คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : เกมแห่งความตาย
บทที่ 2
เกมแห่งความตาย
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น รู้สึกปวดหัวอย่างหนัก ผมพยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง ก่อนจะได้ยินเสียงของหญิงสาวดังที่ข้างๆ หู
“นายฟื้นแล้ว!” เฟย์เข้ามาจับตัวผมด้วยความดีใจ
เมื่อสายตาผมชินกับแสงสว่าง ผมพยายามตั้งสติ หันมองรอบๆ ตัวก็พบว่าผมอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่งพร้อมกับเด็กโอลิมปิก คนอื่นๆ ที่มีสภาพไม่ต่างจากผมมากนัก ทุกคนเหมือนเพิ่งฟื้น มีอาการตกใจกลัวกับสภาพห้องเรียนที่เต็มไปด้วยความสกปรก โต๊ะเรียนหักล้มระเนระนาดเกลื่อนกลาดห้อง ยักไย่เกาะอยู่ตามมุมห้อง ตามผนังห้องเรียนมีรูปวาดที่เต็มไปด้วยตัณหาของผู้วาดพร้อมกับฝุ่นหนาเกรอะ
เมื่อหันไปหน้าห้องเรียนก็พบกับจอทีวีเครื่องใหญ่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับกระเป๋าสีเขียวแปลกๆ หลายใบวางไว้หน้าห้องเรียน
“เกิดอะไรขึ้น” ผมถามเฟย์ ดูเหมือนเฟย์จะฟื้นมาได้สักระยะแล้ว
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันฟื้นมาอีกที พวกเราก็มาอยู่ที่นี่กันแล้ว” เฟย์เล่า สายตาเธอเบนไปที่ทางออกของห้องเรียน “พอฉันจะออกไป พวกทหารก็ผลักฉันออกมา บอกให้พวกเราทุกคนรออยู่ที่นี่ ฉันเลย...”
แอ๊ด…!
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ทำให้เฟย์หยุดเล่า ก่อนจะตามมาด้วยร่างของพี่ภาที่เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงที่มีอายุ ลักษณะของเธอดูมีภูมิฐานของความเป็นผู้ดี เธอแต่งตัวจัดจ้านด้วยชุดเดรสหลากสีสวยงามของคนแก่ ขนตายาวเหยียด ถูกแต่งเติมด้วยสีม่วงเข้ม ปากของเธอแดงจัดจ้านได้ใจ เธอสวมหมวกปีกเล็กพาดไว้ด้านซ้าย สูงประมาณร้อยหกสิบเซนติเมตรและสวมถุงมือลายลูกไม้สีขาว
ทหารที่เฝ้าประตูทั้งสองนายทำความเคารพพวกเธอก่อนที่ร่างของสตรีทั้งสองจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเรียน เสียงคุยมากมายดังขึ้นทันที
“เอาละ เข้าเรื่องกันเลยนะ” หญิงมีอายุเอ่ยขึ้น เสียงของเด็กโอลิมปิก เงียบลงอีกครั้ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” เสียงของอิงหญิงสาวผู้มีปัญหาดังขึ้น ดูเหมือนเธอเพิ่งจะฟื้นได้สติเป็นคนสุดท้าย เธอลุกขึ้น แผดเสียงดังก้อง “ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น! แล้วบอดี้การ์ดของฉันหายไปไหน!!!”
“ใช่ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เสียงเด็กโอลิมปิกสาดคำถามใส่กันนับสิบคน เสียงคุยมากมายกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง ผมดึงร่างของเฟย์ให้ถอยห่างออกจากแถวหน้าเพื่อความปลอดภัย
“ถอยออกมาก่อน” ผมกระซิบเบาๆ เมื่อเห็นนายทหารคนหนึ่งจับปืนขึ้นมา เสียงของเด็กโอลิมปิก ยังคงทวีคูณความดังมากขึ้นเมื่อไม่ได้รับคำตอบ
ปังๆ!
