ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Number to die : เกมโหด กระชากขวัญ คนอัจฉริยะ

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : เริ่มเกม กำจัดเป้าหมายแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 49
      2
      27 ส.ค. 56

    บทที่ 3

    เริ่มเกม กำจัดเป้าหมายแรก

     

    ผมถูกปิดตาไว้อย่างแน่นหนา ผมมองอะไรไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย รู้สึกถึงความมืดมิดและอากาศที่หนาวเย็น มีใครบางคนกำลังพาผมไปยังจุดเริ่มต้นของเกมที่ผมควรยืนอยู่ ผมรู้สึกได้ว่าผมได้อยู่ในอาคารเรียน เพราะผมได้ก้าวขึ้นบันไดหลายขั้น ก่อนจะหยุดรออยู่ในสถานที่มีฝุ่นตลบอบอวล หากที่นี่เป็นโรงเรียนร้างจริง แสดงว่าห้องเรียนก็คงเต็มไปด้วยฝุ่นเช่นกัน

    “รออยู่ตรงนี้นะ อย่าไปไหนเด็ดขาดจนกว่าทางเราจะประกาศให้เริ่มเกมได้ อย่าคิดตุกติกก่อนเริ่มละ” เสียงชายหนุ่มบอกกล่าวกับผม ผมพยักหน้าเข้าใจทันที ก่อนร่างนั้นจะเดินออกไปจากที่ที่ผมยืนอยู่ เขาปล่อยให้ผมยืนอยู่คนเดียว จนผมรู้สึกกลัวและกดดันระคนกันไปหมด

    ก่อนหน้านี้พวกเด็กโอลิมปิก ได้กระเป๋าเป้คนละใบ ทุกคนถูกปิดตาและถูกนำตัวไปไว้คนละที่ อย่างผมก็มายืนรออยู่ในห้องเรียนรอได้ประมาณ 10 นาที ผมเริ่มรู้สึกปวดขา แถมยุงก็เริ่มกัดผมแล้วด้วย แต่ผมยังไม่เห็นจะมีวี่แววว่าจะมีประกาศให้เริ่มเกมสักที ผมรู้สึกกดดันนะ อยากจะไปจากที่นี่เร็วๆ

    เสียงออดของโรงเรียนดังขึ้น ก่อนจะมีเสียงประกาศตามมา ผมรู้สึกได้ว่าเป็นเสียงของหญิงมีอายุที่อธิบายเกี่ยวกับกฎกติกาของ The Target Number Game

    “เราจะเริ่มเกมอีกใน 3 วินาทีข้างหน้า 3...2...1... เริ่มเกมได้ ขอให้ทุกคนโชคดี” เสียงประกาศหยุดไป ผมรีบถอดผ้าปิดตาออกทันที กลัวว่าจะมีใครเข้ามาทำร้าย แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ผมยืนอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่งตามลำพัง ทุกอย่างในห้องถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย เก้าอี้และโต๊ะเรียนไม่ได้ล้มระเนระนาดเหมือนห้องที่ผมเคยอยู่ก่อนหน้านี้แต่มันเหมือนกันตรงที่ว่ามีฝุ่นเยอะเหมือนกัน

    ผมหยิบเครื่องทาเก็ทออกมา เช็คหมายเลขของตัวเองอีกครั้ง ผมแน่ใจว่าผมขึ้นรถบัสเป็นคนสุดท้าย และเป็นไปได้ว่าผมจะถูกไล่ล่าเป็นคนสุดท้าย ในทางกลับกันหากมีคนจำได้ว่าผมขึ้นรถบัสเป็นคนสุดท้าย ผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายคงอยากจะฆ่าผมด้วยกันทั้งนั้น เพราะหมายเลขที่ผมได้มามันเป็นหมายเลขที่ใครๆ ต่างก็อยากได้ ใช่... พวกคุณคิดไม่ผิดหรอก

    หมายเลข 25 หมายเลขสุดท้าย...

