ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ,,Can you love me ?,,

    ลำดับตอนที่ #2 : CAN YOU LOVE ME? }-- ๑

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 56


     

     

    บางครั้ง... ฝันร้ายก็อาจกลายเป็นดี...

    แต่ฝันร้ายนั้น...ก็ยังคงเป็นฝันร้ายอยู่ดี...

     

                    เปลือกตาบางเบิกโพล่งขึ้นก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะหายใจถี่รัว.... ร่างเล็กพลิกตัวนอนหงายก่อนจะมองเพดานห้องและถอนหายใจออกมาอย่างแรง...เพดานห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขาไม่สบายใจอีกครั้ง....

     

     

    ...ดีแล้วหรือที่อยู่ที่นี่...

     

     

     

    คิดได้ดังขึ้นร่างเล็กก็ขดตัวเข้าหากันก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง มือบางดึงผ้าห่มผืนหน้าขึ้นห่มตัวก่อนจะซึมซับความอบอุ่นจากหมอนและผ้าห่มผืนหนาอีกครั้ง... เพราะตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็กลายเป็นคนกลัวอากาศหนาวไปเลย...

     

     

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่มันจะเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเด็กหนุ่มผู้มีผมสีดำสนิท... ใบหน้าหล่อเหลาดูดีแต่ยามนี้นั้นแฝงไปด้วยความเครียดอย่างปิดไม่มิด... เขาทิ้งนั่งลงบนเตียง ก่อนจะค่อยๆโอบกอดคนตัวเล็กไว้...

     

     

     

    “ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบแผ่วเบาก่อนที่ร่างสูงในชุดนอนสีเทาจะแทรกตัวไปใต้ผ้าห่มและกอดคนตัวเล็กที่สะอื้นไห้อยู่.... “ไม่เป็นไรนะ... ฉันอยู่นี่.... ไม่เป็นไรนะ แพคฮยอน

     

     

    ชื่อที่ถูกเรียกซึ่งเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนั้นทำให้ร่างเล็กที่กำลังสะอื้นไห้อยู่นั้นปล่อยโฮออกมาอีกครั้งทันที... เพราะอย่างนี้เขาถึงได้คิดหนัก.... ว่าดีแล้วเหรอที่จะอยู่ที่นี่... อยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนี้....

     

     

    “ขอบคุณ... ขอบคุณ...” เสียงเล็กแหบพร่าด้วยแรงสะอื้นเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาจนผล็อยหลับไป... ร่างสูงค่อยๆถอนตัวออกมาก่อนจะดึงหมอนข้างมาให้คนตัวเล็กกอด และเดินออกจากห้องไป...

     

     

    ไออุ่นเพียงน้อยนิดที่ได้สัมผัสนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนตัวเล็กเข้าสู่นิทราได้อย่างสงบอีกครั้ง... ดวงตาคมจ้องมองประตูห้องที่เขาเพิ่งออกมาก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียด....

     

     

     

    ใช่ว่าตัวเขาไม่รู้ว่าคนตัวเล็กนั้นฝันเห็นอะไร... แต่เขาก็ช่วยอะไรคนตัวเล็กไม่ได้มากไปกว่าการมอบความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยให้กับแพคฮยอนเพื่อให้หลับได้อย่างสงบ...

     

     

     

    ....ก็คงได้แต่ภาวนาให้ร่างเล็กนั้นหลุดพ้นจากฝันร้ายนี้ได้สักที.....

     

     

     

     

    แสงอาทิตย์สาดส่องเข้าสู่ห้องนอนสีหวาน ในขณะที่เจ้าของห้องพลิกกายหนีแสงเล็กน้อย ก่อนที่เปลือกตาบางจะเปิดออกอย่างช้าๆ กลิ่นน้ำหอมจางๆของคนใจดีคนนั้นยังติดอยู่บนกลิ่นกายของเขา...

     

     

    ...บางทีก็ใจดีเกินไป...

     

     

    แต่ทั้งๆที่คิดอย่างนั้น รอยยิ้มกลับปรากฏขึ้นบนเรียวปากสวยได้รูปเสียอย่างนั้น... แพคฮยอนลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะบิดตัวไปมา ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไป...

