คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : ▲ DANGEROUS AREA ✗ : 28th [END]
เกมการแข่งขันระหว่างพ่อกับลูกเริ่มขึ้นหลังจากนัม กียุลถูกปลดจากการเป็นผู้บริหารสาขาโซลแล้วไปประจำอยู่ที่เกาะเชจูแทนผู้บริหารคนเก่าที่ต้องข้อหายักยอก เซฮุนกลับมานั่งในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง อะไรต่อมิอะไรเปลี่ยนแปลงและดูยากขึ้นไปหมด เนื่องจากเป้าหมายนั้นสูงขึ้น การทำงานตามกำหนดเวลาที่มีอยู่น้อยนิดก็ยิ่งกระชั้นให้เขากลายเป็นหมาจนตรอก แต่นี่ ไม่มีอะไรต้องกลัว เขามั่นใจว่าว่าเกมนี้ขาวสะอาด และก็มั่นใจว่าพ่อจะไม่ส่งหนอนบ่อนไส้มาอีกแน่
อีกหนึ่งการป้องกันที่พอจะทำได้คือไม่ไว้ใจใคร เซฮุนเดินหมากตัวสุดท้ายด้วยมันสมองและสองมือของตัวเอง เขาเด็ดเดี่ยว กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแบบที่ไม่มีใครเคยเห็น เลือดผู้บริหารข้นๆ ไหลวนอยู่ในกายจนคล้ายจะกลายเป็นเนื้อเดียวกันกับเลือดนายแบบที่เคยมีอยู่
แผนการดำเนินงานถูกรื้อโครงสร้างและเปลี่ยนใหม่จนหมด ไม่เหลือแม้แต่เค้าโครงเดิมให้พนักงานเห็น เซฮุนเพิ่มแพคเกจทัวร์ รับนักท่องเที่ยวมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า สร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ให้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งเขาก็หวังว่ามันจะช่วยดึงให้บริษัทมีรายได้มากขึ้นไม่น้อย และเช่นเคยเหมือนกับเมื่อสามเดือนที่แล้ว เวลาที่เซฮุนเคยมีให้ลู่ฮานจะหดหาย แต่อย่าเสียใจไป เพราะครั้งนี้เขาจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมอีก เซฮุนกลับบ้านทุกวัน แต่ละครั้งไม่เกินสามทุ่มครึ่ง มักมีงานติดไม้ติดมือมาบ่อยๆ มาคอยนั่งเครียดที่ห้องแทนที่ทำงาน ไม่ลืมจะทำหน้าที่คนรักที่ดีโดยการไปรับส่งลู่ฮานเหมือนดังวันที่เคยเป็นนายแบบ
ร้านกาแฟที่พาร์ทิซิเย่ร์ตัวน้อยทำงานอยู่มีลูกค้าคึกคัก สามเดือนกว่าๆ ผ่านมาแล้วข่าวซาลงแต่ก็ยังคงมีหลงเหลือให้พวกแอนตี้ขุดคุ้ย แฟนคลับส่วนใหญ่ต่างทราบกันดีแล้วว่าเซฮุนกับลู่ฮานปรงใจจะแต่งงานกันในวันข้างหน้า จึงไม่มีปัญหาว่าจะผิดใจอะไรกับคนหมู่มากอีก ลู่ฮานกลายเป็นที่หนึ่งในใจหญิงสาวมากมายที่คลั่งไคล้โอเซฮุน ด้วยรูปร่างเล็ก แลดูบอบบาง บวกรับกับเครื่องหน้าสวยหวานและอุปนิสัยแสนน่ารัก จึงไม่แปลกเลยที่ใครๆ ก็ต่างยกให้ลู่ฮานกลายเป็นคนโปรดได้ภายหลังจากการพูดคุยทำความรู้จักกันเพียงครั้งแรก
เพราะร่างเล็กไม่ใช่บาริสต้า หน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้าร้านจึงไม่ใช่งานของตัวเอง ส่วนใหญ่จะได้ประจำอยู่ในก้นครัวด้านข้าง ที่มีกระจกใสกั้นกลางระหว่างคนทำงานและลูกค้า ใครสนใจก็พากันมามุงให้ยุ่งวุ่นวายไปหมด แรกๆ ที่เข้ามาทำงานก็รู้สึกเกร็งไม่น้อย พอค่อยๆ ทำงานต่อมาเรื่อยๆ ก็เริ่มปรับตัวเป็นปกติได้ ดังนั้นกลุ่มแฟนกลับสาวๆ จึงพากันแวะเวียนมาเมียงมอง บ้างก็มาถามหา พูดจาด้วยสองสามประโยคก็วิ่งหน้าแดงกลับกันไป แม้จะไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ร้านก็ได้ผลประโยชน์ ลำพังคนทำงานอย่างเดียวรายได้ก็ว่าเยอะแล้ว ยิ่งมีเด็กสาวหน้าตาน่ารักแวะเวียนเข้ามาอุดหนุนขนมบ้าง เครื่องดื่มบ้าง ทำให้ร้านเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
จำนวนงานแปรผันตรงกับจำนวนเวลา ลู่ฮานเลทช่วงเย็นอยู่หลายครั้งหลายคราแต่เซฮุนก็ไม่เคยนึกโกรธ เมื่อก่อนกว่าจะได้ปิดร้านก็ห้าโมงกว่าเกือบหกโมงเย็น เดี๋ยวนี้เกินเวลาไปถึงหกโมงครึ่ง ทุ่มหนึ่งบ้าง น้องก็ลงทุนนั่งรอนอนรออยู่ในรถเพื่อให้ได้กลับบ้านพร้อมกันจนได้ ระยะทางไม่มากนักจากร้านถึงบ้านทำให้คู่รักได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์อะไรหลายๆ อย่าง เซฮุนมักจะเล่าเรื่องธุรกิจ หุ้น เงินทุนให้ลู่ฮานฟัง ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าอีกคนไม่มีทางเข้าใจ ส่วนคนน่ารักก็เอาแต่ยิ้มรับ พยักหน้าให้ นั่งตัวลีบเป็นตุ๊กตากระเบื้องหน้ารถควบตำแหน่งผู้ฟังที่ดีไปพลางด้วย
ตระกูลอู๋ติดต่อกับลู่ฮานบ่อยขึ้นเมื่อหัวเรือใหญ่อย่างอู๋ หยางเซิงเริ่มงอแงที่อยากจะเห็นหน้าลูก หลายเดือนผ่านมาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้กอดลูกให้หายคิดถึงเสียทีเนื่องจากงานมันรุมเร้า ครั้นพอมีเวลากลับมาที่นิวยอร์ก ลูกก็ไม่อยู่ให้เห็นหน้าอีก มีแต่ลูกชายหน้าเดิมๆ คอยแต่จะกวนใจอยู่เรื่อย ยังดีที่อีกฝั่งส่งข่าวคราวมาให้รู้บ้าง คนเป็นพ่ออย่างเขาจึงไม่ต้องเอาใจไปพะวงห่วงสักเท่าไหร่ อย่างน้อยลูกก็อยู่ใกล้คนที่ลูกรักและคนที่รักลูก โอ เซฮุนไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรจากการที่เขาส่งคนไปสืบอุปนิสัยการใช้ชีวิตประจำวันมาอย่างคร่าวๆ ยิ่งพอลองคุยกันผ่านทางโทรศัพท์แล้วยิ่งชอบใจ ทุกคำพูดที่ถ่ายทอดออกมาล้วนเต็มไปด้วยความห่วงใยลูกชายคนกลางของเขาทั้งนั้น หยางเซิงรู้แผนการอะไรหลายๆ อย่างของว่าที่ลูกเขยแล้วก็พาลเห็นดีเห็นงามตามไปด้วย ช่วยได้ก็ช่วยไปเพราะตนเองก็อยากให้ลูกชายมีความสุข
“ อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าเซฮุน แวะซุปเปอร์มาร์เก็ตไหม พี่ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าในตู้เย็นที่ห้องจะมีของสดครบหรือเปล่า ”
เหมือนเช่นเคย ระหว่างติดไฟแดงอยู่ ลู่ฮานก็ชวนพูดชวนคุยไปเรื่อย มือน้อยถูกกุมกระชับโดยอวัยวะชนิดเดียวกันแต่ต่างด้วยขนาด ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กันโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ
“ อะไรง่ายๆ ก็ได้ครับคนดี วันนี้เอกสารเยอะมากเลย คงต้องทำงานดึก ไม่มีเวลาพิรี้พิไรกินข้าวแน่ๆ ”
คนน่ารักพองแก้มน้อยๆ คงคิดว่าเซฮุนจะไม่เห็น แต่ก็หลุดรอดสายตาไปไม่ได้อยู่ดีเมื่อไม่ว่าจะหลีกหนีอย่างไรลู่ฮานก็ไม่เคยหลุดออกไปจากกรอบสายตาของน้องชายคนนี้ได้เลย ปลายจมูกโด่งกดแนบลงบนพวงแก้มนุ่ม สูดดมความหอมประจำกายที่ไม่มีใครเหมือนเข้าไปจนฉ่ำปอด
“ ไม่น้อยใจนะครับ เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าพี่อยากให้ผมกินมากๆ ก็ป้อนผมนะ ส่วนผมก็นั่งเซ็นเอกสารไป กินอาหารฝีมือพี่ไป ตกลงตามนั้นนะครับ อ่า..ใจดีจัง ”
ทั้งถาม ทั้งตอบเองเสร็จสรรพ ทำเอาคนตัวเล็กต้องหันขวับส่งค้อนมาให้วงเบ้อเริ่ม
“ ใครตกลง ”
“ พี่ไง ”
“ พี่ยังไม่ได้พูดเลยนะ ”
“ ชู่ว อย่าดื้อสิครับ ไฟเขียวแล้ว ห้ามกวนสมาธิคนขับรถสิ ”
“ งั้นก็ปล่อยมือสักที แล้วเอามือนี้ไปขับรถ มันอันตรายจะตายไป ขับรถมือเดียว ”
“ ไม่ปล่อย ”
“ เอ๊ะ ”
“ ถ้ายังพูดอีกคำเดียวผมจะเอารถเข้าข้างทางแล้วทำให้พี่ครางเดี๋ยวนี้แหละ ”
“ แวะซุปเปอร์มาเก็ตด้วย ! ”
นั่นล่ะ หลังจากนั้นลู่ฮานก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรอีก เพราะมัวแต่จัดการความร้อนข้างแก้มที่เห่อร้อนขึ้นมาโดยไม่บอกไม่กล่าว ไม่มีใครรู้ว่าเซฮุนจะทำจริงไหม แต่ถ้าหากเจ้าตัวคิดจะทำก็ย่อมทำได้แน่ ดวงตากลมโตเหม่อมองออกไปยังวิวทิวทัศน์นอกรถ ปล่อยร่างสูงขับรถไป ยิ้มไป บวกกับไอความรักจางๆ ลอยอบอวลอยู่ในบรรยากาศภายในรถ
ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่คลาคล่ำไปด้วยแม่บ้านมากมายที่พากันออกมาซื้อของกันในช่วงค่ำ เซฮุนยกแว่นกันแดดสีชาขึ้นมาสวมใส่ด้วยความเคยชิน เมื่อก่อนตอนเป็นนายแบบก็ทำอยู่บ่อยๆ เขาเดินเข็นรถช็อปปิ้งตามหลังคนรักต้อยๆ เกิดมายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยให้ตายเถอะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกพ่อบ้านเมียคุม แต่มันก็ไม่ได้แย่จนทำใจไม่ได้ ไม่บ่อยนักหรอกที่จะมีโอกาสออกมาเดินเล่นกับลู่ฮาน ได้เห็นมุมต่างๆ ของร่างเล็ก
“ พี่ว่าจะทำแกงกะหรี่ไก่ให้เราลองชิม หรือจะลองแกงกะหรี่กุ้งทอดดีล่ะเซฮุน ? วันก่อนเห็นเขาทำกันในทีวี น่ากินมากๆ เลย ”
ร่างสูงยิ้มติดมุมปาก หัวเราะเบาๆ ให้กับความน่ารักของลู่ฮานแล้วเปล่งเสียงตอบ “ กุ้งก็ได้ครับ เบื่อไก่แล้ว ” จะอะไรมันก็เหมือนกันหมด เดี๋ยวนี้ผงกะหรี่มีขายแบบบรรจุซอง กลิ่นก็คล้ายกันแทบทุกยี่ห้อ
“ อืมม งั้นไปดูผงกระหรี่ก่อน แล้วค่อยไปดูแปรงสีฟัน สบู่กับแชมพูหมดหรือยังนะ กาแฟกับชาล่ะ เซฮุนช่วยพี่คิดหน่อยซี่ ”
จำได้ว่าตอนแรกแค่จะมาซื้อของสด ไหงแม่กวางน้อยเล่นจะเหมาหมดทั้งของอุปโภคบริโภคเช่นนี้ “ ดูอะไรก็ดูเถอะครับ ทุ่มครึ่งนะ เกินนั้นผมปรับ ห้านาทีจูบ สิบนาทีจับ สิบห้านาทีปล้ำ เกินกว่านั้นสะโพกยอก ”
อีกครั้งที่ค้อนวงเบ้อเริ่มถูกเหวี่ยงมาให้เซฮุนได้หัวเราะ ลู่ฮานเดินนำลิ่วๆ ไปยังเชล์ฟวางกาแฟชนิดต่างๆ ทั้งผงพร้อมชง เมล็ดพร้อมบด หรือเมล็ดบดหยาบ หยิบเอายี่ห้อที่เซฮุนดื่มประจำใส่รถเข็นสองสามถุง เยื้องซ้ายไปหยิบครีมเทียมชนิดเติมมาหนึ่งกล่อง เดินว่อนทั่วซุปเปอร์มาเก็ตโดยที่มีสารถีคนหล่อคอยเข็นรถเข็นให้ ผักใบเขียว ผักโรยหน้า เนื้อปลา กุ้งขาว อาหารสด อาหารกระป๋อง ข้าว และของใช้ที่จำเป็นหลายต่อหลายอย่างอัดแน่นอยู่ในรถ เซฮุนมองบิลเงินสดอย่างเหนื่อยหน่ายใจเมื่อพบสัจธรรมที่ว่าเมื่อใดที่เงินไม่ใช่ของลู่ฮานแล้วไซร้... คนน่ารักก็ช็อปกระจายได้เหมือนกัน
รถยนต์คันหรูเทียบท่าหน้าคอนโดในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งพอดิบพอดี เซฮุนส่งกุญแจให้พี่ยามที่คุ้นเคยกันดีนำรถไปเก็บ พร้อมกับขนมหวานสองสามอย่างที่ซื้อติดมือกลับมาจากซุปเปอร์มาเก็ต ใช้แรงของตนเองยกสัมภาระมากมายไว้คนเดียวและให้ร่างเล็กถือเพียงกล่องครีมเทียมกับขวดซอสปรุงรส พนักงานต้อนรับหน้าเล้าจ์มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม กล่าวทักทายพอเป็นพิธีแล้วก็เดินนำไปกดลิฟต์อำนวยความสะดวกให้
“ ขอบคุณนะครับ ” ก้มศีรษะขอบคุณด้วยความเคยชิน ก่อนจะหลีกทางให้น้องเดินเข้าไปในลิฟต์โดยสาร กดปุ่มเลขยี่สิบห้านำพาให้กล่องเหล็กขนาดใหญ่นำพาคนทั้งคู่ไปยังที่หมาย ลู่ฮานมองน้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก สงสารก็สงสาร ชื่นชมก็ชื่นชม ถามแล้วนะว่าให้ช่วยถือไหม เจ้าตัวก็ดื้อแพ่งตอบว่าไม่อยู่ท่าเดียว รู้หรอกว่าอยากเป็นสุภาพบุรุษ แต่เขาเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน อะไรๆ มันคงไม่บอบบางขนาดเปราะง่ายแตกง่ายหรอกใช่ไหม พักหลังมานี้เซฮุนเปลี่ยนไปมากจนสังเกตได้ แต่เชื่อไหมว่าลู่ฮานไม่เคยคิดว่าน้องเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เพราะนี่คือสิ่งที่เขาเชื่อมาเสมอว่าคือตัวน้อง เซฮุนคนดีที่เห็นความเป็นอยู่ของคนอื่นสำคัญกว่าตนเองเสมอ เซฮุนคนดีที่ไม่เกรี้ยวกราดหากไม่จำเป็น เซฮุนคนดีที่แสนสุภาพ รักครอบครัว เซฮุนคนดีของพี่ลู่ฮาน
“ คิก.. ให้พี่ช่วยถือผักไหม มาเร็ว เบาๆ ไม่หนักหรอก ”
“ ผมไม่อยากให้พี่ลำบาก ”
“ แต่เราจะหนัก อื้อ! ”
สองฟอด แบบใหญ่ๆ โดยใช้จังหวะที่ร่างเล็กเผลอขโมยกลิ่นหอมที่ตัวเองชื่นชอบเข้าไปเพิ่มกำลังแขน รอประตูไฟฟ้าเปิดออกเพียงชั่วครู่แล้วก็วิ่งโร่กลับห้อง ทิ้งไว้ก็แต่ลู่ฮานที่ยืนตาโตอ้าปากค้าง กำคีย์การ์ดห้องเสียแน่น นิ่งอยู่สามวินาทีได้ก็รีบสาวเท้าออกไปคิดบัญชีกับน้องชายตัวแสบที่เสียบคีย์การ์ดเข้าห้องไป เห็นแค่หลังไวๆ เท่านั้น ช่วงขาเล็กสับด้วยความรวดเร็วเข้าไปในห้อง วางของในอ้อมแขนแล้วก็สอดสายตาหาทางซ้ายและขวา ถุงสัมภาระก็กองอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ เจ้าตัวเขาแอบไปซ่อนที่ไหนกัน ก่อนที่ความสงสัยจะตีรวนให้มึนกว่านี้ อ้อมแขนขนาดใหญ่ก็กอดรัดร่างเล็กไว้จนลอยหวือ เผลอครู่เดียวก็ถูกน้องชายยักษ์ยกมาวางที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว
ใช้โอกาสที่ตัวเองมี คร่อมทับคนตัวน้อยไว้ทั้งร่าง ปล้นจูบปล้นหอมพัลวันจนลู่ฮานไม่ทันจะปัดป้อง พวงแก้มใสเจือสีระเรื่อ ปวดหนึบๆไปทั้งหน้าเพราะเซฮุนเล่นลงแรงมาแบบไม่ออม มือเล็กทุบหนักๆ เข้าที่แผ่นอก ริมฝีปากเล็กเบะออกเหมือนเด็กๆ สาบานได้ว่านี่คนอายุยี่สิบเจ็ด มองเผินๆ เหมือนเด็กอายุสิบเจ็ดไม่มีผิด เพราะลู่ฮานเป็นแบบนี้นั่นล่ะ เขาถึงถูกมองว่าเป็นผู้ชายหื่นกามอยู่เรื่อย เรือนกายนุ่มนิ่มยามได้สัมผัสยากจะตัดใจ ดวงตากลมโตใสซื่อราวกับเด็กน้อยวัยแรกเกิด เครื่องหน้าสวยหวานอันเยาว์วัย พร้อมกับสรีระที่ไม่คล้ายผู้ชายแต่ก็เป็นผู้หญิงไม่ได้เลยเสียทีเดียว
กดจูบแผ่วเบาบนกลุ่มผมกลิ่นหอม สอดแขนตระกองกอดเอวคอดเอาไว้ ไล้ปลายนิ้วไปตามอวัยวะบนใบหน้าชิ้นเล็กจิ้มลิ้ม เปลือกตา ปีกจมูก ริมฝีปาก ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกว่าลู่ฮานเป็นนางฟ้าที่สมควรค่าแก่การทนุถนอมเป็นอย่างยิ่ง
“ พี่ทำให้ผมไม่อยากทำงาน ”
โยนความผิดให้คนที่ไม่รู้เรื่องแล้วก็รีบผละกายออกมาด้วยความรวดเร็ว ไม่ใช่รังเกียจ ไม่ใช่ไม่อยากอยู่ใกล้ ทว่า มันกลับใกล้มากเกินไปจนหัวใจแทบกระดอนออกมาจากอก ร่างสูงคลายไทให้หลวม ปลดประดุมเสื้อปลายแขนแล้วพับมันขึ้นสองสามทบอย่างลวกๆ ดึงชายที่ซ่อนอยู่ในกางเกงออกมาภายนอกเพื่อไม่ให้อึดอัดจนเกินไป
“ แต่ผมจะมาคิดบัญชีหลังจากเราแต่งงานกัน ทบต้น ทบดอก เอาให้คุ้มค่ากับเงินสินสอดที่ผมจะเสีย หิวข้าวแล้วครับ จะรอที่โต๊ะนะ ”
ทำตามระเบียบแบบแผนคงเป็นการดีที่สุด เซฮุนกดจูบข้างแก้มใสแผ่วเบา เคลื่อนย้ายกายไปยังกองแฟ้มงานที่ทำค้างไว้จากบริษัท เขายกมันไปวางไว้บนโต๊ะรับประทานอาหาร เริ่มอ่านมันทีละหน้าด้วยความตั้งอกตั้งใจ รายละเอียดแผนงานหลายตัวถูกวางใหม่ จึงทำให้ผู้บริหารอย่างเขาต้องพิจารณาเงื่อนไขแทบทุกตัวอักษร ก่อนจะจรดปากกาเซ็นชื่ออนุมัติลงไปต้องคิดให้ได้อย่างน้อยสองรอบ เมื่อกิ่นยังพอเบาแรงเพราะมีกียุลคอยช่วยเหลือและตรวจตราเอกสาร ครานี้ตั้งแต่รายนั้นจากไปเขาจึงต้องจัดการอะไรต่อมีอะไรด้วยตัวเองเพียงคนเดียว เลขาหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาก็เหมือนจะช่วยงานได้ไม่มากนัก วันๆ เห็นเจ้าหล่อนไม่ทำอะไรนอกจากแต่งหน้าทาปากและร่นกระโปรงที่สั้นอยู่แล้วให้สั้นขึ้นไปอีก บางครั้งเข้ามาเอาแฟ้มงานออกไปก็ตั้งใจไม่กลัดกระดุมให้หน้าอกหน้าใจล้นออกมาอวดสายตาเขา ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ เข้าใจหรอกว่ามั่นใจ แต่คนเดียวที่ใส่ชุดแบบนั้นแล้วทำให้เขาใจเต้นได้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นล่ะ
