0.00 ‘กูเหงาจะตายอยู่แล้ว เมื่อไรจะมาซะที รออยู่ที่บ้านนะ’ ผมเปิดข้อความในมือถือดูหลังจากเล่นบอลกับเพื่อนที่มหา’ลัยเสร็จ ข้อความนับสิบข้อความถูกส่งเข้ามาตั้งแต่เช้าจากคนๆเดิม พร้อมทั้งไล่ดูข้อความล่าสุดที่ถูกส่งมาตอนห้าโมงเย็นก่อนจะดูนาฬิกาตอนนี้ที่ปาเข้าไปเกือบทุ่มกว่าๆ ผมใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อที่คอแล้วยิ้มให้กับความเอาแต่ใจของเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ นานามักจะเจ้ากี้เจ้าการไปซะทุกเรื่องจริงๆ “ทำยิ้มนะมึง
ว่าไงล่ะ คุณหนูนานาส่งเมสเซจมาให้ทำอะไรอีกวะ กลับมาก็จิกเป็นไก่เชียว!” ไอ้จอมทัพแขวะขึ้น มันเป็นเพื่อนสนิทที่โตมากับผมและนานา ผมหุบยิ้มแล้วหันไปมองมันนิ่งๆ เจ้าของร่างสูงเรือนผมสีดำสนิทที่ตัดกับรองเท้าสีส้มจี๊ดทำให้ผมเลิกคิ้วด้วยคำพูดกวนบาทาของมัน เพราะอารมณ์ขี้หยอกขี้แกล้งขี้เล่นของมันนี่แหละ ที่ทำให้ไอ้จอมได้เป็นเดือนสถาปัตย์ “ให้ไปหาที่บ้าน
เหงาตามเคย” “โตเป็นควายแล้วจะเหงาอะไรอีก” ผมเลิกคิ้วมองไอ้จอมที่พูดจาปากไม่มีหูรูดก่อนจะส่ายหัวแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย กลับทั้งชุดนี้เลยแล้วกัน กว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จคงปาไปอีกชั่วโมงพอดี ดีไม่ดีจะโดนหมอนั่นงอนเอาอีก “กูไปล่ะ
พรุ่งนี้เจอกัน!” ผมไปเรียนที่อังกฤษมา 5 ปี ตั้งแต่อายุ 16 เพิ่งจะกลับมาโอนหน่วยกิจเรียนที่ไทยต่อเพราะว่าเกิดปัญหาทางบ้านเล็กน้อย แล้ววันนี้ก็เข้าไปเรียนที่มหา’ลัยเดียวกับไอ้จอมเป็นวันแรก โอนเข้าเรียนปีสาม แถมยังได้โอนเข้าชมรมว่ายน้ำและได้คัดเป็นตัวเก็งของมหา’ลัยทันที เพราะว่าผมมีใบเซอร์(certificate)รับรองการเป็นนักกีฬาของมหา’ลัยที่อังกฤษ แม้จะเพิ่งกลับมาเหยียบเมืองไทยสดๆร้อนๆเมื่อวานนี้ แต่เพียงแค่วันเดียว ก็ทำให้ผมกลายเป็นที่รู้จักของใครๆหลายคนในมหา’ลัยอย่างรวดเร็ว ภายใต้ชื่อของนักกีฬามหา'ลัยและความกระฉ่อนของชื่อเสียงไอ้จอมทัพ ผมมาหยุดยืนที่บ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่หลังหนึ่งที่ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น บ้านที่คุ้นเคยของผม จอมทัพ และนานา ผมค่อยๆผลักประตูรั้วที่ไม่ได้ล็อคเข้าไป ก่อนจะเปิดประตูบ้านเข้าไปอย่างถือวิสาสะเหมือนทุกครั้งที่มาเหยียบที่นี่ นานาส่งเมสเซจมาบอกว่าพ่อแม่ออกไปข้างนอก