     

     

    บางทีเขาก็ไม่อยากตื่นจากฝันร้ายนี้เลย.... เพราะฝันร้ายนั้นทำให้เขาได้รับความอ่อนโยนจากคนคนหนึ่งอย่างไม่มีเงื่อนไขสักนิด...

     

     

     

     

     

    ร่างเล็กเดินลงมากชั้นสองในชุดนักศึกษาสีขาวกับกางเกงสีดำ ในขณะที่ในมือบางนั้นมีหนังสือเรียนกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ไม่เข้ากันเลยสักนิด แต่คนตัวเล็กก็ชอบที่จะใช้มันด้วยเหตุผลที่ว่า มันใส่ของได้เยอะดี... แพคฮยอนเดินยิ้มร่าเข้ามาในห้องอาหารที่มีคนตัวสูงของเจ้าของบ้านนั่งรออยู่ที่หัวโต๊ะอยู่แล้ว

     

     

    “อรุณสวัสดิ์ ชานยอล” เสียงหวานเอ่ยทักก่อนที่ร่างเล็กจะทิ้งตัวลงข้างๆคนตัวสูงพร้อมรอยยิ้ม... ร่าเริงและสดใส... นั่นคือพยอนแพคฮยอนอย่างที่ทุกๆคนรู้จัก

     

     

    “ตื่นสาย...” เสียงทุ้มว่าสั้นๆ ก่อนจะยิ้มเช่นเดียวกัน... หลังจากที่คนตัวเล็กเข้ามาอยู่ที่นี่ก็ทำให้บ้านที่มีแต่ความเงียบเหงานั้นเปลี่ยนไปเยอะ.... ความเงียบเหงานั้นถูกแทนที่ด้วยความสดใสของคนตัวเล็กที่ร่าเริงและมีรอยยิ้มเสมอ...

     

     

    “ไม่ได้สายสักหน่อยนะ... ชานยอลนั่นแหละวันนี้ตื่นเร็ว” แพคฮยอนว่าพร้อมกับหัวเราะกับคำพูดของคนตัวสูงที่พยายามหาเรื่องเขา... ตลอดสามเดือนที่ผ่านมานี้ก็มากพอแล้วกับความจริงจังที่เขาสามารถสัมผัสได้กับความจริงใจของชานยอล...

     

     

    ดูเหมือนไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ต้องช่วยคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่อยู่ๆก็มาล้มอยู่หน้าประตูบ้านของตัวเอง ในขณะที่ปาร์คชานยอลกลับช่วยเหลือเขาโดยไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ...

     

     

     

    ...บางทีความใจดีนั้นก็ทำให้เขาเจ็บ...

    เพราะปาร์คชานยอลไม่ได้ใจดีกับเขาแค่คนเดียว...

     

     

     

    “แพคฮยอน... แพคฮยอน!!” เสียงทุ้มว่าเสียงดัง เรียกให้คนที่กำลังยิ้มค้างปล่อยตัวเองเข้าสู่ห้วงภวังค์อยู่นั้นกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยิ้มให้กับคนที่เรียกและเอียงหน้าน้อยๆ

     

     

    “ทำไมเหรอ”

     

     

     

    “นี่ไม่ได้ฟังที่พูดตั้งแต่แรกเลยใช่ไหม... ฉันบอกว่าเย็นนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยงของบริษัทคุณพ่อ ไม่ต้องรอกินข้าวไง” แพคฮยอนพยักหน้ารับ ก่อนจะทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบคนตัวสูงออกไป

     

     

     

    “ขอโทษ... เลิกเรียนแล้วจะรีบกลับบ้านแล้วกัน...” ชานยอลมองรอยยิ้มของแพคฮยอนแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจเบาๆ

     

     

     

    พยอนแพคฮยอนกลบเกลื่อนความคิดมากและความเศร้าโศกทั้งหมดไว้ภายใต้รอยยิ้มสดใสนั้นทั้งหมด... ไม่มีอะไรที่เขาพอจะทำให้กับร่างเล็กนี้ได้เลยจริงๆ

     

     

     

     

    ...ทั้งๆที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ขนาดนี้แล้วก็ตาม...

