คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER I : Again...อีกครั้ง (Upload 30 %)
“กลับมาแล้วค่า...”
‘กีรติ’ หรือ ‘กีร์’ หญิงสาวร่างสูงชะลูดดูกระฉับกระเฉงส่งเสียงแจ้วเป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าตัวกลับถึงบ้านแล้วพลางก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงที่ชุ่มไปด้วยน้ำอย่างทุลักทุเล
ด้วยความที่เป็นคนแขนขายาวดูเก้งก้างแต่ถ้ามองอีกมุมนึงหญิงสาวก็เป็นคนหุ่นดีมากทีเดียว บวกกับความสูงถึง 172 เซนติเมตรทำให้เธอสามารถเป็นนางแบบได้สบายๆ
ถึงหน้าตาจะไม่ได้สวยเฉียวอย่างนางแบบวิคตอเรีย ซีเคร็ท
แต่เธอก็ดูสวยในแบบฉบับสาวหมวยอินเตอร์ที่มีรอยยิ้มพิมพ์ใจจนใครๆ
ก็ต้องหลงรักอย่างแน่นอน
“กลับมาแล้วเหรอลูก ดูซิ ตัวเปียกมาเชียว
แม่บอกแล้วว่าให้เอารถไปใช้ก็ไม่เชื่อ”
‘วิไล’หรือ ‘ดร.วิไล ศักดิ์ไพบูรณ์’ ผู้เป็นมารดาเดินเข้ามาพร้อมกับผ้าขนหนูในมือก่อนจะเข็ดผมให้ลูกสาวด้วยความเอ็นดู
“ก็รถมันติดนี่คะแม่
กีร์ว่านั่งรถเมล์สะดวกกว่าตั้งเยอะ” เธอกล่าวก่อนจะฉวยผ้าขนหนูไปเช็ดผมด้วยตัวเองพลางเดินเข้ามาในบ้าน
“แล้วพ่อล่ะคะ?”
“พ่อเขากำลังเช็ดตัวให้ไทเกอร์อยู่ในครัวแน่ะ
แอบไปเล่นน้ำฝนซะตัวเปียกโชกเลย”
คนเป็นแม่กำลังกล่าวถึง‘ไทเกอร์’ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่กีรติเลี้ยงไว้ตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ
จนตอนนี้ตัวมันโตและสูงเกือบเท่าต้นขาของเธอเสียแล้ว เจ้าสุนัขตัวนี้มักชอบแอบไปเล่นน้ำฝนจนเธอปวดหัวที่ต้องมานั่งเช็ดขนให้ประจำแต่ถ้าวันไหนที่มีฟ้าร้องหรือฟ้าผ่ามันจะเอาแต่มุดอยู่ใต้โต๊ะกินข้าวไม่ยอมออกมาจนกว่าฝนจะหยุด
“นึกแล้วเชียวว่าต้องออกไปเล่นน้ำจนได้ งั้นกีร์ขอไปดูมันหน่อยนะคะ”
เธอถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่คลุมตัววางไว้บนเก้าอี้ไม้ในห้องรับแขกก่อนจะเดินเข้าไปในครัวและพบว่าเจ้าตัวแสบกำลังถูกพ่อของเธอจับนอนหงายแล้วเช็ดขนให้อย่างเมามันซึ่งดูเหมือนว่ามันก็ชอบให้คนเกาพุงให้อยู่ไม่น้อย
“สวัสดีค่ะพ่อ ว่าไงเจ้าตัวแสบ ขนยุ่งเชียวนะ” กีรติยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อก่อนจะยื่นมือไปยีหัวเจ้าสุนัขตัวโปรดอย่างมันเขี้ยว
“ทำไมไม่โทร. ให้พ่อไปรับล่ะลูก
ฝนตกหนักขนาดนี้มันอันตรายนะ พ่อให้รถไปใช้ก็ไม่เอา พ่อเองก็ไม่ได้ใช้มันแล้ว
จอดทิ้งไว้ก็เสียเปล่าๆ”
‘เกียรติ’ หรือ ‘ดร.เกียรติ ศักดิ์ไพบูรณ์’ อดีตอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับภรรยาบ่นลูกสาวเป็นครั้งที่ร้อยแล้วเรื่องให้เอารถเก่าของตนไปใช้แต่ก็ได้รับคำตอนเช่นเดิมกลับมาเสมอ
หลังจากส่งลูกสาวทั้งสองคนเรียนจบและเป็นฝั่งเป็นฝาไปหนึ่งคน
เขาและภรรยาก็ลาออกจากการเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งตามคำขอของลูกสาวเพราะอยากให้พ่อกับแม่พักและใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ด้วยกัน
รถโฟล์กสีครีมรุ่นเก่าที่ใช้ขับไปทำงานประจำจึงถูกจอดทิ้งไว้ในโรงรถอย่างเงียบเหงา