แล้วผมก็คงต้องมานอนค้างกับหมอนั่นคืนนี้เพราะเป็นความต้องการของเจ้าตัวเขา “นานา!” ผมตะโกนแต่ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรมากก่อนจะเดินตามหาร่างบางของเพื่อนสนิทจนทั่วชั้นล่าง ไม่มีเสียงตอบรับมีเพียงแค่เสียงเพลงป๊อปเบาๆที่ดังมาจากชั้นสองทำให้ผมรู้ว่าหมอนั่นคงฟังเพลงจนไม่รู้ว่าใครเข้ามาในบ้าน ผมเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง เสียงฮัมเพลงหวานๆของใครซักคนดังลอดออกมาจากห้องนอน ประตูที่เปิดอ้าอยู่เผยให้เห็นร่างบอบบางของผู้ชายที่มีสัดส่วนสวยกว่าผู้หญิงบางคนยืนอยู่หน้ากระจก ผมมองภาพนั้นนิ่งๆแล้วยืนพิงขอบประตู และเหมือนหมอนั่นจะไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าผมเข้ามาในบ้านแล้ว “Strike up the band and make the fireflies dance, Silver moon's sparkling
So kiss me” นานายืนหันหน้าเข้าหากระจกแล้วรวบผมยาวระต้นคอสีดำสนิทของตัวเองขึ้นมัดก่อนจะโยกไปมาตามเพลงอย่างเย้ายวนและอารมณ์ดี หมอนั่นสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวใหญ่หลวมโคร่งที่ยาวปิดขาอ่อนๆนั่นแค่เพียงชิ้นเดียว
เห็นแบบนั้นแล้วผมก็ต้องถอนหายใจออกมายาวๆ
ถ้าไม่ใช่ผมที่เดินเข้าบ้านมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น ‘ก๊อก ก๊อก’ ผมใช้หลังมือเคาะประตูที่หน้าห้อง นานาสะดุ้งเฮือกแล้วหันมาหาผม ดวงตากลมโตหยีลง จมูกรั้นๆและริมฝีปากรูปกระจับนั่นดูราวกับตุ๊กตาตัวน้อย ร่างบางฉีกยิ้มหวานแล้วรีบวิ่งไปปิดเพลงก่อนจะวิ่งร่าเข้ามาแล้วใช้สองแขนเรียวคล้องคอผมไว้ ผมจับแขนเรียวที่ดูจะเล็กลงนั่นออกเพราะเนื้อตัวเลอะเหงื่อจากการเตะบอล กลัวมันจะสกปรก “กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าอยู่บ้านคนเดียวให้ล็อคประตู” นานาทำหน้าเบ้แล้วลากผมเข้าห้องก่อนจะเขย่งสุดตัวเพื่อตบไหล่ผมให้นั่งลงที่ปลายเตียง เมื่อกี้ตอนที่ยืนอยู่นานาสูงเพียงแค่ไหล่ของผม แต่พอผมนั่ง ร่างบางกลับสูงเลยหัวผมไปเพียงแค่นิดเดียว นี่ไม่ได้สูงขึ้นเลยสินะ “ล็อคทำไม? ขี้เกียจลงไปเปิดให้ ... แถมมึงยังมาช้ามากๆ!” ร่างบางตัดพ้อแล้วแบมือเหมือนขออะไรบางอย่าง ผมตีมือนั่นไปเบาๆ “จะมาขอของฝากอะไรวะ ก็กูบอกว่ากูไปเรียน” “โถ่! มึงอ่ะ ไปเรียนแล้วไม่มีเวลาเที่ยวเลยเหรอวะ!!” นานาทำหน้าบูดเหมือนเด็กๆ “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง
กูบอกให้ล็อคประตู มันอันตรายเวลาอยู่คนเดียว
แล้วนี่อะไร” ผมเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อเชิ้ตที่นานาสวมอยู่ ร่างบางเซมาข้างหน้าจนมายืนอยู่ตรงกลางระหว่างขาของผม เสื้อมันสั้นเลยเข่าขึ้นมาเยอะมากเห็นไปถึงไหนต่อไหน “ก็มันร้อน!!!” คนตรงหน้าผมเริ่มแถ
แต่มึงกำลังเปิดแอร์อยู่นะ
“ไม่ต้องมาเฉไฉ
ไปเปลี่ยนชุด
” ผมสั่งเชิงดุๆ นานาทำท่าไม่พอใจแถมยังยืนกอดอกประชด เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ นานาเป็นคนหัวรั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วผมก็เป็นห่วงไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้เหลือเกิน ... มันมักจะทำอะไรไม่ค่อยคิด อย่างเรื่องเสื้อเนี่ย สั้นเห็นถึงไส้ติ่ง ป่านนี้บ้านข้างๆคงเลือดกำเดากระเฉาะจนหมดตัวกันแล้วมั้ง “กลับมาก็สั่งเอาๆเลยนะ!! กูไม่เปลี่ยน! ... มึงจะทำไมเหรอทะเล ^^” ร่างบางเบียดตัวเข้ามาใกล้ผมก่อนจะใช้แขนเรียวคล้องคอผมไว้อีกครั้ง เสื้อเชิ้ตเลิกขึ้นจนเห็นขอบของเนื้อผ้าบางสิ่งที่ร่างบางสวมไว้ด้านใน ดวงตาซุกซนขี้เล่นนั่นปราดมองผมหวานเยิ้ม ผมเห็นแบบนั้นเลยดันเอวนานาออกไป พลางเลิกคิ้วสงสัยนิดหน่อย มันกำลังยั่ว ... แม้นานาจะเป็นลูกครึ่ง ทำอะไรไม่เคยแคร์ ... แต่ทำผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันดูมีเสน่ห์ขึ้นกว่าเมื่อก่อน ทั้งผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง แถมยังท่าทีเหมือนลูกแมวที่กำลังอ้อน ... “กูจะจับมึงแก้ผ้าเปลี่ยนชุด ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนดีๆ...” ขอลองใจหน่อยแล้วกัน ... ว่านายยังเป็นเด็กไร้เดียงสาที่ฉันรู้จักอยู่รึเปล่า... นานา “เอาสิ รออยู่” เสียงหวานใสพูดอย่างอารมณ์ดี นานายังไม่ปล่อยแขนที่คล้องคอผม ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาสีน้ำตาลใสนิ่งๆอีกครั้ง เปลี่ยนไปจากเดิมจริงๆสินะ ... ร่างบางยิ้มร่าไม่รู้เรื่องรู้ราว นี่รู้ตัวมั้ยวะว่าพูดอะไรออกมาน่ะ
เท่ากับเชื้อเชิญชัดๆ “รออะไรอยู่ล่ะ ถอดสิ” ใบหน้าหวานโน้มลงมาคลอเคลียอยู่แถวข้างแก้มผม ผมทำสีหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ ไม่มีแม้แต่จะขมวดคิ้วหรือทำหน้าบึ้ง ... ก่อนจะดันตัวนานาออกอย่างไม่สบอารมณ์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเด็กๆยังพอว่า ผู้ชายเหมือนกันจะแคร์ทำไม แถมเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ถ้าเป็นตอนนี้