     

    “อยากไปด้วยกันไหม?”

     

    ดวงตากลมเบิกกว้างเล็กน้อยกับคำถามนั้น... ความดีใจของร่างเล็กชัดเจนเสียจนคนตัวสูงอดยิ้มไม่ได้ แต่ก็ต้องยิ้มค้าง... เมื่อได้ยินประโยคต่อมา...

     

     

     

    “ถึงอยาก... แต่คงไม่เหมาะหรอก... ฉันกับชานยอลไม่ได้เป็นอะไรกันนี่....แค่ที่ให้อยู่ทุกวันนี้ก็เกรงใจมากพอแล้วนะ” รอยยิ้มกว้างถูกส่งให้หลังจากเอ่ยประโยคนั้นเสร็จ.... กว้างและฝืนที่สุดเท่าที่เขาเคยยิ้มมารึเปล่าก็ไม่รู้....

     

     

     

     

    เมื่อสามเดือนก่อน... ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาพังทลายลง... และเขาก็คิดว่าชีวิตของเขาจะจบลงแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่เลย... คุณหนูแห่งตระกูลปาร์คกลับช่วยเขาไว้ รวมถึงให้ที่พัก อาหาร และเงินที่จะส่งเขาเรียนต่อด้วยซ้ำ...

     

     

     

    เหมือนกับเป็นพรมลิขิต... แต่แพคฮยอนกลับเลือกที่จะเชื่อแค่ว่ามันเป็นเพียงความบังเอิญ

    ความบังเอิญที่ว่าเขากับปาร์คชานยอลเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน...

    และบังเอิญที่วันนั้นเขามาล้มลงอยู่ตรงหน้าบ้านของชานยอลพอดี

     

     

     

     

    ชานยอลมองรอยยิ้มนั้นด้วยความเจ็บปวด.... เมื่อไรกันนะเขาจะทำให้คนตัวเล็กนี้ยิ้มได้โดยไม่ฝืนเสียที... เมื่อไรเขาจะได้เห็นรอยยิ้มของพยอนแพคฮยอนคนดังของคณะนิเทศอีกครั้ง... รอยยิ้มที่สดใสเหมือนดั่งตะวันยามเช้าที่ทำให้สดชื่นทุกครั้งที่ได้เฝ้ามอง....

     

     

    หรือตัวเขา... จะไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องรอยยิ้มนั้นของคนตัวเล็กกันนะ....

     

     

    “ไม่เป็นไร... ถ้าแพคฮยอนไม่สบายใจ... ฉันจะไม่บังคับ... กินข้าวแล้วไปมหาลัยกันเถอะ” รอยยิ้มกว้างแสนอบอุ่นถูกหยิบยื่นให้กับคนที่นั่งอยู่ข้างๆอีกครั้ง... แพคฮยอนพยักหน้าพร้อมยิ้มตอบ ก่อนจะลงมือทานอาหารเช้าอย่างที่คนตัวสูงบอก...

     

     

     

     

    คณะนิเทศศาสตร์เป็นคณะของเด็กมีความสามารถเฉพาะด้านอย่างแท้จริง... ร่างเล็กเดินเข้ามานั่งที่ม้าหินสีขาวที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาอยู่อย่างร่มเย็น... ร่างเล็กส่งยิ้มให้กับเพื่อนๆ รุ่นพี่และรุ่นน้องที่อยู่ในละแวกนั้น... เป็นเรื่องดีที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในช่วงคริสต์มาส... และต่อเนื่องกับปีใหม่ ทำให้เขาสามารถพักฟื้นร่างกายได้อย่างไม่มีใครรู้... แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะเล่าเหตุการณ์นั้นให้กับเพื่อนสนิทอย่างโดคยองซูฟังเช่นกัน...

     

     

     

    เมื่อคิดถึงเหตุการณ์นั้น.... ขอบตาก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นพร้อมๆกับหยาดน้ำใสมากมายที่เอ่อคลอ... ทุกอย่างที่เกิดขึ้น... ถ้าเขายอมรับฟังสิ่งที่แม่จะพูดตอนนั้น... เรื่องทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้...