    อย่างน้อยคนที่รู้เรื่องว่าผมเป็นคนขึ้นรถบัสเป็นคนสุดท้ายคงมีแต่เฟย์ที่ขึ้นรถบัสก่อนผม ส่วนเธอเองก็คงได้หมายเลขไล่ล่าอันดับที่ 24 ผมคงต้องหาเธอให้พบก่อนจะมีคนทำร้ายเธอ เพราะอย่างน้อยเธอก็เป็นคนเดียวที่ผมสนิทด้วย และเป็นไปได้สูงว่าเราจะตกเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่ผู้ถูกล่าอยากจะตามฆ่ามากที่สุด ผมรีบวิ่งลงจากอาคารเรียนทันที ไม่อยากให้เสียเวลาผ่านไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ คงมีคนจำนวนมาก กำลังรวมกลุ่มกันเพื่อกำจัดหมายเลขแรกแล้วแน่ๆ

    ผมวิ่งจนมาถึงชั้นล่างสุดของตึกเรียน ตอนนี้บริเวณทั้งหมดถูกกลืนกินด้วยความมืด ผมแทบแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ทุกอย่างดูมืดไปหมด ผมอยากจะใช้ไฟฉายให้รู้แล้วรู้รอด หากไม่ติดที่ว่ามันจะเป็นการดึงความสนใจของเด็กโอลิมปิกคนอื่นๆ เข้ามาหาตัวผม เพราะฉะนั้นผมควรจะอดทนและพยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืดไว้ ผมเดินไปตามทางเดินของโรงเรียน บางจุดมีหลอดไฟเปิดไว้ประปราย บางจุดมืดมากจนมองไม่เห็น แต่ผมก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงแสงสว่าง หลบเข้ามุมมืด เคลื่อนที่อย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง

    เสียงออดของโรงเรียนร้างดังขึ้นอีกรอบ ผมหยุดชะงักฟัง

    “เป้าหมายแรก ฟิล์ม นายยุทธการ อภินันท์โชค Start!” เสียงประกาศดังขึ้นก่อนจะเงียบหายไป ผมรีบหลบเข้ามุมมืดตรงซอกมุมตึก เพราะยังไม่อยากตกเป็นเป้าหมายของใคร ผมรู้สึกลนลานมากขึ้นที่หาใครไม่พบ ผมอยากจะเดินสำรวจให้ทั่วโรงเรียน แต่ก็ไม่อยากทำอะไรที่มันเสี่ยงเกินไป เพราะเป็นไปได้ว่าจะถูกใครบางคนเข้ามาทำร้ายได้ อีกอย่างที่นี่ก็ดูร้างเกินกว่าจะเดินสำรวจตามลำพัง

    เครื่องทาเก็ทสั่นจนผมต้องหยิบมันขึ้นมาดูจากกระเป๋ากางเกงและปลดล็อคด้วยระแบบสัมผัส ก่อนจะพบว่าหน้าจอได้แสดงเป็นรูปของเด็กหนุ่มหน้าตาหาเรื่องคนนั้น ใบหน้ายียวนที่ชวนหาเรื่องตอลดเวลา ส่วนด้านใต้รูปเป็นข้อความภาษาอังกฤษเขียนว่า ‘Number 01’

    เกมได้เริ่มแล้วสินะ...

    ผมเก็บเครื่องทาเก็ทเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเดินถอยหลังเข้ามุมมืดเรื่อยๆ ก่อนที่เท้าผมจะชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ผมรีบเอาไฟฉายที่ได้ติดอยู่กับกระเป๋าเป้ส่องดูทันที มันเป็นกล่องไม้สีน้ำตาลเข้ม และมีสัญลักษณ์ตัวทีติดอยู่ ผมรีบแกะกล่องไม้นั้นทันที ในนั้นมีระเบิด 3 ลูกและมีดพกขนาดเล็กซ่อนอยู่ ผมรีบนำเอาระเบิดสองลูกยัดใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง แล้วเอามีดพกยัดใส่ไว้ในรองเท้าส่วนระเบิดอีกลูกก็ห้อยไว้กับกระเป๋าเป้ จากนั้นผมก็ปิดกล่องไม้ทำให้มันอยู่ในลักษณะเหมือนเดิมมากที่สุด

    เอาละ อย่างน้อยผมก็ได้อาวุธมาบ้างแล้ว  และสิ่งแรกที่ผมต้องทำก็คือต้องหาเฟย์ให้พบ คิดได้อย่างนั้นผมก็กระชับกระเป๋าตัวเองให้แน่น เรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง แล้วเดินออกไปจากมุมมืดนั้นทันที...

