ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - Fic B.A.P - L.O.V.E Accident !!

    ลำดับตอนที่ #5 : - Episode 4 -

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 57


              - Episode 4 -




              “ นี่ขนาดฝึกแค่วันเดียวยังได้ดีขนาดนี้ เก่งไม่เบาเลยนะเนี่ย “ ชายหนุ่มนามว่า ผู้จัดการ กำลังกอดอกยืนดู

                 เด็กหนุ่มผมบลอนด์ฝึกจัดของ ก่อนจะเอ่ยชมออกมาด้วยความพึงพอใจ


              “ จริงหรอฮะ! “ เด็กหนุ่มผมบลอนด์ตาลุกวาวเมื่อได้รับคำชม ก่อนจะจัดต่ออย่างเคร่งครัด


              “ ก็ใช่หนะสิ เก่งมากๆ “ ผู้จัดการเอ่ยก่อนจะลูบผมบลอนด์เบาๆ


              “ แหะๆ “ จุนฮงเกาท้ายทอยเขินนิดๆ


              “ งั้นวันนี้นายลองแคชเชียร์เลยดีกว่า นัมอูฮยอนมาช่วยชั้นดูน้องหน่อยซิ “ ผู้จัดการว่าแล้วก็หันไปกวักมือเรียก

                 นัมอูฮยอนชายตัวเตี้ยที่ตอนนี้กำลังไฝว้อยู่กับอีโฮวอนแผนกของสด


              “ ตกลงนายรู้ยังว่า ไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อนกัน “


              “ . . . . . ก็ไก่ไง “


              “ ถ้าไม่มีไข่แล้วไก่จะเกิดได้ไงล่ะ “


              “ ไก่ “


              “ ไข่ต่างหากเฟร้ยยย “


              “ ไก่ “

             
              “ นี่มึงติดอ่างหรอ =____=


              “ ไก่ “


              “ ไอ้@#$%*)(*(*^&@!!!


              “ กูอยากกินไก่ “


              “ เอออ!! เชิญมึงไปกินในน้ำปะ  โอ๊ยยยยย!!!!

     
              “ เดี๋ยวพวกแกก็ได้ลงน้ำทั้งคู่นั่นแหละ ชั้นจะโยนให้จระเข้กิน!!!


              “ โอ้ยยย ผู้จัดการกระชากไปได้ หัวผมจะล้านแล้วนะ! “ อูฮยอนพยายามจัดทรงผมใหม่ให้เหมือนกับที่เขาอุสาเซ็ต

                 มาให้หล่อเพื่อการบางอย่าง


              “ หัวแกนี่ ไม่ใช่หัวชั้น!! ชั้นเรียกไม่ได้ยินรึไงห๊า?!!


              “ คร้าบบๆ “        

               

     

              “ นี่นายเก่งจริงๆนะเนี่ย จำได้เร็วมากอ่ะ “ อูฮยอนโพล่งขึ้น เพราะทึ่งในเด็กตัวโย่งนี้ ตั้งแต่ที่เขาเริ่มสอน จุนฮงก็คอย

                 ถามตลอดตอนที่ไม่เข้าใจ แล้วก็ใช้ความเคยชินของร่างกายจดจำ แถมทำได้รวดเร็วราวกับเครื่องจักร


              “ เธอได้เกรดที่โรงเรียนเท่าไหร่เนี่ย? “ ผู้จัดการที่ยืนอยู่ข้างๆถามขึ้น


              “ เอ่อออ  ไม่ดีเท่าไหร่หรอกครับ เพราะผมความประพฤติไม่ค่อยดีเท่าไหร่.. “ จุนฮงพูดก่อนจะเกาท้ายทอย


              “ ความประพฤติไม่ดี? เธอไปทำอะไร “ ผู้จัดการขมวดคิ้ว


              “ คือ.. จริงๆแล้วที่โรงเรียนผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนหรอกฮะ แล้วก็ชอบมีเรื่องชกต่อยด้วย “