“กรี๊ดดดดดดด!!” เสียงกรีดร้องดังระงม เมื่อนายทหารยิงปืนขึ้นบนฟ้า ถูกฝ้าผนังจนเกิดเสียงดังก้อง ทุกอย่างจึงดูวุ่นวายมากขึ้นเมื่อเด็กโอลิมปิกลุกขึ้นยืนพร้อมกันหมายจะใช้ช่วงเวลานี้วิ่งหนีออกจากห้อง
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!
นายทหารอีกคนที่ถือปืนเอ็มสิบหกยิงกราดใส่พื้นเพื่อไม่ให้เด็กโอลิมปิก เข้าใกล้ประตูทางออก พวกเด็กโอลิมปิกต่างกรีดร้องโวยวายเสียงดัง วิ่งหนีกระจัดกระจายหนีตายมาที่มุมห้องตรงจุดที่ผมกับเฟย์นั่งอยู่
หญิงมีอายุยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หยุดก่อนที่นายทหารคนนั้นจะรับคำสั่งแล้วหยุดยิงทันที
“ฉันกำลังจะอธิบายให้ฟังสำหรับทุกๆ อย่าง หากเธอมีคำถามอะไรหรือมีข้อสงสัยที่ไม่เข้าใจก็ค่อยถามต่อจากนั้น โอเคไหม?” หญิงมีอายุกล่าว
“แต่...”
“ไม่มีแต่หรอกคุณภีรกานต์” หญิงมีอายุชี้ไปที่เด็กหนุ่มหน้าตาดีจมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวดูคลับคลายคลับคลาเด็กต่างชาติ “ฉันว่าเด็กโอลิมปิกที่นี่คงมีมารยาทมากพอที่จะตั้งใจฟังผู้พูดให้จบก่อนแล้วค่อยถามคำถามต่อจากนั้นนะ” เธอแอบจิกกัดจนใครหลายๆ คนหน้าชาไปตามๆ กัน
“ฉันยังคงยืนยันที่จะถาม!” อิงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หน้าตาดูโมโหจัด “ฉันถามว่าบอดี้การ์ดของฉันหายไปไหนนังบ้า!”
หญิงมีอายุไม่ได้เกรงกลัวที่จะหลบสายตาอิงเลยแม้แต่น้อย เธอประสานสายตากับอิงโดยตรง ต่างฝ่ายต่างไม่ลดละที่จะละสายตาจากกันจนผมเกิดความรู้สึกอึดอัด เหมือนมีลูกบาศก์ขนาดใหญ่กดทับคนในห้องไว้
“โอเค ฉันจะถือว่าคำถามของเธอเป็นกรณีพิเศษ เพราะยังไงซะ สิ่งที่เธอถามก็ไม่ได้อยู่ในสิ่งที่ฉันจะพูดอยู่แล้ว ถามไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย เอาละ อยากเห็นนักใช่ไหม” หญิงมีอายุแสยะยิ้ม สายตาอันดุดันคู่นั้นทำให้ผมกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ “เอามันเข้ามา!!” เธอตะโกนเสียงดัง เหมือนให้คนข้างนอกรับรู้ แสดงว่าคงไม่ได้มีแค่ทหารสองคนที่เฝ้าอยู่ในห้องนี้ คงมีทหารอีกนับร้อยยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก ถ้าเกิดมีใครคิดหนีออกไปตอนนี้จริงๆ คงถูกทหารที่เฝ้าอยู่ด้านนอกยิงทิ้งแน่ๆ
เสียงลากของรถเข็นคนไข้ดังขึ้นจากที่ไกลๆ มันค่อยๆ ดังชัดมากขึ้น ก่อนประตูห้องเรียนจะถูกเปิดออกและตามมาด้วยเตียงคนไข้ 2 เตียง ที่มีนายทหารสองนายได้พาร่างบอดี้การ์ดหนุ่มเข้ามาในห้องเรียน พวกเขานอนแน่นิ่งและถูกผ้าขาวคลุมหน้าไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อิงหวังไว้เริ่มเลือนหาย ผมสังเกตเห็นใบหน้าของอิงที่เต็มไปด้วยความกังวล มือไม้เธอดูสั่นไปหมด
“เปิดผ้าคลุมออก” หญิงมีอายุสั่งด้วยเสียงเชียบขาด นายทหารที่ทำหน้าที่พาร่าบอดี้การ์ดของอิงเข้ามาในห้องเรียน รับคำสั่ง ก่อนจะเปิดผ้าคลุมออกทันที
พรึบ!