เอาแบบนี้ คุณลองจินตนาการไปพร้อมผมดูไหม ลู่ฮานคนน่ารักในสภาพเสื้อด้านในเป็นเสื้อกล้ามสีขาวรัดรูป คลุมทับด้วยสูทกำมะหยี่เนื้อดีสีดำสนิทที่คนตัดเย็บประหยัดกระดุมเพราะมีมาให้เพียงสามเม็ด ท่อนล่างเป็นกระโปรงทรงดินสอเอวสูงสีดำความยาวเลยเข่ามาถึงหนึ่งคืบครึ่ง ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีจัดจ้าน เรือนร่างบอบบางอ้อนแอ้นอรชรเยี่ยงสตรีเพศ กลุ่มไหมนุ่มถูกปล่อยยาวยันกลางหลัง ปลายผมเรียบลื่นมีน้ำหนักมีความยาวเท่ากันทุกเส้น ผิวเนื้อขาวเนียนอวดสายตาดูน่ามอง
แต่แน่นอน คนฉลาดมักจะไม่ปล่อยให้เมียตัวเองไปแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้ที่ไหน เซฮุนรู้สึกโล่งใจที่การแต่งตัวทุกวันของลู่ฮานมักเป็นเพียงเสื้อและกางเกงขายาวกับรองเท้าผ้าใบสีอ่อนสักคู่ เขาไม่ได้อยากได้ผู้หญิงที่เพียบพร้อมและเพอร์เฟ็กต์ ไม่ได้อยากได้ผู้หญิงที่เข้าอกเข้าใจ ช่างเอาใจใส่ไปทุกอย่าง บางครั้งคนเราก็อยากได้เพียงใครสักคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันในวันที่ล้มอยู่ในจุดต่ำสุดของชีวิต และลู่ฮานเป็นคนนั้น เป็นคนที่เลือกเซฮุนมาตั้งแต่แรก ตลกดีนะที่คนอย่างเขาถูกเลือก นายแบบมือหนึ่งของวงการพ่วงตำแหน่งผู้บริหารโอคอเปอเรชั่น ฐานะดี ร่ำรวย หน้าตาอยู่ในขั้นที่ว่าผู้หญิงทุกเพศทุกวัยเห็นแล้วต้องกรี้ดสลบ ทั้งๆ ที่ควรเป็นฝ่ายเลือกคนอื่นแท้ๆ เผลอๆ อยู่อีกทีก็ถูกลู่ฮานเลือกไปเสียแล้ว
กลิ่นหอมของแกงกะหรี่เรียกให้ต่อมน้ำย่อยของร่างสูงทำงาน นั่งอ่านๆ อยู่ครู่เดียวกองแฟ้มที่ยังไม่ได้จัดการก็ลดลงไปกว่าค่อนแล้ว เหลืออีกสองสามโครงการที่ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติ ซึ่งเป็นโครงการสะอาดเซฮุนจึงไม่ต้องเสียเวลาอ่านอะไรมาก ทางรีสอร์ทจับมือกับฝ่ายเทศบาลเมือง จัดกรุ๊ปทัวร์ท่องเที่ยวธรรมชาติพร้อมเก็บขยะบนชายหาด ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีแก่ผู้มาเยือนทั้งในและนอกประเทศ ในส่วนของรีสอร์ทตีนเขาก็เพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ทดแทนให้ต้นไม้ที่ถูกตัดไปเพื่อขยายที่ทางของพวกบ้านพัก ทั้งยังจัดทัวร์ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ความเป็นไปของธรรมชาติ ส่องนกชมไม้ เหมือนกับค่ายขนาดเล็กระหว่างการพักผ่อน
สิบห้านาทีต่อมาเซฮุนก็ปิดปลอกปากกาหมึกซึมที่ได้รับมาจากบริษัทหุ้นส่วน วางมันลงบนกองแฟ้มที่ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาเอนหลังลงบนพนักไม้แข็งๆ ทอดสายตามองแผ่นหลังเล็กที่อยู่ไม่ไกลด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ลู่ฮานกำลังง่วนอยู่กับการเคี่ยวแกงกะหรี่ให้ข้นตามภาพที่แนบมาหน้าซอง ผละมากวาดกองมันฝรั่ง แครอท หัวหอมลงไปในหม้อแล้วก็คนต่อไปเรื่อยๆ
“ มีอะไรให้ช่วยไหมครับคนเก่ง ”
ลอบย่องเข้าไปทางด้านหลังแล้วสวมกอดแน่งน้อยเอาไว้จนจมอก ร่างเล็กสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าขัดขืน
“ ยังไม่ได้ชุบแป้งทอดกุ้งเลยเซฮุน เราทำงานเสร็จแล้วหรือ ? หิวมากไหม ? ทนได้หรือเปล่า พี่ไม่คิดว่ามันจะช้าขนาดนี้ ขอโทษนะ ”
หอมแก้มนุ่มนิ่มนั้นไปสองที วางคางลงบนลาดไหล่เล็กแล้วมองฟองอากาศที่ผุดปุดๆ อยู่บนผิวของเหลวด้วยความผ่อนคลาย กลิ่นเครื่องเทศหอมๆ ลอยเข้าโพรงจมูก มันดี แต่กลิ่นกายหอมๆ ของลู่ฮานที่เขาสูดดมอยู่นี้ดีกว่า
“ หิวครับ แต่ก็ทนได้ ผมทอดกุ้งให้ไหม ท่าทางดูน่าสนุก ”
“ สำหรับคนทำเป็นน่ะ มันสนุก แต่สำหรับคนเพิ่งหัดอย่างเราเดี๋ยวน้ำมันแตกใส่แล้วจะร้องไม่ออก มันร้อนจริงๆ นะ พี่เป็นห่วง ไปอาบน้ำก่อน ออกมาจะได้กินข้าวเลย แล้วก็เลิกนัวเนียได้แล้ว ตัวพี่เหม็นเหงื่อจะตายไป ”
“ ไม่ วันนี้อยากให้พี่ถูหลังให้ อาบน้ำพร้อมกันนะครับนางฟ้า อีกอย่าง น้ำมันแตกไม่เห็นน่ากลัวอะไร มันก็คงคล้ายๆ กับน้ำอย่างอื่นที่แตก... ในตัวพี่ประจำไงครับ ”
“ โอเซฮุน !! ”
“ ครับผม ! โอ๊ยยยยยย เจ็บๆๆๆ ”
มาทั้งเสียงและสัมผัส โทษฐานพูดจาไม่เข้าหู ลู่ฮานบิดเนื้อต้นแขนของคนรักตัวแสบเสียสุดแรงด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงสดราวกับผลมะเขือเทศ
“ หยุดพูดแล้วไปเอากุ้งมาแกะเลยนะเซฮุน เรานี่เป็นคนยังไงกัน พูดจาอะไรไม่อายฟ้าอายดิน ”
ฟาดมือลงบนหลังมือใหญ่แรงๆ สักที แล้วก็ปั้นหน้าบูดหน้าบึ้งอยู่หน้าเตากลบเกลื่อนอาการเขินอาย ให้ตายเถอะ ยังไงก็ไม่ชินกับคำพูดส่อเรื่องใต้สะดือของเซฮุนสักที ถ้าลู่หนานมาได้ยินเข้ามีหวังได้มีนองเลือดกันอีกรอบแน่ๆ ทุกวันนี้ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างน้องชายของเขาและคนรักจะดีขึ้นมาก แต่ก็ไม่ดีขึ้นร้อยเปอร์เซ็นเลยเสียทีเดียว มีบางทีที่ลู่หนานแอบแขวะเซฮุนบ้าง พอเข้าใจว่าคงจะแขวะกันเล่นๆ ตามประสาผู้ชายเหมือนกัน หากพอถึงตอนจบทีไรพ่อจะต้องท้าต่อยกันทุกครั้งเรื่อยไป ฝั่งหนึ่งก็ต่อปากต่อคำได้เพราะอยู่ไกล อีกฝั่งหนึ่งก็ทำท่าจะบินมาฉะกันให้ได้ถึงที่
“ เขินก็พูดว่าเขินเถอะครับ หึหึ ”
ร่างสูงปลีกตัวออกไปหยิบกุ้งที่ถูกละลายน้ำแข็งไว้ในซิงค์ล้างจานด้วยรอยยิ้ม ลังเลใจที่จะแตะมันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็มีมืออีกคู่ที่คุ้นเคยยื่นเข้ามาช่วยสอนบทเรียนการแกะกุ้งครั้งแรกให้อย่างไม่รังเกียจ เสหน้ากลับไปดูหม้อแกงก็พบว่ามันถูกหรี่ไฟไว้เรียบร้อยแล้ว
“ เวลาแกะกุ้งต้องระวังกรีที่หัวกุ้ง มันแหลม แทงมือแล้วจะปวด ส่วนเปลือกข้างนอกเนี่ยให้เลาะออกให้หมด ทางที่ดีถ้าเราดึงขามันออกก่อนเนี่ย จะแกะได้ง่ายขึ้น แต่อย่าเผลอดึงเปลือกตรงหางมันนะ หางมันจะขาด แล้วเวลาเอาไปทอดมันก็จะไม่สวย ”
พูดไป ทำให้ดูไปด้วยความคล่องแคล่ว ไม่ได้เหลียวกลับมาดูเลยว่าลูกศิษย์คนเก่งมองอย่างอื่น ไม่ได้มองมือตัวเองเลยแม้แต่น้อย ด้วยความที่ส่วนสูงของเขาและพี่ชายตัวเล็กค่อนข้างต่างกันมาก มุมนี้จึงดีจนอยากเข้าไปคว้ากล้องโพลารอยด์ออกมาถ่ายรูป
“ ยากอะ ผมว่าแกะกระดุมเสื้อ แกะกระดุมกางเกงพี่ยังง่ายกว่าเลย แถมยังไม่ต้องกลัวบาดมือด้วยนะ ไม่ต้องไว้หางอะไรให้มากความ แกะเสร็จหมดแล้วก็กินได้เลยไม่ต้องผ่านกรรมวิธีทำให้สุก ”
อย่างไรคนขี้แกล้งก็ยังยืนยันที่จะแกล้ง ให้คนตัวเล็กยิ่งแสดงแก้มแดงๆ ออกมาให้เห็นหนักขึ้นไปอีก
“ ถ้าพูดอีกทีก็ไม่ต้องกินมันแล้วแกงกะหรี่ แกะให้หมดเลยนะ เดี๋ยวพี่ไปผสมแป้งเทเกล็ดขนมปังใส่ถาดกลับมาไม่เสร็จล่ะก็... กินแกงกะหรี่มังสวิรัติเป็นมื้อเย็นไปเลย ”
“ คร้าบๆ... โถ พูดเล่นแค่นี้ต้องทำเป็นโกรธ แถมยังโหดกลบเกลื่อน เมียใครเนี่ย น่ารักจริงๆ เลย หืมมม ”
