฮ่าๆๆๆ” ไอ้จอมหัวเราะกวนกลับมา นานาปราดตากลมมองไปที่ไอ้จอมอย่างเซ็งๆ “แรดแต่ไม่ได้โง่นี่” ร่างบางทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันมาทำหน้าเบื่อๆใส่ผม ถ้าไม่ติดไอ้จอมเกริ่นขึ้นมาแรงๆซะก่อน “เออกูโง่ ...แต่ก็ดีกว่ามารยาสาไถป่ะล่ะ
” “ไอ้จอม
มึงอย่าว่านานาแบบนั้น
กูไม่ชอบ” ผมตัดบททันที ไอ้จอมหันมาทำหน้าบึ้งใส่ผม
แม้มันจะทะเลาะกันบ่อย แต่คำนี้มันแรงจริงๆสำหรับนานา
และดูท่าทางนานาคงไม่พร้อมจะทะเลาะอะไรหนักๆตอนนี้ “ชิ! มึงก็เข้าข้างมันตลอดแหละ จะอนุบาล ประถม มัธยม มหา’ลัย มึงก็ลำเอียงตลอด!!!” ไอ้จอมตะคอก เอาแล้วครับ มันเริ่มแล้ว นิสัยชอบทวงมันกลับมาอีกแล้ว
ผมมองหน้าไอ้จอมนิ่งๆ ในขณะที่มันทำท่าหงุดหงิดแล้วลุกขึ้นยืน “กูไปดีกว่า ถ้าจะให้กูขอโทษมันนะทะเล
กูไม่ทำหรอก!!!!” แล้วไอ้จอมก็คว้ากระเป๋าเดินออกไปจากร้านทันที ผมหันไปมองแอลว่างงๆ พอๆกับที่ร่างเล็กหันไปมองไอ้จอมที่เดินหวิดๆออกไป “มึงอย่าคิดมากนะ
ไอ้จอมมันก็ปากอย่างใจอย่างแบบนั้นแหละ” ผมหันไปมองคนข้างๆที่เบือนหน้าหนีออกไปอีกทาง นานาไม่ได้ตอบโต้อะไร ถ้าร่างบางปกติล่ะก็ ป่านนี้เถียงไอ้จอมร้านพังไปแล้ว ผมเอื้อมมือไปกุมมือนานานิ่งๆ มันสะบัดมือผมออกเบาๆพลางใช้มือสองข้างลูบปรอยผมที่ตกลงมาที่หน้าผากขึ้นไปแล้วถอนหายใจ ก่อนจะนั่งไขว่ห้างกอดอกนิ่งๆ ผมเห็นแล้วไม่สบายใจจริงๆนะ
“นายเป็นเพื่อนที่แคร์นานามากเลยนะ
” แอลว่าพูดขึ้น ผมหันไปมองร่างเล็กดวงตาสีฟ้าใสแจ๋วนั่นแล้วเลิกคิ้ว “ก็คงงั้นมั้ง
” ร่างเล็กเลิกคิ้วกลับ ก่อนจะพูดบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผมขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีกออกมาพลางหันไปมองหน้าร่างบางที่ไม่พร้อมรับกับสถานการณ์อะไรทั้งสิ้น “นานา
เพื่อนจอมทัพที่ชื่อภูมิ ฝากฉันมาขอเบอร์นาย
” ว่าไงนะ!!!!? ไอ้ภูมิอ่ะเหรอ!!!!!?