“กรี๊ดดดดดด!!!” เสียงหวีดร้องดังขึ้นมอีกครั้ง คราวนี้มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหล่าเด็กโอลิมปิกทุกคนแทบจะเสียสติ พยายามถอยห่างออกจากร่างบอดี้การ์ดของอิงให้มากที่สุด เมื่อเห็นร่างเหล่านั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ตามลำตัวมีรอยกรีดจากคมมีดเป็นทางยาวหลายจุด ที่หน้าผากของทั้งสองมีรอยฝังของลูกตะกั่วจนมีเลือดไหลซึมออกมา และตามใบหน้าถูกกรีดจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร
“ดิน... วา...” อิงเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ เธอล้มลงกับพื้นในลักษณะคุกเข่า น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมาเป็นสาย ลำตัวสั่นเทิ้มด้วยความเสียใจระคนกลัว เป็นภาพที่ผิดแปลกไปจากภาพลักษณ์ของคุณหนูที่หยิ่งยโส เอาแต่ใจ จนหลายๆ คนอึ้งไปตามๆ กัน
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากความเสียใจของอิงและเสียงสะอื้นเบาๆ ของเธอ จนผมรับรู้ถึงความอึดอัดอย่างแรงกล้า...
“เอาละจ้ะเด็กๆ ทีนี้เราเข้ามาเรื่องของเรากันดีกว่า” หญิงมีอายุกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข ฉีกยิ้มกว้างมากจนผมรู้สึกขนลุก “ขอต้อนรับเด็กๆ โอลิมปิกที่น่ารักทุกคนเข้าสู่บททดสอบ The Target Number Game เกมที่จะทำให้เด็กๆ โอลิมปิกเป็นยอดคน สามารถต่อสู้กับทุกสถานการณ์ได้” เธอกล่าว เลื่อนตัวออกมาอยู่ข้างๆ กับจอทีวี เธอผายมือไปที่มัน เป็นสัญญาณให้ทุกคนจับจ้องมัน ก่อนที่จอทีวีจะสว่างขึ้นเป็นรูปตัวหนังสือภาษาอังกฤษก่อนเธอจะพูดต่อ “เรามารู้จักที่มาของเกมกันก่อนดีกว่า”
“The Target Number Game เป็นเกมที่กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำขึ้นสำหรับเด็กโอลิมปิกในปีนี้ เพื่อเป็นบททดสอบสุดท้ายของเด็กโอลิมปิกและเพื่อเป็นการเฟ้นหาสุดยอดเด็กที่มีความสามารถในการเอาตัวรอด เพราะเด็กไทยในปัจจุบันนี้ ถือได้ว่ามีความรับผิดชอบในตัวเองน้อยมาก ทำให้วิถีชีวิตของเด็กไทยเปลี่ยนไป พ่อแม่ต้องคอยประคบประงมจนเด็กช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่มีแบบแผนในการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แต่สำหรับเหล่าเด็กโอลิมปิกถือว่าเป็นเด็กอัจฉริยะอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เป็นความหวังของคนทั้งประเทศ แต่ก็ยังคงมีความด้อยในหลายๆ ด้านที่ยังต้องฝึกฝนและพัฒนาตนเอง อีกทั้ง...” เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดี ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในทันใดนั้นเอง เธอกลับหุบยิ้มลง ใบหน้าจริงจัง สายตาดกวาดมองเหล่าเด็กโอลิมปิกทุกคนอย่างไม่พอใจ “...เด็กเลวๆ อย่างพวกเธอกลับทำลายประเทศชาติของตัวเอง”