อยากจะบีบแก้มใสๆ นั้นแรงๆ แต่ติดที่ว่ามือเลอะมันกุ้งทั้งสองข้างเซฮุนก็เลยไม่ได้ทำตามใจ เขาใช้ความตั้งใจทั้งหมดในการแกะกุ้งตามวิธีที่ผ่านเข้ามาในหัว บางตัวเนื้อหัวก็ถูกริดออกไปเยอะ บางตัวก็ไม่ได้ไว้หางตามคำสั่ง ลู่ฮานรู้สึกเหมือนกำลังสอนเด็กเล็กๆ ถึงมันจะไม่ดี แต่ก็ไม่แย่เกินไปในครั้งแรก สองในสามตัวจะเป็นกุ้งที่แกะอย่างถูกต้องตามที่เขาได้สั่งไว้ ใบหน้าของเซฮุนในยามตั้งใจจะทำอะไรบางอย่างดูน่าเก็บเอาไว้เป็นภาพนิ่ง ความจริงแล้วตั้งแต่กลับมาที่เกาหลี ลู่ฮานก็ไม่ได้เขียนไดอารี่เพิ่ม ไม่ได้มีโอกาสแอบเก็บภาพน้องด้วยกล้องในมุมต่างๆ ตอนหลับก็ถูกพันธนาการ ทำให้ลุกไปหยิบกล้องมาถ่ายไม่ได้เหมือนเคย
ร่างเล็กตัดสินใจวางถุงเกล็ดขนมปังไว้บนเคาน์เตอร์ ล้างไม้ล้างมือและเช็ดมันให้แห้งด้วยผ้าที่วางไว้แถวๆ นั้น เรียวขาเล็กภายใต้กางเกงสแล็คสีดำพาตัวเองเข้าไปในส่วนของห้องนอน เปิดตู้เก็บของหลังเล็กหยิบเอากล่องใส่กล้องโพลารอยด์สีฟ้าสดใสออกมาพร้อมกับฟิล์มใบใหม่ บรรจุใส่ตัวกล้องแล้วก็ลองส่องที่ช่องมองเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อย แผ่นหลังขนาดใหญ่ที่มักจะให้ความอบอุ่นคือภาพแรกที่ถูกบันทึกไว้โดยฝีมือของคนตัวเล็ก ลู่ฮานสะบัดภาพด้วยความรวดเร็วจนมันขึ้นเป็นสีครบถ้วน เขาเดินอ้อมมายังพื้นที่ว่างข้างๆ คนตัวสูง กดชัตเตอร์เก็บภาพที่ถือว่าดูดีมากๆ เก็บไว้พร้อมกับรอยยิ้มอันแสนน่ารัก โอเซฮุนในมาดพ่อบ้าน ดวงตาเรียวคมจดจ้องมองอยู่กับตัวกุ้งที่ถูกลอกเปลือกไปกว่าครึ่ง สันจมูกโด่งทำมุมจนเกิดเงาตกกระทบทอดยาวไปยังใบหน้าฝั่งซ้าย
ลู่ฮานดูภูมิใจกับภาพที่ตัวเองถ่ายได้จนเซฮุนอดจะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ เขาปล่อยให้ร่างเล็กสนุกกับกล้องไปเช่นนั้นโดยที่ตัวเองก็ยังคงแกะเปลือกกุ้งอยู่ ไอความรักลอยฟุ้งปกคลุมรอบตัวคนทั้งคู่ รู้สึกเหมือนกันไหมว่าแม้สองคนนี้จะยังไม่แต่งงานกันแต่พวกเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนคู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันอยู่ตลอด
“ จะเอาไปแปะในไดอารี่หรือครับ ? ”
ลู่ฮานแทบทำกล้องตกพื้นเมื่อได้ยินประโยคนั้นหลุดรอดออกมาจากปากของคนรัก ความลับที่กักเก็บมานานแสนนานถูกเปิดเผย คิดว่าตัวเองซ่อนจนมิดแล้วแต่ก็ยังไม่วายถูกเจอจนได้
“ เซฮุนรู้หรือ ? ” ถามออกไปพร้อมกับแก้มเจือสีระเรื่อ
“ รู้ครับ ” ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ เปิดอ่านมันด้วยใช่ไหม... ”
“ ถ้าไม่เปิดก็คงไม่รู้ใช่ไหมล่ะครับว่าพี่แอบถ่ายรูปผม ดังนั้น ถูกแล้วครับ ผมเปิด ”
“ ย๊า!!! ”
ไม่รู้จะเอาตัวเองไปไว้ตรงไหนในห้อง น้องรู้แล้วและเขาก็เขินจนหน้าเห่อร้อนไปหมด
“ รู้ไหมว่างานวันรับปริญญา ผมหวังให้พี่มาแต่ผมก็ไม่เห็นพี่ พ่อไม่อยู่ พี่ไม่อยู่ มีแต่แม่กับนม ผมหงุดหงิด น้อยใจ คิดว่าพี่ไม่สนใจผมเหมือนกับที่พ่อทำไปเสียแล้ว ”
ดวงจากลมโตช้อนมองดวงตาสีนิลของน้องชายที่จำได้ว่ามันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็น เขาเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าไม่สบอารมณ์ของน้อง เป็นหนึ่งในเหตุผลที่น้องไม่ยิ้ม ไม่มีความสุขในวันรับปริญญา “ พี่ไม่คิดว่าเซฮุนจะดีใจถ้าพี่ไป... ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้เราไม่มีความสุข ”
ร่างสูงกดยิ้มกว้าง บิดก๊อกปล่อยน้ำให้ชำระล้างคราบคาวที่ติดอยู่บนมือจนสะอาด ใช้ก้านนิ้วยาวๆ คีบปลายจมูกแดงๆ นั้นเอาไว้ด้วยความหมั่นเขี้ยว อันที่จริงเขาก็ไม่ได้น้อยใจอะไรมากหรอก เอาเข้าจริงวันนั้นถ้าลู่ฮานมาก็คงไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ต้องดีใจจนกลั้นยิ้มไม่ได้แน่ๆ
“ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันแล้วไปเถอะครับ แค่วันนี้ผมมีพี่เป็นรอยยิ้ม เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ผมก็ไม่รู้จะขอบคุณพี่ยังไงแล้ว มาเถอะคนดี วางกล้องแล้วเราไปทำกับข้าวต่อกันนะ ผมหิวแล้ว ”
ลู่ฮานยิ้มให้กับคนตรงหน้า อยากตอบกลับไปว่าพี่ก็ขอบคุณเราเหมือนกันแต่ก็รู้สึกได้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา อะไรหลายๆ อย่างบอกให้เชื่อเช่นนั้น และเขาก็เชื่อมันมาโดยตลอด ร่างเล็กวางกล้องลงบนเคาน์เตอร์ ทำใจกล้ายืดตัวเกาะบ่ากว้างประทับจูบข้างแก้มกร้านเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนกลับตัวเดินหน้าตั้งไปยืนหน้าหม้อ ยกตะบวยชิมรสแกงอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจแล้วก็ปล่อยให้ไฟอ่อนๆ อังมันทิ้งไว้เช่นนั้น
ร่างเล็กเทเกล็ดขนมปังและผสมแป้งชุบทอดแยกเอาไว้ ผละออกมาเอาเหล่ากุ้งไปทำตามกรรมวิธีอย่างที่มันสมควรเป็นโดยมีลูกมือสุดหล่อคอยรบกวนอยู่ข้างๆ เซฮุนก็ช่วยเอากุ้งลงทอดบ้างแต่ทุกครั้งก็ล้วนแต่โดนน้ำมันแตกใส่ สุดท้ายคนทำไม่เป็นก็พ่ายแพ้ซมซานไปนอนซบกับแขนคอยอาหารอยู่ที่โต๊ะ ความจริงแล้ววิธีทำมันก็ไม่ได้ยุ่งยากชวนเสียเวลาหรอก ที่มันยากน่ะคือการใส่ใจลงไปในอาหารต่างหาก
สิบนาทีหลังจากนั้นมื้ออาหารเย็นก็สำเร็จ เบ็ดเสร็จกว่าจะได้ตั้งโต๊ะก็เกือบปาไปสามทุ่ม แกงกะหรี่รสนุ่มลิ้นถูกเสริฟพร้อมกับข้าวร้อนๆ และกุ้งทอดตัวโต ทุกเมนูที่ผ่านการทำโดยลู่ฮาน เซฮุนว่ามันอร่อยและเติมพลังให้เขาได้เสมอ ราวกับความเหนื่อยล้าที่ถูกสั่งสมมานานได้ถูกปลดออกไปโดยง่าย ยิ่งมีคนน่ารักคอยนั่งเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ยเหมือนเด็กอยู่ข้างๆ ยิ่งเป็นมื้ออาหารที่น่าประทับใจ ไม่ได้หรูหรา ไม่ได้ราคาแพง มีเพียงแค่เขาและคนที่เขารักอยู่ด้วยกันเท่านั้นมันก็คุ้มค่ากับการโดนน้ำมันแตกใส่จนปวดแสบปวดร้อน ทุกรอยยิ้ม ทุกถ้อยคำถูกส่งผ่านสายตาที่เปรียบเสมือนดวงใจ หากใครพอจะมีหัวใจที่บริสุทธิ์พอก็คงจะเข้าใจว่า พวกเขากระซิบคำว่า “ รัก ” ให้กันและกันมาโดยตลอด
---
“ เช็ครายรับของวันที่หนึ่งถึงวันที่ยี่สิบให้ผมอีกครั้งด้วย ฝ่ายขายส่งยอดรวมให้ผมก่อนสามโมงเย็น ใครเคลียร์ยอดไม่เสร็จผมอนุญาตให้นำไปทำต่อที่บ้านได้ แต่พรุ่งนี้ผมต้องเห็นรีพอร์ตของทั้งแผนกมาวางที่โต๊ะทำงานก่อนแปดโมงครึ่ง ” ผู้บริหารแสดงความใส่ใจกับลูกจ้างโดยการตามทวงงานถึงแผนก เข้าสู่โค้งสุดท้าย ทุกคนเลยต้องทำงานกันหัวหมุน “ ฝ่ายการตลาด ตรวจกราฟทุกสาขาอย่างละเอียด พรุ่งนี้นำขึ้นเสนอผมในห้องประชุมใหญ่อย่างครบถ้วน ถ้าผมรู้ว่าขาดไปแม้แต่จุดเดียวผมคงต้องพิจารนาหาพนักงานใหม่มาแทนที่พวกคุณ เข้าใจตรงกันนะครับ ”
เซฮุนสั่งงานทุกแผนกจนครบถ้วน ก่อนจะเดินวนกลับมายังห้องทำงานของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า แทบบ้าเมื่องานทั้งเดือนสุมมะรุมมะตุ้มกองรวมกันจนเขาสะสางจนแทบไม่หมด อีกไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงผลสรุปงานประจำเดือนก็จะมาแล้ว แถมพ่อก็ยังขยันสร้างความกดดันโดยการลงมาพักผ่อนที่เกาหลีเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ท่านทำตัวสบายๆ เหมือนถือไพ่ตายใบสุดท้ายอยู่ในมือ ไม่หือไม่อือเกี่ยวกับรายได้ของบริษัทที่พุ่งสูงจนน่าประทับใจ หุ้นทุกตัวในตลาดถีบราคาขึ้นมาจนใครต่อใครก็ใคร่จะมีไว้กับตัว อิทธิพลส่วนใหญ่ส่งผลมาจากโครงการเพื่อจิตสาธารณะต่างๆ ผู้คนจำนวนมากเทใจให้รีสอร์ทในเครือทุกสาขาเพราะนอกจากจะได้พักผ่อนแล้ว ยังได้ทำความดีอีกต่างหาก
