ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับว่าผมไม่เชี่ยวชาญในการวิจารณ์หนังเท่าใดนัก เอาเป็นว่าผมนึกอะไรได้ก็จะเล่าไปอย่างสนุกปากแบบนั้นแล้วกัน
เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องเกิดขึ้นในสมัยปลายราชวงค์ชิง ซูซาน(เจ้าเหว่ยจั่ว) เป็นทหารเอกในหน่วยขององค์ชายพระองค์หนึ่ง หลังจากที่ซูซานนำทหารไปช่วยเหลือองค์ชายก็ได้ขอลาออกกลับไปอยู่กับครอบครัว โดยที่ซูซานมีความฝันที่จะเปิดโรงเรียนสอนกังฟู(ในเนื้อเรื่องเรียกวูซูแต่ด้วยความเคยปากผมขอเรียกว่ากังฟูแล้วกัน ส่วนที่มาและความแตกต่างของสองคำนี้โปรดอ่านได้ที่http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=7687)
ซูซานมีเพื่อนร่วมแม่นมคนหนึ่งคือ หยวนลี่(แอนดี้ ออน) พ่อของหยวนลี่ฝึกหมัดห้าอสรพิษมีจิตใจโหดเหี้ยม จนเป็นเหตุให้พ่อของซูซานฆ่าตาย หยวนลี่มีน้องสามคนหนึ่งคือเสี่ยวหยิง และเสี่ยวหยิง(โจวซุน)ก็เป็นภรรยาของซูซาน หลังจากที่ซูซานกลับบ้านเกิดก็ให้กำเนิดบุตรชายร่วมกับนางคือเสี่ยวชง หยวนลี่ทั้งแค้นใจเรื่องบิดาและริษยาที่องค์ชายมักโปรดปรานซูซาน ดังนั้นจึงฝึกหมัดห้าอสรพิษและยิบเกราะอ่อนเหล็กดำติดผิวหนัง จนกระทั่งสำเร็จหมัดห้าอสรพิษหยวนลี่จึงเดินทางกลับบ้านเกิดสังหารพ่อของซูซานพร้อมกับจับกุมภรรยาและลูกของซูซานไปด้วย ซูซานเดินทางไปช่วยบุตรภรรยา แต่จนใจที่ฝ่ายตรงข้ามสวมเกราะทั้งยังฝึกหมัดมีพิษในที่สุดพ่ายแพ้ถูกจับโยนลงน้ำตกเชี่ยวกราก เสี่ยวหยิงเป็นห่วงความปลอดภัยของสามีดังนั้นจึงกระโดดลงน้ำไปด้วย
ทั้งสองรอดชีวิต ในขณะที่ซูซานสลบสไลโชคดีที่ได้หมอหยู(มิเชล โหยว)ช่วยเอาไว้จึงรอดชีวิตได้ แต่เส้นเอ็นก็ถูกทำลายจึงต้องใช้เวลาพักฟื้นเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดเมื่อผ่านไปห้าปีซูซานจึงกลับมาเริ่มฝึกมวยใหม่ เขาไม่เพียงต้องฟื้นกำลังใหม่เท่านั้นแต่ยังต้องผ่านด่านการทดสอบเพื่อเรียกความมั่นใจกลับมาด้วย วันหนึ่งเขาเห็นหลวงจีนรูปหนึ่ง(หลิวเจียฮุย)กับยอดฝีมือผมขาวยาวสยายคนหนึ่ง(โจวเจี่ยหลุน)เดินเหินบนยอดหญ้าท่าร่างรวดเร็ว ซูซานติดตามทั้งสองไปในป่าสุดท้ายเจอสุสานแห่งหนึ่ง ซูซานเห็นหลวงจีนนั้นมีฝีมือสูงส่งจึงคิดกราบกรานเป็นศิษย์ หลวงจีนบอกว่าต้องชนะเซียนวิทยายุทธ์ให้ได้ก่อนถึงจะรับเป็นศิษย์
ซูซานประลวงกับเซียนเป็นวิทยายุทธ์แรมปียังไม่อาจจะเอาชนะได้ หมอหยู่บอกว่าน่าสงสัย เสี่ยวหยิงจึงฉุกใจคิดจึงแอบติดตามซูซานเข้าไปในป่า กลับเห็นซูซานเอาแต่ร่ายหมัดเอาหัวฟาดหิน เอาหินฟาดหัวไปมาที่จริงแล้วทุกอย่างกลับเป็นเพียงจินตนาการของซูซานเอง
เสี่ยวหยิงบอกเรื่องนี้ซูซานรู้ แต่ซูซานไม่ใคร่จะเชื่อ แต่แล้ววันหนึ่งเขาพลันได้คิดจึงเอาชนะภาพมายากได้แต่พอกลับไปที่บ้านก็ปรากฎว่าเสี่ยวหยิงออกจากบ้านไปเพื่อที่จะตามตัวลูกชายแล้ว ซูซานติดตามไปล้างแค้นกับหยวนลี่ แม้ว่าเอาชนะได้แต่ก็ต้องเสียภรรยาไป จนในที่สุดสองพ่อลูกออกท่องเที่ยวซูซานถึงกลับตกต่ำมีสภาพเหมือนขอทานวันๆเอาแต่ดื่มเหล้า