ไอ้เหี้ยนั่นกำลังเล่นบ้าอะไรวะ
“สามสิบเก้า
” หลังจากที่อึ้งไปได้ซักพัก เสียงเล็กๆของนานาก็เกริ่นขึ้นมานิ่งๆ ผมกับแอลว่าหันขวับไปมองเจ้าของเสียงที่กอดอกแล้วปรายตาไปมองร่างเล็กดวงตาสีฟ้าใส “อ้อ
หรือจะเอาเบอร์ร้านโลงศพดีล่ะ”
“นานา
” ให้ตายสิ
คำเปรยนั่นทำเอาผมช็อคค้างไปเลยทีเดียว
ลืมไปสนิท ว่านานาไม่เคยสนใจใคร
“โหดจังแฮะ
” แอลว่าพูดพลางนิ่งไป บรรยากาศประหลาดๆก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ผมมองร่างบางที่ขมวดคิ้วเม้มปากแน่น นานาเบือนหน้าออกจากโต๊ะแล้วมองไปยังเคาน์เตอร์พลางใช้นิ้วเขี่ยโต๊ะเล่นราวกับเบื่อหน่าย
“มานี่เลยแอลว่า!!! กูออกมาตั้งนานแล้วมึงจะนั่งตา-กลมอยู่ตรงนี้อีกนานไหม หา!!!!” จู่ๆไอ้จอมก็วิ่งกลับเข้ามาที่ร้านอีกครั้งแล้วดึงมือแอลว่าให้ลุกออกไปทันที ผมมองตามคนสองคนนั่นจนกระทั่งลับสายตาไป พลางหันมาจดจ่อกับเมนูไอศกรีมตรงหน้า ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้ววางมันลงที่เดิมอีกครั้ง
คนถูกชวนมากินหน้าบูดซะขนาดนี้
คงไม่ต้องกินแล้วมั้ง
“พี่ครับ
โวคาโนที่นึง
เอากาแฟล้วนนะ” เสียงเล็กๆหันไปสั่งกับเจ้าของร้านพลางลุกขึ้นยืนแล้วย้ายตัวมานั่งตรงข้ามผม ผมมองตามร่างบางนั่นนิ่งๆ แม้จะเป็นห่วงขาดใจ อยากเอื้อมมือไปกุมมือเล็กนั่น แต่ก็กลัวจะโดนปัดทิ้ง อยากลูบหัวคนตรงหน้าเบาๆ แต่ก็กลัวจะโดนยันออก
แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“อย่ามาทำหน้าเหมือนกูผิดซะเต็มประดาแบบนั้น
” นานาว่าแล้วจ้องผมไม่วางตา
เปล่า
มึงไม่ผิด
แต่กูเป็นห่วง
“เป็นอะไร
” ร่างบางถามเมื่อเห็นผมนิ่งไป พลางเอื้อมมือมาจับมือผมเล็กน้อย ผมมองหมีแพนด้าที่อยู่ตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
เมื่อกี้ปัดมือ
ตอนนี้กลับมาอยากจับซะดื้อๆ
มือนานาร้อนเกินไปแล้ว
“คนที่ควรจะถามคำถามนั้นคือกูมากกว่า”
“กูแค่
เหนื่อย” นานาตอบพลางหันออกไปมองที่กระจกด้านหน้าร้านที่มีนักศึกษาผ่านไปมา ผมขมวดคิ้วเมื่อจับพิรุธได้ เวลานานาโกหก จะไม่กล้าสบตาผม
“แล้วเหนื่อยเนี่ย
ถึงกับต้องปัดมือกันเลยเหรอไง”
“จะเอายังไงกันแน่ทะเล?!! จะหาเรื่องอีกคนใช่มั้ย!!!!” ร่างบางปรี๊ดแตก ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้แล้วมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ ผมมองคนตัวเล็กที่ยืนกัดฟันกรอดตรงหน้า คนในร้านหันมามองกันพร้อมทั้งซุบซิบนินทา แค่นั้นก็แทบจะทำให้ผมทนอารมณ์โมโหที่ก่อตัวขึ้นมาทีละนิดไม่ไหว
“พี่ครับ ทำโวคาโนแล้วหรือยัง?” ผมหันไปถามพี่ที่เคาน์เตอร์ที่ดูเหมือนจะกลัวๆ เขาพยักหน้าหงึกหงัก “เท่าไรครับ?”
“89 ค่ะ” พนักงานกล้ากลัวๆตอบผม ผมเดินไปควักแบงค์ร้อยวางที่เคาน์เตอร์ก่อนจะเดินมาหยิบกระเป๋าที่โต๊ะแล้วลากแขนไอ้ตัวดีออกมาจากร้านอย่างรวดเร็ว
ความนิ่งมันเป็นสันดาร
แต่อารมณ์คนมันห้ามไม่ได้หรอกนะ!