     

    “เป้าหมายแรก ฟิล์ม นายยุทธการ อภินันท์โชค Start!” เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้ง ตกตะลึงสุดขีดใบหน้าเขาชาไปชั่วขณะ ในที่สุดเขาก็เป็นเป้าหมายแรกจริงๆ

    ทุกอย่างเป็นเพราะพ่อของเขาแท้ๆ

    ฟิล์มนึกย้อนไปตอนที่พ่อของเขาไล่ให้เขาขึ้นรถบัสเป็นคนแรก เขาจำได้ดีว่าพ่อพูดกับเขายังไงบ้าง และทำยังไงกับเขาบ้างเพื่อให้เขาได้ติดเด็กโอลิมปิก  ใช่ทุกคนคิดถูก ฟิล์มไม่ใช่คนที่เรียนเก่งอะไรมากนัก เขาเป็นเด็กเกเรเสียด้วยซ้ำ เขาชอบเล่นเกมกับเพื่อนๆ เป็นประจำ แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง พ่อของเขาอยากให้เขาได้ติดเด็กโอลิมปิก เพื่อที่จะได้มีหน้ามีตาในสังคม พ่อเขาทำทุกอย่าง ทั้งวิ่งเต้นซื้อเฉลยข้อสอบที่ใช้สอบ หากสอบครั้งไหนเขาได้คะแนนน้อยพ่อเขานี่แหละใช้เงินยัดให้คนตรวจข้อสอบเปลี่ยนคะแนนให้ จนเขาอยู่รอดเป็นส่วนหนึ่งของเด็กโอลิมปิก มาจนถึงทุกวันนี้ แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่พ่อเขาจะมาขายเขาให้กับบททดสอบสุดท้ายบ้าๆ นี้ละ? ฟิล์มไม่เข้าใจเลยจริงๆ พ่อเขาต้องการอะไรกันแน่ อยากให้เขาตายมากหรือยังไงกัน

    รึว่าพ่อเขาคิดว่าเขาจะเป็นผู้รอดคนสุดท้าย?

    ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งตลก เขาจะไปทำได้ยังไงละ ในเมื่อตอนนี้เขากลายเป็นเป้าหมายที่จะถูกฆ่าโดยเด็กโอลิมปิก อีก 24 คน นอกเสียจากว่าเขาจะสามารถกำจัดคนที่ถือหมายเลข 25 อยู่ นั่นจึงจะเป็นโอกาสทองของเขาที่พอจะมีสิทธิ์เป็นผู้ชนะบ้าง แล้วใครละที่เป็นถือหมายเลข 25 อยู่? ฟิล์มไม่ได้สังเกตเสียด้วยสิว่าใครขึ้นรถบัสเป็นคนสุดท้าย เขาจำไม่ได้เลยจริงๆ พอเขาขึ้นไปเป็นคนแรก เขาก็อารมณ์เสียมากพอแล้ว เพราะเขาไม่อยากเข้าค่ายบ้าบออะไรนี่เลย มันไร้สาระและน่าเบื่อมากๆ ไม่รู้จะเข้าค่ายบ่อยอะไรนักหนา

    ฟิล์มค้นกระเป๋าเป้หาไฟฉาย ก่อนจะเปิดให้มันทำงาน เขาเคลื่อนตัวออกจากจุดเริ่มต้นเป็นครั้งแรก หลังจากนั่งอยู่ใต้ต้นไม้อยู่คนเดียวมาเป็นเวลานาน เขาใช้ไฟฉายเป็นเครื่องมือในการมองเห็น โดยไม่สนใจเลยว่าจะตกเป็นจุดสนใจ ฟิล์มแค่ต้องการหาใครสักคนที่จะมาเป็นเพื่อนเขา พอนึกก็ไม่มีใครสักคน เพราะคนที่เขาสนิทด้วยมากที่สุดตอนเข้าค่ายก็เพิ่งตกรอบออกไปเมื่อรอบที่แล้ว พอฟิล์มพยายามจะเข้าหาคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะคนที่เหลืออยู่ เหมือนจะเป็นเด็กที่เก่งจริง ฉลาดจริง มีไหวพริบจริง แถมพวกนั้นเหมือนจะรู้ด้วยว่าเขาทุจริตในการสอบ พวกนั้นมองเขาด้วยสายตาที่แปลกไป