ผมถึงกับอึ้งชะงัก รวมถึงคนอื่นๆ ก็มีสภาพเช่นเดียวกับผม
“จากการสำรวจของกระทรวงศึกษาธิการแล้ว หลังจากที่เด็กโอลิมปิก ได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลและเรียนจบแล้วนั้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 99 จะไปทำงานที่ต่างประเทศ เพื่อแลกกับก้อนเงินมหาศาลที่รัฐบาลต่างประเทศเสนอให้ ทั้งที่ประเทศไทยคอยให้การศึกษาแก่พวกเธอทุกๆ คน! คอยสนับสนุนพวกเธอจนมีวันนี้!! แต่พวกเธอก็ยังคงเลือกที่จะไป ปล่อยให้ประเทศของเราล้าหลัง คอยตามหลังหลายๆ ประเทศ ทั้งๆ ที่ประเทศที่เจริญอยู่นี้ ต่างมีคนไทยอยู่เบื้องหลังที่คอยสนับสนุนและพัฒนา ใช่! พวกเธอคิดถูก!! พวกที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จมันเป็นเด็กโอลิมปิกทั้งนั้น!!!” หญิงมีอายุชี้หน้า เสียงเธอดังมากจนผมแสบแก้วหู
“และนั่นเป็นสาเหตุให้กระทรวงศึกษาธิการหาทางแก้ด้วยการจัดการบททดสอบลำดับสุดท้ายที่มีชื่อว่า The Target Number Game ในบททดสอบมีวิธีการง่ายๆ ไม่ยากและไม่ซับซ้อน นั้นก็คือพวกเธอทุกคนจะต้องฆ่ากันตามลำดับหมายเลขที่พวกเธอจะได้รับต่อจากนี้ ซึ่ง...”
“เดี๋ยวคะๆ” เด็กสาวสวมแว่นคนหนึ่งยกมือขึ้นทันที
“ว่าไง” หญิงมีอายุถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนักที่มีคนขัดการอธิบายของเธอ
“ฆ่าหรอคะ? ฆ่ายังไงคะ หนูไม่เข้าใจ” เด็กสาวถามอย่างงงงวย ดูสับสน ไม่ต่างจากทุกๆ คน ใช่... พวกเราทุกคนที่นี่เป็นเพียงแค่เด็ก ม.6 ไม่มีทางหรอกที่พวกเราจะมาไล่ล่าฆ่ากันเหมือนในทีวี อีกอย่างเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายด้วย
“เธอไม่รู้จักคำว่าฆ่ารึไงสาวน้อย? การฆ่าก็คือการที่ทำให้อีกฝ่ายตายไงละ”
“ตาย?”
“ใช่ ฆ่าให้ตาย โดยจะฆ่าตามลำดับหมายเลขที่พวกเธอขึ้นรถบัส”
“!!!”
ผมหันไปมองเด็กหนุ่มที่ชอบทำหน้าตาแบบหาเรื่องคนนั้นทันที ผมจำได้ว่าเด็กคนนั้นขึ้นรถบัสเป็นคนแรก มีบางคนหันไปมองเช่นเดียวกับผม เด็กหนุ่มคนนั้นดูตกใจเล็กน้อย สังเกตได้จากเหงื่อที่ไหลออกมาตามใบหน้า มือไม้สั่นด้วยความกลัว แต่เขายังคงเก็บอาการตกใจนั้นไว้ได้ เพื่อไม่ให้ใครจับผิด
“อ้อ เรามีอุปกรณ์ที่จะแจกจ่ายให้พวกเธอทุกคน เอาละ...ภา เธอเอามันไปแจกให้ทุกคนทีสิ” เมื่อหญิงมีอายุพูดจบ พี่ภาค่อยๆ เดินแจกอุปกรณ์บางอย่างให้ทีละคน โดยที่พี่ภาจะสังเกตชื่อที่ติดไว้ด้านหลังเครื่อง มันดูคล้ายๆ กับโทรศัพท์มือถือระบบหน้าจอสัมผัส