              “ ฮะ?!! “ นี่ก็คือเสียงฟีทแบคของหนุ่มร่างเตี้ยอย่างอูฮยอน


              “ อย่างนายเนี่ยนะ จะไปต่อยกับใคร! เห้ยย ไม่ใช่และ “ คราวนี้ซองยอลเสริม


              “ เอ่ออ แต่คือพวกเค้ามาหาเรื่องผมก่อนหนะฮะ “ จุนฮงพยายามพูดแก้สถานการณ์


              “ แล้วนายก็รับไปต่อยกับเค้าด้วยอ่านะ โหยยย โคตรเด็ดเลยว่ะน้อง “ ซองยอลพูดก่อนจะตบบ่าน้องอย่างชอบใจ


              “ นี่เธอคงได้เลือดร้อนมาจากพี่เธอบ้างสินะ แต่เอาเถอะ อย่ามามีเรื่องถึงที่นี่แล้วกัน “


              “ ฮะ “ จุนฮงขานตอบก่อนจะหันมาสนใจเครื่องแคชเชียร์อีกครั้ง
                
                .

                .

     




     

                 ชายร่างเล็กกับหญิงผมบลอนด์แดงกำลังเดินข้ามถนนตรงไปยังร้านซุปเปอร์ที่คุ้นเคย ที่ที่ไปแทบทุกครั้งหลังเลิก

              สอนคลาสเปียโน วันนี้มีอะไรแตกต่างไปหน่อยเมื่ออยู่ๆชายร่างเล็กก็พูดขึ้นมาว่า จะทำข้าวผัดกิมจิเป็นมื้อดึกถือว่า

              แปลกไม่น้อยที่อยู่ๆชายร่างเล็กนี้เกิดอยากกินอย่างอื่นแทนมาม่ามื้อประจำ


              “ ดีแล้วๆ ไม่ใช่วันๆเอาแต่นั่งกินมาม่า เสียสุขภาพเปล่าๆ “ หญิงสาวเอ่ยก่อนจะลากชายร่างเล็กเข้าไปตรงแผงกิมจิ

     


     

              “ นาตาชา.. วันนี้ก็มาอีกแล้วหรอ~~ “ หนุ่มน้อยนัมอูฮยอน ผู้ตกหลุมรักหญิงสาวผมบลอนด์แดง กำลังเกาะแผงข้างๆ

                 เพื่อเฝ้ามองเธอ


              “ เห้ยย!!!


              “ ฮ่อกกกก “


              “ ฮ่าๆๆๆ มึงมองอะไรวะ “ ซองยอลที่เพิ่งแกล้งตะโกนให้ตกใจเล่นขำออกมาอย่างชอบใจ


              “ ไอ้@#$*(^% กูตกใจหมด! “ อูฮยอนค้อนใส่ก่อนจะกระทุ้งศอกไปทีนึง


              “ บอกกูมาเลย มึงมองไรวะ “ ซองยอลพูดพลางชะเง้อตามองตาม


              “ นาตาชาของชั้นไง “ อูฮยอนพูดก่อนจะทำหน้าเคลิ้ม


              “ ฮะ? “

     



     

              “ แล้วตกลงนายจะไม่สอบชิงทุนไปซิดนีย์จริงๆหรอ? “


              “ ผมคิดว่าดีแล้วครับ ผมอยากใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า “


              “ ใช้เวลาไปกับนายเงิงแฟนนายน่ะหรอ “


              “ ..ครับ ชิงทุนชิงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ชีวิตคนที่อยู่บนเส้นด้ายจะจากไปเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ “


                 เมื่อยองแจพูดแบบนี้ ซอนฮวาก็ไม่อยากสาธยายให้มากความ เพราะตัวเธอก็รู้อยู่ว่ายองแจรักฮิมชานมากแค่ไหน

             กว่าจะอยู่กันมาถึงจุดๆนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง รุ่นพี่อย่างเธอก็ได้แค่ดูแลทั้งคู่อยู่ห่างๆเพราะฮิมชานเป็นเพื่อนร่วม

