ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNEXPECTED TO LOVE YOU : วิวาห์ตาลปัตร (Re-write)

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER I : Again...อีกครั้ง (Upload 90 %)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 62



    เอาเว้ย!! เจอกันสองครั้งก็ชวนกินข้าวแล้ว คิดไรกับเจ๊ป่ะคะ? (ชายนี่สงสัย)

    หลังจากแยกกับชายนี่แล้ว พีระก็เดินนำกีรติไปยังห้องอาหารสุดหรูของโรงแรมก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ

    เชิญตามสบายนะครับชายหนุ่มบอกพลางยื่นเมนูอาหารให้ หญิงสาวรับมันมาแบบเก้อๆ แล้วยิ้มให้เขาอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี นึกโมโหตัวเองอยู่เหมือนกัน ไม่รู้จะเขินอะไรเขานักหนา คงเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนที่รู้ความลับของเขาเลยวางตัวไม่ค่อยจะถูกเสียเท่าไหร่

    ขอสปาเก็ตตี้คาโบนาร่ากับน้ำส้มคั้นค่ะเธอหันไปสั่งพนักงานพลางพับเมนูส่งคืน

    เท่านี้เหรอครับ ดูท่าทางคุณจะหิวนะ ตอนพรีเซนต์งานผมได้ยินเสียท้องคุณร้องด้วยเขาพูดขำๆ

    จริงเหรอคะ!” เธอทำหน้าตื่นก่อนจะสารภาพความจริงกับเขา กีร์ไม่ได้ทานข้าวเช้ามาน่ะค่ะ กลัวมาไม่ทันนัด

    อาหารเช้าสำคัญนะครับ คราวหน้าทานข้าวมาด้วยล่ะ ถ้าผมได้ยินเสียงท้องคุณร้องอีกล่ะก็ ผมทำโทษแน่เขาชี้หน้าเธออย่างคาดโทษแต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้เห็นจนคนฟังไม่นึกกลัว

    เล่นแบบนี้กีร์ก็แย่สิคะ กีร์ทำงานเช้าทุกวัน บางทีก็ต้องหิ้วท้องไปฝากที่บริษัทฯ โชคดีที่มีชายนี่คอยดูแล ไม่อย่างนั้นกระเพาะกีร์คงแย่เธอเล่าให้เขาฟังเหมือนเล่าบอกเพื่อนคนนึง ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับเขาก็ไม่รู้

    คุณสองคนดูสนิทกันจังเลยนะครับ ถึงว่าสิ เราเลยเข้ากันง่ายเขาบออย่างเป็นนัย

    ทำไมล่ะคะ?หญิงสาวถามเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะเธอสนิทกับชายนี่ก็เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนจนชักชวนมาทำงานด้วยกัน แต่กับพีระไม่มีอะไรใกล้เคียงสักนิด

    ก็ผมกับคุณชายนี่เราเป็นพวกเดียวกันนี่ครับ แปลกจัง ทำไมผมถึงกล้าบอกเรื่องนี้กับคุณ คุณเป็นผู้หญิงคนแรกเลยนะครับที่รู้ความลับของผมเขาหัวเราะขำ แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ไว้ใจคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานขนาดนี้

    จริงเหรอคะ? รู้สึกเป็นเกียรติจังเลยเธอก็พูดติดตลกไปกับเขาด้วย ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนตรงหน้ากำลังมองเธอไม่วางตา หากแต่ว่าสายตานั้นไม่ได้สื่ออะไรมากนักเพราะความรู้สึกที่ขัดแย้งอยู่ในใจ 

    ทั้งสองคนนั่งรับประทานอาหารเคล้าเสียงหัวเราะอย่างความสุขกับมิตรภาพใหม่ ต่างคนต่างก็แลกเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องของการทำงานรวมถึงการใช้ชีวิต ทำให้กีรติได้รู้ว่าพีระยังไม่ได้แกรนด์โอเพ่นนิ่งกับคนรักอย่างที่เธอเข้าใจในตอนแรกเพราะทางบ้านของเขาคาดหวังให้ลูกชายคนโตของบ้านเป็นฝั่งเป็นฝาเช่นเดียวกันกันเธอ และตอนนี้อายุอานามของเธอก็ปาเข้าไป 30 ปีแล้ว ส่วนพีระเองก็ย่าง 36 ปลายๆ ซึ่งน่าจะเป็นเวลาเหมาะสมที่จะสร้างครอบครัวกับใครสักคน ถ้าไม่ติดที่ว่า...