สองพ่อลูกร่อนเร่ขึ้นเหนือ ในที่สุดไปยังเขตชายแดนที่ติดกับรัสเซีย ที่นั่นมีการประลองระหว่างชาวจีนกับชาวต่างชาติวันหนึ่งซูซานเข้าไปกินเหล้าในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง เห็นยอดฝีมือคนหนึ่งเชื้อเชิญให้ดื่มด้วยซูซานพยายามแย่งไหเหล้าอย่างไรก็ทำไม่ได้ จนในที่สุดบรรลุเคล็ดวิชาหมัดเมา(ซึ่งเข้าใจว่านั่นก็เป็นภาพหลอนของซูซานอีก) พอดีวันรุ่งขึ้นผู้กองหม่าจะเข้าประลองด้วย ผู้กองหม่าอดีตนั้นเป็นลูกน้องในสังกัดของซูซาน
เมื่อถึงการประลองเห็นแน่ชัดว่าผู้กองหม่าจะแพ้ เสี่ยวชงกลัวผู้กองหม่าตายจึงเข้าไปห้ามไว้ จนท้ายที่สุดซูซานก็ต้องเข้าประลองด้วย ซูซานได้แสดงฤทธิ์หมัดเมาให้ประจักษ์แก่สายตาคนทั้งหมด ไม่ว่าใครจะเข้ามาเขาก็สามารถเอาชนะได้ นี่จึงเป็นจุดกำเนิดของตำนานหมัดเมา
=================================================================================
คำวิจารณ์
---เนื้อเรื่อง
2.75/5
เนื้อเรื่องคล้ายๆกับ Fearless(ฮั่วหยวนเจี่ยของเจ็ทลี) แต่ละเอียดอ่อนกว่า แต่แก่นสาระก็ไม่ได้แตกต่างกันอะไรเลย ที่น่าสนใจคือปมปัญหาในใจของตัวซูซานเอง เนื้อเรื่องเขียนบทความผูกพันธ์ระหว่างซูซานกับภรรยาได้ดี แต่ความรักฉันพ่อลูก แม่ลูกถือว่าอ่อนด้อยนัก เนื้อเรื่องเกี่ยวกับยาจกซูที่ดีกว่านี้ก็มีมากนัก เพียงแต่ว่าตัวหนังเลือกที่จะถ่ายทอดยาจกซูในมุมมองที่เป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ มากกว่าเป็นยอดวีรบุรุษในหลังเกี่ยวกับสิบพยัคฆ์กวางตุ้งดังที่เราเคยชมกัน
----นักแสดง
4.5/5
นี่คือส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ มาตรแม้นว่าเนื้อเรื่องจะอ่อนด้อย ฉากบู๊ก็ไม่เร้าใจพอ แต่ยังดีที่ตัวนักแสดงถือว่าชดเชยได้ ลีลาของจ้าวเหวินจั่วยังถือว่าดีเช่นเคย แต่อย่างที่บอกคิวบู๊กลับทำได้ไม่ดีนักจึงไม่สามารถดึงความสามารถของนักแสดงออกมาได้เต็มที่(ซึ่งในส่วนของคิวบู๊จะขอกล่าวถึงอีกที) นางเอกสาวโจวซุนซึ่งช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น(เพราะในเดือนเดียวกันหล่อนก็เป็นนางเอกในเรื่องขงจื๊อด้วย) สามารถแสดงออกมาได้ดีแม้จะไม่สวยจนถึงขั้นอ้าปากตาข้าง แต่การแสดงออกที่ทำให้เห็นถึงความรักที่มีต่อสามีก็ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมไร้ที่ติ
แอนดิ ออน ในบท หยวนลี่ สอบผ่านในเรื่องการแสดงทางสีหน้าที่เลือดเย็นอำมหิต แต่เรื่องกังฟูต้องปรับปรุงเพราะท่วงท่าของเขาแขร็งกร้าวเกินไป ขาดความงดงาม
โจวเจี่ยหลุน รับบทในการตีสีหน้าท่าทียียวนกวนประสาทได้ดี ในเรื่องคิวบู๊ไม่สามารถให้คะแนนได้เพราะฉากบู๊ของเจย์นั้นค่อยข้างตัดไปตัดมา ทำให้ไม่ประติดประต่ออารมณ์ขาดห้วงไม่ต่อเนื่อง
แต่นักแสดงที่โดดเด่นที่สุดในสายตาผมคือหลิวเจียฮุย จริงอยู่ที่ว่าบทของแกค่อนข้างน้อยแต่ทุกครั้งที่ปรากฎตัวมักจะเรียกความเฮฮาจากผมได้เสมอ
=================================================================================
คิวบู๊
2/5
หลายคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมผมให้น้อยจัง เพราะว่าหนังเรื่องนี้คิวบู๊ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย ใช่ครับมันอาจจะไม่ขี้เหร่เมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ แต่เมื่อเทียบกับยี่ห้อของหยวนหวูปิงผู้กำกับคิวบู๊ที่ดีที่สุดรองลงจากหลิวเจียเหลียง(สำหรับผมน่ะนะ แต่เขายกย่องว่าแกคืออันดับหนึ่งของโลก)แล้วถือว่าเรื่องนี้ทำได้หน้าผิดหวังมาก