“ บอสคะ คือฮโยซองลองทำรีพอร์ทคร่าวๆ มาให้ดูค่ะ เห็นว่าคุณต้องการแค่รายรับของวันที่หนึ่งถึงยี่สิบ พอดีดราฟคร่าวๆ เอาไว้ ลองดูไหมคะ เผื่อจะได้ไม่ต้องรอพนักงานด้านนอก ”
ยังนั่งหย่อนใจไม่ถึงสิบวินาที แม่เลขาตัวดีก็เสนอตัวมาถึงที่ ทีงานไม่ใช่ของตัวน่ะทำดี ไอ้ที่มีหลายต่อหลายงานที่มอบหมายไปแล้วคั่งค้าง เจ้าหล่อนก็ทำเมินเฉยราวกับไม่รู้สึกว่ามันมีอยู่ เซฮุนเบื่อบุคลากรประเภทนี้ ถ้าถูกปล่อยไปทำงานกับภาครัฐมีหวังก็นั่งกินนอนกินเงินเดือนสบายอยู่อย่างเดียว
“ ผมต้องการรายละเอียด ก็ชี้แจงไปแล้วไม่ใช่หรือครับ อีกอย่างก็ไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น ไม่ลำบากคุณหรอก จอนฮโยซอง ”
“ นี่มันก็ละเอียดแล้วนะคะ บอสลองดูก่อน ”
หล่อนเดินอ้อมโต๊ะตัวโตมาหยุดยืนอยู่ข้างเก้าอี้นวมของผู้บริหาร โน้มกายลงมาจนปอยผมสีน้ำตาลอ่อนระอยู่บนหัวไหล่ ค่อนข้างน่าอึดอัดใจไม่น้อยที่อยู่ในท่าล่อแหลมเช่นนี้ นิ้วเรียวยาวของหญิงสาวเกี่ยวปกหนาของแฟ้มให้เปิดออก กรีดปลายเล็บตามตัวหนังสือที่ตั้งใจปั้นขึ้นมานำเสนอบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กุมตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดในสาขา
“ นี่ของสิบวันแรกค่ะ เป็นกราฟอย่างที่บอสอยากได้ ฮโยซองลอ.... ”
ประโยคดังกล่าวถูกขัดจังหวะโดยเสียงประตูบานใหญ่ที่ถูกเปิดออก ร่างของคนตัวเล็กน่ารักที่ได้อภิสิทธิ์หยุดงานเนื่องด้วยที่ร้านจัดฉลองวันเกิดให้ผู้จัดการสาขายืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกระเป๋าเก็บความร้อนบรรจุกล่องอาหารเที่ยง ลู่ฮานมาที่นี่เพื่อหวังจะเซอร์ไพรส์ให้น้องดีใจ แต่ตัวเองกลับมาเจออะไรที่เซอร์ไพรส์เสียยิ่งกว่า เขาไม่โทษน้องหรอก ความจริงเรื่องนี้เราเคยคุยกันมาหลายต่อหลายรอบแล้ว เซฮุนมักจะพูดให้ฟังเสมอว่าเลขาที่ทำงานทำตัวไม่ค่อยเรียบร้อย อยากจะไล่ออกแต่ก็เห็นว่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ปล่อยให้ผู้บริหารคนต่อไปเขาตัดสินใจดีกว่าว่าจะทำอย่างไรกับหล่อนดี ก็นั่นล่ะ ลู่ฮานก็เคยคิดภาพนะ แต่คิดไม่ถึงหรอกว่ามันจะหนักหนาขนาดนี้ แทบจะเอาหน้าอกมาเกยไหล่คนรักของคนอื่นเขา มันใช่ได้กันเสียที่ไหน
“ ลู่ฮาน... ”
“ เซฮุน พี่เอาข้าวกลางวันมาให้ ”
ยังคงยิ้มราวกับไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ในใจก็น้อยใจอยู่ไม่น้อย ร่างเล็กเคลื่อนกายมายังบริเวณหน้าโต๊ะแล้วก็วางกระเป๋าใบใหญ่ลง
“ ไม่ยักรู้ว่าปรึกษางานกันอยู่ ขอโทษนะที่ผลีผลามเข้ามา คงไม่โกรธพี่ใช่ไหมเซฮุน คงไม่โกรธผมใช่ไหมครับคุณฮโยซอง ? ”
“ ไม่ค่ะ ดิฉันก็ไม่ทราบมาก่อนว่าบอสจะมีแขก ”
“ อา... ครับ... งั้นพี่กลับก่อนดีกว่า เจอกันที่บ้านนะเซฮุน ”
ตั้งท่าหันหลังจะเดินจากไป แต่เกมดันไม่เป็นเช่นนั้น
“ เดี๋ยวครับ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน ” เซฮุนเรียก “ คุณฮโยซอง ผมขอบใจในความหวังดีของคุณมาก แต่ตอนนี้ผมไม่ต้องการ เชิญออกไปได้ครับ ” เอ่ยตัดความหวังของหญิงสาวอย่างไร้ใยดี อยากได้เวลาพูดทำความเข้าใจกับลู่ฮานเพราะหากเดาไม่ผิดคนตัวเล็กต้องรู้สึกน้อยอกน้อยใจอยู่เป็นแน่
“ แต่บอสคะ... ”
“ ผมขอเวลาส่วนตัวอยู่กับว่าที่ภรรยาผมด้วยครับ เลขาฮโยซอง ”
สุดท้ายเจ้าหล่อนก็จำต้องล่าถอยออกไป เพราะน้ำเสียงแข็งๆ ของเซฮุนนั้นเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาหน่อยแล้ว ร่างสูงเดินตามประกบไปไม่ได้ห่าง คล้อยหลังร่างของหล่อนไปเขาก็ลงกลอนล็อคไม่ให้ใครเข้ามารบกวนได้อีก อ้อมแขนใหญ่เอื้อมไปคว้างร่างเล็กเข้ามาขังในอ้อมกอด เหลือบมองใบหน้าน่ารักที่นิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไรแล้วก็ใจเสีย ลู่ฮานไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยก็จริง แต่เมื่อไหร่ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่เขาแคร์แล้วล่ะก็ แผนผังความคิดขนาดใหญ่จะแตกกระจายไปทั่วทุกแขนงในหัว
“ คิดอะไรอยู่หรือครับ หืม ”
“ เปล่าหรอก... กินข้าวเถอะเซฮุน ” ทำท่าขืนตัวจะหนีจากอ้อมแขน
“ อย่าปิดบังกันได้ไหม ” ไม่สำเร็จเมื่อพยายามหนีเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกกักขัง ลู่ฮานถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า สกัดกั้นความคิดบ้าๆ ภายในหัวแต่มันก็ไม่ยอมหยุดเสียที
“ พี่....แค่คิดว่าเซฮุนกับเธอเหมาะสมกันดี ”
ร่างสูงเองก็ผ่อนลมหายใจ ความเดียงสาของลู่ฮานบางครั้งมันก็น่ารัก หากแต่บางครั้งมันก็สร้างปัญหาให้กับเจ้าตัวเองไม่น้อย เขาคลายอ้อมกอดนั้น สอดมือประคองแก้มนุ่มนิ่มให้ระดับสายตาของคนตัวเล็กตรงกับสายตาของตน วาดยิ้มบางเบาคลายความคลางแคลงใจ ทดแทนให้ลู่ฮานด้วยสิ่งใหม่ที่ชื่อว่าความมั่นใจในตัวเอง
“ ของบางสิ่งบางอย่างที่เราคิดว่ามันเหมาะกับเรา บางครั้งมันก็ไม่เหมาะกับเราเสมอไปหรอกครับ อย่างถ้าเรามองผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาแสบสะเด็ด ชนิดที่ว่าถ้าจับแต่งหน้าแต่งตัวเข้าหน่อยแล้วเธอคงเหมาะกับลุคสาวเปรี้ยวเข็ดฟัน แต่ถ้าเราลองแต่งหน้าให้เธอเป็นสาวหวานใสๆ มันอาจจะเหมาะกว่าลุคแรกก็ได้ จริงไหมครับ ? ” ปลายนิ้วละเลียดไล้ข้างแก้ม ได้รับคำตอบจากแววตาคู่นั้นแล้วจึงเริ่มพูดต่อ
“ พี่อาจมองว่าเธอเหมาะกับผม อาจมองว่าผู้หญิงทั้งโลกคือคู่ครองที่เหมาะสมกับลูกชายคนเดียวของตระกูลโอเลยก็ได้ แต่พี่เคยถามเขาไหมว่าเขาต้องการอะไรในตอนนี้ ? ผมดีใจมากตอนงานวันแถลงข่าว พี่พูดว่าต่อให้เอาผู้ชายทั้งโลกมากองตรงหน้าพี่ก็จะไม่รักใครนอกจากผม รู้ไหมครับ ผมก็อยากบอกพี่เหมือนกัน ว่าต่อให้เอาผู้หญิงทั้งโลกมากองไว้ตรงหน้าผม ผมก็จะไม่รักใคร นอกจากพี่ ”
ความหมายทั้งหมดทั้งมวลที่เซฮุนพยายามสื่อหาได้ออกมาแต่ทางคำพูดไม่ เขาส่งมันมาผ่านสายตาด้วยส่วนหนึ่ง ลู่ฮานให้ความรักกับเซฮุน และเซฮุนตอบแทนความรักนั้นด้วยสิ่งเดียวกันแต่ทว่ามากกว่า “ ฟังนะครับ ผมรู้ว่ามันน่าเบื่อที่จะต้องพูดอะไรแบบเดิมซ้ำๆ หลายๆ หน แต่จนกว่าพี่จะเข้าใจ ผมจะพูดให้พี่ฟังเรื่อยๆ , ผมไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนที่ตอบโจทย์ชีวิตของผมได้เพียงเพราะมีใครมาบอกว่าเธอเหมาะสมกับมัน ผมต้องการแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ทำหน้าที่แทนพ่อ แทนแม่ แทนเพื่อนของผมมาโดยตลอด ต้องการแค่เขาคนที่บางคราก็ถูกต่อว่าร้ายๆ แต่ก็ไม่เคยหนีหายไปไหน ต้องการแค่เขา เขาคนเดียวที่รู้และเข้าใจว่าตัวตนที่แท้จริงของผมเป็นยังไง แค่เขาคนเดียวจริงๆ... ”