    ฟิล์มควรจะทำยังไงดี เขาควรจะฆ่าใครสักคนจริงหรอ เขาไม่ได้เก่งพอที่จะทำเรื่องแบบนั้นคนเดียวได้หรอกนะ ถึงเขาจะเป็นเด็กเกเรติดเกมก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะฆ่าคนแบบนี้เลย เขารู้จักคำว่าผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่ถ้าฟิล์มไม่ทำอะไรเลย เขาก็จะถูกฆ่า เขายังไม่อยากตาย เขายังอยากที่จะมีอนาคต เขาควรทำยังไงดี รึว่าเขาควรจะฆ่าผู้หญิงสักคน? ยังไงผู้หญิงมันก็แรงน้อย ไม่น่าจะสู้แรงเขาได้

    ฟิล์มเดินไปตามถนนได้ยินเสียงกลุ่มผู้หญิงหลายคนคุยกันดังมาจากที่ไกลๆ เขารีบปิดไฟฉาย แล้วเดินไปหลบหลังต้นไม้ทันที ที่นี่มีต้นไม้เยอะมาก เขาสามารถเดินเข้าไปหลบได้อย่างง่ายดาย โรงเรียนร้างในหุบเขาเพชรบูรณ์แห่งนี้มันช่างเป็นสถานที่ที่เหมาะการแก่หลบซ่อนและซุ่มทำร้ายเสียจริงๆ

    ฟิล์มรออยู่ในเงามืด รอดูท่าทีของกลุ่มเด็กสาวที่กำลังเดินมาด้วยกัน 4 คน เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกนั้นได้ ทุกอย่างมืดมาก แค่เขามองเห็นว่ามาด้วยกัน 4 คนก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว เขาพยายามกลั้นหายใจไว้  เพราะเด็กหนุ่มไม่อยากให้เด็กสาวทั้ง 4 รู้ว่ายังมีเขาที่หลบซ่อนอยู่ตรงหลังต้นไม้ตรงนี้ เขารอให้เด็กสาวทั้ง 4 คนผ่านไป ในใจแอบเสียดายนิดๆ ที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ เขามันอ่อนแอเกินกว่าจะฆ่าคนพวกนั้น อีกอย่างในเวลานี้เขาไม่มีอาวุธอะไรสักอย่างด้วย ฟิล์มควรจะหามันให้พบก่อนที่จะถูกไล่ล่า

    พอคิดได้แบบนั้น ฟิล์มก็เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง เขาเดินเลียบไปกับทางเดินเล็กๆ ที่ปูด้วยพื้นซีเมนต์ ฟิล์มพยายามเดินให้เบาที่สุด หากตามพื้นไม่มีบางทีมันอาจจะอยู่ที่สูงๆ

    เขาเริ่มมองบนต้นไม้ ในใจแอบกังวลกลัวว่าจะมีใครตามเขามา ทุกอย่างมันเงียบเกินไป ฟิล์มเริ่มมองหาไปเรื่อยๆ เขายังอยู่ใกล้ๆ กับจุดเริ่มต้นที่ถูกปล่อยตัว ตรงนี้มันมีต้นไม้เยอะมาก มันเป็นไปได้ว่าตรงนี้ควรจะมีอาวุธซ่อนอยู่ ฟิล์มค้นหาเรื่อยๆ จนพบสติกเกอร์สัญลักษณ์ตัวทีอยู่ตรงต้นไม้ เขารีบมองไปบนยอดไม้ทันที และพบกล่องไม้เล็กแต่มีขนาดยาวพอตัว เขารีบเอื้อมตัวเขย่ากิ่งไม้เพื่อให้กล่องนั้นตกลงมา

    ปึก!๋๋็็๋็        

    เสียงกล่องไม้ตกลงกระทบกับพื้น ความมืดทำให้เกิดเสียงสะท้อนดังไปทุกทิศทาง ฟิล์มรีบเก็บกล่องไม้นั้นไว้ กอดมันไว้แน่น แล้วรีบออกจากตรงนั้นทันที

     