     

     

     

    “พี่แพคฮยอน....” เสียงคุ้นๆของรุ่นน้องเอ่ยทักขึ้นทำให้ร่างเล็กยกหลังมือปาดตาอย่างลวกๆ และหันไปตามต้นเสียง ร่างสูงของรุ่นน้องผิวสีเข้มยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าหล่อเหลาฉายชัดถึงความกังวล... แพคฮยอนฮยอนส่งยิ้มกว้างกลับไปให้พร้อมกับเอ่ยทัก

     

     

     

    “ว่าไงจงอิน นั่งก่อนสิ... มีเรียนกี่โมงเนี่ย” ร่างสูงนั่งลงตามคำชวนของเขา ก่อนจะยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลขนาดไม่ใหญ่มากมาให้เขา...

     

     

     

    “มีตอนสิบโมง... ของฝากครับ”

     

     

     

    “ของฝาก ? ไปไหนมาเหรอ ?” ตากลมใสซื่อที่มองมานั้น ทำให้จงอินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้... บางทีก็ซื่อเกินไป... หรือแกล้งที่จะไม่รับรู้กับอะไรกันแน่นะ...

     

     

     

    “ไปโซลมา”

     

     

     

    “บ้าเหรอนี่ก็อยู่โซลนะ นายกวนพี่อีกแล้วจงอิน” ร่างเล็กหัวเราะตัวโยน ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเห็นเพื่อนร่างบางโดคยองซูเดินมาแต่ไกล มือบางยกขึ้นโบกไปมา ก่อนที่จะตะโกนเรียก

     

     

     

    เมื่อเจ้าของชื่อได้ยินก็รีบปรี่ตรงมายังเขาทันที ใบหน้าหวานยิ้มแย้ม ก่อนจะเอ่ยทักเขาและรุ่นน้องที่นั่งอยู่ตรงนั้นอีกคน ก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นข่าวใหม่ที่ได้มา....

     

     

     

    โดคยองซูนั้นมีแหล่งข่าวที่รวดเร็วและแม่นยำมากถ้าเทียบกับแหล่งข่าวทั้งหลายในคณะที่รวบรวมความบันเทิงนี้ไว้... โดยผู้ช่วยของเพื่อนตัวบางคนเขาก็คือเด็กร่างสูงผิดขาวดูดีมีชาติตระกูลที่มีชื่อว่าโอเซฮุนที่เป็นลูกชายเจ้าของสถานีโทรทัศน์ช่องดัง

     

     

     

    “ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ เหมือนกับคนคนนั้นจะไม่ค่อยโอเคกับเรื่องนี้.... เออใช่อีกเรื่อง วันนี้ฉันต้องไปทำช่วยเซฮุนที่งานเลี้ยงนะ ไว้ไปหาของหวานกินกันพรุ่งนี้นะแพคฮยอน” เจ้าของชื่อพยักหน้า ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือสีชมพูขึ้นดูและโวยวายขึ้นมา

     

     

     

    “นี่มันใกล้เวลาเรียนแล้วนะ!! ไปกันเถอะคยองซู แล้วเจอกันนะจงอิน ขอบคุณสำหรับของฝาก!!

     

     

     

     

    ชานยอลถอนหายใจยาวเหยียดอย่างโล่งอกเมื่อเห็นคนตัวเล็กกับเพื่อนอีกคนวิ่งขึ้นตึกเรียนกันไปแล้ว... ร่างสูงเดินมานั่งลงที่ม้าหินตัวที่แพคฮยอนเคยนั่ง ก่อนจะเริ่มบทสนทนากับคนที่ยังคงนั่งอยู่...

     

     

     

    “เขาดูโอเคไหม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นกับรุ่นน้องที่ยั่งคงสนใจโทรศัพท์มือถืออยู่โดยไม่สนใจเขาสักนิด และเขาก็ไม่คิดว่าคนอย่างคิมจงอินจะเงยหน้าขึ้นมาสนทนากับคนอย่างเขาด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นเรื่องของพยอนแพคฮยอน... รุ่นน้องปีหนึ่งคงไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก

     

     

     

    “ไม่....พี่ทำอะไร” จงอินตอบกลับพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า.... ถ้าเป็นเรื่องอื่นเขาคงไม่เสวนากับคนตัวสูงที่มีดรีกรีเป็นถึงเดือนคณะบริหารที่คอยตามรุ่นพี่ตัวเล็กที่เขาแอบชอบหรอก...แต่เพราะเป็นเรื่องของคนคนนั้น...เขาถึงยอมพูดด้วย...