“ปล่อย!!!! บอกให้ปล่อยไง!!!!” ผมลากนานาเดินมาเรื่อยๆ ฉุดกระชากยื้อกันจนคนรอบข้างหันมามอง ผมเห็นสายตาของคนพวกนั้นที่มองมาเหมือนจะสงสัย ... เลยเดินลากนานาเข้ามหา’ลัยตัวเองไป
ไม่เคยลงไม้ลงมือขนาดนี้เลยจริงๆ
แต่พอเห็นนานาเมินความห่วงใยที่ผมมีให้ มันก็หงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ
“ปล่อยสิวะทะเล!!!!!! เป็นบ้าอะไรเนี่ย!!!! โอ๊ย!!!” นานาแหกปากร้องโวยวายใหญ่ ผมเดินเข้าไปใต้ตึกสถาปัตย์ที่แน่ใจว่านักศึกษาคงกลับบ้านกันหมดแล้ว พลางเหวี่ยงนานาชิดกำแพงแล้วยันแขนสองข้างเพื่อกันร่างบางหนี
“จะงี่เง่าอีกนานมั้ย
” เสียงนิ่งๆแต่ทรงพลังของผมทำให้นานาหยุดดิ้น ร่างบางหลุบตาต่ำลง
“ถ้ากูไม่ห่วงกูจะถามมั้ย?
แล้วเป็นอะไรทำไมไม่บอก
หัดเป็นคนเจ้าอารมณ์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” ผมพยายามใช้น้ำเย็นเข้าดับไฟ
นานานิ่งลงอย่างเห็นได้ชัด
“สนใจกูทำไม
ไม่กลัวไอ้จอมมันโกรธหรือไงที่เข้าข้างแต่กูน่ะ” ผมเลิกคิ้ว
อย่าบอกนะว่างอนเรื่องที่ไอ้จอมพูด? บ้าเหอะ นานาเคยสนใจเรื่องนี้ซะที่ไหน?
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง
มันไม่เกี่ยวอะไรกับจอม
ที่กูถามคือสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่”
“กูทำอะไร” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมแล้วเม้มริมฝีปากเน่นเหมือนคนที่กำลังจะยอมแพ้ ผมใช้ดวงตาสีดำสนิทของดวงเองจ้องไปในดวงตาสีน้ำตาลใสนั่นแบบเขม่น
“เป็นอะไรไม่ยอมบอก พอกูจะปลอบก็ผลักแขนกูบ้างล่ะ ตีมือบ้างล่ะ
เนี่ยน่ะเหรอ
คนไม่ได้เป็นอะไร?”
นานาเงียบไปแล้วค่อยๆทรุดลงนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง ผมตกใจเลยรีบประครองร่างบางไว้
“เหอะ
ถามจริงเหอะว่ะทะเล
กูเป็นอะไรสำหรับมึงกันแน่ ... มึงเป็นห่วงกูออกนอกหน้ามากเกินไปแล้วนะ” ผมมองดวงหน้าหวานที่หลุบต่ำนั่นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะนั่งลงที่พื้นข้างหน้านานาแล้วจับมือนานาเอาไว้
มือร้อนเกินไปแล้วนะ ... ร้อนเกินไปจริงๆ
“เพื่อน
แค่นั้นเหรอ?” เสียงใสๆถามออกมาอีกครั้ง
“ไม่ใช่
” ผมตอบ นานาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมแล้วทำตาโตกลมดิ๊ก
“แต่มึงเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนคนพิเศษ เพื่อนที่ไม่เหมือนใคร” สิ้นคำพูดของผม ร่างบางก็ทำหน้าผิดหวังแบบกำลังจะตกขอบโลกก่อนจะคอตกอีกระลอก ผมเอื้อมมือไปจับหัวนานาแต่ก็โดนมือเรียวปัดออกเบาๆ
“เหอะ ต่างกันยังไง
” นานาสบถเบาๆแล้วจับต้นคอตัวเองน้อยๆ เสื้อชอปที่สวมอยู่หลุดมากองตรงไหล่เพราะแรงดิ้นเมื่อกี้ เผยให้เห็นรอยแดงเป็นปื้ดที่เจ้าตัวจงใจจะปิดมันไว้ด้วยขอบปกของเสื้อชอป ดึงสติสัมปชัญญะเรื่องอื่นของผมให้ลอยละล่องออกไปหมด
รอยอะไร?!