    ผมเดินให้เงียบที่สุด พยายามไม่เดินออกไปตรงถนน ใช้หลังชนกับกำแพงหรืออะไรก็ได้ที่หาได้ตรงนั้น ผมรู้สึกหวาดหวั่นไปหมด กลัวทุกคนจะเข้ามาทำร้ายจนเหมือนคนจะเสียสติเต็มที ยิ่งตอนนี้ผมไม่เจอใครสักคน มันเลยทำให้ผมใจเสีย ประกอบกับความเงียบวังเวงปกคลุมทั่วโรงเรียนไว้ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าทุกคนเองต่างหวาดกลัวจนไม่กล้าออกมาจากที่หลบซ่อนของตัวเอง

    ผมเดินไปจนถึงอาคารวิทยาศาสตร์ซึ่งสูง 4 ชั้น มีลักษณะเก่าแก่แต่ยังคงความสะอาดไว้บ้าง แสดงว่าพวกที่จัดบททดสอบสุดท้ายคงบูรณการที่นี่ให้มีสภาพภายนอกให้ดูดีไว้ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยฝุ่นและอุปกรณ์ประกอบการเรียนที่หักพักไม่มีชิ้นดี

    จะว่าไปผมควรจะเดินเข้าไปหลบด้านในตัวอาคารวิทยาศาสตร์นะ แต่ผมคิดว่าที่นี่ต้องมีคนหลบอยู่ในตัวอาคารแล้วแน่ๆ อีกอย่างคนด้านในน่าจะพบอาวุธอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตึกแล้วก็เป็นได้ และเป็นไปได้ว่าคนคนนั้นคอยหลบซ่อนเพื่อรอจะทำร้ายเหยื่อที่เข้าไปติดกับ

    อีกอย่าง ผมว่าเฟย์ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น เธอน่าจะเป็นคนติดเพื่อน เป็นไปได้ว่าเธอเองก็กำลังตามหาคนอื่นๆ เช่นกัน เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้น ผมหยุดเดินทันที เสียงฝีเท้ามันหนักเกินกว่าจะเป็นผู้หญิงจนผมเริ่มหวั่นเกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับตัวเองได้ ผมรีบเดินเข้าไปหลบตรงมุมมืด ใกล้ๆ กับทางเข้าของอาคารวิทยาศาสตร์จนเห็นเจ้าของฝีเท้าเดินผ่านไป ผมจำได้ว่าเป็นเด็กโอลิมปิกที่มีหน้าตาคล้ายฝรั่ง ในมือของเขามีหอกปลายแหลมที่พร้อมจะทำร้ายเหยื่อได้ทุกเมื่อ

    ผมรอจนเด็กหนุ่มคนนั้นผ่านไป ก่อนจะออกตัววิ่งอ้อมไปยังหลังอาคารวิทยาศาสตร์ ผมหยุดวิ่งหอบหายใจถี่รัวด้วยความเหนื่อยหอบ กว่าจะวิ่งอ้อมตัวอาคารได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ตัวอาคารก็ใหญ่ใช่เล่น แสดงว่าทุนที่รัฐบาลสนับสนุนก่อนหน้านี้คงเยอะพอตัว

    ผมรอให้หายเหนื่อย หันซ้ายหันขวา ดูให้แน่ใจว่าจุดที่ผมยืนอยู่นี้ไม่มีใครนอกจากผมคนเดียว ผมควรจะไปทางไหนดี ผมตัดสินใจไม่ถูกสักอย่าง ผมหลับตาหลงแล้วหมุนรอบตัวเอง เมื่อรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยก็หยุดหมุน ผมลืมตาขึ้น ก่อนจะตัดสินใจเดินไปทางที่โชคชะตาเลือกให้ ผมเดินออกจากอาคารวิทยาศาสตร์เดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่นี่ผิดคาดไปจากที่คาดไว้เยอะมาก ที่นี่สะอาดจริงๆ ไม่เหมือนเป็นโรงเรียนร้างเลยสักนิด

    ผมเดินไปอย่างเดียวดาย สายตาจับจ้องไปด้านหน้าตลอดเวลา จนพบกับเงาๆ หนึ่งอยู่ที่ไกลๆ ผมไม่แน่ใจว่าคนคนนั้นจะทำร้ายผมหรือไม่ ทางที่ดีผมควรเลี่ยงไว้ก่อน ผมหลบเข้าเงามืดอีกหน เคลื่อนตัวช้าๆ เข้าใกล้จนพอรู้ว่าเงาๆ รางนั้นเป็นร่างของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตามลำพัง ผมเข้าไปใกล้ อย่างน้อยก็อุ่นใจที่เป็นผู้หญิง เพราะผมมั่นใจว่าแรงของผู้หญิงไม่สู้ผู้ชายอยู่แล้ว แต่ผมก็ประมาทไม่ได้ เธอคนนั้นอาจจะทำร้ายผมได้ทุกเมื่อ

