คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CAN YOU LOVE ME? }-- ๒
ตอนที่ ๒
บางครั้ง...ความจริงก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด...
ถ้าหากความจริงนั้น... ต้องทำให้เราสูญเสียคนที่รักไปล่ะ...
จะยังอยากรับรู้ความจริงนั้นอยู่อีกไหม...
ร่างสูงของชานยอลยืนหมุนตัวดูตัวเองอยู่หน้ากระจกอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก... ร่างสูงใหญ่ในชุดทักซิโด้สีดำตัดกับเชิ้ตสีขาวตัวในนั้นดูดีมาก แต่เพราะเป็นชุดที่ดูเป็นทางการ และน้อยครั้งนักที่จะได้ใส่ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันแปลกๆ ใบหน้ายุ่งเหยิงของคนตัวสูงนั้นทำให้ร่างเล็กที่อยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆนั้นนั่งดูอยู่นานสองนานอดยิ้มขำและเอ่ยแซวไม่ได้
“หล่อแล้วละน่า... มากกว่านี้เดี๋ยวก็ได้สาวกลับมาทั้งงานหรอกชานยอล” คนถูกแซวปั้นหน้ายุ่ง ก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็ก
“ผูกให้หน่อยสิ...”
“หูกระต่ายเหรอ... ให้คุณป้าผูกให้ไม่ดีกว่าเหรอ... งานใหญ่นะ” แพคฮยอนเอ่ยขึ้นอย่างกังวล แต่มือหนาที่อยู่ตรงนั้นยังคงนิ่งและไม่ขยับไปไหน ทำให้ร่างเล็กถอนหายใจออกมายาวเหยียดกับความเอาแต่ใจของคนตรงหน้า มือเล็กรับผ้าเนื้อดีมาก่อนที่มือบางจะกดไหล่หนาให้ย่อตัวลงเพื่อที่เขาจะสามารถเอาผ้าอ้อมคอแกร่งได้อย่างสะดวก... มือบางจัดแจงผืนผ้าสีดำให้ความยาวพอดี ก่อนจะเริ่มต้นการผูก... ไม่นานหูกระต่ายแสนสวยก็เสร็จ จนเจ้าของผลงานอดยิ้มไม่ได้
“คราวนี้เท่ากันด้วยและดูสิ...” แพคฮยอนรีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องยิ้มค้างเมื่อใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่ห่างไปไม่มาก... สายตาของทั้งสองประสานกันในขณะที่แขนหนาของชานยอลค่อยๆโอบรอบตัวคนตัวเล็ก และเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
แพคฮยอนหลบสายตาคม ก่อนที่เรือนร่างเล็กจะดิ้นไปมาทั้งดันทั้งผลักเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดนี้.... อ้อมกอดที่เขาไม่สมควรจะได้รับมัน... เพราะแค่นี้สิ่งที่ชานยอลให้เขามา... มันก็มากมายจนเอ่อล้นจนเขากลัวไปหมด...
...กลัวว่าสักวันจะต้องไปจากที่นี่...
ไปจากปาร์คชานยอล...
“แพคฮยอน... สบตาฉัน.... มองตาฉัน!!” ชานยอลว่าเสียงดังในขณะที่แพคฮยอนไม่กล้าเงยหน้ามอง ดวงหน้าเล็กส่ายไปมาในขณะที่หยาดน้ำเม็ดโตเริ่มจะไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย...
...อยู่กับคนอื่นร่าเริงสดใส...
แต่ทำไมพออยู่กับเขาสองคน...
นายถึงไม่เคยยิ้มอย่างสดใสเลยละ...
“ไม่ได้... มันเป็นไปไม่ได้...” เสียงหวานเอ่ยอย่างยากลำบาก.... มือบางบางลงบนแขนของชานยอล ก่อนจะเงยหน้าสบตาคมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา... “ไม่ได้หรอกชานยอล... ชานยอลน่ะ ต้องเจอคนที่คู่ควรและดีกว่าฉันนะ”
“แต่ฉัน.......”
“อย่าพูดมันออกมา... ฉันขอร้อง... แค่ได้อยู่ใกล้ๆนายอย่างที่ทุกวันฉันก็ดีใจแล้ว....” แพคฮยอนขัดขึ้น ก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้กับคนตัวสูงกว่า... ชานยอลกอดคนตัวเล็กแนบอกแน่น... เขารู้ว่าไม่ใช่แค่เขาที่เจ็บ... แต่คนตัวเล็กนี้ก็เจ็บด้วยเหมือนกัน... บางที...