“เจ้าเครื่องนี้เราเรียกกันว่าทาเก็ท คล้ายๆ กับสมาร์ทโฟน แต่ว่ามันมีหน้าที่เพียงแค่ไม่กี่อย่าง เธอสามารถปลดล็อคด้วยการวางนิ้วมือลงบนตัวเครื่อง” ทุกคนทำตามทันที รวมถึงผม “เธอสังเกตเห็นหมายเลขที่ปรากฏบนหน้าจอรึเปล่า?”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
“นั่นเป็นหมายเลขของพวกเธอที่จะถูกไล่ล่า ทางที่ดีอย่าให้ใครเห็นจะดีกว่า” ทุกคนรีบปิดหน้าจอของตัวเองกันจ้าละวัน แล้วเก็บมันใส่กระเป๋าทันที ตอนนี้พวกเราทุกคนต่างไม่ไว้ใจกันอีกต่อไปแล้ว “พวกเธอจะไล่ล่าฆ่ากันตามลำดับหมายเลข เพื่อให้เหลือผู้รอดเพียงหนึ่งเดียว เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะ นอกจากนี้ผู้ที่เป็นเป้าหมายจะสามารถกำจัดคนอื่นได้เช่นกัน ซึ่งหากทำได้ เขาคนนั้นจะได้รับลำดับหมายเลขของคนที่ถูกฆ่า ด้วยการใช้นิ้วมือสแกนที่เครื่องทาเก็ทนั้น และลำดับที่จะถูกไล่ล่าของเขาก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนที่ถูกฆ่า”
“ช่วยยกตัวอย่างได้ไหมครับ ผมไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มหน้าตาดีคล้ายๆ ฝรั่งยกมือถาม ซึ่งเป็นคำถามที่ดีมาก เพราะผมเองก็งงกับคำอธิบายที่ซับซ้อนนั้นมาก
“ง่ายๆ สมมติว่าเธอเป็นเป้าหมายแรกที่เด็กโอลิมปิก คนอื่นๆ จะต้องไล่ล่า หากเธอไม่อยากถูกฆ่าตายเป็นคนแรก เธอสามรถกำจัดคนอื่นๆ ได้ เช่นเธอสามารถกำจัดยัยคนนี้ได้” หญิงมีอายุชี้ไปที่อิงซึ่งยังคงเสียใจกับการจากไปของบอดี้การ์ด “ซึ่งยัยคนนี้ได้อันดับถูกไล่ล่าเป็นหมายเลข 10 เธอสามารถเอาเครื่องทาเก็ทของคนที่เธอสามารถฆ่ามาเป็นของตัวเองได้ด้วยการใช้ระบบสัมผัส เอานิ้วไหนก็ได้สัมผัสลงที่หน้าจอ ซึ่งตัวเครื่องจะทำการรีเซ็ทระบบใหม่ แล้วเปลี่ยนข้อมูลทาเก็ทเครื่องนั้นเป็นของเธอ และตัวเครื่องจะส่งสัญญาณมาที่พวกเราแล้วลำดับการถูกไล่ล่าของเธอก็จะเปลี่ยนไปเป็นหมายเลข 10 แทน ต่อจากนั้นทางเราจะประกาศให้ไล่ล่าหมายเลข 2 ต่อทันที” หลังจากที่หญิงมีอายุอธิบายเสร็จ พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่แทบจะเข้าใจพร้อมกัน
แสดงว่าคนที่ถูกไล่ล่าโดยคนอื่นๆ อันดับต้นๆ ยังมีโอกาสรอด แต่ต้องฆ่าหมายเลขอื่นแทนเพื่อเปลี่ยนสลับตำแหน่งการถูกไล่ล่าอย่างงั้นสินะ
“สำหรับสถานที่แข่งขันก็คือที่นี่ ที่นี่เป็นโรงเรียนร้างที่ซึ่งเคยเป็นฐานลับสำหรับผลิตบุคคลากรระดับหัวกระทิตั้งอยู่ในหุบเขาของเพชรบูรณ์ ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ มีพื้นที่ประมาณ 58 ไร่ มันคงมากพอที่จะทำให้พวกเธอฆ่ากันอย่างสนุกสนาน ที่สำคัญขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า อย่าได้คิดหนีแม้แต่วินาทีเดียว เพราะทางเราได้ใช้ระบบสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขั้นแรงสูงปล่อยไว้รอบๆ กำแพง ถ้ายังไม่อยากตายอย่าได้เข้าใกล้ หรืออย่าได้คิดที่จะเอาร่างกายไปสัมผัสกับมันเด็ดขาด” หญิงมีอายุกล่าวอีก ผายมือไปที่หน้าจอทีวี