เซฮุนเหมาะสมกับคำว่าผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วในตอนนี้ ทั้งวิธีพูด วิธีคิด และวิธีการเอาชีวิตรอดในสังคมแบบต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นทักษะของคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งนั้น ขณะที่ความซาบซึ้งลอยตัวอยู่รอบๆ คนทั้งคู่ และพวกเขากำลังจะมีช่วงเวลาดีๆ ต่อกัน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ร่างสูงหัวเสียไม่น้อย ทำท่าจะไม่ไปเปิดประตูแต่ลู่ฮานก็ห้ามเอาไว้ บางทีเลขาฮโยซองอาจมีเรื่องด่วนเข้ามาก็ได้ใครจะไปรู้ เซฮุนจึงยอมอ่อนข้อเดินไปเปิดประตูรับแขกจนได้ บุคคลที่อยู่หลังบานประตูสร้างความแปลกใจให้ทั้งคู่ไม่น้อย เพราะหล่อนไม่ใช่จอนฮโยซอง แต่เป็นท่านประธานโอจีฮุนผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของบริษัทโอคอเปอเรชั่นแห่งนี้
“ พ่อมาที่นี่ทำไม ” เขาว่า ถอยหลังกลับมายืนข้างคนรักตัวเล็กแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าให้เต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“ พ่อคิดว่าบางทีเราก็คงไม่ต้องรออะไรอีกต่อไปแล้ว ”
“ พ่อพูดอะไร ? หมายความว่ายังไง ? ” ท่านประมุขดูใจเย็นกว่าที่เซฮุนคิด “ จะมาเล่นแง่อะไรกับผมอีก ” ฝ่ายหนึ่งร้อน อีกฝ่ายหนึ่งเย็น ร่างเล็กเองก็ได้แต่มองหยั่งเชิงทั้งคู่เอาไว้ เผื่อเกิดอะไรจะได้ห้ามได้ทันท่วงที
“ พ่อเขาก็หมายความตามที่เขาพูด มันจะเข้าใจยากตรงไหน หืม โอเซฮุน ”
“ คุณแม่! ” ลู่ฮานลืมทุกอย่างภายในเสี้ยววินาที ถลากายเข้าไปหาแม่บุญธรรมที่ตนเองไม่ได้พบหน้ามานานแสนนานด้วยความคิดถึง อ้อมแขนเล็กกอดรัดเอวบางของท่านเอาไว้ แนบไปหน้าลงไปกับแผ่นอกอุ่น ส่งเสียงออดเสียงอ้อนตามแบบฉบับคนติดแม่ของเจ้าตัว “ ไม่ได้เจอคุณแม่ตั้งนาน คิดถึงจังเลยครับ ”
“ แม่ก็คิดถึงลูกจ้ะ เป็นไง อยู่กับเซฮุนสบายดีไหมลูก ? โดนน้องรังแกหรือเปล่า แล้วกินข้าวบ้างไหมเนี่ย ? แม่ว่าลูกผอมลงนะ ”
นางฟ้าของครอบครัววาดยิ้มน่ารัก พยักหน้ารับพร้อมตอบเสียงใส “ สบายดีครับคุณแม่ ผมไม่โดนน้องรังแกหรอก ส่วนข้าวก็กินครบบ้างไม่ครบบ้าง เลยเป็นอย่างที่คุณแม่เห็นเนี่ยล่ะครับ ”
“ มีแม่แล้วลืมม๊าหรือเปล่าลูก ” เสมือนกับว่าวันนี้เป็นวันรวมญาติ คุณนายอู๋เองก็มาคู่กับประมุขตระกูลอู๋เช่นกัน ลู่ฮานผละออกไปกอดเอาอกเอาใจผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดาแท้ๆ ตั้งแต่ทำเรื่องกลับไปใช้สกุลเดิมเสร็จสิ้นก็ไม่ได้เจอหน้าท่านอีก ส่วนปาป๊า รายนั้นไม่เคยได้พบหน้ากันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ลู่ฮานเคยแต่ได้ยินเสียงของท่าน วันนี้พอได้พบกันก็เลยพูดอะไรแทบไม่ออก ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีมีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับคริสเหมือนปูนปลาสเตอร์พิมพ์บล็อกเดียวกัน ( ต้องพูดว่าคริสเหมือนพ่อสิถึงจะถูก ) ทั้งรูปร่าง หน้าตา ท่าทาง รวมถึงนิสัยถ้ามองจากการคุยกันทางอุปกรณ์สื่อสาร ป๊าไม่ได้ดูเคร่งเครียดตลอดเวลาเหมือนคุณพ่อ แต่ก็มีส่วนที่เหมือนกันคือไม่ค่อยจะมีเวลาให้ครอบครัวสักเท่าไหร่
“ มาม๊า จะมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะครับ ”
“ มาแล้วบอกลูกก็เรียกไม่ได้สิว่าเซอร์ไพรส์ อย่ามัวแต่กอดแม่เลย ป๊าเขางอนแย่แล้ว เราไม่ยอมกลับไปหาเขาเลย ป๊าเขาก็บ่นทุกวัน ” ปลายนิ้วละเอียดบิดเนื้อข้างแก้มเบาๆ ด้วยความรัก ส่งลูกให้กับคนเป็นพ่อที่ยืนปั้นหน้าอยู่นานสองนานได้รับช่วงต่อ
ลู่ฮานยิ้มเผล่ ระเห็จไปกอดบิดาแท้ๆ เสียเต็มรัก อยากเจอหน้าท่านมาตั้งนาน อยากกราบท่านด้วยความเคารพหากแต่ก็ได้ยินแค่เสียง วันนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ได้เจอท่านพร้อมๆ กันกับที่ได้เจอคุณพ่อ ประเดี๋ยวก็ต้องมีเรื่องกันระหว่างพ่อกับลูกคู่นู้นอีก เขาไม่อยากให้น้องดูแย่ในสายตาบุพการีทั้งสอง
“ ป๊าคิดถึงลูกมากเลยรู้ไหม ทำไมไม่ไปหาป๊าบ้าง เห็นแต่หน้าลู่หนาน มันน่าเบื่อมากนะลูก รู้ไหม ? ป๊ามีลูกแฝด ป๊าอยากให้ลูกๆ ของป๊าอยู่กันพร้อมหน้า แต่ลูกน่ะ หนีมาอยู่กับคู่หมั้น ป๊าน้อยใจจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว... ” ตระกองกอดลูกรักเอาไว้ด้วยสองแขน กดจมูกเบาๆ ลงบนพวงแก้มของบุตรชายที่เคยได้พบหน้ากันเมื่อยี่สิบเจ็ดปีก่อน ในที่สุดตระกูลอู๋ก็เป็นครอบครัวที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ ไม่ขาดอะไรอีกต่อไปแล้ว เว้นเสียแต่ลูกๆ ที่ยังไม่ได้ออกเรือนอยู่สองคน ลู่หนานหนึ่งคนที่อีโก้สูง ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีใครเขาเอาไปทำสามีหรือภรรยาไหม ส่วนอีกคนหนึ่งคนเป็นพ่ออย่างหยางเซิงก็พอเบาใจ ที่ลู่ฮานได้คนดีๆ อย่างโอเซฮุนมาดูแล
“ ยังไม่ได้หมั้นกันนะครับป๊า ”
“ เอ้อ ป๊าลืมไป เดี๋ยวเราก็ได้แต่งกันแล้วนี่ ”
“ ป๊าก็พูดไปครับ... ” ลู่ฮานแก้มแดงเป็นลูกตำลึงสุก รู้กันทั่วไปหมดแล้วว่าเขากับน้องจะแต่งงานกัน ทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจว่าคุณพ่อจะอนุมัติให้แต่งไหม
“ เอาล่ะ จะให้พ่อพูดได้หรือยัง ไม่งั้นมันจะช้าไปมากกว่านี้นะลูก ”
โอจีฮุนที่เงียบอยู่นานตัดบท เขาไม่อยากให้อะไรมันล่าช้าเพราะของที่เตรียมการมามันเริ่มจะร้อนมือแล้ว ชายวัยกลางคนกระแอมไอ ก่อนจะยืดตัวให้อกผายดูมีอำนาจ ถ้อยคำมากมายที่กำลังจะพูดต่อไปนี้ไม่รู้ว่าพอเขาถ่ายทอดไปจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ แต่อยากให้ทุกคนรู้ไว้ว่านี่คือความรู้สึกข้างในของคนเป็นพ่อที่ตระหนักอยู่ในอกมาโดยตลอดว่าทำผิดต่อลูกชายคนเดียวอันเป็นที่รัก เขาจับจ่ายเวลาให้กับเศษเงินตราที่ไม่รู้ว่าจะหมดค่าไปวันไหน หลงระเริงกับงานเลี้ยงขนาดใหญ่ที่จัดร่วมกับหุ้นส่วน ละทิ้งชีวิตที่แสนมีความสุข เดินบนทางเดินที่เต็มไปด้วยความทุกข์มาไม่รู้กี่รอบ
“ เซฮุน ก่อนอื่น... พ่อต้องขอโทษแก สำหรับทุกๆ อย่างที่พ่อทำกับแกไว้ ไม่ว่าจะในอดีต หรือปัจจุบัน พ่อทำมันโดยไม่ได้คิดถึงใจของแกเลย ” ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสำนึกผิดอย่างสุดซึ้ง “ พ่อรู้ดีว่าแกรักลู่ฮานมากขนาดไหน รู้ดีว่าแกอยากใช้ชีวิตอยู่กับพี่เขา แต่ไม่ มันยังไม่ถึงเวลาที่แกจะเริ่มต้นชีวิตกับใคร เพราะพ่อรู้... ”
“ พ่อเอาอะไรมาตั... ” คนลูกทำท่าจะโวยวาย
“ เซฮุน หยุดฟังพ่อเขาก่อน แม่ขอร้องล่ะลูก ” แต่คนแม่ก็ใช่คำพูดประกาศิตสะกดไว้เสียก่อน
“ แกกับพ่อน่ะ เหมือนกันอย่างกับแกะ ใครๆ เขาก็บอกพ่อแบบนั้น , แต่แกคงไม่รู้ เพราะพ่อไม่เคยพาแกไปออกงานสังคม ดุดัน โมโหร้าย ขาดสติยั้งคิด ทำอะไรก็ไม่ค่อยพิจารณากลับหน้ากลับหลัง แกเป็นแบบนั้นทุกอย่าง ซึ่งพ่อเองก็เป็นเหมือนกัน และพ่อก็พลาดมาแล้ว ”
มือคู่ที่เคยอุ้มชูลูกน้อยไว้สั่นเทาเหลือเกิน
“ พ่อละเลยลูก ละเลยแม่ ไม่เห็นความสำคัญของคำว่าครอบครัวจนกระทั่งพ่อได้เสียมันไป วันที่พ่อลงแรงตบแก พ่อก็เสียใจ เหมือนมีทั่งอันใหญ่ถ่วงพ่อให้จมลงน้ำ มันหายใจไม่ออก จุกไปหมด ลู่ฮานก็เอาแต่กรีดร้อง แม่แกก็เอาตัวมากันไว้ พ่อรู้สึกว่านั่นคืออะไรที่พ่อจะไม่มีวันได้รับจากแกเลย ไม่มี พ่อเสียแกไปแล้ว เสียลูกชายที่น่ารักที่สุดของพ่อไปโดยที่ไม่มีวันหวนคืน ”
ยิ่งนึกถึงเท่าไหร่หัวใจก็ยิ่งเจ็บปวด เสมือนว่าใครมากรีดเอาหัวใจเขาออกไปย่ำยีนอกอก