บางที...พยอนแพคฮยอนก็คงเจ็บเหมือนกัน
“ไม่ว่ายังไง... ฉันก็จะรอวันที่นายจะให้ฉันพูดคำนั้น...” แพคฮยอนหลับกอดตอบร่างสูงด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตา...
“ขอโทษ.... ฮึก...” เสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ดังอยู่ข้างหูยิ่งทำให้คนตัวสูงกอดคนตัวเล็กแน่นขึ้น
...ความแตกต่าง...
ไม่ใช่เหตุผลเดียว...หากแต่แพคฮยอนนั้นคิดถึง.. ความเหมาะสมมากกว่าความรักของตัวเอง...
...เขาแค่อยากให้ชานยอลที่เขารักได้เจอคนที่ดีพร้อมกว่าเขา...
แค่นั้นจริงๆ
ร่างเล็กเดินกลับมานั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กที่ห้องของตนหลังจากส่งคนตัวสูงขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว... อันที่จริงเขาแค่ส่งชานยอลเดินลงบันไดไปแล้ววิ่งเข้าห้องมาเลยต่างหาก... เขากลัวสายตาเว้าวอนขอร้องของคนตัวสูงมาก... เพราะไม่ว่าเมื่อไรพยอนแพคฮยอนก็ไม่เคยปฏิเสธคำขอร้องของปาร์คชานยอลได้สักครั้ง
“ทำแบบนี้ดีแล้วสินะ....” เสียงหวานเอ่ยกับตัวเองราวกับตอกย้ำถึงสิ่งที่ตัดสินใจลงไป...
ปาร์คชานยอลคือผู้ชายที่ช่วยชีวิตเขาไว้ในวันคริสต์มาสอีฟที่มีพายุหิมะ... วันนี้เขาตั้งใจจะตาย... แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปด้วยมือหนาคู่นั้น...
มีหนาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น... ที่ทำให้เขาหลงรักได้ไม่ยาก...
เพียงแต่มันเป็นไปไม่ได้เท่านั้น...
เพราะปาร์คชานยอลกำลังจะต้องหมั้นกับคุณหนูตระกูลชอง....
ร่างสูงในชุดทักซิโด้แสนดูดีก้าวลงจากเมอซิเดสเบนซ์รุ่นล่าสุดด้วยท่วงท่าที่แสนสง่างาม... แสงแฟลชจากสื่อมวลชนทั้งหลายถูกสาดมายังเขาที่กำลังขยับยิ้มเล็กๆที่มุมปากตามแบบฉบับ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในตัวโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเปิดตัวสาขาใหม่...
ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ถูกใช้เป็นที่จัดงาน... แขกเรื่อมากมายต่างทยอยกันมาเรื่อยๆ แต่ร่างสูงซึ่งเป็นเจ้าของงานนั้นกลับยืนเหม่ออยู่ที่ห้องพักชั้นบนพร้อมกับรุ่นพี่และเพื่อนที่สนิทกัน..
“แกจะเหม่ออีกนานไหมวะชานยอล... ใกล้เวลางานเริ่มแล้วนะ” เสียงเอ่ยเตือนของเพื่อนสนิทที่เป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ ทำให้ปาร์คชานยอลถอนหายใจออกมายาวเหยียดอีกครั้งแล้วกันไปหาชายหนุ่มร่างเพรียวที่มีใบหน้าหล่อเหลาแฝงไปด้วยความเอาจริงเอาจัง ซึ่งอยู่ในชุดทักซิโด้เช่นเดียวกับเขา
“เออ... แกกับพี่จุนมยอนลงไปก่อนเลยก็ได้จงแด ฉันขอใช้หัวคิดสักแปป” เสียงทุ้มว่าขึ้นทำให้เพื่อนสนิทกับรุ่นพี่ตัวขาวนั้นทำได้เพียงเลิกคิ้วเล็กน้อยและเดินออกไปพร้อมกันอย่างที่ชานยอลว่า... คิมจุนฮยอนมองแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างอ้อยอิงแต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น...