ภาพบนหน้าจอสว่างขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มีการทดสอบอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มีนายทหารคนหนึ่งได้ปล่อยนกอินทรีย์ออกจากกรง นกอินทรีย์ตัวนั้นจึงได้รับอิสระ มันโผบินอยู่กลางอากาศอยู่สักพัก ก่อนที่มันจะพยายามบินออกจากเขตในโรงเรียน แต่แล้วมันก็ถูกอะไรบางอย่างช็อตเข้าอย่างจัง เกิดเป็นเกล็ดรูปทรงหกเหลี่ยมแผ่เป็นวงกว้างหลายๆ วง แล้วเลือนหายไป จากนั้นนกอินทรีย์ตัวนั้นก็ตกลงมาตายทันที
“ก็อย่างที่พวกเธอเห็น ถ้าใครคิดจะหนีขอให้ล้มเลิกไปได้เลย เพราะโอกาสที่เธอจะหนีได้นั้นเป็นศูนย์ ยกเว้นเสียแต่ว่าจะทำตามกฎกติกาตามที่ทางกระทรวงศึกษาธิการได้วางระเบียบวาระไว้แล้ว ตอนนี้ใครมีคำถามอะไรอีกไหม เชิญถามได้เลย” หญิงมีอายุกล่าว ใบหน้าของเธอดูเฉยชา ดูไม่แยแสกับอาการหวาดกลัวของเด็กโอลิมปิกเท่าไหร่นัก
“พ่อแม่ของพวกเรารู้เรื่องนี้ไหม” เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงของผู้หญิง ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเธอคนนั้นไม่ได้ยกมือถาม แถมยังพูดซะเร็วจนจับจุดไม่ได้ว่าดังมาจากตรงไหน
“แน่นอน พ่อแม่ของพวกเธอรู้ดี เราแจ้งพ่อแม่ของพวกเธอทุกคนสำหรับบททดสอบสุดท้ายนี้ อธิบายถึงกฎกติกาและสาเหตุที่จัดบททดสอบสุดท้ายนี้ขึ้น และแน่นอนว่าพ่อแม่ของพวกเธอมีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่ด้วยรัฐบาลมีเงินสนับสนุนมากมายกับบททดสอบสุดท้ายนี้ เราเอาเงินให้กับพ่อแม่ของพวกเธอจำนวนหนึ่ง มันมากพอที่จะไม่เอาเรื่อง พวกท่านให้การสนับสนุนเรื่องนี้ซะด้วยซ้ำ แน่ละ เงินมันเปลี่ยนวิถีความคิดของคนได้นี่นา พ่อแม่ของพวกเธอมันก็โลภพอๆ กันทุกคน พอบอกว่าอย่าให้เด็กโอลิมปิกทานข้าวเช้ามาในวันขึ้นรถบัส พ่อแม่ของพวกเธอก็ทำมาพร้อมกันทุกๆ คน ใช่แล้ว สิ่งที่พวกคิดอยู่มันถูกต้อง ในเค้กที่พวกเธอได้รับนั้นมันมียานอนหลับชนิดพิเศษผสมอยู่ แค่กินเข้าไปคำเดียวก็ทำให้นอนหลับไปเกือบวันเต็มๆ ต่อจากนั้นพวกเราก็พาพวกเธอมาที่นี่ เพื่อมาทำการทดสอบที่มีชื่อว่า The Target Number Game” หญิงมีอายุอธิบายอย่างยืดยาว ผมอึ้งอยู่นานมาก สิ่งที่ผมคิดมันถูกต้อง มันมีสิ่งแปลกๆ ที่เกิดขึ้นบนรถบัสมากมาย ผมน่าจะชะล่าใจ แล้วบอกคนอื่นๆ ให้ระวังตัว แต่ผมมันเป็นคนไม่สุงสิงกับใคร ผมจะไปทำอะไรได้ละ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ผมรับรู้ถึงความเสียใจของคนเป็นลูกที่อยู่ที่นี่กันทุกคน แม้แต่ผมเองยังคิดอยากที่จะร้องไห้ออกมาดังๆ ผมเหนื่อยล้าทันทีเมื่อนึกถึงพ่อแม่ของตัวผมเอง ผมไม่คิดเลยว่าพ่อแม่จะทำกับผมได้ถึงขนาดนี้เพื่อแลกกับเงินที่ได้รับจากรัฐบาล