หงุดหงิดสุดๆไปเลยว่ะ “ไม่ถอดเหรอทะเล
งั้นถอดเลยแล้วกัน!” “นานา!!!” ผมปราดเข้าไปกระชากเสื้อคนตรงหน้าลงเหมือนเดิมเมื่อนานาจับชายเสื้อแล้วเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องขาวและอันเดอร์แวร์ ให้ตายสิ
ที่มากไปกว่านั้น หน้าต่างบ้านยังไม่ปิดเลยซักบาน ถ้าเกิดใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ปลอดภัย “อย่าทำแบบนี้
กูไม่ชอบ” “โถ่!!!” นานาแลบลิ้นใส่ผมก่อนจะวิ่งไปคว้ากางเกงขาสั้นที่วางอยู่ที่เก้าอี้แล้วปราดเข้าห้องน้ำไป ผมส่ายหัวให้กับหมอนั่น ห้าปีที่หายไป ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ได้คุยกับทั้งนานาและไอ้จอม เป็นห่วงก็เป็นห่วงเพราะรู้ว่านานาชอบโดนเพื่อนแกล้งประจำตอนเด็กๆ และผมหวังว่ามันจะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม แต่ดูท่าทางแล้ว
นานาดูแสบสรรมากขึ้นกว่าเดิมเชียวล่ะ “จะออกไปหาอะไรกินมั้ย ที่บ้านไม่เหลืออะไรเลยว่ะ” ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่วางเกะกะที่พื้น กางเกงที่คว้าเข้าไปใส่เมื่อกี้นั่นยาวเลยเสื้อเชิ้ตมาแค่นิดเดียว พอก้มทีก็เห็นไปไหนต่อไหนแล้ว นี่แหละ
ความดื้อของมัน ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าในขณะที่นานาไปนอนที่เตียงแล้วกลิ้งไปกลิ้งมา ภายในตู้เสื้อผ้ามีแต่อะไรก็ไม่รู้ เสื้อแขนกุด กางเกงบ็อกเซอร์กีฬาตัวจิ๋วที่ถ้าผมใส่คงจะขาด ไหนจะเดฟขาดรุ่งริ่งเห็นไปถึงขาอ่อน เสื้อผ่าหลัง ผ่าข้าง
ให้ตายเถอะ นานาเป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี ไม่แปลกที่จะไม่แคร์สายตาใคร ... แต่หมอนี่สำเหนียกบ้างมั้ยว่าที่นี่ประเทศไทย
ไม่ใช่ต่างประเทศที่จะใส่ของพวกนี้เดินไปไหนมาไหนได้ ผมส่ายหัวแล้วกวาดเสื้อผ้าพวกนั้นขึ้นมา ก่อนจะเดินลิ่วๆออกไปนอกห้องทันที “ทะเล!!! มึงทำอะไรวะ!!!” ไม่พ้นสายตาเหยี่ยว นานารีบกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งตามผม ผมเดินลงไปชั้นล่าง ร่างบางเดินวนรอบตัวผมด้วยความสงสัย “จะเอาเสื้อผ้ากูไปไหน!!!” ผมเดินเข้าไปที่ห้องครัว ไม่ฟังเสียงนานาที่ร้องท้วงงอแง ก่อนจะเดินไปที่ถังขยะเล็กๆในบ้าน เหยียบให้ฝามันเปิดออก นานาเบิกตากว้างในขณะที่ผมมองหน้าหมอนั่นนิ่งๆแล้วโยนเสื้อผ้าพวกนั้นลงถังขยะทันที! “ทะเล!!! มึงทำเหี้ยไรห๊ะ!!!! รู้มั้ยว่านั่นตังค์กูทั้งนั้นนะ!!!” นานาร้องแหว