ผมดึงตัวนานาเข้ามาหาใกล้ๆพลางลูบลงไปเบาๆที่รอยแดงเป็นปื้ดนั่น ผื่นเหรอ?
“ทะ ... ทะเล ทำอะไรวะ” ร่างบางเสียงสั่น ผมไม่ได้สนใจเสียงอู้อี้ที่ทักท้วงนั่น มือหนาของผมดึงเสื้อชอปของนานาออกก่อนจะโอบนานาเข้ามาชิดอกตัวเองไว้ด้วยมือซ้าย ลมหายใจร้อนจี๋เป่าร้อนต้นคอผมเหมือนคนหายใจไม่ทัน ... ผมใช้มือขวาจับขอบคอเสื้อยืดแล้วดึงมันออกเล็กน้อยพอให้มองเห็นว่ามันเป็นรอยอะไรกันแน่
“เฮ้ย!!!” แล้วก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจ!!
“นี่มึงไปทำอะไรมาเนี่ย!!!” ผมตวาดนานาแล้วจับร่างบางให้นั่งหันหลังให้ นานาทำตาโตเลิกลั่ก!!
“ทะเล!!! เฮ้ย!!!! ไอ้เหี้ยย ปล่อยนะ!!!!” ร่างบางดิ้นพล่านอยู่ที่พื้น ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยพลางโอบมือซ้ายตวัดรอบตัวให้นานาอยู่นิ่งๆ ขาก็ยันกำแพงเอาไว้เพื่อไม่ให้นานาที่นั่งอยู่หว่างขาหนีไปไหน มือขวาของผมเลิกเสื้อยืดของคนตรงหน้าขึ้นช้าๆ แผ่นหลังเนียนขาวแบบคนไม่เคยโดนแดดปรากฏแก่สายตา
แต่ไอ้ที่น่ากลัวกว่านั้น
คือรอยแดงเป็นปื้ดทั้งตัวที่ถูกประดับอยู่บนแผ่นหลังนั่นมากกว่า!!!!
“มึงไปโดนใครเหยียบมาหรือไงวะ!!!!”
NANA
“เป็นลมพิษธรรมดาครับ อาการแพ้คลอรีนนิดๆหน่อยๆ อาจจะมีอาการไข้ขึ้นแทรกซ้อนแต่ไม่รุนแรง อาทิตย์นึงก็หายแล้ว”
ผมนั่งหน้าบูดอยู่หน้าโต๊ะคุณหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง ก่อนจะโดนทะเลจับกดหัวให้ขอบคุณคุณหมอแล้วลากผมออกมาจากห้อง ผมรู้ตัวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าเป็นลมพิษ แพ้คลอรีน แถมยังมีไข้ตัวลุมๆ บ้าเอ้ย!!!! ก็แบบนั้นแหละที่ทำให้ผมต้องแสดงปฏิกิริยาซึมเศร้านั่นออกไป!!! ผมปวดหัว มึนไปหมด แล้วก็ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น คนไข้ขึ้นจะให้มานั่งหัวเราะร่าหรือไงวะ!!!!
ย๊ากกกก!!!!
ทะเลเดินไปรับยาพลางเดินมานั่งข้างๆผมแล้วจับคางผมให้หันไปมองหน้าหล่อๆนั่น ผมหน้าบูดขึ้นทันที
ใครใช้ให้ทะเลของขึ้นวันนี้เล่า!!! ที่ปัดมือทะเลออกก็เพราะว่าผมตัวร้อน ไม่อยากให้มันรู้ว่าผมมีไข้ ไหนๆก็จะได้มากินไอศกรีมกับทะเลทั้งที!!!