    ครอบครัวคุณยังไม่รู้เหรอคะว่าคุณ...หญิงสาวช่างใจที่จะถามออกไปเนื่องจากตรงนี้เป็นที่สาธารณะและเธอกับเขาก็ไม่ได้อยู่กันแค่สองคน

    ครับ ผมเลยหนักใจอยู่ทุกวันนี้ วันดีคืนดีคุณพ่อของผมอาจจับผมแต่งงานกับผู้หญิงสักคนก็ได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ผมกลัวมากที่สุด

    ความจริงพีระไม่ต้องเล่าเรื่องพวกนี้ให้กีรติฟังก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงยอมเปิดอกพูดกับเธอจนหมดเปลือก คงเป็นเพราะเธอทำให้เขาสบายใจเวลาได้พูดคุยกัน ซึ่งมันอาจเป็นความสามารถพิเศษของครีเอทีฟส่วนใหญ่ที่มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นก็ได้

    แต่คุณดูไม่ใช่คนที่จะยอมทำตามคนอื่นง่ายๆ เลยนะคะ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้แสดงออกว่าชอบหรือไม่ชอบในสิ่งที่คนอื่นเลือกให้ก็ตามเธอคาดเดา เพราะจากการพรีเซนต์งานเมื่อครู่พีระกล้าที่จะติติงในส่วนที่คิดว่ามันจะเป็นผลดีกับงาน และยังมีศิลปะในการพูดที่ทำให้รู้สึกว่าการทำงานกับเขาไม่ได้น่าอึดอัดเมื่อเทียบกับผู้บริหารคนอื่นๆ ที่เธอเคยเจอ บางครั้งดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่ยอมอะไรง่ายๆ แต่สุดท้ายก็ตะล่อมให้คนฟังคิดตามและเห็นไปในทางเดียวกันกับเขาในที่สุด

    คุณกีร์จะบอกว่าผมดื้อเงียบใช่ไหมครับเขาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อสิ่งที่หญิงสาวเดาถูกเผง น้อยคนที่จะมองเขาออกได้แบบนี้

    แล้วจริงไหมล่ะคะ?เธอยิ้มอย่างรู้ทัน

    เดี๋ยวคุณกีร์ก็รู้เองละครับถ้าอยู่กับผมนานๆ เข้าชายหนุ่มไม่บอก แถมยังยอกย้อนกลับ ทำให้หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่เธอคิดคงไม่ผิดไปจากนี้นัก แต่เธอไม่แน่ใจว่าคำว่าอยู่กับเขาไปนานๆ นั่นเขาหมายความว่ายังไง หมายถึงนอกจากเรื่องงานแล้ว เราก็ยังคงคบหากันเป็นเพื่อนต่อไปอย่างนั้นหรือ

    หญิงสาวยิ้มบางๆ กลับไปก่อนจะทำท่าเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้

    “เห็นคุณพีระบอกว่ามีประชุมต่อที่โรงแรม นี่ก็จะบ่ายโมงแล้ว คุณไม่ต้องรีบไปเหรอคะ?” หญิงสาวถามขึ้นเมื่อมองนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาเที่ยงห้าสิบนาทีแล้ว   

    จริงด้วย! ผมลืมไปสนิทเลย มัวแต่คุยกับคุณเพลินไปหน่อยชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาข้อมือด้วยความตกใจ งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งนะครับบอกพลางลุกขึ้นแล้วเดินไปเลื่อนก้าวอี้ให้กีรติก่อนจะหันไปจ่ายค่าอาหารให้กับพนักงานด้วยแบงค์สีเทาสองใบโดยไม่คิดรอเงินทอน

    ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวกีร์เดินไปเรียกแท็กซี่หน้าโรงแรมตรงนี้เองก็ได้หญิงสาวชี้ไปที่หน้าโรงแรมสื่อความหมายว่ามันอยู่ใกล้แค่นิดเดียวและเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปส่งเธอก็ได้ คุณพีระรีบไปเถอะค่ะ เข้าประชุมสายจะดูไม่ดีนะคะ