             ห้องสมัยมัธยมของเธอ จึงไม่แปลกที่ฮิมชานจะฝากยองแจให้เธอดูแล

           
       
                 ทั้งคู่เดินซื้อของกันไปเรื่อยๆจนตะกร้าที่ว่างๆก็ถูกเติมไปด้วยของกิน ของที่จำเป็นต้องใช้ ก่อนจะชะงักเมื่อสิ่งที่

              ซอนฮวาต้องการนั้นไม่มีอยู่บนชั้น


              “ อะ  วันนี้ซอสสปาเก็ตตี้รสพิซซ่าหมดหรอ? หรือพนักงานยังไม่ได้เอาในสต็อกมาเติม “ ซอนฮวาที่ตั้งใจว่าพรุ่งนี้
     
                 วันหยุดเธอจะทำสปาเก็ตตี้ง่ายๆกินที่บ้าน แต่ก็ต้องมาฝันสลายเมื่อของที่เธอต้องการดันว่างเปล่าบนชั้น


              “ ขอโทษนะคะ ของบนชั้นนี่หมดแล้วเหรอคะ?? “ ซอนฮวาหันไปเจอพนักงานสองคนที่ยืนหลบมุมอยู่อีกแผงนึงก่อน

                 จะเรียกถามแล้วชี้ไปยังชั้นวางของ

     

           


              “ เห้ย เค้าเรียกเราแล้วว่ะ มึงไปเลยๆ “ ซองยอลที่ยืนสังเกตการณ์ข้างอูฮยอนโพล่งขึ้นก่อนจะดันคนข้างๆให้เดิน

                 ตรงไปยังหญิงสาว


              “ ครับ? มีอะไรครับ?? “ ชายร่างเตี้ยถามแต่เจ้าตัวกลับยืนก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าหญิงสาว หญิงสาวเห็นอย่าง

                นั้นจึงจี้ไปตรงๆ


              “ คือ หน้าชั้นมีอะไรผิดปกติหรอคะ ทำไมต้องก้มหน้าขนาดนั้น “


              “ ปะ  ป่าว ป่าวครับ คุณนั่นแหละมีอะไรครับ เรียกผม “ ชายหนุ่มขานตอบทั้งๆที่ยังก้มหน้าอยู่หน้านั้น


              “ ซอสสปาเก็ตตี้รสพิซซ่าหมดแล้วหรอคะ? “


              “ หมดแล้วครับ ของเข้าสต็อกพรุ่งนี้ “


              “ อ๋อ งั้นไม่เป็นไรค่ะ เอารสอื่นแทนก็ได้ “ หญิงสาวพูดจบก็หันมองไปยังชั้น แล้วทำท่าเหมือนคิดว่าจะเอารสอะไร

                แทนดี


              “ รุ่นพี่ ได้ของครบยังครับ ผมจะไปจ่ายเงินแล้วน้า “ ยองแจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของแผงตะโกนเรียก


              “ นายไปจ่ายก่อนเลย เดี๋ยวชั้นตามไป “


     


     

              “ ผมขอยาแก้ปวดหัวแผงนึงครับ “


              “ คะ.. ครับ “
     

     

                 ผู้ชายคนนี้..





                 เด็กหนุ่มผมบลอนด์คิดได้แค่นั้น ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานพลางแอบตวัดสายตามองชายร่างเล็กไปด้วย ผมสี

              ช็อกโกแลตเสื้อเชิร์ทสีขาวที่เก็บชายเสื้อเรียบร้อยในมาดนักศึกษา สิ่งที่เด็กหนุ่มแอบสังเกตในตัวคนตรงหน้านี้วน

              เวียนในหัวตลอดการทำงานของเขา แต่เขาก็ต้องไปสะดุดกับอีกสิ่งที่เขาเห็นคือ สายตาที่อบอุ่นแต่แฝงไปด้วยความ

              หม่นหมอง สายตานั้นทอดยาวไปยังถนนด้านนอกพลางรอเขาคิดเงิน เด็กหนุ่มอยากจะมองคนตรงหน้านานกว่านี้ถ้า