...เมื่อปาร์คชานยอลไม่เคยหันมามองที่คิมจุนมยอนคนนี้เลยสักครั้ง...
เพราะสำหรับปาร์คชานยอลคิมจุนมยอนเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น...
ปาร์คชานยอลยืนจ้องใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนเลือนรางอยู่บนกระจกใสด้วยสายตาที่อ่านยาก... ในใจเขาตอนนี้อยากจะหนีจากงานเปิดตัวสาขาใหม่ก็จริง... แต่เขาก็ทำไม่ได้... เพราะมันสำคัญกับตัวเองและครอบครัวมาก... แต่เพราะมันเป็นงานประกาศตัวคู่หมั้นของเขา... คุณหนูตระกูลชองคนนั้น
...คนที่เขาเห็นเป็นแค่น้องสาวที่เกิดหลังเขาไม่กี่เดือนเท่านั้น...
...ชองนาบี...
เขารู้ว่านาบีมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น... และเขาก็รู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน... แต่เขาไม่ได้รักเธอ และเขาไม่มีวันมองเธอได้มากไปกว่าคำว่า “น้องสาว” ด้วยซ้ำ...
ถ้านาบีไม่ใช่ลูกสาวของคุณอาเขาจะไม่เครียดขนาดนี้... เพราะเป็นคุณอาชองที่ให้การช่วยเหลือในเรื่องธุรกิจของคุณพ่อในตอนที่กำลังมีปัญหา... เขาเลยไม่กล้าปฏิเสธออกไป...
“ขอโทษนะแพคฮยอน... หวังว่านายจะไม่หนีฉันไป..”
หรือบางที... เขาก็อาจจะเป็นแค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง...
“พี่ยังรักมันอยู่...” หลังจากเดินออกมาจากห้องของชานยอล จงแดก็เอ่ยขึ้นทันที... เขาพี่จุนมยอนและชานยอลนั้นโตมาด้วยกันเพราะพ่อแม่ของพวกเขาทั้งสามมักจะต้องไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ ยกเว้นแต่แม่ของพี่จุนมยอนที่ไม่ชอบการเดินทาง จึงกลายเป็นหน้าที่ของเธอที่จะดูแลเด็กน้อยทั้งสามคน ซึ่งเป็นลูกชายของเพื่อนสนิท
“พี่ไม่เคยเลิกรักเขา...”
“ทั้งๆที่มันไม่เคยมองพี่เลย...”
“ฉันรู้ดีว่าฉันกำลังทำอะไร... แล้วนายละจงแด... ปัญหาของนาย... นายแก้มันได้แล้วรึไง” คนมีศักดิ์เป็นพี่เอ่ยถามกลับในขณะที่จงแดได้แต่เพียงถอนหายใจออกมายาวเหยียดอย่างจนปัญญา...
...พี่จุนมยอนพูดถูก...
บางครั้งก่อนจะเอาตัวเขาไปยุ่งกับปัญหาของใคร เราก็ควรจัดการกับปัญหาของเราเสียก่อน
“ผมก็รู้ดี... ว่าเรื่องของผมมันก็ต้องใช้เวลาไม่ต่างของพี่... แต่ผมเลือกที่จะยอมรับ และทนอยู่กับความจริงครับ” จงแดเอ่ยเพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินจากไป...
จุนมยอนถอนหายใจยาวเหยียดอย่างเหนื่อยใจ... บางทีการรู้จักกันมานานก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าใจความคิดของน้องชายทั้งสองเลยสักนิด... ตอนนี้น้องชายของเขาคนหนึ่งกำลังถูกจับหมั้น กับอีกคนกำลังจะยอมปล่อยให้คนที่ตัวเองรักจากไป...
...ไม่ว่าใครก็เจ็บไม่ต่างกัน...