“ พ่ออยากให้แกรู้ว่าพ่อเสียใจมาก และพ่อก็รักแกมาก ไม่ว่าแกจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ พ่อทดสอบความอดทนของแก ซึ่งแกก็ทำได้ พ่อภูมิใจในตัวแกเสมอ ภูมิใจไม่ว่าแกจะเป็นอะไรในสังคม นายแบบ นักธุรกิจ หรือเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่โหยหาความรักจากพี่ชายตัวเองตลอดเวลา แกโกรธพ่อมากพอรู้ว่าพ่อแทรกแซงการทำงานของแก เอาเงินของแกไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่พ่ออยากให้แกรู้ไว้ว่าพ่อทำไปก็เพื่อสำรองไว้ เผื่อแกจะเอามันไปสู่ขอลู่ฮานกับพ่อแม่ของเขา พ่อกลัวไปหมด กลัวว่าแกจะไม่พร้อม กลัวว่าแกกับลู่ฮานจะไปกันไม่รอด ”
ความห่วงใยของผู้เป็นพ่อเริ่มเปิดเผยให้เห็นทีละน้อย ลู่ฮานไม่อาจกลั้นน้ำตาได้เมื่อรู้ว่าเบื้องหลังหน้ากากแห่งความเฉยชา เต็มไปด้วยความรักและความหวังดี
“ พ่ออยากให้แกใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เพราะพ่อรักแกกับพี่เขามาก พ่อไม่หวังหรอกว่าแกจะรู้สึกพิศวาสพ่อขึ้นมาหลังจากพ่อพูดทุกอย่างจบ พ่อเสียแกไปแล้ว และนี่คือสิ่งทดแทนที่พ่อพอจะมอบให้แกได้ พ่อถึงบอกว่าไม่ต้องรออะไร... จะแต่งงาน ก็แต่งเถอะ ใช้ชีวิตในแบบของแก ออกแบบอนาคตที่ยังยืนให้กับครอบครัวของแก มีความสุขกับลู่ฮาน มีบ้าน มีรถภายใต้กรรมสิทธิ์ของแกเอง ใช้เงินที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของแกให้คุ้ม แล้วอย่าลืมหาหลานให้พ่ออุ้มสักคน พ่อก็ว่าชีวิตของพ่อคุ้มแล้ว ”
ฉากหน้าอาจเป็นชายที่เข้มแข็งและเฉยชาที่สุดในชีวิตของเซฮุน แต่ฉากหลังของโอจีฮุน ก็เป็นเพียงชายที่รู้สึกผิดบาปกับการกระทำของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เขาหันหลังให้กับลูกชาย ด้วยไม่อาจปิดกลั้นน้ำตาของตัวเองได้ สองขาสั่งให้ก้าวออกไป แต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยอ้อมกอดของลูกชายที่เขาคิดมาตลอดว่าสูญเสียไปนานแล้ว เซฮุนไม่เคยรู้ว่าพ่อทำทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อเขา ไม่เคยรู้ว่าพ่อเหนื่อยยากขนาดไหนกับการจับให้เด็กหนุ่มอย่างเขาเดินบนหนทางที่ยั่งยืนและถูกต้อง ไม่เคยรู้ว่าพ่อรู้สึกผิดบาปตลอดเวลาที่เห็นหน้าเขากับแม่ จิ๊กซอว์ชีวิตหลายชิ้นที่เคยหายไป บัดนี้ได้กลับสู่ล็อคของมันอย่างเรียบร้อย ชีวิตครอบครัวอันสมบูรณ์ที่เซฮุนเคยฝันเอาไว้ได้เริ่มต้นขึ้นจากม่านน้ำตาแห่งความรักและความเข้าใจของสองพ่อลูก
“ ผมรักพ่อ... ผมรักพ่อนะครับ ”
เจ็บปวดเหลือเกินกับช่วงเวลาที่ผ่านมา จนไม่อาจกลั้นน้ำตาให้หยุดไหลได้ ร่างสูงทรุดลงนั่งกับพื้น กอดขาทั้งสองข้างของท่านเอาไว้ด้วยความหวงแหน ชีวิตนี้เซฮุนมีพ่อคนเดียว และไม่มีลูกคนไหนที่ไม่รักพ่อ การที่เขาโกรธพ่อก็เพราะลึกๆ แล้ว ตนเองก็ยังโหยหาความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้ตลอดเวลา
“ ขอบคุณครับ.. ขอบคุณที่เข้าใจผม ขอบคุณครับพ่อ ”
พูดได้ว่าคงไม่มีใครอยากให้ตัวเองไม่เป็นที่ยอมรับ พื้นฐานของมันคือการที่ครอบครัวต้องยอมรับในตัวตนเราได้ก่อน ที่ผ่านมาเขาตั้งแง่ว่าพ่อรังเกียจที่เขาเป็นเช่นนี้ จนมองเลยสัจธรรมที่ว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่รักลูกเหมือนกัน ไม่ว่าลูกจะเป็นเช่นไร พิกลพิการ ผิดมนุษย์มนาแค่ไหน ตราบใดที่บุพการีมีหัวใจ ลูกก็คือสิ่งลำค่าสำหรับพวกท่าน
“ แกคือลูกชายที่พ่อภาคภูมิใจที่สุด ”
กอดลูกไว้ ...ให้แน่นที่สุด ก่อนจะไม่เหลือเวลาให้กอดลูก จีฮุนโอบร่างกายอันสูงใหญ่นั้นไว้พลางหวนคิดถึงวันเก่าๆ ครั้งสุดท้ายที่ได้กอดลูก คือตอนที่ลูกยังไม่รู้ประสีประสา แขนทั้งสองข้างของพ่อแทบจะพันรอบตัวลูกน้อยได้ถึงสองรอบ เซฮุนเคยเล่นในอ้อมกอดของพ่อจนหลับไปในทุกๆ คืน แต่ดูเดี๋ยวนี้สิ เขาแทบโอบกอดลูกไม่ได้เสียแล้ว แผ่นหลังเล็กๆ กลายเป็นแผ่นหลังขนาดใหญ่ ร่างกายขนาดเล็กน่ารักได้เติบใหญ่จนกลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว
“ แน่สิครับ... ก็พ่อมีลูกชายคนเดียว ”
พูดไปก็หัวเราะไป เห็นพ่อยิ้มได้ ลูกชายก็เป็นสุขอยู่ลึกๆ
“ แล้วลู่ฮานล่ะ พี่เขาก็เป็นลูกพ่อนะ ? ”
“ ลูกเหมือนกันครับ แต่เป็นลูกสะใภ้นะ ”
ส่งเสียงหัวเราะ ขยิบตา และวาดยิ้มกว้างเมื่อถูกมือกร้านยีผมที่ลงทุนเซ็ทมาตั้งนานนมเสียจนยุ่ง ลู่ฮานมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกมากมายที่ไม่อาจอธิบายได้ ยังไม่ลืมหน้าที่คนรักที่ดีโดยการเดินไปหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาให้น้องกับคุณพ่อ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่ความฝัน พ่ออนุญาตให้เขากับน้องแต่งงานกันได้แล้ว
“ เอ้า... หนังยังไม่จบ รีบซึ้งกันไปไหนลูก ” ถึงคิวสองสาวห้าสิบยังแจ๋วออกโรงเป็นนางเอกกันบ้าง โอซอนมีกวักมือลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ให้เข้ามาใกล้พร้อมกับพยักเพยิดส่งซิกให้มาดามอู๋เอากล่องกำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋า “ เซฮุน ลู่ฮาน.. มาหามาม๊าหน่อยเร็วลูก ”
คู่รักมองวัตถุในมือด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็จำยอมเดินไปหาท่านโดยไม่มีข้อแม้ แม่ๆ มองลูกทั้งสองที่กำลังจะเกี่ยวดองหลอมรวมเป็นทองแผ่นเดียวกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักไม่ต่างกัน “ ม๊ารู้มาว่าลูกยุ่งกันมาก ลู่ฮานก็เอาแต่ทำขนม ส่วนเรา เซฮุน , ก็เอาแต่ปั่นรายได้ให้บริษัท คงไม่มีเวลาเดินหาแหวนแต่งงานกันหรอกใช่ไหมลูก วันก่อนม๊ากับแม่เราก็เลยนัดเจอกัน ไปเดินหาตั้งนานกว่าจะได้อันที่ถูกใจ ”
“ มาม๊า คุณแม่ ! พวกเรารับไว้ไม่ได้หรอกครับ ของราคาแพงขนาดนี้ ” ตามแบบฉบับลู่ฮานคนขี้เกรงใจ พอรู้ว่ามันเป็นอะไรก็ส่ายหัวยิก
“ ชู่ว ผู้ใหญ่ให้ของแล้วปฏิเสธมันเสียมารยาทนะลูก ฟังคนแก่พูดก่อน ” เหม่ยอิงเอ็ด หันไปยิ้มไม่ถือสาให้ซอนมีต้องยิ้มตามแล้วก็ยกหน้าที่ให้เพื่อนได้พูดต่อ “ แม่กับเหม่ยอิงเต็มใจให้ลูก ถือว่าเป็นของขวัญแล้วกันนะ รับไว้เถอะ วันแต่งจะได้ไม่มีปัญหา ไหนพวกเราจะหาสถานที่ คนจัดดอกไม้ อาหาร ชุด พร็อบ อะไรต่อมิอะไรอีก แม่ไม่อยากเห็นคู่แต่งงานใหม่หัวหมุนกันหรอกนะ ”
รบเร้าเสียจนคู่รักต้องรับกล่องกำมะหยี่มาด้วยความเกรงอกเกรงใจ เปิดมันออกและแบ่งให้ลู่ฮานได้มองเห็น ภายในบรรจุแหวนทองคำขาวสองวงที่มีดีไซน์เรียบๆ สองวงที่ถูกแบ่งออกจากกันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งวงประดับด้วยสายคาดเพชรสามเส้น อีกหนึ่งวงเป็นแหวนประกอบซึ่งสามารถถอดออกจากกันได้ ประดับด้วยสายคาดเพชรชนิดเดียวกันกับวงของเซฮุนแต่ทว่าวงนี้มีถึงหกเส้น โดดเด่นด้วยเพชรตัดเหลี่ยมขนาดห้ากะรัตที่กลางวง
“ ขอบคุณนะครับคุณแม่ ”
แม่ๆ กับลูกๆ เขาก็พากันกอดกันกลม ส่วนโอจีฮุนกับอู๋หยางเซิงก็สุมหัวหารือเรื่องเงินๆ ทองๆ กันอยู่ อีกครั้งที่โลกของพวกเขากลับมามีสีสัน ผู้คนต่างส่งเสียงหัวเราะใส่กันเสียจนหูอื้อ เมฆหมอกแห่งความคลุมเครือได้สลายหายไปพร้อมๆ กับพายุฝนที่ตกกระหน่ำมาตลอดระยะเวลาสิบปี