ผมกอดอกแล้วมองใบหน้าหวานที่งอหงิกนั่นนิ่งๆ เพราะไม่มีใครสั่งสอนไง ถึงได้ทำตัวแบบนี้ ... แล้วก็เพราะความเป็นเพื่อนอีกนั้นแหละที่ทำให้ผมห่วงมันขนาดนี้ ปกติผมไม่เคยสนใจว่าใครจะทำอะไรด้วยซ้ำ แต่นี่มันอะไร ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ และมันทำให้ผมเดือดขึ้นเรื่อยๆ “ห้าปีที่ผ่านมามึงใส่ขยะนั่นออกไปไหนมาไหนหรือไง” “!!!!” ร่างบางเบิกตากว้างแล้วปราดเข้ามาผลักผมไปชนเคาน์เตอร์ครัว นานาน้ำตาคลอก่อนจะกร่นด่าผมด้วยความโมโห “มึงมันบ้า!!! นั่นไม่ใช่ขยะ ฮึก กูต้องเก็บเงินขนาดไหนถึงจะได้มา!!! มึงทำเหมือนกูได้มาฟรีๆอย่างงั้นแหละทะเล!!! มึงก็รู้อยู่แล้วว่ากูเป็นคนยังไง ทำไมมึงถึงพูดจาแย่ๆแบบนี้ ฮึก” คนตรงหน้าผมสะอื้นแล้วหันหลังให้ผม ไหล่เล็กๆที่สั่นนั่นทำให้ความรู้สึกผิดขึ้นมาจุกที่อก ผมพูดแรงไป
ผมปราดเข้าไปคว้าเอวบางนั่นแล้วพลิกตัวนานากลับมา หยดน้ำใสๆไหลลงมาตามพวงแก้มสวย ผมแตะแก้มใสนั่นแล้วปาดน้ำตานั่นออก พลางลูบหัวนานาเบาๆ เปราะบางเหมือนกับแก้ว
จริงสินะ แม้ภายนอกจะดูเปลี่ยนไป แต่ข้างในใจและนิสัยเดิมๆของหมอนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เด็กๆ “ขอโทษ
เพราะกูเป็นห่วงมึงถึงได้ทำแบบนี้ รู้มั้ยว่ามันอันตรายถ้าใส่ชุดพวกนั้นออกจากบ้าน” นานาส่ายหน้าใส่ผมแล้วเงยหน้ามาสบตากับผมทั้งน้ำตา “แต่มันไม่ใช่ขยะ!” “กูถึงบอกไงว่าขอโทษ
เดี๋ยวเอากางเกงกูไปใส่ แล้วออกไปซื้อของเข้าบ้านกัน โอเคมั้ย” นานาพยักหน้าแต่ไม่ยอมมองหน้าผม ร่างบางเดินหายขึ้นไปชั้นสอง ผมเดินตามขึ้นไปแล้วคว้ากางเกงขาสั้นสีดำออกมาจากกระเป๋า “มานี่” หมอนั่นไม่ยอมเดินมา ผมพนันได้เลยว่ามันงอน จนผมต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหานานาที่ยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วคว้าตัวมันลากไปนั่งบนเตียง “ปล่อย” ผมไม่ฟังคำสั่งของนานา จัดการสวมกางเกงบอลสีดำเข้าทับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วนั่น นานาดิ้นพล่านเป็นเจ้าเข้าผิดกับเมื่อกี้เมื่อผมจับเอวมันเพื่อที่จะดึงกางเกงขึ้นให้สุด และนั่นบ่งบอกอาการไม่พอใจของมันอยู่ “ทะเล!!! กูใส่เองได้ ปล่อย!!!” ขาเรียวเล็กเตะขึ้นบนอากาศแล้วกระเด้งตัวลงจากเตียง