              ไม่ติดที่ว่าของที่กำลังคิดเงินนั้นถูกยัดใส่ถุงจนหมดแล้ว

     

     

              “ ทั้งหมด 14,050 วอนครับ “ เด็กหนุ่มบอกคนตรงหน้าพลางยกถุงให้


              “ อะ ครับ “ คนตรงหน้าหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะรับถุงมาถือไว้แล้วล้วงหยิบเงินในกระเป๋า แต่ก็หันไปสนใจอย่างอื่น

                 แทนที่จะล้วงหากระเป๋าเงิน


              “ เอ่อออ พี่ครับ


              “  คะ ครับ ผมหรอครับ เด็กหนุ่มทำตาโตพลางชี้ตัวเอง


              “ ไอ้นี่มันสีต่างกันแล้วมันต่างกันยังไงหรอครับ? คนตรงหน้าพูดก่อนจะหยิบกล่องๆนึงที่มีขนาดพอดีมือกล่องสีส้ม 

                 ถ้ามองภายนอกคนทั่วไปมักจะคิดว่าเป็น หมากฝรั่ง


              “ ….. ผมควรตอบหรอครับ เด็กหนุ่มพูดก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นนิดๆ


              “ ผมอยากรู้ครับ ว่ามันต่างกันยังไง


              “ ถ้าที่คุณถืออยู่มันจะเป็นแบบ มีปุ่มๆ ทำให้คุณทำได้เร้าร้อนยิ่งขึ้น ถ้าเป็นสีชมพูจะเป็นกลิ่นสตรอเบอร์รี่ ส่วนมากคน

                 จะชอบใช้ ถ้าสีน้ำเงินเขียวจะช่วยหล่อลื่น ถ้าสีน้ำเงินสำหรับคนที่..
    เด็กหนุ่มหยุด ก่อนจะมองไล่คนตรงหน้า

                 ตั้งแต่หัวจรด..




              “ ใหญ่




              “ พี่นี่รู้ดีจังเลยครับ ขอบคุณที่บอกครับ นี่เงิน ชายหนุ่มยื่นเงินให้ก่อนจะยิ้มให้แล้วก้าวออกไปจากร้านซุปเปอร์ แต่

                 หารู้ไม่ว่าจากการที่ชายหนุ่มคนนี้ถามคำถามที่คนทั่วไปไม่ถามกัน บวกกับเด็กหนุ่มที่ดูท่าทางใสซื่อแต่กลับรู้ดีซะ

                 จนคนที่ยืนฟังอยู่สตั้นกันแทบหงาย


              “ เห้ย! จุนฮง นายนี่ไม่เบาเลยนะเนี่ยเห็นหน้าแบบนี้ อ้าวเห้ย! “


              “ ฮึ้ยยยย จุงฮงทรุดลงแล้วขย้ำหัวตัวเองจนไม่เป็นทรง เจ้าตัวก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอาการนี้มันออกมาได้ยังไง


              “ นายหน้าแดงแหนะ จุนฮง~~ น่ารักชะมัดเลย ฮึ้ยยๆๆ ซองยอลเห็นเด็กที่ทรุดลงไปหน้าแดงจนทำอะไรไม่ถูกเลย

                 หมั่นเขี้ยวขยี้หัวซ้ำเละกว่าเดิม

     

     
     

                 ตึก ตึก..  ตึก ตึก.. ตึก ตึก.. ตึก ตึก..

       


     

                 ทำอะไรลงไปวะเนี่ย!!!








     

    L.O.V.E Accident !!

