คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER II : Background...ภูมิหลัง (Upload 30 %)
พีระก้าวลงจากรถยนต์หรูมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่เคยอาศัยมาตั้งแต่เล็กจนโต นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่เคยมาเยือนที่นี่เลยตั้งแต่เขาเลือกที่จะทำธุรกิจรีสอร์ทต่อจากแม่แทนที่จะเป็นทหารอย่างที่พ่ออยากให้เป็น ตลอดเวลาที่เติบโตมาพีระถูกปลูกฝังให้มีเลือดรักชาติเหมือนกับพ่อ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎระเบียบซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบและพยายามต่อต้านอยู่เงียบๆ มาตลอด
กระทั่งพีระได้มาพบกับ ‘ตฤน’ ผู้ชายที่ทำให้เขากล้าแหกกฎทุกอย่างและปลดล็อกตัวตนของตัวเอง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยและเขาก็รู้ว่าตฤนเป็นอะไรมาตั้งแต่แรกแต่คนอื่นไม่เคยรู้ ตฤนเป็นเพื่อนที่ดีเสมอแล้วไม่เคยล้ำเส้นระหว่างกันให้เขารำคาญใจ จนวันนึงเขาก็รู้สึกดีกับตฤนมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ใครเข้าใจได้ และสุดท้ายพีระก็ได้คำตอบว่าแท้จริงแล้วเขามีรู้สึกพิเศษกับเพื่อนตัวเองแต่เขาก็ไม่อาจทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้จึงได้แต่เก็บมันเอาไว้เป็นความลับเรื่อยมา
หลังจากเรียนจบตฤนก็ไปเรียนต่อที่อเมริกาและได้งานประจำที่นั่นจนทั้งคู่ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ในระหว่างนั้นใช่ว่าจะไม่มีใครผ่านเข้ามาในชีวิตของพีระ หลายปีที่ผ่านมาเขาเคยลองคบผู้หญิงมากหน้าหลายตาตั้งแต่ไฮโซยันนางแบบชื่อดังเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่เข้าใจ แต่ยิ่งลองคบก็ยิ่งรู้สึกต่อต้านเพราะผู้หญิงพวกนั้นจ้องแต่จะหวังผลประโยชน์จากเขาด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าจะทางธุรกิจหรือชื่อเสียงที่เขามี ชายหนุ่มจึงตัดสินใจครองโสดมานานกว่าสามปีโดยไม่มีใครอีกเลย ในใจของเขาวันนั้นเฝ้าคิดถึงแต่เพื่อนสนิทที่อยู่ห่างไกลจนสุดขอบโลกโดยไม่รู้เลยว่าวันไหนจะหวนมาเจอกันอีก
แต่แล้ววันนึงโชคชะตาก็พาตฤนกลับมาพร้อมคำสารภาพว่าตฤนคิดเหมือนกันกับเขา พีระจึงตัดสินใจลองคบหากับตฤนอย่างจริงจังแบบลับๆ มาเป็นเวลาเกือบสองปี
และตฤนก็ยังเป็นที่ปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจรีสอร์ทของเขาได้เป็นอย่างดีจนสามารถพูดได้เต็มปากว่าที่ประสบความสำเร็จได้อย่างเช่นทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผู้ชายที่ชื่อ
‘ตฤน’
“คุณผู้หญิงขา คุณพีทมาค่า...”
‘นวล’ แม่บ้านเก่าแก่ประจำบ้านตะโกนลั่นเมื่อเห็นพีระยืนอยู่ที่หน้าประตู
หญิงชรากระพริบตาถี่ๆ เพื่อดูจนแน่ใจก่อนจะวิ่งไปบอกนายหญิงของบ้านด้วยความดีใจ
“ไหนจ๊ะ ลูกชายฉันมาหรือ?”