มือเล็กดึงกางเกงขึ้นจนสุดก่อนจะเดินไปคว้ากุญแจบ้านและมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินสะบัดออกจากห้องไป ผมยิ้มให้กับท่าทางเด็กๆของมัน ถ้าจะมีใครซักคนที่ดูแลมันดีกว่าผม ก็คงจะดีไม่หยอก ผมกับนานาออกมาเดินเล่นที่หน้ามหา’ลัยที่ผมเรียนซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านนานามากนัก มีร้านขายของขายข้าวอะไรเยอะแยะไปหมด จริงๆแล้วนานาไม่ได้เรียนมหา’ลัยเดียวกับผม มันเรียนวิศวะเคมีที่อีกมหา’ลัยหนึ่ง และผมเดาว่านานาก็คงยังไม่ได้กินอะไร เพราะสายตาแวววับเป็นประกายที่ส่งผ่านให้ทุกร้านอาหารนั่นแหละที่บ่งบอกว่ามันหิว “มหา’ลัยเป็นไงบ้าง” ผมถามคนข้างๆ มือเรียวยื่นถุงขนมมาให้ผมถือในขณะที่เจ้าตัวถือถาดไข่นกกระทากินหงับๆอย่างเอร็ดอร่อย นานาไม่หันมามองผมแถมยังเมินหน้าหนีอีกต่างหาก “ก็เป็นตึกสูงๆ สวยๆ” เสียงนิ่งๆเปล่งข้อความกวนๆออกมาเหมือนอาการของคนไม่พอใจ ผมถอนหายใจแล้วเดินตามเพื่อนสนิทต้อยๆเหมือนเป็นคนรับใช้ ยังโกรธอยู่อีกเหรอ “ขี้งอนหรือไง” ผมเดินตามคนตัวเล็กที่เดี๋ยวก็เดินเดี๋ยวก็หยุด นานาส่ายหน้า “อย่างอนเรื่องไม่เป็นเรื่องดิวะ” “กูเปล่างอนนี่ เคี้ยวอยู่ ตอบไม่ได้” ร่างบางว่าก่อนจะคว้าแก้วน้ำผลไม้ปั่นในมือผมไปดูดคำสุดท้ายแล้วโยนทิ้งลงถังขยะ แต่เจ้าตัวก็ไม่วายเมินหน้า ไม่ยอมหันมามอง “ตกลงมหา’ลัยเป็นไงบ้าง
ยังมีใครมาแกล้งมึงอีกมั้ย” ผมถามด้วยความเป็นห่วง นานามักจะโดนแกล้งตลอดด้วยร่างกายที่บอบบางกว่าผู้ชายทั่วไป แถมยังหน้าหวาน ตัวเล็ก ผอมแห้ง
เป็นคนขี้แยอีกต่างหาก “ทำไมล่ะ
ถ้ามี
จะไปกระทืบมันให้เหรอครับคุณทะเล ^^” ร่างบางพูดติดตลกแล้วหันมามองหน้าผม แถมยังยักคิ้วให้สองสามทีก่อนจะจับชายเสื้อยืดของผมเอาไว้พลางเล่นจ้องตาปริบๆ “มีหรือไง?” “อย่าห่วงน่า ฉันมีเพื่อนตัวโตแบบนายอยู่เยอะแยะไป ^^” คนตรงหน้ายิ้มหวานแล้วออกเดินต่อ นึกจะโกรธก็โกรธ หายโกรธก็หายโกรธ
เดาไม่ถูกว่ะ ผมเดินตามนานามานิ่งๆตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย นักศึกษาเดินกันพลุกพล่านไปหมดแต่ข้างตัวผมมีคนตัวเล็กที่เดินปากไม่ว่างตลอดทาง ผมมองกลุ่มผมสีดำสนิทที่ถูกมัดรวบขึ้นนิ่งๆ ป่านนี้คงอิ่มแล้วมั้งเห็นกินไปหลายอย่าง ในขณะที่ผมยังไม่ได้กินอะไรซักอย่าง น้ำก็ยังไม่ได้อาบด้วย “ปากมึงเลอะ” นานาหันมาเลิกคิ้ว ผมใช้นิ้วปาดไอศกรีมที่เลอะขอบปากของนานาก่อนจะดีดหน้าผากมันไป “กี่ขวบแล้ว