     

     

     

     

    “พี่แค่ช่วยเขาไว้...แค่นั้น”

     

     

     

    “แล้วพี่ก็กำลังจะทำร้ายพี่แพคฮยอน....”

     

     

     

     

     

     

     

    หลังเลิกเรียนพยอนแพคฮยอนก็รอคนรถของบ้านชานยอลมารับเหมือนกับสามเดือนที่ผ่านมา.... ร่างเล็กเดินไปยืนรออยู่ที่หน้าคณะด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตามแบบฉบับ... หลังจากอาจารย์ปล่อยคาบร่างบางขอคยองซูก็วิ่งออกจากห้องไปทันที จริงๆก็อยากจะขอไปงานด้วยเหมือนกัน แต่เกรงใจเพราะตัวเขาก็ใช่ว่าจะทำอะไรเป็นมากมายเท่าไร....

     

     

     

    ไม่นานนักรถยนต์คันคุ้นเคยก็มาจอดข้างหน้าเขา... คนตัวเล็กเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจเพราะคนตัวสูงที่น่าจะยังไม่เลิกเรียนกลับนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังของตัวรถ แพคฮยอนตั้งใจจะเปิดประตูหน้าขึ้นไปนั่งเหมือนอย่างทุกครั้งที่เขากลับบ้าน แต่มันกลับล็อกและทำให้เขาต้องเปิดประตูด้านหลังขึ้นไปนั่งจนได้...

     

     

     

    เขาไม่ได้รังเกียจปาร์คชานยอล... แต่การที่เขาจะไปนั่งข้างหลังนั้นสมควรแล้วจริงๆน่ะหรือ...

     

     

     

    “ทำไมจะไปนั่งข้างหน้าล่ะ...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่คนขับรถออกรถแล้ว... แพคฮยอนยิ้มกว้างก่อนจะตอบออกไปอย่างสดใส ทั้งๆที่ในใจนั้นกลับไม่ใช่เลย...

     

     

     

    “ฉันชอบนั่งข้างหน้า... แต่ปกติชานยอลยังไม่เลิกเรียนไม่ใช่เหรอ” คนตัวสูงลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มตอบและยกมือขึ้นวางบนกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็กและยีเบาๆอย่างเอ็นดู....

     

     

     

    “รู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะสิ แล้วก็ต้องไปเตรียมตัวไปงานเย็นนี้ด้วย” ชานยอลโกหกออกไป... เขาแค่ไม่มีสมาธิเรียนและรู้สึกกังวลกับงานเลี้ยงเย็นนี้มากกว่าจะทนนั่งอยู่ในห้องเรียนนั้นได้ต่างหาก...

     

     

     

    บ้านของเขาเป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังหลายแห่งในเกาหลีนี้... แค่ธุรกิจท่องเที่ยวก็ทำเม็ดเงินได้มหาศาลจนนับไม่ถ้วนแล้ว... พ่อกับแม่เขายังอุตส่าห์บินไปเมืองนอกเพื่อหาการตลาดใหม่ๆมาพัฒนาบริษัทตัวเอง อีกทั้งพี่สาวของเขาที่แต่งงานกับเชฟ ปาติซิเยร์ และได้เปิดร้านขนมภายใต้แบรนด์ของตัวเองซึ่งเรียกว่าทำเม็ดเงินมหาศาลไม่ต่างกัน...

     

     

     

    ส่วนตัวเขาที่ดูเหมือนจะต้องรับช่วงต่อบริษัทของคุณพ่อนั้นก็ตกเป็นที่จับตามองของนักข่าวทั้งหลาย...และยิ่งงานในเย็นวันนี้เป็นงานเปิดตัวสาขาใหม่ที่เขาจะได้เป็นผู้บริหารตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ... ฝีมือทางด้านการบริหารของเขาที่แสดงให้พ่อเห็นจากการวางแผนการตลอดของร้านขนมพี่สาวทำให้พ่อมั่นใจว่าจะให้เขาสืบทอดกิจการนี้ต่อไปโดยไม่ลังเลก็จริงอยู่ แต่ก็จำเป็นต้องมีบททดสอบให้กันบ้าง.... นั่นแหละพ่อของเขา...