ตัวหนังเน้นความหนักหน่วงรุนแรงสะใจฮาร์ดคอแบบฝรั่งมากเกินไปจนขาดซึ่งศิลปะความสวยงามของกังฟูในแบบของชาวจีนไปพอสมควร ฉากที่พอมีศิลปะบ้างก็คือฉากที่ซูซาน แย่งไหเหล้าในโรงเตี้ยม แต่เมื่อเทียบกับผลงานการกำกับคิวบู๊ระดับพีชมาสเตอร์ของ หยวนหวูปิงอย่างไอ้หนุ่มซินตึ้ง(เจ็ทลี) เบญจภาคหวงเฟยหง(ฉีเคอะ) iron monkey crouching tiger hidden dragon Hero แล้วถือว่ายาจกซูทำได้น่าผิดหวังมาก จนแม้กระทั่งผมคิดไปเองว่าหนังเรื่องนี้นั้นเน้นที่เลือดสาดมากกว่าศิลปะความสวยงาม มันน่าจะเป็นผลงานของผู้กำกับ จางเชอะ(เดชไอ้ด้วน) มากกว่า หยวนหวูปิง
=================================================================================
ดนตรีประกอบ
3/5
ทำออกมาได้ดีในฉากการเล่าเรื่อง และฉากที่หลิวเจียฮุยดีดปีแป่(กีต้า จีน) แต่นอกนั้นถือว่าระดับธรรมดา
=================================================================================
องค์ประกอบศิลป์ ฉาก
2/5
ยังเป็นปัญหาของหนังจีนอยู่ในการใช้CGเข้าช่วยเหลือ และเรื่องนี้ก็ดูเหมือนมันจะเป็นจุดบอดของเรื่องอย่างแท้จริง นอกจากนั้นในเรื่องของเครื่องแต่งกายยังน่าผิดหวังด้วย เพราะเสื้อเกราะนายทหารในหน่วยของหยวนลี่นั้นเป็นแฟนตาซีมากเกินไป อีกทั้งทรงผมเปียครึ่งหัวมันไม่เหมือนกับเปียครึ่งหัว เพราะมันไปกองกันข้างหลังเป็นกระจุกเดียว ดูไปคล้ายกับกองมูลสัตว์มากกว่า
=================================================================================
สรุปแล้ว
นี่เป็นหนังที่ดูได้สบายๆ ดูเอามันๆสนุกๆได้ แต่ถ้าหากนำไปเทียบกับมาตราฐานเดิมของหยวนหวูปิง นับว่าน่าผิดหวังเกินไป
ผลงานระดับมาสเตอร์พีชเรื่องอื่นๆของหยวนหวูปิง1. หวงเฟยหง 2 ฉากนี้ได้ยอดนักแสดง อย่างเจ็ทลี กับ เจินจื่อตันร่วมฉาก ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 16 ของ 50 หนังกังฟูยอดเยี่ยมตลอดกาล
http://www.youtube.com/watch?v=fFq75qquFUk&feature=player_embedded2. ฉากเชิดสิงโตในหวงเฟยหง 4 การร่วมงานกันครั้งแรกของ จ้าวเหวินจั่ว กับหยวนหวูปิง
http://www.youtube.com/watch?v=yISgt9-i3mA&feature=player_embedded3. iron monkey ผลงานการกำกับที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของหยวนหวูปิง ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ9ของ 50 หนังกังฟูยอดเยี่ยมตลอดกาล อีกทั้งยังเป็นผลงานการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของเจินจื่อตันด้วย
http://www.youtube.com/watch?v=PN1MuxCjq6A&feature=player_embedded4. ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง(เจ็ทลีเวอร์ชั่น) ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 30 ของ 50 หนังกังฟูยอดเยี่ยมตลอดกาล
http://www.youtube.com/watch?v=7p2YmjZ6FRY&feature=player_embedded5.MAGNIFICENT BUTCHER ผลงานอันดับหนึ่งของหยวนหวูปิง ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 8 ของ 50 หนังกังฟูยอดเยี่ยมตลอดกาล
http://www.youtube.com/watch?v=xHMOkFnnW7U&feature=player_embeddedรายชื่อ 50 หนังกังฟูยอดเยี่ยมตลอดกาล
http://mihk2002.wordpress.com/2008/07/02/50-best-kung-fu-films-ever/
ความคิดเห็น