” “พี่ทะเล!!! พี่ทะเลใช่มั้ยคะ!!” จู่ๆเสียงที่ดังขึ้นด้านหลังก็หยุดการกระทำของผม ผมตีหน้านิ่งแล้วหันไปมองผู้หญิงสองคนที่ดูคุ้นหน้าด้านหลัง พวกเธอโบกมือมาให้ผมแล้วกระโดดโลดเต้นใหญ่ อ่อ เด็กชมรมโฟโต้
ผมเคยเห็นทั้งสองตอนที่เข้าไปโอนเรื่องที่สโมสรกรีฑาของมหา’ลัยเมื่อตอนบ่ายๆ “กลับมาแค่วันเดียว
มีแฟนคลับแล้วหรือไง” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของคนข้างๆทำเอาผมเลิกคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร นานาโยนถุงของกินที่หมดแล้วลงถังขยะไปหมด แล้วหันมายืนกอดอก “พี่ทะเล ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ พอดีจะเอาไปลงสกู๊ปมหา’ลัยน่ะค่ะ ><!!” ผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเดินเข้ามาหาผม เพื่อนเธออีกคนยืนถือกล้องอยู่ด้านหน้า ผมหันไปมองนานาที่เมินหน้าหนีก่อนจะพยักหน้านิ่งๆเพื่อตกลงที่จะถ่าย งานมหา’ลัยนี่เนอะ คงต้องเออออไป “พี่จอมทัพไม่มาด้วยเหรอคะ ><!” ผู้หญิงคนที่ถือกล้องถาม ผมส่ายหน้า
ผมไม่ชอบพูดกับคนที่ไม่รู้จัก จะพูดมากก็ต่อเมื่ออยู่หน้านานาหรือไอ้จอมทัพเท่านั้น คงเข้ากับคนได้ยากมั้ง “งั้นขอถ่ายรูปเดี่ยวสองรูปนะคะ” ผมพยักหน้า เธอจัดการถ่ายรูปผม พอถ่ายเสร็จผมก็เตรียมที่จะหันไปหานานา แต่ผู้หญิงหน้าตาน่ารักทักขึ้นมาอีกครั้ง “คือ
อีกรูปขอถ่ายคู่กับพี่หน่อยได้มั้ยคะ><!!!” เธอทำท่าเหนียมอายแล้วม้วนไปหมด ผมก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร นานาเองก็คงเข้าใจ เลยพยักหน้าตอบรับอีกครั้ง ผู้หญิงตัวแค่หน้าอกผมเดินมายืนชิดข้างๆแล้วทำท่าจะโอบแขนผมไว้ ยังไม่ทันที่เธอจะแตะตัวผม เสียงร้องของคนข้างๆที่ดังลั่นก็กระชากความสนใจของผมให้หลุดไปหมด! “โอ๊ยยย!!!!!!!!!!! โอ๊ย” นานาทรุดฮวบลงไป ผมไม่รอให้ร่างบางได้เข่าแตะพื้นเลยปราดเข้าไปพยุงนานาเอาไว้ ใบหน้าเรียวคิ้วขมวด มือทั้งสองข้างกอดไว้ที่ท้อง ทั่วทั้งบริเวณพุ่งเป้าหมายมาให้ความสนใจที่ร่างบางด้วยความตกใจ “เป็นอะไร
ปวดท้องเหรอ” ผมกอดเอวนานาไว้พลางปาดเหงื่อที่ขึ้นซิบๆบนใบหน้าหวานนั่น นานาหยีตาแล้วกุมท้องร้องโอดโอย นี่สินะ ผลที่กินอะไรเข้าไปมั่วซั่วเยอะแยะเนี่ย “ขอโทษครับ ไว้ถ่ายใหม่วันหลังนะ” ผมหันไปก้มหัวขอโทษผู้หญิงด้านหลัง เธอยิ้มเหมือนเข้าใจ ก่อนผมจะหันมาหานานาแล้วช้อนตัวร่างบางขึ้นแล้ววิ่งตรงออกไปริมถนนใหญ่ ผมหันซ้ายหันขวามองหาแท็กซี่ พลางมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง ถ้าเดินกลับไปนานาอาจจะปวดท้องหนักกว่านี้ แต่โชคดีจริงๆ ‘กริ๊งๆๆๆๆ’ เสียงกริ่งจักรยานดังขึ้น ไอ้จอมทัพกำลังปั่นมันมาทางนี้แล้วโบกมือทักทายผม เอาวะ