    ผมเข้าไปใกล้มากขึ้น รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ระวังตัวอะไรเลย ผมเดินเข้าไปหลบอยู่หลังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กับร่างของหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่บนไม้หินอ่อนตามลำพัง ผมหันไปมองเธออีกรอบจนเห็นหน้าเธอชัดๆ

    นั่นมันเฟย์นี่!

     

    “ฟะ...” ในขณะที่ผมกำลังจะเรียกเฟย์และเดินออกมาจากหลังต้นไม้นั้น ร่างของเด็กหนุ่มที่ซ่อนอยู่ในเงามืดก็เริ่มเคลื่อนไหว ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ในมือถือดาบซามูไรเตรียมพร้อมที่จะฟาดฟันเด็กสาวผู้ไม่รู้เรื่อง ผมจะกระโจนเข้าไปช่วยคงไม่ทันแน่ “เฟย์! ระวังข้างหลัง!!!

    ผมตะโกนสุดเสียง ไม่สนใจแล้วว่าจะมีใครได้ยินไหม เฟย์เหมือนจะยิ้มเมื่อเห็นผม แต่เธอคงรู้สึกได้ถึงอันตรายที่อยู่ด้านหลัง เธอหันไปมองฟิล์มรอบหนึ่งก่อนจะกรีดร้องออกมาพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบไปพร้อมๆกัน

    “กรี๊ดดดดดดดดดดด!!

    หวืดดดดด

    เสียงของดาบซามูไรฟาดฟันไปในอากาศ ผ่านร่างของเฟย์ไปอย่างหวุดหวิด ผมเข้าถึงตัวของเฟย์ในเวลาต่อมา ก่อนจะดึงร่างของเฟย์ให้ถอยห่าง ใบหน้าของผู้ถูกล่าหมายเลข 1 ดูไม่พอใจมากนัก

    “เวรเอ้ย แมร่งจะฆ่าได้อยู่แล้วเชียว” ฟิล์มสบทออกมา ส่วนเฟย์เองก็อยู่ในอ้อมกอดผม ผมรู้สึกได้ว่าตัวเธอสั่นไปหมด “ไอ้เวรเอ้ย แบบนี้จะทำไงดีวะ”

    “เราว่านายหยุดเถอะ เราทั้งหมดควรรวมตัวกันแล้วหาทางออกไปจากที่นี่ด้วยกัน” ผมพูดรัวใส่เป็นชุด เกลี้ยกล่อมให้ฟิล์มไว้วางใจผม “พวกเราทุกคนอย่าไปเล่นตามเกมมันเลย”

    “กูไม่มีวันเชื่อมึงหรอก! พวกเราทุกคนทั้งหมดที่นี่ ไม่ทางออกไปด้วยกันได้!! มึงก็รู้อยู่แก่ใจว่าที่นี่มีสนามแม่เหล็กไฟฟ้าล้อมรอบกำแพงไว้ ขืนออกไปมีแต่ตายกับตาย! เกมมันได้กำหนดมาแล้ว และเราควรทำให้มันจบๆ ไป พวกเราคนใดคนหนึ่งจะได้กลับบ้าน กูยังไม่อยากตายที่นี่ กูอยากกลับบ้าน ทางที่ดีมึงส่งตัวผู้หญิงคนนั้นมาดีกว่า แล้วกูจะปล่อยมึงไป”

    “ไม่มีทาง” ผมจับมือเฟย์ไว้แน่น ผมควรทำไงต่อดี จะหนีไปทางไหนถ้าหากผมกล่อมเจ้านี่ไม่สำเร็จ

    “กูจะให้โอกาสมึงอีกรอบ” ฟิล์มจับดาบซามูไรแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห “มึงจะส่งมันมาให้กูรึเปล่า” น้ำเสียงของฟิล์มเต็มไปด้วยความกดดัน แต่ผมยังคงยืนยันคำเดิมว่า

    “ไม่”