งานเลี้ยงเปิดตัวโรงแรมสาขาใหม่ของโรงแรมในเครือตระกูลปาร์คที่มีชื่อเสียงด้านความทันสมัยและบริการเป็นเลิศ ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้หลายล้านคนต่อปี สาขาที่เป็นที่ทำกำไรมากที่สุดคงหนีไม่พ้นสาขาที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออย่างเกาะเชจูที่ทำกำไรได้เกือบร้อยล้านวอนต่อปี รองลงมาก็คือเมืองท่าอย่างปูซานนั่นเอง... แน่นอนว่าโรงแรมในเครือตระกูลปาร์คนั้นไม่ได้มีแค่ในสองจังหวัดใหญ่ของเกาหลีใต้
และเนื่องจากในตอนนี้นักท่องเที่ยวทั้งชาวเกาหลีและชาวต่างชาติต่างหลั่งไหลเข้ามาในเมืองหลวงของประเทศเกาหลีอย่างโซลมากขึ้นทุกๆวันทำให้ประธานบริษัทตัดสินใจสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีมากถึงห้าร้อยห้องพักขึ้น.. ซึ่งการเปิดตัวโรงแรมในวันนี้ก็ถูกจัดขึ้นในห้องบอลรูปขนาดใหญ่ในงานเลี้ยงแบบค็อกเทลที่เชิญผู้สื่อข่าวและบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหลายเข้าร่วมในงานนี้...
เมื่อเวลาอันสมควรได้มาถึง พิธีกรมือฉมังที่ถูกว่าจ้างมาก็เดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำงานของตน..
“กราบสวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน... และขอต้อนรับเข้าสู่งานเปิดตัวโรงแรมสาขาที่สิบสองของเราครับ งานในวันนี้เนื่องจากท่านประธานใหญ่ปาร์คยูชอนไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ จึงได้ส่งบุตรชายคนเดียวของบ้านพร้อมกับคู่หมั้น.........”
“กราบสวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน... และขอต้อนรับเข้าสู่งานเปิดตัวโรงแรมสาขาที่สิบสองของเราครับ งานในวันนี้เนื่องจากท่านประธานใหญ่ปาร์คยูชอนไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ จึงได้ส่งบุตรชายคนเดียวของบ้านพร้อมกับคู่หมั้น.........”
...คู่หมั้น...
เสียงของการถ่ายทอดสดการเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ที่ทางตระกูลปาร์คจ่ายเงินให้กับสถานีโทรทัศน์ชั้นนำนั้นดำเนินต่อไป หากแต่ร่างเล็กของแพคฮยอนที่นั่งอยู่หน้าทีวีนั้นไม่รับรู้อะไรต่อจากนั้นอีก...
...เป็นเรื่องจริงตามที่เด็กรับใช้ในบ้านพูด...
ถึงจะเตรียมใจไว้อยู่แล้ว... แต่เอาเข้าจริงก็ทำใจได้ยากเหมือนกัน...
ร่างเล็กชันเข่าขึ้นกอดแน่นก่อนจะซุกใบหน้าลงกับหัวเข่าของตน...ปล่อยหยาดน้ำตาที่กักเก็บมานั้นให้ไหลออกไป... ความเจ็บแน่นในอกนั้นยิ่งทำให้เขาอยากตายไปตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน...
ในขณะที่เสียงสะอื้นไห้ดังระงมไปทั่วห้องนอนของร่างเล็ก ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มผิวสีแทนที่เป็นรุ่นน้องของเจ้าของห้อง จงอินเดินมาหยุดอยู่ที่โซฟาตัวยาวที่คนตัวเล็กนั้นนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่...
...พี่ดูแลคนคนนี้แบบนี้เหรอพี่ชานยอล...
“พี่แพคฮยอน...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำให้คนที่สะอื้นอยู่นั้นค่อยเงยหน้าขึ้นมองรุ่นน้องในเอกที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร... ร่างเล็กโผเข้าหาคนจงอินก่อนที่มือเล็กจะกำสาบเนื้อเชิ้ตสีดำเนื้อดีนั้นแน่นและซบหน้าลงกับอกแกร่ง...และปล่อยน้ำตามากมายที่ถูกกักเก็บไว้ออกมา...
มือหนาโอบกอดคนตัวเล็ก และลูบแผ่นหลังอันสั่นเทานั้นเบาๆอย่างปลอบประโลม... พยอนแพคฮยอนไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น... ร่างเล็กนี้จะยิ้มอย่างร่าเริงเสมอไม่ว่าในสถานการณ์แบบไหน แต่ใครจะรู้ว่าคนคนนี้จะกักเก็บความรู้สึกไว้มากมาย...