เพื่อเพื่อนนะมึง “จอม
จอด กูขอจักรยาน” ผมเอื้อมมือไปกัน ไอ้จอมเบรกดังเอี๊ยดหัวแทบทิ่ม “เฮ้ยไอ้ทะเล
แบกหมามาเหรอ” ปากวอนหาส้นตีนเหวี่ยงใส่หน้าผม ผมไม่สนว่ามันจะพูดอะไร จัดการดึงไอ้จอมลงจากจักรยาน แต่มันไม่ได้ขับมาคนเดียว มีร่างบางร่างเล็กที่ไอ้จอมทัพมันเตะบอลใส่เมื่อตอนเย็นนั่งมาด้วย “โอ้ยยยย!!!!” นานาร้องขึ้นมาอีกครั้งพลางบิดตัวอย่างเจ็บปวด เหมือนไอ้จอมจะเห็นนานาแล้ว มันบ่นออกมาเป็นขบวนพาเหรดไม่ยั้งปาก สองคนนี้มันไม่ถูกกันตั้งแต่เด็กแล้ว ผมไม่ได้สนคำด่าของไอ้จอมเลย สนแค่คนที่นอนบิดอยู่ในอ้อมแขนมากกว่า แต่ก็โชคดีอีกครั้งที่ไอ้เด็กที่ไอ้จอมมันเตะบอลใส่ยังมีความเป็นคนดี มันลงจากจักรยานแล้วหันไปด่าไอ้จอม ผมได้โอกาสวางร่างบางลงที่เบาะหลังแล้วปั่นขับออกไปทันที “ทนหน่อยนะมึง เดี๋ยวกลับบ้านแล้ว” ผมว่า มือเรียวเล็กจิกลงข้างหลังผมเพื่อระบายความเจ็บปวด ท่ามกลางความเป็นห่วงของร่างสูงเจ้าของดวงตาสีดำสนิทที่พยายามพาเพื่อนสนิทของเขากลับไปพักผ่อนที่บ้าน ร่างบางจิกมือลงที่เสื้อยืดด้านหลังของร่างสูงลึกลงไปถึงเนื้อราวกับตัวเองเจ็บปวดเจียนตาย ทั้งๆที่ดวงตาคู่หวานปราดมองแผ่นหลังนั่นแล้วยิ้มออกมาราวกับได้รับชัยชนะ พลางนึกไปถึงยัยผู้หญิงงี่เง่าที่จะถ่ายรูปคู่กับทะเล ทะเลเป็นของผมคนเดียว!!! เขากลับมาหลังจากหายไปห้าปี ห้าปีที่ผมไม่สามารถแสดงความเป็นเจ้าของได้ แต่ในเมื่อเขากลับมาแล้ว ทำไมผมถึงจะแสดงความเป็นเจ้าของไม่ได้ล่ะ แล้วถ้าในเมื่อเขาเป็นของผม หน้าไหนก็ห้ามยุ่งทั้งนั้น ถ้าไม่อยากกลายเป็นศพซะก่อนนะ!!! นานาหันไปหาจอมทัพที่ยืนบ่นกระปอดกระแปดอยู่ด้านหลังกับร่างเล็กอีกคน ร่างบางทำหน้าไร้เดียงสาก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากอย่างได้ชัยให้ร่างสูงด้านหลัง นานาจิกตามองจอมทัพเหมือนจะสั่งว่าอย่าปากโป้งให้ทะเลรู้พลางโบกมือบ๊ายบาย จอมทัพเบิกตากว้างด้วยความโมโห ในขณะที่ร่างเล็กข้างๆก็ดูตกใจไม่แพ้กัน รู้มั้ยจอมทัพ ถ้าฉันอยากจะได้อะไรล่ะก็ฉันก็ต้องได้
และที่สำคัญ ฉันเป็นคนสำคัญของทะเล ต่อให้นายพูดไปจนน้ำลายฟูมปาก
เขาก็ไม่เชื่อนายอยู่ดีนั่นแหละ!!!!! |
ความคิดเห็น