     

     

     

     

        



                 ค่ำคืนหนึ่ง สำหรับคนทั่วไปอาจจะดูเหมือนว่าผ่านไปเร็วเพราะทุกคนล้วนหลับใหลตามกาลเวลา พอตกดึกก็ต้อง

             นอนพักผ่อนเอาแรง แต่ไม่ใช่สำหรับ คิมฮิมชาน ทุกค่ำคืนของผู้ชายคนนี้เริ่มผ่านไปช้าลงทุกวันๆแล้วเขาก็ไม่จำเป็น

             ต้องนอนพักผ่อนเอาแรงตรงเวลาเหมือนทุกๆคน เพราะทุกวันนี้เขาก็ได้แต่นั่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ เวลานี้จึงไม่

             จำเป็นสำหรับเขา เขาจึงมักใช้เวลาที่ผ่านไปวันๆของเขา นั่งเหม่อ นั่งคิดไปเรื่อยๆ หวังที่จะให้เวลาผ่านไปโดยเร็ว

             แต่สิ่งที่เขาคิดใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป

                .

                .


     

              ' บริษัทของเรากำลังจะล้มละลาย ' ชายผู้นามว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวพูดขึ้น ท่ามกลางความวิตกกังวลของคนทั้งคู่


              ' คุณก็ไปกู้เงินมาแล้วไม่ใช่เหรอ มันไม่พองั้นเหรอ ' และหญิงผู้ได้นามว่าแม่ได้ยินอย่างนั้นก็อดวิตกตามไม่ได้ที่คู่

                ชีวิตของตนพูดออกมาแบบนั้น


              ' เงินแค่นั้นมันอยู่ได้ไม่นานหรอก แถมสมัยนี้จะทำอะไรก็ไม่ค่อยขึ้น ตอนนี้ไม่รู้จะแก้กันยังไงแล้ว ' ว่าแล้วเขาก็กำมือ

                 อย่างแรงจนสุดท้ายก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ คู่ชีวิตที่เห็นสามีตนแสดงอาการแบบนั้น เธอจึงคอยปลอบโยนพลางน้ำตาที่

                 กลั้นอยู่ก็ไหลตามไปด้วย และการกระทำของคู่สามีภรรยานี้ตั้งแต่ต้นจนจบอยู่ในสายของคนๆหนึ่งที่ยืนมองทั้งคู่อยู่

                 ในมุมหนึ่งของบ้าน เจ้าตัวเห็นแบบนั้นจึงหันหลังกลับพลางคิดโทษตัวเองที่ช่วยครอบครัวไม่ได้และทางออก

                  สุดท้ายที่เขาเลือก..

     

     


     

              CHANIE

                         ยองแจพรุ่งนี้เราย้ายของไปอยู่บ้านของเรากันเถอะ

     







            
              “ ทำไมชอบมานั่งที่นี่คนเดียวล่ะ


              “ แต่คุณหมอก็ชอบมาอยู่เป็นเพื่อนผมบ่อยๆไม่ใช่หรอครับ


              “ หึ ภาพที่แทบจะซ้ำกันทุกวันจนเหมือนกิจวัตร ภาพที่ชายหนุ่มสูงโปร่งในคราบเสื้อกราวน์ยืนเคียงข้าง หนุ่มรูป

                งามที่เป็นอัมพาตนั่งบนรถเข็น หลายครั้งที่คุณหมอพยายามจะหาเวลาพาคนไข้รูปงามนี้มายังสถานที่นี้ด้วยตนเอง

                แต่ใช่ว่าคนเป็นหมอจะมีเวลาว่างง่ายๆ ทุกครั้งก็จะเห็นคนไข้นี้มานั่งอยู่ที่นี้ก่อนแล้ว ทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรมากเพียงแค่

                ยืนข้างกันรอให้เวลาผ่านไป ยิ่งเร็ว ยิ่งดี..

                  .
                  .