คุณหญิง‘กรวรรณ’ สตรีผู้สืบเชื้อสายจากขุนนางในวังสาวเท้าออกมาด้วยความรีบร้อนเพื่อไปดูให้เห็นกับตาว่าคนสูงวัยที่วิ่งมาบอกนั้นไม่ได้ตาฝาด
ก่อนที่คนเป็นแม่พบกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้จากหน้าบ้าน
“ตาพีทลูกแม่ คิดถึงจังเลยครับลูก” เธอเข้าไปโอบกอดลูกชายด้วยความคิดถึงแถมด้วยการหอมแก้มทั้งสองข้างฟอดใหญ่ราวกับไม่เจอกันเป็นสิบปี
“ผมก็คิดถึงคุณแม่ครับ”
ชายหนุ่มหอมแก้มมารดาตอบก่อนจะสวมกอดหญิงสูงวัยแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์ไว้แน่น
“หายหน้าไปเสียนาน แม่โทร.
ไปเลขาลูกก็บอกว่าลูกยุ่งอยู่ตลอดเลย ทำงานอะไรกันนักหนาครับลูก พักกลับบ้านกลับช่องบ้างคงไม่ทำให้ธุรกิจเจ๊งหรอกมั้งครับ”
เธอพูดพลางถอนอ้อมกอดออกจากลูกชายก่อนจะยกมือเรียวที่สวมแหวนเพชรหลายกระรัตขึ้นลูบใบหน้าเกลี้ยงอย่างห่วงหา
“ก็ผมงานยุ่งจริงๆ นี่นา แต่ผมก็รีบเคลียร์งานแล้วกลับมาที่นี่ทันทีเลยนะครับ เพราะว่าผมน่ะคิดถึงคุณแม่ม๊ากมาก...”
เขาอ้อนเหมือนลูกแมวอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเพราะรู้ดีว่าคนเป็นแม่ชอบที่เขาเป็นแบบนี้แทนที่จะแข็งกระด้างเหมือนคนเป็นพ่อ
“แหม...แล้วไม่คิดถึงน้องสาวคนนี้บ้างเลยเหรอคะ?”
‘รมิตา’ หรือ ‘หมวดพริม’ ผู้หมวดคนสวยน้องสาวของพีระส่งเสียงมาจากบันไดบ้านโดยที่ยังใส่ชุดตำรวจเต็มยศเพราะเพิ่งกลับจากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจกองปราบ
“คิดถึงสิคะน้องสาวคนสวยของพี่”
เขาเดินเข้าไปกอดน้องสาวพลางลูบหัวอย่างเอ็นดู
นึกขอบคุณรมิตาเหมือนกันที่ทำให้พ่อยอมปล่อยเขาเป็นอิสระเพราะหลังจากที่พีระเลือกเรียนบริหารธุรกิจคนเป็นพ่อก็โกรธมากจนถึงขั้นจะตัดพ่อตัดลูกกันเลยทีเดียว
แต่หลังจากที่เขาเรียนจบน้องสาวก็สอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยหญิงได้ตามที่เธอไฝ่ฝัน
ทำให้คนเป็นพ่อยอมคุยกับเขาและเปิดใจยอมรับในสิ่งที่เขาเลือกมากขึ้น
“ไม่จริงมั้งคะ วันที่น้องติดยศร้อยโทพี่ก็ไม่ยอมมา พริมแค้นฝังหุ้นนะจะบอกให้”
เธอทำแก้มพองอย่างไม่จริงจังนัก เพราะเข้าใจดีว่าพี่ชายของเธอนั้นแทบจะหาเวลาขยับตัวไปไหนไม่ได้เนื่องจากต้องบริหารกิจการรีสอร์ทหลายแห่งในอาณาจักรของเขา
ซึ่งจะพูดไปพีระก็เป็นคนสร้างทั้งหมดนั้นขึ้นมาเองกับมือ
โดยที่ก่อนหน้านี้มันเป็นแค่กิจการรีสอร์ทเล็กๆ
ที่จังหวัดกระบี่ของมารดาที่ยกให้พีระดูแลต่อเท่านั้น หลังจากนั้นพี่ชายของเธอก็ขยายกิจการต่อไปเรื่อยๆ
จนตอนนี้รีสอร์ทของพีระมีมากกว่าสิบแห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศแล้ว
“ก็วันนั้นพี่ต้องไปดูงานที่ฮาวายนี่คะ
พี่ส่งของขวัญไปให้แล้วไง ไม่ถูกใจเราเหรอคะ?”