“ เอาเลยสิลูก... ” ดูเหมือนคุณแม่ยังไม่พอใจที่ยังไม่ได้ฉากจบที่ตนต้องการ
“ ฮะ?.. ครับแม่ ” ลูกชายก็งงต่อไปเพราะไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน
“ ขอพี่เขาแต่งงานไง ซื้อบื้อจริงลูกคนนี้ ! ” สุดท้ายก็ได้ความช่วยเหลือจากคุณพ่อที่ยืนกอดอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันอยู่สองคน เซฮุนถูกบิดาของตัวเองจับมายืนทางขวา ส่วนลู่ฮานก็ถูกปาป๊าของตัวเองจับมายืนทางซ้าย เบี่ยงร่างกายให้หันมาเผชิญหน้ากันแล้วก็เกิดอาการใบ้กินทั้งคู่ ร่างเล็กก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าช้อนตาขึ้นไปมองน้องชายเพราะพอจะเดาได้ว่าตอนนี้น้องจะทำหน้าทำตาอย่างไร เอาเข้าจริงก็ไม่เคยคิดหรอกว่าวันนี้จะมาถึง ไม่ใช่เพราะไม่มั่นใจในตัวน้อง แต่เป็นเพราะบอกตัวเองมาตลอดว่าไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้
“ คนเก่งของผม.. ”
มือใหญ่สัมผัสช้อนปลายคางแผ่วเบา ขอร้องกลายๆ ว่าอยากให้สบตากันในเวลานี้ เป็นที่รู้กันดีว่าลู่ฮานไม่เคยปฏิเสธใครได้ โดยเฉพาะน้องชายผู้กุมหัวใจเขาไว้แล้วทั้งดวง เจ้าของใบหน้าสวยหวานจึงยอมเผยแก้มแดงๆ นั้นให้เซฮุนได้เห็น ลูกแก้วกลมโตฉาบทับไปด้วยแววประหม่า สั่นระริกเหมือนจะร้องไห้
“ ผมรู้ว่าตลอดเวลาพี่กังวลมาโดยตลอด ว่าตัวเองจะเป็นตัวถ่วงในการใช้ชีวิตของผม ไม่ว่าจะในตอนที่ผมยืนอยู่ในฐานะอะไร นายแบบ หรือนักธุรกิจ ”
อีกมือหนึ่งกอบกุมมือน้อยเอาไว้ สร้างสัญญาใจกันอีกครั้ง
“ แต่ทุกอย่างก็กำหนดไว้แล้ว ทุกอย่างได้แสดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าไม่เคยให้อภัยคนผิด แต่ท่านก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดจะไม่ให้เราเริ่มต้นใหม่ ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อชดใช้ในสิ่งที่เคยทำผิดไป และมีอดีตเอาไว้ย้ำเตือนใจไม่ให้กลับไปทำแบบนั้นเป็นครั้งที่สอง ”
เขาเกลี่ยแก้มใสนั้นด้วยความรัก อยากก้มลงไปจูบริมฝีปากกระจับแต่ก็เตือนตัวเองว่ายังไม่ถึงเวลาที่สมควร
“ ผมใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตเพื่อคิดหาคนที่เหมาะสมกับการมาเป็นคนที่อยู่เคียงข้างผม ใครบางคนที่ผมตื่นมาก็เห็นหน้าเขาเป็นคนแรก ใครบางคนที่ก่อนผมหลับตาผมก็เห็นหน้าเขา ใครบางคนที่มีแต่ให้ ไม่เคยหวังว่าตัวเองจะได้รับอะไร ใครคนนั้นเป็นคนเดียวที่ผมพูดเสมอว่าผมเกลียดเขา แต่ผมก็ไม่เคยไล่เขาให้ออกไปจากสายตาของผมได้สักที ”
ลู่ฮานเห็นน้องยิ้มในแบบที่ไม่เคยเห็น ได้เห็นเงาตัวเองในนัยน์ตาของผู้ชายที่รักที่สุดรองลงมาจากครอบครัว
“ ใครๆ ก็เรียกพื้นที่รอบตัวผมว่ามันเป็นพื้นที่อันตราย เพราะไม่ว่าพวกเขาจะพยายามเข้ามาอย่างไร ผมก็ไม่เคยให้พวกเขาเข้ามายุ่งย่าม เว้นไว้แต่พี่ แค่คนเดียวที่ผมยอมให้ตลอดชีวิตยี่สิบสี่ปีมานี้.. มันเป็นพี่มาโดยตลอด และจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอื่น ”
แล้วก็ร้องออกมาจนได้เมื่อถูกสารภาพรักทางอ้อม ลู่ฮานสั่นไปหมด แต่ดวงตาคู่นั้นก็สะกดให้เขากลั้นมันเอาไว้ก่อน เซฮุนกำลังจะพูดประโยคประโยคหนึ่งที่แสนล้ำค่า และเชื่อได้เลยว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนบนโลกนอกจากคุณแม่ จะได้รับประโยคแบบเดียวกันนี้นอกจากเขา
“ ลู่ฮานครับ... พี่ลู่ฮาน ”
“ อะ..อะไรหรือเซฮุน ? ” ตอบรับเสียงสั่นเครือ
“ แต่งงานกันไหมครับ ? แต่งงานกันไหม ? ผมจะดูแลพี่ด้วยหัวใจ ไม่ให้ใครมาทำร้ายพี่แม้แต่ปลายก้อย จะรักพี่ให้ดีที่สุด จะทำหน้าที่สามีให้ไม่ขาดตกบกพร่อง จะมีเวลาให้ ...สรุปว่าจะแต่งกับผมไหมครับ ? ”
ทุกคำพูดจุกอยู่ที่ลำคอ จะตอบอย่างไรให้มันดีที่สุดลู่ฮานเองก็ไม่รู้ เขามองนัยน์ตาสีดำขลับนั้น จ้องลึกลงไปและพยายามค้นหาคำว่าล้อเล่นแต่มันก็ไม่อยู่ เอาล่ะลู่ฮาน นี่สถานการณ์จริงนะ มั่นใจหน่อย น้องรอคำตอบอยู่
“ คะ….แค่คำถามแรกก็แต่งแล้ว เด็กบ้า ”
เสียงปรบมือ โห่ร้อง เฮลั่นเมื่อตัวแทนผนักงานหลายต่อหลายแผนกยกขบวนกันเข้ามาพร้อมกับพลุกระดาษในมือ พื้นพรมสีเนื้อเต็มไปด้วยริ้วริบบิ้นสีรุ้งมากมายที่ถูกนำมาโปรยปรายแสดงความยินดี บุพการีทั้งสองครอบครัวต่างมองภาพคู่รักด้วยรอยยิ้ม ลู่ฮานถูกยกเสียจนตัวลอย ประสานสายตาอยู่กับคนรักของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก็วางมือไว้บนไหล่กว้าง ปิดเปลือกตาลงก่อนจะทาบจูบเดียงสาอันเป็นที่โปรดปรานของเซฮุนลงบนอวัยวะชนิดเดียวกัน
“ พี่รักเซฮุนนะ ”
“ ผมก็รักพี่ ...เหมือนกันครับ ”
ผมเชื่อเสมอว่าความรักเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งตลกดีที่มนุษย์ทุกคนมองเลยความจริงข้อนั้นและเริ่มออกวิ่งตามหามันโดยไม่มองเลยว่ายิ่งเราวิ่งไล่ตามมันเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับนกน้อยที่คอยแต่จะบินหนีเราไปอยู่เรื่อย ยิ่งจับ,ยิ่งดิ้น ยิ่งรัด,ยิ่งขัดขืน ทำให้นกตัวนั้นตื่นจนเตลิดหายไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ความรักของผมไม่ใช่นก แต่เป็นกวางน้อยน่ารักตัวหนึ่ง ผมเคยทำให้มันหายไปมาแล้ว ,ช่างโชคดีเหลือเกินที่กวางน้อยตัวนั้นยังคงไม่สิ้นศรัทธาในตัวผม มันไม่เคยแคร์เลยว่าผมจะร้ายกับมันยังไง ไม่เคยแคร์ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหนจากบาดแผลที่ผมฝากไว้ทุกครั้งที่รู้สึกโมโห มันยืนหยัดอยู่ตรงนี้ คอยพยุงเมื่อผมล้ม คอยดูแลเมื่อผมป่วย ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้น แต่มันก็ยังยืนยันจะทำ แม้สิ่งที่มันจะได้รับคือความเจ็บช้ำอย่างไม่รู้จบ
ผมยอมรับว่าผมเป็นคนที่โง่มาก โง่เหลือเกินที่เชื่อคำพูดคนอื่นมากกว่าการกระทำของกวางน้อยที่กุมหัวใจของผมไว้ได้ตั้งแต่วันแรกที่พบหน้า ดวงตาอันบริสุทธิ์คู่นั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านมาถึงสองทศวรรษ มันเต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และไม่เคยน้อยลงเลยไม่ว่าเจ้ากวางน้อยจะเสียน้ำตาให้กับผมไปมากมายขนาดไหน ผมตกหลุมรักกวางตัวนั้นมากขึ้นทุกวัน เชื่อมั่นว่ามันเองก็รักผมเหมือนกันอย่างไม่มีข้อแม้ อาจจะดูถ่อมตนไปเสียหน่อย แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็ไม่เคยมองว่าตัวเองคู่ควรกับมันเลยสักครั้ง ผมร้าย ผมเลว ผมใจร้อน ผิดกับกวางน้อยของผมที่ทั้งแสนดี น่ารัก แถมยังใจเย็นเป็นน้ำแข็ง เราเข้ากันได้อย่างน่าอัศจรรย์และคงไม่มีใครเหมาะสมกับผมไปมากกว่าเขาอีกแล้ว
บางครั้งความรักก็อยู่ใกล้กว่าที่ผมเคยคาดคิด เขาคือคนที่อยู่ในชีวิตของผมมาโดยตลอด เขาคือคนที่ผมมั่นใจว่าผมจะใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดไปกับการดูแลเขาโดยไม่รู้สึกเสียดายมันเลยสักวินาที เขาคือคนที่ผมพร้อมจะบอกรักตลอดไป และผมมั่นใจว่าชีวิตนี้ผมไม่ต้องการจะบอกคำนั้นกับใคร นอกจากลู่ฮาน
ขอความรักดีๆ จงบังเกิดขึ้นกับทุกคน.
Sehun O.
---
จบแล้วยัง ?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ยังอะ มีอีกตอน 555555555555555555555555555555555555555555555
ความคิดเห็น