“แล้วเราจะใช้อาวุธอะไรฆ่ากันละคะ” หญิงสาวที่ดูมีความมั่นใจยกมือถามขึ้น ใบหน้าที่หยิ่งระหงนั้นไม่ได้มีความเสียใจอะไรเคลือบไว้เลย แต่ผมสังเกตได้ว่ามือของเธอนั้นสั่นเป็นอย่างมาก เธอคงเก็บอาการเสียใจเรื่องพ่อแม่ของตัวเธอเองไว้เพื่อไม่ให้ใครเห็น
“ตายแล้วๆ” หญิงมีอายุเอามือจับที่กระหม่อมของตัวเอง ทำสีหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “ฉันลืมอธิบายเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย ขอโทษด้วยนะจ้ะเด็กๆ สำหรับอาวุธนั้น พวกเธอจะต้องหากันเอาเองจ้ะ พวกเราได้เอาอาวุธไปซ่อนตามสถานที่ต่างๆ ตามรอบโรงเรียนร้างแห่งนี้แล้ว พวกเธอจะหามันเจอได้ในกล่องหรือตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งมันจะมีสัญลักษณ์ตัวทีเขียนอยู่ใกล้ๆ กับอาวุธ เพื่อที่จะให้พวกเธอหามันได้ง่ายขึ้น”
“แล้วถ้าผมชนะ ผมจะได้กลับบ้านใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มหน้าคล้ายฝรั่งถามอีกครั้ง หญิงมีอายุหันไปมอง กระพริบตาปริบๆ ยิ้มออกมา
“แน่นอนจ้ะ คนที่ชนะจะได้กลับบ้านไปหาพ่อแม่ของตัวเอง พ่อแม่ที่ยอมขายลูกตัวเองให้กับบททดสอบสุดท้ายในครั้งนี้” หญิงมีอายุพูดขึ้น ซึ่งมันก็เป็นคำพูดที่รุนแรงมากพอที่จะทำร้ายความรู้สึกของเด็กโอลิมปิกทุกคน
ใช่ หากเราคนใดคนหนึ่งที่อยู่ที่นี่เป็นผู้ชนะขึ้นมาจริงๆ ละก็ คนคนนั้นจะได้กลับบ้าน บ้านที่มีพ่อแม่ พ่อแม่ที่ไม่ได้คิดจะปกป้องพวกเราเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกมันจะเป็นยังไงกันนะ มันจะอึดอัดอะไรรึเปล่า ผมเองก็ได้แต่คิดนะ เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมจะอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายไหม
“ใครมีคำถามอะไรอีกไหม” หญิงมีอายุถามเป็นหนสุดท้าย แต่กลับไม่มีใครยกมือ ตอนนี้ทุกคนคงเข้าใจกฎกติกาเป็นอย่างดีแล้ว เธอยิ้มอย่างพอใจ “เอาละ พวกเธอจะได้กระเป๋าคนละใบ ในนั้นมีน้ำและอาหารมากพอที่จะทำให้เธออยู่ได้หลายวัน ต่อจากนั้นพวกเธอจะถูกนำตัวไปไว้จุดต่างๆ คนละจุด และจะเริ่มบททดสอบครั้งสุดท้ายนี้ทันที ขอให้ทุกคนโชคดี...”
*********************************************
ตอนต่อไป จะอัพวันอาทิตย์ตอนเย็นๆ ไม่ก็ดึกๆ นะครับ
เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ จะได้มีกำลังใจอัพหน่อย
ปล. ตอนนี้แต่งถึงตอนที่ 11 แล้ว และขี้เกียจแต่งต่อมาก 5555
ความคิดเห็น