ชายหนุ่มพูดถึงรถยนต์ชื่อเล็กแต่ราคาไม่เล็กตามชื่อที่วานคุณเลขาขับไปมอบให้น้องสาวในวันที่รมิตาติดยศร้อยโท
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนป็นน้องสาวดีใจเท่ากับการที่พี่ชายมาร่วมยินดีด้วยตัวเองแม้จะไม่มีของขวัญอะไรติดตัวมาเลยก็ตาม
“ก็ถูกใจ
แต่พริมก็อยากให้พี่พีทมาด้วยนี่คะ” เธอบอกเสียงอ่อย
“ถ้าได้เลื่อนยศเป็นผู้กองเมื่อไหร่พี่จะไปให้ได้เลยนะคะ พี่สัญญา” เขายื่นนิ้วก้อยออกมาเพื่อเป็นการสัญญา
คนเป็นน้องสาวชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยอมเกี่ยวก้อยกลับก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ
“เอาล่ะๆ
พี่น้องเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่านะคะ”
ผู้เป็นแม่พูดพลางดันหลังลูกชายและลูกสาวเข้าบ้าน
แต่พีระกลับชะงักเท้าเมื่อเห็นชายสูงวัยกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขกกว้าง
คงจะนานมากจริงๆ
ที่เขาไม่ได้กลับบ้านหลังนี้ วัดจากผมที่แตกสีดอกเลาเกือบทั้งศีรษะของชายเบื้องหน้าเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจน
เพราะครั้งล่าสุดที่พีระกลับมาเยี่ยมบ้านยังมีผมสีดำกระจายอยู่มากกว่าตอนนี้
ริ้วรอยบนใบหน้าก็เริ่มฉายชัดขึ้นไปตามกาลเวลา
ชายคนดังกล่าวเงยหน้าขึ้นมามองผู้มาใหม่ก่อนจะก้มลงไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อโดยทำทีไม่สนใจการมาของบุตรชายคนเดียวของบ้าน
“สวัสดีครับคุณพ่อ” พีระยกมือไหว้ ‘พันเอกชนะชัย’ ผู้เป็นบิดาด้วยท่าทางแข็งแรงตามที่บิดาสอนมาตลอด
“ฉันนึกว่าแกจะไม่กลับมาเหยียบบ้านนี้แล้วซะอีก
ได้ข่าวว่าธุรกิจกำลังไปได้ดีเลยนี่ คงสมใจแกที่แหกคอกออกไปทำมันจนสำเร็จ”
ชนะชัยพูดแต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่ในมือ หนวดที่ถูกตัดแต่งเป็นทรงสวยงามกระตุกน้อยๆ
แต่พีระก็ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นการยิ้มหรือแค่เบะปากเย้ยหยันอย่างที่คนเป็นพ่อชอบทำกันแน่
แม้ว่าช่วงหลังมานี้ชนะชัยจะยอมคุยกับเขาบ้างแล้ว
แต่ก็ยังคงเคืองเรื่องในอดีตที่พีระขัดคำสั่งจนหลุดพูดจาประชดประชันเหมือนเมื่อครู่ออกมา
แต่เขาก็เข้าใจและยอมรับได้แล้วว่าบางทีความสัมพันธ์ของเขากับพ่ออาจจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
“ครับ ช่วงนี้ก็ยุ่งๆ
กับรีสอร์ทใหม่ที่กำลังจะเปิดที่ภูเก็ตน่ะครับ”
“เหรอ..ก็ดีนี่
แต่จะดีกว่านี้ถ้าแกรับได้ใช้ชาติเหมือนอย่างฉัน”