ครั้นจะซื้อรถคันใหม่ให้ลูกสาวคนเล็กสักคันก็บอกว่ายังไม่อยากได้
คนเป็นพ่อก็ได้แต่บ่นอย่างเหนื่อยใจกับความรั้นของลูกสาวมาตลอด
“พูดเหมือนแม่เปี๊ยบเลยนะคะ แต่กีร์ก็ยังยืนยันคำเดิมว่ารถเมล์และเอ็มอาร์ทีสะดวกกว่าอยู่ดี
ใช่ไหมไทเกอร์?” เธอหันไปพูดกับสุนัขตัวโปรดอย่างอารมณ์ดี
“กีร์ นี่เสื้อใครน่ะลูก” วิไลเดินตามเข้ามาในครัวพลางชูเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวตัวโคร่งที่ดูยังไงก็ไม่น่าใช่ของลูกสาวในมือขึ้นมา
“อ๋อ มีคนให้ยืมน่ะค่ะ
เค้าเห็นกีร์ตัวเปียกก็เลยให้มาคลุมไว้”
พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ทำให้กีรติอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายใบหน้าคมสันคมสันติดไปทางเชื้อสายจีนนิดๆ
ที่ให้เสื้อเธอมาวันนี้จะเป็นเกย์ ไม่น่าล่ะถึงดูสนิทสนมกับหนุ่มตี๋ดูสะอาดสะอ้านอีกคนจนผิดปกติ
แถมยังกระซิบกระซาบกันใกล้ชิดเกินเพื่อนไปอีก ทำไมตอนแรกถึงไม่นึกเอะใจบ้างเลยนะ
“แหม...ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ
หนุ่มที่ไหนให้มาล่ะเนี่ย” ผู้เป็นแม่แซว
ทำเอากีรติหลุดขำออกมาครืนใหญ่
“หนุ่มที่ไหนกันล่ะคะแม่ สาวล่ะสิไม่ว่า
ทีแรกกีร์ก็นึกว่าจะมาลวนลาม ที่ไหนได้เป็นคู่เกย์ซะงั้น
เขาเห็นกีร์จะข้ามถนนก็เลยอาสาจะพาข้าม
แต่พอกีร์บอกว่าไม่ข้ามแล้วจะเดินหนีไปทางอื่นผู้ชายอีกคนก็บอกให้เขาถอดเสื้อให้กีร์มาคลุมนี่ล่ะค่ะ
ดีนะคะที่ไม่ได้โวยวาย ไม่งั้นอายเขาแย่เลย” พูดอีกก็นึกขำตัวเองไม่หาย
ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเธอโวยวายไปตอนนั้นจะหน้าแตกยับเยินแค่ไหน
“ถึงว่าสิ ลูกสาวแม่ถึงได้โสดมาจนถึงทุกวันนี้
เพราะพวกผู้ชายหันไปอนุรักษ์พันธุ์ไม้เดียวกันนี่เองนี่เอง
นี่ก็ปาเข้าไปสามสิบแล้วยังตามพี่สาวเราไม่ทันเลย” ผู้เป็นแม่แซ็ว
“แต่ไม่เกี่ยวกับพ่อนะแม่ พ่อยังชอบสาวๆ อยู่
โดยเฉพาะสาวสวยอย่างแม่เนี่ย ถูกใจพ่อนัก” ผู้เป็นพ่อแอบหยิกแก้มภรรยาอย่างหยอกล้อจนคนเป็นลูกที่เห็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโตยังอดเขินแทนไม่ได้
“โอ๊ย เห็นใจคนโสดกันบ้างไหมคะ”
เธอแกล้งโวย
“พ่อว่าอยู่แบบนี้ก็ดีนะลูก การงานเราก็มั่นคง
หาเลี้ยงตัวเองก็ได้ ไม่เห็นต้องพึ่งผู้ชายตัวใหญ่ๆ เลยจริงไหม?” คนเป็นพ่อแนะ
ไม่แปลกหรอกที่เกียรติจะบอกแบบนั้นเพราะเขาขึ้นชื่อว่าเป็นคุณพ่อที่หวงลูกสาวมาแต่ไหนแต่ไร
กว่าคนพี่จะออกเรือนได้ก็เล่นเอาเกือบได้ตัดพ่อตัดลูกกันไปข้าง
“จริงค่ะพ่อ กีร์ไม่เห็นต้องง้อผู้ชายเลย ในเมื่อกีร์มีครอบครัวที่น่ารักแบบนี้”
กีรติเดินเข้าไปแทรกกลางพลางก้มลงหอมแก้มผู้เป็นพ่อและแม่ฟอดใหญ่
“มันจะลำบากเอาตอนแก่สิไม่ว่า พอไม่มีพ่อแม่แล้ว
ไปใครจะดูแลลูกหึ๊?” วิไลทำสีหน้าจริงจัง
เธอพยายามเกลี่ยกล่อมลูกสาวคนเล็กหลายต่อหลายหนว่าให้คิดเรื่องการมีครอบครัวได้แล้ว
แต่กีรติก็ยังยืนยันคำเดิมว่ายังไงชาตินี้ก็จะไม่ยอมแต่งงานออกเรือนไปไหนจะอยู่เกาะพ่อกับแม่ไปจนตลอดชีวิต
ใครๆ ก็ว่าเธอกลัวการมีครอบครัวหรือมีความรัก
แต่ใครจะรู้ว่าเหตุผลที่เธอไม่ยอมลงจากคานนั้นคืออะไรนอกจากตัวเธอเอง