แต่ทำไมเห็นความหวังดีของผม
กลายเป็นอาการงี่เง่าไปได้ล่ะ TOT!!!!! โถ่เว้ยยยยยยยย
“ยานี่กินหลังอาหาร ส่วนอันนี้ทาแก้คัน
” ผมพยักหน้าหงึกหงักเมื่อทะเลนั่งอยู่ตรงหน้าแล้วหยิบยาสีสันสวยงามขึ้นมาโชว์ ไอ้ลมพิษเวรนี่ก็กัดกินผมไปทั้งตัว คันยิบๆ!!!! ผมเอื้อมมือไปจะเกาแขน จู่ๆทะเลก็ฟาดป๊าบเข้ามาจนต้องชะงักแขนออกแล้วทำหน้าเบ้!!!
“อย่าเกา”
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ T_______T ก็มันคันนี่!!!!!
“เพราะไข้ขึ้นสินะ เลยทำให้ซึมน่ะ” ทะเลแตะหน้าผากผมเบาๆพลางขยี้หัวผมเล่น ผมแยกเขี้ยวใส่!!!
ถึงจะหล่อก็ไม่ให้อภัยนะ!!!! อารมณ์ไม่จอยสุดๆเลย!!!
ร่างสูงถอนหายใจพลางพาดตัวลงที่เก้าอี้ยาวแล้วเอาแขนพาดไหล่ผมไว้ ผมมองเสี้ยวหน้าของทะเลที่ดูจะหายเหนื่อยไปบ้างหลังจากรู้ว่าผมไม่ได้โกรธอะไรทั้งนั้น
ก็คงเหมือนอารมณ์หงุดหงิดเวลาเป็นอะไรแบบในเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ
เป็นไข้ = ห้ามกินของเย็น แล้วของเย็น = ไอศกรีม ไอศกรีม = ชีวิตของผม
=_= เซงว่ะ
ทะเลเอื้อมมือมาจับหัวผมให้ซบไปที่ไหล่กว้าง ผมชะงักไป ใจเต้นรัว ได้แต่มองก้มหน้าดูปลายเท้าของตัวเอง
“เป็นไข้แต่ไม่อยากทำให้กูเสียใจเพราะกูอุตส่าห์เอ่ยปากชวนมากินไอศกรีม
มึงนี่จริงๆเลยว่ะ” ร่างสูงขยี้หัวผมอีกครั้ง ผมทำตาขวาง
หัวยุ่งแล้วเว้ย หัวยุ่งแล้วววว!!!! ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองริมฝีปากสีซีดที่คลี่ยิ้มบางๆเหมือนคนสบายใจ
แต่คำพูดที่ทะเลพูดก็ยังวนเวียนในหัวผมตลอดเวลา ... ผมก็แค่คนที่หลอกตัวเองไปทุกๆวันว่าผมเป็นอะไรกับทะเลมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’
ผมเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่อาศัยความห่วงใยของทะเลมาเป็นประโยชน์ให้ตัวเองสบายใจ ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าผมขาดทะเลไม่ได้แน่ๆ
ผมเหมือนเด็กดื้อเอาแต่ใจ
“เฮ้อออ ปล่อยให้คนเขาเป็นห่วงแทบตาย
ไอ้บ้าเอ้ย
” ร่างสูงกดจูบลงบนกระหม่อมผม
ก่อนจะจูงแขนผมให้ลุกขึ้นยืนแล้วพาเดินออกไปจากคลีนิกเพื่อไปขึ้นรถของทะเล
(.////.)
ให้ตายสิ
เขินอีกแล้ว
หน้าร้อนไปหมดแล้วนะเว้ยยไอ้ทะเลบ้า!
เอ่อ
ลืมเรื่องนั้นไปก่อนก็แล้วกัน
เพราะยังไงตอนนี้
ผมคงทำได้แค่เก็บเกี่ยวความสุขทั้งหมดเมื่ออยู่กับทะเล
“มึงเป็นคนพิเศษ
ไม่ต้องถามอีกนะว่ามึงกับกูเป็นอะไรกัน” ทะเลรัดซิทเบลท์ให้ผมพลางพูดออกมาเบาๆ ผมมองกลุ่มผมสีดำนั่นก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
สุดท้ายแล้ว
ทะเลก็ยังเป็นคนที่แคร์ผมที่สุดเสมอนั่นแหละ : )
รักทะเลนะ
ที่สุดในโลกเลยยยยยยย >///<!!!
เม้นหน่อยนะที่รัก T^T งี๊ดดดดดด ....
|
ความคิดเห็น