                  
                  






              ' คุณหมอคะ!! มีเคสรายใหญ่เข้ามาค่ะ ' พยาบาลนางหนึ่งรีบวิ่งตรงมาหาคุณหมอที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย

             
              ' อาการผู้ป่วยตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ' คุณหมอถามอย่างใจเย็น


              ' ผู้ป่วยตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉิน โดนยิงเข้าที่ท้องหนึ่งนัดและที่หลังอีกสามนัด ดูจากบาดแผลคาดว่าโดนจุดสำคัญด้วย

                 ค่ะ แล้วก็มีคนเจ็บด้วยหนึ่งคนโดนยิงเข้าที่ไหล่ค่ะ '


              ' เช็ครายละเอียดผู้ป่วยให้เรียบร้อย แล้วเอามาให้ชั้นที่ห้องฉุกเฉิน ' คุณหมอพูดก่อนจะรีบสาวเท้าไปยังห้องฉุกเฉิน

     




              ' ตอนนี้ช่วยผู้ป่วยไปถึงไหนแล้ว '


              ' ผู้ป่วยอาการแย่ลงเรื่อยๆ และบาดแผลล้วนเป็นจุดสำคัญ ดิชั้นเลยหยุดเลือดแล้วก็ซับเลือดออกแล้วค่ะ '


              ' ดี แล้วคนเจ็บอีกคนล่ะ '


              ' ลูกกระสุนแค่เฉียดหัวไหล่ไป ตอนนี้ก็เลยกำลังทำบาดแผลอยู่ค่ะ '



                 ทันทีที่คุณหมอรู้อาการครบถ้วนจึงรีบเตรียมเครื่องมือช่วยเหลือ เมื่อมายังข้างเตียงผู้ป่วยทำให้คุณหมอนิ่งไปชั่ว

              ขณะ ริมฝีปากกระจับที่กำลังรับออกซิเจน เหงื่อออกมากบ่งบอกว่าอาการกำลังแย่ลงเรื่อยๆ การหายใจที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ

              แม้จะเป็นอาการของผู้ป่วยฉุกเฉินทั่วไป แต่ทำไมผู้ป่วยคนนี้ถึงทำให้รู้สึกหลงใหลและเจ็บปวดขนาดนี้







              ตี้ด ตี้ด ตี้ด ตี้ด!!!

     

          

       

                 ขอให้ปลอดภัยด้วยเถอะ..

     
     

     
     

              “ คุณหมอคะ มีรายงานด่วนต้องการเซ็นยอมรับค่ะ


              “ ครับ กำลังไปครับ

              
              “ คุณหมอไปเถอะครับ เดี๋ยวผมอยู่ต่ออีกซักพักก็ไปนอนแล้วล่ะ ผู้ป่วยบนรถเข็นข้างๆพูดก่อนจะโบกมือลาให้


              “ ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ว่าแล้วคุณหมอก็ถอดเสื้อกราวน์คลุมให้คนบนรถเข็นก่อนจะเดินออกไป
     

       
                 ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณหมอมายืนเป็นเพื่อนข้างๆกัน ไม่ใช่ครั้งแรกที่คลุมเสื้อให้ ไม่ว่ากี่ครั้งก่อนจะไปทำงานต่อมักจะ

              พูดว่า “ ดูแลตัวเองดีๆ ดีแล้วที่มีคุณหมอประจำเป็นคุณหมอคนนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรลงไปบ้าง

              เมื่อมาอยู่ริมระเบียงแบบนี้    ขอบคุณนะครับ คุณ.....    


                  ร่างบางกระชับเสื้อคลุมให้ตัวเองมากขึ้น เมฆค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากแสงจันทร์ทำให้เห็นป้ายชื่อที่ติดอยู่บนเสื้อ

              กราวน์ได้ชัดขึ้น

     

     

     

                  คุณหมอ บังยงกุก..

     

     

     

     

     

               








              TBC*
















     

    [TALK TALK TALK]  ฮิ้ววววว  คลอดตอนตีหนึ่งอีกละ -_-

    ตอนนี้เฉลยว่าคุณหมอคือ ยงกุก นั่นเองจ้าาา หลายๆคนคงจะเดาถูกแหละเนอะ

    ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย พอดีไรเตอร์ติดกีฬาสี

    ต่อด้วยเข้าค่ายที่จีน ไม่มีเวลาจริงๆ TT___TT

    ถึงจะเป็นตอนที่ไม่มีอะไรมาก แต่ไรเตอร์ก็พยายามบรรยายให้อินที่สุดแล้วอ่ะ


     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×