“ไม่เอาสิคะแม่ เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะคะ
ไม่ดีหรือไงคะที่กีร์อยู่กับพ่อแม่แบบนี้ เอาเป็นว่ากีร์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเนอะ
รักพ่อแม่นะคะ”เธอยื่นมือไปหยิบเสื้อจากมือผู้เป็นแม่ก่อนจะก้มลงหอมแก้มทั้งคู่อีกครั้งแล้วรีบวิ่งขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ที่ไรกีรติจะเป็นแบบนี้เสมอ
เธอไม่เคยยอมรับและไม่อยากจะยอมรับว่าบางทีก็กลัวกับการที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวในภายภาคหน้า
แต่ตอนนี้มันเลยจุดที่จะมองหาคู่ชีวิตไปแล้ว ถ้าต้องให้เลือก เธอขอเลือกที่จะอยู่คนเดียวจะดีกว่า
เช้าวันรุ่งขึ้น
ขายาวก้าวเท้าลงจากบันไดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูเบอร์ลูกค้าที่จะต้องไปพบเพื่อพรีเซนต์งานในเช้าวันนี้
หญิงสาวพยายามติดต่อลูกค้าอยู่หลายครั้งเพื่อคอนเฟิร์มสถานที่ที่เลขาทางนั้นแจ้งมาแต่ก็ไม่มีใครรับสายเสียที
“วันหยุดยังต้องไปทำงานอีกเหรอลูก?” วิไลที่นั่งถักนิตติ้งอยู่ตรงโซฟาร้องถามเมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของลูกสาวในเช้าวันอาทิตย์ที่ควรจะเป็นวันหยุดแบบนี้
“ก็กีร์เป็นหัวหน้างานนี่คะ
ถ้าไม่ไปเดี๋ยวจะดูไม่น่าเชื่อถือเอา” หญิงสาวเดินลงบันไดขั้นสุดท้ายพลางกดต่อสายไปยังลูกค้าคนเดิมอีกครั้ง
“สวัสดีครับ”
น้ำเสียงทุ้มตอบรับกลับมาจากปลายสาย
หญิงสาวนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจเพราะนี่เป็นสายที่ห้าแล้วที่เธอติดต่อไปแต่คนปลายสายเพิ่งจะมารับเอาป่านนี้
“สวัสดีค่ะ ดิฉันกีรติเป็นครีเอทีฟจากบริษัทฟ็อกซ์ซี่ครีเอทโปรดักชั่นนะคะ
คือว่ากีร์จะโทร. มาคอนเฟิร์มเรื่องสถานที่ที่จะพรีเซนต์งานวันนี้น่ะค่ะ ตกลงเป็นโรงแรมการ์เดนแกรนด์ใช่ไหมคะ?”
“ครับ” เขาตอบเพียงสั้นๆ
ไม่มีแม้คำอธิบายว่าทำไมถึงให้เธอต่อสายอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีคนรับสาย
ซึ่งโดยปกติแล้วก็ควรเป็นเช่นนั้น
“อ๋อค่ะ ขอโทษที่โทรมารบกวนเวลานะคะ” เธอบอกตามมารยาท ถึงเธอจะมีอคติอยู่บ้างแต่ยังไงเขาก็เป็นลูกค้า
“ครับ”
คราวนี้เธอถึงกับกลอกตาขึ้นบน เหอะ! ‘ครับ’...พูดได้คำเดียวหรือยังไง
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลูก”
เมื่อเห็นลูกสาวทำสีหน้าบอกบุญไม่รับวิไลจึงได้ถาม
“เปล่าหรอกค่ะ กีร์ไปทำงานก่อนนะคะ”
เธอบอกปัด
ด้วยความที่มีแม่เป็นอาจารย์ถ้ารู้ว่าเธอทำกิริยาแบบนี้ลับหลังลูกค้าคงโดนบ่นยาวเหยียด
“ไม่ทานข้าวเช้าก่อนเหรอลูก” ผู้เป็นแม่ร้องถามไล่หลัง
“วันนี้กีร์รีบน่ะค่ะแม่” หญิงสาวเอ่ยพลางก้มลงสวมรองเท้าส้นสูงคู่ใจที่ตากพัดลมจนแห้งสนิทแล้วและออกไปอย่างรีบร้อน
ความจริงเธอมีเวลาให้เลทอีกตั้งยี่สิบนาทีแต่ยังไงก็ต้องไปให้ตรงเวลาเพราะมันแสดงถึงความรับผิดชอบและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง
Talk : อ๊ะๆ ใครกันนะที่เป็นลูกค้าของเจ้เขา จะเป็นคนที่เราเดาไว้หรือเปล่า ?
ตามกันต่อพรุ่งนี้นะคะ อาจจะมาดึกหน่อย แบบ...ดึกมากกกกก เด้อ นอนก่อนได้เลย
ความคิดเห็น