    เอางั้นก็ได้ครับเขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะกล่าวลา ผมต้องไปก่อน แล้วเจอกันนะครับ

    หญิงสาวยืนยิ้มตามหลังชายหนุ่มที่เพิ่งเดินจากไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารหรูของโรงแรมแห่งนี้ตาม ในใจก็อดเสียดายไม่ได้ที่คนหน้าตาดีและเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขาจะรักผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ต้องขอบคุณความบังเอิญด้วยที่ทำให้เธอกับเขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เพราะมันทำให้หญิงสาวเหมือนได้รู้จักเพื่อนที่คุยกันถูกคอและได้เข้าใจผู้ชายแบบพีระมากขึ้น

    ขณะเดินมาหยุดอยู่หน้าโรงแรม ฝนก็เริ่มตั้งเค้าและเทลงมาอย่างหนักทั้งที่ก่อนหน้านั้นแดดยังแรงอย่างกับทะเลทรายซาฮาร่าอยู่เลย กีรติจึงรีบวิ่งเข้าไปหลบใต้ที่จอดรถชั่วคราวหน้าโรงแรม และด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอที่เปียกน้ำฝนมาเมื่อวานนี้ทำให้ส้นของมันหักลงอย่างง่ายดาย

    โอ๊ย!หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อข้อเท้าของเธอพลิกอย่างกะทันหันก่อนจะมองไปที่รองเท้าคู่สาวยอย่างเวทนา โถ่ลูกแม่ พังซะแล้วเหรอเนี่ย

    คนก้มลงถอดมันอย่างเสียไม่ได้ ตอนนี้ข้อเท้าของเธอเริ่มบวมและมีรอยแดงจางๆ จากการอักเสบแล้ว อีกไม่นานมันคงกลายเป็นสีม่วงคล้ำจนดูน่ากลัว

    กีรติยืนรอรถแท็กซี่อยู่บริเวณที่จอดรถชั่วคราวหน้าโรงแรมท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย โดยมือข้างหนึ่งของเธอหิ้วรองเท้าคู่โปรดที่เพิ่งพังจากการวิ่งหลบฝนเมื่อครู่จนไม่สามารถใส่มันได้อีกต่อไป กว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วที่หญิงสาวยืนรอรถตรงนี้ด้วยเท้าเปล่า ทั้งปวดข้อเท้า ทั้งอายผู้คนที่เดินเข้าออกโรงแรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจกันทั้งนั้น ครั้นจะเดินไปเรียกแท็กซี่ตรงทางเข้าโรงแรมฝนก็ตกหนัก แถมข้อเท้าเธอยังมาเจ็บอีก ตอนนี้จึงทำได้แค่ภาวนาขอให้มีคนที่เธอรู้จักผ่านมาแถวนี้สักคน จะได้ขอติดรถออกไปด้วยหรือไม่ก็ขอให้ฝนหยุดตกไปก่อนสักประเดี๋ยว แต่ดูท่าแล้วฝนเจ้ากรรมคงไม่ยอมหยุดเอาง่ายๆ เสียด้วย

    ขณะที่หญิงสาวกำลังเหม่อลอยมองไปยังสายฝนเบื้องหน้า แสงไฟจากรถยนต์คนนึงก็สาดเข้ามา ก่อนที่ยานพาหนะสมรรถนะสูงจะแล่นมาจอดนิ่งสนิทพร้อมกับกระจกด้านหลังคนขับที่เลื่อนลงอย่างช้าๆ ปรากฏให้เห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ภายใน




    Talk : ใครคืออัศวินขี่รถหรูคันนี้ ไรท์มีช้อยส์ให้เลือก
    1. คุณพีระคนละมุนละไม 
    2. เสี่ยธีรพงศ์คนมีเมตตาต่อสตรีเพศเป็นที่หนึ่ง
    ส่งคำตอบกันมาเลยค่ะ
    อย่าลืมกดหัวใจเลิฟๆ ให้กันด้วยน้า...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×