“ขอโทษ...” คำขอโทษถูกเอ่ยขึ้นซ้ำไปซ้ำมาดั่งคนเสียสติ... ร่างเล็กสั่นเทาที่แสนจะอ่อนแอนั้นทำให้เขาอดโกรธคนต้นเรื่องไม่ได้... ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคุยเรื่องนี้กับปาร์คชานยอล... เขาเคยคุยเรื่องนี้กับคนคนนั้นแล้วนับครั้งไม่ถ้วน.. ถามหลายครั้งแล้วว่าจะเลือกทางนี้จริงๆเหรอ... แต่คำตอบที่ได้มันก็เหมือนเดิมทุกครั้ง...
“พี่ไม่ต้องขอโทษผม... ไม่ต้องขอโทษใครทั้งนั้น... เข้าใจไหมครับพี่แพคฮยอน”
เป็นเวลากว่าหลายชั่วโมงกว่าที่คนตัวเล็กจะสงบลง.... จงอินอุ้มคนที่ผล็อยหลับเพราะเหนื่อยจากการร้องไห้ขึ้นจากโซฟาและวางลงที่เตียงหนานุ่มอย่างเบามือ... มือหนายกขึ้นเกลี่ยผมที่ปรกลงมาบนใบหน้าหวานที่เขาหลงรักอย่างเผลอไผล...
“ราตรีสวัสดิ์นะครับ... ความรักของผม”
หลังจากปลอบคนตัวเล็กเสร็จจงอินก็ลงมายังห้องโถงชั้นล่างที่มีป้าหัวหน้าแม่ร่างอวบยืนรออยู่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล... จงอินส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว ก็ทำให้เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก...
“คุณแพคฮยอนชอบฝืนตัวเองอยู่เรื่อย... ส่วนคุณชานยอลก็ชอบทำแบบนี้ทุกที... ป้าละปวดใจจริงที่เห็นคุณแพคฮยอนร้องไห้หนักขนาดนั้น” จงอินยิ้มให้กับคำพูดของคนที่ดูแลชานยอลมานานหลายปี ก่อนจะเอ่ยตอบ
“แต่ดูเหมือนชานยอลจะคำนวณไว้ทุกครั้งนะครับว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบไหน... ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน...”
“ป้าก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ คุณจงอินจะกลับเลยไหมคะ เดี๋ยวป้าให้คนไปเตรียมรถให้” จงอินส่ายหน้าปฏิเสธ... ไหนๆลางสังหรณ์ของเขาก็ไม่ผิดไปแล้วเรื่องหนึ่งก็ขอเคลียร์กับเจ้าของคฤหาสน์นี้สักหน่อยแล้วกัน
“ยังครับ... ผมอยากคุยกับพี่ชานยอลสักนิด”
ในขณะที่อีกคนเข้าสู่นิทราไปเพราะการร้องไห้... อีกคนก็กำลังร่ำไห้กับเรื่องที่ตนเองไม่สามารถทำอะไรได้เลยเช่นกัน... ร่างสูงของปาร์คชานยอลในชุดสูทดูดีนั้นกำลังยืนเคียงคู่กับเด็กสาวแสนสวยในชุดราตรีเกาะอกสีชมพูอ่อนซึ่งสวมทับด้วยเสื้อไหมพรมเนื้อดีสีเข้ม... ดวงหน้างดงามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆซึ่งยิ่งทำให้ดูเป็นคุณหนูยิ่งขึ้น...
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่ด้วยกันนั้น ดวงตากลมโตของเด็กสาวก็เห็นความเป็นห่วงที่ฉายชัดอยู่ในแก้วตาคมของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ...
“พี่ชานยอลคะ.... เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงหวานเอ่ยทักซึ่งสิ่งที่ได้กลับมานั้นมีเพียงรอยยิ้มบางๆเท่านั้น... เด็กสาวจึงยิ้มตอบไป... ทั้งๆที่ในใจของเธอก็กังวลไม่แพ้กัน...
แสงแฟลชมากมายที่ผู้สื่อเข้ารัวกดชัตเตอร์เพื่อเก็บภาพข่าวใหญ่นี้ยิ่งทำให้นาบีขยับยิ้มและขยับเข้าใกล้คู่หมั้นของตนมากขึ้น เพื่อเอาใจเหล่าช่างภาพที่มาเพื่อเก็บภาพของเขาและเธอ...