    “ดี งั้นก็ตายไปพร้อมกันเถอะ” ฟิล์มพูดเป็นหนสุดท้าย ใช้มือทั้งสองข้างจับดาบซามูไรให้ตั้งฉากกับพื้นแล้วจัดการเบี่ยงมันไปด้านซ้ายมือ ฟิล์มกระชับดาบในมืออีกครั้ง ยิ้มเยาะกับชัยชนะที่เขาจะได้รับ และเขากำลังจะหลุดพ้นจากการไล่ล่าของคนอื่นๆ เสียที

    ผมกับเฟย์จับมือกันแน่นมากขึ้น หัวใจเต้นระรัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของฟิล์ม เขาเริ่มเคลื่อนไหวเข้าหาผมกับเฟย์ ผมหันไปมองหน้าเฟย์ พยักหน้าให้เธอ ยิ้มให้เธออีกรอบ พวกเราทั้งสองคนต่างยอมรับในชะตากรรมครั้งนี้ ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง รอคอยความตายที่ฟิล์มจะมอบให้พวกเรา

    ฉึก!

    เสียงคมมีดเสียดสีกับผิวหนังมนุษย์ดังขึ้น ผมกับเฟย์ต่างสะดุ้งพร้อมกัน พวกเราต่างลืมตาขึ้น เสียงคมมีดที่ดังขึ้นไม่ได้จากผิวกายของเราสองคนแต่มันดังมาจากตัวของฟิล์มเอง...

    ผมกับเฟย์ต่างอ้าปากค้าง เห็นใบหน้าของผู้ที่มาช่วยชีวิตของเราสองคนอย่างชัดเจน ผมเห็นเด็กหนุ่มหน้าคล้ายฝรั่งที่เดินผ่านผมไปตรงอาคารวิทยาศาสตร์กำลังใช้หอกที่ติดมือมา แทงเข้าที่ท้องของฟิล์มจากด้านหลังจนหอกทะลุออกมาด้านหน้าพร้อมกับเลือดสีแดงข้นไหลออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์นั้น ฟิล์มถึงกับตาเบิกโพลง ปากขยับร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีเสียง เขาพยายามจะดึงมันออกแต่ก็ถูกเด็กหนุ่มยึดหอกไว้แน่นก่อนจะหมุนหอกในลำตัวของฟิล์มจนเลือดไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก ฟิล์มกระอักเลือดออกมาทางปากก่อนจะล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับหอกที่แทงหลังอยู่

    ผมกับเฟย์ช็อคแทบสิ้นสติ เราสองคนต่างหยุดอยู่กับที่ ขาสั่นเกินกว่าจะวิ่งหนีเพราะภาพมันสยดสยองเกินกว่าจะรับได้ ผมมองเห็นสายของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและกระหายราวกับสัตว์ป่า เด็กหนุ่มยิ้มเยาะ ผมรับรู้ถึงอันตรายที่จะตามมา  ผมกระตุกมือของเฟย์หนึ่งครั้งเมื่อตั้งสติได้ ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่ผมกับเฟย์จะหนีไปพร้อมกัน ยังไงซะเด็กหนุ่มคนนี้กว่าจะดึงหอกออกมาจากหลังของฟิล์มได้คงจะใช้เวลานานพอควร ผมกับเฟย์ต้องหนีตอนนี้เท่านั้น!

    “หนีเร็ว!” ผมตะคอกใส่เฟย์ ดูเธอจะสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เธอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะวิ่งตามผมมาโดยมือของเราทั้งสองคนยังจับกันไว้ตลอดทาง ผมหันไปมองเด็กหนุ่มคนนั้นอีกรอบก่อนจะเห็นสายตาอันโหดร้ายที่ทำให้ผมกลัวจับใจ ผมได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มคนนั้นระเบิดหัวเราะเหมือนตัวร้ายในละคร ก่อนจะค่อยๆ เงียบหายไปตามระยะทางที่เราทิ้งห่างออกจากกันเรื่อยๆ...

     




    ***************************************************************
    ขอโทษด้วยครับที่มาลงซะดึกเลย
    ตอนนี้ตอนที่แล้วสามแล้วนะ เริ่มกำจัดเป้าหมายแรกกันแล้ว
    มีความคิดเห็นยังไงกับนิยายเรื่องนี้บอกกล่าวกันได้นะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×