ชายสูงวัยพับหนังสือพิมพ์ที่ไม่ได้สนใจกับเนื้อหาของมันเท่าไหร่นักลงพลางมองมายังลูกชายด้วยแววตาแข็งกระด้าง
“เอาอีกแล้วนะคุณ
แค่นี้คุณยังไม่ภูมิใจในตัวลูกชายของเราอีกเหรอคะ”
กรวรรณพูดแทรกขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจที่สามียังยึดติดกับอดีตไม่เลิกทำเอาคนที่กำลังจะรื้อฟื้นความหลังต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงคอ
“ไปนั่งก่อนสิลูก จะได้คุยเรื่องรีสอร์ทใหม่ของลูกกัน” เธอจูงมือลูกชายให้มานั่งที่โซฟาตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อ
ส่วนตนกับลูกสาวก็เดินมานั่งขั้นกลางเผื่อจะมีใครเปิดศึกขึ้นมาอีก
“แล้วเป็นยังไงล่ะ ไอ้รีสอร์ทที่ว่านั่นน่ะ”
ผู้เป็นพ่อถามพลางทำทีเป็นกางหนังสือพิมพ์อ่านอีกครั้ง
ส่วนผู้เป็นแม่กับลูกสาวก็แอบลอบยิ้มอย่างรู้กันว่าจริงๆ แล้วผู้พันหนวดเข้มก็อยากจะรู้เรื่องราวของลูกชายและงานที่เขาทำไม่น้อยไปกว่าใคร
แต่ก็ต้องวางฟอร์มไว้เพราะกลัวจะเสียเหลี่ยมทหารเก่า
“กำลังอยู่ในช่วงโปรโหมดครับคุณพ่อ
ตอนนี้ก็คุยกับครีเอทีฟเรื่องการโฆษณาอยู่
อีกไม่นานก็น่าจะได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วล่ะครับ”
“เหรอคะ? ดีจังเลย แบบนี้พริมก็คงต้องเตรียมชุดสวยๆ
ไปงานพี่พีทแล้วสิค่ะ” รมิตาพูดอย่างตื่นเต้นแต่พอหันไปเห็นหน้าขรึมๆ
ของผู้เป็นพ่อที่ลอดผ่านหนังสือพิมพ์มาก็ต้องกลับไปนั่งทำตัวตรงอย่างสงบเสงี่ยมตามเดิม
“แม่ก็อยากไป เปิดตัววันไหนบอกแม่ด้วยนะลูกนะครับลูก” กรวรรณเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันทั้งที่จริงๆ
แล้วรีสอร์ทที่พีระทำอยู่ก็มีสาขาใหม่เปิดตัวอยู่หลายจังหวัดและเธอเองก็ถูกเชิญไปเป็นประธานเปิดงานแทบทุกครั้ง
แต่ติดตรงสามีที่มีทิฐิสูงกว่าใครไม่ยอมไปร่วมงานด้วย
“แล้วตอนนี้แกมองใครไว้แล้วหรือยังล่ะ?”
ยังไม่ทันที่พีระจะตอบอะไร ชนะชัยก็พูดแทรกขึ้นมาทันที “ถ้ายังไม่มีฉันจะแนะนำลูกสาวของเพื่อนให้แกรู้จัก
ไปเจอน้องหน่อยสิเผื่อคุยกันถูกคอจะได้สนิทๆ กันไว้”
อันที่จริงที่คนฟอร์มจัดยอมคุยกับลูกชายเยอะหน่อยก็เพราะอยากจะให้พีระไปทำความรู้จักกับใครบางคนที่เขาเห็นว่าคู่ควรที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ก็เท่านั้น
ไม่ได้อยากรู้เรื่องความเป็นไปของเจ้าลูกชายนักธุรกิจเลยจริงๆ
Talk : น่าสงสารคุณพีทจัง บีบมือแน่นๆ นะคะ
คงต้องหาลูกสะใภ้ให้คุณพ่อสักคนแล้วล่ะค่ะ สาวๆ แถวนี้ก็ยังว่างอยู่นะคะ ^^
ความคิดเห็น