หลังจากงานทั้งหมดจบลง ร่างสูงก็เดินขึ้นไปยังห้องชั้นสองซึ่งถูกจัดเตรียมไว้ให้อย่างดีพร้อมกับนาบี จุนมยอนและจงแด... ใบหน้าหล่อเหลานั้นแฝงไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด จนคนที่โตมาด้วยกันนั้นอย่างจุนมยอนและจงแดอดหวาดหวั่นไม่ได้...
“นาบี... พี่จะขอพูดกับเราอีกครั้ง... ถ้าครบกำหนดสามเดือนที่ว่านั่นแล้วพี่ยังไม่เปลี่ยนใจ... น้องจะยอมถอนหมั้นกับพี่ไหม” หลังจากเข้ามาในห้องเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นกับหญิงสาวเพียงคนเดียวทันที... เจ้าของชื่อยกยิ้มกว้างก่อนจะนั่งลงที่โซฟาที่บุด้วยกำมะหยี่ซึ่งทำให้สัมผัสลื่นมือนั้นก่อนจะเอ่ยตอบ
“เห็นหนูเป็นแบบนี้หนูก็มีเหตุผลนะ... อันที่จริงจะถอนหมั้นเลยก็ได้ นาบีรู้ว่าพี่ชานยอลกำลังมีความรัก แต่พี่คงเข้าใจใช่ไหมคะ... ว่าพ่อแม่ของเราคงไม่พอใจ” เสียงถอนหายใจยาวเหยียดดังขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น...
ใช่... นาบีพูดถูก...
เธอไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา...
“แล้วเราจะเอายังไง”
“หนูจะเข้าไปอยู่ในบ้านพี่ชานยอลเป็นเวลาสามเดือนค่ะ...”
ปาร์คชานยอลขับรถกลับมาที่บ้านด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นกับเขาบ่อยนัก.... หงุดหงิด... ใช่เขากำลังหงุดหงิดกับปัญหานี้ที่เขาไม่สามารถลงมือแก้มันได้ด้วยตัวของเขาเพียงคนเดียว...
ขายาวก้าวลงจากรถพร้อมกับโยนกุญแจให้กับคนรถที่ยืนรอรับอยู่... ชานยอลตั้งใจจะขึ้นไปหาร่างเล็กที่เขาแสนเป็นห่วง แต่เมื่อก้าวเข้ามาในโถงกลางของตัวบ้านก็เห็นร่างของรุ่นน้องผิวสีแทนนั่งไขว่ห้างรออยู่จึงเดินมานั่งลงที่โซฟาเบื้องหน้าจงอิน
“กลับเร็วกว่าที่คิดนะครับ... ผมคิดว่าจะต้องไปส่งนาบีถึงบ้านก่อนแล้วค่อยเหยียบกลับมาซะอีก” คำพูดแดกดันถูกเอ่ยขึ้นทันทีที่หัวหน้าแม่บ้านเดินมาเสิร์ฟน้ำให้กับคุณหนูของเธอแล้ว...
“นายมาทำอะไรที่นี่” ชานยอลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด... ซึ่งเรียกรอยยิ้มสมเพชจากจงอินได้เป็นอย่างดี...
“มาหาคนที่ผมรัก... เพราะรู้ว่าเขาต้องร้องไห้....เพราะพี่” สายตากับน้ำเสียงที่จริงจังนั้นทำให้ชานยอลรู้ทันทีว่าคนตรงหน้าเขาพูดความจริง... การที่คุณหนูคนเล็กของตระกูลคิมซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารที่ลงทุนร่วมกับธุรกิจการโรงแรมของเขามาอย่างช้านานนั้นไม่ไปงานในวันนี้ทำให้เขาแปลกใจอยู่มาก แต่เมื่อมาเจอเด็กคนนี้ที่นี่จึงทำให้เขาหมั่นใจมากขึ้น...
...ว่าคิมจงอินจะสามารถดูแลคนคนนั้นแทนเขาได้...
“พี่ขอโทษ...”
“คนที่พี่ต้องขอโทษไม่ใช่ผม...แต่เป็นเขา... พี่ทำได้ยังไงพี่ชานยอล... พี่ทำได้ยังไงทั้งๆที่พี่แพคฮยอนรักพี่มากขนาดนั้น ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคนอย่างพี่จะไม่สามารถหยุดงานหมั้นนั้นได้... พี่ทำมันได้ยังไง!!!” จงอินว่าเสียงดังด้วยโทสะที่เพิ่มขึ้น... เขาไม่เชื่อจริงๆว่าคนตรงหน้าไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ได้...