     

     

     

    “ชานยอลไม่สบายเหรอ.... ตัวร้อนไหม... ไปทำอะไรมา....” คำถามยาวเหยียดของคนขี้เป็นห่วงทำให้ชานยอลอดยิ้มไม่ได้... ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปกดจมูกโด่งลงที่แก้มใสอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กกว่าตัวแข็งทื่อและเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนที่มือเล็กจะตีลงที่ไหล่เขาอย่างแรง

     

     

     

    “ชานยอล... เอาอีกแล้วนะ...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นพร้อมกับมือเล็กที่ยกขึ้นจับแก้ม... คนตัวสูงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะปล่อยสายตาออกไปนอกหน้าต่าง...

     

     

     

     

    ...ถ้าความสุขของเขา...

    จะดำเนินต่อไปได้อีกนานก็คงจะดี...

     

    ไม่รู้ว่าหลังจากคืนนี้ไป.... พยอนแพคฮยอนคนนี้จะยังคงเป็นพยอนแพคฮยอนที่เขารู้จักอยู่รึเปล่า...

    ไม่สิ...พยอนแพคฮยอนคนเก่าคนนั้นจะกลับมารึเปล่าต่างหาก...

     

     

    ร่างสูงโปร่งของลูกชายเจ้าของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังยืนพิงรถสปอร์ตคันหรูที่เพิ่งถอยมาอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก... เขามีธุระต่อกับพี่ชายตัวบางที่ยังมาไม่ถึง ทั้งๆที่เจ้าตัวนั้นเลิกเรียนได้ห้านาทีแล้วแท้ๆ

     

     

     

    ...แต่ถ้าพลาดแค่ห้านาทีสำหรับนักข่าวอาจจะเป็นการพลาดข่าวใหญ่เลยก็ได้นี่นา...

     

     

     

    โอเซฮุนหยิบโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นมาดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนที่กำลังจะกดโทรเสียงหอบหายใจที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นก่อนที่เจ้าของร่างบอบบางจะยืนเอามือท้าวเข่าและหอบจนตัวโยน...

     

     

    “ห้านาทีเองอย่าหงุดหงิดนะเซฮุน” รุ่นน้องตัวสูงส่ายหน้ากับคำของพี่ชายตัวบาง... ทั้งๆที่ยังหอบขนาดนี้แท้ๆ มือเรียวยกขึ้นเช็ดเหงื่อที่หน้าผากและข้างขมับก่อนจะส่งยิ้มน้อยๆ ดวงหน้าหวานระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะปัดมือเรียวนั้นทิ้งและโวยวายขึ้นอย่างกลบเกลื่อน

     

     

    “ปะ....ไปได้แล้วน่า!!!” เซฮุนยิ้มกว้างก่อนจะเปิดประตูให้กับรุ่นพี่ตัวเล็ก ส่วนตนนั้นก็เดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่ง ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกไป

     

     

     

     

     

    สำหรับโอเซฮุนนั้นแค่ได้สนิทกับพี่ชายตัวบางข้างๆนี่ก็พอแล้ว... ไม่ว่าจะเป็นรุ่นน้องหรืออะไรก็ช่าง... แค่เขาได้คอยดูแลคนคนนี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ

     

     

    เพราะหัวใจของโดคยองซูไม่เคยเป็นของเขา...

    แต่เป็นของใครอีกคน....ที่ไม่เคยมองมาที่คนตัวบางนี้เลยสักครั้ง....









    TBC. 

     

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    วันนี้มาพบกับตอนที่หนึ่ง +w+ เป็นยังไงก็บอกเค้าได้น้า... คืออย่างแรกเเลยต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้เขียนฟิคมานานมาก TT คือกลัวเรื่องภาษาอยู่นิดหน่อย... เป็นอย่างไรติชมกันได้นะคะ TwT 

    แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่า +O+/ 



     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×