“นายก็รู้ว่านาบีสำคัญกับพ่อของเธอยังไง... และพ่อของเธอสำคัญกับตระกูลพี่ยังไง...” ชานยอลตอบกลับด้วยสีหน้าและเสียงที่จริงจังไม่ต่างกัน.... จงอินกำหมัดแน่นพยายามจะสะกดกลั้นอารมณ์โกรธที่กำลังพลุ่งพล่านในตัว... เขารู้ว่าธุรกิจสำคัญมากแค่ไหน... แต่สำหรับเขาพยอนแพคฮยอนก็สำคัญไม่ต่างกัน...
จงอินลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนเดินออกไปจากบ้านพร้อมกับคำพูดที่ทำให้ชานยอลต้องถอนหายใจออกมายาวเหยียด...
“ถ้าครอบครัวสำคัญสำหรับพี่ขนาดนั้น... ผมก็จะแย่งคนคนนั้นมาเป็นของผม... ไม่ว่าพี่จะยอมหรือไม่ก็ตาม...”
ปาร์คชานยอลเอนหลังพิงพนักอย่างเหนื่อยล้า.... ไม่มีใครคิดบ้างเลยเหรอว่าเขาก็ปวดหัวกับเรื่องนี้เหมือนกัน... ดวงตามองไปเห็นร่างอวบของหัวหน้าแม่บ้านที่ดูแลเขามาหลายปีก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง...
“ป้าคึมอีมีอะไรจะว่าผมอีกคนไหมครับ” เจ้าของชื่อยกยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู.... คุณหนูคนเล็กของเธอโตเป็นผู้ใหญ่มากแล้วก็จริงอยู่ แต่ถ้าจะนับเรื่องอารมณ์ละก็คงไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นธรรมดาๆเท่าไร ถึงจะมีการมีงานเป็นหัวหน้าคนแล้วก็ตาม...
“ป้าไม่กล้าว่าคุณหนูหรอกค่ะ... ป้าแค่อยากจะเตือนตามภาษาคนเก่าคนแก่ที่เห็นคุณหนูมานาน คุณหนูคิดดีแล้วจริงๆเหรอคะที่จะทำแบบนี้... คิดดีแล้วจริงๆเหรอคะ...”
“ครับ... ไม่ว่าทางไหน... ทางนี้คือทางที่ดีที่สุด...”
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้วที่แรงที่ชานยอลเลือกจะไปก็คือห้องนอนของแพคฮยอนนั่นเอง เสียงฝีเท้าแผ่วเบาย่างกรายเข้ามาในห้องนั้นไม่ได้ทำให้คนที่นอนหลับไปทั้งน้ำตารู้สึกตัวสักนิด... ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงคุกเข่าที่ข้างเตียง ในขณะที่มือหนานั้นเอื้อมไปปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง...
“ขอโทษ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ร่างสูงจะแทรกกายนอนลงข้างๆกับร่างเล็กนั้น... มือหนาเอื้อมไปคว้าเอวบางเข้ามากอดแน่นก่อนจะปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราตามคนตัวเล็กไป...
...ขอแค่คืนนี้เท่านั้นที่จะเอาแต่ใจตอนนายหลับ...
ขอโทษนะที่รัก...
TBC.
--------------------------------------------------------------------------------------
TALK ::: สวัสดีทุกคนค่า :3 มาอัพตอนที่ ๒ แล้วน้า >< หายไปนานเลยย ช่วงนี้โบ้มรสุมเข้าค่ะ งานเยอะมากสอบด้วยอะไรด้วย เยอะแยะ ปนกันมั่วไปหมดเลย ฮือออออ จะพยายามมาอัพบ่อยๆนะคะ อย่าลืมกันน้า TOT/
จริงจังว่าไม่ได้อัพลงแต่เด็กดีแบบนี้มานานมากๆ ตั้งแต่ติดอยู่บอร์ดฟิค ยังไงก็ขอกำลังใจด้วยนะคะ :3
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาและคอมเม้นค่ะ >______< *กอดเรื่องคนนนนนนนนน
ความคิดเห็น